Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมานวตฺถุ-อฎฺฐกถา • Vimānavatthu-aṭṭhakathā

    ๒. อุจฺฉุทายิกาวิมานวณฺณนา

    2. Ucchudāyikāvimānavaṇṇanā

    โอภาสยิตฺวา ปถวิํ สเทวกนฺติ อุจฺฉุทายิกาวิมานํฯ ตสฺส กา อุปฺปตฺติ? ภควา ราชคเห วิหรตีติอาทิ สพฺพํ อนนฺตรวิมาเน วุตฺตสทิสํฯ อยํ ปน วิเสโส – อิธ อุจฺฉุ ทินฺนา, สสฺสุยา จ ปีฐเกน ปหฎา, ตงฺขณเญฺญว มตา ตาวติํเสสุ อุปฺปนฺนา, ตสฺสํเยว รตฺติยํ เถรสฺส อุปฎฺฐานํ อาคตา, เกวลกปฺปํ คิชฺฌกูฎํ จโนฺท วิย สูริโย วิย จ โอภาเสนฺตี เถรํ วนฺทิตฺวา ปญฺชลิกา นมสฺสมานา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ อถ นํ เถโร –

    Obhāsayitvāpathaviṃ sadevakanti ucchudāyikāvimānaṃ. Tassa kā uppatti? Bhagavā rājagahe viharatītiādi sabbaṃ anantaravimāne vuttasadisaṃ. Ayaṃ pana viseso – idha ucchu dinnā, sassuyā ca pīṭhakena pahaṭā, taṅkhaṇaññeva matā tāvatiṃsesu uppannā, tassaṃyeva rattiyaṃ therassa upaṭṭhānaṃ āgatā, kevalakappaṃ gijjhakūṭaṃ cando viya sūriyo viya ca obhāsentī theraṃ vanditvā pañjalikā namassamānā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Atha naṃ thero –

    ๒๙๖.

    296.

    ‘‘โอภาสยิตฺวา ปถวิํ สเทวกํ, อติโรจสิ จนฺทิมสูริยา วิย;

    ‘‘Obhāsayitvā pathaviṃ sadevakaṃ, atirocasi candimasūriyā viya;

    สิริยา จ วเณฺณน ยเสน เตชสา, พฺรหฺมาว เทเว ติทเส สหินฺทเกฯ

    Siriyā ca vaṇṇena yasena tejasā, brahmāva deve tidase sahindake.

    ๒๙๗.

    297.

    ‘‘ปุจฺฉามิ ตํ อุปฺปลมาลธารินี, อาเวฬินี กญฺจนสนฺนิภตฺตเจ;

    ‘‘Pucchāmi taṃ uppalamāladhārinī, āveḷinī kañcanasannibhattace;

    อลงฺกเต อุตฺตมวตฺถธารินี, กา ตฺวํ สุเภ เทวเต วนฺทเส มมํฯ

    Alaṅkate uttamavatthadhārinī, kā tvaṃ subhe devate vandase mamaṃ.

    ๒๙๘.

    298.

    ‘‘กิํ ตฺวํ ปุเร กมฺมมกาสิ อตฺตนา, มนุสฺสภูตา ปุริมาย ชาติยา;

    ‘‘Kiṃ tvaṃ pure kammamakāsi attanā, manussabhūtā purimāya jātiyā;

    ทานํ สุจิณฺณํ อถ สีลสํยมํ, เกนูปปนฺนา สุคติํ ยสสฺสินี;

    Dānaṃ suciṇṇaṃ atha sīlasaṃyamaṃ, kenūpapannā sugatiṃ yasassinī;

    เทวเต ปุจฺฉิตาจิกฺข, กิสฺส กมฺมสฺสิทํ ผล’’นฺติฯ –

    Devate pucchitācikkha, kissa kammassidaṃ phala’’nti. –

    อิมาหิ คาถาหิ ปุจฺฉิฯ

    Imāhi gāthāhi pucchi.

    ๒๙๖-๗. ตตฺถ โอภาสยิตฺวา ปถวิํ สเทวกนฺติ จนฺทิมสูริยรสฺมิสมฺมิเสฺสหิ สิเนรุปสฺสวินิคฺคเตหิ ปภาวิสเรหิ วิโชฺชตยมานตาย เทเวน อากาเสน สหาติ สเทวกํ อุปคตภูมิภาคภูตํ อิมํ ปถวิํ วิโชฺชเตตฺวา, เอโกภาสํ เอกปโชฺชตํ กตฺวาติ อโตฺถฯ โอภาสยิตฺวา ปถวิํ จนฺทิมสูริยา วิยาติ โยชนาฯ อติโรจสีติ อติกฺกมิตฺวา โรจสิฯ ตํ ปน อติโรจนํ เกน กิํ วิย เกน วาติ อาห ‘‘สิริยา’’ติอาทิฯ ตตฺถ สิริยาติ โสภคฺคาทิโสภาวิเสเสนฯ เตชสาติ อตฺตโน อานุภาเวนฯ อาเวฬินีติ รตนมยปุปฺผาเวฬวตีฯ

    296-7. Tattha obhāsayitvā pathaviṃ sadevakanti candimasūriyarasmisammissehi sinerupassaviniggatehi pabhāvisarehi vijjotayamānatāya devena ākāsena sahāti sadevakaṃ upagatabhūmibhāgabhūtaṃ imaṃ pathaviṃ vijjotetvā, ekobhāsaṃ ekapajjotaṃ katvāti attho. Obhāsayitvā pathaviṃ candimasūriyā viyāti yojanā. Atirocasīti atikkamitvā rocasi. Taṃ pana atirocanaṃ kena kiṃ viya kena vāti āha ‘‘siriyā’’tiādi. Tattha siriyāti sobhaggādisobhāvisesena. Tejasāti attano ānubhāvena. Āveḷinīti ratanamayapupphāveḷavatī.

    เอวํ เถเรน ปุจฺฉิตา เทวตา อิมาหิ คาถาหิ วิสฺสเชฺชสิ –

    Evaṃ therena pucchitā devatā imāhi gāthāhi vissajjesi –

    ๒๙๙.

    299.

    ‘‘อิทานิ ภเนฺต อิมเมว คามํ, ปิณฺฑาย อมฺหากํ ฆรํ อุปาคมิ;

    ‘‘Idāni bhante imameva gāmaṃ, piṇḍāya amhākaṃ gharaṃ upāgami;

    ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสิ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยาฯ

    Tato te ucchussa adāsi khaṇḍikaṃ, pasannacittā atulāya pītiyā.

    ๓๐๐.

    300.

    ‘‘สสฺสุ จ ปจฺฉา อนุยุญฺชเต มมํ, กหํ นุ อุจฺฉุํ วธุเก อวากิริ;

    ‘‘Sassu ca pacchā anuyuñjate mamaṃ, kahaṃ nu ucchuṃ vadhuke avākiri;

    น ฉฑฺฑิตํ โน ปน ขาทิตํ มยา, สนฺตสฺส ภิกฺขุสฺส สยํ อทาสหํฯ

    Na chaḍḍitaṃ no pana khāditaṃ mayā, santassa bhikkhussa sayaṃ adāsahaṃ.

    ๓๐๑.

    301.

    ‘‘ตุยฺหํ นฺวิทํ อิสฺสริยํ อโถ มม, อิติสฺสา สสฺสุ ปริภาสเต มมํ;

    ‘‘Tuyhaṃ nvidaṃ issariyaṃ atho mama, itissā sassu paribhāsate mamaṃ;

    ปีฐํ คเหตฺวา ปหารํ อทาสิ เม, ตโต จุตา กาลกตามฺหิ เทวตาฯ

    Pīṭhaṃ gahetvā pahāraṃ adāsi me, tato cutā kālakatāmhi devatā.

    ๓๐๒.

    302.

    ‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขญฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

    ‘‘Tadeva kammaṃ kusalaṃ kataṃ mayā, sukhañca kammaṃ anubhomi attanā;

    เทเวหิ สทฺธิํ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปญฺจหิฯ

    Devehi saddhiṃ paricārayāmahaṃ, modāmahaṃ kāmaguṇehi pañcahi.

    ๓๐๓.

    303.

    ‘‘ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยา, สุขญฺจ กมฺมํ อนุโภมิ อตฺตนา;

    ‘‘Tadeva kammaṃ kusalaṃ kataṃ mayā, sukhañca kammaṃ anubhomi attanā;

    เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สมปฺปิตา กามคุเณหิ ปญฺจหิฯ

    Devindaguttā tidasehi rakkhitā, samappitā kāmaguṇehi pañcahi.

    ๓๐๔.

    304.

    ‘‘เอตาทิสํ ปุญฺญผลํ อนปฺปกํ, มหาวิปากา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

    ‘‘Etādisaṃ puññaphalaṃ anappakaṃ, mahāvipākā mama ucchudakkhiṇā;

    เทเวหิ สทฺธิํ ปริจารยามหํ, โมทามหํ กามคุเณหิ ปญฺจหิฯ

    Devehi saddhiṃ paricārayāmahaṃ, modāmahaṃ kāmaguṇehi pañcahi.

    ๓๐๕.

    305.

    ‘‘เอตาทิสํ ปุญฺญผลํ อนปฺปกํ, มหาชุติกา มม อุจฺฉุทกฺขิณา;

    ‘‘Etādisaṃ puññaphalaṃ anappakaṃ, mahājutikā mama ucchudakkhiṇā;

    เทวินฺทคุตฺตา ติทเสหิ รกฺขิตา, สหสฺสเนโตฺตริว นนฺทเน วเนฯ

    Devindaguttā tidasehi rakkhitā, sahassanettoriva nandane vane.

    ๓๐๖.

    306.

    ‘‘ตุวญฺจ ภเนฺต อนุกมฺปกํ วิทุํ, อุเปจฺจ วนฺทิํ กุสลญฺจ ปุจฺฉิสํ;

    ‘‘Tuvañca bhante anukampakaṃ viduṃ, upecca vandiṃ kusalañca pucchisaṃ;

    ตโต เต อุจฺฉุสฺส อทาสิ ขณฺฑิกํ, ปสนฺนจิตฺตา อตุลาย ปีติยา’’ติฯ

    Tato te ucchussa adāsi khaṇḍikaṃ, pasannacittā atulāya pītiyā’’ti.

    ๒๙๙. ตตฺถ อิทานีติ อนนฺตราตีตทิวสตฺตา อาห, อธุนาติ อโตฺถฯ อิมเมว คามนฺติ อิมสฺมิํเยว คาเม, ราชคหํ สนฺธาย วทติฯ วุตฺตญฺหิ ‘‘คาโมปิ นิคโมปิ นครมฺปิ ‘คาโม’ อิเจฺจว วุจฺจตี’’ติฯ ภุมฺมเตฺถ เจตํ อุปโยควจนํฯ อุปาคมีติ อุปคโต อโหสิฯ อตุลายาติ อนุปมาย, อปฺปมาณาย วาฯ

    299. Tattha idānīti anantarātītadivasattā āha, adhunāti attho. Imameva gāmanti imasmiṃyeva gāme, rājagahaṃ sandhāya vadati. Vuttañhi ‘‘gāmopi nigamopi nagarampi ‘gāmo’ icceva vuccatī’’ti. Bhummatthe cetaṃ upayogavacanaṃ. Upāgamīti upagato ahosi. Atulāyāti anupamāya, appamāṇāya vā.

    ๓๐๐. อวากิรีติ อปเนสิ ฉเฑฺฑสิ, วินาเสสิ วาฯ สนฺตสฺสาติ สาธุรูปสฺส สนฺตกิเลสสฺส ปริสฺสมมปฺปตฺตสฺส วาฯ

    300.Avākirīti apanesi chaḍḍesi, vināsesi vā. Santassāti sādhurūpassa santakilesassa parissamamappattassa vā.

    ๓๐๑. ตุยฺหํ นูติ นุ-สโทฺท อนตฺตมนตาสูจเน นิปาโต, โส ‘‘มมา’’ติ เอตฺถาปิ อาเนตฺวา โยเชตโพฺพ ‘‘มม นู’’ติฯ อิทํ อิสฺสริยนฺติ เคเห อาธิปจฺจํ สนฺธายาหฯ ตโต จุตาติ ตโต มนุสฺสโลกโต จุตาฯ ยสฺมา ฐิตฎฺฐานโต อปคตาปิ ‘‘จุตา’’ติ วุจฺจติ, ตสฺมา จุติํ วิเสเสตุํ ‘‘กาลกตา’’ติ วุตฺตํฯ กาลกตาปิ จ น ยตฺถ กตฺถจิ นิพฺพตฺตา, อปิจ โข เทวตฺตํ อุปคตาติ ทเสฺสนฺตี อาห ‘‘อมฺหิ เทวตา’’ติฯ

    301.Tuyhaṃ nūti nu-saddo anattamanatāsūcane nipāto, so ‘‘mamā’’ti etthāpi ānetvā yojetabbo ‘‘mama nū’’ti. Idaṃ issariyanti gehe ādhipaccaṃ sandhāyāha. Tato cutāti tato manussalokato cutā. Yasmā ṭhitaṭṭhānato apagatāpi ‘‘cutā’’ti vuccati, tasmā cutiṃ visesetuṃ ‘‘kālakatā’’ti vuttaṃ. Kālakatāpi ca na yattha katthaci nibbattā, apica kho devattaṃ upagatāti dassentī āha ‘‘amhi devatā’’ti.

    ๓๐๒. ตเทว กมฺมํ กุสลํ กตํ มยาติ ตเทว อุจฺฉุขณฺฑทานมตฺตํ กุสลํ กมฺมํ กตํ มยา, อญฺญํ น ชานามีติ อโตฺถฯ สุขญฺจ กมฺมนฺติ สุขญฺจ กมฺมผลํฯ กมฺมผลญฺหิ อิธ ‘‘กมฺม’’นฺติ วุตฺตํ อุตฺตรปทโลเปน, การโณปจาเรน วา ‘‘กุสลานํ, ภิกฺขเว, ธมฺมานํ สมาทานเหตุ เอวมิทํ ปุญฺญํ ปวฑฺฒติ (ที. นิ. ๓.๘๐)ฯ อนุโภมิ สกํ ปุญฺญ’’นฺติ (วิ. ว. ๑๓๓) จ อาทีสุ วิยฯ กมฺมนฺติ วา กรณเตฺถ อุปโยควจนํ, กเมฺมนาติ อโตฺถฯ กเมฺม วา ภวํ กมฺมํ ยถา กมฺมนฺติฯ อถ วา กาเมตพฺพตาย กมฺมํฯ ตญฺหิ สุขรชนียภาวโต กามูปสํหิตํ กาเมตพฺพนฺติ กมนียํฯ อตฺตนาติ อตฺตนา เอว, สยํวสิตาย เสริภาเวน สยเมวาติ อโตฺถฯ ปริจารยามหํ อตฺตานนฺติ ปุริมคาถาย ‘‘อตฺตนา’’ติ วุตฺตํ ปทํ วิภตฺติวิปริณาเมน ‘‘อตฺตาน’’นฺติ โยเชตพฺพํฯ

    302.Tadevakammaṃ kusalaṃ kataṃ mayāti tadeva ucchukhaṇḍadānamattaṃ kusalaṃ kammaṃ kataṃ mayā, aññaṃ na jānāmīti attho. Sukhañca kammanti sukhañca kammaphalaṃ. Kammaphalañhi idha ‘‘kamma’’nti vuttaṃ uttarapadalopena, kāraṇopacārena vā ‘‘kusalānaṃ, bhikkhave, dhammānaṃ samādānahetu evamidaṃ puññaṃ pavaḍḍhati (dī. ni. 3.80). Anubhomi sakaṃ puñña’’nti (vi. va. 133) ca ādīsu viya. Kammanti vā karaṇatthe upayogavacanaṃ, kammenāti attho. Kamme vā bhavaṃ kammaṃ yathā kammanti. Atha vā kāmetabbatāya kammaṃ. Tañhi sukharajanīyabhāvato kāmūpasaṃhitaṃ kāmetabbanti kamanīyaṃ. Attanāti attanā eva, sayaṃvasitāya seribhāvena sayamevāti attho. Paricārayāmahaṃ attānanti purimagāthāya ‘‘attanā’’ti vuttaṃ padaṃ vibhattivipariṇāmena ‘‘attāna’’nti yojetabbaṃ.

    ๓๐๓-๕. เทวินฺทคุตฺตาติ เทวิเนฺทน สเกฺกน คุตฺตา, เทวิโนฺท วิย วา คุตฺตา มหาปริวารตายฯ สมปฺปิตาติ สุฎฺฐุ อปฺปิตา สมนฺนาคตาฯ มหาวิปากาติ วิปุลผลาฯ มหาชุติกาติ มหาเตชา, มหานุภาวาติ อโตฺถฯ

    303-5.Devindaguttāti devindena sakkena guttā, devindo viya vā guttā mahāparivāratāya. Samappitāti suṭṭhu appitā samannāgatā. Mahāvipākāti vipulaphalā. Mahājutikāti mahātejā, mahānubhāvāti attho.

    ๓๐๖. ตุวนฺติ ตํฯ อนุกมฺปกนฺติ การุณิกํฯ วิทุนฺติ สปฺปญฺญํ, สาวกปารมิยา มตฺถกํ ปตฺตนฺติ อโตฺถฯ อุเปจฺจาติ อุปคนฺตฺวาฯ วนฺทินฺติ ปญฺจปติฎฺฐิเตน อภิวาทยิํฯ กุสลญฺจ อาโรคฺย ปุจฺฉิสํ อปุจฺฉิํ, อตุลาย ปีติยา อิทญฺจ กุสลํ อนุสฺสรามีติ อธิปฺปาโยฯ เสสํ เหฎฺฐา วุตฺตนยเมวฯ

    306.Tuvanti taṃ. Anukampakanti kāruṇikaṃ. Vidunti sappaññaṃ, sāvakapāramiyā matthakaṃ pattanti attho. Upeccāti upagantvā. Vandinti pañcapatiṭṭhitena abhivādayiṃ. Kusalañca ārogya pucchisaṃ apucchiṃ, atulāya pītiyā idañca kusalaṃ anussarāmīti adhippāyo. Sesaṃ heṭṭhā vuttanayameva.

    อุจฺฉุทายิกาวิมานวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Ucchudāyikāvimānavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / วิมานวตฺถุปาฬิ • Vimānavatthupāḷi / ๒. อุจฺฉุทายิกาวิมานวตฺถุ • 2. Ucchudāyikāvimānavatthu


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact