Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มิลินฺทปญฺหปาฬิ • Milindapañhapāḷi

    ๙. อุทกสตฺตชีวปโญฺห

    9. Udakasattajīvapañho

    . ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิมํ อุทกํ อคฺคิมฺหิ ตปฺปมานํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธํ, กิํ นุ โข, ภเนฺต นาคเสน, อุทกํ ชีวติ, กิํ กีฬมานํ สทฺทายติ, อุทาหุ อเญฺญน ปฎิปีฬิตํ สทฺทายตี’’ติ? ‘‘น หิ, มหาราช, อุทกํ ชีวติ, นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อปิ จ, มหาราช, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธ’’นฺติฯ

    9. ‘‘Bhante nāgasena, imaṃ udakaṃ aggimhi tappamānaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidhaṃ, kiṃ nu kho, bhante nāgasena, udakaṃ jīvati, kiṃ kīḷamānaṃ saddāyati, udāhu aññena paṭipīḷitaṃ saddāyatī’’ti? ‘‘Na hi, mahārāja, udakaṃ jīvati, natthi udake jīvo vā satto vā, api ca, mahārāja, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidha’’nti.

    ‘‘ภเนฺต นาคเสน, อิเธกเจฺจ ติตฺถิยา อุทกํ ชีวตีติ สีโตทกํ ปฎิกฺขิปิตฺวา อุทกํ ตาเปตฺวา เวกติกเวกติกํ ปริภุญฺชนฺติ, เต ตุเมฺห ครหนฺติ ปริภวนฺติ ‘เอกินฺทฺริยํ สมณา สกฺยปุตฺติยา ชีวํ วิเหเฐนฺตี’ติ, ตํ เตสํ ครหํ ปริภวํ วิโนเทหิ อปเนหิ นิจฺฉาเรหี’’ติฯ ‘‘น หิ, มหาราช, อุทกํ ชีวติ, นตฺถิ, มหาราช, อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อปิ จ, มหาราช, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธํฯ

    ‘‘Bhante nāgasena, idhekacce titthiyā udakaṃ jīvatīti sītodakaṃ paṭikkhipitvā udakaṃ tāpetvā vekatikavekatikaṃ paribhuñjanti, te tumhe garahanti paribhavanti ‘ekindriyaṃ samaṇā sakyaputtiyā jīvaṃ viheṭhentī’ti, taṃ tesaṃ garahaṃ paribhavaṃ vinodehi apanehi nicchārehī’’ti. ‘‘Na hi, mahārāja, udakaṃ jīvati, natthi, mahārāja, udake jīvo vā satto vā, api ca, mahārāja, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidhaṃ.

    ‘‘ยถา, มหาราช, อุทกํ โสพฺภสรสริตทหตฬากกนฺทรปทรอุทปานนินฺนโปกฺขรณิคตํ วาตาตปเวคสฺส มหนฺตตาย ปริยาทิยติ ปริกฺขยํ คจฺฉติ, อปิ นุ ตตฺถ อุทกํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธ’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘ยทิ, มหาราช, อุทกํ ชีเวยฺย, ตตฺถาปิ อุทกํ สทฺทาเยยฺย, อิมินาปิ, มหาราช, การเณน ชานาหิ ‘นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธ’นฺติฯ

    ‘‘Yathā, mahārāja, udakaṃ sobbhasarasaritadahataḷākakandarapadaraudapānaninnapokkharaṇigataṃ vātātapavegassa mahantatāya pariyādiyati parikkhayaṃ gacchati, api nu tattha udakaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidha’’nti? ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Yadi, mahārāja, udakaṃ jīveyya, tatthāpi udakaṃ saddāyeyya, imināpi, mahārāja, kāraṇena jānāhi ‘natthi udake jīvo vā satto vā, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidha’nti.

    ‘‘อปรมฺปิ , มหาราช, อุตฺตริํ การณํ สุโณหิ ‘นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายตี’ติฯ ยทา ปน, มหาราช, อุทกํ ตณฺฑุเลหิ สมฺมิสฺสิตํ ภาชนคตํ โหติ ปิหิตํ อุทฺธเน อฐปิตํ, อปิ นุ ตตฺถ อุทกํ สทฺทายตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, อจลํ โหติ สนฺตสนฺต’’นฺติฯ ‘‘ตํ เยว ปน, มหาราช, อุทกํ ภาชนคตํ อคฺคิํ อุชฺชาเลตฺวา อุทฺธเน ฐปิตํ โหติ, อปิ นุ ตตฺถ อุทกํ อจลํ โหติ สนฺตสนฺต’’นฺติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, จลติ ขุพฺภติ ลุฬติ อาวิลติ อูมิชาตํ โหติ, อุทฺธมโธ ทิสาวิทิสํ คจฺฉติ, อุตฺตรติ ปตรติ เผณมาลี โหตีติฯ กิสฺส ปน ตํ, มหาราช , ปากติกํ อุทกํ น จลติ สนฺตสนฺตํ โหติ, กิสฺส ปน อคฺคิคตํ จลติ ขุพฺภติ ลุฬติ อาวิลติ อูมิชาตํ โหติ, อุทฺธมโธ ทิสาวิทิสํ คจฺฉติ, อุตฺตรติ ปตรติ เผณมาลี โหตี’’ติ? ‘‘ปากติกํ, ภเนฺต, อุทกํ น จลติ, อคฺคิกตํ ปน อุทกํ อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย จิจฺจิฎายติ จิฎิจิฎายติ สทฺทายติ พหุวิธ’’นฺติฯ ‘‘อิมินาปิ มหาราช, การเณน ชานาหิ ‘นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายตี’ติฯ

    ‘‘Aparampi , mahārāja, uttariṃ kāraṇaṃ suṇohi ‘natthi udake jīvo vā satto vā, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyatī’ti. Yadā pana, mahārāja, udakaṃ taṇḍulehi sammissitaṃ bhājanagataṃ hoti pihitaṃ uddhane aṭhapitaṃ, api nu tattha udakaṃ saddāyatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, acalaṃ hoti santasanta’’nti. ‘‘Taṃ yeva pana, mahārāja, udakaṃ bhājanagataṃ aggiṃ ujjāletvā uddhane ṭhapitaṃ hoti, api nu tattha udakaṃ acalaṃ hoti santasanta’’nti? ‘‘Na hi, bhante, calati khubbhati luḷati āvilati ūmijātaṃ hoti, uddhamadho disāvidisaṃ gacchati, uttarati patarati pheṇamālī hotīti. Kissa pana taṃ, mahārāja , pākatikaṃ udakaṃ na calati santasantaṃ hoti, kissa pana aggigataṃ calati khubbhati luḷati āvilati ūmijātaṃ hoti, uddhamadho disāvidisaṃ gacchati, uttarati patarati pheṇamālī hotī’’ti? ‘‘Pākatikaṃ, bhante, udakaṃ na calati, aggikataṃ pana udakaṃ aggisantāpavegassa mahantatāya cicciṭāyati ciṭiciṭāyati saddāyati bahuvidha’’nti. ‘‘Imināpi mahārāja, kāraṇena jānāhi ‘natthi udake jīvo vā satto vā, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyatī’ti.

    ‘‘อปรมฺปิ, มหาราช, อุตฺตรํ การณํ สุโณหิ, นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายติฯ โหติ ตํ, มหาราช, อุทกํ ฆเร ฆเร อุทกวารกคตํ ปิหิต’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘อปิ นุ ตํ, มหาราช, อุทกํ จลติ ขุพฺภติ ลุฬติ อาวิลติ อูมิชาตํ โหติ, อุทฺธมโธ ทิสาวิทิสํ คจฺฉติ, อุตฺตรติ ปตรติ เผณมาลี โหตี’’ติฯ ‘‘น หิ, ภเนฺต, อจลํ ตํ โหติ ปากติกํ อุทกวารกคตํ อุทก’’นฺติฯ

    ‘‘Aparampi, mahārāja, uttaraṃ kāraṇaṃ suṇohi, natthi udake jīvo vā satto vā, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyati. Hoti taṃ, mahārāja, udakaṃ ghare ghare udakavārakagataṃ pihita’’nti? ‘‘Āma, bhante’’ti. ‘‘Api nu taṃ, mahārāja, udakaṃ calati khubbhati luḷati āvilati ūmijātaṃ hoti, uddhamadho disāvidisaṃ gacchati, uttarati patarati pheṇamālī hotī’’ti. ‘‘Na hi, bhante, acalaṃ taṃ hoti pākatikaṃ udakavārakagataṃ udaka’’nti.

    ‘‘สุตปุพฺพํ ปน ตยา, มหาราช, ‘มหาสมุเทฺท อุทกํ จลติ ขุพฺภติ ลุฬติ อาวิลติ อูมิชาตํ โหติ, อุทฺธมโธ ทิสาวิทิสํ คจฺฉติ, อุตฺตรติ ปตรติ เผณมาลี โหติ, อุสฺสกฺกิตฺวา โอสฺสกฺกิตฺวา 1 เวลาย ปหรติ สทฺทายติ พหุวิธ’’’นฺติ? ‘‘อาม, ภเนฺต, สุตปุพฺพํ เอตํ มยา ทิฎฺฐปุพฺพญฺจ ‘มหาสมุเทฺท อุทกํ หตฺถสตมฺปิ เทฺวปิ หตฺถสตานิ คคเน อุสฺสกฺกตี’’’ติฯ ‘‘กิสฺส, มหาราช, อุทกวารกคตํ อุทกํ น จลติ น สทฺทายติ, กิสฺส ปน มหาสมุเทฺท อุทกํ จลติ สทฺทายตี’’ติ? ‘‘วาตเวคสฺส มหนฺตตาย, ภเนฺต, มหาสมุเทฺท อุทกํ จลติ สทฺทายติ, อุทกวารกคตํ อุทกํ อฆฎฺฎิตํ เกหิจิ น จลติ น สทฺทายตี’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, วาตเวคสฺส มหนฺตตาย มหาสมุเทฺท อุทกํ จลติ สทฺทายติ เอวเมว อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายตี’’ติฯ

    ‘‘Sutapubbaṃ pana tayā, mahārāja, ‘mahāsamudde udakaṃ calati khubbhati luḷati āvilati ūmijātaṃ hoti, uddhamadho disāvidisaṃ gacchati, uttarati patarati pheṇamālī hoti, ussakkitvā ossakkitvā 2 velāya paharati saddāyati bahuvidha’’’nti? ‘‘Āma, bhante, sutapubbaṃ etaṃ mayā diṭṭhapubbañca ‘mahāsamudde udakaṃ hatthasatampi dvepi hatthasatāni gagane ussakkatī’’’ti. ‘‘Kissa, mahārāja, udakavārakagataṃ udakaṃ na calati na saddāyati, kissa pana mahāsamudde udakaṃ calati saddāyatī’’ti? ‘‘Vātavegassa mahantatāya, bhante, mahāsamudde udakaṃ calati saddāyati, udakavārakagataṃ udakaṃ aghaṭṭitaṃ kehici na calati na saddāyatī’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, vātavegassa mahantatāya mahāsamudde udakaṃ calati saddāyati evameva aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyatī’’ti.

    ‘‘นนุ, มหาราช, เภริโปกฺขรํ สุกฺขํ สุเกฺขน โคจเมฺมน โอนนฺธนฺตี’’ติ? ‘‘อาม, ภเนฺต’’ฯ ‘‘อปิ นุ, มหาราช, เภริยา ชีโว วา สโตฺต วา อตฺถี’’ติฯ ‘‘น หิ, ภเนฺต’’ติฯ ‘‘กิสฺส ปน, มหาราช, เภรี สทฺทายตี’’ติ? ‘‘อิตฺถิยา วา, ภเนฺต, ปุริสสฺส วา ตเชฺชน วายาเมนา’’ติฯ ‘‘ยถา, มหาราช, อิตฺถิยา วา ปุริสสฺส วา ตเชฺชน วายาเมน เภรี สทฺทายติ, เอวเมว อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายติฯ อิมินาปิ, มหาราช , การเณน ชานาหิ ‘นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วา, อคฺคิสนฺตาปเวคสฺส มหนฺตตาย อุทกํ สทฺทายตี’ติฯ

    ‘‘Nanu, mahārāja, bheripokkharaṃ sukkhaṃ sukkhena gocammena onandhantī’’ti? ‘‘Āma, bhante’’. ‘‘Api nu, mahārāja, bheriyā jīvo vā satto vā atthī’’ti. ‘‘Na hi, bhante’’ti. ‘‘Kissa pana, mahārāja, bherī saddāyatī’’ti? ‘‘Itthiyā vā, bhante, purisassa vā tajjena vāyāmenā’’ti. ‘‘Yathā, mahārāja, itthiyā vā purisassa vā tajjena vāyāmena bherī saddāyati, evameva aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyati. Imināpi, mahārāja , kāraṇena jānāhi ‘natthi udake jīvo vā satto vā, aggisantāpavegassa mahantatāya udakaṃ saddāyatī’ti.

    ‘‘มยฺหมฺปิ ตาว, มหาราช, ตว ปุจฺฉิตพฺพํ อตฺถิ, เอวเมโส ปโญฺห สุวินิจฺฉิโต โหติ, กิํ นุ โข, มหาราช, สเพฺพหิปิ ภาชเนหิ อุทกํ ตปฺปมานํ สทฺทายติ, อุทาหุ เอกเจฺจหิ เยว ภาชเนหิ ตปฺปมานํ สทฺทายตี’’ติ? ‘‘น หิ, ภเนฺต, สเพฺพหิปิ ภาชเนหิ อุทกํ ตปฺปมานํ สทฺทายติ, เอกเจฺจหิ เยว ภาชเนหิ อุทกํ ตปฺปมานํ สทฺทายตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, มหาราช, ชหิโตสิ สกสมยํ, ปจฺจาคโตสิ มม วิสยํ, นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วาฯ ยทิ, มหาราช, สเพฺพหิปิ ภาชเนหิ อุทกํ ตปฺปมานํ สทฺทาเยยฺย, ยุตฺตมิทํ ‘อุทกํ ชีวตี’ติ วตฺตุํฯ น หิ, มหาราช, อุทกํ ทฺวยํ โหติ, ยํ สทฺทายติ, ตํ ชีวติ, ยํ น สทฺทายติ, ตํ น ชีวตีติฯ ยทิ, มหาราช, อุทกํ ชีเวยฺย, มหนฺตานํ หตฺถินาคานํ อุสฺสนฺนกายานํ ปภินฺนานํ โสณฺฑาย อุสฺสิญฺจิตฺวา มุเข ปกฺขิปิตฺวา กุจฺฉิํ ปเวสยนฺตานํ, ตมฺปิ อุทกํ เตสํ ทนฺตนฺตเร จิปฺปิยมานํ สทฺทาเยยฺยฯ หตฺถสติกาปิ มหานาวา ครุกา ภาริกา อเนกสตสหสฺสภารปริปูรา มหาสมุเทฺท วิจรนฺติ, ตาหิปิ จิปฺปิยมานํ อุทกํ สทฺทาเยยฺยฯ มหติมหนฺตาปิ มจฺฉา อเนกสตโยชนิกกายา ติมี ติมิงฺคลา ติมิรปิงฺคลา อพฺภนฺตเร นิมุคฺคา มหาสมุเทฺท นิวาสฎฺฐานตาย ปฎิวสนฺตา มหาอุทกธารา อาจมนฺติ ธมนฺติ จ, เตสมฺปิ ตํ ทนฺตนฺตเรปิ อุทรนฺตเรปิ จิปฺปิยมานํ อุทกํ สทฺทาเยยฺยฯ ยสฺมา จ โข, มหาราช, เอวรูเปหิ เอวรูเปหิ มหเนฺตหิ ปฎิปีฬเนหิ ปฎิปีฬิตํ อุทกํ น สทฺทายติ ตสฺมาปิ นตฺถิ อุทเก ชีโว วา สโตฺต วาติ, เอวเมตํ, มหาราช, ธาเรหี’’ติฯ

    ‘‘Mayhampi tāva, mahārāja, tava pucchitabbaṃ atthi, evameso pañho suvinicchito hoti, kiṃ nu kho, mahārāja, sabbehipi bhājanehi udakaṃ tappamānaṃ saddāyati, udāhu ekaccehi yeva bhājanehi tappamānaṃ saddāyatī’’ti? ‘‘Na hi, bhante, sabbehipi bhājanehi udakaṃ tappamānaṃ saddāyati, ekaccehi yeva bhājanehi udakaṃ tappamānaṃ saddāyatī’’ti. ‘‘Tena hi, mahārāja, jahitosi sakasamayaṃ, paccāgatosi mama visayaṃ, natthi udake jīvo vā satto vā. Yadi, mahārāja, sabbehipi bhājanehi udakaṃ tappamānaṃ saddāyeyya, yuttamidaṃ ‘udakaṃ jīvatī’ti vattuṃ. Na hi, mahārāja, udakaṃ dvayaṃ hoti, yaṃ saddāyati, taṃ jīvati, yaṃ na saddāyati, taṃ na jīvatīti. Yadi, mahārāja, udakaṃ jīveyya, mahantānaṃ hatthināgānaṃ ussannakāyānaṃ pabhinnānaṃ soṇḍāya ussiñcitvā mukhe pakkhipitvā kucchiṃ pavesayantānaṃ, tampi udakaṃ tesaṃ dantantare cippiyamānaṃ saddāyeyya. Hatthasatikāpi mahānāvā garukā bhārikā anekasatasahassabhāraparipūrā mahāsamudde vicaranti, tāhipi cippiyamānaṃ udakaṃ saddāyeyya. Mahatimahantāpi macchā anekasatayojanikakāyā timī timiṅgalā timirapiṅgalā abbhantare nimuggā mahāsamudde nivāsaṭṭhānatāya paṭivasantā mahāudakadhārā ācamanti dhamanti ca, tesampi taṃ dantantarepi udarantarepi cippiyamānaṃ udakaṃ saddāyeyya. Yasmā ca kho, mahārāja, evarūpehi evarūpehi mahantehi paṭipīḷanehi paṭipīḷitaṃ udakaṃ na saddāyati tasmāpi natthi udake jīvo vā satto vāti, evametaṃ, mahārāja, dhārehī’’ti.

    ‘‘สาธุ , ภเนฺต นาคเสน, โทสาคโต ปโญฺห อนุจฺฉวิกาย วิภตฺติยา วิภโตฺต, ยถา นาม, ภเนฺต นาคเสน, มหคฺฆํ มณิรตนํ เฉกํ อาจริยํ กุสลํ สิกฺขิตํ มณิการํ ปาปุณิตฺวา กิตฺติํ ลเภยฺย โถมนํ ปสํสํ, มุตฺตารตนํ วา มุตฺติกํ ทุสฺสรตนํ วา ทุสฺสิกํ, โลหิตจนฺทนํ วา คนฺธิกํ ปาปุณิตฺวา กิตฺติํ ลเภยฺย โถมนํ ปสํสํฯ เอวเมว โข, ภเนฺต นาคเสน, โทสาคโต 3 ปโญฺห อนุจฺฉวิกาย วิภตฺติยา วิภโตฺต, เอวเมตํ ตถา สมฺปฎิจฺฉามี’’ติฯ

    ‘‘Sādhu , bhante nāgasena, dosāgato pañho anucchavikāya vibhattiyā vibhatto, yathā nāma, bhante nāgasena, mahagghaṃ maṇiratanaṃ chekaṃ ācariyaṃ kusalaṃ sikkhitaṃ maṇikāraṃ pāpuṇitvā kittiṃ labheyya thomanaṃ pasaṃsaṃ, muttāratanaṃ vā muttikaṃ dussaratanaṃ vā dussikaṃ, lohitacandanaṃ vā gandhikaṃ pāpuṇitvā kittiṃ labheyya thomanaṃ pasaṃsaṃ. Evameva kho, bhante nāgasena, dosāgato 4 pañho anucchavikāya vibhattiyā vibhatto, evametaṃ tathā sampaṭicchāmī’’ti.

    อุทกสตฺตชีวปโญฺห นวโมฯ

    Udakasattajīvapañho navamo.

    พุทฺธวโคฺค ปฐโมฯ

    Buddhavaggo paṭhamo.

    อิมสฺมิํ วเคฺค นว ปญฺหาฯ

    Imasmiṃ vagge nava pañhā.







    Footnotes:
    1. โอสฺสกฺกิตฺวา’’ติ ปทํ สี. ปี. โปตฺถเกสุ นตฺถิ
    2. ossakkitvā’’ti padaṃ sī. pī. potthakesu natthi
    3. เทสาคโต (สี. ปี.)
    4. desāgato (sī. pī.)

    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact