Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๑๐๖] ๖. อุทญฺจนีชาตกวณฺณนา
[106] 6. Udañcanījātakavaṇṇanā
สุขํ วต มํ ชีวนฺตนฺติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต ถุลฺลกุมาริกาปโลภนํ อารพฺภ กเถสิฯ วตฺถุ เตรสกนิปาเต จูฬนารทกสฺสปชาตเก (ชา. ๑.๑๓.๔๐ อาทโย) อาวิ ภวิสฺสติฯ ตํ ปน ภิกฺขุํ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิร ตฺวํ ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโตสี’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภควา’’ติ วุเตฺต ‘‘กตฺถ เต จิตฺตํ ปฎิพทฺธ’’นฺติ ปุจฺฉิฯ โส ‘‘เอกิสฺสา ถุลฺลกุมาริกายา’’ติ อาหฯ อถ นํ สตฺถา ‘‘อยํ เต ภิกฺขุ อนตฺถการิกา, ปุเพฺพปิ ตฺวํ เอตํ นิสฺสาย สีลพฺยสนํ ปตฺวา กมฺปโนฺต วิจรมาโน ปณฺฑิเต นิสฺสาย สุขํ ลภี’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Sukhaṃ vata maṃ jīvantanti idaṃ satthā jetavane viharanto thullakumārikāpalobhanaṃ ārabbha kathesi. Vatthu terasakanipāte cūḷanāradakassapajātake (jā. 1.13.40 ādayo) āvi bhavissati. Taṃ pana bhikkhuṃ satthā ‘‘saccaṃ kira tvaṃ bhikkhu ukkaṇṭhitosī’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhagavā’’ti vutte ‘‘kattha te cittaṃ paṭibaddha’’nti pucchi. So ‘‘ekissā thullakumārikāyā’’ti āha. Atha naṃ satthā ‘‘ayaṃ te bhikkhu anatthakārikā, pubbepi tvaṃ etaṃ nissāya sīlabyasanaṃ patvā kampanto vicaramāno paṇḍite nissāya sukhaṃ labhī’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺตติ อตีตวตฺถุปิ จูฬนารทกสฺสปชาตเกเยว อาวิ ภวิสฺสติฯ ตทา ปน โพธิสโตฺต สายํ ผลาผเล อาทาย อาคนฺตฺวา ปณฺณสาลาทฺวารํ วิวริตฺวา ปวิสิตฺวา ปุตฺตํ จูฬตาปสํ เอตทโวจ ‘‘ตาต, ตฺวํ อเญฺญสุ ทิวเสสุ ทารูนิ อาหรสิ, ปานียํ ปริโภชนียํ อาหรสิ, อคฺคิํ กโรสิ, อชฺช ปน เอกมฺปิ อกตฺวา กสฺมา ทุมฺมุโข ปชฺฌายโนฺต นิปโนฺนสี’’ติ? ‘‘ตาต, ตุเมฺหสุ ผลาผลตฺถาย คเตสุ เอกา อิตฺถี อาคนฺตฺวา มํ ปโลเภตฺวา อาทาย คนฺตุํ อารภิ, อหํ ปน ‘ตุเมฺหหิ วิสฺสชฺชิโต คมิสฺสามี’ติ น คจฺฉิํ, อสุกฎฺฐาเน ปน นํ นิสีทาเปตฺวา อาคโตมฺหิ, อิทานิ คจฺฉามหํ ตาตา’’ติฯ โพธิสโตฺต ‘‘น สกฺกา เอตํ นิวเตฺตตุ’’นฺติ ญตฺวา ‘‘เตน หิ, ตาต, คจฺฉ, เอสา ปน ตํ เนตฺวา ยทา มจฺฉมํสาทีนิ วา ขาทิตุกามา ภวิสฺสติ, สปฺปิโลณตณฺฑุลาทีหิ วา ปนสฺสา อโตฺถ ภวิสฺสติ, ตทา ‘อิทญฺจิทญฺจาหรา’ติ ตํ กิลเมสฺสติฯ ตทา มยฺหํ คุณํ สริตฺวา ปลายิตฺวา อิเธว อาคเจฺฉยฺยาสี’’ติ วิสฺสเชฺชสิฯ โส ตาย สทฺธิํ มนุสฺสปถํ อคมาสิฯ อถ นํ สา อตฺตโน วสํ คเมตฺวา ‘‘มํสํ อาหร, มจฺฉํ อาหรา’’ติ เยน เยน อตฺถิกา โหติ, ตํ ตํ อาหราเปติฯ ตทา โส ‘‘อยํ มํ อตฺตโน ทาสํ วิย กมฺมการํ วิย จ กตฺวา ปีเฬตี’’ติ ปลายิตฺวา ปิตุ สนฺติกํ อาคนฺตฺวา ปิตรํ วนฺทิตฺวา ฐิตโกว อิมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārenteti atītavatthupi cūḷanāradakassapajātakeyeva āvi bhavissati. Tadā pana bodhisatto sāyaṃ phalāphale ādāya āgantvā paṇṇasālādvāraṃ vivaritvā pavisitvā puttaṃ cūḷatāpasaṃ etadavoca ‘‘tāta, tvaṃ aññesu divasesu dārūni āharasi, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ āharasi, aggiṃ karosi, ajja pana ekampi akatvā kasmā dummukho pajjhāyanto nipannosī’’ti? ‘‘Tāta, tumhesu phalāphalatthāya gatesu ekā itthī āgantvā maṃ palobhetvā ādāya gantuṃ ārabhi, ahaṃ pana ‘tumhehi vissajjito gamissāmī’ti na gacchiṃ, asukaṭṭhāne pana naṃ nisīdāpetvā āgatomhi, idāni gacchāmahaṃ tātā’’ti. Bodhisatto ‘‘na sakkā etaṃ nivattetu’’nti ñatvā ‘‘tena hi, tāta, gaccha, esā pana taṃ netvā yadā macchamaṃsādīni vā khāditukāmā bhavissati, sappiloṇataṇḍulādīhi vā panassā attho bhavissati, tadā ‘idañcidañcāharā’ti taṃ kilamessati. Tadā mayhaṃ guṇaṃ saritvā palāyitvā idheva āgaccheyyāsī’’ti vissajjesi. So tāya saddhiṃ manussapathaṃ agamāsi. Atha naṃ sā attano vasaṃ gametvā ‘‘maṃsaṃ āhara, macchaṃ āharā’’ti yena yena atthikā hoti, taṃ taṃ āharāpeti. Tadā so ‘‘ayaṃ maṃ attano dāsaṃ viya kammakāraṃ viya ca katvā pīḷetī’’ti palāyitvā pitu santikaṃ āgantvā pitaraṃ vanditvā ṭhitakova imaṃ gāthamāha –
๑๐๖.
106.
‘‘สุขํ วต มํ ชีวนฺตํ, ปจมานา อุทญฺจนี;
‘‘Sukhaṃ vata maṃ jīvantaṃ, pacamānā udañcanī;
โจรี ชายปฺปวาเทน, เตลํ โลณญฺจ ยาจตี’’ติฯ
Corī jāyappavādena, telaṃ loṇañca yācatī’’ti.
ตตฺถ สุขํ วต มํ ชีวนฺตนฺติ ตาต, ตุมฺหากํ สนฺติเก มํ สุขํ ชีวนฺตํฯ ปจมานาติ ตาปยมานา ปีฬยมานา, ยํ ยํ วา ขาทิตุกามา โหติ, ตํ ตํ ปจมานาฯ อุทกํ อญฺจนฺติ เอตายาติ อุทญฺจนี, จาฎิโต วา กูปโต วา อุทกอุสฺสิญฺจนฆฎิกาเยตํ นามํฯ สา ปน อุทญฺจนี วิย, อุทกํ วิย ฆฎิกา, เยน เยนตฺถิกา โหติ, ตํ ตํ อากฑฺฒติเยวาติ อโตฺถ ฯ โจรี ชายปฺปวาเทนาติ ‘‘ภริยา’’ติ นาเมน เอกา โจรี มํ มธุรวจเนน อุปลาเปตฺวา ตตฺถ เนตฺวา เตลํ โลณญฺจ ยญฺจ อญฺญํ อิจฺฉติ, ตํ สพฺพํ ยาจติ, ทาสํ วิย กมฺมการํ วิย จ กตฺวา อาหราเปตีติ ตสฺสา อคุณํ กเถสิฯ
Tattha sukhaṃ vata maṃ jīvantanti tāta, tumhākaṃ santike maṃ sukhaṃ jīvantaṃ. Pacamānāti tāpayamānā pīḷayamānā, yaṃ yaṃ vā khāditukāmā hoti, taṃ taṃ pacamānā. Udakaṃ añcanti etāyāti udañcanī, cāṭito vā kūpato vā udakaussiñcanaghaṭikāyetaṃ nāmaṃ. Sā pana udañcanī viya, udakaṃ viya ghaṭikā, yena yenatthikā hoti, taṃ taṃ ākaḍḍhatiyevāti attho . Corī jāyappavādenāti ‘‘bhariyā’’ti nāmena ekā corī maṃ madhuravacanena upalāpetvā tattha netvā telaṃ loṇañca yañca aññaṃ icchati, taṃ sabbaṃ yācati, dāsaṃ viya kammakāraṃ viya ca katvā āharāpetīti tassā aguṇaṃ kathesi.
อถ นํ โพธิสโตฺต อสฺสาเสตฺวา ‘‘โหตุ, ตาต, เอหิ ตฺวํ เมตฺตํ ภาเวหิ, กรุณํ ภาเวหี’’ติ จตฺตาโร พฺรหฺมวิหาเร อาจิกฺขิ, อาจิกฺขิตฺวา กสิณปริกมฺมํ อาจิกฺขิฯ โส น จิรเสฺสว อภิญฺญา จ สมาปตฺติโย จ อุปฺปาเทตฺวา พฺรหฺมวิหาเร ภาเวตฺวา สทฺธิํ ปิตรา พฺรหฺมโลเก นิพฺพตฺติฯ
Atha naṃ bodhisatto assāsetvā ‘‘hotu, tāta, ehi tvaṃ mettaṃ bhāvehi, karuṇaṃ bhāvehī’’ti cattāro brahmavihāre ācikkhi, ācikkhitvā kasiṇaparikammaṃ ācikkhi. So na cirasseva abhiññā ca samāpattiyo ca uppādetvā brahmavihāre bhāvetvā saddhiṃ pitarā brahmaloke nibbatti.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐหิฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhahi.
‘‘ตทา ถุลฺลกุมาริกาว เอตรหิ ถุลฺลกุมาริกาฯ จูฬตาปโส อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุ อโหสิ, ปิตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
‘‘Tadā thullakumārikāva etarahi thullakumārikā. Cūḷatāpaso ukkaṇṭhitabhikkhu ahosi, pitā pana ahameva ahosi’’nti.
อุทญฺจนีชาตกวณฺณนา ฉฎฺฐาฯ
Udañcanījātakavaṇṇanā chaṭṭhā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๑๐๖. อุทญฺจนีชาตกํ • 106. Udañcanījātakaṃ