Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
๓. อุทปานวโคฺค
3. Udapānavaggo
[๒๗๑] ๑. อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา
[271] 1. Udapānadūsakajātakavaṇṇanā
อารญฺญิกสฺส อิสิโนติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต เอกํ อุทปานทูสกสิงฺคาลํ อารพฺภ กเถสิฯ เอโก กิร สิงฺคาโล ภิกฺขุสงฺฆสฺส ปานียอุทปานํ อุจฺจารปสฺสาวกรเณน ทูเสตฺวา ปกฺกามิฯ อถ นํ เอกทิวสํ อุทปานสมีปํ อาคตํ สามเณรา เลฑฺฑูหิ ปหริตฺวา กิลเมสุํ, โส ตโต ปฎฺฐาย ตํ ฐานํ ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิฯ ภิกฺขู ตํ ปวตฺติํ ญตฺวา ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อุทปานทูสกสิงฺคาโล กิร สามเณเรหิ กิลมิตกาลโต ปฎฺฐาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพเปส สิงฺคาโล อุทปานทูสโกเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Āraññikassaisinoti idaṃ satthā jetavane viharanto ekaṃ udapānadūsakasiṅgālaṃ ārabbha kathesi. Eko kira siṅgālo bhikkhusaṅghassa pānīyaudapānaṃ uccārapassāvakaraṇena dūsetvā pakkāmi. Atha naṃ ekadivasaṃ udapānasamīpaṃ āgataṃ sāmaṇerā leḍḍūhi paharitvā kilamesuṃ, so tato paṭṭhāya taṃ ṭhānaṃ puna nivattitvāpi na olokesi. Bhikkhū taṃ pavattiṃ ñatvā dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, udapānadūsakasiṅgālo kira sāmaṇerehi kilamitakālato paṭṭhāya puna nivattitvāpi na olokesī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepesa siṅgālo udapānadūsakoyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ อิทเมว อิสิปตนํ อยเมว อุทปาโน อโหสิฯ ตทา โพธิสโตฺต พาราณสิยํ กุลฆเร นิพฺพตฺติตฺวา วยปฺปโตฺต อิสิปพฺพชฺชํ ปพฺพชิตฺวา อิสิคณปริวุโต อิสิปตเน วาสํ กเปฺปสิฯ ตทา เอโก สิงฺคาโล อิทเมว อุทปานํ ทูเสตฺวา ปกฺกมติฯ อถ นํ เอกทิวสํ ตาปสา ปริวาเรตฺวา ฐิตา เอเกนุปาเยน คเหตฺวา โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ อานยิํสุฯ โพธิสโตฺต สิงฺคาเลน สทฺธิํ สลฺลปโนฺต ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ idameva isipatanaṃ ayameva udapāno ahosi. Tadā bodhisatto bārāṇasiyaṃ kulaghare nibbattitvā vayappatto isipabbajjaṃ pabbajitvā isigaṇaparivuto isipatane vāsaṃ kappesi. Tadā eko siṅgālo idameva udapānaṃ dūsetvā pakkamati. Atha naṃ ekadivasaṃ tāpasā parivāretvā ṭhitā ekenupāyena gahetvā bodhisattassa santikaṃ ānayiṃsu. Bodhisatto siṅgālena saddhiṃ sallapanto paṭhamaṃ gāthamāha –
๖๑.
61.
‘‘อารญฺญิกสฺส อิสิโน, จิรรตฺตตปสฺสิโน;
‘‘Āraññikassa isino, cirarattatapassino;
กิจฺฉากตํ อุทปานํ, กถํ สมฺม อวาหยี’’ติฯ
Kicchākataṃ udapānaṃ, kathaṃ samma avāhayī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – อรเญฺญ วสนตาย อารญฺญิกสฺส, เอสิตคุณตฺตา อิสิโน, จิรรตฺตํ ตปํ นิสฺสาย วุตฺถตฺตา จิรรตฺตตปสฺสิโน กิจฺฉากตํ กิเจฺฉน ทุเกฺขน นิปฺผาทิตํ อุทปานํ กถํ กิมตฺถาย สมฺม สิงฺคาล, ตฺวํ อวาหยิ มุตฺตกรีเสน อโชฺฌตฺถริ ทูเสสิ, ตํ วา มุตฺตกรีสํ เอตฺถ อวาหยิ ปาเตสีติฯ
Tassattho – araññe vasanatāya āraññikassa, esitaguṇattā isino, cirarattaṃ tapaṃ nissāya vutthattā cirarattatapassino kicchākataṃ kicchena dukkhena nipphāditaṃ udapānaṃ kathaṃ kimatthāya samma siṅgāla, tvaṃ avāhayi muttakarīsena ajjhotthari dūsesi, taṃ vā muttakarīsaṃ ettha avāhayi pātesīti.
ตํ สุตฺวา สิงฺคาโล ทุติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā siṅgālo dutiyaṃ gāthamāha –
๖๒.
62.
‘‘เอส ธโมฺม สิงฺคาลานํ, ยํ ปิตฺวา โอหทามเส;
‘‘Esa dhammo siṅgālānaṃ, yaṃ pitvā ohadāmase;
ปิตุปิตามหํ ธโมฺม, น ตํ อุชฺฌาตุมรหสี’’ติฯ
Pitupitāmahaṃ dhammo, na taṃ ujjhātumarahasī’’ti.
ตตฺถ เอส ธโมฺมติ เอส สภาโวฯ ยํ ปิตฺวา โอหทามเสติ, สมฺม, ยํ มยํ ยตฺถ ปานียํ ปิวาม, ตเมว อูหทามปิ โอมุเตฺตมปิ, เอส อมฺหากํ สิงฺคาลานํ ธโมฺมติ ทเสฺสติฯ ปิตุปิตามหนฺติ ปิตูนญฺจ ปิตามหานญฺจ โน เอส ธโมฺมฯ น ตํ อุชฺฌาตุมรหสีติ ตํ อมฺหากํ ปเวณิอาคตํ ธมฺมํ สภาวํ ตฺวํ อุชฺฌาตุํ น อรหสิ, น ยุตฺตํ เต เอตฺถ กุชฺฌิตุนฺติฯ
Tattha esa dhammoti esa sabhāvo. Yaṃ pitvā ohadāmaseti, samma, yaṃ mayaṃ yattha pānīyaṃ pivāma, tameva ūhadāmapi omuttemapi, esa amhākaṃ siṅgālānaṃ dhammoti dasseti. Pitupitāmahanti pitūnañca pitāmahānañca no esa dhammo. Na taṃ ujjhātumarahasīti taṃ amhākaṃ paveṇiāgataṃ dhammaṃ sabhāvaṃ tvaṃ ujjhātuṃ na arahasi, na yuttaṃ te ettha kujjhitunti.
อถสฺส โพธิสโตฺต ตติยํ คาถมาห –
Athassa bodhisatto tatiyaṃ gāthamāha –
๖๓.
63.
‘‘เยสํ โว เอทิโส ธโมฺม, อธโมฺม ปน กีทิโส;
‘‘Yesaṃ vo ediso dhammo, adhammo pana kīdiso;
มา โว ธมฺมํ อธมฺมํ วา, อทฺทสาม กุทาจน’’นฺติฯ
Mā vo dhammaṃ adhammaṃ vā, addasāma kudācana’’nti.
ตตฺถ มา โวติ ตุมฺหากํ ธมฺมํ วา อธมฺมํ วา น มยํ กทาจิ อทฺทสามาติฯ
Tattha mā voti tumhākaṃ dhammaṃ vā adhammaṃ vā na mayaṃ kadāci addasāmāti.
เอวํ โพธิสโตฺต ตสฺส โอวาทํ ทตฺวา ‘‘มา ปุน อาคจฺฉา’’ติ อาหฯ โส ตโต ปฎฺฐาย ปุน นิวตฺติตฺวาปิ น โอโลเกสิฯ
Evaṃ bodhisatto tassa ovādaṃ datvā ‘‘mā puna āgacchā’’ti āha. So tato paṭṭhāya puna nivattitvāpi na olokesi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา อุทปานทูสโก อยเมว สิงฺคาโล อโหสิ, คณสตฺถา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā udapānadūsako ayameva siṅgālo ahosi, gaṇasatthā pana ahameva ahosi’’nti.
อุทปานทูสกชาตกวณฺณนา ปฐมาฯ
Udapānadūsakajātakavaṇṇanā paṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๗๑. อุทปานทูสกชาตกํ • 271. Udapānadūsakajātakaṃ