Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สํยุตฺตนิกาย • Saṃyuttanikāya |
๗. อุทายีสุตฺตํ
7. Udāyīsuttaṃ
๒๓๔. เอกํ สมยํ อายสฺมา จ อานโนฺท อายสฺมา จ อุทายี โกสมฺพิยํ วิหรนฺติ โฆสิตาราเมฯ อถ โข อายสฺมา อุทายี สายนฺหสมยํ ปฎิสลฺลานา วุฎฺฐิโต เยนายสฺมา อานโนฺท เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา อานเนฺทน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อายสฺมา อุทายี อายสฺมนฺตํ อานนฺทํ เอตทโวจ –
234. Ekaṃ samayaṃ āyasmā ca ānando āyasmā ca udāyī kosambiyaṃ viharanti ghositārāme. Atha kho āyasmā udāyī sāyanhasamayaṃ paṭisallānā vuṭṭhito yenāyasmā ānando tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā āyasmatā ānandena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho āyasmā udāyī āyasmantaṃ ānandaṃ etadavoca –
‘‘ยเถว นุ โข, อาวุโส อานนฺท, อยํ กาโย ภควตา อเนกปริยาเยน อกฺขาโต วิวโฎ ปกาสิโต – ‘อิติปายํ กาโย อนตฺตา’ติ, สกฺกา เอวเมว วิญฺญาณํ ปิทํ อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปญฺญเปตุํ ปฎฺฐเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุํ – ‘อิติปิทํ วิญฺญาณํ อนตฺตา’’’ติ?
‘‘Yatheva nu kho, āvuso ānanda, ayaṃ kāyo bhagavatā anekapariyāyena akkhāto vivaṭo pakāsito – ‘itipāyaṃ kāyo anattā’ti, sakkā evameva viññāṇaṃ pidaṃ ācikkhituṃ desetuṃ paññapetuṃ paṭṭhapetuṃ vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātuṃ – ‘itipidaṃ viññāṇaṃ anattā’’’ti?
‘‘ยเถว โข, อาวุโส อุทายี, อยํ กาโย ภควตา อเนกปริยาเยน อกฺขาโต วิวโฎ ปกาสิโต – ‘อิติปายํ กาโย อนตฺตา’ติ, สกฺกา เอวเมว วิญฺญาณํ ปิทํ อาจิกฺขิตุํ เทเสตุํ ปญฺญเปตุํ ปฎฺฐเปตุํ วิวริตุํ วิภชิตุํ อุตฺตานีกาตุํ – ‘อิติปิทํ วิญฺญาณํ อนตฺตา’’’ติฯ
‘‘Yatheva kho, āvuso udāyī, ayaṃ kāyo bhagavatā anekapariyāyena akkhāto vivaṭo pakāsito – ‘itipāyaṃ kāyo anattā’ti, sakkā evameva viññāṇaṃ pidaṃ ācikkhituṃ desetuṃ paññapetuṃ paṭṭhapetuṃ vivarituṃ vibhajituṃ uttānīkātuṃ – ‘itipidaṃ viññāṇaṃ anattā’’’ti.
‘‘จกฺขุญฺจ, อาวุโส, ปฎิจฺจ รูเป จ อุปฺปชฺชติ จกฺขุวิญฺญาณ’’นฺติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติ ฯ ‘‘โย จาวุโส, เหตุ, โย จ ปจฺจโย จกฺขุวิญฺญาณสฺส อุปฺปาทาย, โส จ เหตุ, โส จ ปจฺจโย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสํ นิรุเชฺฌยฺยฯ อปิ นุ โข จกฺขุวิญฺญาณํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, อาวุโส, ปริยาเยน ภควตา อกฺขาตํ วิวฎํ ปกาสิตํ – ‘อิติปิทํ วิญฺญาณํ อนตฺตา’’’ติ…เป.…ฯ
‘‘Cakkhuñca, āvuso, paṭicca rūpe ca uppajjati cakkhuviññāṇa’’nti? ‘‘Evamāvuso’’ti . ‘‘Yo cāvuso, hetu, yo ca paccayo cakkhuviññāṇassa uppādāya, so ca hetu, so ca paccayo sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ aparisesaṃ nirujjheyya. Api nu kho cakkhuviññāṇaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Imināpi kho etaṃ, āvuso, pariyāyena bhagavatā akkhātaṃ vivaṭaṃ pakāsitaṃ – ‘itipidaṃ viññāṇaṃ anattā’’’ti…pe….
‘‘ชิวฺหญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ รเส จ อุปฺปชฺชติ ชิวฺหาวิญฺญาณ’’นฺติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ ‘‘โย จาวุโส, เหตุ โย จ ปจฺจโย ชิวฺหาวิญฺญาณสฺส อุปฺปาทาย, โส จ เหตุ, โส จ ปจฺจโย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสํ นิรุเชฺฌยฺย, อปิ นุ โข ชิวฺหาวิญฺญาณํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, อาวุโส, ปริยาเยน ภควตา อกฺขาตํ วิวฎํ ปกาสิตํ – ‘อิติปิทํ วิญฺญาณํ อนตฺตา’’’ติ…เป.…ฯ
‘‘Jivhañcāvuso, paṭicca rase ca uppajjati jivhāviññāṇa’’nti? ‘‘Evamāvuso’’ti. ‘‘Yo cāvuso, hetu yo ca paccayo jivhāviññāṇassa uppādāya, so ca hetu, so ca paccayo sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ aparisesaṃ nirujjheyya, api nu kho jivhāviññāṇaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Imināpi kho etaṃ, āvuso, pariyāyena bhagavatā akkhātaṃ vivaṭaṃ pakāsitaṃ – ‘itipidaṃ viññāṇaṃ anattā’’’ti…pe….
‘‘มนญฺจาวุโส, ปฎิจฺจ ธเมฺม จ อุปฺปชฺชติ มโนวิญฺญาณ’’นฺติ? ‘‘เอวมาวุโส’’ติฯ ‘‘โย จาวุโส, เหตุ, โย จ ปจฺจโย มโนวิญฺญาณสฺส อุปฺปาทาย, โส จ เหตุ, โส จ ปจฺจโย สเพฺพน สพฺพํ สพฺพถา สพฺพํ อปริเสสํ นิรุเชฺฌยฺย, อปิ นุ โข มโนวิญฺญาณํ ปญฺญาเยถา’’ติ? ‘‘โน เหตํ, อาวุโส’’ฯ ‘‘อิมินาปิ โข เอตํ, อาวุโส, ปริยาเยน ภควตา อกฺขาตํ วิวฎํ ปกาสิตํ – ‘อิติปิทํ วิญฺญาณํ อนตฺตา’’’ติฯ
‘‘Manañcāvuso, paṭicca dhamme ca uppajjati manoviññāṇa’’nti? ‘‘Evamāvuso’’ti. ‘‘Yo cāvuso, hetu, yo ca paccayo manoviññāṇassa uppādāya, so ca hetu, so ca paccayo sabbena sabbaṃ sabbathā sabbaṃ aparisesaṃ nirujjheyya, api nu kho manoviññāṇaṃ paññāyethā’’ti? ‘‘No hetaṃ, āvuso’’. ‘‘Imināpi kho etaṃ, āvuso, pariyāyena bhagavatā akkhātaṃ vivaṭaṃ pakāsitaṃ – ‘itipidaṃ viññāṇaṃ anattā’’’ti.
‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน ติณฺหํ กุฐาริํ อาทาย วนํ ปวิเสยฺยฯ โส ตตฺถ ปเสฺสยฺย มหนฺตํ กทลิกฺขนฺธํ อุชุํ นวํ อกุกฺกุกชาตํ 1ฯ ตเมนํ มูเล ฉิเนฺทยฺย ; มูเล เฉตฺวา อเคฺค ฉิเนฺทยฺย; อเคฺค เฉตฺวา ปตฺตวฎฺฎิํ วินิพฺภุเชยฺย 2ฯ โส ตตฺถ เผคฺคุมฺปิ นาธิคเจฺฉยฺย, กุโต สารํ! เอวเมว โข, อาวุโส, ภิกฺขุ ฉสุ ผสฺสายตเนสุ เนวตฺตานํ น อตฺตนิยํ สมนุปสฺสติฯ โส เอวํ อสมนุปสฺสโนฺต 3 น กิญฺจิ โลเก อุปาทิยติฯ อนุปาทิยํ น ปริตสฺสติฯ อปริตสฺสํ ปจฺจตฺตเญฺญว ปรินิพฺพายติฯ ‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’ติ ปชานาตี’’ติฯ สตฺตมํฯ
‘‘Seyyathāpi, āvuso, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno tiṇhaṃ kuṭhāriṃ ādāya vanaṃ paviseyya. So tattha passeyya mahantaṃ kadalikkhandhaṃ ujuṃ navaṃ akukkukajātaṃ 4. Tamenaṃ mūle chindeyya ; mūle chetvā agge chindeyya; agge chetvā pattavaṭṭiṃ vinibbhujeyya 5. So tattha pheggumpi nādhigaccheyya, kuto sāraṃ! Evameva kho, āvuso, bhikkhu chasu phassāyatanesu nevattānaṃ na attaniyaṃ samanupassati. So evaṃ asamanupassanto 6 na kiñci loke upādiyati. Anupādiyaṃ na paritassati. Aparitassaṃ paccattaññeva parinibbāyati. ‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’ti pajānātī’’ti. Sattamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / สํยุตฺตนิกาย (อฎฺฐกถา) • Saṃyuttanikāya (aṭṭhakathā) / ๗. อุทายีสุตฺตวณฺณนา • 7. Udāyīsuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / สํยุตฺตนิกาย (ฎีกา) • Saṃyuttanikāya (ṭīkā) / ๗. อุทายีสุตฺตวณฺณนา • 7. Udāyīsuttavaṇṇanā