Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๙. อุทายีสุตฺตวณฺณนา
9. Udāyīsuttavaṇṇanā
๒๙. นวเม อุทายินฺติ ลาฬุทายิเตฺถรํฯ สุโณมหํ, อาวุโสติ, อาวุโส, นาหํ พธิโร, สุณามิ ภควโต วจนํ, ปญฺหํ ปน อุปปริกฺขามีติฯ อธิจิตฺตนฺติ สมาธิวิปสฺสนาจิตฺตํฯ อิทํ, ภเนฺต, อนุสฺสติฎฺฐานนฺติ อิทํ ฌานตฺตยสงฺขาตํ อนุสฺสติการณํฯ ทิฎฺฐธมฺมสุขวิหาราย สํวตฺตตีติ อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว สุขวิหารตฺถาย ปวตฺตติฯ อาโลกสญฺญนฺติ อาโลกนิมิเตฺต อุปฺปนฺนสญฺญํฯ ทิวา สญฺญํ อธิฎฺฐาตีติ ทิวาติ สญฺญํ ฐเปติ ฯ ยถา ทิวา ตถา รตฺตินฺติ ยถาเนน ทิวา อาโลกสญฺญา มนสิกตา, รตฺติมฺปิ ตเถว ตํ มนสิ กโรติฯ ยถา รตฺติํ ตถา ทิวาติ ยถา วาเนน รตฺติํ อาโลกสญฺญา มนสิกตา, ทิวาปิ ตํ ตเถว มนสิ กโรติฯ วิวเฎนาติ ปากเฎนฯ อปริโยนเทฺธนาติ นีวรเณหิ อโนนเทฺธนฯ สปฺปภาสํ จิตฺตํ ภาเวตีติ ทิพฺพจกฺขุญาณตฺถาย สโหภาสกํ จิตฺตํ พฺรูเหติ วเฑฺฒติฯ ยํ ปน ‘‘อาโลกสญฺญํ มนสิ กโรตี’’ติ วุตฺตํ, ตํ ถินมิทฺธวิโนทนาโลกสญฺญํ สนฺธาย วุตฺตํ, น ทิพฺพจกฺขุญาณาโลกนฺติ เวทิตพฺพํฯ ญาณทสฺสนปฺปฎิลาภายาติ ทิพฺพจกฺขุสงฺขาตสฺส ญาณทสฺสนสฺส ปฎิลาภายฯ
29. Navame udāyinti lāḷudāyittheraṃ. Suṇomahaṃ, āvusoti, āvuso, nāhaṃ badhiro, suṇāmi bhagavato vacanaṃ, pañhaṃ pana upaparikkhāmīti. Adhicittanti samādhivipassanācittaṃ. Idaṃ, bhante, anussatiṭṭhānanti idaṃ jhānattayasaṅkhātaṃ anussatikāraṇaṃ. Diṭṭhadhammasukhavihārāya saṃvattatīti imasmiṃyeva attabhāve sukhavihāratthāya pavattati. Ālokasaññanti ālokanimitte uppannasaññaṃ. Divā saññaṃ adhiṭṭhātīti divāti saññaṃ ṭhapeti . Yathā divā tathā rattinti yathānena divā ālokasaññā manasikatā, rattimpi tatheva taṃ manasi karoti. Yathā rattiṃ tathā divāti yathā vānena rattiṃ ālokasaññā manasikatā, divāpi taṃ tatheva manasi karoti. Vivaṭenāti pākaṭena. Apariyonaddhenāti nīvaraṇehi anonaddhena. Sappabhāsaṃ cittaṃ bhāvetīti dibbacakkhuñāṇatthāya sahobhāsakaṃ cittaṃ brūheti vaḍḍheti. Yaṃ pana ‘‘ālokasaññaṃ manasi karotī’’ti vuttaṃ, taṃ thinamiddhavinodanālokasaññaṃ sandhāya vuttaṃ, na dibbacakkhuñāṇālokanti veditabbaṃ. Ñāṇadassanappaṭilābhāyāti dibbacakkhusaṅkhātassa ñāṇadassanassa paṭilābhāya.
อิมเมว กายนฺติอาทีสุ ยํ วตฺตพฺพํ สิยา, ตํ สพฺพํ สพฺพากาเรน วิตฺถารโต วิสุทฺธิมเคฺค กายคตาสติกมฺมฎฺฐาเน วุตฺตํฯ กามราคปฺปหานายาติ ปญฺจกามคุณิกสฺส ราคสฺส ปหานตฺถายฯ เสยฺยถาปิ ปเสฺสยฺยาติ ยถา ปเสฺสยฺยฯ สรีรนฺติ มตสรีรํฯ สิวถิกาย ฉฑฺฑิตนฺติ สุสาเน อปวิทฺธํฯ เอกาหํ มตสฺส อสฺสาติ เอกาหมตํฯ ทฺวีหํ มตสฺส อสฺสาติ ทฺวีหมตํฯ ตีหํ มตสฺส อสฺสาติ ตีหมตํฯ ภสฺตา วิย วายุนา อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานา ยถานุกฺกมํ สมุคฺคเตน สูนภาเวน ธุมาตตฺตา อุทฺธุมาตํ, อุทฺธุมาตเมว อุทฺธุมาตกํฯ ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ อุทฺธุมาตนฺติ อุทฺธุมาตกํฯ วินีลํ วุจฺจติ วิปริภินฺนวณฺณํ, วินีลเมว วินีลกํฯ ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วินีลนฺติ วินีลกํฯ มํสุสฺสทฎฺฐาเนสุ รตฺตวณฺณสฺส ปุพฺพสนฺนิจยฎฺฐาเนสุ เสตวณฺณสฺส เยภุเยฺยน จ นีลวณฺณสฺส นีลฎฺฐาเน นีลสาฎกปารุตเสฺสว ฉวสรีรเสฺสตํ อธิวจนํฯ ปริภินฺนฎฺฐาเนหิ นวหิ วา วณมุเขหิ วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพํ วิปุพฺพํ, วิปุพฺพเมว วิปุพฺพกํฯ ปฎิกูลตฺตา วา กุจฺฉิตํ วิปุพฺพนฺติ วิปุพฺพกํฯ วิปุพฺพกํ ชาตํ ตถาภาวํ คตนฺติ วิปุพฺพกชาตํฯ
Imameva kāyantiādīsu yaṃ vattabbaṃ siyā, taṃ sabbaṃ sabbākārena vitthārato visuddhimagge kāyagatāsatikammaṭṭhāne vuttaṃ. Kāmarāgappahānāyāti pañcakāmaguṇikassa rāgassa pahānatthāya. Seyyathāpi passeyyāti yathā passeyya. Sarīranti matasarīraṃ. Sivathikāya chaḍḍitanti susāne apaviddhaṃ. Ekāhaṃ matassa assāti ekāhamataṃ. Dvīhaṃ matassa assāti dvīhamataṃ. Tīhaṃ matassa assāti tīhamataṃ. Bhastā viya vāyunā uddhaṃ jīvitapariyādānā yathānukkamaṃ samuggatena sūnabhāvena dhumātattā uddhumātaṃ, uddhumātameva uddhumātakaṃ. Paṭikūlattā vā kucchitaṃ uddhumātanti uddhumātakaṃ. Vinīlaṃ vuccati viparibhinnavaṇṇaṃ, vinīlameva vinīlakaṃ. Paṭikūlattā vā kucchitaṃ vinīlanti vinīlakaṃ. Maṃsussadaṭṭhānesu rattavaṇṇassa pubbasannicayaṭṭhānesu setavaṇṇassa yebhuyyena ca nīlavaṇṇassa nīlaṭṭhāne nīlasāṭakapārutasseva chavasarīrassetaṃ adhivacanaṃ. Paribhinnaṭṭhānehi navahi vā vaṇamukhehi vissandamānaṃ pubbaṃ vipubbaṃ, vipubbameva vipubbakaṃ. Paṭikūlattā vā kucchitaṃ vipubbanti vipubbakaṃ. Vipubbakaṃ jātaṃ tathābhāvaṃ gatanti vipubbakajātaṃ.
โส อิมเมว กายนฺติ โส ภิกฺขุ อิมํ อตฺตโน กายํ เตน กาเยน สทฺธิํ ญาเณน อุปสํหรติ อุปเนติฯ กถํ? อยมฺปิ โข กาโย เอวํธโมฺม เอวํภาวี เอวํอนตีโตติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อายุ อุสฺมา วิญฺญาณนฺติ อิเมสํ ติณฺณํ ธมฺมานํ อตฺถิตาย อยํ กาโย ฐานคมนาทิขโม โหติ, อิเมสํ ปน วิคมา อยมฺปิ เอวํธโมฺม เอวํปูติกสภาโวเยวาติฯ เอวํภาวีติ เอวเมวํ อุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสติฯ เอวํ อนตีโตติ เอวํ อุทฺธุมาตาทิภาวํ อนติกฺกโนฺตฯ
Soimameva kāyanti so bhikkhu imaṃ attano kāyaṃ tena kāyena saddhiṃ ñāṇena upasaṃharati upaneti. Kathaṃ? Ayampi kho kāyo evaṃdhammo evaṃbhāvī evaṃanatītoti. Idaṃ vuttaṃ hoti – āyu usmā viññāṇanti imesaṃ tiṇṇaṃ dhammānaṃ atthitāya ayaṃ kāyo ṭhānagamanādikhamo hoti, imesaṃ pana vigamā ayampi evaṃdhammo evaṃpūtikasabhāvoyevāti. Evaṃbhāvīti evamevaṃ uddhumātādibhedo bhavissati. Evaṃ anatītoti evaṃ uddhumātādibhāvaṃ anatikkanto.
ขชฺชมานนฺติ อุทราทีสุ นิสีทิตฺวา อุทรมํสโอฎฺฐมํสอกฺขิกมํสาทีนิ ลุญฺจิตฺวา ลุญฺจิตฺวา ขาทิยมานํฯ สมํสโลหิตนฺติ เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตํฯ นิมฺมํสโลหิตมกฺขิตนฺติ มํเส ขีเณปิ โลหิตํ น สุสฺสติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ – ‘‘นิมฺมํสโลหิตมกฺขิต’’นฺติฯ อเญฺญนาติ อเญฺญน ทิสาภาเคนฯ หตฺถฎฺฐิกนฺติ จตุสฎฺฐิเภทมฺปิ หตฺถฎฺฐิกํ ปาฎิเยกฺกํ ปาฎิเยกฺกํ วิปฺปกิณฺณํฯ ปาทฎฺฐิกาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เตโรวสฺสิกานีติ อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานิฯ ปูตีนีติ อโพฺภกาเส ฐิตานิ วาตาตปวุฎฺฐิสมฺผเสฺสน เตโรวสฺสิกาเนว ปูตีนิ โหนฺติ, อโนฺตภูมิคตานิ ปน จิรตรํ ติฎฺฐนฺติฯ จุณฺณกชาตานีติ จุณฺณวิจุณฺณํ หุตฺวา วิปฺปกิณฺณานิฯ สพฺพตฺถ โส อิมเมวาติ วุตฺตนเยน ขชฺชมานาทีนํ วเสน โยชนา กาตพฺพาฯ อสฺมิมานสมุคฺฆาตายาติ อสฺมีติ ปวตฺตสฺส นววิธสฺส มานสฺส สมุคฺฆาตตฺถายฯ อเนกธาตุปฎิเวธายาติ อเนกธาตูนํ ปฎิวิชฺฌนตฺถายฯ สโตว อภิกฺกมตีติ คจฺฉโนฺต สติปญฺญาหิ สมนฺนาคโตว คจฺฉติฯ สโตว ปฎิกฺกมตีติ ปฎินิวตฺตโนฺตปิ สติปญฺญาหิ สมนฺนาคโตว นิวตฺตติฯ เสสปเทสุปิ เอเสว นโยฯ สติสมฺปชญฺญายาติ สติยา จ ญาณสฺส จ อตฺถายฯ อิติ อิมสฺมิํ สุเตฺต สติญาณานิ มิสฺสกานิ กถิตานีติฯ
Khajjamānanti udarādīsu nisīditvā udaramaṃsaoṭṭhamaṃsaakkhikamaṃsādīni luñcitvā luñcitvā khādiyamānaṃ. Samaṃsalohitanti sesāvasesamaṃsalohitayuttaṃ. Nimmaṃsalohitamakkhitanti maṃse khīṇepi lohitaṃ na sussati, taṃ sandhāya vuttaṃ – ‘‘nimmaṃsalohitamakkhita’’nti. Aññenāti aññena disābhāgena. Hatthaṭṭhikanti catusaṭṭhibhedampi hatthaṭṭhikaṃ pāṭiyekkaṃ pāṭiyekkaṃ vippakiṇṇaṃ. Pādaṭṭhikādīsupi eseva nayo. Terovassikānīti atikkantasaṃvaccharāni. Pūtīnīti abbhokāse ṭhitāni vātātapavuṭṭhisamphassena terovassikāneva pūtīni honti, antobhūmigatāni pana cirataraṃ tiṭṭhanti. Cuṇṇakajātānīti cuṇṇavicuṇṇaṃ hutvā vippakiṇṇāni. Sabbattha so imamevāti vuttanayena khajjamānādīnaṃ vasena yojanā kātabbā. Asmimānasamugghātāyāti asmīti pavattassa navavidhassa mānassa samugghātatthāya. Anekadhātupaṭivedhāyāti anekadhātūnaṃ paṭivijjhanatthāya. Satova abhikkamatīti gacchanto satipaññāhi samannāgatova gacchati. Satova paṭikkamatīti paṭinivattantopi satipaññāhi samannāgatova nivattati. Sesapadesupi eseva nayo. Satisampajaññāyāti satiyā ca ñāṇassa ca atthāya. Iti imasmiṃ sutte satiñāṇāni missakāni kathitānīti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. อุทายีสุตฺตํ • 9. Udāyīsuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๙. อุทายีสุตฺตวณฺณนา • 9. Udāyīsuttavaṇṇanā