Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๙. อุทายีสุตฺตวณฺณนา
9. Udāyīsuttavaṇṇanā
๒๙. นวเม ทิฎฺฐธโมฺม วุจฺจติ ปจฺจโกฺข อตฺตภาโวติ อาห ‘‘อิมสฺมิํเยว อตฺตภาเว’’ติฯ สุขวิหารตฺถายาติ นิกฺกิเลสตาย นิรามิเสน สุเขน วิหารตฺถายฯ อาโลกสญฺญํ มนสิ กโรตีติ สูริยจนฺทปโชฺชตมณิอุกฺกาวิชฺชุอาทีนํ อาโลโก ทิวา รตฺติญฺจ อุปลโทฺธ, ยถาลทฺธวเสเนว อาโลกํ มนสิ กโรติ, จิเตฺต ฐเปติฯ ตถา จ นํ มนสิ กโรติ, ยถาสฺส สุภาวิตาโลกกสิณสฺส วิย กสิณาโลโก ยถิจฺฉกํ ยาวทิจฺฉกญฺจ โส อาโลโก รตฺติยํ อุปติฎฺฐติฯ เยน ตตฺถ ทิวาสญฺญํ ฐเปติ, ทิวาริว วิคตถินมิโทฺธ โหติฯ เตนาห ‘‘ยถา ทิวา ตถา รตฺติ’’นฺติฯ ทิวาติ สญฺญํ ฐเปตีติ วุตฺตนเยน มนสิ กตฺวา ทิวาริว สญฺญํ อุปฺปาเทติฯ ยถาเนน ทิวา…เป.… ตเถว ตํ มนสิ กโรตีติ ยถาเนน ทิวา อุปลโทฺธ สูริยาโลโก, เอวํ รตฺติมฺปิ ทิวา ทิฎฺฐากาเรเนว ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติฯ ยถา จเนน รตฺติํ…เป.… มนสิ กโรตีติ ยถา รตฺติยํ จนฺทาโลโก อุปลโทฺธ, เอวํ ทิวาปิ รตฺติํ ทิฎฺฐากาเรเนว ตํ อาโลกํ มนสิ กโรติ, จิเตฺต ฐเปติฯ วิวเฎนาติ ถินมิเทฺธน อปิหิตตฺตา วิวเฎนฯ อโนนเทฺธนาติ อสญฺฉาทิเตนฯ สโหภาสกนฺติ สญฺญาโณภาสํฯ ทิพฺพจกฺขุญาณํ รูปคตสฺส ทิพฺพสฺส อิตรสฺส จ ทสฺสนเฎฺฐน อิธ ญาณทสฺสนนฺติ อธิเปฺปตนฺติ อาห ‘‘ทิพฺพจกฺขุสงฺขาตสฺสา’’ติอาทิฯ
29. Navame diṭṭhadhammo vuccati paccakkho attabhāvoti āha ‘‘imasmiṃyeva attabhāve’’ti. Sukhavihāratthāyāti nikkilesatāya nirāmisena sukhena vihāratthāya. Ālokasaññaṃ manasi karotīti sūriyacandapajjotamaṇiukkāvijjuādīnaṃ āloko divā rattiñca upaladdho, yathāladdhavaseneva ālokaṃ manasi karoti, citte ṭhapeti. Tathā ca naṃ manasi karoti, yathāssa subhāvitālokakasiṇassa viya kasiṇāloko yathicchakaṃ yāvadicchakañca so āloko rattiyaṃ upatiṭṭhati. Yena tattha divāsaññaṃ ṭhapeti, divāriva vigatathinamiddho hoti. Tenāha ‘‘yathā divā tathā ratti’’nti. Divāti saññaṃ ṭhapetīti vuttanayena manasi katvā divāriva saññaṃ uppādeti. Yathānena divā…pe… tatheva taṃ manasi karotīti yathānena divā upaladdho sūriyāloko, evaṃ rattimpi divā diṭṭhākāreneva taṃ ālokaṃ manasi karoti. Yathā canena rattiṃ…pe… manasi karotīti yathā rattiyaṃ candāloko upaladdho, evaṃ divāpi rattiṃ diṭṭhākāreneva taṃ ālokaṃ manasi karoti, citte ṭhapeti. Vivaṭenāti thinamiddhena apihitattā vivaṭena. Anonaddhenāti asañchāditena. Sahobhāsakanti saññāṇobhāsaṃ. Dibbacakkhuñāṇaṃ rūpagatassa dibbassa itarassa ca dassanaṭṭhena idha ñāṇadassananti adhippetanti āha ‘‘dibbacakkhusaṅkhātassā’’tiādi.
อุทฺธํ ชีวิตปริยาทานาติ ชีวิตกฺขยโต อุปริ มรณโต ปรํฯ สมุคฺคเตนาติ อุฎฺฐิเตนฯ ธุมาตตฺตาติ อุทฺธํ อุทฺธํ ธุมาตตฺตา สูนตฺตา ฯ เสตรเตฺตหิ วิปริภินฺนํ วิมิสฺสิตํ นีลํ, ปุริมวณฺณวิปริณามภูตํ วา นีลํ วินีลํ, วินีลเมว วินีลกนฺติ ก-กาเรน ปทวฑฺฒนมาห อนตฺถนฺตรโต ยถา ‘‘ปีตกํ โลหิตก’’นฺติฯ ปฎิกูลตฺตาติ ชิคุจฺฉนียตฺตาฯ กุจฺฉิตํ วินีลํ วินีลกนฺติ กุจฺฉนโตฺถ วา อยํ ก-กาโรติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํ ยถา ‘‘ปาปโก กิตฺติสโทฺท อพฺภุคฺคจฺฉตี’’ติ (ที. นิ. ๓.๓๑๖; อ. นิ. ๕.๒๑๓)ฯ ปริภินฺนฎฺฐาเนหิ กากธงฺกาทีหิ ฯ วิสฺสนฺทมานํ ปุพฺพนฺติ วิสฺสวนฺตปุพฺพํ, ตหํ ตหํ ปคฺฆรนฺตปุพฺพนฺติ อโตฺถฯ ตถาภาวนฺติ วิสฺสนฺทมานปุพฺพตํฯ
Uddhaṃ jīvitapariyādānāti jīvitakkhayato upari maraṇato paraṃ. Samuggatenāti uṭṭhitena. Dhumātattāti uddhaṃ uddhaṃ dhumātattā sūnattā . Setarattehi viparibhinnaṃ vimissitaṃ nīlaṃ, purimavaṇṇavipariṇāmabhūtaṃ vā nīlaṃ vinīlaṃ, vinīlameva vinīlakanti ka-kārena padavaḍḍhanamāha anatthantarato yathā ‘‘pītakaṃ lohitaka’’nti. Paṭikūlattāti jigucchanīyattā. Kucchitaṃ vinīlaṃ vinīlakanti kucchanattho vā ayaṃ ka-kāroti dassetuṃ vuttaṃ yathā ‘‘pāpako kittisaddo abbhuggacchatī’’ti (dī. ni. 3.316; a. ni. 5.213). Paribhinnaṭṭhānehi kākadhaṅkādīhi . Vissandamānaṃ pubbanti vissavantapubbaṃ, tahaṃ tahaṃ paggharantapubbanti attho. Tathābhāvanti vissandamānapubbataṃ.
โส ภิกฺขูติ โย ‘‘ปเสฺสยฺย สรีรํ สีวถิกาย ฉฑฺฑิต’’นฺติ วุโตฺต, โส ภิกฺขุฯ อุปสํหรติ สทิสตํฯ อยมฺปิ โขติอาทิ อุปสํหรณาการทสฺสนํฯ อายูติ รูปชีวิตินฺทฺริยํฯ อรูปชีวิตินฺทฺริยํ ปเนตฺถ วิญฺญาณคติกเมวฯ อุสฺมาติ กมฺมชเตโชฯ เอวํปูติกสภาโวติ เอวํ อติวิย ปูติสภาโว อายุอาทิวิคเม วิยาติ อธิปฺปาโยฯ เอทิโส ภวิสฺสตีติ เอวํภาวีติ อาห ‘‘เอวเมวํ อุทฺธุมาตาทิเภโท ภวิสฺสตี’’ติฯ
So bhikkhūti yo ‘‘passeyya sarīraṃ sīvathikāya chaḍḍita’’nti vutto, so bhikkhu. Upasaṃharati sadisataṃ. Ayampi khotiādi upasaṃharaṇākāradassanaṃ. Āyūti rūpajīvitindriyaṃ. Arūpajīvitindriyaṃ panettha viññāṇagatikameva. Usmāti kammajatejo. Evaṃpūtikasabhāvoti evaṃ ativiya pūtisabhāvo āyuādivigame viyāti adhippāyo. Ediso bhavissatīti evaṃbhāvīti āha ‘‘evamevaṃ uddhumātādibhedo bhavissatī’’ti.
ลุญฺจิตฺวา ลุญฺจิตฺวาติ อุปฺปาเฎตฺวา อุปฺปาเฎตฺวาฯ เสสาวเสสมํสโลหิตยุตฺตนฺติ สพฺพโส อกฺขาทิตตฺตา ตหํ ตหํ เสเสน อปฺปาวเสเสน มํสโลหิเตน ยุตฺตํฯ อเญฺญน หตฺถฎฺฐิกนฺติ อวิเสเสน หตฺถฎฺฐิกานํ วิปฺปกิณฺณตา โชติตาติ อนวเสสโต เตสํ วิปฺปกิณฺณตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘จตุสฎฺฐิเภทมฺปี’’ติอาทิมาหฯ เตโรวสฺสิกานีติ ติโรวสฺสคตานิฯ ตานิ ปน สํวจฺฉรํ วีติวตฺตานิ โหนฺตีติ อาห ‘‘อติกฺกนฺตสํวจฺฉรานี’’ติฯ ปุราณตาย ฆนภาววิคเมน วิจุณฺณตา อิธ ปูติภาโวฯ โส ยถา โหติ, ตํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อโพฺภกาเส’’ติอาทิมาหฯ อเนกธาตูนนฺติ จกฺขุธาตุอาทีนํ, กามธาตุอาทีนํ วาฯ สติยา จ ญาณสฺส จ อตฺถายาติ ‘‘อภิกฺกเนฺต ปฎิกฺกเนฺต สมฺปชานการี โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๑๔; ๒.๓๗๖; ม. นิ. ๑.๑๐๙) วุตฺตาย สตฺตฎฺฐานิกาย สติยา เจว ตํสมฺปยุตฺตญาณสฺส จ อตฺถายฯ
Luñcitvā luñcitvāti uppāṭetvā uppāṭetvā. Sesāvasesamaṃsalohitayuttanti sabbaso akkhāditattā tahaṃ tahaṃ sesena appāvasesena maṃsalohitena yuttaṃ. Aññena hatthaṭṭhikanti avisesena hatthaṭṭhikānaṃ vippakiṇṇatā jotitāti anavasesato tesaṃ vippakiṇṇataṃ dassento ‘‘catusaṭṭhibhedampī’’tiādimāha. Terovassikānīti tirovassagatāni. Tāni pana saṃvaccharaṃ vītivattāni hontīti āha ‘‘atikkantasaṃvaccharānī’’ti. Purāṇatāya ghanabhāvavigamena vicuṇṇatā idha pūtibhāvo. So yathā hoti, taṃ dassento ‘‘abbhokāse’’tiādimāha. Anekadhātūnanti cakkhudhātuādīnaṃ, kāmadhātuādīnaṃ vā. Satiyā ca ñāṇassa ca atthāyāti ‘‘abhikkante paṭikkante sampajānakārī hotī’’tiādinā (dī. ni. 1.214; 2.376; ma. ni. 1.109) vuttāya sattaṭṭhānikāya satiyā ceva taṃsampayuttañāṇassa ca atthāya.
อุทายีสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Udāyīsuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๙. อุทายีสุตฺตํ • 9. Udāyīsuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๙. อุทายีสุตฺตวณฺณนา • 9. Udāyīsuttavaṇṇanā