Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๒. อุทายิเตฺถรคาถาวณฺณนา
2. Udāyittheragāthāvaṇṇanā
มนุสฺสภูตนฺติอาทิกา อายสฺมโต อุทายิเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินิตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปิลวตฺถุสฺมิํ พฺราหฺมณกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุทายีติ ลทฺธนาโม วยปฺปโตฺต สตฺถุ ญาติสมาคเม พุทฺธานุภาวํ ทิสฺวา, ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ ตโย หิ อิเม อุทายิเตฺถรา อมจฺจปุโตฺต ปุเพฺพ อาคโต กาฬุทายี, โกวริยปุโตฺต ลาลุทายี, อยํ พฺราหฺมณปุโตฺต มหาอุทายีติฯ สฺวายํ เอกทิวสํ สตฺถารา เสตวารณํ สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตํ มหาชเนน ปสํสิยมานํ อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา นาโคปมสุตฺตเนฺต (อ. นิ. ๖.๔๓) เทสิเต เทสนาปริโยสาเน อตฺตโน ญาณพลานุรูปํ สตฺถุ คุเณ อนุสฺสริตฺวา, พุทฺธารมฺมณาย ปีติยา สมุสฺสาหิตมานโส ‘‘อยํ มหาชโน อิมํ ติรจฺฉานคตํ นาคํ ปสํสติ, น พุทฺธมหานาคํฯ หนฺทาหํ พุทฺธมหาคนฺธหตฺถิโน คุเณ ปากเฎ กริสฺสามี’’ติ สตฺถารํ โถเมโนฺต –
Manussabhūtantiādikā āyasmato udāyittherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinitvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kapilavatthusmiṃ brāhmaṇakule nibbattitvā udāyīti laddhanāmo vayappatto satthu ñātisamāgame buddhānubhāvaṃ disvā, paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tayo hi ime udāyittherā amaccaputto pubbe āgato kāḷudāyī, kovariyaputto lāludāyī, ayaṃ brāhmaṇaputto mahāudāyīti. Svāyaṃ ekadivasaṃ satthārā setavāraṇaṃ sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitaṃ mahājanena pasaṃsiyamānaṃ aṭṭhuppattiṃ katvā nāgopamasuttante (a. ni. 6.43) desite desanāpariyosāne attano ñāṇabalānurūpaṃ satthu guṇe anussaritvā, buddhārammaṇāya pītiyā samussāhitamānaso ‘‘ayaṃ mahājano imaṃ tiracchānagataṃ nāgaṃ pasaṃsati, na buddhamahānāgaṃ. Handāhaṃ buddhamahāgandhahatthino guṇe pākaṭe karissāmī’’ti satthāraṃ thomento –
๖๘๙.
689.
‘‘มนุสฺสภูตํ สมฺพุทฺธํ, อตฺตทนฺตํ สมาหิตํ;
‘‘Manussabhūtaṃ sambuddhaṃ, attadantaṃ samāhitaṃ;
อิริยมานํ พฺรหฺมปเถ, จิตฺตสฺสูปสเม รตํฯ
Iriyamānaṃ brahmapathe, cittassūpasame rataṃ.
๖๙๐.
690.
‘‘ยํ มนุสฺสา นมสฺสนฺติ, สพฺพธมฺมาน ปารคุํ;
‘‘Yaṃ manussā namassanti, sabbadhammāna pāraguṃ;
เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺติ, อิติ เม อรหโต สุตํฯ
Devāpi taṃ namassanti, iti me arahato sutaṃ.
๖๙๑.
691.
‘‘สพฺพสํโยชนาตีตํ , วนา นิพฺพนมาคตํ;
‘‘Sabbasaṃyojanātītaṃ , vanā nibbanamāgataṃ;
กาเมหิ เนกฺขมฺมรตํ, มุตฺตํ เสลาว กญฺจนํฯ
Kāmehi nekkhammarataṃ, muttaṃ selāva kañcanaṃ.
๖๙๒.
692.
‘‘ส เว อจฺจรุจิ นาโค, หิมวาวเญฺญ สิลุจฺจเย;
‘‘Sa ve accaruci nāgo, himavāvaññe siluccaye;
สเพฺพสํ นาคนามานํ, สจฺจนาโม อนุตฺตโรฯ
Sabbesaṃ nāganāmānaṃ, saccanāmo anuttaro.
๖๙๓.
693.
‘‘นาคํ โว กิตฺตยิสฺสามิ, น หิ อาคุํ กโรติ โส;
‘‘Nāgaṃ vo kittayissāmi, na hi āguṃ karoti so;
โสรจฺจํ อวิหิํสา จ, ปาทา นาคสฺส เต ทุเวฯ
Soraccaṃ avihiṃsā ca, pādā nāgassa te duve.
๖๙๔.
694.
‘‘สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ, จรณา นาคสฺส เตปเร;
‘‘Sati ca sampajaññañca, caraṇā nāgassa tepare;
สทฺธาหโตฺถ มหานาโค, อุเปกฺขาเสตทนฺตวาฯ
Saddhāhattho mahānāgo, upekkhāsetadantavā.
๖๙๕.
695.
‘‘สติ คีวา สิโร ปญฺญา, วีมํสา ธมฺมจินฺตนา;
‘‘Sati gīvā siro paññā, vīmaṃsā dhammacintanā;
ธมฺมกุจฺฉิสมาวาโส, วิเวโก ตสฺส วาลธิฯ
Dhammakucchisamāvāso, viveko tassa vāladhi.
๖๙๖.
696.
‘‘โส ฌายี อสฺสาสรโต, อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโต;
‘‘So jhāyī assāsarato, ajjhattaṃ susamāhito;
คจฺฉํ สมาหิโต นาโค, ฐิโต นาโค สมาหิโตฯ
Gacchaṃ samāhito nāgo, ṭhito nāgo samāhito.
๖๙๗.
697.
‘‘สยํ สมาหิโต นาโค, นิสิโนฺนปิ สมาหิโต;
‘‘Sayaṃ samāhito nāgo, nisinnopi samāhito;
สพฺพตฺถ สํวุโต นาโค, เอสา นาคสฺส สมฺปทาฯ
Sabbattha saṃvuto nāgo, esā nāgassa sampadā.
๖๙๘.
698.
‘‘ภุญฺชติ อนวชฺชานิ, สาวชฺชานิ น ภุญฺชติ;
‘‘Bhuñjati anavajjāni, sāvajjāni na bhuñjati;
ฆาสมจฺฉาทนํ ลทฺธา, สนฺนิธิํ ปริวชฺชยํฯ
Ghāsamacchādanaṃ laddhā, sannidhiṃ parivajjayaṃ.
๖๙๙.
699.
‘‘สํโยชนํ อณุํ ถูลํ, สพฺพํ เฉตฺวาน พนฺธนํ;
‘‘Saṃyojanaṃ aṇuṃ thūlaṃ, sabbaṃ chetvāna bandhanaṃ;
เยน เยเนว คจฺฉติ, อนเปโกฺขว คจฺฉติฯ
Yena yeneva gacchati, anapekkhova gacchati.
๗๐๐.
700.
‘‘ยถาปิ อุทเก ชาตํ, ปุณฺฑรีกํ ปวฑฺฒติ;
‘‘Yathāpi udake jātaṃ, puṇḍarīkaṃ pavaḍḍhati;
โนปลิปฺปติ โตเยน, สุจิคนฺธํ มโนรมํฯ
Nopalippati toyena, sucigandhaṃ manoramaṃ.
๗๐๑.
701.
‘‘ตเถว จ โลเก ชาโต, พุโทฺธ โลเก วิหรติ;
‘‘Tatheva ca loke jāto, buddho loke viharati;
โนปลิปฺปติ โลเกน, โตเยน ปทุมํ ยถาฯ
Nopalippati lokena, toyena padumaṃ yathā.
๗๐๒.
702.
‘‘มหาคินิ ปชฺชลิโต, อนาหาโรปสมฺมติ;
‘‘Mahāgini pajjalito, anāhāropasammati;
องฺคาเรสุ จ สเนฺตสุ, นิพฺพุโตติ ปวุจฺจติฯ
Aṅgāresu ca santesu, nibbutoti pavuccati.
๗๐๓.
703.
‘‘อตฺถสฺสายํ วิญฺญาปนี, อุปมา วิญฺญูหิ เทสิตา;
‘‘Atthassāyaṃ viññāpanī, upamā viññūhi desitā;
วิญฺญิสฺสนฺติ มหานาคา, นาคํ นาเคน เทสิตํฯ
Viññissanti mahānāgā, nāgaṃ nāgena desitaṃ.
๗๐๔.
704.
‘‘วีตราโค วีตโทโส, วีตโมโห อนาสโว;
‘‘Vītarāgo vītadoso, vītamoho anāsavo;
สรีรํ วิชหํ นาโค, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโว’’ติฯ – อิมา คาถา อภาสิ;
Sarīraṃ vijahaṃ nāgo, parinibbissatyanāsavo’’ti. – imā gāthā abhāsi;
ตตฺถ มนุสฺสภูตนฺติ มนุเสฺสสุ ภูตํ, นิพฺพตฺตํ; มนุสฺสตฺตภาวํ วา ปตฺตํฯ สตฺถา หิ อาสวกฺขยญาณาธิคเมน สพฺพคติวิมุโตฺตปิ จริมตฺตภาเว คหิตปฎิสนฺธิวเสน ‘‘มนุโสฺส’’เตฺวว โวหรียตีติฯ คุณวเสน ปน เทวานํ อติเทโว, พฺรหฺมานํ อติพฺรหฺมาฯ สมฺพุทฺธนฺติ สยเมว พุชฺฌิตพฺพพุทฺธวนฺตํฯ อตฺตทนฺตนฺติ อตฺตนาเยว ทนฺตํฯ ภควา หิ อตฺตนาเยว อุปฺปาทิเตน อริยมเคฺคน จกฺขุโตปิ…เป.… มนโตปิ อุตฺตเมน ทมเถน ทโนฺตฯ สมาหิตนฺติ อฎฺฐวิเธน สมาธินา มคฺคผลสมาธินา จ สมาหิตํฯ อิริยมานํ พฺรหฺมปเถติ จตุพฺพิเธปิ พฺรหฺมวิหารปเถ, พฺรเหฺม วา เสเฎฺฐ ผลสมาปตฺติปเถ สมาปชฺชนวเสน ปวตฺตมานํฯ กิญฺจาปิ ภควา น สพฺพกาลํ ยถาวุเตฺต พฺรหฺมปเถ อิริยติ, ตตฺถ อิริยสามตฺถิยํ ปน ตนฺนินฺนตญฺจ อุปาทาย ‘‘อิริยมาน’’นฺติ วุตฺตํฯ จิตฺตสฺสูปสเม รตนฺติ จิตฺตสฺส อุปสมเหตุภูเต สพฺพสงฺขารสมเถ, นิพฺพาเน, อภิรตํฯ ยํ มนุสฺสา นมสฺสนฺติ, สพฺพธมฺมาน ปารคุนฺติ ยํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ สเพฺพสํ ขนฺธายตนาทิธมฺมานํ อภิญฺญาปารคู, ปริญฺญาปารคู, ปหานปารคู, ภาวนาปารคู, สจฺฉิกิริยปารคู, สมาปตฺติปารคูติ ฉธา ปารคุํ ปรมุกฺกํสคตสมฺปตฺติํ ขตฺติยปณฺฑิตาทโย มนุสฺสา นมสฺสนฺติฯ ธมฺมานุธมฺมปฎิปตฺติยา ปูเชนฺตา กาเยน วาจาย มนสา จ ตนฺนินฺนา ตโปฺปณา ตปฺปพฺภารา โหนฺติฯ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺตีติ น เกวลํ มนุสฺสา เอว, อถ โข อปริมาณาสุ โลกธาตูสุ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺติฯ อิติ เม อรหโต สุตนฺติ เอวํ มยา อารกตฺตาทีหิ การเณหิ อรหโต, ภควโต, ธมฺมเสนาปติอาทีนญฺจ ‘‘สตฺถา เทวมนุสฺสาน’’นฺติอาทิกํ วทนฺตานํ สนฺติเก เอวํ สุตนฺติ ทเสฺสติฯ
Tattha manussabhūtanti manussesu bhūtaṃ, nibbattaṃ; manussattabhāvaṃ vā pattaṃ. Satthā hi āsavakkhayañāṇādhigamena sabbagativimuttopi carimattabhāve gahitapaṭisandhivasena ‘‘manusso’’tveva voharīyatīti. Guṇavasena pana devānaṃ atidevo, brahmānaṃ atibrahmā. Sambuddhanti sayameva bujjhitabbabuddhavantaṃ. Attadantanti attanāyeva dantaṃ. Bhagavā hi attanāyeva uppāditena ariyamaggena cakkhutopi…pe… manatopi uttamena damathena danto. Samāhitanti aṭṭhavidhena samādhinā maggaphalasamādhinā ca samāhitaṃ. Iriyamānaṃ brahmapatheti catubbidhepi brahmavihārapathe, brahme vā seṭṭhe phalasamāpattipathe samāpajjanavasena pavattamānaṃ. Kiñcāpi bhagavā na sabbakālaṃ yathāvutte brahmapathe iriyati, tattha iriyasāmatthiyaṃ pana tanninnatañca upādāya ‘‘iriyamāna’’nti vuttaṃ. Cittassūpasame ratanti cittassa upasamahetubhūte sabbasaṅkhārasamathe, nibbāne, abhirataṃ. Yaṃ manussā namassanti, sabbadhammāna pāragunti yaṃ sammāsambuddhaṃ sabbesaṃ khandhāyatanādidhammānaṃ abhiññāpāragū, pariññāpāragū, pahānapāragū, bhāvanāpāragū, sacchikiriyapāragū, samāpattipāragūti chadhā pāraguṃ paramukkaṃsagatasampattiṃ khattiyapaṇḍitādayo manussā namassanti. Dhammānudhammapaṭipattiyā pūjentā kāyena vācāya manasā ca tanninnā tappoṇā tappabbhārā honti. Devāpi taṃ namassantīti na kevalaṃ manussā eva, atha kho aparimāṇāsu lokadhātūsu devāpi taṃ namassanti. Iti me arahato sutanti evaṃ mayā ārakattādīhi kāraṇehi arahato, bhagavato, dhammasenāpatiādīnañca ‘‘satthā devamanussāna’’ntiādikaṃ vadantānaṃ santike evaṃ sutanti dasseti.
สพฺพสํโยชนาตีตนฺติ สพฺพานิ ทสปิ สํโยชนานิ ยถารหํ จตูหิ มเคฺคหิ สห วาสนาย อติกฺกนฺตํฯ วนา นิพฺพนมาคตนฺติ กิเลสวนโต ตพฺพิรหิตํ นิพฺพนํ อุปคตํฯ กาเมหิ เนกฺขมฺมรตนฺติ สพฺพโส กาเมหิ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชฺชาฌานวิปสฺสนาทิเภเท เนกฺขเมฺม อภิรตํฯ มุตฺตํ เสลาว กญฺจนนฺติ อสารโต นิสฺสฎสารสภาวตฺตา เสลโต นิสฺสฎกญฺจนสทิสํ เทวาปิ ตํ นมสฺสนฺตีติ โยชนาฯ
Sabbasaṃyojanātītanti sabbāni dasapi saṃyojanāni yathārahaṃ catūhi maggehi saha vāsanāya atikkantaṃ. Vanā nibbanamāgatanti kilesavanato tabbirahitaṃ nibbanaṃ upagataṃ. Kāmehi nekkhammaratanti sabbaso kāmehi nikkhamitvā pabbajjājhānavipassanādibhede nekkhamme abhirataṃ. Muttaṃ selāva kañcananti asārato nissaṭasārasabhāvattā selato nissaṭakañcanasadisaṃ devāpi taṃ namassantīti yojanā.
ส เว อจฺจรุจิ นาโคติ โส เอกํสโต อาคุํ น กโรติ, ปุนพฺภวํ น คจฺฉติ; นาโค วิย พลวาติฯ ‘‘นาโค’’ติ ลทฺธนาโม สมฺมาสมฺพุโทฺธ, อจฺจรุจีติ อตฺตโน กายรุจิยา ญาณรุจิยา จ สเทวกํ โลกํ อติกฺกมิตฺวา รุจิ, โสภิฯ ยถา กิํ? หิมวาวเญฺญ สิลุจฺจเย, ยถา หิ หิมวา ปพฺพตราชา อตฺตโน ถิรครุมหาสารภาวาทีหิ คุเณหิ อเญฺญ ปพฺพเต อติโรจติ, เอวํ อติโรจตีติ อโตฺถฯ สเพฺพสํ นาคนามานนฺติ อหินาคหตฺถินาคปุริสนาคานํ , เสขาเสขปเจฺจกพุทฺธนาคานํ วาฯ สจฺจนาโมติ สเจฺจเนว นาคนาโมฯ ตํ ปน สจฺจนามตํ ‘‘น หิ อาคุํ กโรตี’’ติอาทินา สยเมว วกฺขติฯ
Save accaruci nāgoti so ekaṃsato āguṃ na karoti, punabbhavaṃ na gacchati; nāgo viya balavāti. ‘‘Nāgo’’ti laddhanāmo sammāsambuddho, accarucīti attano kāyaruciyā ñāṇaruciyā ca sadevakaṃ lokaṃ atikkamitvā ruci, sobhi. Yathā kiṃ? Himavāvaññe siluccaye, yathā hi himavā pabbatarājā attano thiragarumahāsārabhāvādīhi guṇehi aññe pabbate atirocati, evaṃ atirocatīti attho. Sabbesaṃ nāganāmānanti ahināgahatthināgapurisanāgānaṃ , sekhāsekhapaccekabuddhanāgānaṃ vā. Saccanāmoti sacceneva nāganāmo. Taṃ pana saccanāmataṃ ‘‘na hi āguṃ karotī’’tiādinā sayameva vakkhati.
อิทานิ พุทฺธนาคํ อวยวโต จ ทเสฺสโนฺต นามโต ตาว ทเสฺสตุํ ‘‘น หิ อาคุํ กโรติ โส’’ติ อาหฯ ยสฺมา อาคุํ, ปาปํ, สเพฺพน สพฺพํ น กโรติ, ตสฺมา นาโคติ อโตฺถฯ โสรจฺจนฺติ สีลํฯ อวิหิํสาติ กรุณาฯ ตทุภยํ สพฺพสฺสปิ คุณราสิสฺส ปุพฺพงฺคมนฺติ, กตฺวา พุทฺธนาคสฺส ปุริมปาทภาโว ตสฺส ยุโตฺตติ อาห ‘‘ปาทา นาคสฺส เต ทุเว’’ติฯ
Idāni buddhanāgaṃ avayavato ca dassento nāmato tāva dassetuṃ ‘‘na hi āguṃ karoti so’’ti āha. Yasmā āguṃ, pāpaṃ, sabbena sabbaṃ na karoti, tasmā nāgoti attho. Soraccanti sīlaṃ. Avihiṃsāti karuṇā. Tadubhayaṃ sabbassapi guṇarāsissa pubbaṅgamanti, katvā buddhanāgassa purimapādabhāvo tassa yuttoti āha ‘‘pādā nāgassa te duve’’ti.
อปรปาทภาเวน วทโนฺต ‘‘สติ จ สมฺปชญฺญญฺจ, จรณา นาคสฺส เตปเร’’ติ อาหฯ ‘‘ตฺยาปเร’’ติ วา ปาโฐฯ เต อปเรเตฺวว ปทวิภาโคฯ อนวชฺชธมฺมานํ อาทาเน สทฺธา หโตฺถ เอตสฺสาติ, สทฺธาหโตฺถฯ สุปริสุทฺธเวทนา ญาณปฺปเภทา อุเปกฺขา เสตทนฺตา เต เอตสฺส อตฺถีติ, อุเปกฺขาเสตทนฺตวาฯ
Aparapādabhāvena vadanto ‘‘sati ca sampajaññañca, caraṇā nāgassa tepare’’ti āha. ‘‘Tyāpare’’ti vā pāṭho. Te aparetveva padavibhāgo. Anavajjadhammānaṃ ādāne saddhā hattho etassāti, saddhāhattho. Suparisuddhavedanā ñāṇappabhedā upekkhā setadantā te etassa atthīti, upekkhāsetadantavā.
อุตฺตมงฺคํ ปญฺญา, ตสฺสา อธิฎฺฐานํ สตีติ อาห ‘‘สติ คีวา สิโร ปญฺญา’’ติฯ วีมํสา ธมฺมจินฺตนาติ ยถา ขาทิตพฺพาขาทิตพฺพสฺส โสณฺฑาย ปรามสนํ ฆายนญฺจ หตฺถินาคสฺส วีมํสา นาม โหติ, เอวํ พุทฺธนาคสฺส กุสลาทิธมฺมจินฺตนา วีมํสาฯ สมา วสนฺติ เอตฺถาติ, สมาวาโส, ภาชนํ กุจฺฉิ เอว สมาวาโส, อภิญฺญาสมถานํ อาธานภาวโต สมถวิปสฺสนาสงฺขาโต ธโมฺม กุจฺฉิสมาวาโส เอตสฺสาติ ธมฺมกุจฺฉิสมาวาโสฯ วิเวโกติ อุปธิวิเวโกฯ ตสฺสาติ พุทฺธนาคสฺสฯ วาลธิ, ปริโยสานงฺคภาวโตฯ
Uttamaṅgaṃ paññā, tassā adhiṭṭhānaṃ satīti āha ‘‘sati gīvā siro paññā’’ti. Vīmaṃsā dhammacintanāti yathā khāditabbākhāditabbassa soṇḍāya parāmasanaṃ ghāyanañca hatthināgassa vīmaṃsā nāma hoti, evaṃ buddhanāgassa kusalādidhammacintanā vīmaṃsā. Samā vasanti etthāti, samāvāso, bhājanaṃ kucchi eva samāvāso, abhiññāsamathānaṃ ādhānabhāvato samathavipassanāsaṅkhāto dhammo kucchisamāvāso etassāti dhammakucchisamāvāso. Vivekoti upadhiviveko. Tassāti buddhanāgassa. Vāladhi, pariyosānaṅgabhāvato.
ฌายีติ อารมฺมณูปนิชฺฌาเนน จ ฌายนสีโลฯ อสฺสาสรโตติ ปรมสฺสาสภูเต นิพฺพาเน รโตฯ อชฺฌตฺตํ สุสมาหิโตติ วิสยชฺฌเตฺต ผลสมาปตฺติยํ สุฎฺฐุ สมาหิโต ตทิทํ สมาธานํ สุฎฺฐุ สพฺพกาลิกนฺติ ทเสฺสตุํ ‘‘คจฺฉํ สมาหิโต นาโค’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ภควา หิ สวาสนสฺส อุทฺธจฺจสฺส ปหีนตฺตา วิเกฺขปาภาวโต นิจฺจํ สมาหิโตวฯ ตสฺมา ยํ ยํ อิริยาปถํ กเปฺปติ, ตํ ตํ สมาหิโตว กเปฺปสีติฯ
Jhāyīti ārammaṇūpanijjhānena ca jhāyanasīlo. Assāsaratoti paramassāsabhūte nibbāne rato. Ajjhattaṃ susamāhitoti visayajjhatte phalasamāpattiyaṃ suṭṭhu samāhito tadidaṃ samādhānaṃ suṭṭhu sabbakālikanti dassetuṃ ‘‘gacchaṃ samāhito nāgo’’tiādi vuttaṃ. Bhagavā hi savāsanassa uddhaccassa pahīnattā vikkhepābhāvato niccaṃ samāhitova. Tasmā yaṃ yaṃ iriyāpathaṃ kappeti, taṃ taṃ samāhitova kappesīti.
สพฺพตฺถาติ, สพฺพสฺมิํ โคจเร, สพฺพสฺมิญฺจ ทฺวาเร สพฺพโส ปิหิตวุตฺติฯ เตนาห – ‘‘สพฺพํ กายกมฺมํ ญาณปุพฺพงฺคมํ ญาณานุปริวตฺต’’นฺติอาทิ (เนตฺติ. ๑๕)ฯ เอสา นาคสฺส สมฺปทาติ เอสา ‘‘น หิ อาคุํ กโรติ โส’’ติอาทินา ‘‘สมฺพุทฺธ’’นฺติอาทินา เอว วา ยถาวุตฺตา วกฺขมานา จ พุทฺธคนฺธหตฺถิโน สมฺปตฺติ คุณปริปุณฺณาฯ
Sabbatthāti, sabbasmiṃ gocare, sabbasmiñca dvāre sabbaso pihitavutti. Tenāha – ‘‘sabbaṃ kāyakammaṃ ñāṇapubbaṅgamaṃ ñāṇānuparivatta’’ntiādi (netti. 15). Esā nāgassa sampadāti esā ‘‘na hi āguṃ karoti so’’tiādinā ‘‘sambuddha’’ntiādinā eva vā yathāvuttā vakkhamānā ca buddhagandhahatthino sampatti guṇaparipuṇṇā.
ภุญฺชติ อนวชฺชานีติ สมฺมาชีวสฺส อุกฺกํสปารมิปฺปตฺติยา ภุญฺชติ อครหิตพฺพานิ, มิจฺฉาชีวสฺส สพฺพโส สวาสนานญฺจ ปหีนตฺตา สาวชฺชานิ ครหิตพฺพานิ น ภุญฺชติ อนวชฺชานิ ภุญฺชโนฺต จ สนฺนิธิํ ปริวชฺชยํ ภุญฺชตีติ โยชนาฯ
Bhuñjatianavajjānīti sammājīvassa ukkaṃsapāramippattiyā bhuñjati agarahitabbāni, micchājīvassa sabbaso savāsanānañca pahīnattā sāvajjāni garahitabbāni na bhuñjati anavajjāni bhuñjanto ca sannidhiṃ parivajjayaṃ bhuñjatīti yojanā.
สํโยชนนฺติ วฎฺฎทุเกฺขน สทฺธิํ สนฺตานํ สํโยชนโต วเฎฺฎ โอสีทาปนสมตฺถํ ทสวิธมฺปิ สํโยชนํฯ อณุํ ถูลนฺติ ขุทฺทกเญฺจว มหนฺตญฺจฯ สพฺพํ เฉตฺวาน พนฺธนนฺติ มคฺคญาเณน อนวเสสํ กิเลสพนฺธนํ ฉินฺทิตฺวาฯ เยน เยนาติ เยน เยน ทิสาภาเคนฯ
Saṃyojananti vaṭṭadukkhena saddhiṃ santānaṃ saṃyojanato vaṭṭe osīdāpanasamatthaṃ dasavidhampi saṃyojanaṃ. Aṇuṃ thūlanti khuddakañceva mahantañca. Sabbaṃ chetvāna bandhananti maggañāṇena anavasesaṃ kilesabandhanaṃ chinditvā. Yena yenāti yena yena disābhāgena.
ยถา หิ อุทเก ชาตํ ปุณฺฑรีกํ อุทเก ปวฑฺฒติ โนปลิปฺปติ โตเยน, อนุปเลปสภาวตฺตา, ตเถว โลเก ชาโต พุโทฺธ โลเก วิหรติ, โนปลิปฺปติ โลเกน ตณฺหาทิฎฺฐิมานเลปาภาวโตติ โยชนาฯ
Yathā hi udake jātaṃ puṇḍarīkaṃ udake pavaḍḍhati nopalippati toyena, anupalepasabhāvattā, tatheva loke jāto buddho loke viharati, nopalippati lokena taṇhādiṭṭhimānalepābhāvatoti yojanā.
คินีติ อคฺคิฯ อนาหาโรติ อนินฺธโนฯ
Ginīti aggi. Anāhāroti anindhano.
อตฺถสฺสายํ วิญฺญาปนีติ สตฺถุ คุณสงฺขาตสฺส อุปเมยฺยตฺถสฺส วิญฺญาปนี, ปกาสนี อยํ นาคูปมาฯ วิญฺญูหีติ สตฺถุ ปฎิวิทฺธจตุสจฺจธมฺมํ ปริชานเนฺตหิ อตฺตานํ สนฺธาย วทติฯ วิญฺญิสฺสนฺตีติอาทิ การณวจนํ, ยสฺมา นาเคน มยา เทสิตํ นาคํ ตถาคตคนฺธหตฺถิํ มหานาคา ขีณาสวา อตฺตโน วิสเย ฐตฺวา วิชานิสฺสนฺติ, ตสฺมา อเญฺญสํ ปุถุชฺชนานํ ญาปนตฺถํ อยํ อุปมา อเมฺหหิ ภาสิตาติ อธิปฺปาโยฯ
Atthassāyaṃ viññāpanīti satthu guṇasaṅkhātassa upameyyatthassa viññāpanī, pakāsanī ayaṃ nāgūpamā. Viññūhīti satthu paṭividdhacatusaccadhammaṃ parijānantehi attānaṃ sandhāya vadati. Viññissantītiādi kāraṇavacanaṃ, yasmā nāgena mayā desitaṃ nāgaṃ tathāgatagandhahatthiṃ mahānāgā khīṇāsavā attano visaye ṭhatvā vijānissanti, tasmā aññesaṃ puthujjanānaṃ ñāpanatthaṃ ayaṃ upamā amhehi bhāsitāti adhippāyo.
สรีรํ วิชหํ นาโค, ปรินิพฺพิสฺสตฺยนาสโวติ โพธิมูเล สอุปาทิเสสปรินิพฺพาเนน อนาสโว สมฺมาสมฺพุทฺธนาโค, อิทานิ สรีรํ อตฺตภาวํ วิชหโนฺต ขนฺธปรินิพฺพาเนน ปรินิพฺพายิสฺสตีติฯ
Sarīraṃvijahaṃ nāgo, parinibbissatyanāsavoti bodhimūle saupādisesaparinibbānena anāsavo sammāsambuddhanāgo, idāni sarīraṃ attabhāvaṃ vijahanto khandhaparinibbānena parinibbāyissatīti.
เอวํ จุทฺทสหิ อุปมาหิ มเณฺฑตฺวา, โสฬสหิ คาถาหิ, จตุสฎฺฐิยา ปาเทหิ สตฺถุ คุเณ วเณฺณโนฺต อนุปาทิเสสาย นิพฺพานธาตุยา เทสนํ นิฎฺฐาเปสิฯ
Evaṃ cuddasahi upamāhi maṇḍetvā, soḷasahi gāthāhi, catusaṭṭhiyā pādehi satthu guṇe vaṇṇento anupādisesāya nibbānadhātuyā desanaṃ niṭṭhāpesi.
อุทายิเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Udāyittheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
โสฬสกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Soḷasakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๒. อุทายิเตฺถรคาถา • 2. Udāyittheragāthā