Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / จูฬวคฺค-อฎฺฐกถา • Cūḷavagga-aṭṭhakathā

    อุเทฺทสภตฺตกถา

    Uddesabhattakathā

    อุเทฺทสภตฺตาทีสุ ปน อยํ นโย – รญฺญา วา ราชมหามเตฺตน วา สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ‘‘เอตฺตเก ภิกฺขู อาเนถา’’ติ ปหิเต กาลํ โฆเสตฺวา ฐิติกา ปุจฺฉิตพฺพาฯ สเจ อตฺถิ, ตโต ปฎฺฐาย คาเหตพฺพํ; โน เจ, เถราสนโต ปฎฺฐาย คาเหตพฺพํฯ อุเทฺทสเกน ปิณฺฑปาติกานมฺปิ น อติกฺกาเมตพฺพํฯ เต ปน ธุตงฺคํ รกฺขนฺตา สยเมว อติกฺกมิสฺสนฺติ; เอวํ คาหิยมาเน อลสชาติกา มหาเถรา ปจฺฉา อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ภเนฺต, วีสติวสฺสานํ คาหิยติ, ตุมฺหากํ ฐิติกา อติกฺกนฺตา’’ติ น วตฺตพฺพา, ฐิติกํ ฐเปตฺวา เตสํ คาเหตฺวา ปจฺฉา ฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ ‘‘อสุกวิหาเร พหุํ อุเทฺทสภตฺตํ อุปฺปนฺน’’นฺติ สุตฺวา โยชนนฺตริกวิหารโตปิ ภิกฺขู อาคจฺฉนฺติ, สมฺปตฺตสมฺปตฺตานํ ฐิตฎฺฐานโต ปฎฺฐาย คาเหตพฺพํฯ อสมฺปตฺตานมฺปิ อุปจารสีมํ ปวิฎฺฐานํ อเนฺตวาสิกาทีสุ คณฺหเนฺตสุ คาเหตพฺพเมวฯ พหิอุปจารสีมาย ฐิตานํ คาเหถาติ วทนฺติ, น คาเหตพฺพํฯ สเจ ปน อุปจารสีมํ โอกฺกเนฺตหิ เอกาพทฺธา หุตฺวา อตฺตโน วิหารทฺวาเร วา อโนฺตวิหาเรเยว วา โหนฺติ, ปริสาวเสน วฑฺฒิตา นาม สีมา โหติ, ตสฺมา คาเหตพฺพํฯ สงฺฆนวกสฺส ทิเนฺนปิ ปจฺฉา อาคตานํ คาเหตพฺพเมว ฯ ทุติยภาเค ปน เถราสนํ อารุเฬฺห ปุน อาคตานํ ปฐมภาโค น ปาปุณาติ, ทุติยภาคโต วสฺสเคฺคน คาเหตพฺพํฯ

    Uddesabhattādīsu pana ayaṃ nayo – raññā vā rājamahāmattena vā saṅghato uddisitvā ‘‘ettake bhikkhū ānethā’’ti pahite kālaṃ ghosetvā ṭhitikā pucchitabbā. Sace atthi, tato paṭṭhāya gāhetabbaṃ; no ce, therāsanato paṭṭhāya gāhetabbaṃ. Uddesakena piṇḍapātikānampi na atikkāmetabbaṃ. Te pana dhutaṅgaṃ rakkhantā sayameva atikkamissanti; evaṃ gāhiyamāne alasajātikā mahātherā pacchā āgacchanti, ‘‘bhante, vīsativassānaṃ gāhiyati, tumhākaṃ ṭhitikā atikkantā’’ti na vattabbā, ṭhitikaṃ ṭhapetvā tesaṃ gāhetvā pacchā ṭhitikāya gāhetabbaṃ. ‘‘Asukavihāre bahuṃ uddesabhattaṃ uppanna’’nti sutvā yojanantarikavihāratopi bhikkhū āgacchanti, sampattasampattānaṃ ṭhitaṭṭhānato paṭṭhāya gāhetabbaṃ. Asampattānampi upacārasīmaṃ paviṭṭhānaṃ antevāsikādīsu gaṇhantesu gāhetabbameva. Bahiupacārasīmāya ṭhitānaṃ gāhethāti vadanti, na gāhetabbaṃ. Sace pana upacārasīmaṃ okkantehi ekābaddhā hutvā attano vihāradvāre vā antovihāreyeva vā honti, parisāvasena vaḍḍhitā nāma sīmā hoti, tasmā gāhetabbaṃ. Saṅghanavakassa dinnepi pacchā āgatānaṃ gāhetabbameva . Dutiyabhāge pana therāsanaṃ āruḷhe puna āgatānaṃ paṭhamabhāgo na pāpuṇāti, dutiyabhāgato vassaggena gāhetabbaṃ.

    เอกสฺมิํ วิหาเร เอกํ ภตฺตุเทฺทสฎฺฐานํ ปริจฺฉินฺทิตฺวา คาวุตปฺปมาณายปิ อุปจารสีมาย ยตฺถ กตฺถจิ อาโรจิตํ อุเทฺทสภตฺตํ, ตสฺมิํเยว ภตฺตุเทฺทสฎฺฐาเน คาเหตพฺพํฯ เอโก เอกสฺส ภิกฺขุโน ปหิณาติ ‘‘เสฺวปิ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ทส ภิกฺขู ปหิณถา’’ติ, เตน โส อโตฺถ ภตฺตุเทฺทสกสฺส อาโรเจตโพฺพฯ สเจ ตํ ทิวสํ ปมุสฺสติ, ทุติยทิวเส ปาโตว อาโรเจตโพฺพฯ อถ ปมุสฺสิตฺวาว ปิณฺฑาย ปวิสโนฺต สรติ, ยาว อุปจารสีมํ นาติกฺกมติ, ตาว ยา โภชนสาลาย ปกติฎฺฐิติกา, ตสฺสาเยว วเสน คาเหตพฺพํฯ สเจปิ อุปจารสีมํ อติกฺกนฺตา ภิกฺขู จ อุปจารสีมฎฺฐเกหิ เอกาพทฺธา โหนฺติ, อญฺญมญฺญํ ทฺวาทสหตฺถนฺตรํ อวิชหิตฺวา คจฺฉนฺติ, ปกติฎฺฐิติกาย วเสน คาเหตพฺพํฯ ภิกฺขูนํ ปน ตาทิเส เอกาพเทฺธ อสติ พหิอุปจารสีมาย ยสฺมิํ ฐาเน สรติ, ตตฺถ นวํ ฐิติกํ กตฺวา คาเหตพฺพํฯ อโนฺตคาเม อาสนสาลาย สรเนฺตน อาสนสาลาย ฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ ยตฺถ กตฺถจิ สริตฺวา คาเหตพฺพเมว, อคาเหตุํ น วฎฺฎติฯ น หิ เอตํ ทุติยทิวเส ลพฺภตีติฯ

    Ekasmiṃ vihāre ekaṃ bhattuddesaṭṭhānaṃ paricchinditvā gāvutappamāṇāyapi upacārasīmāya yattha katthaci ārocitaṃ uddesabhattaṃ, tasmiṃyeva bhattuddesaṭṭhāne gāhetabbaṃ. Eko ekassa bhikkhuno pahiṇāti ‘‘svepi saṅghato uddisitvā dasa bhikkhū pahiṇathā’’ti, tena so attho bhattuddesakassa ārocetabbo. Sace taṃ divasaṃ pamussati, dutiyadivase pātova ārocetabbo. Atha pamussitvāva piṇḍāya pavisanto sarati, yāva upacārasīmaṃ nātikkamati, tāva yā bhojanasālāya pakatiṭṭhitikā, tassāyeva vasena gāhetabbaṃ. Sacepi upacārasīmaṃ atikkantā bhikkhū ca upacārasīmaṭṭhakehi ekābaddhā honti, aññamaññaṃ dvādasahatthantaraṃ avijahitvā gacchanti, pakatiṭṭhitikāya vasena gāhetabbaṃ. Bhikkhūnaṃ pana tādise ekābaddhe asati bahiupacārasīmāya yasmiṃ ṭhāne sarati, tattha navaṃ ṭhitikaṃ katvā gāhetabbaṃ. Antogāme āsanasālāya sarantena āsanasālāya ṭhitikāya gāhetabbaṃ. Yattha katthaci saritvā gāhetabbameva, agāhetuṃ na vaṭṭati. Na hi etaṃ dutiyadivase labbhatīti.

    สเจ สกวิหารโต อญฺญํ วิหารํ คจฺฉเนฺต ภิกฺขู ทิสฺวา โกจิ อุเทฺทสภตฺตํ อุทฺทิสาเปติ, ยาว อโนฺตอุปจาเร วา อุปจารสีมฎฺฐเกหิ สทฺธิํ วุตฺตนเยน เอกาพทฺธา วา โหนฺติ, ตาว สกวิหาเร ฐิติกาวเสเนว คาเหตพฺพํฯ พหิอุปจาเร ฐิตานํ ทินฺนํ ปน ‘‘สงฺฆโต ภเนฺต เอตฺตเก นาม ภิกฺขู อุทฺทิสถา’’ติ วุเตฺต สมฺปตฺตานํ คาเหตพฺพํฯ ตตฺถ ทฺวาทสหตฺถนฺตรํ อวิชหิตฺวา เอกาพทฺธนเยน ทูเร ฐิตาปิ สมฺปตฺตาเยวาติ เวทิตพฺพํฯ สเจ ยํ วิหารํ คจฺฉนฺติ, ตตฺถ ปวิฎฺฐานํ อาโรเจนฺติ, ตสฺส วิหารสฺส ฐิติกาวเสน คาเหตพฺพํฯ สเจปิ คามทฺวาเร วา วีถิยํ วา จตุเกฺก วา อนฺตรฆเร วา ภิกฺขู ทิสฺวา โกจิ สงฺฆุเทฺทสํ อาโรเจติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน อโนฺตอุปจารคตานํ คาเหตพฺพํฯ

    Sace sakavihārato aññaṃ vihāraṃ gacchante bhikkhū disvā koci uddesabhattaṃ uddisāpeti, yāva antoupacāre vā upacārasīmaṭṭhakehi saddhiṃ vuttanayena ekābaddhā vā honti, tāva sakavihāre ṭhitikāvaseneva gāhetabbaṃ. Bahiupacāre ṭhitānaṃ dinnaṃ pana ‘‘saṅghato bhante ettake nāma bhikkhū uddisathā’’ti vutte sampattānaṃ gāhetabbaṃ. Tattha dvādasahatthantaraṃ avijahitvā ekābaddhanayena dūre ṭhitāpi sampattāyevāti veditabbaṃ. Sace yaṃ vihāraṃ gacchanti, tattha paviṭṭhānaṃ ārocenti, tassa vihārassa ṭhitikāvasena gāhetabbaṃ. Sacepi gāmadvāre vā vīthiyaṃ vā catukke vā antaraghare vā bhikkhū disvā koci saṅghuddesaṃ āroceti, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne antoupacāragatānaṃ gāhetabbaṃ.

    ฆรูปจาโร เจตฺถ ‘‘เอกํ ฆรํ เอกูปจารํ, เอกํ ฆรํ นานูปจารํ, นานาฆรํ เอกูปจารํ, นานาฆรํ นานูปจาร’’นฺติ อิเมสํ วเสน เวทิตโพฺพฯ ตตฺถ ยํ เอกกุลสฺส ฆรํ เอกวฬญฺชํ โหติ, ตํ สุปฺปปาตปริเจฺฉทสฺส อโนฺต เอกูปจารํ นามฯ ตตฺถุปฺปโนฺน อุเทฺทสลาโภ ตสฺมิํ อุปจาเร ภิกฺขาจารวเตฺตนปิ ฐิตานํ สเพฺพสํ ปาปุณาติ, เอตํ ‘‘เอกํ ฆรํ เอกูปจารํ’’ นามฯ

    Gharūpacāro cettha ‘‘ekaṃ gharaṃ ekūpacāraṃ, ekaṃ gharaṃ nānūpacāraṃ, nānāgharaṃ ekūpacāraṃ, nānāgharaṃ nānūpacāra’’nti imesaṃ vasena veditabbo. Tattha yaṃ ekakulassa gharaṃ ekavaḷañjaṃ hoti, taṃ suppapātaparicchedassa anto ekūpacāraṃ nāma. Tatthuppanno uddesalābho tasmiṃ upacāre bhikkhācāravattenapi ṭhitānaṃ sabbesaṃ pāpuṇāti, etaṃ ‘‘ekaṃ gharaṃ ekūpacāraṃ’’ nāma.

    ยํ ปน เอกํ ฆรํ ทฺวินฺนํ ภริยานํ สุขวิหารตฺถาย มเชฺฌ ภิตฺติํ อุฎฺฐาเปตฺวา นานาทฺวารวฬญฺชํ กตํ, ตตฺถุปฺปโนฺน อุเทฺทสลาโภ ภิตฺติอนฺตริกสฺส น ปาปุณาติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน นิสินฺนเสฺสว ปาปุณาติ, เอตํ ‘‘เอกํ ฆรํ นานูปจารํ’’ นามฯ

    Yaṃ pana ekaṃ gharaṃ dvinnaṃ bhariyānaṃ sukhavihāratthāya majjhe bhittiṃ uṭṭhāpetvā nānādvāravaḷañjaṃ kataṃ, tatthuppanno uddesalābho bhittiantarikassa na pāpuṇāti, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne nisinnasseva pāpuṇāti, etaṃ ‘‘ekaṃ gharaṃ nānūpacāraṃ’’ nāma.

    ยสฺมิํ ปน ฆเร พหู ภิกฺขู นิมเนฺตตฺวา อโนฺตเคหโต ปฎฺฐาย เอกาพเทฺธ กตฺวา ปฎิวิสฺสกฆรานิปิ ปูเรตฺวา นิสีทาเปนฺติ, ตตฺถุปฺปโนฺน อุเทฺทสลาโภ สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ ยมฺปิ นานากุลสฺส นิเวสนํ มเชฺฌ ภิตฺติํ อกตฺวา เอกทฺวาเรเนว วฬญฺชนฺติ, ตตฺราปิ เอเสว นโยฯ เอตํ ‘‘นานาฆรํ เอกูปจารํ’’ นามฯ

    Yasmiṃ pana ghare bahū bhikkhū nimantetvā antogehato paṭṭhāya ekābaddhe katvā paṭivissakagharānipi pūretvā nisīdāpenti, tatthuppanno uddesalābho sabbesaṃ pāpuṇāti. Yampi nānākulassa nivesanaṃ majjhe bhittiṃ akatvā ekadvāreneva vaḷañjanti, tatrāpi eseva nayo. Etaṃ ‘‘nānāgharaṃ ekūpacāraṃ’’ nāma.

    โย ปน นานานิเวสเนสุ นิสินฺนานํ ภิกฺขูนํ อุเทฺทสลาโภ อุปฺปชฺชติ, กิญฺจาปิ ภิตฺติจฺฉิเทฺทน ภิกฺขู ทิสฺสนฺติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ นิเวสเน นิสินฺนานํเยว ปาปุณาติ, เอตํ ‘‘นานาฆรํ นานูปจารํ’’ นามฯ

    Yo pana nānānivesanesu nisinnānaṃ bhikkhūnaṃ uddesalābho uppajjati, kiñcāpi bhitticchiddena bhikkhū dissanti, tasmiṃ tasmiṃ nivesane nisinnānaṃyeva pāpuṇāti, etaṃ ‘‘nānāgharaṃ nānūpacāraṃ’’ nāma.

    โย ปน คามทฺวารวีถิจตุเกฺกสุ อญฺญตรสฺมิํ ฐาเน อุเทฺทสภตฺตํ ลภิตฺวา อญฺญสฺมิํ ภิกฺขุสฺมิํ อสติ อตฺตโนว ปาปุณาเปตฺวา ทุติยทิวเสปิ ตสฺมิํเยว ฐาเน อญฺญํ ลภติ, เตน ยํ อญฺญํ นวกํ วา วุฑฺฒํ วา ภิกฺขุํ ปสฺสติ, ตสฺส คาเหตพฺพํฯ สเจ โกจิ นตฺถิ, อตฺตโนว ปาเปตฺวา ภุญฺชิตพฺพํฯ

    Yo pana gāmadvāravīthicatukkesu aññatarasmiṃ ṭhāne uddesabhattaṃ labhitvā aññasmiṃ bhikkhusmiṃ asati attanova pāpuṇāpetvā dutiyadivasepi tasmiṃyeva ṭhāne aññaṃ labhati, tena yaṃ aññaṃ navakaṃ vā vuḍḍhaṃ vā bhikkhuṃ passati, tassa gāhetabbaṃ. Sace koci natthi, attanova pāpetvā bhuñjitabbaṃ.

    สเจ อาสนสาลาย นิสีทิตฺวา กาลํ ปฎิมาเนเนฺตสุ ภิกฺขูสุ โกจิ อาคนฺตฺวา ‘‘สงฺฆุเทฺทสปตฺตํ เทถ, อุเทฺทสปตฺตํ เทถ, สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ปตฺตํ เทถ, สงฺฆิกํ ปตฺตํ เทถา’’ติ วา วทติ, อุเทฺทสปตฺตํ ฐิติกาย คาเหตฺวา ทาตพฺพํฯ ‘‘สงฺฆุเทฺทสภิกฺขุํ เทถ, สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ภิกฺขุํ เทถ, สงฺฆิกํ ภิกฺขุํ เทถา’’ติ วุเตฺตปิ เอเสว นโยฯ

    Sace āsanasālāya nisīditvā kālaṃ paṭimānentesu bhikkhūsu koci āgantvā ‘‘saṅghuddesapattaṃ detha, uddesapattaṃ detha, saṅghato uddisitvā pattaṃ detha, saṅghikaṃ pattaṃ dethā’’ti vā vadati, uddesapattaṃ ṭhitikāya gāhetvā dātabbaṃ. ‘‘Saṅghuddesabhikkhuṃ detha, saṅghato uddisitvā bhikkhuṃ detha, saṅghikaṃ bhikkhuṃ dethā’’ti vuttepi eseva nayo.

    อุเทฺทสโก ปเนตฺถ เปสโล ลชฺชี เมธาวี อิจฺฉิตโพฺพ, เตน ติกฺขตฺตุํ ฐิติกํ ปุจฺฉิตฺวา สเจ โกจิ ฐิติกํ ชานโนฺต นตฺถิ, เถราสนโต คาเหตพฺพํฯ สเจ ปน ‘‘อหํ ชานามิ, ทสวเสฺสน ลทฺธ’’นฺติ โกจิ ภณติ, ‘‘อตฺถาวุโส, ทสวสฺสา ภิกฺขู’’ติ ปุจฺฉิตพฺพํฯ สเจ ตสฺส สุตฺวา ‘‘ทสวสฺสมฺห ทสวสฺสมฺหา’’ติ พหู อาคจฺฉนฺติ, ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาติ, ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อวตฺวา ‘‘สเพฺพ อปฺปสทฺทา โหถา’’ติ วตฺวา ปฎิปาฎิยา ฐเปตพฺพาฯ ฐเปตฺวา ‘‘กติ อิจฺฉถา’’ติ อุปาสโก ปุจฺฉิตโพฺพฯ ‘‘เอตฺตเก นาม, ภเนฺต, ภิกฺขู’’ติ วุเตฺต ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาติ, ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ อวตฺวา สพฺพนวกสฺส วสฺสคฺคญฺจ อุตุ จ ทิวสภาโค จ ฉายา จ ปุจฺฉิตพฺพาฯ สเจ ฉายายปิ ปุจฺฉิยมานาย อโญฺญ วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, ตสฺส ทาตพฺพํฯ อถ ฉายํ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘ตุยฺหํ ปาปุณาตี’’ติ วุเตฺต วุฑฺฒตโร อาคจฺฉติ, น ลภติฯ กถาปปเญฺจน หิ นิสินฺนสฺสาปิ นิทฺทายนฺตสฺสาปิ คาหิตํ สุคฺคาหิตํ, อติกฺกนฺตํ สุอติกฺกนฺตํ, ภาชนียภณฺฑญฺหิ นาเมตํ สมฺปตฺตเสฺสว ปาปุณาติ, ตตฺถ สมฺปตฺตภาโว อุปจาเรน ปริจฺฉินฺทิตโพฺพฯ อาสนสาลาย จ อโนฺตปริเกฺขโป อุปจาโร, ตสฺมิํ ฐิตสฺส ลาโภ ปาปุณาตีติฯ

    Uddesako panettha pesalo lajjī medhāvī icchitabbo, tena tikkhattuṃ ṭhitikaṃ pucchitvā sace koci ṭhitikaṃ jānanto natthi, therāsanato gāhetabbaṃ. Sace pana ‘‘ahaṃ jānāmi, dasavassena laddha’’nti koci bhaṇati, ‘‘atthāvuso, dasavassā bhikkhū’’ti pucchitabbaṃ. Sace tassa sutvā ‘‘dasavassamha dasavassamhā’’ti bahū āgacchanti, ‘‘tuyhaṃ pāpuṇāti, tuyhaṃ pāpuṇātī’’ti avatvā ‘‘sabbe appasaddā hothā’’ti vatvā paṭipāṭiyā ṭhapetabbā. Ṭhapetvā ‘‘kati icchathā’’ti upāsako pucchitabbo. ‘‘Ettake nāma, bhante, bhikkhū’’ti vutte ‘‘tuyhaṃ pāpuṇāti, tuyhaṃ pāpuṇātī’’ti avatvā sabbanavakassa vassaggañca utu ca divasabhāgo ca chāyā ca pucchitabbā. Sace chāyāyapi pucchiyamānāya añño vuḍḍhataro āgacchati, tassa dātabbaṃ. Atha chāyaṃ pucchitvā ‘‘tuyhaṃ pāpuṇātī’’ti vutte vuḍḍhataro āgacchati, na labhati. Kathāpapañcena hi nisinnassāpi niddāyantassāpi gāhitaṃ suggāhitaṃ, atikkantaṃ suatikkantaṃ, bhājanīyabhaṇḍañhi nāmetaṃ sampattasseva pāpuṇāti, tattha sampattabhāvo upacārena paricchinditabbo. Āsanasālāya ca antoparikkhepo upacāro, tasmiṃ ṭhitassa lābho pāpuṇātīti.

    โกจิ อาสนสาลโต อฎฺฐ อุเทฺทสปเตฺต อาหราเปตฺวา สตฺต ปเตฺต ปณีตโภชนานํ เอกํ อุทกสฺส ปูเรตฺวา อาสนสาลายํ ปหิณาติ, คเหตฺวา อาคตา กิญฺจิ อวตฺวา ภิกฺขูนํ หเตฺถสุ ปติฎฺฐาเปตฺวา ปกฺกมนฺติฯ เยน ยํ ลทฺธํ, ตเสฺสว ตํ โหติฯ เยน ปน อุทกํ ลทฺธํ, ตสฺส อติกฺกนฺตมฺปิ ฐิติกํ ฐเปตฺวา อญฺญํ อุเทฺทสภตฺตํ คาเหตพฺพํฯ ตญฺจ ลูขํ วา ลภตุ ปณีตํ วา ติจีวรปริวารํ วา, ตเสฺสเวตํฯ อีทิโส หิสฺส ปุญฺญวิเสโสฯ อุทกํ ปน ยสฺมา อามิสํ น โหติ, ตสฺมา อญฺญํ อุเทฺทสภตฺตํ ลพฺภติฯ

    Koci āsanasālato aṭṭha uddesapatte āharāpetvā satta patte paṇītabhojanānaṃ ekaṃ udakassa pūretvā āsanasālāyaṃ pahiṇāti, gahetvā āgatā kiñci avatvā bhikkhūnaṃ hatthesu patiṭṭhāpetvā pakkamanti. Yena yaṃ laddhaṃ, tasseva taṃ hoti. Yena pana udakaṃ laddhaṃ, tassa atikkantampi ṭhitikaṃ ṭhapetvā aññaṃ uddesabhattaṃ gāhetabbaṃ. Tañca lūkhaṃ vā labhatu paṇītaṃ vā ticīvaraparivāraṃ vā, tassevetaṃ. Īdiso hissa puññaviseso. Udakaṃ pana yasmā āmisaṃ na hoti, tasmā aññaṃ uddesabhattaṃ labbhati.

    สเจ ปน เต คเหตฺวา อาคตา ‘‘อิทํ กิร ภเนฺต สพฺพํ ภาเชตฺวา ภุญฺชถา’’ติ วตฺวา คจฺฉนฺติ, สเพฺพหิ ภาเชตฺวา ภุญฺชิตฺวา อุทกํ ปาตพฺพํฯ สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ‘‘อฎฺฐ มหาเถเร เทถ, มชฺฌิเม เทถ, นวเก เทถ, ปริปุณฺณวสฺสสามเณเร เทถ, มชฺฌิมภาณกาทโย เทถ, มยฺหํ ญาติภิกฺขู เทถา’’ติ วทนฺตสฺส ปน ‘‘อุปาสก, ตฺวํ เอวํ วทสิ, ฐิติกาย ปน เตสํ น ปาปุณาตี’’ติ วตฺวา ฐิติกาวเสเนว ทาตพฺพาฯ ทหรสามเณเรหิ ปน อุเทฺทสภเตฺตสุ ลเทฺธสุ สเจ ทายกานํ ฆเร มงฺคลํ โหติ, ‘‘ตุมฺหากํ อาจริยุปชฺฌาเย เปเสถา’’ติ วตฺตพฺพํฯ

    Sace pana te gahetvā āgatā ‘‘idaṃ kira bhante sabbaṃ bhājetvā bhuñjathā’’ti vatvā gacchanti, sabbehi bhājetvā bhuñjitvā udakaṃ pātabbaṃ. Saṅghato uddisitvā ‘‘aṭṭha mahāthere detha, majjhime detha, navake detha, paripuṇṇavassasāmaṇere detha, majjhimabhāṇakādayo detha, mayhaṃ ñātibhikkhū dethā’’ti vadantassa pana ‘‘upāsaka, tvaṃ evaṃ vadasi, ṭhitikāya pana tesaṃ na pāpuṇātī’’ti vatvā ṭhitikāvaseneva dātabbā. Daharasāmaṇerehi pana uddesabhattesu laddhesu sace dāyakānaṃ ghare maṅgalaṃ hoti, ‘‘tumhākaṃ ācariyupajjhāye pesethā’’ti vattabbaṃ.

    ยสฺมิํ ปน อุเทฺทสภเตฺต ปฐมภาโค สามเณรานํ ปาปุณาติ, อนุภาโค มหาเถรานํ, น ตตฺถ สามเณรา ‘‘มยํ ปฐมภาคํ ลภิมฺหา’’ติ ปุรโต คนฺตุํ ลภนฺติ, ยถาปฎิปาฎิยา เอว คนฺตพฺพํฯ ‘‘สงฺฆโต อุทฺทิสิตฺวา ‘ตุเมฺห เอถา’ติ วุเตฺต ‘มยฺหํ อญฺญทาปิ ชานิสฺสสิ, ฐิติกา ปน เอวํ คจฺฉตี’’’ติ ฐิติกาวเสเนว คาเหตพฺพํฯ อถ ‘‘สงฺฆุเทฺทสปตฺตํ เทถา’’ติ วตฺวา อคาหิเตเยว ปเตฺต ยสฺส กสฺสจิ ปตฺตํ คเหตฺวา ปูเรตฺวา อาหรติ, อาหฎมฺปิ ฐิติกาย เอว คาเหตพฺพํฯ

    Yasmiṃ pana uddesabhatte paṭhamabhāgo sāmaṇerānaṃ pāpuṇāti, anubhāgo mahātherānaṃ, na tattha sāmaṇerā ‘‘mayaṃ paṭhamabhāgaṃ labhimhā’’ti purato gantuṃ labhanti, yathāpaṭipāṭiyā eva gantabbaṃ. ‘‘Saṅghato uddisitvā ‘tumhe ethā’ti vutte ‘mayhaṃ aññadāpi jānissasi, ṭhitikā pana evaṃ gacchatī’’’ti ṭhitikāvaseneva gāhetabbaṃ. Atha ‘‘saṅghuddesapattaṃ dethā’’ti vatvā agāhiteyeva patte yassa kassaci pattaṃ gahetvā pūretvā āharati, āhaṭampi ṭhitikāya eva gāhetabbaṃ.

    เอโก ‘‘สงฺฆุเทฺทสปตฺตํ อาหรา’’ติ เปสิโต ‘‘ภเนฺต, เอกํ ปตฺตํ เทถ, นิมนฺตนภตฺตํ อาหริสฺสามี’’ติ วทติ, โส เจ อุเทฺทสภตฺตฆรโต อยํ อาคโตติ ญตฺวา ภิกฺขูหิ ‘‘นนุ ตฺวํ อสุกฆรโต อาคโต’’ติ วุโตฺต ‘‘อาม, ภเนฺต, น นิมนฺตนภตฺตํ, อุเทฺทสภตฺต’’นฺติ ภณติ, ฐิติกาย คเหตพฺพํฯ โย ปน ‘‘เอกํ ปตฺตํ อาหรา’’ติ วุโตฺต ‘‘‘กิ’นฺติ วตฺวา อาหรามี’’ติ วตฺวา ‘‘ยถา เต รุจฺจตี’’ติ วุโตฺต อาคจฺฉติ, อยํ วิสฺสฎฺฐทูโต นามฯ อุเทฺทสปตฺตํ วา ปฎิปาฎิปตฺตํ วา ปุคฺคลิกปตฺตํ วา ยํ อิจฺฉติ, ตํ ตสฺส ทาตพฺพํฯ เอโก พาโล อพฺยโตฺต ‘‘อุเทฺทสปตฺตํ อาหรา’’ติ เปสิโต วตฺตุํ น ชานาติ, ตุณฺหีภูโต ติฎฺฐติ, โส ‘‘กสฺส สนฺติกํ อาคโตสี’’ติ วา ‘‘กสฺส ปตฺตํ หริสฺสสี’’ติ วา น วตฺตโพฺพฯ เอวญฺหิ วุโตฺต ปุจฺฉาสภาเคน ‘‘ตุมฺหากํ สนฺติกํ อาคโตมฺหี’’ติ ‘‘ตุมฺหากํ ปตฺตํ หริสฺสามี’’ติ วา วเทยฺย, ตโต ตํ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชิคุจฺฉนฺตา น โอโลเกยฺยุํฯ ‘‘กุหิํ คจฺฉสิ, กิํ กโรโนฺต อาหิณฺฑสี’’ติ ปน วตฺตโพฺพฯ ตสฺส ‘‘อุเทฺทสปตฺตตฺถาย อาคโตมฺหี’’ติ วทนฺตสฺส คาเหตฺวา ปโตฺต ทาตโพฺพฯ

    Eko ‘‘saṅghuddesapattaṃ āharā’’ti pesito ‘‘bhante, ekaṃ pattaṃ detha, nimantanabhattaṃ āharissāmī’’ti vadati, so ce uddesabhattagharato ayaṃ āgatoti ñatvā bhikkhūhi ‘‘nanu tvaṃ asukagharato āgato’’ti vutto ‘‘āma, bhante, na nimantanabhattaṃ, uddesabhatta’’nti bhaṇati, ṭhitikāya gahetabbaṃ. Yo pana ‘‘ekaṃ pattaṃ āharā’’ti vutto ‘‘‘ki’nti vatvā āharāmī’’ti vatvā ‘‘yathā te ruccatī’’ti vutto āgacchati, ayaṃ vissaṭṭhadūto nāma. Uddesapattaṃ vā paṭipāṭipattaṃ vā puggalikapattaṃ vā yaṃ icchati, taṃ tassa dātabbaṃ. Eko bālo abyatto ‘‘uddesapattaṃ āharā’’ti pesito vattuṃ na jānāti, tuṇhībhūto tiṭṭhati, so ‘‘kassa santikaṃ āgatosī’’ti vā ‘‘kassa pattaṃ harissasī’’ti vā na vattabbo. Evañhi vutto pucchāsabhāgena ‘‘tumhākaṃ santikaṃ āgatomhī’’ti ‘‘tumhākaṃ pattaṃ harissāmī’’ti vā vadeyya, tato taṃ bhikkhuṃ aññe bhikkhū jigucchantā na olokeyyuṃ. ‘‘Kuhiṃ gacchasi, kiṃ karonto āhiṇḍasī’’ti pana vattabbo. Tassa ‘‘uddesapattatthāya āgatomhī’’ti vadantassa gāhetvā patto dātabbo.

    เอกา กูฎฎฺฐิติกา นาม โหติฯ รโญฺญ วา หิ ราชมหามตฺตสฺส วา เคเห อติปณีตานิ อฎฺฐ อุเทฺทสภตฺตานิ นิจฺจํ ทิยฺยนฺติ, ตานิ เอกจาริกภตฺตานิ กตฺวา ภิกฺขู วิสุํ ฐิติกาย ปริภุญฺชนฺติฯ เอกเจฺจ ภิกฺขู ‘‘เสฺว ทานิ อมฺหากํ ปาปุณิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตโน ฐิติกํ สลฺลเกฺขตฺวา คตา, เตสุ อนาคเตสุเยว อเญฺญ อาคนฺตุกา ภิกฺขู อาคนฺตฺวา อาสนสาลาย นิสีทนฺติ; ตงฺขณเญฺญว ราชปุริสา อาคนฺตฺวา ‘‘ปณีตภตฺตปเตฺต เทถา’’ติ วทนฺติฯ อาคนฺตุกา ฐิติกํ อชานนฺตา คาเหนฺติฯ ตงฺขณเญฺญว จ ฐิติกํ ชานนกภิกฺขู อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ คาเหถา’’ติ วทนฺติฯ ‘‘ราชเคเห ปณีตภตฺต’’นฺติฯ ‘‘กติวสฺสโต ปฎฺฐายา’’ติ? ‘‘เอตฺตกวสฺสโต นามา’’ติฯ ‘‘มา คาเหถา’’ติ นิวาเรตฺวา ฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ คาหิเต อาคเตหิปิ ปตฺตทานกาเล อาคเตหิปิ ทินฺนกาเล อาคเตหิปิ ราชเคหโต ปเตฺต ปูเรตฺวา อาหฎกาเล อาคเตหิปิ ราชา ‘‘อชฺช ภิกฺขูเยว อาคจฺฉนฺตู’’ติ เปเสตฺวา ภิกฺขูนํเยว หเตฺถ ปิณฺฑปาตํ เทติ; เอวํ ทินฺนปิณฺฑปาตํ คเหตฺวา อาคตกาเล อาคเตหิปิ ฐิติกํ ชานนกภิกฺขูหิ ‘‘มา ภุญฺชิตฺถา’’ติ วาเรตฺวา ฐิติกายเมว คาเหตพฺพํฯ

    Ekā kūṭaṭṭhitikā nāma hoti. Rañño vā hi rājamahāmattassa vā gehe atipaṇītāni aṭṭha uddesabhattāni niccaṃ diyyanti, tāni ekacārikabhattāni katvā bhikkhū visuṃ ṭhitikāya paribhuñjanti. Ekacce bhikkhū ‘‘sve dāni amhākaṃ pāpuṇissantī’’ti attano ṭhitikaṃ sallakkhetvā gatā, tesu anāgatesuyeva aññe āgantukā bhikkhū āgantvā āsanasālāya nisīdanti; taṅkhaṇaññeva rājapurisā āgantvā ‘‘paṇītabhattapatte dethā’’ti vadanti. Āgantukā ṭhitikaṃ ajānantā gāhenti. Taṅkhaṇaññeva ca ṭhitikaṃ jānanakabhikkhū āgantvā ‘‘kiṃ gāhethā’’ti vadanti. ‘‘Rājagehe paṇītabhatta’’nti. ‘‘Kativassato paṭṭhāyā’’ti? ‘‘Ettakavassato nāmā’’ti. ‘‘Mā gāhethā’’ti nivāretvā ṭhitikāya gāhetabbaṃ. Gāhite āgatehipi pattadānakāle āgatehipi dinnakāle āgatehipi rājagehato patte pūretvā āhaṭakāle āgatehipi rājā ‘‘ajja bhikkhūyeva āgacchantū’’ti pesetvā bhikkhūnaṃyeva hatthe piṇḍapātaṃ deti; evaṃ dinnapiṇḍapātaṃ gahetvā āgatakāle āgatehipi ṭhitikaṃ jānanakabhikkhūhi ‘‘mā bhuñjitthā’’ti vāretvā ṭhitikāyameva gāhetabbaṃ.

    อถ เน ราชา โภเชตฺวา ปเตฺตปิ เนสํ ปูเรตฺวา เทติ, ยํ อาหฎํ ตํ ฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ สเจ ปน ‘‘มา ตุจฺฉหตฺถา คจฺฉนฺตู’’ติ โถกเมว ปเตฺตสุ ปกฺขิตฺตํ โหติ, ตํ น คาเหตพฺพํฯ อถ ภุญฺชิตฺวา ตุจฺฉปตฺตาว อาคจฺฉนฺติ, ยํ เตหิ ภุตฺตํ, ตํ เนสํ คีวา โหตีติ มหาสุมเตฺถโร อาหฯ มหาปทุมเตฺถโร ปนาห – ‘‘คีวากิจฺจํ เอตฺถ นตฺถิ, ฐิติกํ ปน อชานเนฺตหิ ยาว ชานนกา อาคจฺฉนฺติ, ตาว นิสีทิตพฺพํ สิยา; เอวํ สเนฺตปิ ภุตฺตํ สุภุตฺตํ, อิทานิ ปตฺตฎฺฐาเนน คาเหตพฺพ’’นฺติฯ

    Atha ne rājā bhojetvā pattepi nesaṃ pūretvā deti, yaṃ āhaṭaṃ taṃ ṭhitikāya gāhetabbaṃ. Sace pana ‘‘mā tucchahatthā gacchantū’’ti thokameva pattesu pakkhittaṃ hoti, taṃ na gāhetabbaṃ. Atha bhuñjitvā tucchapattāva āgacchanti, yaṃ tehi bhuttaṃ, taṃ nesaṃ gīvā hotīti mahāsumatthero āha. Mahāpadumatthero panāha – ‘‘gīvākiccaṃ ettha natthi, ṭhitikaṃ pana ajānantehi yāva jānanakā āgacchanti, tāva nisīditabbaṃ siyā; evaṃ santepi bhuttaṃ subhuttaṃ, idāni pattaṭṭhānena gāhetabba’’nti.

    เอโก ติจีวรปริวาโร สตคฺฆนโก ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกสฺส ภิกฺขุโน ปโตฺต, วิหาเร จ ‘‘เอวรูโป ปิณฺฑปาโต อวสฺสิกสฺส ปโตฺต’’ติ ลิขิตฺวา ฐเปสุํฯ อถ สฎฺฐิวสฺสจฺจเยน อโญฺญ ตถารูโป ปิณฺฑปาโต อุปฺปโนฺน, อยํ กิํ อวสฺสิกฎฺฐิติกาย คาเหตโพฺพ, อุทาหุ สฎฺฐิวสฺสิกฎฺฐิติกายาติฯ สฎฺฐิวสฺสิกฎฺฐิติกายาติ วุตฺตํ, อยญฺหิ ภิกฺขุ ฐิติกํ คเหตฺวาเยว วฑฺฒิโตติฯ

    Eko ticīvaraparivāro satagghanako piṇḍapāto avassikassa bhikkhuno patto, vihāre ca ‘‘evarūpo piṇḍapāto avassikassa patto’’ti likhitvā ṭhapesuṃ. Atha saṭṭhivassaccayena añño tathārūpo piṇḍapāto uppanno, ayaṃ kiṃ avassikaṭṭhitikāya gāhetabbo, udāhu saṭṭhivassikaṭṭhitikāyāti. Saṭṭhivassikaṭṭhitikāyāti vuttaṃ, ayañhi bhikkhu ṭhitikaṃ gahetvāyeva vaḍḍhitoti.

    เอโก อุเทฺทสภตฺตํ ภุญฺชิตฺวา สามเณโร ชาโต, ปุน ตํ ภตฺตํ สามเณรฎฺฐิติกาย ปตฺตํ คณฺหิตุํ ลภติฯ อยํ กิร อนฺตราภฎฺฐโก นามฯ โย ปน ปริปุณฺณวโสฺส สามเณโร ‘‘เสฺว อุเทฺทสภตฺตํ ลภิสฺสตี’’ติ อเชฺชว อุปสมฺปชฺชติ, อติกฺกนฺตา ตสฺส ฐิติกาฯ เอกสฺส ภิกฺขุโน อุเทฺทสภตฺตํ ปตฺตํ, ปโตฺต จสฺส น ตุโจฺฉ โหติ, โส อญฺญสฺส สมีเป นิสินฺนสฺส ปตฺตํ ทาเปติ, ตเญฺจ เถยฺยาย หรนฺติ, คีวา โหติ ฯ สเจ ปน โส ภิกฺขุ ‘‘มยฺหํ ปตฺตํ ทมฺมี’’ติ สยเมว เทติ, อสฺส คีวา น โหติฯ อถาปิ เตน ภเตฺตน อนตฺถิโก หุตฺวา ‘‘อลํ มยฺหํ, ตเวตํ ภตฺตํ ทมฺมิ, ปตฺตํ เปเสตฺวา อาหราเปหี’’ติ อญฺญํ วทติ, ยํ ตโต อาหรียติ สพฺพํ ปตฺตสามิกสฺส โหติฯ ปตฺตเญฺจ เถยฺยาย หรนฺติ, สุหโฎ; ภตฺตสฺส ทินฺนตฺตา คีวา น โหติฯ

    Eko uddesabhattaṃ bhuñjitvā sāmaṇero jāto, puna taṃ bhattaṃ sāmaṇeraṭṭhitikāya pattaṃ gaṇhituṃ labhati. Ayaṃ kira antarābhaṭṭhako nāma. Yo pana paripuṇṇavasso sāmaṇero ‘‘sve uddesabhattaṃ labhissatī’’ti ajjeva upasampajjati, atikkantā tassa ṭhitikā. Ekassa bhikkhuno uddesabhattaṃ pattaṃ, patto cassa na tuccho hoti, so aññassa samīpe nisinnassa pattaṃ dāpeti, tañce theyyāya haranti, gīvā hoti . Sace pana so bhikkhu ‘‘mayhaṃ pattaṃ dammī’’ti sayameva deti, assa gīvā na hoti. Athāpi tena bhattena anatthiko hutvā ‘‘alaṃ mayhaṃ, tavetaṃ bhattaṃ dammi, pattaṃ pesetvā āharāpehī’’ti aññaṃ vadati, yaṃ tato āharīyati sabbaṃ pattasāmikassa hoti. Pattañce theyyāya haranti, suhaṭo; bhattassa dinnattā gīvā na hoti.

    วิหาเร ทส ภิกฺขู โหนฺติ, เตสุ นว ปิณฺฑปาติกา, เอโก สาทิยนโกฯ ‘‘ทส อุเทฺทสปเตฺต เทถา’’ติ วุเตฺต ปิณฺฑปาติกา คเหตุํ น อิจฺฉนฺติฯ อิตโร ภิกฺขุ ‘‘สพฺพานิ มยฺหํ ปาปุณนฺตี’’ติ คณฺหาติ, ฐิติกา น โหติฯ เอเกกํ เจ ปาเปตฺวา คณฺหาติ, ฐิติกา ติฎฺฐติฯ เอวํ คาเหตฺวา ทสหิปิ ปเตฺตหิ อาหราเปตฺวา ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ สงฺคหํ กโรถา’’ติ นว ปเตฺต ปิณฺฑปาติกานํ เทติ, ภิกฺขุทตฺติยํ นาเมตํ, คณฺหิตุํ วฎฺฎติฯ

    Vihāre dasa bhikkhū honti, tesu nava piṇḍapātikā, eko sādiyanako. ‘‘Dasa uddesapatte dethā’’ti vutte piṇḍapātikā gahetuṃ na icchanti. Itaro bhikkhu ‘‘sabbāni mayhaṃ pāpuṇantī’’ti gaṇhāti, ṭhitikā na hoti. Ekekaṃ ce pāpetvā gaṇhāti, ṭhitikā tiṭṭhati. Evaṃ gāhetvā dasahipi pattehi āharāpetvā ‘‘bhante, mayhaṃ saṅgahaṃ karothā’’ti nava patte piṇḍapātikānaṃ deti, bhikkhudattiyaṃ nāmetaṃ, gaṇhituṃ vaṭṭati.

    สเจ โส อุปาสโก ‘‘ภเนฺต, ฆรํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ วทติ, โส จ ภิกฺขุ เต ภิกฺขู ‘‘เอถ, ภเนฺต, มยฺหํ สหายา โหถา’’ติ ตสฺส ฆรํ คจฺฉติฯ ยํ ตตฺถ ลภติ, สพฺพํ ตเสฺสว โหติฯ อิตเร เตน ทินฺนํ ลภนฺติฯ อถ เนสํ ฆเรเยว นิสีทาเปตฺวา ทกฺขิโณทกํ ทตฺวา ยาคุขชฺชกาทีนิ เทนฺติ, ‘‘ภเนฺต, ยํ มนุสฺสา เทนฺติ, ตํ คณฺหถา’’ติ ตสฺส ภิกฺขุโน วจเนเนว อิตเรสํ วฎฺฎติฯ ภุตฺตาวีนํ ปเตฺต ปูเรตฺวา คณฺหิตฺวา คมนตฺถาย เทนฺติ, สพฺพํ ตเสฺสว ภิกฺขุโน โหติ, เตน ทินฺนํ อิตเรสํ วฎฺฎติฯ

    Sace so upāsako ‘‘bhante, gharaṃ āgantabba’’nti vadati, so ca bhikkhu te bhikkhū ‘‘etha, bhante, mayhaṃ sahāyā hothā’’ti tassa gharaṃ gacchati. Yaṃ tattha labhati, sabbaṃ tasseva hoti. Itare tena dinnaṃ labhanti. Atha nesaṃ ghareyeva nisīdāpetvā dakkhiṇodakaṃ datvā yāgukhajjakādīni denti, ‘‘bhante, yaṃ manussā denti, taṃ gaṇhathā’’ti tassa bhikkhuno vacaneneva itaresaṃ vaṭṭati. Bhuttāvīnaṃ patte pūretvā gaṇhitvā gamanatthāya denti, sabbaṃ tasseva bhikkhuno hoti, tena dinnaṃ itaresaṃ vaṭṭati.

    ยทิ ปน เต วิหาเรเยว เตน ภิกฺขุนา ‘‘ภเนฺต, มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถ, มนุสฺสานญฺจ วจนํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ วุตฺตา คจฺฉนฺติ, ยํ ตตฺถ ภุญฺชนฺติ เจว นีหรนฺติ จ, สพฺพํ ตํ ตเสฺสว สนฺตกํฯ อถาปิ ‘‘มยฺหํ ภิกฺขํ คณฺหถา’’ติ อวุตฺตา ‘‘มนุสฺสานํ วจนํ กาตุํ วฎฺฎตี’’ติ คจฺฉนฺติ, ตตฺร เจ เอกสฺส มธุเรน สเรน อนุโมทนํ กโรนฺตสฺส สุตฺวา เถรานญฺจ อุปสเม ปสีทิตฺวา พหุํ สมณปริกฺขารํ เทนฺติ, อยํ เถเรสุ ปสาเทน อุปฺปโนฺน ‘‘อกตภาโค’’ นาม, ตสฺมา สเพฺพสํ ปาปุณาติฯ

    Yadi pana te vihāreyeva tena bhikkhunā ‘‘bhante, mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhatha, manussānañca vacanaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti vuttā gacchanti, yaṃ tattha bhuñjanti ceva nīharanti ca, sabbaṃ taṃ tasseva santakaṃ. Athāpi ‘‘mayhaṃ bhikkhaṃ gaṇhathā’’ti avuttā ‘‘manussānaṃ vacanaṃ kātuṃ vaṭṭatī’’ti gacchanti, tatra ce ekassa madhurena sarena anumodanaṃ karontassa sutvā therānañca upasame pasīditvā bahuṃ samaṇaparikkhāraṃ denti, ayaṃ theresu pasādena uppanno ‘‘akatabhāgo’’ nāma, tasmā sabbesaṃ pāpuṇāti.

    เอโก สงฺฆโต อุทฺทิสาเปตฺวา ฐิติกาย คาหิตํ ปตฺตํ หริตฺวา ปณีตสฺส ขาทนียโภชนียสฺส ปูเรตฺวา อาหริตฺวา ‘‘อิมํ, ภเนฺต, สโพฺพ สโงฺฆ ปริภุญฺชตู’’ติ เทติ, สเพฺพหิ ภาเชตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ ปตฺตสามิกสฺส ปน อติกฺกนฺตมฺปิ ฐิติกํ ฐเปตฺวา อญฺญํ อุเทฺทสภตฺตํ ทาตพฺพํฯ อถ ‘‘ปฐมํเยว สพฺพํ สงฺฆิกํ ปตฺตํ เทถา’’ติ วทติ, เอกสฺส ลชฺชิภิกฺขุโน สนฺตโก ปโตฺต ทาตโพฺพฯ อาหริตฺวา จ ‘‘สโพฺพ สโงฺฆ ปริภุญฺชตู’’ติ วุเตฺต ภาเชตฺวา ปริภุญฺชิตพฺพํฯ

    Eko saṅghato uddisāpetvā ṭhitikāya gāhitaṃ pattaṃ haritvā paṇītassa khādanīyabhojanīyassa pūretvā āharitvā ‘‘imaṃ, bhante, sabbo saṅgho paribhuñjatū’’ti deti, sabbehi bhājetvā paribhuñjitabbaṃ. Pattasāmikassa pana atikkantampi ṭhitikaṃ ṭhapetvā aññaṃ uddesabhattaṃ dātabbaṃ. Atha ‘‘paṭhamaṃyeva sabbaṃ saṅghikaṃ pattaṃ dethā’’ti vadati, ekassa lajjibhikkhuno santako patto dātabbo. Āharitvā ca ‘‘sabbo saṅgho paribhuñjatū’’ti vutte bhājetvā paribhuñjitabbaṃ.

    เอโก ปาติยา ภตฺตํ อาหริตฺวา ‘‘สงฺฆุเทฺทสํ ทมฺมี’’ติ วทติ, เอเกกํ อาโลปํ อทตฺวา ฐิติกาย เอกสฺส ยาปนมตฺตํ กตฺวา ทาตพฺพํฯ อถ โส ภตฺตํ อาหริตฺวา กิญฺจิ วตฺตุํ อชานโนฺต ตุณฺหีภูโต อจฺฉติ, ‘‘กสฺส เต อานีตํ, กสฺส ทาตุกาโมสี’’ติ น วตฺตพฺพํฯ ปุจฺฉาสภาเคน หิ ‘‘ตุมฺหากํ อานีตํ, ตุมฺหากํ ทาตุกาโมมฺหี’’ติ วเทยฺย, ตโต ตํ ภิกฺขุํ อเญฺญ ภิกฺขู ชิคุจฺฉนฺตา คีวํ ปริวเตฺตตฺวา โอโลเกตพฺพมฺปิ น มเญฺญยฺยุํฯ สเจ ปน ‘‘กุหิํ ยาสิ, กิํ กโรโนฺต อาหิณฺฑสี’’ติ วุเตฺต ‘‘อุเทฺทสภตฺตํ คเหตฺวา อาคโตมฺหี’’ติ วทติ, เอเกน ลชฺชิภิกฺขุนา ฐิติกาย คาเหตพฺพํฯ สเจ อาภตํ พหุ โหติ, สเพฺพสํ ปโหติ, ฐิติกากิจฺจํ นตฺถิ, เถราสนโต ปฎฺฐาย ปตฺตํ ปูเรตฺวา ทาตพฺพํฯ

    Eko pātiyā bhattaṃ āharitvā ‘‘saṅghuddesaṃ dammī’’ti vadati, ekekaṃ ālopaṃ adatvā ṭhitikāya ekassa yāpanamattaṃ katvā dātabbaṃ. Atha so bhattaṃ āharitvā kiñci vattuṃ ajānanto tuṇhībhūto acchati, ‘‘kassa te ānītaṃ, kassa dātukāmosī’’ti na vattabbaṃ. Pucchāsabhāgena hi ‘‘tumhākaṃ ānītaṃ, tumhākaṃ dātukāmomhī’’ti vadeyya, tato taṃ bhikkhuṃ aññe bhikkhū jigucchantā gīvaṃ parivattetvā oloketabbampi na maññeyyuṃ. Sace pana ‘‘kuhiṃ yāsi, kiṃ karonto āhiṇḍasī’’ti vutte ‘‘uddesabhattaṃ gahetvā āgatomhī’’ti vadati, ekena lajjibhikkhunā ṭhitikāya gāhetabbaṃ. Sace ābhataṃ bahu hoti, sabbesaṃ pahoti, ṭhitikākiccaṃ natthi, therāsanato paṭṭhāya pattaṃ pūretvā dātabbaṃ.

    ‘‘สงฺฆุเทฺทสปตฺตํ เทถา’’ติ วุเตฺต ‘‘กิํ อาหริสฺสสี’’ติ อวตฺวา ปกติฎฺฐิติกาย เอว คาเหตพฺพํฯ โย ปน ปายาโส วา รสปิณฺฑปาโต วา นิจฺจํ ลพฺภติ; เอวรูปานํ ปณีตโภชนานํ อาเวณิกา ฐิติกา กาตพฺพา, ตถา สปริวาราย ยาคุยา มหคฺฆานํ ผลานํ ปณีตานญฺจ ขชฺชกานํฯ ปกติภตฺตยาคุผลขชฺชกานํ ปน เอกาว ฐิติกา กาตพฺพาฯ ‘‘สปฺปิํ อาหริสฺสามี’’ติ วุเตฺต สพฺพสปฺปีนํ เอกาว ฐิติกา วฎฺฎติ, ตถา สพฺพเตลานํฯ ‘‘มธุํ อาหริสฺสามี’’ติ วุเตฺต ปน มธุโน เอกาว ฐิติกา วฎฺฎติ, ตถา ผาณิตสฺส ลฎฺฐิมธุกาทีนญฺจ เภสชฺชานํฯ สเจ ปน คนฺธมาลํ สงฺฆุเทฺทสํ เทนฺติ, ปิณฺฑปาติกสฺส วฎฺฎติ, น วฎฺฎตีติฯ อามิสเสฺสว ปฎิกฺขิตฺตตฺตา วฎฺฎติ, สงฺฆํ อุทฺทิสฺส ทินฺนตฺตา ปน น คเหตพฺพนฺติ วทนฺติฯ

    ‘‘Saṅghuddesapattaṃ dethā’’ti vutte ‘‘kiṃ āharissasī’’ti avatvā pakatiṭṭhitikāya eva gāhetabbaṃ. Yo pana pāyāso vā rasapiṇḍapāto vā niccaṃ labbhati; evarūpānaṃ paṇītabhojanānaṃ āveṇikā ṭhitikā kātabbā, tathā saparivārāya yāguyā mahagghānaṃ phalānaṃ paṇītānañca khajjakānaṃ. Pakatibhattayāguphalakhajjakānaṃ pana ekāva ṭhitikā kātabbā. ‘‘Sappiṃ āharissāmī’’ti vutte sabbasappīnaṃ ekāva ṭhitikā vaṭṭati, tathā sabbatelānaṃ. ‘‘Madhuṃ āharissāmī’’ti vutte pana madhuno ekāva ṭhitikā vaṭṭati, tathā phāṇitassa laṭṭhimadhukādīnañca bhesajjānaṃ. Sace pana gandhamālaṃ saṅghuddesaṃ denti, piṇḍapātikassa vaṭṭati, na vaṭṭatīti. Āmisasseva paṭikkhittattā vaṭṭati, saṅghaṃ uddissa dinnattā pana na gahetabbanti vadanti.

    อุเทฺทสภตฺตกถา นิฎฺฐิตาฯ

    Uddesabhattakathā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact