Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
๒. รูปกโณฺฑ
2. Rūpakaṇḍo
อุเทฺทสวณฺณนา
Uddesavaṇṇanā
อิทานิ รูปกณฺฑํ ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ ปุน กตเม ธมฺมา อพฺยากตาติอาทิ อารทฺธํฯ ตตฺถ กิญฺจาปิ เหฎฺฐา จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ วิปากาพฺยากตเญฺจว กิริยาพฺยากตญฺจ นิเสฺสสํ กตฺวา ภาชิตํ, รูปาพฺยากตนิพฺพานาพฺยากตานิ ปน อกถิตานิ, ตานิ กเถตุํ จตุพฺพิธมฺปิ อพฺยากตํ สโมธาเนตฺวา ทเสฺสโนฺต กุสลากุสลานํ ธมฺมานํ วิปากาติอาทิมาหฯ ตตฺถ กุสลากุสลานนฺติ จตุภูมกกุสลานเญฺจว อกุสลานญฺจฯ เอวํ ตาว วิปากาพฺยากตํ กุสลวิปากากุสลวิปากวเสน ทฺวีหิ ปเทหิ ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิตํฯ ยสฺมา ปน ตํ สพฺพมฺปิ กามาวจรํ วา โหติ, รูปาวจราทีสุ วา อญฺญตรํ, ตสฺมา ‘กามาวจรา’ติอาทินา นเยน ตเทว วิปากาพฺยากตํ ภูมนฺตรวเสน ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิตํฯ ยสฺมา ปน ตํ เวทนากฺขโนฺธปิ โหติ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธปิ, ตสฺมา ปุน สมฺปยุตฺตจตุกฺขนฺธวเสน ปริยาทิยิตฺวา ทสฺสิตํฯ
Idāni rūpakaṇḍaṃ bhājetvā dassetuṃ puna katame dhammā abyākatātiādi āraddhaṃ. Tattha kiñcāpi heṭṭhā cittuppādakaṇḍe vipākābyākatañceva kiriyābyākatañca nissesaṃ katvā bhājitaṃ, rūpābyākatanibbānābyākatāni pana akathitāni, tāni kathetuṃ catubbidhampi abyākataṃ samodhānetvā dassento kusalākusalānaṃ dhammānaṃ vipākātiādimāha. Tattha kusalākusalānanti catubhūmakakusalānañceva akusalānañca. Evaṃ tāva vipākābyākataṃ kusalavipākākusalavipākavasena dvīhi padehi pariyādiyitvā dassitaṃ. Yasmā pana taṃ sabbampi kāmāvacaraṃ vā hoti, rūpāvacarādīsu vā aññataraṃ, tasmā ‘kāmāvacarā’tiādinā nayena tadeva vipākābyākataṃ bhūmantaravasena pariyādiyitvā dassitaṃ. Yasmā pana taṃ vedanākkhandhopi hoti…pe… viññāṇakkhandhopi, tasmā puna sampayuttacatukkhandhavasena pariyādiyitvā dassitaṃ.
เอวํ วิปากาพฺยากตํ กุสลากุสลวเสน ภูมนฺตรวเสน สมฺปยุตฺตกฺขนฺธวเสนาติ ตีหิ นเยหิ ปริยาทาย ทเสฺสตฺวา, ปุน กิริยาพฺยากตํ ทเสฺสโนฺต เย จ ธมฺมา กิริยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ‘กามาวจรา รูปาวจรา อรูปาวจรา เวทนากฺขโนฺธ…เป.… วิญฺญาณกฺขโนฺธ’ติ วตฺตพฺพํ ภเวยฺยฯ เหฎฺฐา ปน คหิตเมวาติ นยํ ทเสฺสตฺวา นิสฺสชฺชิตํฯ อิทานิ อวิภตฺตํ ทเสฺสโนฺต สพฺพญฺจ รูปํ อสงฺขตา จ ธาตูติ อาหฯ ตตฺถ ‘สพฺพญฺจ รูป’นฺติ ปเทน ปญฺจวีสติ รูปานิ ฉนฺนวุติรูปโกฎฺฐาสา นิปฺปเทสโต คหิตาติ เวทิตพฺพาฯ ‘อสงฺขตา จ ธาตู’ติ ปเทน นิพฺพานํ นิปฺปเทสโต คหิตนฺติฯ เอตฺตาวตา ‘อพฺยากตา ธมฺมา’ติ ปทํ นิฎฺฐิตํ โหติฯ
Evaṃ vipākābyākataṃ kusalākusalavasena bhūmantaravasena sampayuttakkhandhavasenāti tīhi nayehi pariyādāya dassetvā, puna kiriyābyākataṃ dassento ye ca dhammā kiriyātiādimāha. Tattha ‘kāmāvacarā rūpāvacarā arūpāvacarā vedanākkhandho…pe… viññāṇakkhandho’ti vattabbaṃ bhaveyya. Heṭṭhā pana gahitamevāti nayaṃ dassetvā nissajjitaṃ. Idāni avibhattaṃ dassento sabbañca rūpaṃ asaṅkhatā ca dhātūti āha. Tattha ‘sabbañca rūpa’nti padena pañcavīsati rūpāni channavutirūpakoṭṭhāsā nippadesato gahitāti veditabbā. ‘Asaṅkhatā cadhātū’ti padena nibbānaṃ nippadesato gahitanti. Ettāvatā ‘abyākatā dhammā’ti padaṃ niṭṭhitaṃ hoti.
๕๘๔. ตตฺถ กตมํ สพฺพํ รูปนฺติ อิทํ กสฺมา คหิตํ? เหฎฺฐา รูปาพฺยากตํ สเงฺขเปน กถิตํฯ อิทานิ ตํ เอกกทุกติกจตุกฺก…เป.… เอกาทสกวเสน วิตฺถารโต ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ อิทํ คหิตํฯ ตสฺสโตฺถ – ยํ วุตฺตํ ‘สพฺพญฺจ รูปํ, อสงฺขตา จ ธาตู’ติ, ตสฺมิํ ปททฺวเย ‘กตมํ สพฺพํ รูปํ นาม’? อิทานิ ตํ ทเสฺสโนฺต จตฺตาโร จ มหาภูตาติอาทิมาห ฯ ตตฺถ จตฺตาโรติ คณนปริเจฺฉโทฯ เตน เตสํ อูนาธิกภาวํ นิวาเรติฯ ‘จ’-สโทฺท สมฺปิณฺฑนโตฺถฯ เตน น เกวลํ ‘จตฺตาโร มหาภูตาว’ รูปํ, อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ‘อุปาทารูปํ’ สมฺปิเณฺฑติฯ
584. Tattha katamaṃ sabbaṃ rūpanti idaṃ kasmā gahitaṃ? Heṭṭhā rūpābyākataṃ saṅkhepena kathitaṃ. Idāni taṃ ekakadukatikacatukka…pe… ekādasakavasena vitthārato bhājetvā dassetuṃ idaṃ gahitaṃ. Tassattho – yaṃ vuttaṃ ‘sabbañca rūpaṃ, asaṅkhatā ca dhātū’ti, tasmiṃ padadvaye ‘katamaṃ sabbaṃ rūpaṃ nāma’? Idāni taṃ dassento cattāro ca mahābhūtātiādimāha . Tattha cattāroti gaṇanaparicchedo. Tena tesaṃ ūnādhikabhāvaṃ nivāreti. ‘Ca’-saddo sampiṇḍanattho. Tena na kevalaṃ ‘cattāro mahābhūtāva’ rūpaṃ, aññampi atthīti ‘upādārūpaṃ’ sampiṇḍeti.
มหาภูตาติ เอตฺถ มหนฺตปาตุภาวาทีหิ การเณหิ มหาภูตตา เวทิตพฺพาฯ เอตานิ หิ มหนฺตปาตุภาวโต, มหาภูตสามญฺญโต, มหาปริหารโต, มหาวิการโต, มหนฺตภูตตฺตา จาติ อิเมหิ การเณหิ มหาภูตานีติ วุจฺจนฺติฯ ตตฺถ ‘มหนฺตปาตุภาวโต’ติ, เอตานิ หิ อนุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ มหนฺตานิ ปาตุภูตานิฯ เตสํ อนุปาทินฺนกสนฺตาเน เอวํ มหนฺตปาตุภาวตา เวทิตพฺพา – เอกญฺหิ จกฺกวาฬํ อายามโต จ วิตฺถารโต จ โยชนานํ ทฺวาทส สตสหสฺสานิ ตีณิ สหสฺสานิ จตฺตาริ สตานิ ปญฺญาสญฺจ โยชนานิฯ ปริเกฺขปโต –
Mahābhūtāti ettha mahantapātubhāvādīhi kāraṇehi mahābhūtatā veditabbā. Etāni hi mahantapātubhāvato, mahābhūtasāmaññato, mahāparihārato, mahāvikārato, mahantabhūtattā cāti imehi kāraṇehi mahābhūtānīti vuccanti. Tattha ‘mahantapātubhāvato’ti, etāni hi anupādinnakasantānepi upādinnakasantānepi mahantāni pātubhūtāni. Tesaṃ anupādinnakasantāne evaṃ mahantapātubhāvatā veditabbā – ekañhi cakkavāḷaṃ āyāmato ca vitthārato ca yojanānaṃ dvādasa satasahassāni tīṇi sahassāni cattāri satāni paññāsañca yojanāni. Parikkhepato –
สพฺพํ สตสหสฺสานิ, ฉตฺติํส ปริมณฺฑลํ;
Sabbaṃ satasahassāni, chattiṃsa parimaṇḍalaṃ;
ทส เจว สหสฺสานิ, อฑฺฒุฑฺฒานิ สตานิ จฯ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๗);
Dasa ceva sahassāni, aḍḍhuḍḍhāni satāni ca. (pārā. aṭṭha. 1.1; visuddhi. 1.137);
ตตฺถ –
Tattha –
ทุเว สตสหสฺสานิ, จตฺตาริ นหุตานิ จ;
Duve satasahassāni, cattāri nahutāni ca;
เอตฺตกํ พหลเตฺตน, สงฺขาตายํ วสุนฺธราฯ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๗);
Ettakaṃ bahalattena, saṅkhātāyaṃ vasundharā. (pārā. aṭṭha. 1.1; visuddhi. 1.137);
ตสฺสาเยว สนฺธารกํ –
Tassāyeva sandhārakaṃ –
จตฺตาริ สตสหสฺสานิ, อเฎฺฐว นหุตานิ จ;
Cattāri satasahassāni, aṭṭheva nahutāni ca;
เอตฺตกํ พหลเตฺตน, ชลํ วาเต ปติฎฺฐิตํฯ
Ettakaṃ bahalattena, jalaṃ vāte patiṭṭhitaṃ.
ตสฺสาปิ สนฺธารโก –
Tassāpi sandhārako –
นวสตสหสฺสานิ, มาลุโต นภมุคฺคโต;
Navasatasahassāni, māluto nabhamuggato;
สฎฺฐิ เจว สหสฺสานิ, เอสา โลกสฺส สณฺฐิติฯ
Saṭṭhi ceva sahassāni, esā lokassa saṇṭhiti.
เอวํ สณฺฐิเต เจตฺถ โยชนานํ –
Evaṃ saṇṭhite cettha yojanānaṃ –
จตุราสีติสหสฺสานิ, อโชฺฌคาโฬฺห มหณฺณเว;
Caturāsītisahassāni, ajjhogāḷho mahaṇṇave;
อจฺจุคฺคโต ตาวเทว, สิเนรุ ปพฺพตุตฺตโมฯ
Accuggato tāvadeva, sineru pabbatuttamo.
ตโต อุปฑฺฒุปเฑฺฒน, ปมาเณน ยถากฺกมํ;
Tato upaḍḍhupaḍḍhena, pamāṇena yathākkamaṃ;
อโชฺฌคาฬฺหุคฺคตา ทิพฺพา, นานารตนจิตฺติตาฯ
Ajjhogāḷhuggatā dibbā, nānāratanacittitā.
ยุคนฺธโร อีสธโร, กรวีโก สุทสฺสโน;
Yugandharo īsadharo, karavīko sudassano;
เนมินฺธโร วินตโก, อสฺสกโณฺณ คิริ พฺรหาฯ
Nemindharo vinatako, assakaṇṇo giri brahā.
เอเต สตฺต มหาเสลา, สิเนรุสฺส สมนฺตโต;
Ete satta mahāselā, sinerussa samantato;
มหาราชานมาวาสา เทวยกฺขนิเสวิตาฯ
Mahārājānamāvāsā devayakkhanisevitā.
โยชนานํ สตานุโจฺจ, หิมวา ปญฺจ ปพฺพโต;
Yojanānaṃ satānucco, himavā pañca pabbato;
โยชนานํ สหสฺสานิ, ตีณิ อายตวิตฺถโต;
Yojanānaṃ sahassāni, tīṇi āyatavitthato;
จตุราสีติสหเสฺสหิ, กูเฎหิ ปฎิมณฺฑิโตฯ
Caturāsītisahassehi, kūṭehi paṭimaṇḍito.
ติปญฺจโยชนกฺขนฺธปริเกฺขปา นควฺหยา;
Tipañcayojanakkhandhaparikkhepā nagavhayā;
ปญฺญาสโยชนกฺขนฺธสาขายามา สมนฺตโตฯ
Paññāsayojanakkhandhasākhāyāmā samantato.
สตโยชนวิตฺถิณฺณา , ตาวเทว จ อุคฺคตา;
Satayojanavitthiṇṇā , tāvadeva ca uggatā;
ชมฺพู ยสฺสานุภาเวน, ชมฺพุทีโป ปกาสิโตฯ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑; วิสุทฺธิ. ๑.๑๓๗);
Jambū yassānubhāvena, jambudīpo pakāsito. (pārā. aṭṭha. 1.1; visuddhi. 1.137);
ยเญฺจตํ ชมฺพุยา ปมาณํ ตเทว อสุรานํ จิตฺตปาฎลิยา, ครุฬานํ สิมฺพลิรุกฺขสฺส, อปรโคยาเน กทมฺพรุกฺขสฺส, อุตฺตรกุรุมฺหิ กปฺปรุกฺขสฺส, ปุพฺพวิเทเห สิรีสสฺส, ตาวติํเสสุ ปาริจฺฉตฺตกสฺสาติฯ เตนาหุ โปราณา –
Yañcetaṃ jambuyā pamāṇaṃ tadeva asurānaṃ cittapāṭaliyā, garuḷānaṃ simbalirukkhassa, aparagoyāne kadambarukkhassa, uttarakurumhi kapparukkhassa, pubbavidehe sirīsassa, tāvatiṃsesu pāricchattakassāti. Tenāhu porāṇā –
ปาฎลี สิมฺพลี ชมฺพู, เทวานํ ปาริจฺฉตฺตโก;
Pāṭalī simbalī jambū, devānaṃ pāricchattako;
กทโมฺพ กปฺปรุโกฺข จ, สิรีเสน ภวติ สตฺตมนฺติฯ
Kadambo kapparukkho ca, sirīsena bhavati sattamanti.
เทฺวอสีติสหสฺสานิ, อโชฺฌคาโฬฺห มหณฺณเว;
Dveasītisahassāni, ajjhogāḷho mahaṇṇave;
อุอจฺจุคฺคโต ตาวเทว, จกฺกวาฬสิลุจฺจโย;
Uaccuggato tāvadeva, cakkavāḷasiluccayo;
ปริกฺขิปิตฺวา ตํ สพฺพํ, โลกธาตุมยํ ฐิโตติฯ
Parikkhipitvā taṃ sabbaṃ, lokadhātumayaṃ ṭhitoti.
อุปาทินฺนกสนฺตาเนปิ มจฺฉกจฺฉปเทวทานวาทิสรีรวเสน มหนฺตาเนว ปาตุภูตานิฯ วุตฺตเญฺหตํ ภควตา – ‘‘สนฺติ, ภิกฺขเว, มหาสมุเทฺท โยชนสติกาปิ อตฺตภาวาติ’’อาทิฯ
Upādinnakasantānepi macchakacchapadevadānavādisarīravasena mahantāneva pātubhūtāni. Vuttañhetaṃ bhagavatā – ‘‘santi, bhikkhave, mahāsamudde yojanasatikāpi attabhāvāti’’ādi.
‘มหาภูตสามญฺญโต’ติ เอตานิ หิ ยถา มายากาโร อมณิํเยว อุทกํ มณิํ กตฺวา ทเสฺสติ, อสุวณฺณํเยว เลฑฺฑุํ สุวณฺณํ กตฺวา ทเสฺสติ, ยถา จ สยํ เนว ยโกฺข น ปกฺขี สมาโน ยกฺขภาวมฺปิ ปกฺขิภาวมฺปิ ทเสฺสติ, เอวเมว สยํ อนีลาเนว หุตฺวา นีลํ อุปาทารูปํ ทเสฺสนฺติ, อปีตานิ… อโลหิตานิ… อโนทาตาเนว หุตฺวา โอทาตํ อุปาทารูปํ ทเสฺสนฺตีติ มายาการมหาภูตสามญฺญโต มหาภูตานิฯ ยถา จ ยกฺขาทีนิ มหาภูตานิ ยํ คณฺหนฺติ เนว เตสํ ตสฺส อโนฺต น พหิฐานํ อุปลพฺภติ, น จ ตํ นิสฺสาย น ติฎฺฐนฺติ, เอวเมว เอตานิปิ เนว อญฺญมญฺญสฺส อโนฺต น พหิ ฐิตานิ หุตฺวา อุปลพฺภนฺติ, น จ อญฺญมญฺญํ นิสฺสาย น ติฎฺฐนฺตีติฯ อจิเนฺตยฺยฎฺฐานตาย ยกฺขาทิมหาภูตสามญฺญโตปิ มหาภูตานิฯ
‘Mahābhūtasāmaññato’ti etāni hi yathā māyākāro amaṇiṃyeva udakaṃ maṇiṃ katvā dasseti, asuvaṇṇaṃyeva leḍḍuṃ suvaṇṇaṃ katvā dasseti, yathā ca sayaṃ neva yakkho na pakkhī samāno yakkhabhāvampi pakkhibhāvampi dasseti, evameva sayaṃ anīlāneva hutvā nīlaṃ upādārūpaṃ dassenti, apītāni… alohitāni… anodātāneva hutvā odātaṃ upādārūpaṃ dassentīti māyākāramahābhūtasāmaññato mahābhūtāni. Yathā ca yakkhādīni mahābhūtāni yaṃ gaṇhanti neva tesaṃ tassa anto na bahiṭhānaṃ upalabbhati, na ca taṃ nissāya na tiṭṭhanti, evameva etānipi neva aññamaññassa anto na bahi ṭhitāni hutvā upalabbhanti, na ca aññamaññaṃ nissāya na tiṭṭhantīti. Acinteyyaṭṭhānatāya yakkhādimahābhūtasāmaññatopi mahābhūtāni.
ยถา จ ยกฺขินีสงฺขาตานิ มหาภูตานิ มนาเปหิ วณฺณสณฺฐานวิเกฺขเปหิ อตฺตโน ภยานกภาวํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา สเตฺต วเญฺจนฺติ, เอวเมว เอตานิปิ อิตฺถิปุริสสรีราทีสุ มนาเปน ฉวิวเณฺณน, มนาเปน องฺคปจฺจงฺคสณฺฐาเนน, มนาเปน จ หตฺถปาทงฺคุลิภมุกวิเกฺขเปน อตฺตโน กกฺขฬตาทิเภทํ สรสลกฺขณํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา พาลชนํ วเญฺจนฺติ, อตฺตโน สภาวํ ทฎฺฐุํ น เทนฺติฯ อิติ วญฺจกเฎฺฐน ยกฺขินีมหาภูตสามญฺญโตปิ มหาภูตานิฯ
Yathā ca yakkhinīsaṅkhātāni mahābhūtāni manāpehi vaṇṇasaṇṭhānavikkhepehi attano bhayānakabhāvaṃ paṭicchādetvā satte vañcenti, evameva etānipi itthipurisasarīrādīsu manāpena chavivaṇṇena, manāpena aṅgapaccaṅgasaṇṭhānena, manāpena ca hatthapādaṅgulibhamukavikkhepena attano kakkhaḷatādibhedaṃ sarasalakkhaṇaṃ paṭicchādetvā bālajanaṃ vañcenti, attano sabhāvaṃ daṭṭhuṃ na denti. Iti vañcakaṭṭhena yakkhinīmahābhūtasāmaññatopi mahābhūtāni.
‘มหาปริหารโต’ติ มหเนฺตหิ ปจฺจเยหิ ปริหริตพฺพโตฯ เอตานิ หิ ทิวเส ทิวเส อุปเนตพฺพตฺตา มหเนฺตหิ ฆาสจฺฉาทนาทีหิ ภูตานิ ปวตฺตานีติ มหาภูตานิฯ มหาปริหารานิ วา ภูตานีติ มหาภูตานิฯ
‘Mahāparihārato’ti mahantehi paccayehi pariharitabbato. Etāni hi divase divase upanetabbattā mahantehi ghāsacchādanādīhi bhūtāni pavattānīti mahābhūtāni. Mahāparihārāni vā bhūtānīti mahābhūtāni.
‘มหาวิการโต’ติ ภูตานํ มหาวิการโตฯ เอตานิ หิ อุปาทิณฺณานิปิ อนุปาทิณฺณานิปิ มหาวิการานิ โหนฺติฯ ตตฺถ อนุปาทิณฺณานํ กปฺปวุฎฺฐาเน วิการมหตฺตํ ปากฎํ โหติ, อุปาทิณฺณานํ ธาตุโกฺขภกาเลฯ ตถา หิ –
‘Mahāvikārato’ti bhūtānaṃ mahāvikārato. Etāni hi upādiṇṇānipi anupādiṇṇānipi mahāvikārāni honti. Tattha anupādiṇṇānaṃ kappavuṭṭhāne vikāramahattaṃ pākaṭaṃ hoti, upādiṇṇānaṃ dhātukkhobhakāle. Tathā hi –
ภูมิโต วุฎฺฐิตา ยาว, พฺรหฺมโลกา วิธาวติ;
Bhūmito vuṭṭhitā yāva, brahmalokā vidhāvati;
อจฺจิ อจฺจิมโต โลเก, ทยฺหมานมฺหิ เตชสาฯ
Acci accimato loke, dayhamānamhi tejasā.
โกฎิสตสหเสฺสกํ, จกฺกวาฬํ วิลียติ;
Koṭisatasahassekaṃ, cakkavāḷaṃ vilīyati;
กุปิเตน ยทา โลโก, สลิเลน วินสฺสติฯ
Kupitena yadā loko, salilena vinassati.
โกฎิสตสหเสฺสกํ , จกฺกวาฬํ วิกีรติ;
Koṭisatasahassekaṃ , cakkavāḷaṃ vikīrati;
วาโยธาตุปฺปโกเปน, ยทา โลโก วินสฺสติฯ
Vāyodhātuppakopena, yadā loko vinassati.
ปตฺถโทฺธ ภวติ กาโย, ทโฎฺฐ กฎฺฐมุเขน วา;
Patthaddho bhavati kāyo, daṭṭho kaṭṭhamukhena vā;
ปถวีธาตุปฺปโกเปน, โหติ กฎฺฐมุเขว โสฯ
Pathavīdhātuppakopena, hoti kaṭṭhamukheva so.
ปูติโย ภวติ กาโย, ทโฎฺฐ ปูติมุเขน วา;
Pūtiyo bhavati kāyo, daṭṭho pūtimukhena vā;
อาโปธาตุปฺปโกเปน, โหติ ปูติมุเขว โสฯ
Āpodhātuppakopena, hoti pūtimukheva so.
สนฺตโตฺต ภวติ กาโย, ทโฎฺฐ อคฺคิมุเขน วา;
Santatto bhavati kāyo, daṭṭho aggimukhena vā;
เตโชธาตุปฺปโกเปน, โหติ อคฺคิมุเขว โสฯ
Tejodhātuppakopena, hoti aggimukheva so.
สญฺฉิโนฺน ภวติ กาโย, ทโฎฺฐ สตฺถมุเขน วา;
Sañchinno bhavati kāyo, daṭṭho satthamukhena vā;
วาโยธาตุปฺปโกเปน, โหติ สตฺถมุเขว โสฯ (สํ. นิ. อฎฺฐ. ๓.๔.๒๓๘);
Vāyodhātuppakopena, hoti satthamukheva so. (saṃ. ni. aṭṭha. 3.4.238);
อิติ มหาวิการานิ ภูตานีติ มหาภูตานิฯ
Iti mahāvikārāni bhūtānīti mahābhūtāni.
‘มหนฺตภูตตฺตา จา’ติ เอตานิ หิ มหนฺตานิ มหตา วายาเมน ปริคฺคเหตพฺพตฺตา, ภูตานิ วิชฺชมานตฺตาติ, มหนฺตภูตตฺตา จ มหาภูตานิฯ เอวํ มหนฺตปาตุภาวาทีหิ การเณหิ มหาภูตานิฯ
‘Mahantabhūtattā cā’ti etāni hi mahantāni mahatā vāyāmena pariggahetabbattā, bhūtāni vijjamānattāti, mahantabhūtattā ca mahābhūtāni. Evaṃ mahantapātubhāvādīhi kāraṇehi mahābhūtāni.
จตุนฺนญฺจ มหาภูตานํ อุปาทาย รูปนฺติ อุปโยคเตฺถ สามิวจนํฯ จตฺตาริ มหาภูตานิ อุปาทาย, นิสฺสาย, อมุญฺจิตฺวา ปวตฺตรูปนฺติ อโตฺถฯ อิทํ วุจฺจติ สพฺพํ รูปนฺติ อิทํ จตฺตาริ มหาภูตานิ, ปทปฎิปาฎิยา นิทฺทิฎฺฐานิ เตวีสติ อุปาทารูปานีติ, สตฺตวีสติปฺปเภทํ สพฺพํ รูปํ นามฯ
Catunnañca mahābhūtānaṃ upādāya rūpanti upayogatthe sāmivacanaṃ. Cattāri mahābhūtāni upādāya, nissāya, amuñcitvā pavattarūpanti attho. Idaṃ vuccati sabbaṃ rūpanti idaṃ cattāri mahābhūtāni, padapaṭipāṭiyā niddiṭṭhāni tevīsati upādārūpānīti, sattavīsatippabhedaṃ sabbaṃ rūpaṃ nāma.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / มาติกา • Mātikā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā