Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā |
๒. รูปกณฺฑํ
2. Rūpakaṇḍaṃ
อุเทฺทสวณฺณนา
Uddesavaṇṇanā
อิทานิ รูปมพฺยากตํ ภาเชตพฺพํ, ตญฺจ เกนจิ สมยววตฺถานํ กตฺวา น สกฺกา ภาเชตุํฯ น หิ รูปสฺส จิตฺตุปฺปาเทน สมยววตฺถานํ สกฺกา กาตุํ อจิตฺตสมุฎฺฐานสพฺภาวโต, จิตฺตสมุฎฺฐานสฺส จ อเนกจิตฺตสมุฎฺฐานตาย รูปสมุฎฺฐาปกจิตฺตานญฺจ เกสญฺจิ กตฺถจิ อสมุฎฺฐาปนตาย ววตฺถานาภาวโต, วิญฺญตฺติทฺวยวชฺชิตสฺส รูปสฺส อจิตฺตสหภุภาวโต จ, น จ รูปานํ อุปสมฺปชฺช วิหรเณน สมยววตฺถานํ ยุชฺชติ มหคฺคตปฺปมาณานํ ฌานานํ วิย รูปานํ อุปสมฺปชฺช วิหาตพฺพตาภาวา, อุปาทารูเปหิ จ น ยุชฺชติ เตสํ สหชาตาทิปจฺจยภาเวน อปฺปวตฺตนโต, นาปิ มหาภูเตหิ ยุชฺชติ เกสญฺจิ มหาภูตานํ เกหิจิ อุปาทารูเปหิ วินา ปวตฺติโต อสมานกาลานญฺจ สพฺภาวโตฯ น หิ ‘‘ยสฺมิํ สมเย ปถวีธาตุ อุปฺปนฺนา โหติ, ตสฺมิํ สมเย จกฺขายตนํ โหตี’’ติ สกฺกา วตฺตุํ โสตาทินิสฺสยภูตาย ปถวิยา จิตฺตาทิสมุฎฺฐานาย จ สห จกฺขายตนสฺส อภาวาฯ เอวํ โสตายตนาทีสุปิ โยเชตพฺพํฯ
Idāni rūpamabyākataṃ bhājetabbaṃ, tañca kenaci samayavavatthānaṃ katvā na sakkā bhājetuṃ. Na hi rūpassa cittuppādena samayavavatthānaṃ sakkā kātuṃ acittasamuṭṭhānasabbhāvato, cittasamuṭṭhānassa ca anekacittasamuṭṭhānatāya rūpasamuṭṭhāpakacittānañca kesañci katthaci asamuṭṭhāpanatāya vavatthānābhāvato, viññattidvayavajjitassa rūpassa acittasahabhubhāvato ca, na ca rūpānaṃ upasampajja viharaṇena samayavavatthānaṃ yujjati mahaggatappamāṇānaṃ jhānānaṃ viya rūpānaṃ upasampajja vihātabbatābhāvā, upādārūpehi ca na yujjati tesaṃ sahajātādipaccayabhāvena appavattanato, nāpi mahābhūtehi yujjati kesañci mahābhūtānaṃ kehici upādārūpehi vinā pavattito asamānakālānañca sabbhāvato. Na hi ‘‘yasmiṃ samaye pathavīdhātu uppannā hoti, tasmiṃ samaye cakkhāyatanaṃ hotī’’ti sakkā vattuṃ sotādinissayabhūtāya pathaviyā cittādisamuṭṭhānāya ca saha cakkhāyatanassa abhāvā. Evaṃ sotāyatanādīsupi yojetabbaṃ.
มหาภูเตหิ อสมานกาลานิ วิญฺญตฺติอุปจยาทีนิปิ ตสฺมิํ สมเย โหนฺตีติ น สกฺกา วตฺตุนฺติฯ เอกสฺมิญฺจ กาเล อเนกานิ กลาปสหสฺสานิ อุปฺปชฺชนฺติ ปวตฺตนฺติ จ, น อรูปธมฺมานํ วิย รูปานํ กลาปทฺวยสหาภาโว อตฺถิฯ เอกสฺมิญฺจ กลาเป วตฺตมาเน เอว อญฺญสฺส นิโรโธ, อญฺญสฺส จุปฺปตฺติ โหตีติ สพฺพถา รูปาพฺยากตํ สมยววตฺถานํ กตฺวา น สกฺกา วิภชิตุํฯ เอกกาทีหิ ปน นเยหิ น เหตุอาทินา สภาเวน วิภชิตุํ สกฺกาติ ตถา วิภชนตฺถํ จิตฺตุปฺปาทกเณฺฑ ตาว อวิภตฺตํ อพฺยากตํ อตฺถีติ ทเสฺสตุํ สมยววตฺถาเนน วินา อพฺยากตสฺส สภาวโตเยว นิเทฺทเส เอกเทสํ นิทฺทิสิตฺวา นิคมนกรณสฺส อนุปปตฺติโต จ วิภตฺตญฺจ อวิภตฺตญฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหโนฺต อาห ‘‘กตเม ธมฺมา อพฺยากตา? กุสลา…เป.… อสงฺขตา จ ธาตุฯ อิเม ธมฺมา อพฺยากตา’’ติฯ อวิภเตฺต หิ วิภชิตเพฺพ ทสฺสิเต วิภชนํ ยุตฺตํ ญาตุํ อิจฺฉาย อุปฺปาทิตายาติฯ เอตฺถ ปน วิปากกิริยาพฺยากตํ วิภตฺตตฺตา น วิภชิตพฺพํ, อสงฺขตา จ ธาตุ เภทาภาวโตฯ ยํ ปเนตฺถ เภทยุตฺตตฺตา อวิภตฺตตฺตา จ วิภชิตพฺพํ, ตํ วิภชโนฺต อาห ‘‘ตตฺถ กตมํ สพฺพํ รูป’’นฺติอาทิฯ อยเมตฺถ ปาฬิโยชนาฯ
Mahābhūtehi asamānakālāni viññattiupacayādīnipi tasmiṃ samaye hontīti na sakkā vattunti. Ekasmiñca kāle anekāni kalāpasahassāni uppajjanti pavattanti ca, na arūpadhammānaṃ viya rūpānaṃ kalāpadvayasahābhāvo atthi. Ekasmiñca kalāpe vattamāne eva aññassa nirodho, aññassa cuppatti hotīti sabbathā rūpābyākataṃ samayavavatthānaṃ katvā na sakkā vibhajituṃ. Ekakādīhi pana nayehi na hetuādinā sabhāvena vibhajituṃ sakkāti tathā vibhajanatthaṃ cittuppādakaṇḍe tāva avibhattaṃ abyākataṃ atthīti dassetuṃ samayavavatthānena vinā abyākatassa sabhāvatoyeva niddese ekadesaṃ niddisitvā nigamanakaraṇassa anupapattito ca vibhattañca avibhattañca sabbaṃ saṅgaṇhanto āha ‘‘katame dhammā abyākatā? Kusalā…pe… asaṅkhatā ca dhātu. Ime dhammā abyākatā’’ti. Avibhatte hi vibhajitabbe dassite vibhajanaṃ yuttaṃ ñātuṃ icchāya uppāditāyāti. Ettha pana vipākakiriyābyākataṃ vibhattattā na vibhajitabbaṃ, asaṅkhatā ca dhātu bhedābhāvato. Yaṃ panettha bhedayuttattā avibhattattā ca vibhajitabbaṃ, taṃ vibhajanto āha ‘‘tattha katamaṃ sabbaṃ rūpa’’ntiādi. Ayamettha pāḷiyojanā.
นยํ ทเสฺสตฺวาติ เอตฺถ เหฎฺฐา คหณเมว นยทสฺสนํฯ ตํ วิปาเกสุ กตฺวา วิญฺญาตตฺตา กิริยาพฺยากเตสุ นิสฺสฎฺฐํฯ กามาวจราทิภาเวน วตฺตพฺพสฺส กิริยาพฺยากตสฺส วา ทสฺสนํ, ตํ กตฺวา กามาวจราติอาทิกํ คเหตฺวา วุตฺตตฺตา นิสฺสฎฺฐํฯ ปญฺจวีสติ รูปานีติ ปาฬิยํ วุตฺตานิ ทสายตนานิ ปญฺจทส จ สุขุมรูปานิ, อุปจยสนฺตติโย วา เอกนฺติ กตฺวา หทยวตฺถุญฺจฯ ฉนฺนวุตีติ จกฺขาทิทสกา สตฺต อุตุสมุฎฺฐานาทโย ตโย อฎฺฐกา อุตุจิตฺตชา เทฺว สทฺทา จฯ กลาปภาเวน ปวตฺตรูปรูปานิ ‘‘รูปโกฎฺฐาสา’’ติ วุตฺตานิ รูปกลาปโกฎฺฐาสภาวโตฯ โกฎฺฐาสาติ จ อํสา, อวยวาติ อโตฺถฯ โกฎฺฐนฺติ วา สรีรํ, ตสฺส อํสา เกสาทโย โกฎฺฐาสาติ อเญฺญปิ อวยวา โกฎฺฐาสา วิย โกฎฺฐาสาฯ นิพฺพานํ นิปฺปเทสโต คหิตนฺติ โสปาทิเสสนิรุปาทิเสสราคกฺขยาทิอสงฺขตาทิวจนียภาเวน ภินฺนํ นิปฺปเทสโต คหิตํฯ อตฺถโต หิ เอกาว อสงฺขตา ธาตูติฯ
Nayaṃ dassetvāti ettha heṭṭhā gahaṇameva nayadassanaṃ. Taṃ vipākesu katvā viññātattā kiriyābyākatesu nissaṭṭhaṃ. Kāmāvacarādibhāvena vattabbassa kiriyābyākatassa vā dassanaṃ, taṃ katvā kāmāvacarātiādikaṃ gahetvā vuttattā nissaṭṭhaṃ. Pañcavīsati rūpānīti pāḷiyaṃ vuttāni dasāyatanāni pañcadasa ca sukhumarūpāni, upacayasantatiyo vā ekanti katvā hadayavatthuñca. Channavutīti cakkhādidasakā satta utusamuṭṭhānādayo tayo aṭṭhakā utucittajā dve saddā ca. Kalāpabhāvena pavattarūparūpāni ‘‘rūpakoṭṭhāsā’’ti vuttāni rūpakalāpakoṭṭhāsabhāvato. Koṭṭhāsāti ca aṃsā, avayavāti attho. Koṭṭhanti vā sarīraṃ, tassa aṃsā kesādayo koṭṭhāsāti aññepi avayavā koṭṭhāsā viya koṭṭhāsā. Nibbānaṃ nippadesato gahitanti sopādisesanirupādisesarāgakkhayādiasaṅkhatādivacanīyabhāvena bhinnaṃ nippadesato gahitaṃ. Atthato hi ekāva asaṅkhatā dhātūti.
๕๘๔. สพฺพนฺติ สกลํ จกฺกวาฬํฯ ปริมณฺฑลํ ปริมณฺฑลสณฺฐานํ, ปริเกฺขปโต ฉตฺติํส สตสหสฺสานิ ทส เจว สหสฺสานิ อฑฺฒจตุตฺถานิ จ โยชนสตานิ โหนฺตีติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ วฎฺฎํ ‘‘ปริมณฺฑล’’นฺติ วุตฺตํฯ จตฺตาริ นหุตานีติ จตฺตาลีส สหสฺสานิฯ นควฺหยาติ นคาติ อวฺหาตพฺพา นคสทฺทนามาติ อโตฺถฯ
584. Sabbanti sakalaṃ cakkavāḷaṃ. Parimaṇḍalaṃ parimaṇḍalasaṇṭhānaṃ, parikkhepato chattiṃsa satasahassāni dasa ceva sahassāni aḍḍhacatutthāni ca yojanasatāni hontīti attho. Ettha ca vaṭṭaṃ ‘‘parimaṇḍala’’nti vuttaṃ. Cattāri nahutānīti cattālīsa sahassāni. Nagavhayāti nagāti avhātabbā nagasaddanāmāti attho.
เทวทานวาทีนํ ติคาวุตาทิสรีรวเสน มหนฺตานิ ปาตุภูตานิฯ ตตฺถายํ วจนโตฺถ – ภูตานิ ชาตานิ นิพฺพตฺตานิ มหนฺตานิ มหาภูตานีติฯ อเนกจฺฉริยทสฺสเนน อเนกาภูตวิเสสทสฺสนวเสน จ มายากาโร มหโนฺต ภูโตติ มหาภูโตฯ ยกฺขาทโย ชาติวเสเนว มหนฺตา ภูตาติ มหาภูตาฯ นิรุโฬฺห วา อยํ มหาภูตสโทฺท เตสุ ทฎฺฐโพฺพฯ ปถวิยาทโย ปน มหาภูตา วิย มหาภูตาฯ ภูตสทฺทสฺส อุภยลิงฺคตฺตา นปุํสกตา กตาฯ มหาปริหารโตติ เอตฺถ วจนตฺถํ วทโนฺต อาห ‘‘มหเนฺตหิ ภูตานิ, มหาปริหารานิ วา ภูตานี’’ติฯ ตตฺถ ปจฺฉิมเตฺถ ปุริมปเท อุตฺตรปทสฺส ปริหารสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ
Devadānavādīnaṃ tigāvutādisarīravasena mahantāni pātubhūtāni. Tatthāyaṃ vacanattho – bhūtāni jātāni nibbattāni mahantāni mahābhūtānīti. Anekacchariyadassanena anekābhūtavisesadassanavasena ca māyākāro mahanto bhūtoti mahābhūto. Yakkhādayo jātivaseneva mahantā bhūtāti mahābhūtā. Niruḷho vā ayaṃ mahābhūtasaddo tesu daṭṭhabbo. Pathaviyādayo pana mahābhūtā viya mahābhūtā. Bhūtasaddassa ubhayaliṅgattā napuṃsakatā katā. Mahāparihāratoti ettha vacanatthaṃ vadanto āha ‘‘mahantehi bhūtāni, mahāparihārānivā bhūtānī’’ti. Tattha pacchimatthe purimapade uttarapadassa parihārasaddassa lopaṃ katvā ‘‘mahābhūtānī’’ti vuccanti.
อจฺจิมโตติ อคฺคิสฺสฯ โกฎิสตสหสฺสํ เอกํ โกฎิสตสหเสฺสกํฯ จกฺกวาฬนฺติ ตํ สพฺพํ อาณาเกฺขตฺตวเสน เอกํ กตฺวา โวหรนฺติฯ วิลียติ ขาโรทเกนฯ วิกีรตีติ วิทฺธํสติฯ อุปาทินฺนเกสุ วิการํ ทเสฺสโนฺต ‘‘ปตฺถโทฺธ’’ติอาทิมาหฯ กฎฺฐมุเขน วาติ วา-สโทฺท อุปมโตฺถฯ ยถา กฎฺฐมุขสเปฺปน ทโฎฺฐ ปตฺถโทฺธ โหติ, เอวํ ปถวีธาตุปฺปโกเปน โส กาโย กฎฺฐมุเขว โหติ, กฎฺฐมุขมุขคโต วิย ปตฺถโทฺธ โหตีติ อโตฺถฯ อถ วา วา-สโทฺท เอวสทฺทสฺสเตฺถฯ ‘‘ปถวีธาตุปฺปโกเปนา’’ติ เอตสฺส จ ปรโต อาหริตฺวา เวทิตโพฺพฯ ตตฺรายมโตฺถ – ‘‘กฎฺฐมุเขน ทโฎฺฐปิ กาโย ปถวีธาตุปฺปโกเปเนว ปตฺถโทฺธ โหติ, ตสฺมา ปถวีธาตุยา อวิยุโตฺต โส กาโย สพฺพทา กฎฺฐมุขมุขคโต วิย โหตี’’ติฯ อถ วา อนิยมโตฺถ วา-สโทฺทฯ ตตฺรายมโตฺถ – ‘‘กฎฺฐมุเขน ทโฎฺฐ กาโย ปตฺถโทฺธ โหติ วา น วา โหติ มนฺตาคทวเสน, ปถวีธาตุปฺปโกเปน ปน มนฺตาคทรหิโต โส กาโย กฎฺฐมุขมุขคโต วิย โหติ เอกนฺตปตฺถโทฺธ’’ติฯ ปูติโยติ กุถิโตฯ มหาวิการานิ ภูตานีติ มหาวิการานิ ชาตานิ, วิชฺชมานานีติ วา อโตฺถฯ เอตฺถ จ ปุริมปเท อุตฺตรปทสฺส วิการสทฺทสฺส โลปํ กตฺวา ‘‘มหาภูตานี’’ติ วุตฺตานิฯ
Accimatoti aggissa. Koṭisatasahassaṃ ekaṃ koṭisatasahassekaṃ. Cakkavāḷanti taṃ sabbaṃ āṇākkhettavasena ekaṃ katvā voharanti. Vilīyati khārodakena. Vikīratīti viddhaṃsati. Upādinnakesu vikāraṃ dassento ‘‘patthaddho’’tiādimāha. Kaṭṭhamukhena vāti vā-saddo upamattho. Yathā kaṭṭhamukhasappena daṭṭho patthaddho hoti, evaṃ pathavīdhātuppakopena so kāyo kaṭṭhamukheva hoti, kaṭṭhamukhamukhagato viya patthaddho hotīti attho. Atha vā vā-saddo evasaddassatthe. ‘‘Pathavīdhātuppakopenā’’ti etassa ca parato āharitvā veditabbo. Tatrāyamattho – ‘‘kaṭṭhamukhena daṭṭhopi kāyo pathavīdhātuppakopeneva patthaddho hoti, tasmā pathavīdhātuyā aviyutto so kāyo sabbadā kaṭṭhamukhamukhagato viya hotī’’ti. Atha vā aniyamattho vā-saddo. Tatrāyamattho – ‘‘kaṭṭhamukhena daṭṭho kāyo patthaddho hoti vā na vā hoti mantāgadavasena, pathavīdhātuppakopena pana mantāgadarahito so kāyo kaṭṭhamukhamukhagato viya hoti ekantapatthaddho’’ti. Pūtiyoti kuthito. Mahāvikārāni bhūtānīti mahāvikārāni jātāni, vijjamānānīti vā attho. Ettha ca purimapade uttarapadassa vikārasaddassa lopaṃ katvā ‘‘mahābhūtānī’’ti vuttāni.
ปถวีติอาทินา สพฺพโลกสฺส ปากฎานิปิ วิปลฺลาสํ มุญฺจิตฺวา ยถาสภาวโต ปริคฺคยฺหมานานิ มหเนฺตน วายาเมน วินา น ปริคฺคยฺหนฺตีติ ปากฎานิปิ ทุวิเญฺญยฺยสภาวตฺตา ‘‘มหนฺตานี’’ติ วุจฺจนฺติฯ ตานิ หิ สุวิเญฺญยฺยานิ อมหนฺตานีติ คเหตฺวา ฐิโต เตสํ ทุปฺปริคฺคหิตตํ ทิสฺวา ‘‘อโห มหนฺตานิ เอตานี’’ติ ปชานาติฯ อุปาทายาติ เอเตน วิญฺญายมานา ปจฺฉิมกาลกิริยา ปวตฺตีติ กตฺวา ‘‘ปวตฺตรูป’’นฺติ วุตฺตํฯ เอวญฺหิ ‘‘อุปาทายา’’ติ เอเตน ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนตา วุตฺตา โหตีติฯ อถ วา อุปาทายติ นิสฺสยตีติ อุปาทายํ, อุปาทายเมว รูปํ อุปาทายรูปํ, อญฺญนิสฺสยสฺส เอกนฺตนิสฺสิตสฺส รูปเสฺสตํ อธิวจนํฯ ตํ ปน น สตฺตสฺส, นาปิ เวทนาทิโน ตทภาเวปิ ภาวโตติ ทเสฺสตุํ ‘‘จตุนฺนํ มหาภูตาน’’นฺติอาทิมาหฯ ภวติ หิ นิสฺสยรูปานํ สามิภาโวติฯ
Pathavītiādinā sabbalokassa pākaṭānipi vipallāsaṃ muñcitvā yathāsabhāvato pariggayhamānāni mahantena vāyāmena vinā na pariggayhantīti pākaṭānipi duviññeyyasabhāvattā ‘‘mahantānī’’ti vuccanti. Tāni hi suviññeyyāni amahantānīti gahetvā ṭhito tesaṃ duppariggahitataṃ disvā ‘‘aho mahantāni etānī’’ti pajānāti. Upādāyāti etena viññāyamānā pacchimakālakiriyā pavattīti katvā ‘‘pavattarūpa’’nti vuttaṃ. Evañhi ‘‘upādāyā’’ti etena paṭiccasamuppannatā vuttā hotīti. Atha vā upādāyati nissayatīti upādāyaṃ, upādāyameva rūpaṃ upādāyarūpaṃ, aññanissayassa ekantanissitassa rūpassetaṃ adhivacanaṃ. Taṃ pana na sattassa, nāpi vedanādino tadabhāvepi bhāvatoti dassetuṃ ‘‘catunnaṃ mahābhūtāna’’ntiādimāha. Bhavati hi nissayarūpānaṃ sāmibhāvoti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / มาติกา • Mātikā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā