Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā

    ๒. รูปกณฺฑํ

    2. Rūpakaṇḍaṃ

    อุเทฺทสวณฺณนา

    Uddesavaṇṇanā

    เกนจีติ รูเปน วา อรูเปน วาฯ จิตฺตุปฺปาเทน ตาว รูปสฺส สมยววตฺถานํ น สกฺกา กาตุํ อพฺยาปิตาย อเนกนฺติกตาย จาติ อิมมตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘อจิตฺตสมุฎฺฐานสพฺภาวโต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อจิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ จิตฺตสฺส ตีสุ ขเณสุ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺมิํ ตาว วาเท จิตฺตุปฺปตฺติสมเยน รูปูปปตฺติสมยสฺส ววตฺถานํ มา โหตุ, จิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณเยว สพฺพมฺปิ รูปํ อุปฺปชฺชตีติ อิมสฺมิํ ปน วาเท กถนฺติ? เอตฺถาปิ อจิตฺตสมุฎฺฐานํ รูปํ จิเตฺตน สหุปฺปาเทปิ อนินฺทฺริยพทฺธรูปํ วิย อจิตฺตปฎิ พนฺธุปฺปาทตาย น จิเตฺตน ววตฺถาเปตพฺพสมยนฺติ วุตฺตํ ‘‘อจิตฺตสมุฎฺฐานสพฺภาวโต’’ติฯ เตน จิตฺตุปฺปาเทน รูปสฺส สมยววตฺถานํ น พฺยาปีติ ทเสฺสติฯ อเนกจิตฺตสมุฎฺฐานตาย ววตฺถานาภาวโตติ สมฺพโนฺธฯ นิยเต หิ สมุฎฺฐาปกจิเตฺต จิตฺตสมุฎฺฐานรูปสฺส สิยา ววตฺถานนฺติฯ

    Kenacīti rūpena vā arūpena vā. Cittuppādena tāva rūpassa samayavavatthānaṃ na sakkā kātuṃ abyāpitāya anekantikatāya cāti imamatthaṃ dassento ‘‘acittasamuṭṭhānasabbhāvato’’tiādimāha. Tattha acittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ cittassa tīsu khaṇesu uppajjatīti imasmiṃ tāva vāde cittuppattisamayena rūpūpapattisamayassa vavatthānaṃ mā hotu, cittassa uppādakkhaṇeyeva sabbampi rūpaṃ uppajjatīti imasmiṃ pana vāde kathanti? Etthāpi acittasamuṭṭhānaṃ rūpaṃ cittena sahuppādepi anindriyabaddharūpaṃ viya acittapaṭi bandhuppādatāya na cittena vavatthāpetabbasamayanti vuttaṃ ‘‘acittasamuṭṭhānasabbhāvato’’ti. Tena cittuppādena rūpassa samayavavatthānaṃ na byāpīti dasseti. Anekacittasamuṭṭhānatāya vavatthānābhāvatoti sambandho. Niyate hi samuṭṭhāpakacitte cittasamuṭṭhānarūpassa siyā vavatthānanti.

    เกสญฺจีติ กามาวจรกุสลาทีนํฯ กตฺถจีติ อารุเปฺปฯ เกสญฺจีติ วา เกสญฺจิ ปญฺจโวการวิปากานํฯ กตฺถจีติ ปฎิสนฺธิกฺขเณ จริมกฺขเณ จฯ ‘‘ตสฺมิํ สมเย ผโสฺส โหตี’’ติอาทินา (ธ. ส. ๑) จิตฺตสหภาวินํ เอว จิเตฺตน สมยววตฺถานํ กตนฺติ วุตฺตํ ‘‘อจิตฺตสหภุภาวโต’’ติฯ เตสนฺติ อุปาทารูปานํฯ โย ยสฺส สหภาเวน อุปการโก, โส เอว ตสฺส สมยววตฺถาปกภาเวน วุโตฺตติ อาห ‘‘สหชาต…เป.… ตฺตนโต’’ติฯ นาปิ มหาภูเตหีติอาทินา ววตฺถานาภาวเมว ทเสฺสติฯ เกสญฺจีติ อกมฺมชาทีนํฯ เกหิจีติ กมฺมชาทีหิฯ ปวตฺติโตติ ปวตฺตนโตฯ สหาติ เอกสฺมิํ กาเลฯ อภาวาติ นิโยคโต อภาวาฯ

    Kesañcīti kāmāvacarakusalādīnaṃ. Katthacīti āruppe. Kesañcīti vā kesañci pañcavokāravipākānaṃ. Katthacīti paṭisandhikkhaṇe carimakkhaṇe ca. ‘‘Tasmiṃ samaye phasso hotī’’tiādinā (dha. sa. 1) cittasahabhāvinaṃ eva cittena samayavavatthānaṃ katanti vuttaṃ ‘‘acittasahabhubhāvato’’ti. Tesanti upādārūpānaṃ. Yo yassa sahabhāvena upakārako, so eva tassa samayavavatthāpakabhāvena vuttoti āha ‘‘sahajāta…pe… ttanato’’ti. Nāpi mahābhūtehītiādinā vavatthānābhāvameva dasseti. Kesañcīti akammajādīnaṃ. Kehicīti kammajādīhi. Pavattitoti pavattanato. Sahāti ekasmiṃ kāle. Abhāvāti niyogato abhāvā.

    วิญฺญตฺติ …เป.… น สกฺกา วตฺตุํ มหาภูเตหิ สมยววตฺถาเน กริยมาเน เตหิ อยาวภาวิตตายาติ อธิปฺปาโยฯ เอกสฺมิํ กาเลติอาทินาปิ มหาภูเตหิ สมยนิยมเน ววตฺถานาภาวเมว วิภาเวติฯ ‘‘ตถา วิภชนตฺถ’’นฺติ, ‘‘อวิภตฺตํ อพฺยากตํ อตฺถีติ ทเสฺสตุ’’นฺติ จ อิเมสํ ปทานํ ‘‘วิภตฺตํ อวิภตฺตญฺจ สพฺพํ สงฺคณฺหโนฺต อาหา’’ติ อิมินา สมฺพโนฺธฯ สมยววตฺถานํ กตฺวา นิทฺทิสิยมานสฺส นิปฺปเทสตาย อสมฺภวโต เอกเทสํ นิทฺทิสิตฺวา สามเญฺญน นิคมนํ ยุตฺตํ, อกตฺวา ปน สมยววตฺถานํ สรูปโต นิทฺทิสเนน ตถาติ อิมมตฺถํ อาห ‘‘สมยววตฺถาเนนา’’ติอาทินาฯ อวิภเตฺตติ วิปากกิริยาพฺยากตํ วิย น ปุเพฺพ วิภเตฺตฯ วิภชิตเพฺพติ เภทวนฺตตาย วิภชนารเหฯ ทสฺสิเตติ อุทฺทิสนวเสน ทสฺสิเตฯ วุตฺตเมวตฺถํ วิตฺถารตเรน ทเสฺสตุํ ‘‘เอตฺถ ปนา’’ติอาทิมาหฯ

    Viññatti…pe… na sakkā vattuṃ mahābhūtehi samayavavatthāne kariyamāne tehi ayāvabhāvitatāyāti adhippāyo. Ekasmiṃ kāletiādināpi mahābhūtehi samayaniyamane vavatthānābhāvameva vibhāveti. ‘‘Tathā vibhajanattha’’nti, ‘‘avibhattaṃ abyākataṃ atthīti dassetu’’nti ca imesaṃ padānaṃ ‘‘vibhattaṃ avibhattañca sabbaṃ saṅgaṇhanto āhā’’ti iminā sambandho. Samayavavatthānaṃ katvā niddisiyamānassa nippadesatāya asambhavato ekadesaṃ niddisitvā sāmaññena nigamanaṃ yuttaṃ, akatvā pana samayavavatthānaṃ sarūpato niddisanena tathāti imamatthaṃ āha ‘‘samayavavatthānenā’’tiādinā. Avibhatteti vipākakiriyābyākataṃ viya na pubbe vibhatte. Vibhajitabbeti bhedavantatāya vibhajanārahe. Dassiteti uddisanavasena dassite. Vuttamevatthaṃ vitthāratarena dassetuṃ ‘‘ettha panā’’tiādimāha.

    วิปากาทิธมฺมานํ นยนํ นโย, โสว ทสฺสนนฺติ นยทสฺสนํฯ ‘‘เทสนา’’ติ วุตฺตํ เหฎฺฐา คหณเมว นยทสฺสนนฺติฯ ทุติยวิกเปฺป ปน กามาวจราทิภาเวน นียตีติ นโย, กิริยาพฺยากตํฯ ตสฺส ทสฺสนํ นยทสฺสนนฺติ โยเชตพฺพํฯ ทุกาทีสุ นิเทฺทสวาเร จ หทยวตฺถุโน อนาคตตฺตา ตํ อคฺคเหตฺวา ปฐมวิกโปฺป วุโตฺต, เอกเก ปน วตฺถุปิ คหิตนฺติ ‘‘หทยวตฺถุญฺจา’’ติ ทุติยวิกเปฺป วุตฺตํฯ กิํ ปน การณํ ทุกาทีสุ นิเทฺทสวาเร จ หทยวตฺถุ น คหิตนฺติ? อิตรวตฺถูหิ อสมานคติกตฺตา เทสนาเภทโต จฯ ยถา หิ จกฺขุวิญฺญาณาทีนิ เอกนฺตโต จกฺขาทินิสฺสยานิ, น เอวํ มโนวิญฺญาณํ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, นิสฺสิตมุเขน จ วตฺถุทุกาทิเทสนา ปวตฺตาฯ ยมฺปิ เอกนฺตโต หทยวตฺถุนิสฺสยํ, ตสฺส วเสน ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิญฺญาณสฺส วตฺถู’’ติอาทินา ทุกาทีสุ วุจฺจมาเนสุปิ ตทนุกูลอารมฺมณทุกาทโย น สมฺภวนฺติฯ น หิ ‘‘อตฺถิ รูปํ มโนวิญฺญาณสฺส อารมฺมณํ, อตฺถิ รูปํ น มโนวิญฺญาณสฺส อารมฺมณ’’นฺติอาทินา สกฺกา วตฺตุนฺติ วตฺถารมฺมณทุกเทสนา ภินฺนคติกา สิยุํ, สมานคติกา จ ตา เทเสตุํ ภควโต อชฺฌาสโยฯ เอสา หิ ภควโต เทสนา ปกติฯ เตเนว หิ นิเกฺขปกเณฺฑ จิตฺตุปฺปาทวิภาเคน อวุจฺจมานตฺตา อวิตกฺกาวิจารปทวิสฺสชฺชเน วิจาโรติ วตฺตุํ น สกฺกาติ อวิตกฺกวิจารมตฺตปทวิสฺสชฺชเน ลพฺภมาโนปิ วิตโกฺก น อุทฺธโฎ, อญฺญถา วิตโกฺก จาติ วตฺตพฺพํ สิยาติฯ เอวํ อิตรวตฺถูหิ อสมานคติกตฺตา เทสนาเภทโต จ ทุกาทีสุ อุเทฺทเส น คหิตํฯ อุทฺทิฎฺฐเสฺสว หิ นิทฺทิสนโต นิเทฺทเสปิ น คหิตํ หทยวตฺถูติ วทนฺติฯ

    Vipākādidhammānaṃ nayanaṃ nayo, sova dassananti nayadassanaṃ. ‘‘Desanā’’ti vuttaṃ heṭṭhā gahaṇameva nayadassananti. Dutiyavikappe pana kāmāvacarādibhāvena nīyatīti nayo, kiriyābyākataṃ. Tassa dassanaṃ nayadassananti yojetabbaṃ. Dukādīsu niddesavāre ca hadayavatthuno anāgatattā taṃ aggahetvā paṭhamavikappo vutto, ekake pana vatthupi gahitanti ‘‘hadayavatthuñcā’’ti dutiyavikappe vuttaṃ. Kiṃ pana kāraṇaṃ dukādīsu niddesavāre ca hadayavatthu na gahitanti? Itaravatthūhi asamānagatikattā desanābhedato ca. Yathā hi cakkhuviññāṇādīni ekantato cakkhādinissayāni, na evaṃ manoviññāṇaṃ ekantato hadayavatthunissayaṃ, nissitamukhena ca vatthudukādidesanā pavattā. Yampi ekantato hadayavatthunissayaṃ, tassa vasena ‘‘atthi rūpaṃ manoviññāṇassa vatthū’’tiādinā dukādīsu vuccamānesupi tadanukūlaārammaṇadukādayo na sambhavanti. Na hi ‘‘atthi rūpaṃ manoviññāṇassa ārammaṇaṃ, atthi rūpaṃ na manoviññāṇassa ārammaṇa’’ntiādinā sakkā vattunti vatthārammaṇadukadesanā bhinnagatikā siyuṃ, samānagatikā ca tā desetuṃ bhagavato ajjhāsayo. Esā hi bhagavato desanā pakati. Teneva hi nikkhepakaṇḍe cittuppādavibhāgena avuccamānattā avitakkāvicārapadavissajjane vicāroti vattuṃ na sakkāti avitakkavicāramattapadavissajjane labbhamānopi vitakko na uddhaṭo, aññathā vitakko cāti vattabbaṃ siyāti. Evaṃ itaravatthūhi asamānagatikattā desanābhedato ca dukādīsu uddese na gahitaṃ. Uddiṭṭhasseva hi niddisanato niddesepi na gahitaṃ hadayavatthūti vadanti.

    จกฺขาทิทสกา สตฺตาติ จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายอิตฺถิภาวปุริสภาวทสกา สตฺต, เอกสนฺตานวเสน วา จกฺขุโสตฆานชิวฺหากายภาววตฺถุทสกา สตฺตฯ นิพฺพานสฺส อสติปิ ปรมตฺถโต เภเท ปริกปฺปิตเภโทปิ เภโทเยว โวหารวิสเยติ กตฺวา โสปาทิเสสาทิเภโท วุโตฺตฯ

    Cakkhādidasakāsattāti cakkhusotaghānajivhākāyaitthibhāvapurisabhāvadasakā satta, ekasantānavasena vā cakkhusotaghānajivhākāyabhāvavatthudasakā satta. Nibbānassa asatipi paramatthato bhede parikappitabhedopi bhedoyeva vohāravisayeti katvā sopādisesādibhedo vutto.

    ๕๘๔. กิญฺจาปิ อญฺญตฺถ กุกฺกุฎณฺฑสณฺฐาเน ปริมณฺฑล-สโทฺท ทิสฺสติ, จกฺกสณฺฐานตา ปน วฎฺฎสณฺฐาเน จกฺกวาเฬ วุจฺจมาโน ปริมณฺฑล-สโทฺท วฎฺฎปริยาโย สิยาฯ อเนกตฺถา หิ สทฺทาติ อธิปฺปาเยนาห ‘‘วฎฺฎํ ปริมณฺฑล’’นฺติฯ เอตฺถ จ สิเนรุยุคนฺธราทีนํ สมุทฺทโต อุปริอโธภาคานํ วเสน อุเพฺพโธ วุโตฺต, อายามวิตฺถาเรหิปิ สิเนรุ จตุราสีติโยชนสหสฺสปริมาโณวฯ ยถาห ‘‘สิเนรุ, ภิกฺขเว, ปพฺพตราชา จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ อายาเมน, จตุราสีติ โยชนสหสฺสานิ วิตฺถาเรนา’’ติ (อ. นิ. ๗.๖๖)ฯ สิเนรุํ ปาการปริเกฺขปวเสน ปริกฺขิปิตฺวา ฐิตา ยุคนฺธราทโย, สิเนรุยุคนฺธราทีนํ อนฺตเรปิ สีตสมุทฺทา นามฯ ‘‘เต วิสาลโต ยถากฺกมํ สิเนรุอาทีนํ อจฺจุคฺคมนสมานปริมาณา’’ติ วทนฺติฯ

    584. Kiñcāpi aññattha kukkuṭaṇḍasaṇṭhāne parimaṇḍala-saddo dissati, cakkasaṇṭhānatā pana vaṭṭasaṇṭhāne cakkavāḷe vuccamāno parimaṇḍala-saddo vaṭṭapariyāyo siyā. Anekatthā hi saddāti adhippāyenāha ‘‘vaṭṭaṃ parimaṇḍala’’nti. Ettha ca sineruyugandharādīnaṃ samuddato upariadhobhāgānaṃ vasena ubbedho vutto, āyāmavitthārehipi sineru caturāsītiyojanasahassaparimāṇova. Yathāha ‘‘sineru, bhikkhave, pabbatarājā caturāsīti yojanasahassāni āyāmena, caturāsīti yojanasahassāni vitthārenā’’ti (a. ni. 7.66). Sineruṃ pākāraparikkhepavasena parikkhipitvā ṭhitā yugandharādayo, sineruyugandharādīnaṃ antarepi sītasamuddā nāma. ‘‘Te visālato yathākkamaṃ sineruādīnaṃ accuggamanasamānaparimāṇā’’ti vadanti.

    โกฎิสตสหสฺสจกฺกวาฬเสฺสว อาณาเขตฺตภาโว ทสสหสฺสจกฺกวาฬสฺส ชาติเขตฺตภาโว วิย ธมฺมตาวเสเนว เวทิตโพฺพฯ วิกปฺปสมานสมุจฺจยวิภาวเนสุ วิย อวธารเณ อนิยเม จ วา-สโทฺท วตฺตตีติ ตถา โยชนา กตาฯ อเนกตฺถา หิ นิปาตาติฯ ตตฺถ อเนกนฺติกโตฺถ อนิยมโตฺถ

    Koṭisatasahassacakkavāḷasseva āṇākhettabhāvo dasasahassacakkavāḷassa jātikhettabhāvo viya dhammatāvaseneva veditabbo. Vikappasamānasamuccayavibhāvanesu viya avadhāraṇe aniyame ca -saddo vattatīti tathā yojanā katā. Anekatthā hi nipātāti. Tattha anekantikattho aniyamattho.

    สีลาทิวิสุทฺธิสมฺปาทเนน, จตุธาตุววตฺถานวเสเนว วา มหากิจฺจตาย มหเนฺตน วายาเมนฯ สติปิ ลกฺขณาทิเภเท เอกสฺมิํ เอว กาเล เอกสฺมิํ สนฺตาเน อเนกสตสหสฺสกลาปวุตฺติโต มหนฺตานิ พหูนิ ภูตานิ ปรมตฺถโต วิชฺชมานานีติ วา มหาภูตานิ ยถา ‘‘มหาชโน’’ติฯ เอวนฺติ ‘‘อุปาทาย ปวตฺต’’นฺติ อเตฺถ สติ ปฎิจฺจสมุปฺปนฺนตา วุตฺตา โหติ ปจฺจยสมฺภูตตาทีปนโตฯ อุปาทายตีติ อุปาทายติ เอวาติ อธิปฺปาโยฯ เตเนวาห ‘‘เอกนฺตนิสฺสิตสฺสา’’ติฯ ‘‘ภวติ หิ นิสฺสยรูปานํ สามิภาโว’’ติ อาธาราเธยฺยสมฺพนฺธวจนิจฺฉาย อภาเว อาธารภูโตปิ อโตฺถ สํสามิสมฺพนฺธวจนิจฺฉาย สามิภาเวน วุจฺจติ ยถา ‘‘รุกฺขสฺส สาขา’’ติ อธิปฺปาโยฯ

    Sīlādivisuddhisampādanena, catudhātuvavatthānavaseneva vā mahākiccatāya mahantena vāyāmena. Satipi lakkhaṇādibhede ekasmiṃ eva kāle ekasmiṃ santāne anekasatasahassakalāpavuttito mahantāni bahūni bhūtāni paramatthato vijjamānānīti vā mahābhūtāni yathā ‘‘mahājano’’ti. Evanti ‘‘upādāya pavatta’’nti atthe sati paṭiccasamuppannatā vuttā hoti paccayasambhūtatādīpanato. Upādāyatīti upādāyati evāti adhippāyo. Tenevāha ‘‘ekantanissitassā’’ti. ‘‘Bhavati hi nissayarūpānaṃ sāmibhāvo’’ti ādhārādheyyasambandhavacanicchāya abhāve ādhārabhūtopi attho saṃsāmisambandhavacanicchāya sāmibhāvena vuccati yathā ‘‘rukkhassa sākhā’’ti adhippāyo.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / มาติกา • Mātikā

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā / อุเทฺทสวณฺณนา • Uddesavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact