Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī

    ๒. อุเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา

    2. Uddesavāraatthavibhāvanā

    . เอวํ สงฺคหวาเรน สเงฺขปโต ทสฺสิเต หาราทโย อิทานิ วิภาเคน ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตเม โสฬส หารา’’ติอาทิเทสนา อารทฺธา ฯ อถ วา โสฬสหาราทิสมุทายา เนตฺติ นาม มยา มหากจฺจาเนน นิทฺทิฎฺฐาติ วุตฺตา, ‘‘กตเม เต โสฬส หารา’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘ตตฺถ โสฬส หารา’’ตฺยาทิฯ ตตฺถ ตตฺถาติ เตสุ โสฬสหาราทีสุฯ เทสนา หาโร, วิจโย หาโร…เป.… สามาโรปโน หาโรติ อิเม โสฬส หาราติ ทฎฺฐพฺพาฯ

    1. Evaṃ saṅgahavārena saṅkhepato dassite hārādayo idāni vibhāgena dassetuṃ ‘‘tattha katame soḷasa hārā’’tiādidesanā āraddhā . Atha vā soḷasahārādisamudāyā netti nāma mayā mahākaccānena niddiṭṭhāti vuttā, ‘‘katame te soḷasa hārā’’ti pucchitabbattā vuttaṃ ‘‘tattha soḷasa hārā’’tyādi. Tattha tatthāti tesu soḷasahārādīsu. Desanā hāro, vicayo hāro…pe… sāmāropano hāroti ime soḷasa hārāti daṭṭhabbā.

    ตตฺถ สพฺพสาธารณตฺตา หารปทสฺส วจนโตฺถ ปฐมํ วตฺตโพฺพฯ เกนเฎฺฐน หาราติ? หรียนฺติ เอเตหีติ หาราฯ เอเตหิ สํวณฺณนาวิเสเสหิ สํวณฺณิเยสุ สุตฺตเคยฺยาทีสุ อญฺญาณสํสยวิปลฺลาสา หรียนฺติ, อิติ อญฺญาณาทิหรณการณตฺตา ‘‘เอเตหี’’ติ ปเทน นิทฺทิฎฺฐา สํวณฺณนาวิเสสา หารา นาม, หร-ธาตุยา อาจริยสฺส วจีเภทสโทฺท, ตํสมุฎฺฐาปโก จิตฺตุปฺปาโท จ มุขฺยโตฺถ, เวเนยฺยานํ สํวเณฺณตพฺพสุตฺตสฺส อตฺถชานนาทิญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโท การณูปจารโตฺถ, ตสฺส อุปนิสฺสยปจฺจยภูตานํ สํวณฺณนาวิเสสานํ อุปนิสฺสยปจฺจยสตฺติ ผลูปจารโตฺถ, อิติ-สเทฺทน สา อุปนิสฺสยปจฺจยสตฺติเยว ปรามสียติฯ ตํสตฺติสมฺปนฺนา สํวณฺณนาวิเสสา ณ-ปจฺจยตฺถา โหนฺติฯ เอส นโย เอวรูเปสุ ฐาเนสุปิฯ วิตฺถาโร อฎฺฐกถายํ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๑) วุโตฺต เอวฯ

    Tattha sabbasādhāraṇattā hārapadassa vacanattho paṭhamaṃ vattabbo. Kenaṭṭhena hārāti? Harīyanti etehīti hārā. Etehi saṃvaṇṇanāvisesehi saṃvaṇṇiyesu suttageyyādīsu aññāṇasaṃsayavipallāsā harīyanti, iti aññāṇādiharaṇakāraṇattā ‘‘etehī’’ti padena niddiṭṭhā saṃvaṇṇanāvisesā hārā nāma, hara-dhātuyā ācariyassa vacībhedasaddo, taṃsamuṭṭhāpako cittuppādo ca mukhyattho, veneyyānaṃ saṃvaṇṇetabbasuttassa atthajānanādiñāṇasampayuttacittuppādo kāraṇūpacārattho, tassa upanissayapaccayabhūtānaṃ saṃvaṇṇanāvisesānaṃ upanissayapaccayasatti phalūpacārattho, iti-saddena sā upanissayapaccayasattiyeva parāmasīyati. Taṃsattisampannā saṃvaṇṇanāvisesā ṇa-paccayatthā honti. Esa nayo evarūpesu ṭhānesupi. Vitthāro aṭṭhakathāyaṃ (netti. aṭṭha. 1) vutto eva.

    อสาธารณโต ปน เทสียติ เอตายาติ เทสนาฯ เอตาย สํวณฺณนาย สํวเณฺณตพฺพสุตฺตโตฺถ เทสียติ สํวณฺณียติ สํวณฺณนานุสาเรน ญาปียติ, อิติ ญาปนการณตฺตา ‘‘เอตายา’’ติ ปเทน นิทฺทิฎฺฐา วิเสสสํวณฺณนา เทสนา นาม, น ปาฬิเทสนา, ปาฬิเทสนาย สํวเณฺณตพฺพสํวณฺณนาภาเวน สหจรณโต วา เทสนาฯ กิญฺจาปิ อเญฺญ หารา เทสนาปาฬิสงฺขาตสฺส สุตฺตสฺส อตฺถสํวณฺณนาภาวโต เทสนาย สหจาริโน โหนฺติ, อยํ ปน หาโร เยภุเยฺยน ยถารุตวเสเนว วิญฺญายมานตฺตา ปาฬิเทสนาย สห จรตีติ วตฺตพฺพตํ อรหติ, น ตถา ปเรฯ น หิ อสฺสาทาทีนวนิสฺสรณาทิสนฺทสฺสนลกฺขณรหิตา ปาฬิเทสนา อตฺถิ, อยญฺจ หาโร อสฺสาทาทิสนฺทสฺสนลกฺขโณติฯ

    Asādhāraṇato pana desīyati etāyāti desanā. Etāya saṃvaṇṇanāya saṃvaṇṇetabbasuttattho desīyati saṃvaṇṇīyati saṃvaṇṇanānusārena ñāpīyati, iti ñāpanakāraṇattā ‘‘etāyā’’ti padena niddiṭṭhā visesasaṃvaṇṇanā desanā nāma, na pāḷidesanā, pāḷidesanāya saṃvaṇṇetabbasaṃvaṇṇanābhāvena sahacaraṇato vā desanā. Kiñcāpi aññe hārā desanāpāḷisaṅkhātassa suttassa atthasaṃvaṇṇanābhāvato desanāya sahacārino honti, ayaṃ pana hāro yebhuyyena yathārutavaseneva viññāyamānattā pāḷidesanāya saha caratīti vattabbataṃ arahati, na tathā pare. Na hi assādādīnavanissaraṇādisandassanalakkhaṇarahitā pāḷidesanā atthi, ayañca hāro assādādisandassanalakkhaṇoti.

    วิจิยนฺติ เอเตนาติ วิจโยฯ เอเตน สํวณฺณนาวิเสเสน สุเตฺต ปทปญฺหาทโย วิจิยนฺติ, อิติ วิจารณการณตฺตา โส สํวณฺณนาวิเสโส วิจโย นามฯ กตฺวตฺถาธิกรณตฺถาปิ ลพฺภนฺติฯ สํวเณฺณตพฺพสุเตฺตน ปทปญฺหาทิวิจยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส วิจโย หาโร

    Viciyanti etenāti vicayo. Etena saṃvaṇṇanāvisesena sutte padapañhādayo viciyanti, iti vicāraṇakāraṇattā so saṃvaṇṇanāviseso vicayo nāma. Katvatthādhikaraṇatthāpi labbhanti. Saṃvaṇṇetabbasuttena padapañhādivicayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso vicayo hāro.

    ยุตฺตายุตฺติ วิจารียติ เอตายาติ ยุตฺติฯ เอตาย วิเสสสํวณฺณนาย สเพฺพสํ หารานํ ภูมิโคจรานํ ยุตฺตายุตฺติ วิจารียติ, อิติ วิจารณการณตฺตา ‘‘เอตายา’’ติ ปเทน นิทฺทิฎฺฐา วิเสสสํวณฺณนา ยุตฺติ นามฯ อิธ อุตฺตรปทโลโป ทฎฺฐโพฺพ, ยุตฺติยา วิจารณา, วิจารณียภาเวน สหจรณโต วา ยุตฺติฯ สพฺพหารานํ ภูมิโคจรานํ ยุตฺตายุตฺติวิจารณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ยุตฺติ หาโร

    Yuttāyutti vicārīyati etāyāti yutti. Etāya visesasaṃvaṇṇanāya sabbesaṃ hārānaṃ bhūmigocarānaṃ yuttāyutti vicārīyati, iti vicāraṇakāraṇattā ‘‘etāyā’’ti padena niddiṭṭhā visesasaṃvaṇṇanā yutti nāma. Idha uttarapadalopo daṭṭhabbo, yuttiyā vicāraṇā, vicāraṇīyabhāvena sahacaraṇato vā yutti. Sabbahārānaṃ bhūmigocarānaṃ yuttāyuttivicāraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso yutti hāro.

    ปทติ ปวเตฺตติ ผลํ เอเตนาติ ปทํ, การณํฯ ฐนฺติ ติฎฺฐนฺติ เอตฺถ ผลานิ ตทายตฺตวุตฺติตายาติ ฐานํ, การณํฯ ปทญฺจ ตํ ฐานญฺจาติ ปทฎฺฐานํ, อาสนฺนการณํฯ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปทฎฺฐานํ วิจารียติ เอตายาติ ปทฎฺฐานา, วิเสสสํวณฺณนา, วิจารณโลโปว, สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปทฎฺฐานานํ, เตสญฺจ ปทฎฺฐานานํ วิจารณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ปทฎฺฐาโน หาโร

    Padati pavatteti phalaṃ etenāti padaṃ, kāraṇaṃ. Ṭhanti tiṭṭhanti ettha phalāni tadāyattavuttitāyāti ṭhānaṃ, kāraṇaṃ. Padañca taṃ ṭhānañcāti padaṭṭhānaṃ, āsannakāraṇaṃ. Sutte āgatadhammānaṃ padaṭṭhānaṃ vicārīyati etāyāti padaṭṭhānā, visesasaṃvaṇṇanā, vicāraṇalopova, sutte āgatadhammānaṃ padaṭṭhānānaṃ, tesañca padaṭṭhānānaṃ vicāraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso padaṭṭhāno hāro.

    สุเตฺต อวุตฺตาปิ สมานลกฺขณา ธมฺมา ลกฺขียนฺติ เอเตน สํวณฺณนาวิเสเสนาติ ลกฺขโณ, สุเตฺต วุเตฺตน ธเมฺมน สมานลกฺขณานํ ธมฺมานํ อวุตฺตานมฺปิ นิทฺธารณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ลกฺขโณ หาโร

    Sutte avuttāpi samānalakkhaṇā dhammā lakkhīyanti etena saṃvaṇṇanāvisesenāti lakkhaṇo, sutte vuttena dhammena samānalakkhaṇānaṃ dhammānaṃ avuttānampi niddhāraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso lakkhaṇo hāro.

    สุเตฺต ทสฺสิยมานา นิพฺพจนาทโย จตฺตาโรปิ วิยูหียนฺติ วิภาเคน สมฺปิณฺฑียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ พฺยูโห, จตุนฺนํ นิพฺพจนาทีนํ พฺยูโห จตุพฺยูโหฯ นิพฺพจนาธิปฺปายพฺยญฺชนานเญฺจว เทสนานิทานสฺส จ ปุพฺพาปเรน สทฺธิํ สนฺทสฺสนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส จตุพฺยูโห หาโร

    Sutte dassiyamānā nibbacanādayo cattāropi viyūhīyanti vibhāgena sampiṇḍīyanti ettha, etena vāti byūho, catunnaṃ nibbacanādīnaṃ byūho catubyūho. Nibbacanādhippāyabyañjanānañceva desanānidānassa ca pubbāparena saddhiṃ sandassanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso catubyūho hāro.

    เทสนาย คหิตธเมฺมน สภาคา, วิสภาคา จ ธมฺมา อาวฎฺฎียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ อาวโฎฺฎ, เทสนาย คหิตธมฺมานํ สภาควิสภาคธมฺมวเสน อาวฎฺฎนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส อาวโฎฺฎ หาโร

    Desanāya gahitadhammena sabhāgā, visabhāgā ca dhammā āvaṭṭīyanti ettha, etena vāti āvaṭṭo, desanāya gahitadhammānaṃ sabhāgavisabhāgadhammavasena āvaṭṭanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso āvaṭṭo hāro.

    อสาธารณาสาธารณานํ สํกิเลสธเมฺม, โวทานธเมฺม จ สาธารณาสาธารณโต, ปทฎฺฐานโต, ภูมิโต จ วิภชนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส วิภตฺติ หาโร

    Asādhāraṇāsādhāraṇānaṃ saṃkilesadhamme, vodānadhamme ca sādhāraṇāsādhāraṇato, padaṭṭhānato, bhūmito ca vibhajanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso vibhatti hāro.

    สุเตฺต นิทฺทิฎฺฐา ธมฺมา ปฎิปกฺขวเสน ปริวตฺตียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วาติ ปริวโตฺต, สุเตฺต นิทฺทิฎฺฐานํ ธมฺมานํ ปฎิปกฺขโต ปริวตฺตนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ปริวตฺตโน หาโร

    Sutte niddiṭṭhā dhammā paṭipakkhavasena parivattīyanti iminā, ettha vāti parivatto, sutte niddiṭṭhānaṃ dhammānaṃ paṭipakkhato parivattanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso parivattano hāro.

    สุเตฺต วุตฺตสฺส เอกเสฺสว อตฺถสฺส วาจกํ วิวิธํ วจนํ เอตฺถ สํวณฺณนาวิเสเสติ วิวจนํ, วิวจนเมว เววจนํ, สุเตฺต วุเตฺต เอกสฺมิํ อเตฺถ อเนกปริยายสทฺทโยชนาลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส เววจโน หาโร

    Sutte vuttassa ekasseva atthassa vācakaṃ vividhaṃ vacanaṃ ettha saṃvaṇṇanāviseseti vivacanaṃ, vivacanameva vevacanaṃ, sutte vutte ekasmiṃ atthe anekapariyāyasaddayojanālakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso vevacano hāro.

    สุเตฺต วุตฺตา อตฺถา ปกาเรหิ ญาปียนฺติ อิมินา, เอตฺถ วาติ ปญฺญตฺติ, เอเกกสฺส ธมฺมสฺส อเนกาหิ ปญฺญตฺตีหิ ปญฺญาเปตพฺพาการลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ปญฺญตฺติ หาโร

    Sutte vuttā atthā pakārehi ñāpīyanti iminā, ettha vāti paññatti, ekekassa dhammassa anekāhi paññattīhi paññāpetabbākāralakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso paññatti hāro.

    สุตฺตาคตา ธมฺมา ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทีสุ โอตรียนฺติ อนุปฺปเวสียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ โอตรโณ, ปฎิจฺจสมุปฺปาทาทิมุเขหิ สุตฺตตฺถสฺส โอตรณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส โอตรโณ หาโร

    Suttāgatā dhammā paṭiccasamuppādādīsu otarīyanti anuppavesīyanti ettha, etena vāti otaraṇo, paṭiccasamuppādādimukhehi suttatthassa otaraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso otaraṇo hāro.

    สุเตฺต ปทปทตฺถปญฺหารมฺภา โสธียนฺติ สมาธียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ โสธโน, สุเตฺต ปทปทตฺถปญฺหารมฺภานํ โสธนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส โสธโน หาโร

    Sutte padapadatthapañhārambhā sodhīyanti samādhīyanti ettha, etena vāti sodhano, sutte padapadatthapañhārambhānaṃ sodhanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso sodhano hāro.

    สามญฺญวิเสสภูตา ธมฺมา วินา วิกเปฺปน อธิฎฺฐียนฺติ อนุปฺปวตฺตียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ อธิฎฺฐาโน, สุตฺตาคตานํ ธมฺมานํ อวิกปฺปนวเสน สามญฺญวิเสสนิทฺธารณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส อธิฎฺฐาโน หาโร

    Sāmaññavisesabhūtā dhammā vinā vikappena adhiṭṭhīyanti anuppavattīyanti ettha, etena vāti adhiṭṭhāno, suttāgatānaṃ dhammānaṃ avikappanavasena sāmaññavisesaniddhāraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso adhiṭṭhāno hāro.

    โย เหตุ เจว ปจฺจโย จ ผลํ ปริกโรติ อภิสงฺขโรติ, อิติ โส เหตุ เจว ปจฺจโย จ ปริกฺขาโร, โย สํวณฺณนาวิเสโส ตํ ปริกฺขารํ เหตุเญฺจว ปจฺจยญฺจ อาจิกฺขติ, อิติ โส สํวณฺณนาวิเสโส ปริกฺขาโร นามฯ สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปริกฺขารสงฺขาเต เหตุปจฺจเย นิทฺธาเรตฺวา สํวณฺณนาลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ปริกฺขาโร หาโร

    Yo hetu ceva paccayo ca phalaṃ parikaroti abhisaṅkharoti, iti so hetu ceva paccayo ca parikkhāro, yo saṃvaṇṇanāviseso taṃ parikkhāraṃ hetuñceva paccayañca ācikkhati, iti so saṃvaṇṇanāviseso parikkhāro nāma. Sutte āgatadhammānaṃ parikkhārasaṅkhāte hetupaccaye niddhāretvā saṃvaṇṇanālakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso parikkhāro hāro.

    สุเตฺต อาคตธมฺมา ปทฎฺฐานาทิมุเขน สมาโรปียนฺติ เอตฺถ, เอเตน วาติ สมาโรปโน, สุเตฺต อาคตธมฺมานํ ปทฎฺฐานเววจนภาวปหานสมาโรปนวิจารณลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส สมาโรปโน หาโรฯ ภาวสาธนวเสนาปิ สพฺพตฺถ วจนโตฺถ วตฺตโพฺพติ ตสฺสาปิ วเสน โยเชตพฺพนฺติฯ เสสํ สํวณฺณนานุสาเรน ญาตพฺพนฺติฯ

    Sutte āgatadhammā padaṭṭhānādimukhena samāropīyanti ettha, etena vāti samāropano, sutte āgatadhammānaṃ padaṭṭhānavevacanabhāvapahānasamāropanavicāraṇalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso samāropano hāro. Bhāvasādhanavasenāpi sabbattha vacanattho vattabboti tassāpi vasena yojetabbanti. Sesaṃ saṃvaṇṇanānusārena ñātabbanti.

    ‘‘ตตฺถ กตเม โสฬส หารา เทสนา’’ตฺยาทินา หารสรูปํ วุตฺตํ, กิมตฺถํ ‘‘ตสฺสานุคีติ’’ตฺยาทิ วุตฺตนฺติ? อนุคีติคาถาย สุขคฺคหณตฺถํ ปุน ‘‘ตสฺสานุคีติ เทสนา วิจโย ยุตฺติ’’ตฺยาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ตสฺสาติ หารุเทฺทสสฺสฯ อนุคีตีติ อนุ ปจฺฉา คายนคาถาฯ ปญฺจทโสติ ปญฺจทสโมฯ โสฬโสติ โสฬสโมฯ อตฺถโต อสํกิณฺณาติ เทสนาทิปทตฺถโต ลกฺขณตฺถโต สงฺกรโต รหิตาฯ เตน วุตฺตํ อฎฺฐกถายํ ‘‘โส จ เนสํ อสงฺกโร ลกฺขณนิเทฺทเส สุปากโฎ โหตี’’ติฯ เสสํ สํวณฺณนานุสาเรน ญาตพฺพนฺติฯ ‘‘เกจิ หารา เกหิจิ หาเรหิ สํกิณฺณา วิย ทิสฺสนฺติ, กสฺมา อสํกิณฺณาติ ญาตพฺพ’’นฺติ วตฺตพฺพตฺตา วุตฺตํ ‘‘เอเตสเญฺจวา’’ติอาทิฯ ตตฺถ เอเตสเญฺจว ภวตีติ เอเตสํ โสฬสนฺนํ หารานํ ยถา เยนากาเรน อสงฺกโร โหติ, ตถา อสงฺกรากาเรน ภวติฯ อยติ ปวตฺตติ นยวิภตฺตีติ อยา, วิตฺถาเรน อยาติ วิตฺถารตยา, ต-กาโร มิสฺสกโทสาปคมตฺถาย อาคโต, นยวิภตฺติวิเสสวจนํฯ นเยน ญาเยน วิภตฺติ นยวิภตฺติ, น ปญฺจนยวิภตฺตาหารานํ วิตฺถาเรน ปวตฺตา ญายวิภตฺติ ตถา อสงฺกรากาเรน ภวติ ตสฺมิํ อสํกิณฺณาติ ญาตพฺพาติ อธิปฺปาโยฯ

    ‘‘Tattha katame soḷasa hārā desanā’’tyādinā hārasarūpaṃ vuttaṃ, kimatthaṃ ‘‘tassānugīti’’tyādi vuttanti? Anugītigāthāya sukhaggahaṇatthaṃ puna ‘‘tassānugīti desanā vicayo yutti’’tyādi vuttaṃ. Tattha tassāti hāruddesassa. Anugītīti anu pacchā gāyanagāthā. Pañcadasoti pañcadasamo. Soḷasoti soḷasamo. Atthato asaṃkiṇṇāti desanādipadatthato lakkhaṇatthato saṅkarato rahitā. Tena vuttaṃ aṭṭhakathāyaṃ ‘‘so ca nesaṃ asaṅkaro lakkhaṇaniddese supākaṭo hotī’’ti. Sesaṃ saṃvaṇṇanānusārena ñātabbanti. ‘‘Keci hārā kehici hārehi saṃkiṇṇā viya dissanti, kasmā asaṃkiṇṇāti ñātabba’’nti vattabbattā vuttaṃ ‘‘etesañcevā’’tiādi. Tattha etesañceva bhavatīti etesaṃ soḷasannaṃ hārānaṃ yathā yenākārena asaṅkaro hoti, tathā asaṅkarākārena bhavati. Ayati pavattati nayavibhattīti ayā, vitthārena ayāti vitthāratayā, ta-kāro missakadosāpagamatthāya āgato, nayavibhattivisesavacanaṃ. Nayena ñāyena vibhatti nayavibhatti, na pañcanayavibhattāhārānaṃ vitthārena pavattā ñāyavibhatti tathā asaṅkarākārena bhavati tasmiṃ asaṃkiṇṇāti ñātabbāti adhippāyo.

    . โสฬส หารา สรูปโต วุตฺตา, อเมฺหหิ จ วิญฺญาตา, ‘‘กตเม ปญฺจ นยา’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ตถา ปุจฺฉิตฺวา สรูปโต อุทฺทิสิตุํ ‘‘ตตฺถ กตเม ปญฺจ นยา’’ตฺยาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ หาเร อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ นเย อุทฺทิสิตุํ ‘ตตฺถ กตเม’ติอาทิ วุตฺต’’นฺติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒) วุตฺตํฯ ‘‘ตตฺถ นยนฺติ สํกิเลเส, โวทาเน จ วิภาคโต ญาเปนฺตีติ นยา, นียนฺติ วา ตานิ เอตฺถ, เอเตหิ วาติ นยา’’ติอาทินา (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๒) อฎฺฐกถายํ วิตฺถาเรน วจนโตฺถ วุโตฺตฯ นี-ธาตุยา นนฺทิยาวฎฺฎาทินยานุสาเรน สํกิเลเส, โวทาเน จ อาลมฺพิตฺวา ปวโตฺต ญาณสมฺปยุตฺตจิตฺตุปฺปาโท มุขฺยโตฺถ, นนฺทิยาวฎฺฎาทินยานํ อุปนิสฺสยปจฺจยสตฺติ ผลูปจารโต คหิตา, อิติ-สโทฺท ตํ ผลูปจารโต คหิตสตฺติํ ปรามสิ, ตํสตฺติสหิตา นนฺทิยาวฎฺฎาทินยา อ-ปจฺจยตฺถาฯ

    2. Soḷasa hārā sarūpato vuttā, amhehi ca viññātā, ‘‘katame pañca nayā’’ti vattabbabhāvato tathā pucchitvā sarūpato uddisituṃ ‘‘tattha katame pañca nayā’’tyādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ hāre uddisitvā idāni naye uddisituṃ ‘tattha katame’tiādi vutta’’nti (netti. aṭṭha. 2) vuttaṃ. ‘‘Tattha nayanti saṃkilese, vodāne ca vibhāgato ñāpentīti nayā, nīyanti vā tāni ettha, etehi vāti nayā’’tiādinā (netti. aṭṭha. 2) aṭṭhakathāyaṃ vitthārena vacanattho vutto. -dhātuyā nandiyāvaṭṭādinayānusārena saṃkilese, vodāne ca ālambitvā pavatto ñāṇasampayuttacittuppādo mukhyattho, nandiyāvaṭṭādinayānaṃ upanissayapaccayasatti phalūpacārato gahitā, iti-saddo taṃ phalūpacārato gahitasattiṃ parāmasi, taṃsattisahitā nandiyāvaṭṭādinayā a-paccayatthā.

    ตณฺหาอวิชฺชาหิ สํกิเลสปกฺขสฺส สุตฺตสฺส, สมถวิปสฺสนาหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส นนฺทิยาวโฎฺฎ นโยฯ ตตฺถ จตุสจฺจนฺติ ตณฺหา จ อวิชฺชา จ ภวมูลตฺตา สมุทยสจฺจํ, อวเสสา เตภูมกา ธมฺมา ทุกฺขสจฺจํ, สมถวิปสฺสนา มคฺคสจฺจํ, เตน ปตฺตพฺพา อสงฺขตธาตุ นิโรธสจฺจนฺติฯ

    Taṇhāavijjāhi saṃkilesapakkhassa suttassa, samathavipassanāhi vodānapakkhassa suttassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso nandiyāvaṭṭo nayo. Tattha catusaccanti taṇhā ca avijjā ca bhavamūlattā samudayasaccaṃ, avasesā tebhūmakā dhammā dukkhasaccaṃ, samathavipassanā maggasaccaṃ, tena pattabbā asaṅkhatadhātu nirodhasaccanti.

    ตีหิ อวยเวหิ โลภาทีหิ สํกิเลสปเกฺข, ตีหิ อวยเวหิ อโลภาทีหิ จ โวทานปเกฺข ปุกฺขโล โสภโนติ ติปุกฺขโล, อกุสลมูเลหิ สํกิเลสปกฺขสฺส, กุสลมูเลหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส ติปุกฺขโล

    Tīhi avayavehi lobhādīhi saṃkilesapakkhe, tīhi avayavehi alobhādīhi ca vodānapakkhe pukkhalo sobhanoti tipukkhalo, akusalamūlehi saṃkilesapakkhassa, kusalamūlehi vodānapakkhassa suttatthassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso tipukkhalo.

    สีหสฺส ภควโต วิกฺกีฬิตํ เอตฺถ นเยติ สีหวิกฺกีฬิโต, สุภสญฺญาทีหิ วิปลฺลาเสหิ สกลสํกิเลสปกฺขสฺส, สทฺธินฺทฺริยาทีหิ โวทานปกฺขสฺส สุตฺตตฺถสฺส จตุสจฺจโยชนมุเขน นยนลกฺขโณ สํวณฺณนาวิเสโส สีหวิกฺกีฬิตนโย

    Sīhassa bhagavato vikkīḷitaṃ ettha nayeti sīhavikkīḷito, subhasaññādīhi vipallāsehi sakalasaṃkilesapakkhassa, saddhindriyādīhi vodānapakkhassa suttatthassa catusaccayojanamukhena nayanalakkhaṇo saṃvaṇṇanāviseso sīhavikkīḷitanayo.

    อตฺถนยตฺตยทิสาภาเวน กุสลาทิธมฺมานํ อาโลจนํ ทิสาโลจนํฯ ตสฺส ตสฺส อตฺถนยสฺส โยชนตฺถํ กเตสุ สุตฺตสฺส อตฺถวิสฺสชฺชเนสุ เย โวทานาทโย, สํกิเลสิกา จ ตสฺส ตสฺส นยสฺส ทิสาภูตา ธมฺมา สุตฺตโต นิทฺธาเรตฺวา กถิตา, เตสํ ยถาวุตฺตธมฺมานํ จิเตฺตเนว ‘‘อยํ ปฐมา ทิสา, อยํ ทุติยา ทิสา’’ติอาทินา อาโลจนํ ทิสาโลจนํ

    Atthanayattayadisābhāvena kusalādidhammānaṃ ālocanaṃ disālocanaṃ. Tassa tassa atthanayassa yojanatthaṃ katesu suttassa atthavissajjanesu ye vodānādayo, saṃkilesikā ca tassa tassa nayassa disābhūtā dhammā suttato niddhāretvā kathitā, tesaṃ yathāvuttadhammānaṃ citteneva ‘‘ayaṃ paṭhamā disā, ayaṃ dutiyā disā’’tiādinā ālocanaṃ disālocanaṃ.

    ตถา อาโลจิตานํ ธมฺมานํ อตฺถนยตฺตยโยชเน สมานยนโต องฺกุโส วิยาติ องฺกุโส, ตสฺส ตสฺส นยสฺส ทิสาภูตานํ กุสลาทิธมฺมานํ สมานยนํ องฺกุโส นโย

    Tathā ālocitānaṃ dhammānaṃ atthanayattayayojane samānayanato aṅkuso viyāti aṅkuso, tassa tassa nayassa disābhūtānaṃ kusalādidhammānaṃ samānayanaṃ aṅkuso nayo.

    ลเญฺชตีติ ลญฺชโกฯ โย นโย สุตฺตตฺถํ ลเญฺชติ ปกาเสติ, อิติ ลญฺชนโต ปกาสนโต โส นโย ลญฺชโก นาม, นโย จ โส ลญฺชโก จาติ นยลญฺชโกฯ นยลญฺชโก ปฐโม นนฺทิยาวโฎฺฎ นาม, นยลญฺชโก ทุติโย ติปุกฺขโล นาม, นยลญฺชโก ตติโย สีหวิกฺกีฬิโต นามาติ โยเชตโพฺพฯ

    Lañjetīti lañjako. Yo nayo suttatthaṃ lañjeti pakāseti, iti lañjanato pakāsanato so nayo lañjako nāma, nayo ca so lañjako cāti nayalañjako. Nayalañjako paṭhamo nandiyāvaṭṭo nāma, nayalañjako dutiyo tipukkhalo nāma, nayalañjako tatiyo sīhavikkīḷito nāmāti yojetabbo.

    อุคฺคตานํ วิเสเสน อุคฺคโตติ อุตฺตโม, ตํ อุตฺตมํฯ คตาติ ญาตา, มตาติ อโตฺถฯ ‘‘มตา’’ติ วา ปาโฐฯ เสสเมตฺถ วุตฺตนยานุสาเรนปิ สํวณฺณนานุสาเรนปิ ชานิตพฺพนฺติฯ

    Uggatānaṃ visesena uggatoti uttamo, taṃ uttamaṃ. Gatāti ñātā, matāti attho. ‘‘Matā’’ti vā pāṭho. Sesamettha vuttanayānusārenapi saṃvaṇṇanānusārenapi jānitabbanti.

    ยถาวุตฺตนยวิเสสสํวณฺณนาย ฎีกายํ –

    Yathāvuttanayavisesasaṃvaṇṇanāya ṭīkāyaṃ –

    ‘‘สมูหาทิํ อุปาทาย โลกสเงฺกตสิทฺธา โวหารมตฺตตา สมฺมุติสภาโว, ปถวีผสฺสาทีนํ กกฺขฬผุสนาทิลกฺขณํ ปรมตฺถสภาโวฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขโป – ยสฺมิํ ภิเนฺน, อิตราโปเห วา จิเตฺตน กเต น ตถา พุทฺธิ, อิทํ สมฺมุติสจฺจํ ยถา ฆเฎ, สสมฺภารชเล จ, ตพฺพิปริยาเยน ปรมตฺถสจฺจ’’นฺติ –

    ‘‘Samūhādiṃ upādāya lokasaṅketasiddhā vohāramattatā sammutisabhāvo, pathavīphassādīnaṃ kakkhaḷaphusanādilakkhaṇaṃ paramatthasabhāvo. Ayañhettha saṅkhepo – yasmiṃ bhinne, itarāpohe vā cittena kate na tathā buddhi, idaṃ sammutisaccaṃ yathā ghaṭe, sasambhārajale ca, tabbipariyāyena paramatthasacca’’nti –

    วจเน ฆฎกถลอาปชลกทฺทมาทิสงฺขาตํ สมูหาทิํ อุปาทาย โลกสฺส ปุเพฺพ ฆฎกถลอาปชลกทฺทมาทิสเงฺกตสิทฺธา ฆฎกถลอาปชลกทฺทมาทิโวหารมตฺตตา สมฺมุติสภาโว สเงฺกตวเสน อวิตถตฺตาฯ ปถวีอาทีนํ กกฺขฬาทิลกฺขณํ, ผสฺสาทีนํ ผุสนาทิลกฺขณํ ปรมตฺถสภาโวฯ ‘‘ยทิ เอวํ ฆฎาทิเก อภิเนฺน วา อาปาทิเก วา อนุรูเปน อูนภาเวน อปฺปวตฺตมาเน วา สติ สมฺมุติภาโว โหตุ, ภิเนฺน วา อูเน วา กถํ สมฺมุติภาโว ภเวยฺย, ปถวีผสฺสาทีนมฺปิ ภิชฺชมานตฺตา, กกฺขฬผุสนาทีนญฺจ ปถวีผสฺสาทีหิ อนญฺญตฺตา กถํ ปรมตฺถสภาโว ภเวยฺย, กตเมน สเงฺขเปน อเตฺถน สมฺมุติสภาโว, ปรมตฺถสภาโว จ อเมฺหหิ ชานิตโพฺพ’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘อยเญฺหตฺถ สเงฺขโป’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอตฺถาติ เอเตสุ สมฺมุติสภาวปรมตฺถสภาเวสุ อยํ นโย วุจฺจมาโน สเงฺขโป อโตฺถ ทฎฺฐโพฺพฯ

    Vacane ghaṭakathalaāpajalakaddamādisaṅkhātaṃ samūhādiṃ upādāya lokassa pubbe ghaṭakathalaāpajalakaddamādisaṅketasiddhā ghaṭakathalaāpajalakaddamādivohāramattatā sammutisabhāvo saṅketavasena avitathattā. Pathavīādīnaṃ kakkhaḷādilakkhaṇaṃ, phassādīnaṃ phusanādilakkhaṇaṃ paramatthasabhāvo. ‘‘Yadi evaṃ ghaṭādike abhinne vā āpādike vā anurūpena ūnabhāvena appavattamāne vā sati sammutibhāvo hotu, bhinne vā ūne vā kathaṃ sammutibhāvo bhaveyya, pathavīphassādīnampi bhijjamānattā, kakkhaḷaphusanādīnañca pathavīphassādīhi anaññattā kathaṃ paramatthasabhāvo bhaveyya, katamena saṅkhepena atthena sammutisabhāvo, paramatthasabhāvo ca amhehi jānitabbo’’ti vattabbabhāvato ‘‘ayañhettha saṅkhepo’’tiādimāha. Tattha etthāti etesu sammutisabhāvaparamatthasabhāvesu ayaṃ nayo vuccamāno saṅkhepo attho daṭṭhabbo.

    ยสฺมิํ ฆฎาทิเก ภิเนฺน สติ ตโต ฆฎาทิโต อิตโร กถลาทิภาโว จิเตฺตน ปุเพฺพ กเตน ยถา เยน กถลาทิโวหาเรน ภวติ, ยสฺมิํ อาปาทิเก สมฺภารชลาทิเก อูนภาเวน ปวตฺตมาเน สติ วา ตโต อาปาทิโต อิตโร กทฺทมาทิภาโว จิเตฺตน ปุเพฺพ กเตน ยถา เยน กทฺทมาทิโวหาเรน ภวติ, ตถา เตน โวหาเรน พุทฺธิ กถลาทิสภาวชานนํ กทฺทมาทิสภาวชานนํ ภวติ, อิทํ อภิเนฺน ฆฎาทิกํ วา ภิเนฺน กถลาทิกํ วา อนูเน อาปาทิกํ วา อูเน กทฺทมาทิกํ วา สพฺพํ สมฺมุติสจฺจํ โหเตฺววฯ ‘‘กทฺทมสฺมิํ ภิเนฺน, กทฺทมสฺมิํ อูเน วา สติ อิตโร สมฺมุติสภาโว’’ติ ปุจฺฉิตพฺพภาวโต ‘‘ฆเฎ, สมฺภารชเล จา’’ติ วุตฺตํฯ

    Yasmiṃ ghaṭādike bhinne sati tato ghaṭādito itaro kathalādibhāvo cittena pubbe katena yathā yena kathalādivohārena bhavati, yasmiṃ āpādike sambhārajalādike ūnabhāvena pavattamāne sati vā tato āpādito itaro kaddamādibhāvo cittena pubbe katena yathā yena kaddamādivohārena bhavati, tathā tena vohārena buddhi kathalādisabhāvajānanaṃ kaddamādisabhāvajānanaṃ bhavati, idaṃ abhinne ghaṭādikaṃ vā bhinne kathalādikaṃ vā anūne āpādikaṃ vā ūne kaddamādikaṃ vā sabbaṃ sammutisaccaṃ hotveva. ‘‘Kaddamasmiṃ bhinne, kaddamasmiṃ ūne vā sati itaro sammutisabhāvo’’ti pucchitabbabhāvato ‘‘ghaṭe, sambhārajale cā’’ti vuttaṃ.

    สมฺมุติสจฺจสภาโว ตุเมฺหหิ วุโตฺต, อเมฺหหิ จ ญาโต, ‘‘กตโม ปรมตฺถสจฺจสภาโว’’ติ วตฺตพฺพภาวโต ‘‘ตพฺพิปริยาเยน ปรมตฺถสจฺจ’’นฺติ วุตฺตํฯ ปถวีอาทีนํ กกฺขฬาทิลกฺขณโต อิตรสฺส ผุสนาทิลกฺขณสฺส อสมฺภวโต, ผสฺสาทีนญฺจ ผุสนาทิลกฺขณโต อิตรสฺส กกฺขฬาทิลกฺขณสฺส อสมฺภวโต ปถวีผสฺสาทีนํ ลกฺขฬผุสนาทิลกฺขณํ ปรมตฺถสจฺจํ โหเตฺววาติ อิมสฺมิํ สเงฺขปเตฺถ คหิเต โกจิ วิโรโธ นตฺถีติ อธิปฺปาโยติฯ

    Sammutisaccasabhāvo tumhehi vutto, amhehi ca ñāto, ‘‘katamo paramatthasaccasabhāvo’’ti vattabbabhāvato ‘‘tabbipariyāyena paramatthasacca’’nti vuttaṃ. Pathavīādīnaṃ kakkhaḷādilakkhaṇato itarassa phusanādilakkhaṇassa asambhavato, phassādīnañca phusanādilakkhaṇato itarassa kakkhaḷādilakkhaṇassa asambhavato pathavīphassādīnaṃ lakkhaḷaphusanādilakkhaṇaṃ paramatthasaccaṃ hotvevāti imasmiṃ saṅkhepatthe gahite koci virodho natthīti adhippāyoti.

    . ปญฺจ นยา สรูปโต อาจริเยน อุทฺทิฎฺฐา, อเมฺหหิ จ วิญฺญาตา, ‘‘ยานิ ปทานิ อฎฺฐารส มูลปทานิ อุทฺทิฎฺฐานิ, กตมานิ ตานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา ตานิ สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘ตตฺถ กตมานิ อฎฺฐารส มูลปทานิ’’ตฺยาทิมาหฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘เอวํ นเยปิ อุทฺทิสิตฺวา อิทานิ มูลปทานิ อุทฺทิสิตุํ ‘ตตฺถ กตมานี’ติอาทิ อารทฺธ’’นฺติ วุตฺตํฯ ตตฺถ กุสลานิ นว ปทานิ, อกุสลานิ นว ปทานิ อฎฺฐารส มูลปทานีติ ทฎฺฐพฺพานีติ โยชนาฯ มูลนฺติ ปติฎฺฐหนฺติ เอเตหิ นยา, ปติฎฺฐานวิภาคา จาติ มูลานิ, ปทนฺติ ปติฎฺฐหนฺติ เอตฺถ นยา, ปฎฺฐานวิภาคา, อธิคมา จาติ ปทานิ, วุตฺตปฺปการเฎฺฐน มูลานิ จ ตานิ ปทานิ จาติ มูลปทานิฯ กุจฺฉิเต ปาปธเมฺม สลยนฺตีติ กุสลานิ, กุเส ราคาทโย ลุนนฺตีติ กุสลานิ, กุสา วิย ลุนนฺตีติ กุสลานิ, กุเสน ญาเณน ลาตพฺพานิ ปวเตฺตตพฺพานีติ กุสลานิฯ กุสลานํ ปฎิปกฺขานีติ อกุสลานิ อ-สโทฺท เจตฺถ ปฎิปกฺขโตฺถติฯ

    3. Pañca nayā sarūpato ācariyena uddiṭṭhā, amhehi ca viññātā, ‘‘yāni padāni aṭṭhārasa mūlapadāni uddiṭṭhāni, katamāni tānī’’ti pucchitabbattā tāni sarūpato dassetuṃ ‘‘tattha katamāni aṭṭhārasa mūlapadāni’’tyādimāha. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘evaṃ nayepi uddisitvā idāni mūlapadāni uddisituṃ ‘tattha katamānī’tiādi āraddha’’nti vuttaṃ. Tattha kusalāni nava padāni, akusalāni nava padāni aṭṭhārasa mūlapadānīti daṭṭhabbānīti yojanā. Mūlanti patiṭṭhahanti etehi nayā, patiṭṭhānavibhāgā cāti mūlāni, padanti patiṭṭhahanti ettha nayā, paṭṭhānavibhāgā, adhigamā cāti padāni, vuttappakāraṭṭhena mūlāni ca tāni padāni cāti mūlapadāni. Kucchite pāpadhamme salayantīti kusalāni, kuse rāgādayo lunantīti kusalāni, kusā viya lunantīti kusalāni, kusena ñāṇena lātabbāni pavattetabbānīti kusalāni. Kusalānaṃ paṭipakkhānīti akusalāni a-saddo cettha paṭipakkhatthoti.

    นว ปทานิ กุสลานิ, นว ปทานิ อกุสลานีติ คณนปริเจฺฉทโต, ชาติเภทโต จ อุทฺทิฎฺฐานิ, ‘‘กตมานิ ตานี’’ติ ปุจฺฉิตพฺพตฺตา นว ปทานิ อกุสลานิ ปจฺจาสตฺตินฺยาเยน สรูปโต ทเสฺสตุํ ‘‘กตมานิ นว ปทานิ อกุสลานี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน –

    Nava padāni kusalāni, nava padāni akusalānīti gaṇanaparicchedato, jātibhedato ca uddiṭṭhāni, ‘‘katamāni tānī’’ti pucchitabbattā nava padāni akusalāni paccāsattinyāyena sarūpato dassetuṃ ‘‘katamāni nava padāni akusalānī’’tiādi vuttaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana –

    ‘‘เอวํ คณนปริเจฺฉทโต, ชาติเภทโต จ มูลปทานิ ทเสฺสตฺวา อิทานิ สรูปโต ทเสฺสโนฺต สํกิเลสปกฺขํเยว ปฐมํ อุทฺทิสติ ‘ตณฺหา’ติอาทินา’’ติ (เนตฺติ. อฎฺฐ. ๓) –

    ‘‘Evaṃ gaṇanaparicchedato, jātibhedato ca mūlapadāni dassetvā idāni sarūpato dassento saṃkilesapakkhaṃyeva paṭhamaṃ uddisati ‘taṇhā’tiādinā’’ti (netti. aṭṭha. 3) –

    วุตฺตํฯ ตตฺถ รูปาทิเก ขเนฺธ ตสติ ปริตสตีติ ตณฺหาฯ อวินฺทิยํ กายทุจฺจริตาทิํ วินฺทตีติ อวิชฺชา , วินฺทิยํ กายสุจริตาทิํ น วินฺทตีติ อวิชฺชา, วิชฺชาย ปฎิปกฺขาติ วา อวิชฺชาฯ ลุพฺภนฺติ เตนาติ โลโภ, ลุพฺภตีติ วา โลโภ, ลุพฺภนํ วา โลโภฯ โทสโมเหสุปิ เอเสว นโยฯ อสุเภ รูปกฺขนฺธาทิเก ‘‘สุภ’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญา สุภสญฺญาฯ ทุกฺขทุกฺขาทิเก ‘‘สุข’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญา สุขสญฺญาฯ อนิเจฺจ สงฺขารธเมฺม ‘‘นิจฺจ’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญา นิจฺจสญฺญาฯ อนตฺตสภาเวสุ จกฺขาทีสุ ขเนฺธสุ ‘‘อตฺตา’’ติ ปวตฺตา สญฺญา อตฺตสญฺญาฯ ยตฺถาติ เยสุ ปเทสุ สโพฺพ อกุสลปโกฺข สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉติ, ตานิ ปทานิ อกุสลานีติ โยชนาฯ สงฺคหํ คณนํฯ สโมสรณํ สมาโรปนํฯ

    Vuttaṃ. Tattha rūpādike khandhe tasati paritasatīti taṇhā. Avindiyaṃ kāyaduccaritādiṃ vindatīti avijjā, vindiyaṃ kāyasucaritādiṃ na vindatīti avijjā, vijjāya paṭipakkhāti vā avijjā. Lubbhanti tenāti lobho, lubbhatīti vā lobho, lubbhanaṃ vā lobho. Dosamohesupi eseva nayo. Asubhe rūpakkhandhādike ‘‘subha’’nti pavattā saññā subhasaññā. Dukkhadukkhādike ‘‘sukha’’nti pavattā saññā sukhasaññā. Anicce saṅkhāradhamme ‘‘nicca’’nti pavattā saññā niccasaññā. Anattasabhāvesu cakkhādīsu khandhesu ‘‘attā’’ti pavattā saññā attasaññā. Yatthāti yesu padesu sabbo akusalapakkho saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchati, tāni padāni akusalānīti yojanā. Saṅgahaṃ gaṇanaṃ. Samosaraṇaṃ samāropanaṃ.

    ปจฺจนีกธเมฺม อุทฺธจฺจาทิเก นีวรเณ สเมติ วูปสเมติ ตทงฺควิกฺขมฺภนวเสนาติ สมโถฯ สงฺขาเร อนิจฺจาทีหิ วิวิเธหิ อากาเรหิ ปสฺสตีติ วิปสฺสนาฯ โลภสฺส ปฎิปโกฺข อโลโภฯ โทสสฺส ปฎิปโกฺข อโทโสฯ โมหสฺส ปฎิปโกฺข อโมโหฯ เอตฺถาปิ -สโทฺท ปฎิปกฺขโตฺถ, น อภาวตฺถาทิโกติ อธิปฺปาโยฯ อสุเภ รูปกฺขนฺธาทิเก, จกฺขาทิมฺหิ วา ‘‘อสุภ’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญาปธานจิตฺตุปฺปาทา อสุภสญฺญา, วิเสสโต กายานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํ ฯ ทุกฺขทุกฺขตาทีสุ ‘‘ทุกฺข’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญาปธานจิตฺตุปฺปาทา ทุกฺขสญฺญา, วิเสสโต เวทนานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํฯ อนิเจฺจ ขนฺธาทิเก วิปริณามธเมฺม ‘‘อนิจฺจ’’นฺติ ปวตฺตา สญฺญาปธานจิตฺตุปฺปาทา อนิจฺจสญฺญา, วิเสสโต จิตฺตานุปสฺสนาสติปฎฺฐานํฯ อนตฺตสภาเว ขเนฺธ, จกฺขาทิมฺหิ วา ‘‘อนตฺตา’’ติ ปวตฺตา สญฺญาปธานจิตฺตุปฺปาทา อนตฺตสญฺญา, วิเสสโต ธมฺมานุปสฺสนาสติปธานํฯ ปญฺญาสติสีเสน หิ ปวตฺตา อยํ เทสนาฯ เตน วุตฺตํ ภควตา ‘‘กถญฺจ, ภิกฺขเว, สติพลํ ทฎฺฐพฺพํ? จตูสุ สติปฎฺฐาเนสุ, เอตฺถ สติพลํ ทฎฺฐพฺพ’’นฺติฯ ยตฺถาติ เยสุ ปเทสุ สโพฺพ กุสลปโกฺข สงฺคหํ สโมสรณํ คจฺฉติ, ตานิ ปทานิ กุสลานีติ โยชนาฯ

    Paccanīkadhamme uddhaccādike nīvaraṇe sameti vūpasameti tadaṅgavikkhambhanavasenāti samatho. Saṅkhāre aniccādīhi vividhehi ākārehi passatīti vipassanā. Lobhassa paṭipakkho alobho. Dosassa paṭipakkho adoso. Mohassa paṭipakkho amoho. Etthāpi a-saddo paṭipakkhattho, na abhāvatthādikoti adhippāyo. Asubhe rūpakkhandhādike, cakkhādimhi vā ‘‘asubha’’nti pavattā saññāpadhānacittuppādā asubhasaññā, visesato kāyānupassanāsatipaṭṭhānaṃ . Dukkhadukkhatādīsu ‘‘dukkha’’nti pavattā saññāpadhānacittuppādā dukkhasaññā, visesato vedanānupassanāsatipaṭṭhānaṃ. Anicce khandhādike vipariṇāmadhamme ‘‘anicca’’nti pavattā saññāpadhānacittuppādā aniccasaññā, visesato cittānupassanāsatipaṭṭhānaṃ. Anattasabhāve khandhe, cakkhādimhi vā ‘‘anattā’’ti pavattā saññāpadhānacittuppādā anattasaññā, visesato dhammānupassanāsatipadhānaṃ. Paññāsatisīsena hi pavattā ayaṃ desanā. Tena vuttaṃ bhagavatā ‘‘kathañca, bhikkhave, satibalaṃ daṭṭhabbaṃ? Catūsu satipaṭṭhānesu, ettha satibalaṃ daṭṭhabba’’nti. Yatthāti yesu padesu sabbo kusalapakkho saṅgahaṃ samosaraṇaṃ gacchati, tāni padāni kusalānīti yojanā.

    อุทฺทานนฺติ อุทฺธํ ทานํ รกฺขณํ อุทฺทานํ, สงฺคหวจนนฺติ อโตฺถฯ อุทฺทาเน อวุเตฺต สติ เหฎฺฐา วุตฺตสฺส อตฺถสฺส วิปฺปกิณฺณภาโว ทิโนฺน วิย ภเวยฺย, ตสฺมา วิปฺปกิณฺณภาวสฺส นิวารณตฺถํ อุทฺทานนฺติ อธิปฺปาโยฯ จตุโร จ วิปลฺลาสาติ สุภสุขนิจฺจอตฺตสญฺญาฯ กิเลสา ภวนฺติ เอตฺถ นวปเทสูติ ภูมี, กิเลสานํ ภูมีติ กิเลสภูมี, กิเลสปวตฺตนฎฺฐานานิ นว ปทานีติ วุตฺตํ โหติฯ

    Uddānanti uddhaṃ dānaṃ rakkhaṇaṃ uddānaṃ, saṅgahavacananti attho. Uddāne avutte sati heṭṭhā vuttassa atthassa vippakiṇṇabhāvo dinno viya bhaveyya, tasmā vippakiṇṇabhāvassa nivāraṇatthaṃ uddānanti adhippāyo. Caturo ca vipallāsāti subhasukhaniccaattasaññā. Kilesā bhavanti ettha navapadesūti bhūmī, kilesānaṃ bhūmīti kilesabhūmī, kilesapavattanaṭṭhānāni nava padānīti vuttaṃ hoti.

    จตุโร สติปฎฺฐานาติ อสุภทุกฺขอนิจฺจอนตฺตสญฺญาฯ อินฺทฺริยภูมีติ สทฺธาทีนํ วิมุตฺติปริปาจนินฺทฺริยานํ ภูมี ปวตฺตนฎฺฐานานิ สโมสรณฎฺฐานานิฯ

    Caturosatipaṭṭhānāti asubhadukkhaaniccaanattasaññā. Indriyabhūmīti saddhādīnaṃ vimuttiparipācanindriyānaṃ bhūmī pavattanaṭṭhānāni samosaraṇaṭṭhānāni.

    นวหิ กุสลปเทหิ กุสลปกฺขา ยุชฺชนฺติ โยชียนฺติ, นวหิ อกุสลปเทหิ อกุสลปกฺขา ยุชฺชนฺติ โยชียนฺติฯ นวหิ กุสลปเทหิ สห กุสลปกฺขา ยุชฺชนฺติ ยุชฺชนฺตา ภวนฺติ, นวหิ อกุสลปเทหิ สห อกุสลปกฺขา ยุชฺชนฺติ ยุชฺชนฺตา ภวนฺตีติ อุเทฺทสวาเร วุตฺตาวเสโส สํวณฺณนานุสาเรน วิชานิตโพฺพฯ

    Navahi kusalapadehi kusalapakkhā yujjanti yojīyanti, navahi akusalapadehi akusalapakkhā yujjanti yojīyanti. Navahi kusalapadehi saha kusalapakkhā yujjanti yujjantā bhavanti, navahi akusalapadehi saha akusalapakkhā yujjanti yujjantā bhavantīti uddesavāre vuttāvaseso saṃvaṇṇanānusārena vijānitabbo.

    อิติ สตฺติพลานุรูปา รจิตา

    Iti sattibalānurūpā racitā

    อุเทฺทสวารสฺส อตฺถวิภาวนา นิฎฺฐิตาฯ

    Uddesavārassa atthavibhāvanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. อุเทฺทสวาโร • 2. Uddesavāro

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. อุเทฺทสวารวณฺณนา • 2. Uddesavāravaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā / ๒. อุเทฺทสวารวณฺณนา • 2. Uddesavāravaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact