Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เนตฺติปฺปกรณ-ฎีกา • Nettippakaraṇa-ṭīkā |
๒. อุเทฺทสวารวณฺณนา
2. Uddesavāravaṇṇanā
๑. วิภาเคนาติ สรูปวิภาเคนฯ อทิฎฺฐํ โชตียติ เอตายาติ อทิฎฺฐโชตนาฯ ทิฎฺฐํ สํสนฺทียติ เอตายาติ ทิฎฺฐสํสนฺทนา, สํสนฺทนํ เจตฺถ สากจฺฉาวเสน วินิจฺฉยกรณํฯ วิมติ ฉิชฺชติ เอตายาติ วิมติเจฺฉทนาฯ อนุมติยา ปุจฺฉา อนุมติปุจฺฉาฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญถา’’ติ หิ กา ตุมฺหากํ อนุมตีติ อนุมติ ปุจฺฉิตาฯ กเถตุกมฺยตาติ กเถตุกมฺยตายฯ
1.Vibhāgenāti sarūpavibhāgena. Adiṭṭhaṃ jotīyati etāyāti adiṭṭhajotanā. Diṭṭhaṃ saṃsandīyati etāyāti diṭṭhasaṃsandanā, saṃsandanaṃ cettha sākacchāvasena vinicchayakaraṇaṃ. Vimati chijjati etāyāti vimaticchedanā. Anumatiyā pucchā anumatipucchā. ‘‘Taṃ kiṃ maññathā’’ti hi kā tumhākaṃ anumatīti anumati pucchitā. Kathetukamyatāti kathetukamyatāya.
‘‘หรียนฺติ เอเตหี’’ติอาทินา กรณาธิกรณกตฺตุภาวกมฺมสาธนานํ วเสน หาร-สทฺทสฺส อตฺถํ วตฺวา สทิสกปฺปนาวเสน ทเสฺสตุํ ‘‘หารา วิยา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ปุน คนฺถกรณาทิอเตฺถน คนฺถาทิสทฺทานํ วิย หารกรณาทิอเตฺถน หารสทฺทสิทฺธิํ ทเสฺสตุํ ‘‘หารยนฺตี’’ติอาทิมาหฯ ‘‘หรณโต, รมณโต จา’’ติ อิมินา มโนหรา มโนรมา เจเต สํวณฺณนาวิเสสาติ ทเสฺสติฯ
‘‘Harīyanti etehī’’tiādinā karaṇādhikaraṇakattubhāvakammasādhanānaṃ vasena hāra-saddassa atthaṃ vatvā sadisakappanāvasena dassetuṃ ‘‘hārā viyā’’tiādi vuttaṃ. Puna ganthakaraṇādiatthena ganthādisaddānaṃ viya hārakaraṇādiatthena hārasaddasiddhiṃ dassetuṃ ‘‘hārayantī’’tiādimāha. ‘‘Haraṇato, ramaṇato cā’’ti iminā manoharā manoramā cete saṃvaṇṇanāvisesāti dasseti.
อุปปตฺติสาธนยุตฺตีติ ลกฺขณเหตุฯ วุตฺตนเยนาติ ‘‘นนุ จ อเญฺญปิ หารา ยุตฺติสหิตา เอวา’’ติอาทินา เทสนาหาเร วุตฺตนยานุสาเรนฯ
Upapattisādhanayuttīti lakkhaṇahetu. Vuttanayenāti ‘‘nanu ca aññepi hārā yuttisahitā evā’’tiādinā desanāhāre vuttanayānusārena.
จตุนฺนํ พฺยูโห เอตฺถาติ ภินฺนาธิกรณานมฺปิ ปทานํ อญฺญปทตฺถสมาโส ลพฺภติ ‘‘อุรสิโลโม’’ติอาทีนํ (ที. นิ. ฎี. ๓.๕๔, ๓๐๓) วิยาติ วุตฺตํฯ
Catunnaṃ byūho etthāti bhinnādhikaraṇānampi padānaṃ aññapadatthasamāso labbhati ‘‘urasilomo’’tiādīnaṃ (dī. ni. ṭī. 3.54, 303) viyāti vuttaṃ.
เสสนฺติ ‘‘วิวจนเมว เววจน’’นฺติ เอวมาทิฯ
Sesanti ‘‘vivacanameva vevacana’’nti evamādi.
อนุปฺปเวสียนฺตีติ อวคาหียนฺติฯ สมาธียนฺตีติ ปริหรียนฺติฯ วินา วิกเปฺปนาติ ชาติ สามญฺญํ, เภโท สามญฺญํ, สมฺพโนฺธ สามญฺญนฺติอาทินา ปทตฺถนฺตรภาววิกปฺปนมนฺตเรนฯ
Anuppavesīyantīti avagāhīyanti. Samādhīyantīti pariharīyanti. Vinā vikappenāti jāti sāmaññaṃ, bhedo sāmaññaṃ, sambandho sāmaññantiādinā padatthantarabhāvavikappanamantarena.
ปทฎฺฐานาทิมุเขนาติ ปทฎฺฐานเววจนภาวนาปหานมุเขนฯ เกจีติ ปทฎฺฐานปริกฺขารอาวฎฺฎปริวตฺตนปญฺญตฺติโอตรเณ สนฺธาย วทติฯ
Padaṭṭhānādimukhenāti padaṭṭhānavevacanabhāvanāpahānamukhena. Kecīti padaṭṭhānaparikkhāraāvaṭṭaparivattanapaññattiotaraṇe sandhāya vadati.
๒. สมฺพโนฺธติ เหตุผลภาวโยโคฯ ตถาภูตานญฺหิ ธมฺมานํ เอกสนฺตานสิทฺธตา เอกตฺตนโยฯ วิภาโค สติปิ เนสํ เหตุผลภาเว วิภตฺตสภาวตาฯ อโญฺญ เอว หิ เหตุ, อญฺญํ ผลนฺติฯ พฺยาปารวิรโห นิรีหตาฯ น หิ เหตุผลานํ เอวํ โหติ ‘‘อหํ อิมํ นิพฺพเตฺตมิ, อิมินาหํ นิพฺพโตฺต’’ติฯ อนุรูปผลตา ปจฺจยุปฺปนฺนานํ ปจฺจยานุกูลตาฯ สมูหาทิํ อุปาทาย โลกสเงฺกตสิทฺธา โวหารมตฺตตา สมฺมุติสภาโวฯ ปถวีผสฺสาทีนํ กกฺขฬผุสนาทิลกฺขณํ ปรมตฺถสภาโวฯ อยเญฺหตฺถ สเงฺขโป – ยสฺมิํ ภิเนฺน, อิตราโปเห วา จิเตฺตน กเตน ตถา พุทฺธิ, อิทํ สมฺมุติสจฺจํ ยถา ฆเฎ, สสมฺภารชเล จ, ตพฺพิปริยาเยน ปรมตฺถสจฺจนฺติฯ ปรมตฺถสจฺจปฺปฎิเวธายาติ นิพฺพานาธิคมายฯ
2.Sambandhoti hetuphalabhāvayogo. Tathābhūtānañhi dhammānaṃ ekasantānasiddhatā ekattanayo. Vibhāgo satipi nesaṃ hetuphalabhāve vibhattasabhāvatā. Añño eva hi hetu, aññaṃ phalanti. Byāpāraviraho nirīhatā. Na hi hetuphalānaṃ evaṃ hoti ‘‘ahaṃ imaṃ nibbattemi, imināhaṃ nibbatto’’ti. Anurūpaphalatā paccayuppannānaṃ paccayānukūlatā. Samūhādiṃ upādāya lokasaṅketasiddhā vohāramattatā sammutisabhāvo. Pathavīphassādīnaṃ kakkhaḷaphusanādilakkhaṇaṃ paramatthasabhāvo. Ayañhettha saṅkhepo – yasmiṃ bhinne, itarāpohe vā cittena katena tathā buddhi, idaṃ sammutisaccaṃ yathā ghaṭe, sasambhārajale ca, tabbipariyāyena paramatthasaccanti. Paramatthasaccappaṭivedhāyāti nibbānādhigamāya.
อโนฺตติ อพฺภนฺตโรฯ ปธานาวยเวนาติ มูลภาเวนฯ ‘‘นนฺที ทุกฺขสฺส มูล’’นฺติอาทีสุ (ม. นิ. ๑.๑๓) ตณฺหา ‘‘นนฺที’’ติ วุตฺตาฯ ‘‘สงฺคาเม จ นนฺทิํ จรตี’’ติอาทีสุ ปโมโทติ อาห ‘‘ตณฺหาย, ปโมทสฺส วา’’ติฯ
Antoti abbhantaro. Padhānāvayavenāti mūlabhāvena. ‘‘Nandī dukkhassa mūla’’ntiādīsu (ma. ni. 1.13) taṇhā ‘‘nandī’’ti vuttā. ‘‘Saṅgāme ca nandiṃ caratī’’tiādīsu pamodoti āha ‘‘taṇhāya, pamodassa vā’’ti.
๓. ชาติเภทโตติ กุสลา, อกุสลาติ อิมสฺมา วิเสสาฯ ยุชฺชนฺตีติ เอตฺถ เหตุอโตฺถ อโนฺตนีโต เวทิตโพฺพติ อาห ‘‘โยชียนฺตี’’ติฯ เกหิ โยชียนฺติ? สํวณฺณนเกหีติ อธิปฺปาโยฯ ยุชฺชนฺตีติ วา ยุตฺตา โหนฺติ, เตหิ สมานโยคกฺขมา ตคฺคหเณเนว คหิตา โหนฺตีติ อโตฺถ ตเทกฎฺฐภาวโตฯ อิมสฺมิํ อเตฺถ ‘‘นวหิ ปเทหี’’ติ สหโยเค กรณวจนํ, ปุริมสฺมิํ กรเณฯ ‘‘เอเต โข’’ติ จ ปาโฐฯ ตตฺถ โข-สทฺทสฺส ปทปูรณตา, อวธารณตฺถตา วา เวทิตพฺพาฯ เอเต เอวาติ เอเต ตณฺหาทโย เอว, น อิโต อเญฺญติ อโตฺถฯ อฎฺฐารเสว น ตโต อุทฺธํ, อโธ วาติฯ ปุริมสฺมิํ ปเกฺข มูลปทนฺตราภาโว, ทุติยสฺมิํ เตสํ อนูนาธิกตา ทีปิตา โหติฯ
3.Jātibhedatoti kusalā, akusalāti imasmā visesā. Yujjantīti ettha hetuattho antonīto veditabboti āha ‘‘yojīyantī’’ti. Kehi yojīyanti? Saṃvaṇṇanakehīti adhippāyo. Yujjantīti vā yuttā honti, tehi samānayogakkhamā taggahaṇeneva gahitā hontīti attho tadekaṭṭhabhāvato. Imasmiṃ atthe ‘‘navahi padehī’’ti sahayoge karaṇavacanaṃ, purimasmiṃ karaṇe. ‘‘Ete kho’’ti ca pāṭho. Tattha kho-saddassa padapūraṇatā, avadhāraṇatthatā vā veditabbā. Ete evāti ete taṇhādayo eva, na ito aññeti attho. Aṭṭhāraseva na tato uddhaṃ, adho vāti. Purimasmiṃ pakkhe mūlapadantarābhāvo, dutiyasmiṃ tesaṃ anūnādhikatā dīpitā hoti.
อุเทฺทสวารวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavāravaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เนตฺติปฺปกรณปาฬิ • Nettippakaraṇapāḷi / ๒. อุเทฺทสวาโร • 2. Uddesavāro
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ขุทฺทกนิกาย (อฎฺฐกถา) • Khuddakanikāya (aṭṭhakathā) / เนตฺติปฺปกรณ-อฎฺฐกถา • Nettippakaraṇa-aṭṭhakathā / ๒. อุเทฺทสวารวณฺณนา • 2. Uddesavāravaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ขุทฺทกนิกาย (ฎีกา) • Khuddakanikāya (ṭīkā) / เนตฺติวิภาวินี • Nettivibhāvinī / ๒. อุเทฺทสวารอตฺถวิภาวนา • 2. Uddesavāraatthavibhāvanā