Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๑๓๘
The Middle-Length Suttas Collection 138
อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺต
The Analysis of a Recitation Passage
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามนฺเตสิ: “ภิกฺขโว”ติฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Sāvatthī in Jeta’s Grove, Anāthapiṇḍika’s monastery. There the Buddha addressed the bhikkhus, “Bhikkhus!”
“ภทนฺเต”ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:
“Venerable sir,” they replied. The Buddha said this:
“อุทฺเทสวิภงฺคํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Bhikkhus, I shall teach you the analysis of a recitation passage. Listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวํ, ภนฺเต”ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ:
“Yes, sir,” they replied. The Buddha said this:
“ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี”ติฯ
“A bhikkhu should examine in any such a way that their consciousness is neither scattered and diffused externally nor stuck internally, and they are not anxious because of grasping. When this is the case and they are no longer anxious, there is for them no coming to be of the origin of suffering—of rebirth, old age, and death in the future.”
อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
That is what the Buddha said. When he had spoken, the Holy One got up from his seat and entered his dwelling.
อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ: “อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี'ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา”ติ?
Soon after the Buddha left, those bhikkhus considered, “The Buddha gave this brief passage for recitation, then entered his dwelling without explaining the meaning in detail. Who can explain in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha?”
อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ: “อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ; ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา”ติฯ
Then those bhikkhus thought, “This Venerable Mahākaccāna is praised by the Buddha and esteemed by his sensible spiritual companions. He is capable of explaining in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha. Let’s go to him, and ask him about this matter.”
อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธึ สมฺโมทึสุฯ สมฺโมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ: “อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี'ติฯ เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ: ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: “ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี”ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา'ติฯ เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ: ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต, สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา'ติ—วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน”ติฯ
Then those bhikkhus went to Mahākaccāna, and exchanged greetings with him. When the greetings and polite conversation were over, they sat down to one side. They told him what had happened, and said, “May Venerable Mahākaccāna please explain this.”
“เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฏฺฐโต สารวโต อติกฺกมฺเมว มูลํ อติกฺกมฺม ขนฺธํ สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มญฺเญยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา อเมฺห เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิตพฺพํ มญฺญถฯ โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นินฺเนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ; ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา”ติฯ
“Friends, suppose there was a person in need of heartwood. And while wandering in search of heartwood he’d come across a large tree standing with heartwood. But he’d pass over the roots and trunk, imagining that the heartwood should be sought in the branches and leaves. Such is the consequence for the venerables. Though you were face to face with the Buddha, you overlooked him, imagining that you should ask me about this matter. For he is the Buddha, who knows and sees. He is vision, he is knowledge, he is the manifestation of principle, he is the manifestation of divinity. He is the teacher, the proclaimer, the elucidator of meaning, the bestower of the deathless, the lord of truth, the Realized One. That was the time to approach the Buddha and ask about this matter. You should have remembered it in line with the Buddha’s answer.”
“อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นินฺเนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาม; ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยามฯ อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กริตฺวา”ติฯ
“Certainly he is the Buddha, who knows and sees. He is vision, he is knowledge, he is the manifestation of principle, he is the manifestation of divinity. He is the teacher, the proclaimer, the elucidator of meaning, the bestower of the deathless, the lord of truth, the Realized One. That was the time to approach the Buddha and ask about this matter. We should have remembered it in line with the Buddha’s answer. Still, Venerable Mahākaccāna is praised by the Buddha and esteemed by his sensible spiritual companions. He is capable of explaining in detail the meaning of this brief passage for recitation given by the Buddha. Please explain this, if it’s no trouble.”
“เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ, ภาสิสฺสามี”ติฯ
“Well then, friends, listen and apply your mind well, I will speak.”
“เอวมาวุโส”ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ:
“Yes, friend,” they replied. Venerable Mahākaccāna said this:
“ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺย, พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี'ติฯ อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ
“Friends, the Buddha gave this brief passage for recitation, then entered his dwelling without explaining the meaning in detail: ‘A bhikkhu should examine in any such a way that their consciousness is neither scattered and diffused externally nor stuck internally, and they are not anxious because of grasping. When this is the case and they are no longer anxious, there is for them no coming to be of the origin of suffering—of rebirth, old age, and death in the future.’ And this is how I understand the detailed meaning of this passage for recitation.
กถญฺจาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฏนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รูปนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ รูปนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ รูปนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ รูปนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฏนฺติ วุจฺจติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา … กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ธมฺมนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ; ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฏนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฏนฺติ วุจฺจติฯ
And how is consciousness scattered and diffused externally? Take a bhikkhu who sees a sight with their eyes. Their consciousness follows after the signs of that sight, tied, attached, and fettered to gratification in its signs. So their consciousness is said to be scattered and diffused externally. When they hear a sound with their ears … When they smell an odor with their nose … When they taste a flavor with their tongue … When they feel a touch with their body … When they know a thought with their mind, their consciousness follows after the signs of that thought, tied, attached, and fettered to gratification in its signs. So their consciousness is said to be scattered and diffused externally. That’s how consciousness is scattered and diffused externally.
กถญฺจาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น รูปนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ, น รูปนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ น รูปนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ น รูปนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ วุจฺจติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา …เป… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา … ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา … กาเยน โผฏฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา … มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น ธมฺมนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏนฺติ วุจฺจติฯ
And how is consciousness not scattered and diffused externally? Take a bhikkhu who sees a sight with their eyes. Their consciousness doesn’t follow after the signs of that sight, and is not tied, attached, and fettered to gratification in its signs. So their consciousness is said to be not scattered and diffused externally. When they hear a sound with their ears … When they smell an odor with their nose … When they taste a flavor with their tongue … When they feel a touch with their body … When they know a thought with their mind, their consciousness doesn’t follow after the signs of that thought, and is not tied, attached, and fettered to gratification in its signs. So their consciousness is said to be not scattered and diffused externally. That’s how consciousness is not scattered and diffused externally.
กถญฺจาวุโส, อชฺฌตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส วิเวกชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ วิเวกชปีติสุขสฺสาทคธิตํ วิเวกชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ วิเวกชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
And how is their consciousness stuck internally? Take a bhikkhu who, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. Their consciousness follows after that rapture and bliss born of seclusion, tied, attached, and fettered to gratification in that rapture and bliss born of seclusion. So their mind is said to be stuck internally.
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส สมาธิชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ สมาธิชปีติสุขสฺสาทคธิตํ สมาธิชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ สมาธิชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, as the placing of the mind and keeping it connected are stilled, a bhikkhu enters and remains in the second jhāna, which has the rapture and bliss born of immersion, with internal clarity and mind at one, without placing the mind and keeping it connected. Their consciousness follows after that rapture and bliss born of immersion, tied, attached, and fettered to gratification in that rapture and bliss born of immersion. So their mind is said to be stuck internally.
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฏิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ: ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี'ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส อุเปกฺขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ อุเปกฺขาสุขสฺสาทคธิตํ อุเปกฺขาสุขสฺสาทวินิพนฺธํ อุเปกฺขาสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, with the fading away of rapture, a bhikkhu enters and remains in the third jhāna, where they meditate with equanimity, mindful and aware, personally experiencing the bliss of which the noble ones declare, ‘Equanimous and mindful, one meditates in bliss.’ Their consciousness follows after that equanimity, tied, attached, and fettered to gratification in that bliss with equanimity. So their mind is said to be stuck internally.
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส อทุกฺขมสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ อทุกฺขมสุขสฺสาทคธิตํ อทุกฺขมสุขสฺสาทวินิพนฺธํ อทุกฺขมสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, giving up pleasure and pain, and ending former happiness and sadness, a bhikkhu enters and remains in the fourth jhāna, without pleasure or pain, with pure equanimity and mindfulness. Their consciousness follows after that neutral feeling, tied, attached, and fettered to gratification in that neutral feeling. So their mind is said to be stuck internally. That’s how their consciousness is stuck internally.
กถญฺจาวุโส, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิจฺเจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ …เป… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น วิเวกชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทคธิตํ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
And how is their consciousness not stuck internally? It’s when a bhikkhu, quite secluded from sensual pleasures, secluded from unskillful qualities, enters and remains in the first jhāna, which has the rapture and bliss born of seclusion, while placing the mind and keeping it connected. Their consciousness doesn’t follow after that rapture and bliss born of seclusion, and is not tied, attached, and fettered to gratification in that rapture and bliss born of seclusion. So their mind is said to be not stuck internally.
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา …เป… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น สมาธิชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทคธิตํ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, they enter the second jhāna … Their consciousness doesn’t follow after that rapture and bliss born of immersion …
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา …เป… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น อุเปกฺขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทคธิตํ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, they enter and remain in the third jhāna … Their consciousness doesn’t follow after that equanimity, and is not tied, attached, and fettered to gratification in that bliss with equanimity. So their mind is said to be not stuck internally.
ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุพฺเพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธึ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น อทุกฺขมสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น อทุกฺขมสุขสฺสาทคธิตํ น อทุกฺขมสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น อทุกฺขมสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
Furthermore, they enter and remain in the fourth jhāna … Their consciousness doesn’t follow after that neutral feeling, and is not tied, attached, and fettered to gratification in that neutral feeling. So their mind is said to be not stuck internally. That’s how their consciousness is not stuck internally.
กถญฺจาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหติ? อิธาวุโส, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธมฺเม อวินีโต สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธมฺเม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา รูปํ รูปสฺมึ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ รูปํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามญฺญถาภาวา รูปวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา อุตฺตาสวา จ โหติ วิฆาตวา จ อเปกฺขวา จ อนุปาทาย จ ปริตสฺสติฯ เวทนํ …เป… สญฺญํ … สงฺขาเร … วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ วิญฺญาณสฺมึ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ วิญฺญาณํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามญฺญถาภาวา วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา อุตฺตาสวา จ โหติ วิฆาตวา จ อเปกฺขวา จ อนุปาทาย จ ปริตสฺสติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหติฯ
And how are they anxious because of grasping? It’s when an unlearned ordinary person has not seen the noble ones, and is neither skilled nor trained in the teaching of the noble ones. They’ve not seen good persons, and are neither skilled nor trained in the teaching of the good persons. They regard form as self, self as having form, form in self, or self in form. But that form of theirs decays and perishes, and consciousness latches on to the perishing of form. Anxieties occupy their mind, born of latching on to the perishing of form, and originating in accordance with natural principles. So they become frightened, worried, concerned, and anxious because of grasping. They regard feeling … perception … choices … consciousness as self, self as having consciousness, consciousness in self, or self in consciousness. But that consciousness of theirs decays and perishes, and consciousness latches on to the perishing of consciousness. Anxieties occupy their mind, born of latching on to the perishing of consciousness, and originating in accordance with natural principles. So they become frightened, worried, concerned, and anxious because of grasping. That’s how they are anxious because of grasping.
กถญฺจาวุโส, อนุปาทานา อปริตสฺสนา โหติ? อิธาวุโส, สุตวา อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธมฺเม สุวินีโต สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธมฺเม สุวินีโต น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ น รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ น อตฺตนิ วา รูปํ น รูปสฺมึ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ รูปํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามญฺญถาภาวา น จ รูปวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส น รูปวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา น เจวุตฺตาสวา โหติ น จ วิฆาตวา น จ อเปกฺขวา อนุปาทาย จ น ปริตสฺสติฯ น เวทนํ … น สญฺญํ … น สงฺขาเร … น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ น วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ น อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ น วิญฺญาณสฺมึ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ วิญฺญาณํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามญฺญถาภาวา น จ วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส น วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฏฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา น เจวุตฺตาสวา โหติ น จ วิฆาตวา น จ อเปกฺขวา, อนุปาทาย จ น ปริตสฺสติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา อปริตสฺสนา โหติฯ
And how are they not anxious because of grasping? It’s when a learned noble disciple has seen the noble ones, and is skilled and trained in the teaching of the noble ones. They’ve seen good persons, and are skilled and trained in the teaching of the good persons. They don’t regard form as self, self as having form, form in self, or self in form. When that form of theirs decays and perishes, consciousness doesn’t latch on to the perishing of form. Anxieties—born of latching on to the perishing of form and originating in accordance with natural principles—don’t occupy their mind. So they don’t become frightened, worried, concerned, or anxious because of grasping. They don’t regard feeling … perception … choices … consciousness as self, self as having consciousness, consciousness in self, or self in consciousness. When that consciousness of theirs decays and perishes, consciousness doesn’t latch on to the perishing of consciousness. Anxieties—born of latching on to the perishing of consciousness and originating in accordance with natural principles—don’t occupy their mind. So they don’t become frightened, worried, concerned, or anxious because of grasping. That’s how they are not anxious because of grasping.
ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี'ติฯ อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมนฺโต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ; ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา”ติฯ
The Buddha gave this brief passage for recitation, then entered his dwelling without explaining the meaning in detail: ‘A bhikkhu should examine in any such a way that their consciousness is neither scattered and diffused externally nor stuck internally, and they are not anxious because of grasping. When this is the case and they are no longer anxious, there is for them no coming to be of the origin of suffering—of rebirth, old age, and death in the future.’ And this is how I understand the detailed meaning of this passage for recitation. If you wish, you may go to the Buddha and ask him about this. You should remember it in line with the Buddha’s answer.”
อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมึสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ:
“Yes, friend,” said those bhikkhus, approving and agreeing with what Mahākaccāna said. Then they rose from their seats and went to the Buddha, bowed, sat down to one side, and told him what had happened, saying:
“ยํ โข โน, ภนฺเต, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ: ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี'ติฯ
เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ: ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฏฺฐายาสนา วิหารํ ปวิฏฺโฐ—ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริกฺเขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฏํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิตฺเต อวิสเฏ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายตึ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตีติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา'ติ? เตสํ โน, ภนฺเต, อมฺหากํ เอตทโหสิ: ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สงฺขิตฺเตน อุทฺเทสสฺส อุทฺทิฏฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยนฺนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยามา'ติฯ
อถ โข มยํ, ภนฺเต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภนฺเต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อตฺโถ วิภตฺโต”ติฯ
“Mahākaccāna clearly explained the meaning to us in this manner, with these words and phrases.”
“ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปญฺโญ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโนฯ มญฺเจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฏิปุจฺเฉยฺยาถ, อหมฺปิ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส อตฺโถฯ เอวญฺจ นํ ธาเรยฺยาถา”ติฯ
“Mahākaccāna is astute, bhikkhus, he has great wisdom. If you came to me and asked this question, I would answer it in exactly the same way as Mahākaccāna. That is what it means, and that’s how you should remember it.”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, the bhikkhus approved what the Buddha said.
อุทฺเทสวิภงฺคสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]