Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตํ
8. Uddesavibhaṅgasuttaṃ
๓๑๓. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา สาวตฺถิยํ วิหรติ เชตวเน อนาถปิณฺฑิกสฺส อาราเมฯ ตตฺร โข ภควา ภิกฺขู อามเนฺตสิ – ‘‘ภิกฺขโว’’ติฯ ‘‘ภทเนฺต’’ติ เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ – ‘‘อุเทฺทสวิภงฺคํ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิฯ ตํ สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข เต ภิกฺขู ภควโต ปจฺจโสฺสสุํฯ ภควา เอตทโวจ –
313. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā sāvatthiyaṃ viharati jetavane anāthapiṇḍikassa ārāme. Tatra kho bhagavā bhikkhū āmantesi – ‘‘bhikkhavo’’ti. ‘‘Bhadante’’ti te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca – ‘‘uddesavibhaṅgaṃ vo, bhikkhave, desessāmi. Taṃ suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho te bhikkhū bhagavato paccassosuṃ. Bhagavā etadavoca –
‘‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย ยถา ยถา 1 อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’’ติฯ อิทมโวจ ภควาฯ อิทํ วตฺวาน สุคโต อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปาวิสิฯ
‘‘Tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya yathā yathā 2 upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’’ti. Idamavoca bhagavā. Idaṃ vatvāna sugato uṭṭhāyāsanā vihāraṃ pāvisi.
๓๑๔. อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – ‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว , ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา , ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติ? อถ โข เตสํ ภิกฺขูนํ เอตทโหสิ – ‘‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํ; ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’’ติฯ
314. Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ, acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – ‘‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tathā tathā, bhikkhave , bhikkhu upaparikkheyya yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā , bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’’ti? Atha kho tesaṃ bhikkhūnaṃ etadahosi – ‘‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ; pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’’ti.
อถ โข เต ภิกฺขู เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมตา มหากจฺจาเนน สทฺธิํ สโมฺมทิํสุฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตทโวจุํ –
Atha kho te bhikkhū yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā āyasmatā mahākaccānena saddhiṃ sammodiṃsu. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etadavocuṃ –
‘‘อิทํ โข โน, อาวุโส กจฺจาน, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’ติฯ เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’ติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’’ติฯ ‘‘เตสํ โน, อาวุโส กจฺจาน, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต, สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติ – วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน’’ติฯ
‘‘Idaṃ kho no, āvuso kaccāna, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’ti. Tesaṃ no, āvuso kaccāna, amhākaṃ, acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya, yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’ti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’’ti. ‘‘Tesaṃ no, āvuso kaccāna, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito, sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti – vibhajatāyasmā mahākaccāno’’ti.
๓๑๕. ‘‘‘เสยฺยถาปิ, อาวุโส, ปุริโส สารตฺถิโก สารคเวสี สารปริเยสนํ จรมาโน มหโต รุกฺขสฺส ติฎฺฐโต สารวโต อติกฺกเมฺมว มูลํ อติกฺกมฺม ขนฺธํ สาขาปลาเส สารํ ปริเยสิตพฺพํ มเญฺญยฺย, เอวํ สมฺปทมิทํ อายสฺมนฺตานํ สตฺถริ สมฺมุขีภูเต ตํ ภควนฺตํ อติสิตฺวา อเมฺห เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิตพฺพํ มญฺญถฯ โส หาวุโส, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ; ยถา โว ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’’ติฯ ‘อทฺธาวุโส กจฺจาน, ภควา ชานํ ชานาติ, ปสฺสํ ปสฺสติ, จกฺขุภูโต ญาณภูโต ธมฺมภูโต พฺรหฺมภูโต วตฺตา ปวตฺตา อตฺถสฺส นิเนฺนตา อมตสฺส ทาตา ธมฺมสฺสามี ตถาคโตฯ โส เจว ปเนตสฺส กาโล อโหสิ ยํ ภควนฺตํเยว เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาม; ยถา โน ภควา พฺยากเรยฺย ตถา นํ ธาเรยฺยามฯ อปิ จายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ วิภชตายสฺมา มหากจฺจาโน อครุํ กริตฺวา’ติฯ ‘เตน หาวุโส, สุณาถ, สาธุกํ มนสิ กโรถ; ภาสิสฺสามี’ติฯ ‘เอวมาวุโส’ติ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ปจฺจโสฺสสุํฯ อายสฺมา มหากจฺจาโน เอตทโวจ –
315. ‘‘‘Seyyathāpi, āvuso, puriso sāratthiko sāragavesī sārapariyesanaṃ caramāno mahato rukkhassa tiṭṭhato sāravato atikkammeva mūlaṃ atikkamma khandhaṃ sākhāpalāse sāraṃ pariyesitabbaṃ maññeyya, evaṃ sampadamidaṃ āyasmantānaṃ satthari sammukhībhūte taṃ bhagavantaṃ atisitvā amhe etamatthaṃ paṭipucchitabbaṃ maññatha. So hāvuso, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyātha; yathā vo bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāthā’’’ti. ‘Addhāvuso kaccāna, bhagavā jānaṃ jānāti, passaṃ passati, cakkhubhūto ñāṇabhūto dhammabhūto brahmabhūto vattā pavattā atthassa ninnetā amatassa dātā dhammassāmī tathāgato. So ceva panetassa kālo ahosi yaṃ bhagavantaṃyeva etamatthaṃ paṭipuccheyyāma; yathā no bhagavā byākareyya tathā naṃ dhāreyyāma. Api cāyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Vibhajatāyasmā mahākaccāno agaruṃ karitvā’ti. ‘Tena hāvuso, suṇātha, sādhukaṃ manasi karotha; bhāsissāmī’ti. ‘Evamāvuso’ti kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa paccassosuṃ. Āyasmā mahākaccāno etadavoca –
‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺย, พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’ติฯ อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ
‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya, yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya, bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’ti. Imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi.
๓๑๖. ‘‘กถญฺจาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฎนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา รูปนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ รูปนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ 3 รูปนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ 4 รูปนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฎนฺติ วุจฺจติฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย ธมฺมนิมิตฺตานุสารี วิญฺญาณํ โหติ; ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฎนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข อาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ วิกฺขิตฺตํ วิสฎนฺติ วุจฺจติฯ
316. ‘‘Kathañcāvuso, bahiddhā viññāṇaṃ vikkhittaṃ visaṭanti vuccati? Idhāvuso, bhikkhuno cakkhunā rūpaṃ disvā rūpanimittānusāri viññāṇaṃ hoti rūpanimittassādagadhitaṃ 5 rūpanimittassādavinibandhaṃ 6 rūpanimittassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ bahiddhā viññāṇaṃ vikkhittaṃ visaṭanti vuccati. Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya dhammanimittānusārī viññāṇaṃ hoti; dhammanimittassādagadhitaṃ dhammanimittassādavinibandhaṃ dhammanimittassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ bahiddhā viññāṇaṃ vikkhittaṃ visaṭanti vuccati. Evaṃ kho āvuso, bahiddhā viññāṇaṃ vikkhittaṃ visaṭanti vuccati.
๓๑๗. ‘‘กถญฺจาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎนฺติ วุจฺจติ ? อิธาวุโส, ภิกฺขุโน จกฺขุนา รูปํ ทิสฺวา น รูปนิมิตฺตานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ รูปนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ น รูปนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ น รูปนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎนฺติ วุจฺจติ ฯ โสเตน สทฺทํ สุตฺวา…เป.… ฆาเนน คนฺธํ ฆายิตฺวา… ชิวฺหาย รสํ สายิตฺวา… กาเยน โผฎฺฐพฺพํ ผุสิตฺวา… มนสา ธมฺมํ วิญฺญาย น ธมฺมนิมิตฺตานุสารี วิญฺญาณํ โหติ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทคธิตํ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทวินิพนฺธํ น ธมฺมนิมิตฺตสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, พหิทฺธา วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎนฺติ วุจฺจติฯ
317. ‘‘Kathañcāvuso, bahiddhā viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭanti vuccati ? Idhāvuso, bhikkhuno cakkhunā rūpaṃ disvā na rūpanimittānusāri viññāṇaṃ hoti rūpanimittassādagadhitaṃ na rūpanimittassādavinibandhaṃ na rūpanimittassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ bahiddhā viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭanti vuccati . Sotena saddaṃ sutvā…pe… ghānena gandhaṃ ghāyitvā… jivhāya rasaṃ sāyitvā… kāyena phoṭṭhabbaṃ phusitvā… manasā dhammaṃ viññāya na dhammanimittānusārī viññāṇaṃ hoti na dhammanimittassādagadhitaṃ na dhammanimittassādavinibandhaṃ na dhammanimittassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ bahiddhā viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭanti vuccati. Evaṃ kho, āvuso, bahiddhā viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭanti vuccati.
๓๑๘. ‘‘กถญฺจาวุโส, อชฺฌตฺตํ 7 สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ สวิตกฺกํ สวิจารํ วิเวกชํ ปีติสุขํ ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส วิเวกชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ วิเวกชปีติสุขสฺสาทคธิตํ วิเวกชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ วิเวกชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
318. ‘‘Kathañcāvuso, ajjhattaṃ 8 saṇṭhitanti vuccati? Idhāvuso, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi savitakkaṃ savicāraṃ vivekajaṃ pītisukhaṃ paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa vivekajapītisukhānusāri viññāṇaṃ hoti vivekajapītisukhassādagadhitaṃ vivekajapītisukhassādavinibandhaṃ vivekajapītisukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ saṇṭhitanti vuccati.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา อชฺฌตฺตํ สมฺปสาทนํ เจตโส เอโกทิภาวํ อวิตกฺกํ อวิจารํ สมาธิชํ ปีติสุขํ ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส สมาธิชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ สมาธิชปีติสุขสฺสาทคธิตํ สมาธิชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ สมาธิชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā ajjhattaṃ sampasādanaṃ cetaso ekodibhāvaṃ avitakkaṃ avicāraṃ samādhijaṃ pītisukhaṃ dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa samādhijapītisukhānusāri viññāṇaṃ hoti samādhijapītisukhassādagadhitaṃ samādhijapītisukhassādavinibandhaṃ samādhijapītisukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ saṇṭhitanti vuccati.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา อุเปกฺขโก จ วิหรติ สโต จ สมฺปชาโน สุขญฺจ กาเยน ปฎิสํเวเทติ, ยํ ตํ อริยา อาจิกฺขนฺติ – ‘อุเปกฺขโก สติมา สุขวิหารี’ติ ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส อุเปกฺขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ อุเปกฺขาสุขสฺสาทคธิตํ อุเปกฺขาสุขสฺสาทวินิพนฺธํ อุเปกฺขาสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu pītiyā ca virāgā upekkhako ca viharati sato ca sampajāno sukhañca kāyena paṭisaṃvedeti, yaṃ taṃ ariyā ācikkhanti – ‘upekkhako satimā sukhavihārī’ti tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa upekkhānusāri viññāṇaṃ hoti upekkhāsukhassādagadhitaṃ upekkhāsukhassādavinibandhaṃ upekkhāsukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ saṇṭhitanti vuccati.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส อทุกฺขมสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ อทุกฺขมสุขสฺสาทคธิตํ อทุกฺขมสุขสฺสาทวินิพนฺธํ อทุกฺขมสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ 9 สณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa adukkhamasukhānusāri viññāṇaṃ hoti adukkhamasukhassādagadhitaṃ adukkhamasukhassādavinibandhaṃ adukkhamasukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ saṇṭhitanti vuccati. Evaṃ kho, āvuso, ajjhattaṃ 10 saṇṭhitanti vuccati.
๓๑๙. ‘‘กถญฺจาวุโส , อชฺฌตฺตํ 11 อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติ? อิธาวุโส, ภิกฺขุ วิวิเจฺจว กาเมหิ วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธเมฺมหิ…เป.… ปฐมํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น วิเวกชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทคธิตํ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น วิเวกชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
319. ‘‘Kathañcāvuso , ajjhattaṃ 12 asaṇṭhitanti vuccati? Idhāvuso, bhikkhu vivicceva kāmehi vivicca akusalehi dhammehi…pe… paṭhamaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa na vivekajapītisukhānusāri viññāṇaṃ hoti na vivekajapītisukhassādagadhitaṃ na vivekajapītisukhassādavinibandhaṃ na vivekajapītisukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ asaṇṭhitanti vuccati.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ วิตกฺกวิจารานํ วูปสมา…เป.… ทุติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น สมาธิชปีติสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทคธิตํ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น สมาธิชปีติสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติ ฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu vitakkavicārānaṃ vūpasamā…pe… dutiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa na samādhijapītisukhānusāri viññāṇaṃ hoti na samādhijapītisukhassādagadhitaṃ na samādhijapītisukhassādavinibandhaṃ na samādhijapītisukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ asaṇṭhitanti vuccati .
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ ปีติยา จ วิราคา…เป.… ตติยํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น อุเปกฺขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทคธิตํ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น อุเปกฺขาสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu pītiyā ca virāgā…pe… tatiyaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa na upekkhānusāri viññāṇaṃ hoti na upekkhāsukhassādagadhitaṃ na upekkhāsukhassādavinibandhaṃ na upekkhāsukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ asaṇṭhitanti vuccati.
‘‘ปุน จปรํ, อาวุโส, ภิกฺขุ สุขสฺส จ ปหานา ทุกฺขสฺส จ ปหานา ปุเพฺพว โสมนสฺสโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมา อทุกฺขมสุขํ อุเปกฺขาสติปาริสุทฺธิํ จตุตฺถํ ฌานํ อุปสมฺปชฺช วิหรติฯ ตสฺส น อทุกฺขมสุขานุสาริ วิญฺญาณํ โหติ น อทุกฺขมสุขสฺสาทคธิตํ น อทุกฺขมสุขสฺสาทวินิพนฺธํ น อทุกฺขมสุขสฺสาทสํโยชนสํยุตฺตํ อชฺฌตฺตํ จิตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ 13 อสณฺฐิตนฺติ วุจฺจติฯ
‘‘Puna caparaṃ, āvuso, bhikkhu sukhassa ca pahānā dukkhassa ca pahānā pubbeva somanassadomanassānaṃ atthaṅgamā adukkhamasukhaṃ upekkhāsatipārisuddhiṃ catutthaṃ jhānaṃ upasampajja viharati. Tassa na adukkhamasukhānusāri viññāṇaṃ hoti na adukkhamasukhassādagadhitaṃ na adukkhamasukhassādavinibandhaṃ na adukkhamasukhassādasaṃyojanasaṃyuttaṃ ajjhattaṃ cittaṃ asaṇṭhitanti vuccati. Evaṃ kho, āvuso, ajjhattaṃ 14 asaṇṭhitanti vuccati.
๓๒๐. ‘‘กถญฺจาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหติ? อิธาวุโส, อสฺสุตวา ปุถุชฺชโน อริยานํ อทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส อโกวิโท อริยธเมฺม อวินีโต สปฺปุริสานํ อทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส อโกวิโท สปฺปุริสธเมฺม อวินีโต รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา รูปํ รูปสฺมิํ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ รูปํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามญฺญถาภาวา รูปวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา อุตฺตาสวา จ โหติ วิฆาตวา จ อเปกฺขวา จ อนุปาทาย จ ปริตสฺสติฯ เวทนํ …เป.… สญฺญํ… สงฺขาเร… วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ วิญฺญาณํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามญฺญถาภาวา วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา อุตฺตาสวา จ โหติ วิฆาตวา จ อเปกฺขวา จ อนุปาทาย จ ปริตสฺสติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหติฯ
320. ‘‘Kathañcāvuso, anupādā paritassanā hoti? Idhāvuso, assutavā puthujjano ariyānaṃ adassāvī ariyadhammassa akovido ariyadhamme avinīto sappurisānaṃ adassāvī sappurisadhammassa akovido sappurisadhamme avinīto rūpaṃ attato samanupassati rūpavantaṃ vā attānaṃ attani vā rūpaṃ rūpasmiṃ vā attānaṃ. Tassa taṃ rūpaṃ vipariṇamati, aññathā hoti. Tassa rūpavipariṇāmaññathābhāvā rūpavipariṇāmānuparivatti viññāṇaṃ hoti. Tassa rūpavipariṇāmānuparivattajā paritassanā dhammasamuppādā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Cetaso pariyādānā uttāsavā ca hoti vighātavā ca apekkhavā ca anupādāya ca paritassati. Vedanaṃ …pe… saññaṃ… saṅkhāre… viññāṇaṃ attato samanupassati viññāṇavantaṃ vā attānaṃ attani vā viññāṇaṃ viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Tassa taṃ viññāṇaṃ vipariṇamati, aññathā hoti. Tassa viññāṇavipariṇāmaññathābhāvā viññāṇavipariṇāmānuparivatti viññāṇaṃ hoti. Tassa viññāṇavipariṇāmānuparivattajā paritassanā dhammasamuppādā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Cetaso pariyādānā uttāsavā ca hoti vighātavā ca apekkhavā ca anupādāya ca paritassati. Evaṃ kho, āvuso, anupādā paritassanā hoti.
๓๒๑. ‘‘กถญฺจาวุโส, อนุปาทานา อปริตสฺสนา โหติ? อิธาวุโส, สุตวา อริยสาวโก อริยานํ ทสฺสาวี อริยธมฺมสฺส โกวิโท อริยธเมฺม สุวินีโต สปฺปุริสานํ ทสฺสาวี สปฺปุริสธมฺมสฺส โกวิโท สปฺปุริสธเมฺม สุวินีโต น รูปํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ น รูปวนฺตํ วา อตฺตานํ น อตฺตนิ วา รูปํ น รูปสฺมิํ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ รูปํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส รูปวิปริณามญฺญถาภาวา น จ รูปวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส น รูปวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา น เจวุตฺตาสวา 15 โหติ น จ วิฆาตวา น จ อเปกฺขวา อนุปาทาย จ น ปริตสฺสติฯ น เวทนํ… น สญฺญํ… น สงฺขาเร… น วิญฺญาณํ อตฺตโต สมนุปสฺสติ น วิญฺญาณวนฺตํ วา อตฺตานํ น อตฺตนิ วา วิญฺญาณํ น วิญฺญาณสฺมิํ วา อตฺตานํฯ ตสฺส ตํ วิญฺญาณํ วิปริณมติ, อญฺญถา โหติฯ ตสฺส วิญฺญาณวิปริณามญฺญถาภาวา น จ วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺติ วิญฺญาณํ โหติฯ ตสฺส น วิญฺญาณวิปริณามานุปริวตฺตชา ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทา จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺติฯ เจตโส ปริยาทานา น เจวุตฺตาสวา โหติ น จ วิฆาตวา น จ อเปกฺขวา, อนุปาทาย จ น ปริตสฺสติฯ เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา อปริตสฺสนา โหติฯ
321. ‘‘Kathañcāvuso, anupādānā aparitassanā hoti? Idhāvuso, sutavā ariyasāvako ariyānaṃ dassāvī ariyadhammassa kovido ariyadhamme suvinīto sappurisānaṃ dassāvī sappurisadhammassa kovido sappurisadhamme suvinīto na rūpaṃ attato samanupassati na rūpavantaṃ vā attānaṃ na attani vā rūpaṃ na rūpasmiṃ vā attānaṃ. Tassa taṃ rūpaṃ vipariṇamati, aññathā hoti. Tassa rūpavipariṇāmaññathābhāvā na ca rūpavipariṇāmānuparivatti viññāṇaṃ hoti. Tassa na rūpavipariṇāmānuparivattajā paritassanā dhammasamuppādā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Cetaso pariyādānā na cevuttāsavā 16 hoti na ca vighātavā na ca apekkhavā anupādāya ca na paritassati. Na vedanaṃ… na saññaṃ… na saṅkhāre… na viññāṇaṃ attato samanupassati na viññāṇavantaṃ vā attānaṃ na attani vā viññāṇaṃ na viññāṇasmiṃ vā attānaṃ. Tassa taṃ viññāṇaṃ vipariṇamati, aññathā hoti. Tassa viññāṇavipariṇāmaññathābhāvā na ca viññāṇavipariṇāmānuparivatti viññāṇaṃ hoti. Tassa na viññāṇavipariṇāmānuparivattajā paritassanā dhammasamuppādā cittaṃ pariyādāya tiṭṭhanti. Cetaso pariyādānā na cevuttāsavā hoti na ca vighātavā na ca apekkhavā, anupādāya ca na paritassati. Evaṃ kho, āvuso, anupādā aparitassanā hoti.
‘‘ยํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’ติฯ อิมสฺส โข อหํ, อาวุโส, ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส เอวํ วิตฺถาเรน อตฺถํ อาชานามิฯ อากงฺขมานา จ ปน ตุเมฺห อายสฺมโนฺต ภควนฺตํเยว อุปสงฺกมิตฺวา เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ; ยถา โว ภควา พฺยากโรติ ตถา นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ
‘‘Yaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’ti. Imassa kho ahaṃ, āvuso, bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa evaṃ vitthārena atthaṃ ājānāmi. Ākaṅkhamānā ca pana tumhe āyasmanto bhagavantaṃyeva upasaṅkamitvā etamatthaṃ paṭipuccheyyātha; yathā vo bhagavā byākaroti tathā naṃ dhāreyyāthā’’ti.
๓๒๒. อถ โข เต ภิกฺขู อายสฺมโต มหากจฺจานสฺส ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิํสุ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิํสุฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนา โข เต ภิกฺขู ภควนฺตํ เอตทโวจุํ –
322. Atha kho te bhikkhū āyasmato mahākaccānassa bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā yena bhagavā tenupasaṅkamiṃsu; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdiṃsu. Ekamantaṃ nisinnā kho te bhikkhū bhagavantaṃ etadavocuṃ –
‘‘ยํ โข โน, ภเนฺต, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ‘ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตี’’’ติฯ
‘‘Yaṃ kho no, bhante, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – ‘tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotī’’’ti.
‘‘เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ, อจิรปกฺกนฺตสฺส ภควโต, เอตทโหสิ – ‘อิทํ โข โน, อาวุโส, ภควา สํขิเตฺตน อุเทฺทสํ อุทฺทิสิตฺวา วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภชิตฺวา อุฎฺฐายาสนา วิหารํ ปวิโฎฺฐ – ตถา ตถา, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺย, ยถา ยถา อุปปริกฺขโต พหิทฺธา จสฺส วิญฺญาณํ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยฯ พหิทฺธา, ภิกฺขเว, วิญฺญาเณ อวิกฺขิเตฺต อวิสเฎ สติ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิเต อนุปาทาย อปริตสฺสโต อายติํ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโว น โหตีติฯ โก นุ โข อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภเชยฺยา’ติ? เตสํ โน, ภเนฺต, อมฺหากํ เอตทโหสิ – ‘อยํ โข อายสฺมา มหากจฺจาโน สตฺถุ เจว สํวณฺณิโต สมฺภาวิโต จ วิญฺญูนํ สพฺรหฺมจารีนํฯ ปโหติ จายสฺมา มหากจฺจาโน อิมสฺส ภควตา สํขิเตฺตน อุเทฺทสสฺส อุทฺทิฎฺฐสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ อวิภตฺตสฺส วิตฺถาเรน อตฺถํ วิภชิตุํฯ ยํนูน มยํ เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกเมยฺยาม; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยามา’ติฯ
‘‘Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ, acirapakkantassa bhagavato, etadahosi – ‘idaṃ kho no, āvuso, bhagavā saṃkhittena uddesaṃ uddisitvā vitthārena atthaṃ avibhajitvā uṭṭhāyāsanā vihāraṃ paviṭṭho – tathā tathā, bhikkhave, bhikkhu upaparikkheyya, yathā yathā upaparikkhato bahiddhā cassa viññāṇaṃ avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya. Bahiddhā, bhikkhave, viññāṇe avikkhitte avisaṭe sati ajjhattaṃ asaṇṭhite anupādāya aparitassato āyatiṃ jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavo na hotīti. Ko nu kho imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajeyyā’ti? Tesaṃ no, bhante, amhākaṃ etadahosi – ‘ayaṃ kho āyasmā mahākaccāno satthu ceva saṃvaṇṇito sambhāvito ca viññūnaṃ sabrahmacārīnaṃ. Pahoti cāyasmā mahākaccāno imassa bhagavatā saṃkhittena uddesassa uddiṭṭhassa vitthārena atthaṃ avibhattassa vitthārena atthaṃ vibhajituṃ. Yaṃnūna mayaṃ yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkameyyāma; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipuccheyyāmā’ti.
‘‘อถ โข มยํ, ภเนฺต, เยนายสฺมา มหากจฺจาโน เตนุปสงฺกมิมฺห; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตํ มหากจฺจานํ เอตมตฺถํ ปฎิปุจฺฉิมฺหฯ เตสํ โน, ภเนฺต, อายสฺมตา มหากจฺจาเนน อิเมหิ อากาเรหิ อิเมหิ ปเทหิ อิเมหิ พฺยญฺชเนหิ อโตฺถ วิภโตฺต’’ติฯ
‘‘Atha kho mayaṃ, bhante, yenāyasmā mahākaccāno tenupasaṅkamimha; upasaṅkamitvā āyasmantaṃ mahākaccānaṃ etamatthaṃ paṭipucchimha. Tesaṃ no, bhante, āyasmatā mahākaccānena imehi ākārehi imehi padehi imehi byañjanehi attho vibhatto’’ti.
‘‘ปณฺฑิโต, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโน; มหาปโญฺญ, ภิกฺขเว, มหากจฺจาโนฯ มํ เจปิ ตุเมฺห, ภิกฺขเว, เอตมตฺถํ ปฎิปุเจฺฉยฺยาถ, อหมฺปิ เอวเมวํ พฺยากเรยฺยํ ยถา ตํ มหากจฺจาเนน พฺยากตํฯ เอโส เจเวตสฺส 17 อโตฺถฯ เอวญฺจ นํ ธาเรยฺยาถา’’ติฯ
‘‘Paṇḍito, bhikkhave, mahākaccāno; mahāpañño, bhikkhave, mahākaccāno. Maṃ cepi tumhe, bhikkhave, etamatthaṃ paṭipuccheyyātha, ahampi evamevaṃ byākareyyaṃ yathā taṃ mahākaccānena byākataṃ. Eso cevetassa 18 attho. Evañca naṃ dhāreyyāthā’’ti.
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมนา เต ภิกฺขู ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทุนฺติฯ
Idamavoca bhagavā. Attamanā te bhikkhū bhagavato bhāsitaṃ abhinandunti.
อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ อฎฺฐมํฯ
Uddesavibhaṅgasuttaṃ niṭṭhitaṃ aṭṭhamaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 8. Uddesavibhaṅgasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 8. Uddesavibhaṅgasuttavaṇṇanā