Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) |
๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา
8. Uddesavibhaṅgasuttavaṇṇanā
๓๑๓. เอวํ เม สุตนฺติ อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตํฯ ตตฺถ อุเทฺทสวิภงฺคนฺติ อุเทฺทสญฺจ วิภงฺคญฺจ, มาติกญฺจ วิภชนญฺจาติ อโตฺถฯ อุปปริเกฺขยฺยาติ ตุเลยฺย ตีเรยฺย ปริคฺคเณฺหยฺย ปริจฺฉิเนฺทยฺยฯ พหิทฺธาติ พหิทฺธาอารมฺมเณสุฯ อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎนฺติ นิกนฺติวเสน อารมฺมเณ ติฎฺฐมานํ วิกฺขิตฺตํ วิสฎํ นาม โหติ, ตํ ปฎิเสเธโนฺต เอวมาหฯ อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ โคจรชฺฌเตฺต นิกนฺติวเสน อสณฺฐิตํฯ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺยาติ อนุปาทิยิตฺวา อคฺคเหตฺวา ตํ วิญฺญาณํ น ปริตเสฺสยฺยฯ ยถา วิญฺญาณํ พหิทฺธา อวิกฺขิตฺตํ อวิสฎํ, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตํ อนุปาทาย น ปริตเสฺสยฺย, เอวํ ภิกฺขุ อุปปริเกฺขยฺยาติ วุตฺตํ โหติฯ ชาติชรามรณทุกฺขสมุทยสมฺภโวติ ชาติชรามรณสฺส เจว อวเสสสฺส จ ทุกฺขสฺส นิพฺพตฺติ น โหตีติ อโตฺถฯ
313.Evaṃme sutanti uddesavibhaṅgasuttaṃ. Tattha uddesavibhaṅganti uddesañca vibhaṅgañca, mātikañca vibhajanañcāti attho. Upaparikkheyyāti tuleyya tīreyya pariggaṇheyya paricchindeyya. Bahiddhāti bahiddhāārammaṇesu. Avikkhittaṃ avisaṭanti nikantivasena ārammaṇe tiṭṭhamānaṃ vikkhittaṃ visaṭaṃ nāma hoti, taṃ paṭisedhento evamāha. Ajjhattaṃ asaṇṭhitanti gocarajjhatte nikantivasena asaṇṭhitaṃ. Anupādāya na paritasseyyāti anupādiyitvā aggahetvā taṃ viññāṇaṃ na paritasseyya. Yathā viññāṇaṃ bahiddhā avikkhittaṃ avisaṭaṃ, ajjhattaṃ asaṇṭhitaṃ anupādāya na paritasseyya, evaṃ bhikkhu upaparikkheyyāti vuttaṃ hoti. Jātijarāmaraṇadukkhasamudayasambhavoti jātijarāmaraṇassa ceva avasesassa ca dukkhassa nibbatti na hotīti attho.
๓๑๖. รูปนิมิตฺตานุสารีติ รูปนิมิตฺตํ อนุสฺสรติ อนุธาวตีติ รูปนิมิตฺตานุสารีฯ
316.Rūpanimittānusārīti rūpanimittaṃ anussarati anudhāvatīti rūpanimittānusārī.
๓๑๘. เอวํ โข, อาวุโส, อชฺฌตฺตํ อสณฺฐิตนฺติ นิกนฺติวเสน อสณฺฐิตํฯ นิกนฺติวเสน หิ อติฎฺฐมานํ หานภาคิยํ น โหติ, วิเสสภาคิยเมว โหติฯ
318.Evaṃ kho, āvuso, ajjhattaṃ asaṇṭhitanti nikantivasena asaṇṭhitaṃ. Nikantivasena hi atiṭṭhamānaṃ hānabhāgiyaṃ na hoti, visesabhāgiyameva hoti.
๓๒๐. อนุปาทา ปริตสฺสนาติ สตฺถารา ขนฺธิยวเคฺค ‘‘อุปาทาปริตสฺสนญฺจ โว, ภิกฺขเว, เทเสสฺสามิ อนุปาทาอปริตสฺสนญฺจา’’ติ (สํ. นิ. ๓.๗) เอวํ คเหตฺวา ปริตสฺสนา, อคฺคเหตฺวาว อปริตสฺสนา จ กถิตา, ตํ มหาเถโร อุปาทาปริตสฺสนเมว อนุปาทาปริตสฺสนนฺติ กตฺวา ทเสฺสโนฺต เอวมาหฯ กถํ ปเนสา อนุปาทาปริตสฺสนา โหตีติฯ อุปาทาตพฺพสฺส อภาวโตฯ ยทิ หิ โกจิ สงฺขาโร นิโจฺจ วา ธุโว วา อตฺตา วา อตฺตนิโย วาติ คเหตพฺพยุตฺตโก อภวิสฺส, อยํ ปริตสฺสนา อุปาทาปริตสฺสนาว อสฺสฯ ยสฺมา ปน เอวํ อุปาทาตโพฺพ สงฺขาโร นาม นตฺถิ, ตสฺมา รูปํ อตฺตาติอาทินา นเยน รูปาทโย อุปาทินฺนาปิ อนุปาทินฺนาว โหนฺติฯ เอวเมสา ทิฎฺฐิวเสน อุปาทาปริตสฺสนาปิ สมานา อตฺถโต อนุปาทาปริตสฺสนาเยว นาม โหตีติ เวทิตพฺพาฯ
320.Anupādā paritassanāti satthārā khandhiyavagge ‘‘upādāparitassanañca vo, bhikkhave, desessāmi anupādāaparitassanañcā’’ti (saṃ. ni. 3.7) evaṃ gahetvā paritassanā, aggahetvāva aparitassanā ca kathitā, taṃ mahāthero upādāparitassanameva anupādāparitassananti katvā dassento evamāha. Kathaṃ panesā anupādāparitassanā hotīti. Upādātabbassa abhāvato. Yadi hi koci saṅkhāro nicco vā dhuvo vā attā vā attaniyo vāti gahetabbayuttako abhavissa, ayaṃ paritassanā upādāparitassanāva assa. Yasmā pana evaṃ upādātabbo saṅkhāro nāma natthi, tasmā rūpaṃ attātiādinā nayena rūpādayo upādinnāpi anupādinnāva honti. Evamesā diṭṭhivasena upādāparitassanāpi samānā atthato anupādāparitassanāyeva nāma hotīti veditabbā.
อญฺญถา โหตีติ ปริวตฺตติ ปกติชหเนน นสฺสติ, รูปวิปริณามานุปริวตฺตีติ ‘‘มม รูปํ วิปริณต’’นฺติ วา, ‘‘ยํ อหุ, ตํ วต เม นตฺถี’’ติ วา อาทินา (ม. นิ. ๑.๒๔๒) นเยน กมฺมวิญฺญาณํ รูปสฺส เภทานุปริวตฺติ โหติฯ วิปริณามานุปริวตฺตชาติ วิปริณามสฺส อนุปริวตฺตนโต วิปริณามารมฺมณจิตฺตโต ชาตาฯ ปริตสฺสนา ธมฺมสมุปฺปาทาติ ตณฺหาปริตสฺสนา จ อกุสลธมฺมสมุปฺปาทา จฯ จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐนฺตีติ กุสลจิตฺตํ ปริยาทิยิตฺวา คเหตฺวา เขเปตฺวา ติฎฺฐนฺติฯ อุตฺตาสวาติ ภยตาเสนปิ สอุตฺตาโส ตณฺหาตาเสนปิ สอุตฺตาโสฯ วิฆาตวาติ สวิฆาโต สทุโกฺขฯ อเปกฺขวาติ สาลโย สสิเนโหฯ เอวํ โข, อาวุโส, อนุปาทา ปริตสฺสนา โหตีติ เอวํ มณิกรณฺฑกสญฺญาย ตุจฺฉกรณฺฑกํ คเหตฺวา ตสฺมิํ นเฎฺฐ ปจฺฉา วิฆาตํ อาปชฺชนฺตสฺส วิย ปจฺฉา อคฺคเหตฺวา ปริตสฺสนา โหติฯ
Aññathā hotīti parivattati pakatijahanena nassati, rūpavipariṇāmānuparivattīti ‘‘mama rūpaṃ vipariṇata’’nti vā, ‘‘yaṃ ahu, taṃ vata me natthī’’ti vā ādinā (ma. ni. 1.242) nayena kammaviññāṇaṃ rūpassa bhedānuparivatti hoti. Vipariṇāmānuparivattajāti vipariṇāmassa anuparivattanato vipariṇāmārammaṇacittato jātā. Paritassanā dhammasamuppādāti taṇhāparitassanā ca akusaladhammasamuppādā ca. Cittaṃ pariyādāya tiṭṭhantīti kusalacittaṃ pariyādiyitvā gahetvā khepetvā tiṭṭhanti. Uttāsavāti bhayatāsenapi sauttāso taṇhātāsenapi sauttāso. Vighātavāti savighāto sadukkho. Apekkhavāti sālayo sasineho. Evaṃ kho, āvuso, anupādā paritassanā hotīti evaṃ maṇikaraṇḍakasaññāya tucchakaraṇḍakaṃ gahetvā tasmiṃ naṭṭhe pacchā vighātaṃ āpajjantassa viya pacchā aggahetvā paritassanā hoti.
๓๒๑. น จ รูปวิปริณามานุปริวตฺตีติ ขีณาสวสฺส กมฺมวิญฺญาณเมว นตฺถิ, ตสฺมา รูปเภทานุปริวตฺติ น โหติฯ เสสํ สพฺพตฺถ อุตฺตานเมวาติฯ
321.Naca rūpavipariṇāmānuparivattīti khīṇāsavassa kammaviññāṇameva natthi, tasmā rūpabhedānuparivatti na hoti. Sesaṃ sabbattha uttānamevāti.
ปปญฺจสูทนิยา มชฺฌิมนิกายฎฺฐกถาย
Papañcasūdaniyā majjhimanikāyaṭṭhakathāya
อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uddesavibhaṅgasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตํ • 8. Uddesavibhaṅgasuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๘. อุเทฺทสวิภงฺคสุตฺตวณฺณนา • 8. Uddesavibhaṅgasuttavaṇṇanā