Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อุทาน-อฎฺฐกถา • Udāna-aṭṭhakathā

    ๒. อุทฺธตสุตฺตวณฺณนา

    2. Uddhatasuttavaṇṇanā

    ๓๒. ทุติเย กุสินารายนฺติ กุสินารายํ นาม มลฺลราชูนํ นคเรฯ อุปวตฺตเน มลฺลานํ สาลวเนติ ยถา หิ อนุราธปุรสฺส ถูปาราโม, เอวํ กุสินาราย อุยฺยานํ ทกฺขิณปจฺฉิมทิสาย โหติฯ ยถา ถูปารามโต ทกฺขิณทฺวาเรน นครปวิสนมโคฺค ปาจีนมุโข คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตติ, เอวํ อุยฺยานโต สาลปนฺติ ปาจีนมุขา คนฺตฺวา อุตฺตเรน นิวตฺตา, ตสฺมา ‘‘อุปวตฺตน’’นฺติ วุจฺจติฯ ตสฺมิํ อุปวตฺตเน มลฺลราชูนํ สาลวเนฯ อรญฺญกุฎิกายนฺติ สาลปนฺติยา อวิทูเร รุกฺขคจฺฉสญฺฉนฺนฎฺฐาเน กตา กุฎิกา, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ‘‘อรญฺญกุฎิกายํ วิหรตี’’ติฯ เต ปน ภิกฺขู ปฎิสงฺขานวิรหิตา โอสฺสฎฺฐวีริยา ปมตฺตวิหาริโน, เตน วุตฺตํ ‘‘อุทฺธตา’’ติอาทิฯ

    32. Dutiye kusinārāyanti kusinārāyaṃ nāma mallarājūnaṃ nagare. Upavattane mallānaṃ sālavaneti yathā hi anurādhapurassa thūpārāmo, evaṃ kusinārāya uyyānaṃ dakkhiṇapacchimadisāya hoti. Yathā thūpārāmato dakkhiṇadvārena nagarapavisanamaggo pācīnamukho gantvā uttarena nivattati, evaṃ uyyānato sālapanti pācīnamukhā gantvā uttarena nivattā, tasmā ‘‘upavattana’’nti vuccati. Tasmiṃ upavattane mallarājūnaṃ sālavane. Araññakuṭikāyanti sālapantiyā avidūre rukkhagacchasañchannaṭṭhāne katā kuṭikā, taṃ sandhāya vuttaṃ ‘‘araññakuṭikāyaṃ viharatī’’ti. Te pana bhikkhū paṭisaṅkhānavirahitā ossaṭṭhavīriyā pamattavihārino, tena vuttaṃ ‘‘uddhatā’’tiādi.

    ตตฺถ อุทฺธจฺจพหุลตฺตา อวูปสนฺตจิตฺตตาย อุทฺธตาฯ ตุจฺฉภาเวน มาโน นโฬ วิยาติ นโฬ, มานสงฺขาโต อุคฺคโต นโฬ เอเตสนฺติ อุนฺนฬา, อุคฺคตตุจฺฉมานาติ อโตฺถฯ ปตฺตจีวรมณฺฑนาทิจาปเลฺลน สมนฺนาคตตฺตา พหุกตาย วา จปลาฯ ผรุสวาจตาย มุเขน ขราติ มุขราฯ ติรจฺฉานกถาพหุลตาย วิกิณฺณา พฺยากุลา วาจา เอเตสนฺติ วิกิณฺณวาจาฯ มุฎฺฐา นฎฺฐา สติ เอเตสนฺติ มุฎฺฐสฺสติโน, สติวิรหิตา ปมาทวิหาริโนติ อโตฺถฯ สเพฺพน สพฺพํ สมฺปชญฺญาภาวโต อสมฺปชานาฯ คทฺทูหนมตฺตมฺปิ กาลํ จิตฺตสมาธานสฺส อภาวโต น สมาหิตาติ อสมาหิตาฯ โลลสภาวตฺตา ภนฺตมิคสปฺปฎิภาคตาย วิพฺภนฺตจิตฺตาฯ มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ อสํวรณโต อสญฺญตินฺทฺริยตาย ปากตินฺทฺริยา

    Tattha uddhaccabahulattā avūpasantacittatāya uddhatā. Tucchabhāvena māno naḷo viyāti naḷo, mānasaṅkhāto uggato naḷo etesanti unnaḷā, uggatatucchamānāti attho. Pattacīvaramaṇḍanādicāpallena samannāgatattā bahukatāya vā capalā. Pharusavācatāya mukhena kharāti mukharā. Tiracchānakathābahulatāya vikiṇṇā byākulā vācā etesanti vikiṇṇavācā. Muṭṭhā naṭṭhā sati etesanti muṭṭhassatino, sativirahitā pamādavihārinoti attho. Sabbena sabbaṃ sampajaññābhāvato asampajānā. Gaddūhanamattampi kālaṃ cittasamādhānassa abhāvato na samāhitāti asamāhitā. Lolasabhāvattā bhantamigasappaṭibhāgatāya vibbhantacittā. Manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ asaṃvaraṇato asaññatindriyatāya pākatindriyā.

    เอตมตฺถํ วิทิตฺวาติ เอตํ เตสํ ภิกฺขูนํ อุทฺธจฺจาทิวเสน ปมาทวิหารํ ชานิตฺวาฯ อิมํ อุทานนฺติ อิมํ ปมาทวิหาเร อปฺปมาทวิหาเร จ ยถากฺกมํ อาทีนวานิสํสวิภาวนํ อุทานํ อุทาเนสิฯ

    Etamatthaṃviditvāti etaṃ tesaṃ bhikkhūnaṃ uddhaccādivasena pamādavihāraṃ jānitvā. Imaṃ udānanti imaṃ pamādavihāre appamādavihāre ca yathākkamaṃ ādīnavānisaṃsavibhāvanaṃ udānaṃ udānesi.

    ตตฺถ อรกฺขิเตนาติ สติอารกฺขาภาเวน อคุเตฺตนฯ กาเยนาติ ฉวิญฺญาณกาเยน จกฺขุวิญฺญาเณน หิ รูปํ ทิสฺวา ตตฺถ นิมิตฺตานุพฺยญฺชนคฺคหณวเสน อภิชฺฌาทิปวตฺติโต วิญฺญาณทฺวารสฺส สติยา อรกฺขิตภาวโตฯ โสตวิญฺญาณาทีสุปิ เอเสว นโยฯ เอวํ ฉวิญฺญาณกายสฺส อรกฺขิตภาวํ สนฺธายาห ‘‘อรกฺขิเตน กาเยนา’’ติฯ เกจิ ปน ‘‘กาเยนา’’ติ อตฺถํ วทนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนเยเนว อตฺถโยชนาย สติ ยุเชฺชยฺยฯ อปเร ปน ‘‘อรกฺขิเตน จิเตฺตนา’’ติ ปฐนฺติ, เตสมฺปิ วุตฺตนโย เอว อโตฺถฯ มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตนาติ สสฺสตาทิมิจฺฉาภินิเวสทูสิเตนฯ ถินมิทฺธาภิภูเตนาติ จิตฺตสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน ถิเนน กายสฺส อกลฺยตาลกฺขเณน มิเทฺธน จ อโชฺฌตฺถเฎน, เตน กาเยน จิเตฺตนาติ วา สมฺพโนฺธฯ วสํ มารสฺส คจฺฉตีติ กิเลสมาราทิกสฺส สพฺพสฺสปิ มารสฺส วสํ ยถากามกรณียตํ อุปคจฺฉติ, เตสํ วิสยํ นาติกฺกมตีติ อโตฺถฯ

    Tattha arakkhitenāti satiārakkhābhāvena aguttena. Kāyenāti chaviññāṇakāyena cakkhuviññāṇena hi rūpaṃ disvā tattha nimittānubyañjanaggahaṇavasena abhijjhādipavattito viññāṇadvārassa satiyā arakkhitabhāvato. Sotaviññāṇādīsupi eseva nayo. Evaṃ chaviññāṇakāyassa arakkhitabhāvaṃ sandhāyāha ‘‘arakkhitena kāyenā’’ti. Keci pana ‘‘kāyenā’’ti atthaṃ vadanti, tesampi vuttanayeneva atthayojanāya sati yujjeyya. Apare pana ‘‘arakkhitena cittenā’’ti paṭhanti, tesampi vuttanayo eva attho. Micchādiṭṭhihatenāti sassatādimicchābhinivesadūsitena. Thinamiddhābhibhūtenāti cittassa akalyatālakkhaṇena thinena kāyassa akalyatālakkhaṇena middhena ca ajjhotthaṭena, tena kāyena cittenāti vā sambandho. Vasaṃ mārassa gacchatīti kilesamārādikassa sabbassapi mārassa vasaṃ yathākāmakaraṇīyataṃ upagacchati, tesaṃ visayaṃ nātikkamatīti attho.

    อิมาย หิ คาถาย ภควา เย สติอารกฺขาภาเวน สพฺพโส อรกฺขิตจิตฺตา, โยนิโสมนสิการสฺส เหตุภูตาย ปญฺญาย อภาวโต อโยนิโส อุมฺมุชฺชเนน นิจฺจนฺติอาทินา วิปริเยสคาหิโน, ตโต เอว กุสลกิริยาย วีริยารมฺภาภาวโต โกสชฺชาภิภูตา สํสารวฎฺฎโต สีสํ น อุกฺขิปิสฺสนฺตีติ เตสํ ภิกฺขูนํ ปมาทวิหารครหามุเขน วฎฺฎํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ วิวฎฺฎํ ทเสฺสตุํ, ‘‘ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสา’’ติ ทุติยคาถมาหฯ

    Imāya hi gāthāya bhagavā ye satiārakkhābhāvena sabbaso arakkhitacittā, yonisomanasikārassa hetubhūtāya paññāya abhāvato ayoniso ummujjanena niccantiādinā vipariyesagāhino, tato eva kusalakiriyāya vīriyārambhābhāvato kosajjābhibhūtā saṃsāravaṭṭato sīsaṃ na ukkhipissantīti tesaṃ bhikkhūnaṃ pamādavihāragarahāmukhena vaṭṭaṃ dassetvā idāni vivaṭṭaṃ dassetuṃ, ‘‘tasmā rakkhitacittassā’’ti dutiyagāthamāha.

    ตตฺถ ตสฺมา รกฺขิตจิตฺตสฺสาติ ยสฺมา อรกฺขิตจิโตฺต มารสฺส ยถากามกรณีโย หุตฺวา สํสาเรเยว โหติ, ตสฺมา สติสํวเรน มนจฺฉฎฺฐานํ อินฺทฺริยานํ รกฺขเณน ปิทหเนน รกฺขิตจิโตฺต อสฺสฯ จิเตฺต หิ รกฺขิเต จกฺขาทิอินฺทฺริยานิ รกฺขิตาเนว โหนฺตีติฯ สมฺมาสงฺกปฺปโคจโรติ ยสฺมา มิจฺฉาสงฺกปฺปโคจโร ตถา ตถา อโยนิโส วิตเกฺกตฺวา นานาวิธานิ มิจฺฉาทสฺสนานิ คณฺหโนฺต มิจฺฉาทิฎฺฐิหเตน จิเตฺตน มารสฺส ยถากามกรณีโย โหติ, ตสฺมา โยนิโสมนสิกาเรน กมฺมํ กโรโนฺต เนกฺขมฺมสงฺกปฺปาทิสมฺมาสงฺกปฺปโคจโร อสฺส, ฌานาทิสมฺปยุตฺตํ สมฺมาสงฺกปฺปเมว อตฺตโน จิตฺตสฺส ปวตฺติฎฺฐานํ กเรยฺยฯ สมฺมาทิฎฺฐิปุเรกฺขาโรติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรตาย วิธูตมิจฺฉาทสฺสโน ปุเรตรํเยว กมฺมสฺสกตาลกฺขณํ, ตโต ยถาภูตญาณลกฺขณญฺจ สมฺมาทิฎฺฐิํ ปุรโต กตฺวา ปุเพฺพ วุตฺตนเยเนว สีลสมาธีสุ ยุโตฺต ปยุโตฺต วิปสฺสนํ อารภิตฺวา สงฺขาเร สมฺมสโนฺต ญตฺวาน อุทยพฺพยํ ปญฺจสุ อุปาทานกฺขเนฺธสุ สมปญฺญาสาย อากาเรหิ อุปฺปาทนิโรธํ ววตฺถเปตฺวา อุทยพฺพยญาณมธิคนฺตฺวา ตโต ปรํ ภงฺคานุปสฺสนาทิวเสน วิปสฺสนํ อุสฺสุกฺกาเปตฺวา อนุกฺกเมน อริยมคฺคํ คณฺหโนฺต อคฺคมเคฺคน, ถินมิทฺธาภิภู ภิกฺขุ สพฺพา ทุคฺคติโย ชเหติ, เอวํ โส เหฎฺฐิมมคฺควชฺฌานํ กิเลสานํ ปฐมเมว ปหีนตฺตา ทิฎฺฐิวิปฺปยุตฺตโลภสหคตจิตฺตุปฺปาเทสุ อุปฺปชฺชนกถินมิทฺธานํ อธิคเตน อรหตฺตมเคฺคน สมุจฺฉินฺทนโต ตเทกฎฺฐานํ มานาทีนมฺปิ ปหีนตฺตา สพฺพโส ภินฺนกิเลโส ขีณาสโว ภิกฺขุ ติวิธทุกฺขตาโยเคน ทุคฺคติสงฺขาตา สพฺพาปิ คติโย อุจฺฉินฺนภวมูลตฺตา ชเห, ปชเหยฺยฯ ตาสํ ปรภาเค นิพฺพาเน ปติเฎฺฐยฺยาติ อโตฺถฯ

    Tattha tasmā rakkhitacittassāti yasmā arakkhitacitto mārassa yathākāmakaraṇīyo hutvā saṃsāreyeva hoti, tasmā satisaṃvarena manacchaṭṭhānaṃ indriyānaṃ rakkhaṇena pidahanena rakkhitacitto assa. Citte hi rakkhite cakkhādiindriyāni rakkhitāneva hontīti. Sammāsaṅkappagocaroti yasmā micchāsaṅkappagocaro tathā tathā ayoniso vitakketvā nānāvidhāni micchādassanāni gaṇhanto micchādiṭṭhihatena cittena mārassa yathākāmakaraṇīyo hoti, tasmā yonisomanasikārena kammaṃ karonto nekkhammasaṅkappādisammāsaṅkappagocaro assa, jhānādisampayuttaṃ sammāsaṅkappameva attano cittassa pavattiṭṭhānaṃ kareyya. Sammādiṭṭhipurekkhāroti sammāsaṅkappagocaratāya vidhūtamicchādassano puretaraṃyeva kammassakatālakkhaṇaṃ, tato yathābhūtañāṇalakkhaṇañca sammādiṭṭhiṃ purato katvā pubbe vuttanayeneva sīlasamādhīsu yutto payutto vipassanaṃ ārabhitvā saṅkhāre sammasanto ñatvāna udayabbayaṃ pañcasu upādānakkhandhesu samapaññāsāya ākārehi uppādanirodhaṃ vavatthapetvā udayabbayañāṇamadhigantvā tato paraṃ bhaṅgānupassanādivasena vipassanaṃ ussukkāpetvā anukkamena ariyamaggaṃ gaṇhanto aggamaggena, thinamiddhābhibhū bhikkhu sabbā duggatiyo jaheti, evaṃ so heṭṭhimamaggavajjhānaṃ kilesānaṃ paṭhamameva pahīnattā diṭṭhivippayuttalobhasahagatacittuppādesu uppajjanakathinamiddhānaṃ adhigatena arahattamaggena samucchindanato tadekaṭṭhānaṃ mānādīnampi pahīnattā sabbaso bhinnakileso khīṇāsavo bhikkhu tividhadukkhatāyogena duggatisaṅkhātā sabbāpi gatiyo ucchinnabhavamūlattā jahe, pajaheyya. Tāsaṃ parabhāge nibbāne patiṭṭheyyāti attho.

    ทุติยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Dutiyasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อุทานปาฬิ • Udānapāḷi / ๒. อุทฺธตสุตฺตํ • 2. Uddhatasuttaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact