Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā |
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
๔๗๑. เตน สมเยน พุโทฺธ ภควาติ อุโทสิตสิกฺขาปทํฯ ตตฺถ สนฺตรุตฺตเรนาติ อนฺตรนฺติ อนฺตรวาสโก วุจฺจติ, อุตฺตรนฺติ อุตฺตราสโงฺค, สห อนฺตเรน อุตฺตรํ สนฺตรุตฺตรํ, เตน สนฺตรุตฺตเรน, สห อนฺตรวาสเกน อุตฺตราสเงฺคนาติ อโตฺถฯ กณฺณกิตานีติ เสเทน ผุโฎฺฐกาเสสุ สญฺชาตกาฬเสตมณฺฑลานิฯ อทฺทส โข อายสฺมา อานโนฺท เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑโนฺตติ เถโร กิร ภควติ ทิวา ปฎิสลฺลานตฺถาย คนฺธกุฎิํ ปวิเฎฺฐ ตํ โอกาสํ ลภิตฺวา ทุนฺนิกฺขิตฺตานิ ทารุภณฺฑมตฺติกาภณฺฑานิ ปฎิสาเมโนฺต อสมฺมฎฺฐฎฺฐานํ สมฺมชฺชโนฺต คิลาเนหิ ภิกฺขูหิ สทฺธิํ ปฎิสนฺถารํ กโรโนฺต เตสํ ภิกฺขูนํ เสนาสนฎฺฐานํ สมฺปโตฺต อทฺทสฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อทฺทส โข อายสฺมา อานโนฺท เสนาสนจาริกํ อาหิณฺฑโนฺต’’ติฯ
471.Tenasamayena buddho bhagavāti udositasikkhāpadaṃ. Tattha santaruttarenāti antaranti antaravāsako vuccati, uttaranti uttarāsaṅgo, saha antarena uttaraṃ santaruttaraṃ, tena santaruttarena, saha antaravāsakena uttarāsaṅgenāti attho. Kaṇṇakitānīti sedena phuṭṭhokāsesu sañjātakāḷasetamaṇḍalāni. Addasa kho āyasmā ānando senāsanacārikaṃ āhiṇḍantoti thero kira bhagavati divā paṭisallānatthāya gandhakuṭiṃ paviṭṭhe taṃ okāsaṃ labhitvā dunnikkhittāni dārubhaṇḍamattikābhaṇḍāni paṭisāmento asammaṭṭhaṭṭhānaṃ sammajjanto gilānehi bhikkhūhi saddhiṃ paṭisanthāraṃ karonto tesaṃ bhikkhūnaṃ senāsanaṭṭhānaṃ sampatto addasa. Tena vuttaṃ – ‘‘addasa kho āyasmā ānando senāsanacārikaṃ āhiṇḍanto’’ti.
๔๗๓. อวิปฺปวาสสมฺมุติํ ทาตุนฺติ อวิปฺปวาเส สมฺมุติ อวิปฺปวาสสมฺมุติ, อวิปฺปวาสาย วา สมฺมุติ อวิปฺปวาสสมฺมุติฯ โก ปเนตฺถ อานิสํโส? เยน จีวเรน วิปฺปวสติ, ตํ นิสฺสคฺคิยํ น โหติ, อาปตฺติญฺจ นาปชฺชติฯ กิตฺตกํ กาลํ? มหาสุมเตฺถโร ตาว อาห – ‘‘ยาว โรโค น วูปสมติ, วูปสเนฺต ปน โรเค สีฆํ จีวรฎฺฐานํ อาคนฺตพฺพ’’นฺติ ฯ มหาปทุมเตฺถโร อาห – ‘‘สีฆํ อาคจฺฉโต โรโค ปฎิกุเปฺปยฺย, ตสฺมา สณิกํ อาคนฺตพฺพํฯ ยโต ปฎฺฐาย หิ สตฺถํ วา ปริเยสติ, ‘คจฺฉามี’ติ อาโภคํ วา กโรติ, ตโต ปฎฺฐาย วฎฺฎติฯ ‘น ทานิ คมิสฺสามี’ติ เอวํ ปน ธุรนิเกฺขปํ กโรเนฺตน ปจฺจุทฺธริตพฺพํ, อติเรกจีวรฎฺฐาเน ฐสฺสตี’’ติฯ สเจ ปนสฺส โรโค ปฎิกุปฺปติ, กิํ กาตพฺพนฺติ? ผุสฺสเทวเตฺถโร ตาว อาห – ‘‘สเจ โสเยว โรโค ปฎิกุปฺปติ, สา เอว สมฺมุติ, ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถิฯ อถโญฺญ กุปฺปติ, ปุน ทาตพฺพา สมฺมุตี’’ติฯ อุปติสฺสเตฺถโร อาห – ‘‘โส วา โรโค โหตุ, อโญฺญ วา ปุน สมฺมุติทานกิจฺจํ นตฺถี’’ติฯ
473.Avippavāsasammutiṃ dātunti avippavāse sammuti avippavāsasammuti, avippavāsāya vā sammuti avippavāsasammuti. Ko panettha ānisaṃso? Yena cīvarena vippavasati, taṃ nissaggiyaṃ na hoti, āpattiñca nāpajjati. Kittakaṃ kālaṃ? Mahāsumatthero tāva āha – ‘‘yāva rogo na vūpasamati, vūpasante pana roge sīghaṃ cīvaraṭṭhānaṃ āgantabba’’nti . Mahāpadumatthero āha – ‘‘sīghaṃ āgacchato rogo paṭikuppeyya, tasmā saṇikaṃ āgantabbaṃ. Yato paṭṭhāya hi satthaṃ vā pariyesati, ‘gacchāmī’ti ābhogaṃ vā karoti, tato paṭṭhāya vaṭṭati. ‘Na dāni gamissāmī’ti evaṃ pana dhuranikkhepaṃ karontena paccuddharitabbaṃ, atirekacīvaraṭṭhāne ṭhassatī’’ti. Sace panassa rogo paṭikuppati, kiṃ kātabbanti? Phussadevatthero tāva āha – ‘‘sace soyeva rogo paṭikuppati, sā eva sammuti, puna sammutidānakiccaṃ natthi. Athañño kuppati, puna dātabbā sammutī’’ti. Upatissatthero āha – ‘‘so vā rogo hotu, añño vā puna sammutidānakiccaṃ natthī’’ti.
๔๗๕-๖. นิฎฺฐิตจีวรสฺมิํ ภิกฺขุนาติ อิธ ปน ปุริมสิกฺขาปเท วิย อตฺถํ อคฺคเหตฺวา นิฎฺฐิเต จีวรสฺมิํ ภิกฺขุโนติ เอวํ สามิวเสน กรณวจนสฺส อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ กรณวเสน หิ ภิกฺขุนา อิทํ นาม กาตพฺพนฺติ นตฺถิฯ สามิวเสน ปน ภิกฺขุโน จีวรสฺมิํ นิฎฺฐิเต กถิเน จ อุพฺภเต เอวํ ฉินฺนปลิโพโธ เอกรตฺตมฺปิ เจ ภิกฺขุ ติจีวเรน วิปฺปวเสยฺยาติ เอวํ อโตฺถ ยุชฺชติฯ ตตฺถ ติจีวเรนาติ อธิฎฺฐิเตสุ ตีสุ จีวเรสุ เยน เกนจิฯ เอเกน วิปฺปวุโตฺถปิ หิ ติจีวเรน วิปฺปวุโตฺถ โหติ, ปฎิสิทฺธปริยาปเนฺนน วิปฺปวุตฺถตฺตาฯ เตเนวสฺส ปทภาชเน ‘‘สงฺฆาฎิยา วา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ วิปฺปวเสยฺยาติ วิปฺปยุโตฺต วเสยฺยฯ
475-6.Niṭṭhitacīvarasmiṃ bhikkhunāti idha pana purimasikkhāpade viya atthaṃ aggahetvā niṭṭhite cīvarasmiṃ bhikkhunoti evaṃ sāmivasena karaṇavacanassa attho veditabbo. Karaṇavasena hi bhikkhunā idaṃ nāma kātabbanti natthi. Sāmivasena pana bhikkhuno cīvarasmiṃ niṭṭhite kathine ca ubbhate evaṃ chinnapalibodho ekarattampi ce bhikkhu ticīvarena vippavaseyyāti evaṃ attho yujjati. Tattha ticīvarenāti adhiṭṭhitesu tīsu cīvaresu yena kenaci. Ekena vippavutthopi hi ticīvarena vippavuttho hoti, paṭisiddhapariyāpannena vippavutthattā. Tenevassa padabhājane ‘‘saṅghāṭiyā vā’’tiādi vuttaṃ. Vippavaseyyāti vippayutto vaseyya.
๔๗๗-๘. คาโม เอกูปจาโรติอาทิ อวิปฺปวาสลกฺขณววตฺถาปนตฺถํ วุตฺตํฯ ตโต ปรํ ยถากฺกเมน ตาเนว ปนฺนรส มาติกาปทานิ วิตฺถาเรโนฺต ‘‘คาโม เอกูปจาโร นามา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอกกุลสฺส คาโมติ เอกสฺส รโญฺญ วา โภชกสฺส วา คาโมฯ ปริกฺขิโตฺตติ เยน เกนจิ ปากาเรน วา วติยา วา ปริกฺขาย วา ปริกฺขิโตฺตฯ เอตฺตาวตา เอกกุลคามสฺส เอกูปจารตา ทสฺสิตาฯ อโนฺตคาเม วตฺถพฺพนฺติ เอวรูเป คาเม จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา คามพฺภนฺตเร ยถารุจิเต ฐาเน อรุณํ อุฎฺฐาเปตุํ วฎฺฎติฯ อปริกฺขิโตฺตติ อิมินา ตเสฺสว คามสฺส นานูปจารตา ทสฺสิตาฯ เอวรูเป คาเม ยสฺมิํ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตตฺถ วตฺถพฺพํฯ หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพนฺติ อถ วา ตํ ฆรํ สมนฺตโต หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํ, อฑฺฒเตยฺยรตนปฺปมาณปฺปเทสา อุทฺธํ น วิชหิตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อฑฺฒเตยฺยรตนพฺภนฺตเร ปน วตฺถุํ วฎฺฎติฯ ตํ ปมาณํ อติกฺกมิตฺวา สเจปิ อิทฺธิมา ภิกฺขู อากาเส อรุณํ อุฎฺฐาเปติ, นิสฺสคฺคิยเมว โหติฯ เอตฺถ จ ยสฺมิํ ฆเรติ ฆรปริเจฺฉโท ‘‘เอกกุลสฺส นิเวสนํ โหตี’’ติอาทินา (ปารา. ๔๘๐) ลกฺขเณน เวทิตโพฺพฯ
477-8.Gāmo ekūpacārotiādi avippavāsalakkhaṇavavatthāpanatthaṃ vuttaṃ. Tato paraṃ yathākkamena tāneva pannarasa mātikāpadāni vitthārento ‘‘gāmo ekūpacāro nāmā’’tiādimāha. Tattha ekakulassa gāmoti ekassa rañño vā bhojakassa vā gāmo. Parikkhittoti yena kenaci pākārena vā vatiyā vā parikkhāya vā parikkhitto. Ettāvatā ekakulagāmassa ekūpacāratā dassitā. Antogāme vatthabbanti evarūpe gāme cīvaraṃ nikkhipitvā gāmabbhantare yathārucite ṭhāne aruṇaṃ uṭṭhāpetuṃ vaṭṭati. Aparikkhittoti iminā tasseva gāmassa nānūpacāratā dassitā. Evarūpe gāme yasmiṃ ghare cīvaraṃ nikkhittaṃ, tattha vatthabbaṃ. Hatthapāsā vā na vijahitabbanti atha vā taṃ gharaṃ samantato hatthapāsā na vijahitabbaṃ, aḍḍhateyyaratanappamāṇappadesā uddhaṃ na vijahitabbanti vuttaṃ hoti. Aḍḍhateyyaratanabbhantare pana vatthuṃ vaṭṭati. Taṃ pamāṇaṃ atikkamitvā sacepi iddhimā bhikkhū ākāse aruṇaṃ uṭṭhāpeti, nissaggiyameva hoti. Ettha ca yasmiṃ ghareti gharaparicchedo ‘‘ekakulassa nivesanaṃ hotī’’tiādinā (pārā. 480) lakkhaṇena veditabbo.
๔๗๙. นานากุลสฺส คาโมติ นานาราชูนํ วา โภชกานํ วา คาโม, เวสาลิกุสินาราทิสทิโสฯ ปริกฺขิโตฺตติ อิมินา นานากุลคามสฺส เอกูปจารตา ทสฺสิตาฯ สภาเย วา ทฺวารมูเล วาติ เอตฺถ สภายนฺติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน สภา วุตฺตาฯ ทฺวารมูเลติ นครทฺวารสฺส สมีเปฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – เอวรูเป คาเม ยสฺมิํ ฆเร จีวรํ นิกฺขิตฺตํ, ตตฺถ วา วตฺถพฺพํฯ ตตฺถ สทฺทสงฺฆฎฺฎเนน วา ชนสมฺพาเธน วา วสิตุํ อสโกฺกเนฺตน สภาเย วา วตฺถพฺพํ นครทฺวารมูเล วาฯ ตตฺรปิ วสิตุํ อสโกฺกเนฺตน ยตฺถ กตฺถจิ ผาสุกฎฺฐาเน วสิตฺวา อโนฺตอรุเณ อาคมฺม เตสํเยว สภายทฺวารมูลานํ หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ ฆรสฺส ปน จีวรสฺส วา หตฺถปาเส วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ
479.Nānākulassagāmoti nānārājūnaṃ vā bhojakānaṃ vā gāmo, vesālikusinārādisadiso. Parikkhittoti iminā nānākulagāmassa ekūpacāratā dassitā. Sabhāye vā dvāramūle vāti ettha sabhāyanti liṅgabyattayena sabhā vuttā. Dvāramūleti nagaradvārassa samīpe. Idaṃ vuttaṃ hoti – evarūpe gāme yasmiṃ ghare cīvaraṃ nikkhittaṃ, tattha vā vatthabbaṃ. Tattha saddasaṅghaṭṭanena vā janasambādhena vā vasituṃ asakkontena sabhāye vā vatthabbaṃ nagaradvāramūle vā. Tatrapi vasituṃ asakkontena yattha katthaci phāsukaṭṭhāne vasitvā antoaruṇe āgamma tesaṃyeva sabhāyadvāramūlānaṃ hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ. Gharassa pana cīvarassa vā hatthapāse vattabbameva natthi.
สภายํ คจฺฉเนฺตน หตฺถปาเส จีวรํ นิกฺขิปิตฺวาติ สเจ ฆเร อฎฺฐเปตฺวา สภาเย ฐเปสฺสามีติ สภายํ คจฺฉติ, เตน สภายํ คจฺฉเนฺตน หตฺถปาเสติ หตฺถํ ปสาเรตฺวา ‘‘หนฺทิมํ จีวรํ ฐเปมี’’ติ เอวํ นิเกฺขปสุเข หตฺถปาสคเต กิสฺมิญฺจิ อาปเณ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา ปุริมนเยเนว สภาเย วา วตฺถพฺพํ ทฺวารมูเล วา, หตฺถปาสา วา น วิชหิตพฺพํฯ
Sabhāyaṃ gacchantena hatthapāse cīvaraṃ nikkhipitvāti sace ghare aṭṭhapetvā sabhāye ṭhapessāmīti sabhāyaṃ gacchati, tena sabhāyaṃ gacchantena hatthapāseti hatthaṃ pasāretvā ‘‘handimaṃ cīvaraṃ ṭhapemī’’ti evaṃ nikkhepasukhe hatthapāsagate kismiñci āpaṇe cīvaraṃ nikkhipitvā purimanayeneva sabhāye vā vatthabbaṃ dvāramūle vā, hatthapāsā vā na vijahitabbaṃ.
ตตฺรายํ วินิจฺฉโย – ผุสฺสเทวเตฺถโร ตาว อาห – ‘‘จีวรหตฺถปาเส วสิตพฺพํ นตฺถิ, ยตฺถ กตฺถจิ วีถิหตฺถปาเสปิ สภายหตฺถปาเสปิ ทฺวารหตฺถปาเสปิ วสิตุํ วฎฺฎตี’’ติฯ อุปติสฺสเตฺถโร ปนาห – ‘‘นครสฺส พหูนิปิ ทฺวารานิ โหนฺติ พหูนิปิ สภายานิ, ตสฺมา สพฺพตฺถ น วฎฺฎติฯ ยสฺสา ปน วีถิยา จีวรํ ฐปิตํ ยํ ตสฺสา สมฺมุขฎฺฐาเน สภายญฺจ ทฺวารญฺจ ตสฺส สภายสฺส จ ทฺวารสฺส จ หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพํฯ เอวญฺหิ สติ สกฺกา จีวรสฺส ปวตฺติ ชานิตุ’’นฺติฯ สภายํ ปน คจฺฉเนฺตน ยสฺส อาปณิกสฺส หเตฺถ นิกฺขิตฺตํ, สเจ โส ตํ จีวรํ อติหริตฺวา ฆเร นิกฺขิปติ, วีถิหตฺถปาโส น รกฺขติ, ฆรสฺส หตฺถปาเส วตฺถพฺพํฯ สเจ มหนฺตํ ฆรํ โหติ, เทฺว วีถิโย ผริตฺวา ฐิตํ ปุรโต วา ปจฺฉโต วา หตฺถปาเสเยว อรุณํ อุฎฺฐาเปตพฺพํฯ สภาเย นิกฺขิปิตฺวา ปน สภาเย วา ตสฺส สมฺมุเข นครทฺวารมูเล วา เตสํเยว หตฺถปาเส วา อรุณํ อุฎฺฐาเปตพฺพํฯ
Tatrāyaṃ vinicchayo – phussadevatthero tāva āha – ‘‘cīvarahatthapāse vasitabbaṃ natthi, yattha katthaci vīthihatthapāsepi sabhāyahatthapāsepi dvārahatthapāsepi vasituṃ vaṭṭatī’’ti. Upatissatthero panāha – ‘‘nagarassa bahūnipi dvārāni honti bahūnipi sabhāyāni, tasmā sabbattha na vaṭṭati. Yassā pana vīthiyā cīvaraṃ ṭhapitaṃ yaṃ tassā sammukhaṭṭhāne sabhāyañca dvārañca tassa sabhāyassa ca dvārassa ca hatthapāsā na vijahitabbaṃ. Evañhi sati sakkā cīvarassa pavatti jānitu’’nti. Sabhāyaṃ pana gacchantena yassa āpaṇikassa hatthe nikkhittaṃ, sace so taṃ cīvaraṃ atiharitvā ghare nikkhipati, vīthihatthapāso na rakkhati, gharassa hatthapāse vatthabbaṃ. Sace mahantaṃ gharaṃ hoti, dve vīthiyo pharitvā ṭhitaṃ purato vā pacchato vā hatthapāseyeva aruṇaṃ uṭṭhāpetabbaṃ. Sabhāye nikkhipitvā pana sabhāye vā tassa sammukhe nagaradvāramūle vā tesaṃyeva hatthapāse vā aruṇaṃ uṭṭhāpetabbaṃ.
อปริกฺขิโตฺตติอิมินา ตเสฺสว คามสฺส นานูปจารตา ทสฺสิตาฯ เอเตเนวุปาเยน สพฺพตฺถ เอกูปจารตา จ นานูปจารตา จ เวทิตพฺพาฯ ปาฬิยํ ปน ‘‘คาโม เอกูปจาโร นามา’’ติ เอวํ อาทิมฺหิ ‘‘อโชฺฌกาโส เอกูปจาโร นามา’’ติ เอวํ อเนฺต จ เอกเมว มาติกาปทํ อุทฺธริตฺวา ปทภาชนํ วิตฺถาริตํฯ ตสฺมา ตเสฺสว ปทสฺสานุสาเรน สพฺพตฺถ ปริเกฺขปาทิวเสน เอกูปจารตา จ นานูปจารตา จ เวทิตพฺพาฯ
Aparikkhittotiiminā tasseva gāmassa nānūpacāratā dassitā. Etenevupāyena sabbattha ekūpacāratā ca nānūpacāratā ca veditabbā. Pāḷiyaṃ pana ‘‘gāmo ekūpacāro nāmā’’ti evaṃ ādimhi ‘‘ajjhokāso ekūpacāro nāmā’’ti evaṃ ante ca ekameva mātikāpadaṃ uddharitvā padabhājanaṃ vitthāritaṃ. Tasmā tasseva padassānusārena sabbattha parikkhepādivasena ekūpacāratā ca nānūpacāratā ca veditabbā.
๔๘๐-๑. นิเวสนาทีสุ โอวรกาติ คพฺภานํเยเวตํ ปริยายวจนํฯ หตฺถปาสา วาติ คพฺภสฺส หตฺถปาสาฯ ทฺวารมูเล วาติ สเพฺพสํ สาธารเณ ฆรทฺวารมูเลฯ หตฺถปาสา วาติ คพฺภสฺส วา ฆรทฺวารมูลสฺส วา หตฺถปาสาฯ
480-1.Nivesanādīsuovarakāti gabbhānaṃyevetaṃ pariyāyavacanaṃ. Hatthapāsā vāti gabbhassa hatthapāsā. Dvāramūle vāti sabbesaṃ sādhāraṇe gharadvāramūle. Hatthapāsā vāti gabbhassa vā gharadvāramūlassa vā hatthapāsā.
๔๘๒-๗. อุโทสิโตติ ยานาทีนํ ภณฺฑานํ สาลาฯ อิโต ปฎฺฐาย จ นิเวสเน วุตฺตนเยเนว วินิจฺฉโย เวทิตโพฺพฯ อโฎฺฎติ ปฎิราชาทิปฎิพาหนตฺถํ อิฎฺฐกาหิ กโต พหลภิตฺติโก จตุปญฺจภูมิโก ปติสฺสยวิเสโสฯ มาโฬติ เอกกูฎสงฺคหิโต จตุรสฺสปาสาโทฯ ปาสาโทติ ทีฆปาสาโทฯ หมฺมิยนฺติ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทฯ
482-7.Udositoti yānādīnaṃ bhaṇḍānaṃ sālā. Ito paṭṭhāya ca nivesane vuttanayeneva vinicchayo veditabbo. Aṭṭoti paṭirājādipaṭibāhanatthaṃ iṭṭhakāhi kato bahalabhittiko catupañcabhūmiko patissayaviseso. Māḷoti ekakūṭasaṅgahito caturassapāsādo. Pāsādoti dīghapāsādo. Hammiyanti muṇḍacchadanapāsādo.
๔๘๙. สตฺตพฺภนฺตราติเอตฺถ เอกํ อพฺภนฺตรํ อฎฺฐวีสติหตฺถํ โหติฯ สเจ สโตฺถ คจฺฉโนฺต คามํ วา นทิํ วา ปริยาทิยิตฺวา ติฎฺฐติ อโนฺตปวิเฎฺฐน สทฺธิํ เอกาพโทฺธ หุตฺวา โอรญฺจ ปารญฺจ ผริตฺวา ฐิโต โหติ, สตฺถปริหาโรว ลพฺภติฯ อถ คาเม วา นทิยา วา ปริยาปโนฺน โหติ อโนฺตปวิโฎฺฐ , คามปริหาโร เจว นทีปริหาโร จ ลพฺภติฯ สเจ วิหารสีมํ อติกฺกมิตฺวา ติฎฺฐติ, อโนฺตสีมาย จ จีวรํ โหติ, วิหารํ คนฺตฺวา วสิตพฺพํฯ สเจ พหิสีมาย จีวรํ โหติ สตฺถสมีเปเยว วสิตพฺพํฯ สเจ คจฺฉโนฺต สกเฎ วา ภเคฺค โคเณ วา นเฎฺฐ อนฺตรา ฉิชฺชติ, ยสฺมิํ โกฎฺฐาเส จีวรํ ตตฺถ วสิตพฺพํฯ
489.Sattabbhantarātiettha ekaṃ abbhantaraṃ aṭṭhavīsatihatthaṃ hoti. Sace sattho gacchanto gāmaṃ vā nadiṃ vā pariyādiyitvā tiṭṭhati antopaviṭṭhena saddhiṃ ekābaddho hutvā orañca pārañca pharitvā ṭhito hoti, satthaparihārova labbhati. Atha gāme vā nadiyā vā pariyāpanno hoti antopaviṭṭho , gāmaparihāro ceva nadīparihāro ca labbhati. Sace vihārasīmaṃ atikkamitvā tiṭṭhati, antosīmāya ca cīvaraṃ hoti, vihāraṃ gantvā vasitabbaṃ. Sace bahisīmāya cīvaraṃ hoti satthasamīpeyeva vasitabbaṃ. Sace gacchanto sakaṭe vā bhagge goṇe vā naṭṭhe antarā chijjati, yasmiṃ koṭṭhāse cīvaraṃ tattha vasitabbaṃ.
๔๙๐. เอกกุลสฺส เขเตฺต หตฺถปาโส นาม จีวรหตฺถปาโสเยว, นานากุลสฺส เขเตฺต หตฺถปาโส นาม เขตฺตทฺวารสฺส หตฺถปาโสฯ อปริกฺขิเตฺต จีวรเสฺสว หตฺถปาโสฯ
490. Ekakulassa khette hatthapāso nāma cīvarahatthapāsoyeva, nānākulassa khette hatthapāso nāma khettadvārassa hatthapāso. Aparikkhitte cīvarasseva hatthapāso.
๔๙๑-๔. ธญฺญกรณนฺติ ขลํ วุจฺจติฯ อาราโมติ ปุปฺผาราโม วา ผลาราโม วาฯ ทฺวีสุปิ เขเตฺต วุตฺตสทิโสว วินิจฺฉโยฯ วิหาโร นิเวสนสทิโสฯ รุกฺขมูเล อโนฺตฉายายนฺติ ฉายาย ผุโฎฺฐกาสสฺส อโนฺต เอวฯ วิรฬสาขสฺส ปน รุกฺขสฺส อาตเปน ผุโฎฺฐกาเส ฐปิตํ นิสฺสคฺคิยเมว โหติ, ตสฺมา ตาทิสสฺส สาขาจฺฉายาย วา ขนฺธจฺฉายาย วา ฐเปตพฺพํฯ สเจ สาขาย วา วิฎเป วา ฐเปติ, อุปริ อญฺญสาขาจฺฉายาย ผุโฎฺฐกาเสเยว ฐเปตพฺพํฯ ขุชฺชรุกฺขสฺส ฉายา ทูรํ คจฺฉติ, ฉายาย คตฎฺฐาเน ฐเปตุํ วฎฺฎติเยวฯ อิธาปิ หตฺถปาโส จีวรหตฺถปาโสเยวฯ
491-4.Dhaññakaraṇanti khalaṃ vuccati. Ārāmoti pupphārāmo vā phalārāmo vā. Dvīsupi khette vuttasadisova vinicchayo. Vihāro nivesanasadiso. Rukkhamūle antochāyāyanti chāyāya phuṭṭhokāsassa anto eva. Viraḷasākhassa pana rukkhassa ātapena phuṭṭhokāse ṭhapitaṃ nissaggiyameva hoti, tasmā tādisassa sākhācchāyāya vā khandhacchāyāya vā ṭhapetabbaṃ. Sace sākhāya vā viṭape vā ṭhapeti, upari aññasākhācchāyāya phuṭṭhokāseyeva ṭhapetabbaṃ. Khujjarukkhassa chāyā dūraṃ gacchati, chāyāya gataṭṭhāne ṭhapetuṃ vaṭṭatiyeva. Idhāpi hatthapāso cīvarahatthapāsoyeva.
อคามเก อรเญฺญติ อคามกํ นาม อรญฺญํ วิญฺฌาฎวีอาทีสุ วา สมุทฺทมเชฺฌ วา มจฺฉพนฺธานํ อคมนปเถ ทีปเกสุ ลพฺภติฯ สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตราติ มเชฺฌ ฐิตสฺส สมตฺตา สพฺพทิสาสุ สตฺตพฺภนฺตรา, วินิเพฺพเธน จุทฺทส โหนฺติฯ มเชฺฌ นิสิโนฺน ปุรตฺถิมาย วา ปจฺฉิมาย วา ทิสาย ปริยเนฺต ฐปิตจีวรํ รกฺขติฯ สเจ ปน อรุณุคฺคมนสมเย เกสคฺคมตฺตมฺปิ ปุรตฺถิมํ ทิสํ คจฺฉติ, ปจฺฉิมาย ทิสาย จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติฯ เอส นโย อิตรสฺมิํฯ อุโปสถกาเล ปน ปริสปริยเนฺต นิสินฺนภิกฺขุโต ปฎฺฐาย สตฺตพฺภนฺตรสีมา โสเธตพฺพาฯ ยตฺตกํ ภิกฺขุสโงฺฆ วฑฺฒติ, สีมาปิ ตตฺตกํ วฑฺฒติฯ
Agāmake araññeti agāmakaṃ nāma araññaṃ viñjhāṭavīādīsu vā samuddamajjhe vā macchabandhānaṃ agamanapathe dīpakesu labbhati. Samantā sattabbhantarāti majjhe ṭhitassa samattā sabbadisāsu sattabbhantarā, vinibbedhena cuddasa honti. Majjhe nisinno puratthimāya vā pacchimāya vā disāya pariyante ṭhapitacīvaraṃ rakkhati. Sace pana aruṇuggamanasamaye kesaggamattampi puratthimaṃ disaṃ gacchati, pacchimāya disāya cīvaraṃ nissaggiyaṃ hoti. Esa nayo itarasmiṃ. Uposathakāle pana parisapariyante nisinnabhikkhuto paṭṭhāya sattabbhantarasīmā sodhetabbā. Yattakaṃ bhikkhusaṅgho vaḍḍhati, sīmāpi tattakaṃ vaḍḍhati.
๔๙๕. อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุญฺชติ อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสาติ เอตฺถ สเจ ปธานิโก ภิกฺขุ สพฺพรตฺติํ ปธานมนุยุญฺชิตฺวา ปจฺจุสสมเย ‘‘นฺหายิสฺสามี’’ติ ตีณิปิ จีวรานิ ตีเร ฐเปตฺวา นทิํ โอตรติ, นฺหายนฺตเสฺสว จสฺส อรุณํ อุฎฺฐหติ, กิํ กาตพฺพํฯ โส หิ ยทิ อุตฺตริตฺวา จีวรํ นิวาเสติ, นิสฺสคฺคิยจีวรํ อนิสฺสชฺชิตฺวา ปริภุญฺชนปจฺจยา ทุกฺกฎํ อาปชฺชติฯ อถ นโคฺค คจฺฉติ, เอวมฺปิ ทุกฺกฎํ อาปชฺชตีติ? น อาปชฺชติฯ โส หิ ยาว อญฺญํ ภิกฺขุํ ทิสฺวา วินยกมฺมํ น กโรติ, ตาว เตสํ จีวรานํ อปริโภคารหตฺตา นฎฺฐจีวรฎฺฐาเน ฐิโต โหติฯ นฎฺฐจีวรสฺส จ อกปฺปิยํ นาม นตฺถิฯ ตสฺมา เอกํ นิวาเสตฺวา เทฺว หเตฺถน คเหตฺวา วิหารํ คนฺตฺวา วินยกมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ ทูเร วิหาโร โหติ, อนฺตรามเคฺค มนุสฺสา สญฺจรนฺติฯ เอกํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา เอกํ อํสกูเฎ ฐเปตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ วิหาเร สภาคภิกฺขู น ปสฺสติ, ภิกฺขาจารํ คตา โหนฺติ, สงฺฆาฎิํ พหิคาเม ฐเปตฺวา สนฺตรุตฺตเรน อาสนสาลํ คนฺตฺวา วินยกมฺมํ กาตพฺพํฯ สเจ พหิคาเม โจรภยํ โหติ, ปารุปิตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ อาสนสาลา สมฺพาธา โหติ ชนากิณฺณา, น สกฺกา เอกมเนฺต จีวรํ อปเนตฺวา วินยกมฺมํ กาตุํ, เอกํ ภิกฺขุํ อาทาย พหิคามํ คนฺตฺวา วินยกมฺมํ กตฺวา จีวรานิ ปริภุญฺชิตพฺพานิฯ
495.Anissajjitvā paribhuñjati āpatti dukkaṭassāti ettha sace padhāniko bhikkhu sabbarattiṃ padhānamanuyuñjitvā paccusasamaye ‘‘nhāyissāmī’’ti tīṇipi cīvarāni tīre ṭhapetvā nadiṃ otarati, nhāyantasseva cassa aruṇaṃ uṭṭhahati, kiṃ kātabbaṃ. So hi yadi uttaritvā cīvaraṃ nivāseti, nissaggiyacīvaraṃ anissajjitvā paribhuñjanapaccayā dukkaṭaṃ āpajjati. Atha naggo gacchati, evampi dukkaṭaṃ āpajjatīti? Na āpajjati. So hi yāva aññaṃ bhikkhuṃ disvā vinayakammaṃ na karoti, tāva tesaṃ cīvarānaṃ aparibhogārahattā naṭṭhacīvaraṭṭhāne ṭhito hoti. Naṭṭhacīvarassa ca akappiyaṃ nāma natthi. Tasmā ekaṃ nivāsetvā dve hatthena gahetvā vihāraṃ gantvā vinayakammaṃ kātabbaṃ. Sace dūre vihāro hoti, antarāmagge manussā sañcaranti. Ekaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā ekaṃ aṃsakūṭe ṭhapetvā gantabbaṃ. Sace vihāre sabhāgabhikkhū na passati, bhikkhācāraṃ gatā honti, saṅghāṭiṃ bahigāme ṭhapetvā santaruttarena āsanasālaṃ gantvā vinayakammaṃ kātabbaṃ. Sace bahigāme corabhayaṃ hoti, pārupitvā gantabbaṃ. Sace āsanasālā sambādhā hoti janākiṇṇā, na sakkā ekamante cīvaraṃ apanetvā vinayakammaṃ kātuṃ, ekaṃ bhikkhuṃ ādāya bahigāmaṃ gantvā vinayakammaṃ katvā cīvarāni paribhuñjitabbāni.
สเจ ภิกฺขู ทหรานํ หเตฺถ ปตฺตจีวรํ ทตฺวา มคฺคํ คจฺฉนฺตา ปจฺฉิเม ยาเม สยิตุกามา โหนฺติ, อตฺตโน อตฺตโน จีวรํ หตฺถปาเส กตฺวาว สยิตพฺพํฯ สเจ คจฺฉนฺตานํเยว อสมฺปเตฺตสุ ทหเรสุ อรุณํ อุคฺคจฺฉติ, จีวรํ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, นิสฺสโย ปน น ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ทหรานมฺปิ ปุรโต คจฺฉนฺตานํ เถเรสุ อสมฺปเตฺตสุ เอเสว นโยฯ มคฺคํ วิรชฺฌิตฺวา อรเญฺญ อญฺญมญฺญํ อปสฺสเนฺตสุปิ เอเสว นโยฯ สเจ ปน ทหรา ‘‘มยํ, ภเนฺต, มุหุตฺตํ สยิตฺวา อสุกสฺมิํ นาม โอกาเส ตุเมฺห สมฺปาปุณิสฺสามา’’ติ วตฺวา ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺติ, จีวรญฺจ นิสฺสคฺคิยํ โหติ, นิสฺสโย จ ปฎิปฺปสฺสมฺภติ, ทหเร อุโยฺยเชตฺวา เถเรสุ สยเนฺตสุปิ เอเสว นโยฯ เทฺวธาปถํ ทิสฺวา เถรา ‘‘อยํ มโคฺค’’ ทหรา ‘‘อยํ มโคฺค’’ติ วตฺวา อญฺญมญฺญสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวา คตา, สห อรุณุคฺคมนา จีวรานิ จ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ , นิสฺสโย จ ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ ทหรา มคฺคโต โอกฺกมฺม ‘‘อโนฺตอรุเณเยว นิวตฺติสฺสามา’’ติ เภสชฺชตฺถาย คามํ ปวิสิตฺวา อาคจฺฉนฺติฯ อสมฺปตฺตานํเยว จ เตสํ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, นิสฺสโย ปน น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ ปน เธนุภเยน วา สุนขภเยน วา ‘‘มุหุตฺตํ ฐตฺวา คมิสฺสามา’’ติ ฐตฺวา วา นิสีทิตฺวา วา คจฺฉนฺติ, อนฺตรา อรุเณ อุคฺคเต จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, นิสฺสโย จ ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ ‘‘อโนฺตอรุเณเยว อาคมิสฺสามา’’ติ อโนฺตสีมายํ คามํ ปวิฎฺฐานํ อนฺตรา อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, เนว จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, น นิสฺสโย ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ ปน ‘‘วิภายตุ ตาวา’’ติ นิสีทนฺติ, อรุเณ อุคฺคเตปิ น จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, นิสฺสโย ปน ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ เยปิ ‘‘อโนฺตอรุเณเยว อาคมิสฺสามา’’ติ สามนฺตวิหารํ ธมฺมสวนตฺถาย สอุสฺสาหา คจฺฉนฺติ, อนฺตรามเคฺคเยว จ เนสํ อรุโณ อุคฺคจฺฉติ, จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, นิสฺสโย ปน น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ สเจ ธมฺมคารเวน ‘‘ยาว ปริโยสานํ สุตฺวาว คมิสฺสามา’’ติ นิสีทนฺติ, สห อรุณสฺสุคฺคมนา จีวรานิปิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, นิสฺสโยปิ ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ เถเรน ทหรํ จีวรโธวนตฺถาย คามกํ เปเสเนฺตน อตฺตโน จีวรํ ปจฺจุทฺธริตฺวาว ทาตพฺพํฯ ทหรสฺสาปิ จีวรํ ปจฺจุทฺธราเปตฺวา ฐเปตพฺพํฯ สเจ อสฺสติยา คจฺฉติ, อตฺตโน จีวรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา ทหรสฺส จีวรํ วิสฺสาเสน คเหตฺวา ฐเปตพฺพํฯ สเจ เถโร นสฺสรติ, ทหโร เอว สรติ, ทหเรน อตฺตโน จีวรํ ปจฺจุทฺธริตฺวา เถรสฺส จีวรํ วิสฺสาเสน คเหตฺวา คนฺตฺวา วตฺตโพฺพ ‘‘ภเนฺต, ตุมฺหากํ จีวรํ อธิฎฺฐหิตฺวา ปริภุญฺชถา’’ติ อตฺตโนปิ จีวรํ อธิฎฺฐาตพฺพํฯ เอวํ เอกสฺส สติยาปิ อาปตฺติโมโกฺข โหตีติฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมว ฯ
Sace bhikkhū daharānaṃ hatthe pattacīvaraṃ datvā maggaṃ gacchantā pacchime yāme sayitukāmā honti, attano attano cīvaraṃ hatthapāse katvāva sayitabbaṃ. Sace gacchantānaṃyeva asampattesu daharesu aruṇaṃ uggacchati, cīvaraṃ nissaggiyaṃ hoti, nissayo pana na paṭippassambhati, daharānampi purato gacchantānaṃ theresu asampattesu eseva nayo. Maggaṃ virajjhitvā araññe aññamaññaṃ apassantesupi eseva nayo. Sace pana daharā ‘‘mayaṃ, bhante, muhuttaṃ sayitvā asukasmiṃ nāma okāse tumhe sampāpuṇissāmā’’ti vatvā yāva aruṇuggamanā sayanti, cīvarañca nissaggiyaṃ hoti, nissayo ca paṭippassambhati, dahare uyyojetvā theresu sayantesupi eseva nayo. Dvedhāpathaṃ disvā therā ‘‘ayaṃ maggo’’ daharā ‘‘ayaṃ maggo’’ti vatvā aññamaññassa vacanaṃ aggahetvā gatā, saha aruṇuggamanā cīvarāni ca nissaggiyāni honti , nissayo ca paṭippassambhati. Sace daharā maggato okkamma ‘‘antoaruṇeyeva nivattissāmā’’ti bhesajjatthāya gāmaṃ pavisitvā āgacchanti. Asampattānaṃyeva ca tesaṃ aruṇo uggacchati, cīvarāni nissaggiyāni honti, nissayo pana na paṭippassambhati. Sace pana dhenubhayena vā sunakhabhayena vā ‘‘muhuttaṃ ṭhatvā gamissāmā’’ti ṭhatvā vā nisīditvā vā gacchanti, antarā aruṇe uggate cīvarāni nissaggiyāni honti, nissayo ca paṭippassambhati. Sace ‘‘antoaruṇeyeva āgamissāmā’’ti antosīmāyaṃ gāmaṃ paviṭṭhānaṃ antarā aruṇo uggacchati, neva cīvarāni nissaggiyāni honti, na nissayo paṭippassambhati. Sace pana ‘‘vibhāyatu tāvā’’ti nisīdanti, aruṇe uggatepi na cīvarāni nissaggiyāni honti, nissayo pana paṭippassambhati. Yepi ‘‘antoaruṇeyeva āgamissāmā’’ti sāmantavihāraṃ dhammasavanatthāya saussāhā gacchanti, antarāmaggeyeva ca nesaṃ aruṇo uggacchati, cīvarāni nissaggiyāni honti, nissayo pana na paṭippassambhati. Sace dhammagāravena ‘‘yāva pariyosānaṃ sutvāva gamissāmā’’ti nisīdanti, saha aruṇassuggamanā cīvarānipi nissaggiyāni honti, nissayopi paṭippassambhati. Therena daharaṃ cīvaradhovanatthāya gāmakaṃ pesentena attano cīvaraṃ paccuddharitvāva dātabbaṃ. Daharassāpi cīvaraṃ paccuddharāpetvā ṭhapetabbaṃ. Sace assatiyā gacchati, attano cīvaraṃ paccuddharitvā daharassa cīvaraṃ vissāsena gahetvā ṭhapetabbaṃ. Sace thero nassarati, daharo eva sarati, daharena attano cīvaraṃ paccuddharitvā therassa cīvaraṃ vissāsena gahetvā gantvā vattabbo ‘‘bhante, tumhākaṃ cīvaraṃ adhiṭṭhahitvā paribhuñjathā’’ti attanopi cīvaraṃ adhiṭṭhātabbaṃ. Evaṃ ekassa satiyāpi āpattimokkho hotīti. Sesaṃ uttānatthameva .
สมุฎฺฐานาทีสุ ปฐมกถินสิกฺขาปเท อนธิฎฺฐานํ อวิกปฺปนญฺจ อกิริยํ, อิธ อปจฺจุทฺธรณํ อยเมว วิเสโสฯ เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตนยเมวาติฯ
Samuṭṭhānādīsu paṭhamakathinasikkhāpade anadhiṭṭhānaṃ avikappanañca akiriyaṃ, idha apaccuddharaṇaṃ ayameva viseso. Sesaṃ sabbattha vuttanayamevāti.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Udositasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทํ • 2. Udositasikkhāpadaṃ
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā