Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā |
๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา
2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
๔๗๓. ทุติเย อวิปฺปวาเสติ อวิปฺปวาเส นิปฺผาเทตเพฺพ, วิปฺปวาสโทสาภาเว สาเธตเพฺพ กตฺตพฺพา สมฺมุตีติ อโตฺถฯ
473. Dutiye avippavāseti avippavāse nipphādetabbe, vippavāsadosābhāve sādhetabbe kattabbā sammutīti attho.
๔๗๕. ปฎิสิทฺธปริยาปเนฺนนาติ วิปฺปวสิตุํ ปฎิสิเทฺธสุ ตีสุ จีวเรสุ อโนฺตคเธน, เอเกน จ อวยเว สมุทาโยปจารํ ทเสฺสติฯ
475.Paṭisiddhapariyāpannenāti vippavasituṃ paṭisiddhesu tīsu cīvaresu antogadhena, ekena ca avayave samudāyopacāraṃ dasseti.
๔๗๘-๙. เอตฺตาวตาติ ‘‘ปริกฺขิโตฺต’’ติ อิมินาฯ ‘‘สภาเยติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน สภา วุตฺตา’’ติ วตฺวา ปุน สยมฺปิ ‘‘สภาเย’’ติ อิมินา โวหรโนฺต สภา-สทฺทสฺส ปริยาโย สภาย-สโทฺท นปุํสกลิงฺคยุโตฺต อตฺถีติ ทเสฺสติฯ ‘‘สภายนฺติ ลิงฺคพฺยตฺตเยน สภา วุตฺตา’’ติ วา ปาโฐฯ ลิงฺคพฺยตฺตเยน สภาติ จ ลิงฺคนฺตรยุโตฺต สภาสทฺทปริยาโย สภายสโทฺทติ อโตฺถฯ
478-9.Ettāvatāti ‘‘parikkhitto’’ti iminā. ‘‘Sabhāyeti liṅgabyattayena sabhā vuttā’’ti vatvā puna sayampi ‘‘sabhāye’’ti iminā voharanto sabhā-saddassa pariyāyo sabhāya-saddo napuṃsakaliṅgayutto atthīti dasseti. ‘‘Sabhāyanti liṅgabyattayena sabhā vuttā’’ti vā pāṭho. Liṅgabyattayena sabhāti ca liṅgantarayutto sabhāsaddapariyāyo sabhāyasaddoti attho.
สภายํ คจฺฉตีติ สภํ คจฺฉติฯ วสิตพฺพํ นตฺถีติ จีวรหตฺถปาเสเยว วสิตพฺพํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ตสฺสาติ วีถิยาฯ สภายสฺส จ ทฺวารสฺส จ หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพนฺติ เอตฺถ สภายทฺวารานมนฺตเร วีถิ เคหาปิ คหิตา เอว โหนฺติ อาทิปริโยสานานํ คหิตตฺตาฯ เอตฺถ จ ทฺวารวีถิฆเรสุ วสเนฺตน คามปฺปเวสนสหเสยฺยาทิโทสํ ปริหริตฺวา สุปฎิจฺฉนฺนตาทิยุเตฺตเนว ภวิตพฺพํ , สภา ปน ยทิ สเพฺพสํ วสนตฺถาย สาลาสทิสา กตา, อนฺตราราเม วิย ยถาสุขํ วสิตุํ วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ ปริกฺขิตฺตตาย จ เอกูปจารตํ, อปริกฺขิตฺตตาย นานูปจารตญฺจ นิเวสนาทีสุปิ อติทิสโนฺต อาห ‘‘เอเตเนวูปาเยนา’’ติอาทิฯ นิเวสนาทีนิ พหิคามโต สนฺนิวิฎฺฐานิ คหิตานิ อโนฺตคาเม ฐิตานํ คามคฺคหเณเนว คหิตตฺตาฯ สพฺพตฺถาติ คามนิคมนิเวสนาทีสุ ปนฺนรสสุฯ ปริเกฺขปาทีติ อาทิ-สเทฺทน อปริเกฺขปเสฺสว คหณํ, น เอกกุลาทีนมฺปิ เตสํ เอกูปจารตานานูปจารตานิมิตฺตตาภาวาฯ เอตฺถ จ สตฺถสฺส กติปาหํ กตฺถจิ นิวิฎฺฐเสฺสว ปริเกฺขโป โหติ, น คจฺฉนฺตสฺสฯ
Sabhāyaṃ gacchatīti sabhaṃ gacchati. Vasitabbaṃ natthīti cīvarahatthapāseyeva vasitabbaṃ natthīti attho. Tassāti vīthiyā. Sabhāyassa ca dvārassa ca hatthapāsā na vijahitabbanti ettha sabhāyadvārānamantare vīthi gehāpi gahitā eva honti ādipariyosānānaṃ gahitattā. Ettha ca dvāravīthigharesu vasantena gāmappavesanasahaseyyādidosaṃ pariharitvā supaṭicchannatādiyutteneva bhavitabbaṃ , sabhā pana yadi sabbesaṃ vasanatthāya sālāsadisā katā, antarārāme viya yathāsukhaṃ vasituṃ vaṭṭatīti veditabbaṃ. Parikkhittatāya ca ekūpacārataṃ, aparikkhittatāya nānūpacāratañca nivesanādīsupi atidisanto āha ‘‘etenevūpāyenā’’tiādi. Nivesanādīni bahigāmato sanniviṭṭhāni gahitāni antogāme ṭhitānaṃ gāmaggahaṇeneva gahitattā. Sabbatthāti gāmanigamanivesanādīsu pannarasasu. Parikkhepādīti ādi-saddena aparikkhepasseva gahaṇaṃ, na ekakulādīnampi tesaṃ ekūpacāratānānūpacāratānimittatābhāvā. Ettha ca satthassa katipāhaṃ katthaci niviṭṭhasseva parikkhepo hoti, na gacchantassa.
๔๘๒-๗. คามโต พหิ อิสฺสรานํ สมุทฺทตีราทีสุ กตภณฺฑสาลา อุโทสิโตติ อาห ‘‘ยานาทีน’’นฺติอาทิฯ มุณฺฑจฺฉทนปาสาโทติ นาติอุโจฺจ จนฺทิกงฺคณยุโตฺต สิขรกูฎมาลาทิวิรหิโต ปาสาโทฯ
482-7. Gāmato bahi issarānaṃ samuddatīrādīsu katabhaṇḍasālā udositoti āha ‘‘yānādīna’’ntiādi. Muṇḍacchadanapāsādoti nātiucco candikaṅgaṇayutto sikharakūṭamālādivirahito pāsādo.
๔๘๙. ปริยาทิยิตฺวาติ อโชฺฌตฺถริตฺวาฯ นทีปริหาโรติ วิสุํคามาทีนํ วิย นทีปริหารสฺส อวุตฺตตฺตา จีวรหตฺถปาโส เอวาติ วทนฺติ, อเญฺญ ปน ‘‘อิมินา อฎฺฐกถาวจเนน นทีปริหาโรปิ วิสุํ สิโทฺธ, นทิยา หตฺถปาโส น วิชหิตโพฺพ’’ติ วทนฺติฯ วิหารสีมนฺติ อวิปฺปวาสสีมํ สนฺธายาหฯ เอตฺถ จ วิหารสฺส นานากุลสนฺตกภาเวปิ อวิปฺปวาสสีมาปริเจฺฉทพฺภนฺตเร สพฺพตฺถ จีวรอวิปฺปวาสสมฺภวโต ตสฺสา ปธานตฺตา ตตฺถ สตฺถปริหาโร น ลพฺภตีติ ‘‘วิหารํ คนฺตฺวา วสิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘สตฺถสมีเป’’ติ อิทํ ยถาวุตฺตํ อพฺภนฺตรปริเจฺฉทวเสน วุตฺตํฯ ปาฬิยํ นานากุลสฺส สโตฺถ โหติ, สเตฺถ จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา หตฺถปาสา น วิชหิตพฺพนฺติ เอตฺถ สตฺถหตฺถปาโส คหิโตฯ
489.Pariyādiyitvāti ajjhottharitvā. Nadīparihāroti visuṃgāmādīnaṃ viya nadīparihārassa avuttattā cīvarahatthapāso evāti vadanti, aññe pana ‘‘iminā aṭṭhakathāvacanena nadīparihāropi visuṃ siddho, nadiyā hatthapāso na vijahitabbo’’ti vadanti. Vihārasīmanti avippavāsasīmaṃ sandhāyāha. Ettha ca vihārassa nānākulasantakabhāvepi avippavāsasīmāparicchedabbhantare sabbattha cīvaraavippavāsasambhavato tassā padhānattā tattha satthaparihāro na labbhatīti ‘‘vihāraṃ gantvā vasitabba’’nti vuttaṃ. ‘‘Satthasamīpe’’ti idaṃ yathāvuttaṃ abbhantaraparicchedavasena vuttaṃ. Pāḷiyaṃ nānākulassa sattho hoti, satthe cīvaraṃ nikkhipitvā hatthapāsā na vijahitabbanti ettha satthahatthapāso gahito.
๔๙๐. เอกกุลสฺส เขเตฺตติ อปริกฺขิตฺตํ สนฺธาย วทติฯ
490.Ekakulassa khetteti aparikkhittaṃ sandhāya vadati.
๔๙๑-๔. วิหาโร นาม อุปจารสีมาฯ ตตฺถ ยสฺมิํ วิหาเรติ ตสฺส อโนฺตปริเวณาทิํ สนฺธาย วุตฺตํ, เอกกุลาทิสนฺตกตา เจตฺถ การาปกานํ วเสนฯ ฉายาย ผุโฎฺฐกาสสฺสาติ อุชุกํ อวกฺขิตฺตเลฑฺฑุปาตพฺภนฺตรํ สนฺธาย วทติฯ
491-4.Vihāro nāma upacārasīmā. Tattha yasmiṃ vihāreti tassa antopariveṇādiṃ sandhāya vuttaṃ, ekakulādisantakatā cettha kārāpakānaṃ vasena. Chāyāya phuṭṭhokāsassāti ujukaṃ avakkhittaleḍḍupātabbhantaraṃ sandhāya vadati.
อคมนปเถติ ตทเหว คนฺตฺวา นิวเตฺตตุํ น สกฺกุเณยฺยเก สมุทฺทมเชฺฌ เย ทีปกา, เตสูติ โยชนาฯ อิตรสฺมินฺติ ปุรตฺถิมทิสาย จีวเรฯ ‘‘อุโปสถกาเล…เป.… วฑฺฒตี’’ติ อิมินา จีวรวิปฺปวาสสตฺตพฺภนฺตรโต สมานสํวาสาย สตฺตพฺภนฺตรสีมาย อจฺจนฺตวิสทิสตํ ทเสฺสติ ฯ ตถา หิ พหูสุ ภิกฺขูสุ เอกโต นิสีทิตฺวา สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปริเจฺฉเทสุ ยถาสกํ จีวรํ ฐเปตฺวา ปริหรเนฺตสุ เอเกกสฺส ภิกฺขุโน นิสิโนฺนกาสโต ปฎฺฐาย ปเจฺจกํ สตฺตพฺภนฺตรสฺส ปริเจฺฉโท อญฺญมญฺญวิสทิโส อเนกวิโธ โหติ, น เอโก ปริสปริยนฺตโต ปฎฺฐาย อนิมิตพฺพตฺตาฯ เตเนว ตตฺถ ปริสวเสน วุฑฺฒิ, หานิ วา น โหติ, น เอวํ สตฺตพฺภนฺตรสีมายฯ สา หิ โยชนิกายปิ ปริสปริยนฺตโตว ปฎฺฐาย สมนฺตา สตฺตพฺภนฺตรปอจฺฉินฺนา เอกาว โหติฯ เตเนว สา ปริสวเสน วฑฺฒติ, หายติ จ, ตสฺมา อญฺญาว สตฺตพฺภนฺตรสีมา อโญฺญ สตฺตพฺภนฺตรโต ปริจฺฉิโนฺน จีวรวิปฺปวาสปริหาโร อโพฺภกาโสติ เวทิตพฺพํฯ ยเญฺจตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ขนฺธเก สีมากถายเมว (มหาว. ๑๔๓) วกฺขามฯ
Agamanapatheti tadaheva gantvā nivattetuṃ na sakkuṇeyyake samuddamajjhe ye dīpakā, tesūti yojanā. Itarasminti puratthimadisāya cīvare. ‘‘Uposathakāle…pe… vaḍḍhatī’’ti iminā cīvaravippavāsasattabbhantarato samānasaṃvāsāya sattabbhantarasīmāya accantavisadisataṃ dasseti . Tathā hi bahūsu bhikkhūsu ekato nisīditvā samantā sattabbhantaraparicchedesu yathāsakaṃ cīvaraṃ ṭhapetvā pariharantesu ekekassa bhikkhuno nisinnokāsato paṭṭhāya paccekaṃ sattabbhantarassa paricchedo aññamaññavisadiso anekavidho hoti, na eko parisapariyantato paṭṭhāya animitabbattā. Teneva tattha parisavasena vuḍḍhi, hāni vā na hoti, na evaṃ sattabbhantarasīmāya. Sā hi yojanikāyapi parisapariyantatova paṭṭhāya samantā sattabbhantarapaacchinnā ekāva hoti. Teneva sā parisavasena vaḍḍhati, hāyati ca, tasmā aññāva sattabbhantarasīmā añño sattabbhantarato paricchinno cīvaravippavāsaparihāro abbhokāsoti veditabbaṃ. Yañcettha vattabbaṃ, taṃ khandhake sīmākathāyameva (mahāva. 143) vakkhāma.
๔๙๕. นทิํ โอตรตีติ หตฺถปาสํ มุญฺจิตฺวา โอตรติฯ พหิคาเม ฐเปตฺวาติ อปารุปิตพฺพตาย วุตฺตํฯ วินยกมฺมํ กาตพฺพนฺติ อุตฺตราสเงฺค จ พหิคาเม ฐปิตสงฺฆาฎิยญฺจ ปฐมํ วินยกมฺมํ กตฺวา ปจฺฉา อุตฺตราสงฺคํ นิวาเสตฺวา อนฺตรวาสเก กาตพฺพํฯ เอตฺถ จ พหิคาเม ฐปิตสฺสาปิ วินยกมฺมวจนโต ปรมฺมุขาปิ ฐิตํ วิสฺสชฺชิตุํ, นิสฺสฎฺฐํ ทาตุญฺจ วฎฺฎตีติ เวทิตพฺพํฯ ทหรานํ คมเน สอุสฺสาหตฺตา ‘‘นิสฺสโย ปน น ปฎิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํฯ มุหุตฺตํ…เป.… ปฎิปฺปสฺสมฺภตีติ สอุสฺสาหเตฺต คมนสฺส อุปจฺฉินฺนตฺตา วุตฺตํฯ เตสํ ปน ปุรารุณาว อุฎฺฐหิตฺวา สอุสฺสาเหน คจฺฉนฺตานํ อรุเณ อนฺตรา อุฎฺฐิเตปิ น ปฎิปฺปสฺสมฺภติ ‘‘ยาว อรุณุคฺคมนา สยนฺตี’’ติ วุตฺตตฺตาฯ เตเนว ‘‘คามํ ปวิสิตฺวา…เป.… น ปฎิปฺปสฺสมฺภตี’’ติ วุตฺตํฯ อญฺญมญฺญสฺส วจนํ อคฺคเหตฺวาติอาทิมฺหิ สอุสฺสาหตฺตา คมนกฺขเณ ปฎิปฺปสฺสทฺธิ น วุตฺตาฯ เธนุภเยนาติ ตรุณวจฺฉคาวีนํ อภิธาวิตฺวา สิเงฺคน ปหรณภเยนฯ นิสฺสโย จ ปฎิปฺปสฺสมฺภตีติ เอตฺถ เธนุภยาทีหิ ฐิตานํ ยาว ภยวูปสมา ฐาตพฺพโต ‘‘อโนฺตอรุเณเยว คมิสฺสามี’’ติ นิยเมตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา วุตฺตํฯ ยตฺถ ปน เอวํ นิยเมตุํ สกฺกา, ตตฺถ อนฺตรารุเณ อุคฺคเตปิ นิสฺสโย น ปฎิปฺปสฺสมฺภติ เภสชฺชตฺถาย คามปฺปวิฎฺฐทหรานํ วิยฯ อโนฺตสีมายํ คามนฺติ อวิปฺปวาสสีมาสมฺมุติโต ปจฺฉา ปติฎฺฐาปิตคามํ สนฺธาย วทติ คามญฺจ คามูปจารญฺจ ฐเปตฺวา สมฺมนฺนิตพฺพโตฯ ปวิฎฺฐานนฺติ อาจริยเนฺตวาสิกานํ วิสุํ วิสุํ คตานํ อวิปฺปวาสสีมตฺตา เนว จีวรานิ นิสฺสคฺคิยานิ โหนฺติ, สอุสฺสาหตาย นิสฺสโย น ปฎิปฺปสฺสมฺภติฯ อนฺตรามเคฺคติ ธมฺมํ สุตฺวา อาคจฺฉนฺตานํ อนฺตรามเคฺคฯ
495.Nadiṃotaratīti hatthapāsaṃ muñcitvā otarati. Bahigāme ṭhapetvāti apārupitabbatāya vuttaṃ. Vinayakammaṃ kātabbanti uttarāsaṅge ca bahigāme ṭhapitasaṅghāṭiyañca paṭhamaṃ vinayakammaṃ katvā pacchā uttarāsaṅgaṃ nivāsetvā antaravāsake kātabbaṃ. Ettha ca bahigāme ṭhapitassāpi vinayakammavacanato parammukhāpi ṭhitaṃ vissajjituṃ, nissaṭṭhaṃ dātuñca vaṭṭatīti veditabbaṃ. Daharānaṃ gamane saussāhattā ‘‘nissayo pana na paṭippassambhatī’’ti vuttaṃ. Muhuttaṃ…pe… paṭippassambhatīti saussāhatte gamanassa upacchinnattā vuttaṃ. Tesaṃ pana purāruṇāva uṭṭhahitvā saussāhena gacchantānaṃ aruṇe antarā uṭṭhitepi na paṭippassambhati ‘‘yāva aruṇuggamanā sayantī’’ti vuttattā. Teneva ‘‘gāmaṃ pavisitvā…pe… na paṭippassambhatī’’ti vuttaṃ. Aññamaññassa vacanaṃ aggahetvātiādimhi saussāhattā gamanakkhaṇe paṭippassaddhi na vuttā. Dhenubhayenāti taruṇavacchagāvīnaṃ abhidhāvitvā siṅgena paharaṇabhayena. Nissayo ca paṭippassambhatīti ettha dhenubhayādīhi ṭhitānaṃ yāva bhayavūpasamā ṭhātabbato ‘‘antoaruṇeyeva gamissāmī’’ti niyametuṃ asakkuṇeyyattā vuttaṃ. Yattha pana evaṃ niyametuṃ sakkā, tattha antarāruṇe uggatepi nissayo na paṭippassambhati bhesajjatthāya gāmappaviṭṭhadaharānaṃ viya. Antosīmāyaṃ gāmanti avippavāsasīmāsammutito pacchā patiṭṭhāpitagāmaṃ sandhāya vadati gāmañca gāmūpacārañca ṭhapetvā sammannitabbato. Paviṭṭhānanti ācariyantevāsikānaṃ visuṃ visuṃ gatānaṃ avippavāsasīmattā neva cīvarāni nissaggiyāni honti, saussāhatāya nissayo na paṭippassambhati. Antarāmaggeti dhammaṃ sutvā āgacchantānaṃ antarāmagge.
‘‘อิธ อปจฺจุทฺธรณ’’นฺติ อิมินา อธิฎฺฐานวิกปฺปนานิ วิย ปจฺจุทฺธรณมฺปิ กาเยน วา วาจาย วา กตฺตพฺพนฺติ ทเสฺสติฯ กายวาจาหิ กตฺตพฺพสฺส อกรณโตติ อิทํ กายวาจาสมุฎฺฐานํ วุตฺตํฯ อธิฎฺฐิตติจีวรตา, อนตฺถตกถินตา, อลทฺธสมฺมุติตา, รตฺติวิปฺปวาโสติ อิมาเนตฺถ จตฺตาริ องฺคานิฯ
‘‘Idha apaccuddharaṇa’’nti iminā adhiṭṭhānavikappanāni viya paccuddharaṇampi kāyena vā vācāya vā kattabbanti dasseti. Kāyavācāhi kattabbassa akaraṇatoti idaṃ kāyavācāsamuṭṭhānaṃ vuttaṃ. Adhiṭṭhitaticīvaratā, anatthatakathinatā, aladdhasammutitā, rattivippavāsoti imānettha cattāri aṅgāni.
อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Udositasikkhāpadavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทํ • 2. Udositasikkhāpadaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ๒. อุโทสิตสิกฺขาปทวณฺณนา • 2. Udositasikkhāpadavaṇṇanā