Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā |
[๒๙๘] ๘. อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา
[298] 8. Udumbarajātakavaṇṇanā
อุทุมฺพรา จิเม ปกฺกาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อญฺญตรํ ภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิร อญฺญตรสฺมิํ ปจฺจนฺตคามเก วิหารํ กาเรตฺวา วสติฯ รมณีโย วิหาโร ปิฎฺฐิปาสาเณ นิวิโฎฺฐ, มนฺทํ สมฺมชฺชนฎฺฐานํ อุทกผาสุกํ, โคจรคาโม นาติทูเร นาจฺจาสเนฺน, สมฺปิยายมานา มนุสฺสา ภิกฺขํ เทนฺติฯ อเถโก ภิกฺขุ จาริกํ จรมาโน ตํ วิหารํ ปาปุณิฯ เนวาสิโก ตสฺส อาคนฺตุกวตฺตํ กตฺวา ปุนทิวเส ตํ อาทาย คามํ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ มนุสฺสา ปณีตํ ภิกฺขํ ทตฺวา สฺวาตนาย นิมนฺตยิํสุฯ อาคนฺตุโก กติปาหํ ภุญฺชิตฺวา จิเนฺตสิ – ‘‘เอเกนุปาเยน อิมํ ภิกฺขุํ วเญฺจตฺวา นิกฺกฑฺฒิตฺวา อิมํ วิหารํ คณฺหิสฺสามี’’ติฯ อถ นํ เถรูปฎฺฐานํ อาคตํ ปุจฺฉิ – ‘‘กิํ, อาวุโส, พุทฺธูปฎฺฐานํ นากาสี’’ติ? ‘‘ภเนฺต, อิมํ วิหารํ ปฎิชคฺคโนฺต นตฺถิ, เตนมฺหิ น คตปุโพฺพ’’ติฯ ‘‘ยาว ตฺวํ พุทฺธูปฎฺฐานํ คนฺตฺวา อาคจฺฉสิ, ตาวาหํ ปฎิชคฺคิสฺสามี’’ติฯ ‘‘สาธุ, ภเนฺต’’ติ เนวาสิโก ‘‘ยาว มมาคมนา เถเร มา ปมชฺชิตฺถา’’ติ มนุสฺสานํ วตฺวา ปกฺกามิฯ
Udumbarācime pakkāti idaṃ satthā jetavane viharanto aññataraṃ bhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kira aññatarasmiṃ paccantagāmake vihāraṃ kāretvā vasati. Ramaṇīyo vihāro piṭṭhipāsāṇe niviṭṭho, mandaṃ sammajjanaṭṭhānaṃ udakaphāsukaṃ, gocaragāmo nātidūre nāccāsanne, sampiyāyamānā manussā bhikkhaṃ denti. Atheko bhikkhu cārikaṃ caramāno taṃ vihāraṃ pāpuṇi. Nevāsiko tassa āgantukavattaṃ katvā punadivase taṃ ādāya gāmaṃ piṇḍāya pāvisi. Manussā paṇītaṃ bhikkhaṃ datvā svātanāya nimantayiṃsu. Āgantuko katipāhaṃ bhuñjitvā cintesi – ‘‘ekenupāyena imaṃ bhikkhuṃ vañcetvā nikkaḍḍhitvā imaṃ vihāraṃ gaṇhissāmī’’ti. Atha naṃ therūpaṭṭhānaṃ āgataṃ pucchi – ‘‘kiṃ, āvuso, buddhūpaṭṭhānaṃ nākāsī’’ti? ‘‘Bhante, imaṃ vihāraṃ paṭijagganto natthi, tenamhi na gatapubbo’’ti. ‘‘Yāva tvaṃ buddhūpaṭṭhānaṃ gantvā āgacchasi, tāvāhaṃ paṭijaggissāmī’’ti. ‘‘Sādhu, bhante’’ti nevāsiko ‘‘yāva mamāgamanā there mā pamajjitthā’’ti manussānaṃ vatvā pakkāmi.
ตโต ปฎฺฐาย อาคนฺตุโก ‘‘ตสฺส เนวาสิกสฺส อยญฺจ อยญฺจ โทโส’’ติ เต มนุเสฺส ปริภินฺทิฯ อิตโรปิ สตฺถารํ วนฺทิตฺวา ปุนาคโต, อถสฺส โส เสนาสนํ น อทาสิฯ โส เอกสฺมิํ ฐาเน วสิตฺวา ปุนทิวเส ปิณฺฑาย คามํ ปาวิสิ, มนุสฺสา สามีจิมตฺตมฺปิ น กริํสุฯ โส วิปฺปฎิสารี หุตฺวา ปุน เชตวนํ คนฺตฺวา ตํ การณํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิฯ เต ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อสุโก กิร ภิกฺขุ อสุกํ ภิกฺขุํ วิหารา นิกฺกฑฺฒิตฺวา สยํ ตตฺถ วสี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อิมาย นามา’’ติ วุเตฺต ‘‘น, ภิกฺขเว, อิทาเนว, ปุเพฺพปิ โส อิมํ วสนฎฺฐานา นิกฺกฑฺฒิเยวา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ
Tato paṭṭhāya āgantuko ‘‘tassa nevāsikassa ayañca ayañca doso’’ti te manusse paribhindi. Itaropi satthāraṃ vanditvā punāgato, athassa so senāsanaṃ na adāsi. So ekasmiṃ ṭhāne vasitvā punadivase piṇḍāya gāmaṃ pāvisi, manussā sāmīcimattampi na kariṃsu. So vippaṭisārī hutvā puna jetavanaṃ gantvā taṃ kāraṇaṃ bhikkhūnaṃ ārocesi. Te bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, asuko kira bhikkhu asukaṃ bhikkhuṃ vihārā nikkaḍḍhitvā sayaṃ tattha vasī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchitvā ‘‘imāya nāmā’’ti vutte ‘‘na, bhikkhave, idāneva, pubbepi so imaṃ vasanaṭṭhānā nikkaḍḍhiyevā’’ti vatvā atītaṃ āhari.
อตีเต พาราณสิยํ พฺรหฺมทเตฺต รชฺชํ กาเรเนฺต โพธิสโตฺต อรเญฺญ รุกฺขเทวตา หุตฺวา นิพฺพตฺติฯ ตตฺถ วสฺสาเน สตฺตสตฺตาหํ เทโว วสฺสิฯ อเถโก รตฺตมุขขุทฺทกมกฺกโฎ เอกิสฺสา อโนวสฺสิกาย ปาสาณทริยา วสมาโน เอกทิวสํ ทริทฺวาเร อเตมนฎฺฐาเน สุเขน นิสีทิฯ ตตฺถ เอโก กาฬมุขมหามกฺกโฎ ติโนฺต สีเตน ปีฬิยมาโน วิจรโนฺต ตํ ตถานิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘อุปาเยน นํ นีหริตฺวา เอตฺถ วสิสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา กุจฺฉิํ โอลเมฺพตฺวา สุหิตาการํ ทเสฺสตฺวา ตสฺส ปุรโต ฐตฺวา ปฐมํ คาถมาห –
Atīte bārāṇasiyaṃ brahmadatte rajjaṃ kārente bodhisatto araññe rukkhadevatā hutvā nibbatti. Tattha vassāne sattasattāhaṃ devo vassi. Atheko rattamukhakhuddakamakkaṭo ekissā anovassikāya pāsāṇadariyā vasamāno ekadivasaṃ daridvāre atemanaṭṭhāne sukhena nisīdi. Tattha eko kāḷamukhamahāmakkaṭo tinto sītena pīḷiyamāno vicaranto taṃ tathānisinnaṃ disvā ‘‘upāyena naṃ nīharitvā ettha vasissāmī’’ti cintetvā kucchiṃ olambetvā suhitākāraṃ dassetvā tassa purato ṭhatvā paṭhamaṃ gāthamāha –
๑๔๒.
142.
‘‘อุทุมฺพรา จิเม ปกฺกา, นิโคฺรธา จ กปิตฺถนา;
‘‘Udumbarā cime pakkā, nigrodhā ca kapitthanā;
เอหิ นิกฺขม ภุญฺชสฺสุ, กิํ ชิฆจฺฉาย มิยฺยสี’’ติฯ
Ehi nikkhama bhuñjassu, kiṃ jighacchāya miyyasī’’ti.
ตตฺถ กปิตฺถนาติ ปิลกฺขาฯ เอหิ นิกฺขมาติ เอเต อุทุมฺพราทโย ผลภารนมิตา, อหมฺปิ ขาทิตฺวา สุหิโต อาคโตสฺมิ, ตฺวมฺปิ คจฺฉ ภุญฺชสฺสูติฯ
Tattha kapitthanāti pilakkhā. Ehi nikkhamāti ete udumbarādayo phalabhāranamitā, ahampi khāditvā suhito āgatosmi, tvampi gaccha bhuñjassūti.
โสปิ ตสฺส วจนํ สุตฺวา สทฺทหิตฺวา ผลานิ ขาทิตุกาโม นิกฺขมิตฺวา ตตฺถ ตตฺถ วิจริตฺวา กิญฺจิ อลภโนฺต ปุนาคนฺตฺวา ตํ อโนฺตปาสาณทริยํ ปวิสิตฺวา นิสินฺนํ ทิสฺวา ‘‘วเญฺจสฺสามิ น’’นฺติ ตสฺส ปุรโต ฐตฺวา ทุติยํ คาถมาห –
Sopi tassa vacanaṃ sutvā saddahitvā phalāni khāditukāmo nikkhamitvā tattha tattha vicaritvā kiñci alabhanto punāgantvā taṃ antopāsāṇadariyaṃ pavisitvā nisinnaṃ disvā ‘‘vañcessāmi na’’nti tassa purato ṭhatvā dutiyaṃ gāthamāha –
๑๔๓.
143.
‘‘เอวํ โส สุหิโต โหติ, โย วุฑฺฒมปจายติ;
‘‘Evaṃ so suhito hoti, yo vuḍḍhamapacāyati;
ยถาหมชฺช สุหิโต, ทุมปกฺกานิ มาสิโต’’ติฯ
Yathāhamajja suhito, dumapakkāni māsito’’ti.
ตตฺถ ทุมปกฺกานิ มาสิโตติ อุทุมฺพราทีนิ รุกฺขผลานิ ขาทิตฺวา อสิโต ธาโต สุหิโตฯ
Tattha dumapakkāni māsitoti udumbarādīni rukkhaphalāni khāditvā asito dhāto suhito.
ตํ สุตฺวา มหามกฺกโฎ ตติยํ คาถมาห –
Taṃ sutvā mahāmakkaṭo tatiyaṃ gāthamāha –
๑๔๔.
144.
‘‘ยํ วเนโช วเนชสฺส, วเญฺจยฺย กปิโน กปิ;
‘‘Yaṃ vanejo vanejassa, vañceyya kapino kapi;
ทหโร กปิ สเทฺธยฺย, น หิ ชิโณฺณ ชรากปี’’ติฯ
Daharo kapi saddheyya, na hi jiṇṇo jarākapī’’ti.
ตสฺสโตฺถ – ยํ วเน ชาโต กปิ วเน ชาตสฺส กปิโน วญฺจนํ กเรยฺย, ตํ ตยา สทิโส ทหโร วานโร สทฺทเหยฺย, มาทิโส ปน ชิโณฺณ ชรากปิ มหลฺลกมกฺกโฎ น หิ สทฺทเหยฺย, สตกฺขตฺตุมฺปิ ภณนฺตสฺส ตุมฺหาทิสสฺส น สทฺทหติฯ อิมสฺมิญฺหิ หิมวนฺตปเทเส สพฺพํ ผลาผลํ วเสฺสน กิลินฺนํ ปติตํ, ปุน ตว อิทํ ฐานํ นตฺถิ, คจฺฉาติฯ โส ตโตว ปกฺกามิฯ
Tassattho – yaṃ vane jāto kapi vane jātassa kapino vañcanaṃ kareyya, taṃ tayā sadiso daharo vānaro saddaheyya, mādiso pana jiṇṇo jarākapi mahallakamakkaṭo na hi saddaheyya, satakkhattumpi bhaṇantassa tumhādisassa na saddahati. Imasmiñhi himavantapadese sabbaṃ phalāphalaṃ vassena kilinnaṃ patitaṃ, puna tava idaṃ ṭhānaṃ natthi, gacchāti. So tatova pakkāmi.
สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ – ‘‘ตทา ขุทฺทกมกฺกโฎ เนวาสิโก อโหสิ, กาฬมหามกฺกโฎ อาคนฺตุโก, รุกฺขเทวตา ปน อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ
Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā jātakaṃ samodhānesi – ‘‘tadā khuddakamakkaṭo nevāsiko ahosi, kāḷamahāmakkaṭo āgantuko, rukkhadevatā pana ahameva ahosi’’nti.
อุทุมฺพรชาตกวณฺณนา อฎฺฐมาฯ
Udumbarajātakavaṇṇanā aṭṭhamā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๙๘. อุทุมฺพรชาตกํ • 298. Udumbarajātakaṃ