Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya |
๒. อุทุมฺพริกสุตฺตํ
2. Udumbarikasuttaṃ
นิโคฺรธปริพฺพาชกวตฺถุ
Nigrodhaparibbājakavatthu
๔๙. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา ราชคเห วิหรติ คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเตฯ เตน โข ปน สมเยน นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก อุทุมฺพริกาย ปริพฺพาชการาเม ปฎิวสติ มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธิํ ติํสมเตฺตหิ ปริพฺพาชกสเตหิฯ อถ โข สนฺธาโน คหปติ ทิวา ทิวสฺส 1 ราชคหา นิกฺขมิ ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ อถ โข สนฺธานสฺส คหปติสฺส เอตทโหสิ – ‘‘อกาโล โข ภควนฺตํ ทสฺสนายฯ ปฎิสลฺลีโน ภควาฯ มโนภาวนียานมฺปิ ภิกฺขูนํ อสมโย ทสฺสนายฯ ปฎิสลฺลีนา มโนภาวนียา ภิกฺขูฯ ยํนูนาหํ เยน อุทุมฺพริกาย ปริพฺพาชการาโม, เยน นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกเมยฺย’’นฺติฯ อถ โข สนฺธาโน คหปติ เยน อุทุมฺพริกาย ปริพฺพาชการาโม, เตนุปสงฺกมิฯ
49. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā rājagahe viharati gijjhakūṭe pabbate. Tena kho pana samayena nigrodho paribbājako udumbarikāya paribbājakārāme paṭivasati mahatiyā paribbājakaparisāya saddhiṃ tiṃsamattehi paribbājakasatehi. Atha kho sandhāno gahapati divā divassa 2 rājagahā nikkhami bhagavantaṃ dassanāya. Atha kho sandhānassa gahapatissa etadahosi – ‘‘akālo kho bhagavantaṃ dassanāya. Paṭisallīno bhagavā. Manobhāvanīyānampi bhikkhūnaṃ asamayo dassanāya. Paṭisallīnā manobhāvanīyā bhikkhū. Yaṃnūnāhaṃ yena udumbarikāya paribbājakārāmo, yena nigrodho paribbājako tenupasaṅkameyya’’nti. Atha kho sandhāno gahapati yena udumbarikāya paribbājakārāmo, tenupasaṅkami.
๕๐. เตน โข ปน สมเยน นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก มหติยา ปริพฺพาชกปริสาย สทฺธิํ นิสิโนฺน โหติ อุนฺนาทินิยา อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาย อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ กเถนฺติยาฯ เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ มหามตฺตกถํ เสนากถํ ภยกถํ ยุทฺธกถํ อนฺนกถํ ปานกถํ วตฺถกถํ สยนกถํ มาลากถํ คนฺธกถํ ญาติกถํ ยานกถํ คามกถํ นิคมกถํ นครกถํ ชนปทกถํ อิตฺถิกถํ สูรกถํ วิสิขากถํ กุมฺภฎฺฐานกถํ ปุพฺพเปตกถํ นานตฺตกถํ โลกกฺขายิกํ สมุทฺทกฺขายิกํ อิติภวาภวกถํ อิติ วาฯ
50. Tena kho pana samayena nigrodho paribbājako mahatiyā paribbājakaparisāya saddhiṃ nisinno hoti unnādiniyā uccāsaddamahāsaddāya anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ kathentiyā. Seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ mahāmattakathaṃ senākathaṃ bhayakathaṃ yuddhakathaṃ annakathaṃ pānakathaṃ vatthakathaṃ sayanakathaṃ mālākathaṃ gandhakathaṃ ñātikathaṃ yānakathaṃ gāmakathaṃ nigamakathaṃ nagarakathaṃ janapadakathaṃ itthikathaṃ sūrakathaṃ visikhākathaṃ kumbhaṭṭhānakathaṃ pubbapetakathaṃ nānattakathaṃ lokakkhāyikaṃ samuddakkhāyikaṃ itibhavābhavakathaṃ iti vā.
๕๑. อทฺทสา โข นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก สนฺธานํ คหปติํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวา สกํ ปริสํ สณฺฐาเปสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภโนฺต โหนฺตุ, มา โภโนฺต สทฺทมกตฺถฯ อยํ สมณสฺส โคตมสฺส สาวโก อาคจฺฉติ สนฺธาโน คหปติฯ ยาวตา โข ปน สมณสฺส โคตมสฺส สาวกา คิหี โอทาตวสนา ราชคเห ปฎิวสนฺติ, อยํ เตสํ อญฺญตโร สนฺธาโน คหปติฯ อปฺปสทฺทกามา โข ปเนเต อายสฺมโนฺต อปฺปสทฺทวินีตา , อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทิโนฯ อเปฺปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มเญฺญยฺยา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํฯ
51. Addasā kho nigrodho paribbājako sandhānaṃ gahapatiṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvā sakaṃ parisaṃ saṇṭhāpesi – ‘‘appasaddā bhonto hontu, mā bhonto saddamakattha. Ayaṃ samaṇassa gotamassa sāvako āgacchati sandhāno gahapati. Yāvatā kho pana samaṇassa gotamassa sāvakā gihī odātavasanā rājagahe paṭivasanti, ayaṃ tesaṃ aññataro sandhāno gahapati. Appasaddakāmā kho panete āyasmanto appasaddavinītā , appasaddassa vaṇṇavādino. Appeva nāma appasaddaṃ parisaṃ viditvā upasaṅkamitabbaṃ maññeyyā’’ti. Evaṃ vutte te paribbājakā tuṇhī ahesuṃ.
๕๒. อถ โข สนฺธาโน คหปติ เยน นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิ, อุปสงฺกมิตฺวา นิโคฺรเธน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข สนฺธาโน คหปติ นิโคฺรธํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘อญฺญถา โข อิเม โภโนฺต อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา สงฺคมฺม สมาคมฺม อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เสยฺยถิทํ – ราชกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วาฯ อญฺญถา โข 3 ปน โส ภควา อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวติ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิโคฺฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฎิสลฺลานสารุปฺปานี’’ติฯ
52. Atha kho sandhāno gahapati yena nigrodho paribbājako tenupasaṅkami, upasaṅkamitvā nigrodhena paribbājakena saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho sandhāno gahapati nigrodhaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘aññathā kho ime bhonto aññatitthiyā paribbājakā saṅgamma samāgamma unnādino uccāsaddamahāsaddā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ anuyuttā viharanti. Seyyathidaṃ – rājakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā. Aññathā kho 4 pana so bhagavā araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevati appasaddāni appanigghosāni vijanavātāni manussarāhasseyyakāni paṭisallānasāruppānī’’ti.
๕๓. เอวํ วุเตฺต นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก สนฺธานํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘ยเคฺฆ คหปติ, ชาเนยฺยาสิ, เกน สมโณ โคตโม สทฺธิํ สลฺลปติ, เกน สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, เกน ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ สมาปชฺชติ? สุญฺญาคารหตา สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญา อปริสาวจโร สมโณ โคตโม นาลํ สลฺลาปายฯ โส อนฺตมนฺตาเนว เสวติ 5ฯ เสยฺยถาปิ นาม โคกาณา ปริยนฺตจารินี อนฺตมนฺตาเนว เสวติฯ เอวเมว สุญฺญาคารหตา สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญา; อปริสาวจโร สมโณ โคตโม; นาลํ สลฺลาปายฯ โส อนฺตมนฺตาเนว เสวติฯ อิงฺฆ, คหปติ, สมโณ โคตโม อิมํ ปริสํ อาคเจฺฉยฺย, เอกปเญฺหเนว นํ สํสาเทยฺยาม 6, ตุจฺฉกุมฺภีว นํ มเญฺญ โอโรเธยฺยามา’’ติฯ
53. Evaṃ vutte nigrodho paribbājako sandhānaṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘yagghe gahapati, jāneyyāsi, kena samaṇo gotamo saddhiṃ sallapati, kena sākacchaṃ samāpajjati, kena paññāveyyattiyaṃ samāpajjati? Suññāgārahatā samaṇassa gotamassa paññā aparisāvacaro samaṇo gotamo nālaṃ sallāpāya. So antamantāneva sevati 7. Seyyathāpi nāma gokāṇā pariyantacārinī antamantāneva sevati. Evameva suññāgārahatā samaṇassa gotamassa paññā; aparisāvacaro samaṇo gotamo; nālaṃ sallāpāya. So antamantāneva sevati. Iṅgha, gahapati, samaṇo gotamo imaṃ parisaṃ āgaccheyya, ekapañheneva naṃ saṃsādeyyāma 8, tucchakumbhīva naṃ maññe orodheyyāmā’’ti.
๕๔. อโสฺสสิ โข ภควา ทิพฺพาย โสตธาตุยา วิสุทฺธาย อติกฺกนฺตมานุสิกาย สนฺธานสฺส คหปติสฺส นิโคฺรเธน ปริพฺพาชเกน สทฺธิํ อิมํ กถาสลฺลาปํฯ อถ โข ภควา คิชฺฌกูฎา ปพฺพตา โอโรหิตฺวา เยน สุมาคธาย ตีเร โมรนิวาโป เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สุมาคธาย ตีเร โมรนิวาเป อโพฺภกาเส จงฺกมิฯ อทฺทสา โข นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ สุมาคธาย ตีเร โมรนิวาเป อโพฺภกาเส จงฺกมนฺตํฯ ทิสฺวาน สกํ ปริสํ สณฺฐาเปสิ – ‘‘อปฺปสทฺทา โภโนฺต โหนฺตุ, มา โภโนฺต สทฺทมกตฺถ, อยํ สมโณ โคตโม สุมาคธาย ตีเร โมรนิวาเป อโพฺภกาเส จงฺกมติฯ อปฺปสทฺทกาโม โข ปน โส อายสฺมา, อปฺปสทฺทสฺส วณฺณวาทีฯ อเปฺปว นาม อปฺปสทฺทํ ปริสํ วิทิตฺวา อุปสงฺกมิตพฺพํ มเญฺญยฺยฯ สเจ สมโณ โคตโม อิมํ ปริสํ อาคเจฺฉยฺย, อิมํ ตํ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยาม – ‘โก นาม โส, ภเนฺต, ภควโต ธโมฺม, เยน ภควา สาวเก วิเนติ, เยน ภควตา สาวกา วินีตา อสฺสาสปฺปตฺตา ปฎิชานนฺติ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’นฺติ? เอวํ วุเตฺต เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหี อเหสุํฯ
54. Assosi kho bhagavā dibbāya sotadhātuyā visuddhāya atikkantamānusikāya sandhānassa gahapatissa nigrodhena paribbājakena saddhiṃ imaṃ kathāsallāpaṃ. Atha kho bhagavā gijjhakūṭā pabbatā orohitvā yena sumāgadhāya tīre moranivāpo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sumāgadhāya tīre moranivāpe abbhokāse caṅkami. Addasā kho nigrodho paribbājako bhagavantaṃ sumāgadhāya tīre moranivāpe abbhokāse caṅkamantaṃ. Disvāna sakaṃ parisaṃ saṇṭhāpesi – ‘‘appasaddā bhonto hontu, mā bhonto saddamakattha, ayaṃ samaṇo gotamo sumāgadhāya tīre moranivāpe abbhokāse caṅkamati. Appasaddakāmo kho pana so āyasmā, appasaddassa vaṇṇavādī. Appeva nāma appasaddaṃ parisaṃ viditvā upasaṅkamitabbaṃ maññeyya. Sace samaṇo gotamo imaṃ parisaṃ āgaccheyya, imaṃ taṃ pañhaṃ puccheyyāma – ‘ko nāma so, bhante, bhagavato dhammo, yena bhagavā sāvake vineti, yena bhagavatā sāvakā vinītā assāsappattā paṭijānanti ajjhāsayaṃ ādibrahmacariya’nti? Evaṃ vutte te paribbājakā tuṇhī ahesuṃ.
ตโปชิคุจฺฉาวาโท
Tapojigucchāvādo
๕๕. อถ โข ภควา เยน นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เอตุ โข, ภเนฺต, ภควา, สฺวาคตํ, ภเนฺต, ภควโตฯ จิรสฺสํ โข, ภเนฺต, ภควา อิมํ ปริยายมกาสิ ยทิทํ อิธาคมนายฯ นิสีทตุ, ภเนฺต, ภควา, อิทมาสนํ ปญฺญตฺต’’นฺติฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญเตฺต อาสเนฯ นิโคฺรโธปิ โข ปริพฺพาชโก อญฺญตรํ นีจาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข นิโคฺรธํ ปริพฺพาชกํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กาย นุตฺถ, นิโคฺรธ, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา, กา จ ปน โว อนฺตรากถา วิปฺปกตา’’ติ? เอวํ วุเตฺต, นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ, ‘‘อิธ มยํ, ภเนฺต, อทฺทสาม ภควนฺตํ สุมาคธาย ตีเร โมรนิวาเป อโพฺภกาเส จงฺกมนฺตํ, ทิสฺวาน เอวํ อโวจุมฺหา – ‘สเจ สมโณ โคตโม อิมํ ปริสํ อาคเจฺฉยฺย, อิมํ ตํ ปญฺหํ ปุเจฺฉยฺยาม – โก นาม โส, ภเนฺต, ภควโต ธโมฺม, เยน ภควา สาวเก วิเนติ, เยน ภควตา สาวกา วินีตา อสฺสาสปฺปตฺตา ปฎิชานนฺติ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’นฺติ? อยํ โข โน, ภเนฺต, อนฺตรากถา วิปฺปกตา; อถ ภควา อนุปฺปโตฺต’’ติฯ
55. Atha kho bhagavā yena nigrodho paribbājako tenupasaṅkami. Atha kho nigrodho paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘etu kho, bhante, bhagavā, svāgataṃ, bhante, bhagavato. Cirassaṃ kho, bhante, bhagavā imaṃ pariyāyamakāsi yadidaṃ idhāgamanāya. Nisīdatu, bhante, bhagavā, idamāsanaṃ paññatta’’nti. Nisīdi bhagavā paññatte āsane. Nigrodhopi kho paribbājako aññataraṃ nīcāsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho nigrodhaṃ paribbājakaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kāya nuttha, nigrodha, etarahi kathāya sannisinnā, kā ca pana vo antarākathā vippakatā’’ti? Evaṃ vutte, nigrodho paribbājako bhagavantaṃ etadavoca, ‘‘idha mayaṃ, bhante, addasāma bhagavantaṃ sumāgadhāya tīre moranivāpe abbhokāse caṅkamantaṃ, disvāna evaṃ avocumhā – ‘sace samaṇo gotamo imaṃ parisaṃ āgaccheyya, imaṃ taṃ pañhaṃ puccheyyāma – ko nāma so, bhante, bhagavato dhammo, yena bhagavā sāvake vineti, yena bhagavatā sāvakā vinītā assāsappattā paṭijānanti ajjhāsayaṃ ādibrahmacariya’nti? Ayaṃ kho no, bhante, antarākathā vippakatā; atha bhagavā anuppatto’’ti.
๕๖. ‘‘ทุชฺชานํ โข เอตํ, นิโคฺรธ, ตยา อญฺญทิฎฺฐิเกน อญฺญขนฺติเกน อญฺญรุจิเกน อญฺญตฺราโยเคน อญฺญตฺราจริยเกน, เยนาหํ สาวเก วิเนมิ , เยน มยา สาวกา วินีตา อสฺสาสปฺปตฺตา ปฎิชานนฺติ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํฯ อิงฺฆ ตฺวํ มํ, นิโคฺรธ, สเก อาจริยเก อธิเชคุเจฺฉ ปญฺหํ ปุจฺฉ – ‘กถํ สนฺตา นุ โข, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา ปริปุณฺณา โหติ, กถํ อปริปุณฺณา’ติ? เอวํ วุเตฺต เต ปริพฺพาชกา อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ – ‘‘อจฺฉริยํ วต โภ, อพฺภุตํ วต โภ, สมณสฺส โคตมสฺส มหิทฺธิกตา มหานุภาวตา, ยตฺร หิ นาม สกวาทํ ฐเปสฺสติ, ปรวาเทน ปวาเรสฺสตี’’ติฯ
56. ‘‘Dujjānaṃ kho etaṃ, nigrodha, tayā aññadiṭṭhikena aññakhantikena aññarucikena aññatrāyogena aññatrācariyakena, yenāhaṃ sāvake vinemi , yena mayā sāvakā vinītā assāsappattā paṭijānanti ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ. Iṅgha tvaṃ maṃ, nigrodha, sake ācariyake adhijegucche pañhaṃ puccha – ‘kathaṃ santā nu kho, bhante, tapojigucchā paripuṇṇā hoti, kathaṃ aparipuṇṇā’ti? Evaṃ vutte te paribbājakā unnādino uccāsaddamahāsaddā ahesuṃ – ‘‘acchariyaṃ vata bho, abbhutaṃ vata bho, samaṇassa gotamassa mahiddhikatā mahānubhāvatā, yatra hi nāma sakavādaṃ ṭhapessati, paravādena pavāressatī’’ti.
๕๗. อถ โข นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก เต ปริพฺพาชเก อปฺปสเทฺท กตฺวา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘มยํ โข, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉาวาทา 9 ตโปชิคุจฺฉาสารา ตโปชิคุจฺฉาอลฺลีนา วิหราม ฯ กถํ สนฺตา นุ โข, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา ปริปุณฺณา โหติ, กถํ อปริปุณฺณา’’ติ?
57. Atha kho nigrodho paribbājako te paribbājake appasadde katvā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘mayaṃ kho, bhante, tapojigucchāvādā 10 tapojigucchāsārā tapojigucchāallīnā viharāma . Kathaṃ santā nu kho, bhante, tapojigucchā paripuṇṇā hoti, kathaṃ aparipuṇṇā’’ti?
‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อเจลโก โหติ มุตฺตาจาโร, หตฺถาปเลขโน 11, น เอหิภทฺทนฺติโก, น ติฎฺฐภทฺทนฺติโก, นาภิหฎํ , น อุทฺทิสฺสกตํ, น นิมนฺตนํ สาทิยติ, โส น กุมฺภิมุขา ปฎิคฺคณฺหาติ, น กโฬปิมุขา ปฎิคฺคณฺหาติ, น เอฬกมนฺตรํ, น ทณฺฑมนฺตรํ, น มุสลมนฺตรํ, น ทฺวินฺนํ ภุญฺชมานานํ, น คพฺภินิยา, น ปายมานาย, น ปุริสนฺตรคตาย, น สงฺกิตฺตีสุ, น ยตฺถ สา อุปฎฺฐิโต โหติ, น ยตฺถ มกฺขิกา สณฺฑสณฺฑจารินี, น มจฺฉํ, น มํสํ, น สุรํ, น เมรยํ, น ถุโสทกํ ปิวติ, โส เอกาคาริโก วา โหติ เอกาโลปิโก, ทฺวาคาริโก วา โหติ ทฺวาโลปิโก, สตฺตาคาริโก วา โหติ สตฺตาโลปิโก, เอกิสฺสาปิ ทตฺติยา ยาเปติ, ทฺวีหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ, สตฺตหิปิ ทตฺตีหิ ยาเปติ; เอกาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, ทฺวีหิกมฺปิ 12 อาหารํ อาหาเรติ, สตฺตาหิกมฺปิ อาหารํ อาหาเรติ, อิติ เอวรูปํ อทฺธมาสิกมฺปิ ปริยายภตฺตโภชนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ โส สากภโกฺข วา โหติ, สามากภโกฺข วา โหติ, นีวารภโกฺข วา โหติ, ททฺทุลภโกฺข วา โหติ, หฎภโกฺข วา โหติ, กณภโกฺข วา โหติ, อาจามภโกฺข วา โหติ, ปิญฺญากภโกฺข วา โหติ, ติณภโกฺข วา โหติ, โคมยภโกฺข วา โหติ; วนมูลผลาหาโร ยาเปติ ปวตฺตผลโภชีฯ โส สาณานิปิ ธาเรติ , มสาณานิปิ ธาเรติ, ฉวทุสฺสานิปิ ธาเรติ, ปํสุกูลานิปิ ธาเรติ, ติรีฎานิปิ ธาเรติ, อชินมฺปิ ธาเรติ, อชินกฺขิปมฺปิ ธาเรติ, กุสจีรมฺปิ ธาเรติ, วากจีรมฺปิ ธาเรติ, ผลกจีรมฺปิ ธาเรติ, เกสกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, วาฬกมฺพลมฺปิ ธาเรติ, อุลูกปกฺขมฺปิ ธาเรติ, เกสมสฺสุโลจโกปิ โหติ เกสมสฺสุโลจนานุโยคมนุยุโตฺต , อุพฺภฎฺฐโกปิ 13 โหติ อาสนปฎิกฺขิโตฺต, อุกฺกุฎิโกปิ โหติ อุกฺกุฎิกปฺปธานมนุยุโตฺต, กณฺฎกาปสฺสยิโกปิ โหติ กณฺฎกาปสฺสเย เสยฺยํ กเปฺปติ, ผลกเสยฺยมฺปิ กเปฺปติ, ถณฺฑิลเสยฺยมฺปิ กเปฺปติ, เอกปสฺสยิโกปิ โหติ รโชชลฺลธโร, อโพฺภกาสิโกปิ โหติ ยถาสนฺถติโก, เวกฎิโกปิ โหติ วิกฎโภชนานุโยคมนุยุโตฺต, อปานโกปิ โหติ อปานกตฺตมนุยุโตฺต, สายตติยกมฺปิ อุทโกโรหนานุโยคมนุยุโตฺต วิหรติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธ, ยทิ เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริปุณฺณา วา โหติ อปริปุณฺณา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริปุณฺณา โหติ, โน อปริปุณฺณา’’ติฯ ‘‘เอวํ ปริปุณฺณายปิ โข อหํ, นิโคฺรธ, ตโปชิคุจฺฉาย อเนกวิหิเต อุปกฺกิเลเส วทามี’’ติฯ
‘‘Idha, nigrodha, tapassī acelako hoti muttācāro, hatthāpalekhano 14, na ehibhaddantiko, na tiṭṭhabhaddantiko, nābhihaṭaṃ , na uddissakataṃ, na nimantanaṃ sādiyati, so na kumbhimukhā paṭiggaṇhāti, na kaḷopimukhā paṭiggaṇhāti, na eḷakamantaraṃ, na daṇḍamantaraṃ, na musalamantaraṃ, na dvinnaṃ bhuñjamānānaṃ, na gabbhiniyā, na pāyamānāya, na purisantaragatāya, na saṅkittīsu, na yattha sā upaṭṭhito hoti, na yattha makkhikā saṇḍasaṇḍacārinī, na macchaṃ, na maṃsaṃ, na suraṃ, na merayaṃ, na thusodakaṃ pivati, so ekāgāriko vā hoti ekālopiko, dvāgāriko vā hoti dvālopiko, sattāgāriko vā hoti sattālopiko, ekissāpi dattiyā yāpeti, dvīhipi dattīhi yāpeti, sattahipi dattīhi yāpeti; ekāhikampi āhāraṃ āhāreti, dvīhikampi 15 āhāraṃ āhāreti, sattāhikampi āhāraṃ āhāreti, iti evarūpaṃ addhamāsikampi pariyāyabhattabhojanānuyogamanuyutto viharati. So sākabhakkho vā hoti, sāmākabhakkho vā hoti, nīvārabhakkho vā hoti, daddulabhakkho vā hoti, haṭabhakkho vā hoti, kaṇabhakkho vā hoti, ācāmabhakkho vā hoti, piññākabhakkho vā hoti, tiṇabhakkho vā hoti, gomayabhakkho vā hoti; vanamūlaphalāhāro yāpeti pavattaphalabhojī. So sāṇānipi dhāreti , masāṇānipi dhāreti, chavadussānipi dhāreti, paṃsukūlānipi dhāreti, tirīṭānipi dhāreti, ajinampi dhāreti, ajinakkhipampi dhāreti, kusacīrampi dhāreti, vākacīrampi dhāreti, phalakacīrampi dhāreti, kesakambalampi dhāreti, vāḷakambalampi dhāreti, ulūkapakkhampi dhāreti, kesamassulocakopi hoti kesamassulocanānuyogamanuyutto , ubbhaṭṭhakopi 16 hoti āsanapaṭikkhitto, ukkuṭikopi hoti ukkuṭikappadhānamanuyutto, kaṇṭakāpassayikopi hoti kaṇṭakāpassaye seyyaṃ kappeti, phalakaseyyampi kappeti, thaṇḍilaseyyampi kappeti, ekapassayikopi hoti rajojalladharo, abbhokāsikopi hoti yathāsanthatiko, vekaṭikopi hoti vikaṭabhojanānuyogamanuyutto, apānakopi hoti apānakattamanuyutto, sāyatatiyakampi udakorohanānuyogamanuyutto viharati. Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha, yadi evaṃ sante tapojigucchā paripuṇṇā vā hoti aparipuṇṇā vā’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tapojigucchā paripuṇṇā hoti, no aparipuṇṇā’’ti. ‘‘Evaṃ paripuṇṇāyapi kho ahaṃ, nigrodha, tapojigucchāya anekavihite upakkilese vadāmī’’ti.
อุปกฺกิเลโส
Upakkileso
๕๘. ‘‘ยถา กถํ ปน, ภเนฺต, ภควา เอวํ ปริปุณฺณาย ตโปชิคุจฺฉาย อเนกวิหิเต อุปกฺกิเลเส วทตี’’ติ? ‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
58. ‘‘Yathā kathaṃ pana, bhante, bhagavā evaṃ paripuṇṇāya tapojigucchāya anekavihite upakkilese vadatī’’ti? ‘‘Idha, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วเมฺภติฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā attānukkaṃseti paraṃ vambheti. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā attānukkaṃseti paraṃ vambheti. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา มชฺชติ มุจฺฉติ ปมาทมาปชฺชติ 17ฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา มชฺชติ มุจฺฉติ ปมาทมาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā majjati mucchati pamādamāpajjati 18. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā majjati mucchati pamādamāpajjati. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
๕๙. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
59. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วเมฺภติฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน อตฺตานุกฺกํเสติ ปรํ วเมฺภติฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena attānukkaṃseti paraṃ vambheti. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena attānukkaṃseti paraṃ vambheti. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ มุจฺฉติ ปมาทมาปชฺชติฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน มชฺชติ มุจฺฉติ ปมาทมาปชฺชติฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena majjati mucchati pamādamāpajjati. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena majjati mucchati pamādamāpajjati. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
๖๐. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี โภชเนสุ โวทาสํ อาปชฺชติ – ‘อิทํ เม ขมติ, อิทํ เม นกฺขมตี’ติฯ โส ยญฺจ 19 ขฺวสฺส นกฺขมติ, ตํ สาเปโกฺข ปชหติฯ ยํ ปนสฺส ขมติ, ตํ คธิโต 20 มุจฺฉิโต อชฺฌาปโนฺน อนาทีนวทสฺสาวี อนิสฺสรณปโญฺญ ปริภุญฺชติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
60. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī bhojanesu vodāsaṃ āpajjati – ‘idaṃ me khamati, idaṃ me nakkhamatī’ti. So yañca 21 khvassa nakkhamati, taṃ sāpekkho pajahati. Yaṃ panassa khamati, taṃ gadhito 22 mucchito ajjhāpanno anādīnavadassāvī anissaraṇapañño paribhuñjati…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ ลาภสกฺการสิโลกนิกนฺติเหตุ – ‘สกฺกริสฺสนฺติ มํ ราชาโน ราชมหามตฺตา ขตฺติยา พฺราหฺมณา คหปติกา ติตฺถิยา’ติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati lābhasakkārasilokanikantihetu – ‘sakkarissanti maṃ rājāno rājamahāmattā khattiyā brāhmaṇā gahapatikā titthiyā’ti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
๖๑. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อญฺญตรํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา อปสาเทตา 23 โหติ – ‘กิํ ปนายํ สมฺพหุลาชีโว 24 สพฺพํ สํภเกฺขติฯ เสยฺยถิทํ – มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชเมว ปญฺจมํ, อสนิวิจกฺกํ ทนฺตกูฎํ, สมณปฺปวาเทนา’ติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
61. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī aññataraṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā apasādetā 25 hoti – ‘kiṃ panāyaṃ sambahulājīvo 26 sabbaṃ saṃbhakkheti. Seyyathidaṃ – mūlabījaṃ khandhabījaṃ phaḷubījaṃ aggabījaṃ bījabījameva pañcamaṃ, asanivicakkaṃ dantakūṭaṃ, samaṇappavādenā’ti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ปสฺสติ อญฺญตรํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา กุเลสุ สกฺกริยมานํ ครุกริยมานํ มานิยมานํ ปูชิยมานํฯ ทิสฺวา ตสฺส เอวํ โหติ – ‘อิมญฺหิ นาม สมฺพหุลาชีวํ กุเลสุ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติฯ มํ ปน ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ กุเลสุ น สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺติ น มาเนนฺติ น ปูเชนฺตี’ติ, อิติ โส อิสฺสามจฺฉริยํ กุเลสุ อุปฺปาเทตา โหติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī passati aññataraṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā kulesu sakkariyamānaṃ garukariyamānaṃ māniyamānaṃ pūjiyamānaṃ. Disvā tassa evaṃ hoti – ‘imañhi nāma sambahulājīvaṃ kulesu sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti. Maṃ pana tapassiṃ lūkhājīviṃ kulesu na sakkaronti na garuṃ karonti na mānenti na pūjentī’ti, iti so issāmacchariyaṃ kulesu uppādetā hoti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
๖๒. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อาปาถกนิสาที โหติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
62. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī āpāthakanisādī hoti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อตฺตานํ อทสฺสยมาโน กุเลสุ จรติ – ‘อิทมฺปิ เม ตปสฺมิํ อิทมฺปิ เม ตปสฺมิ’นฺติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī attānaṃ adassayamāno kulesu carati – ‘idampi me tapasmiṃ idampi me tapasmi’nti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี กิญฺจิเทว ปฎิจฺฉนฺนํ เสวติฯ โส ‘ขมติ เต อิท’นฺติ ปุโฎฺฐ สมาโน อกฺขมมานํ อาห – ‘ขมตี’ติฯ ขมมานํ อาห – ‘นกฺขมตี’ติฯ อิติ โส สมฺปชานมุสา ภาสิตา โหติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī kiñcideva paṭicchannaṃ sevati. So ‘khamati te ida’nti puṭṭho samāno akkhamamānaṃ āha – ‘khamatī’ti. Khamamānaṃ āha – ‘nakkhamatī’ti. Iti so sampajānamusā bhāsitā hoti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สนฺตํเยว ปริยายํ อนุเญฺญยฺยํ นานุชานาติ…เป.… อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tathāgatassa vā tathāgatasāvakassa vā dhammaṃ desentassa santaṃyeva pariyāyaṃ anuññeyyaṃ nānujānāti…pe… ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
๖๓. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี โกธโน โหติ อุปนาหีฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี โกธโน โหติ อุปนาหีฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
63. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī kodhano hoti upanāhī. Yampi, nigrodha, tapassī kodhano hoti upanāhī. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี มกฺขี โหติ ปฬาสี 27 …เป.… อิสฺสุกี โหติ มจฺฉรี… สโฐ โหติ มายาวี… ถโทฺธ โหติ อติมานี… ปาปิโจฺฉ โหติ ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต… มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต… สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ อาธานคฺคาหี ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ อยมฺปิ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสิโน อุปกฺกิเลโส โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī makkhī hoti paḷāsī 28 …pe… issukī hoti maccharī… saṭho hoti māyāvī… thaddho hoti atimānī… pāpiccho hoti pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato… micchādiṭṭhiko hoti antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgato… sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Yampi, nigrodha, tapassī sandiṭṭhiparāmāsī hoti ādhānaggāhī duppaṭinissaggī. Ayampi kho, nigrodha, tapassino upakkileso hoti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธ, ยทิเม ตโปชิคุจฺฉา 29 อุปกฺกิเลสา วา อนุปกฺกิเลสา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข อิเม, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา 30 อุปกฺกิเลสา 31, โน อนุปกฺกิเลสาฯ ฐานํ โข ปเนตํ, ภเนฺต, วิชฺชติ ยํ อิเธกโจฺจ ตปสฺสี สเพฺพเหว อิเมหิ อุปกฺกิเลเสหิ สมนฺนาคโต อสฺส; โก ปน วาโท อญฺญตรญฺญตเรนา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha, yadime tapojigucchā 32 upakkilesā vā anupakkilesā vā’’ti? ‘‘Addhā kho ime, bhante, tapojigucchā 33 upakkilesā 34, no anupakkilesā. Ṭhānaṃ kho panetaṃ, bhante, vijjati yaṃ idhekacco tapassī sabbeheva imehi upakkilesehi samannāgato assa; ko pana vādo aññataraññatarenā’’ti.
ปริสุทฺธปปฎิกปฺปตฺตกถา
Parisuddhapapaṭikappattakathā
๖๔. ‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกโปฺปฯ เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
64. ‘‘Idha, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā na attamano hoti na paripuṇṇasaṅkappo. Yampi, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā na attamano hoti na paripuṇṇasaṅkappo. Evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา น อตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วเมฺภติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā na attānukkaṃseti na paraṃ vambheti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา น มชฺชติ น มุจฺฉติ น ปมาทมาปชฺชติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā na majjati na mucchati na pamādamāpajjati…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
๖๕. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตมโน โหติ น ปริปุณฺณสงฺกโปฺป…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
65. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena na attamano hoti na paripuṇṇasaṅkappo…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น อตฺตานุกฺกํเสติ น ปรํ วเมฺภติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena na attānukkaṃseti na paraṃ vambheti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตปํ สมาทิยติ, โส เตน ตปสา ลาภสกฺการสิโลกํ อภินิพฺพเตฺตติ, โส เตน ลาภสกฺการสิโลเกน น มชฺชติ น มุจฺฉติ น ปมาทมาปชฺชติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tapaṃ samādiyati, so tena tapasā lābhasakkārasilokaṃ abhinibbatteti, so tena lābhasakkārasilokena na majjati na mucchati na pamādamāpajjati…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
๖๖. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี โภชเนสุ น โวทาสํ อาปชฺชติ – ‘อิทํ เม ขมติ, อิทํ เม นกฺขมตี’ติฯ โส ยญฺจ ขฺวสฺส นกฺขมติ, ตํ อนเปโกฺข ปชหติฯ ยํ ปนสฺส ขมติ , ตํ อคธิโต อมุจฺฉิโต อนชฺฌาปโนฺน อาทีนวทสฺสาวี นิสฺสรณปโญฺญ ปริภุญฺชติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
66. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī bhojanesu na vodāsaṃ āpajjati – ‘idaṃ me khamati, idaṃ me nakkhamatī’ti. So yañca khvassa nakkhamati, taṃ anapekkho pajahati. Yaṃ panassa khamati , taṃ agadhito amucchito anajjhāpanno ādīnavadassāvī nissaraṇapañño paribhuñjati…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น ตปํ สมาทิยติ ลาภสกฺการสิโลกนิกนฺติเหตุ – ‘สกฺกริสฺสนฺติ มํ ราชาโน ราชมหามตฺตา ขตฺติยา พฺราหฺมณา คหปติกา ติตฺถิยา’ติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī na tapaṃ samādiyati lābhasakkārasilokanikantihetu – ‘sakkarissanti maṃ rājāno rājamahāmattā khattiyā brāhmaṇā gahapatikā titthiyā’ti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
๖๗. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อญฺญตรํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา นาปสาเทตา โหติ – ‘กิํ ปนายํ สมฺพหุลาชีโว สพฺพํ สํภเกฺขติฯ เสยฺยถิทํ – มูลพีชํ ขนฺธพีชํ ผฬุพีชํ อคฺคพีชํ พีชพีชเมว ปญฺจมํ, อสนิวิจกฺกํ ทนฺตกูฎํ, สมณปฺปวาเทนา’ติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
67. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī aññataraṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā nāpasādetā hoti – ‘kiṃ panāyaṃ sambahulājīvo sabbaṃ saṃbhakkheti. Seyyathidaṃ – mūlabījaṃ khandhabījaṃ phaḷubījaṃ aggabījaṃ bījabījameva pañcamaṃ, asanivicakkaṃ dantakūṭaṃ, samaṇappavādenā’ti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ปสฺสติ อญฺญตรํ สมณํ วา พฺราหฺมณํ วา กุเลสุ สกฺกริยมานํ ครุ กริยมานํ มานิยมานํ ปูชิยมานํฯ ทิสฺวา ตสฺส น เอวํ โหติ – ‘อิมญฺหิ นาม สมฺพหุลาชีวํ กุเลสุ สกฺกโรนฺติ ครุํ กโรนฺติ มาเนนฺติ ปูเชนฺติฯ มํ ปน ตปสฺสิํ ลูขาชีวิํ กุเลสุ น สกฺกโรนฺติ น ครุํ กโรนฺติ น มาเนนฺติ น ปูเชนฺตี’ติ, อิติ โส อิสฺสามจฺฉริยํ กุเลสุ นุปฺปาเทตา โหติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī passati aññataraṃ samaṇaṃ vā brāhmaṇaṃ vā kulesu sakkariyamānaṃ garu kariyamānaṃ māniyamānaṃ pūjiyamānaṃ. Disvā tassa na evaṃ hoti – ‘imañhi nāma sambahulājīvaṃ kulesu sakkaronti garuṃ karonti mānenti pūjenti. Maṃ pana tapassiṃ lūkhājīviṃ kulesu na sakkaronti na garuṃ karonti na mānenti na pūjentī’ti, iti so issāmacchariyaṃ kulesu nuppādetā hoti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
๖๘. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น อาปาถกนิสาที โหติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
68. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī na āpāthakanisādī hoti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น อตฺตานํ อทสฺสยมาโน กุเลสุ จรติ – ‘อิทมฺปิ เม ตปสฺมิํ, อิทมฺปิ เม ตปสฺมิ’นฺติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī na attānaṃ adassayamāno kulesu carati – ‘idampi me tapasmiṃ, idampi me tapasmi’nti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น กญฺจิเทว ปฎิจฺฉนฺนํ เสวติ, โส – ‘ขมติ เต อิท’นฺติ ปุโฎฺฐ สมาโน อกฺขมมานํ อาห – ‘นกฺขมตี’ติฯ ขมมานํ อาห – ‘ขมตี’ติฯ อิติ โส สมฺปชานมุสา น ภาสิตา โหติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī na kañcideva paṭicchannaṃ sevati, so – ‘khamati te ida’nti puṭṭho samāno akkhamamānaṃ āha – ‘nakkhamatī’ti. Khamamānaṃ āha – ‘khamatī’ti. Iti so sampajānamusā na bhāsitā hoti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี ตถาคตสฺส วา ตถาคตสาวกสฺส วา ธมฺมํ เทเสนฺตสฺส สนฺตํเยว ปริยายํ อนุเญฺญยฺยํ อนุชานาติ…เป.… เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī tathāgatassa vā tathāgatasāvakassa vā dhammaṃ desentassa santaṃyeva pariyāyaṃ anuññeyyaṃ anujānāti…pe… evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
๖๙. ‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อโกฺกธโน โหติ อนุปนาหีฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อโกฺกธโน โหติ อนุปนาหี เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
69. ‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī akkodhano hoti anupanāhī. Yampi, nigrodha, tapassī akkodhano hoti anupanāhī evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ปุน จปรํ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี อมกฺขี โหติ อปฬาสี…เป.… อนิสฺสุกี โหติ อมจฺฉรี… อสโฐ โหติ อมายาวี… อตฺถโทฺธ โหติ อนติมานี… น ปาปิโจฺฉ โหติ น ปาปิกานํ อิจฺฉานํ วสํ คโต… น มิจฺฉาทิฎฺฐิโก โหติ น อนฺตคฺคาหิกาย ทิฎฺฐิยา สมนฺนาคโต… น สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ น อาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ ยมฺปิ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น สนฺทิฎฺฐิปรามาสี โหติ น อาธานคฺคาหี สุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ เอวํ โส ตสฺมิํ ฐาเน ปริสุโทฺธ โหติฯ
‘‘Puna caparaṃ, nigrodha, tapassī amakkhī hoti apaḷāsī…pe… anissukī hoti amaccharī… asaṭho hoti amāyāvī… atthaddho hoti anatimānī… na pāpiccho hoti na pāpikānaṃ icchānaṃ vasaṃ gato… na micchādiṭṭhiko hoti na antaggāhikāya diṭṭhiyā samannāgato… na sandiṭṭhiparāmāsī hoti na ādhānaggāhī suppaṭinissaggī. Yampi, nigrodha, tapassī na sandiṭṭhiparāmāsī hoti na ādhānaggāhī suppaṭinissaggī. Evaṃ so tasmiṃ ṭhāne parisuddho hoti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธ, ยทิ เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา วา โหติ อปริสุทฺธา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา โหติ โน อปริสุทฺธา, อคฺคปฺปตฺตา จ สารปฺปตฺตา จา’’ติฯ ‘‘น โข, นิโคฺรธ, เอตฺตาวตา ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ; อปิ จ โข ปปฎิกปฺปตฺตา 35 โหตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha, yadi evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā vā hoti aparisuddhā vā’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā hoti no aparisuddhā, aggappattā ca sārappattā cā’’ti. ‘‘Na kho, nigrodha, ettāvatā tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca; api ca kho papaṭikappattā 36 hotī’’ti.
ปริสุทฺธตจปฺปตฺตกถา
Parisuddhatacappattakathā
๗๐. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ? สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตโปชิคุจฺฉาย อคฺคเญฺญว ปาเปตุ, สารเญฺญว ปาเปตู’’ติฯ ‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติฯ กถญฺจ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ? อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี น ปาณํ อติปาเตติ 37, น ปาณํ อติปาตยติ, น ปาณมติปาตยโต สมนุโญฺญ โหติ ฯ น อทินฺนํ อาทิยติ, น อทินฺนํ อาทิยาเปติ, น อทินฺนํ อาทิยโต สมนุโญฺญ โหติฯ น มุสา ภณติ, น มุสา ภณาเปติ, น มุสา ภณโต สมนุโญฺญ โหติฯ น ภาวิตมาสีสติ 38, น ภาวิตมาสีสาเปติ, น ภาวิตมาสีสโต สมนุโญฺญ โหติฯ เอวํ โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติฯ
70. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca? Sādhu me, bhante, bhagavā tapojigucchāya aggaññeva pāpetu, sāraññeva pāpetū’’ti. ‘‘Idha, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti. Kathañca, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti? Idha, nigrodha, tapassī na pāṇaṃ atipāteti 39, na pāṇaṃ atipātayati, na pāṇamatipātayato samanuñño hoti . Na adinnaṃ ādiyati, na adinnaṃ ādiyāpeti, na adinnaṃ ādiyato samanuñño hoti. Na musā bhaṇati, na musā bhaṇāpeti, na musā bhaṇato samanuñño hoti. Na bhāvitamāsīsati 40, na bhāvitamāsīsāpeti, na bhāvitamāsīsato samanuñño hoti. Evaṃ kho, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti.
‘‘ยโต โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ, อทุํ จสฺส โหติ ตปสฺสิตายฯ โส อภิหรติ โน หีนายาวตฺตติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ อรญฺญํ รุกฺขมูลํ ปพฺพตํ กนฺทรํ คิริคุหํ สุสานํ วนปตฺถํ อโพฺภกาสํ ปลาลปุญฺชํฯ โส ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต นิสีทติ ปลฺลงฺกํ อาภุชิตฺวา อุชุํ กายํ ปณิธาย ปริมุขํ สติํ อุปฎฺฐเปตฺวาฯ โส อภิชฺฌํ โลเก ปหาย วิคตาภิเชฺฌน เจตสา วิหรติ, อภิชฺฌาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ พฺยาปาทปฺปโทสํ ปหาย อพฺยาปนฺนจิโตฺต วิหรติ สพฺพปาณภูตหิตานุกมฺปี, พฺยาปาทปฺปโทสา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ ถินมิทฺธํ 41 ปหาย วิคตถินมิโทฺธ วิหรติ อาโลกสญฺญี สโต สมฺปชาโน, ถินมิทฺธา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจํ ปหาย อนุทฺธโต วิหรติ อชฺฌตฺตํ วูปสนฺตจิโตฺต, อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจา จิตฺตํ ปริโสเธติฯ วิจิกิจฺฉํ ปหาย ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิหรติ อกถํกถี กุสเลสุ ธเมฺมสุ, วิจิกิจฺฉาย จิตฺตํ ปริโสเธติฯ
‘‘Yato kho, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti, aduṃ cassa hoti tapassitāya. So abhiharati no hīnāyāvattati. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati araññaṃ rukkhamūlaṃ pabbataṃ kandaraṃ giriguhaṃ susānaṃ vanapatthaṃ abbhokāsaṃ palālapuñjaṃ. So pacchābhattaṃ piṇḍapātappaṭikkanto nisīdati pallaṅkaṃ ābhujitvā ujuṃ kāyaṃ paṇidhāya parimukhaṃ satiṃ upaṭṭhapetvā. So abhijjhaṃ loke pahāya vigatābhijjhena cetasā viharati, abhijjhāya cittaṃ parisodheti. Byāpādappadosaṃ pahāya abyāpannacitto viharati sabbapāṇabhūtahitānukampī, byāpādappadosā cittaṃ parisodheti. Thinamiddhaṃ 42 pahāya vigatathinamiddho viharati ālokasaññī sato sampajāno, thinamiddhā cittaṃ parisodheti. Uddhaccakukkuccaṃ pahāya anuddhato viharati ajjhattaṃ vūpasantacitto, uddhaccakukkuccā cittaṃ parisodheti. Vicikicchaṃ pahāya tiṇṇavicikiccho viharati akathaṃkathī kusalesu dhammesu, vicikicchāya cittaṃ parisodheti.
๗๑. ‘‘โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ เมตฺตาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ เมตฺตาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา เอกํ ทิสํ ผริตฺวา วิหรติฯ ตถา ทุติยํฯ ตถา ตติยํฯ ตถา จตุตฺถํฯ อิติ อุทฺธมโธ ติริยํ สพฺพธิ สพฺพตฺตตาย สพฺพาวนฺตํ โลกํ อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ
71. ‘‘So ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe mettāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati. Tathā dutiyaṃ. Tathā tatiyaṃ. Tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ mettāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. Karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā ekaṃ disaṃ pharitvā viharati. Tathā dutiyaṃ. Tathā tatiyaṃ. Tathā catutthaṃ. Iti uddhamadho tiriyaṃ sabbadhi sabbattatāya sabbāvantaṃ lokaṃ upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธฯ ยทิ เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา วา โหติ อปริสุทฺธา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา โหติ โน อปริสุทฺธา, อคฺคปฺปตฺตา จ สารปฺปตฺตา จา’’ติฯ ‘‘น โข, นิโคฺรธ, เอตฺตาวตา ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ; อปิ จ โข ตจปฺปตฺตา โหตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha. Yadi evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā vā hoti aparisuddhā vā’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā hoti no aparisuddhā, aggappattā ca sārappattā cā’’ti. ‘‘Na kho, nigrodha, ettāvatā tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca; api ca kho tacappattā hotī’’ti.
ปริสุทฺธเผคฺคุปฺปตฺตกถา
Parisuddhaphegguppattakathā
๗๒. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ? สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตโปชิคุจฺฉาย อคฺคเญฺญว ปาเปตุ, สารเญฺญว ปาเปตู’’ติฯ ‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติฯ กถญฺจ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ…เป.… ยโต โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ, อทุํ จสฺส โหติ ตปสฺสิตายฯ โส อภิหรติ โน หีนายาวตฺตติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ…เป.… โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ เมตฺตาสหคเตน เจตสา…เป.… กรุณาสหคเตน เจตสา…เป.… มุทิตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย ทสปิ ชาติโย วีสมฺปิ ชาติโย ติํสมฺปิ ชาติโย จตฺตาลีสมฺปิ ชาติโย ปญฺญาสมฺปิ ชาติโย ชาติสตมฺปิ ชาติสหสฺสมฺปิ ชาติสตสหสฺสมฺปิ อเนเกปิ สํวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ วิวฎฺฎกเปฺป อเนเกปิ สํวฎฺฎวิวฎฺฎกเปฺป – ‘อมุตฺราสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อมุตฺร อุทปาทิํ, ตตฺราปาสิํ เอวํนาโม เอวํโคโตฺต เอวํวโณฺณ เอวมาหาโร เอวํสุขทุกฺขปฺปฎิสํเวที เอวมายุปริยโนฺต, โส ตโต จุโต อิธูปปโนฺน’ติฯ อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ
72. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca? Sādhu me, bhante, bhagavā tapojigucchāya aggaññeva pāpetu, sāraññeva pāpetū’’ti. ‘‘Idha, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti. Kathañca, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti…pe… yato kho, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti, aduṃ cassa hoti tapassitāya. So abhiharati no hīnāyāvattati. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati…pe… so ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe mettāsahagatena cetasā…pe… karuṇāsahagatena cetasā…pe… muditāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo dasapi jātiyo vīsampi jātiyo tiṃsampi jātiyo cattālīsampi jātiyo paññāsampi jātiyo jātisatampi jātisahassampi jātisatasahassampi anekepi saṃvaṭṭakappe anekepi vivaṭṭakappe anekepi saṃvaṭṭavivaṭṭakappe – ‘amutrāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto amutra udapādiṃ, tatrāpāsiṃ evaṃnāmo evaṃgotto evaṃvaṇṇo evamāhāro evaṃsukhadukkhappaṭisaṃvedī evamāyupariyanto, so tato cuto idhūpapanno’ti. Iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธ, ยทิ เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา วา โหติ อปริสุทฺธา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา โหติ, โน อปริสุทฺธา, อคฺคปฺปตฺตา จ สารปฺปตฺตา จา’’ติฯ ‘‘น โข, นิโคฺรธ, เอตฺตาวตา ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ; อปิ จ โข เผคฺคุปฺปตฺตา โหตี’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha, yadi evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā vā hoti aparisuddhā vā’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā hoti, no aparisuddhā, aggappattā ca sārappattā cā’’ti. ‘‘Na kho, nigrodha, ettāvatā tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca; api ca kho phegguppattā hotī’’ti.
ปริสุทฺธอคฺคปฺปตฺตสารปฺปตฺตกถา
Parisuddhaaggappattasārappattakathā
๗๓. ‘‘กิตฺตาวตา ปน, ภเนฺต, ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จ? สาธุ เม, ภเนฺต, ภควา ตโปชิคุจฺฉาย อคฺคเญฺญว ปาเปตุ, สารเญฺญว ปาเปตู’’ติฯ ‘‘อิธ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติฯ กถญฺจ, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ…เป.… ยโต โข, นิโคฺรธ, ตปสฺสี จาตุยามสํวรสํวุโต โหติ, อทุํ จสฺส โหติ ตปสฺสิตายฯ โส อภิหรติ โน หีนายาวตฺตติฯ โส วิวิตฺตํ เสนาสนํ ภชติ…เป.… โส อิเม ปญฺจ นีวรเณ ปหาย เจตโส อุปกฺกิเลเส ปญฺญาย ทุพฺพลีกรเณ เมตฺตาสหคเตน เจตสา…เป.… อุเปกฺขาสหคเตน เจตสา วิปุเลน มหคฺคเตน อปฺปมาเณน อเวเรน อพฺยาปเชฺชน ผริตฺวา วิหรติฯ โส อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ เสยฺยถิทํ – เอกมฺปิ ชาติํ เทฺวปิ ชาติโย ติโสฺสปิ ชาติโย จตโสฺสปิ ชาติโย ปญฺจปิ ชาติโย…เป.… อิติ สาการํ สอุเทฺทสํ อเนกวิหิตํ ปุเพฺพนิวาสํ อนุสฺสรติฯ โส ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติ – ‘อิเม วต โภโนฺต สตฺตา กายทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา วจีทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา มโนทุจฺจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อุปวาทกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกา มิจฺฉาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา อปายํ ทุคฺคติํ วินิปาตํ นิรยํ อุปปนฺนาฯ อิเม วา ปน โภโนฺต สตฺตา กายสุจริเตน สมนฺนาคตา วจีสุจริเตน สมนฺนาคตา มโนสุจริเตน สมนฺนาคตา อริยานํ อนุปวาทกา สมฺมาทิฎฺฐิกา สมฺมาทิฎฺฐิกมฺมสมาทานาฯ เต กายสฺส เภทา ปรํ มรณา สุคติํ สคฺคํ โลกํ อุปปนฺนา’ติฯ อิติ ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธน อติกฺกนฺตมานุสเกน สเตฺต ปสฺสติ จวมาเน อุปปชฺชมาเน หีเน ปณีเต สุวเณฺณ ทุพฺพเณฺณ สุคเต ทุคฺคเต, ยถากมฺมูปเค สเตฺต ปชานาติฯ
73. ‘‘Kittāvatā pana, bhante, tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca? Sādhu me, bhante, bhagavā tapojigucchāya aggaññeva pāpetu, sāraññeva pāpetū’’ti. ‘‘Idha, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti. Kathañca, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti…pe… yato kho, nigrodha, tapassī cātuyāmasaṃvarasaṃvuto hoti, aduṃ cassa hoti tapassitāya. So abhiharati no hīnāyāvattati. So vivittaṃ senāsanaṃ bhajati…pe… so ime pañca nīvaraṇe pahāya cetaso upakkilese paññāya dubbalīkaraṇe mettāsahagatena cetasā…pe… upekkhāsahagatena cetasā vipulena mahaggatena appamāṇena averena abyāpajjena pharitvā viharati. So anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. Seyyathidaṃ – ekampi jātiṃ dvepi jātiyo tissopi jātiyo catassopi jātiyo pañcapi jātiyo…pe… iti sākāraṃ sauddesaṃ anekavihitaṃ pubbenivāsaṃ anussarati. So dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate, yathākammūpage satte pajānāti – ‘ime vata bhonto sattā kāyaduccaritena samannāgatā vacīduccaritena samannāgatā manoduccaritena samannāgatā ariyānaṃ upavādakā micchādiṭṭhikā micchādiṭṭhikammasamādānā. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā apāyaṃ duggatiṃ vinipātaṃ nirayaṃ upapannā. Ime vā pana bhonto sattā kāyasucaritena samannāgatā vacīsucaritena samannāgatā manosucaritena samannāgatā ariyānaṃ anupavādakā sammādiṭṭhikā sammādiṭṭhikammasamādānā. Te kāyassa bhedā paraṃ maraṇā sugatiṃ saggaṃ lokaṃ upapannā’ti. Iti dibbena cakkhunā visuddhena atikkantamānusakena satte passati cavamāne upapajjamāne hīne paṇīte suvaṇṇe dubbaṇṇe sugate duggate, yathākammūpage satte pajānāti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธ, ยทิ เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา วา โหติ อปริสุทฺธา วา’’ติ? ‘‘อทฺธา โข, ภเนฺต, เอวํ สเนฺต ตโปชิคุจฺฉา ปริสุทฺธา โหติ โน อปริสุทฺธา, อคฺคปฺปตฺตา จ สารปฺปตฺตา จา’’ติฯ
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha, yadi evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā vā hoti aparisuddhā vā’’ti? ‘‘Addhā kho, bhante, evaṃ sante tapojigucchā parisuddhā hoti no aparisuddhā, aggappattā ca sārappattā cā’’ti.
๗๔. ‘‘เอตฺตาวตา โข, นิโคฺรธ, ตโปชิคุจฺฉา อคฺคปฺปตฺตา จ โหติ สารปฺปตฺตา จฯ อิติ โข, นิโคฺรธ 43, ยํ มํ ตฺวํ อวจาสิ – ‘โก นาม โส, ภเนฺต, ภควโต ธโมฺม, เยน ภควา สาวเก วิเนติ, เยน ภควตา สาวกา วินีตา อสฺสาสปฺปตฺตา ปฎิชานนฺติ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’นฺติฯ อิติ โข ตํ, นิโคฺรธ, ฐานํ อุตฺตริตรญฺจ ปณีตตรญฺจ, เยนาหํ สาวเก วิเนมิ, เยน มยา สาวกา วินีตา อสฺสาสปฺปตฺตา ปฎิชานนฺติ อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’’นฺติฯ
74. ‘‘Ettāvatā kho, nigrodha, tapojigucchā aggappattā ca hoti sārappattā ca. Iti kho, nigrodha 44, yaṃ maṃ tvaṃ avacāsi – ‘ko nāma so, bhante, bhagavato dhammo, yena bhagavā sāvake vineti, yena bhagavatā sāvakā vinītā assāsappattā paṭijānanti ajjhāsayaṃ ādibrahmacariya’nti. Iti kho taṃ, nigrodha, ṭhānaṃ uttaritarañca paṇītatarañca, yenāhaṃ sāvake vinemi, yena mayā sāvakā vinītā assāsappattā paṭijānanti ajjhāsayaṃ ādibrahmacariya’’nti.
เอวํ วุเตฺต, เต ปริพฺพาชกา อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเหสุํ – ‘‘เอตฺถ มยํ อนสฺสาม สาจริยกา, น มยํ อิโต ภิโยฺย อุตฺตริตรํ ปชานามา’’ติฯ
Evaṃ vutte, te paribbājakā unnādino uccāsaddamahāsaddā ahesuṃ – ‘‘ettha mayaṃ anassāma sācariyakā, na mayaṃ ito bhiyyo uttaritaraṃ pajānāmā’’ti.
นิโคฺรธสฺส ปชฺฌายนํ
Nigrodhassa pajjhāyanaṃ
๗๕. ยทา อญฺญาสิ สนฺธาโน คหปติ – ‘‘อญฺญทตฺถุ โข ทานิเม อญฺญติตฺถิยา ปริพฺพาชกา ภควโต ภาสิตํ สุสฺสูสนฺติ, โสตํ โอทหนฺติ, อญฺญาจิตฺตํ อุปฎฺฐาเปนฺตี’’ติฯ อถ 45 นิโคฺรธํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘อิติ โข, ภเนฺต นิโคฺรธ, ยํ มํ ตฺวํ อวจาสิ – ‘ยเคฺฆ, คหปติ, ชาเนยฺยาสิ, เกน สมโณ โคตโม สทฺธิํ สลฺลปติ, เกน สากจฺฉํ สมาปชฺชติ, เกน ปญฺญาเวยฺยตฺติยํ สมาปชฺชติ, สุญฺญาคารหตา สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญา, อปริสาวจโร สมโณ โคตโม นาลํ สลฺลาปาย, โส อนฺตมนฺตาเนว เสวติ; เสยฺยถาปิ นาม โคกาณา ปริยนฺตจารินี อนฺตมนฺตาเนว เสวติฯ เอวเมว สุญฺญาคารหตา สมณสฺส โคตมสฺส ปญฺญา, อปริสาวจโร สมโณ โคตโม นาลํ สลฺลาปาย; โส อนฺตมนฺตาเนว เสวติ; อิงฺฆ, คหปติ, สมโณ โคตโม อิมํ ปริสํ อาคเจฺฉยฺย, เอกปเญฺหเนว นํ สํสาเทยฺยาม, ตุจฺฉกุมฺภีว นํ มเญฺญ โอโรเธยฺยามา’ติฯ อยํ โข โส, ภเนฺต, ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุโทฺธ อิธานุปฺปโตฺต, อปริสาวจรํ ปน นํ กโรถ, โคกาณํ ปริยนฺตจารินิํ กโรถ, เอกปเญฺหเนว นํ สํสาเทถ, ตุจฺฉกุมฺภีว นํ โอโรเธถา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก ตุณฺหีภูโต มงฺกุภูโต ปตฺตกฺขโนฺธ อโธมุโข ปชฺฌายโนฺต อปฺปฎิภาโน นิสีทิฯ
75. Yadā aññāsi sandhāno gahapati – ‘‘aññadatthu kho dānime aññatitthiyā paribbājakā bhagavato bhāsitaṃ sussūsanti, sotaṃ odahanti, aññācittaṃ upaṭṭhāpentī’’ti. Atha 46 nigrodhaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘iti kho, bhante nigrodha, yaṃ maṃ tvaṃ avacāsi – ‘yagghe, gahapati, jāneyyāsi, kena samaṇo gotamo saddhiṃ sallapati, kena sākacchaṃ samāpajjati, kena paññāveyyattiyaṃ samāpajjati, suññāgārahatā samaṇassa gotamassa paññā, aparisāvacaro samaṇo gotamo nālaṃ sallāpāya, so antamantāneva sevati; seyyathāpi nāma gokāṇā pariyantacārinī antamantāneva sevati. Evameva suññāgārahatā samaṇassa gotamassa paññā, aparisāvacaro samaṇo gotamo nālaṃ sallāpāya; so antamantāneva sevati; iṅgha, gahapati, samaṇo gotamo imaṃ parisaṃ āgaccheyya, ekapañheneva naṃ saṃsādeyyāma, tucchakumbhīva naṃ maññe orodheyyāmā’ti. Ayaṃ kho so, bhante, bhagavā arahaṃ sammāsambuddho idhānuppatto, aparisāvacaraṃ pana naṃ karotha, gokāṇaṃ pariyantacāriniṃ karotha, ekapañheneva naṃ saṃsādetha, tucchakumbhīva naṃ orodhethā’’ti. Evaṃ vutte, nigrodho paribbājako tuṇhībhūto maṅkubhūto pattakkhandho adhomukho pajjhāyanto appaṭibhāno nisīdi.
๗๖. อถ โข ภควา นิโคฺรธํ ปริพฺพาชกํ ตุณฺหีภูตํ มงฺกุภูตํ ปตฺตกฺขนฺธํ อโธมุขํ ปชฺฌายนฺตํ อปฺปฎิภานํ วิทิตฺวา นิโคฺรธํ ปริพฺพาชกํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํ กิร, นิโคฺรธ, ภาสิตา เต เอสา วาจา’’ติ? ‘‘สจฺจํ , ภเนฺต, ภาสิตา เม เอสา วาจา, ยถาพาเลน ยถามูเฬฺหน ยถาอกุสเลนา’’ติฯ ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, นิโคฺรธฯ กินฺติ เต สุตํ ปริพฺพาชกานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา, เอวํ สุ เต ภควโนฺต สํคมฺม สมาคมฺม อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วาฯ เสยฺยถาปิ ตฺวํ เอตรหิ สาจริยโกฯ อุทาหุ, เอวํ สุ เต ภควโนฺต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิโคฺฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฎิสลฺลานสารุปฺปานิ, เสยฺยถาปาหํ เอตรหี’ติฯ
76. Atha kho bhagavā nigrodhaṃ paribbājakaṃ tuṇhībhūtaṃ maṅkubhūtaṃ pattakkhandhaṃ adhomukhaṃ pajjhāyantaṃ appaṭibhānaṃ viditvā nigrodhaṃ paribbājakaṃ etadavoca – ‘‘saccaṃ kira, nigrodha, bhāsitā te esā vācā’’ti? ‘‘Saccaṃ , bhante, bhāsitā me esā vācā, yathābālena yathāmūḷhena yathāakusalenā’’ti. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, nigrodha. Kinti te sutaṃ paribbājakānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘ye te ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā, evaṃ su te bhagavanto saṃgamma samāgamma unnādino uccāsaddamahāsaddā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ anuyuttā viharanti. Seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā. Seyyathāpi tvaṃ etarahi sācariyako. Udāhu, evaṃ su te bhagavanto araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti appasaddāni appanigghosāni vijanavātāni manussarāhasseyyakāni paṭisallānasāruppāni, seyyathāpāhaṃ etarahī’ti.
‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺตฯ ปริพฺพาชกานํ วุฑฺฒานํ มหลฺลกานํ อาจริยปาจริยานํ ภาสมานานํ – ‘เย เต อเหสุํ อตีตมทฺธานํ อรหโนฺต สมฺมาสมฺพุทฺธา , น เอวํ สุ 47 เต ภควโนฺต สํคมฺม สมาคมฺม อุนฺนาทิโน อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทา อเนกวิหิตํ ติรจฺฉานกถํ อนุยุตฺตา วิหรนฺติฯ เสยฺยถิทํ – ราชกถํ โจรกถํ…เป.… อิติภวาภวกถํ อิติ วา, เสยฺยถาปาหํ เอตรหิ สาจริยโกฯ เอวํ สุ เต ภควโนฺต อรญฺญวนปตฺถานิ ปนฺตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวนฺติ อปฺปสทฺทานิ อปฺปนิโคฺฆสานิ วิชนวาตานิ มนุสฺสราหเสฺสยฺยกานิ ปฎิสลฺลานสารุปฺปานิ, เสยฺยถาปิ ภควา เอตรหี’’’ติฯ
‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante. Paribbājakānaṃ vuḍḍhānaṃ mahallakānaṃ ācariyapācariyānaṃ bhāsamānānaṃ – ‘ye te ahesuṃ atītamaddhānaṃ arahanto sammāsambuddhā , na evaṃ su 48 te bhagavanto saṃgamma samāgamma unnādino uccāsaddamahāsaddā anekavihitaṃ tiracchānakathaṃ anuyuttā viharanti. Seyyathidaṃ – rājakathaṃ corakathaṃ…pe… itibhavābhavakathaṃ iti vā, seyyathāpāhaṃ etarahi sācariyako. Evaṃ su te bhagavanto araññavanapatthāni pantāni senāsanāni paṭisevanti appasaddāni appanigghosāni vijanavātāni manussarāhasseyyakāni paṭisallānasāruppāni, seyyathāpi bhagavā etarahī’’’ti.
‘‘ตสฺส เต, นิโคฺรธ, วิญฺญุสฺส สโต มหลฺลกสฺส น เอตทโหสิ – ‘พุโทฺธ โส ภควา โพธาย ธมฺมํ เทเสติ, ทโนฺต โส ภควา ทมถาย ธมฺมํ เทเสติ, สโนฺต โส ภควา สมถาย ธมฺมํ เทเสติ, ติโณฺณ โส ภควา ตรณาย ธมฺมํ เทเสติ, ปรินิพฺพุโต โส ภควา ปรินิพฺพานาย ธมฺมํ เทเสตี’’’ติ?
‘‘Tassa te, nigrodha, viññussa sato mahallakassa na etadahosi – ‘buddho so bhagavā bodhāya dhammaṃ deseti, danto so bhagavā damathāya dhammaṃ deseti, santo so bhagavā samathāya dhammaṃ deseti, tiṇṇo so bhagavā taraṇāya dhammaṃ deseti, parinibbuto so bhagavā parinibbānāya dhammaṃ desetī’’’ti?
พฺรหฺมจริยปริโยสานสจฺฉิกิริยา
Brahmacariyapariyosānasacchikiriyā
๗๗. เอวํ วุเตฺต, นิโคฺรโธ ปริพฺพาชโก ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อจฺจโย มํ, ภเนฺต, อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, ยฺวาหํ เอวํ ภควนฺตํ อวจาสิํฯ ตสฺส เม, ภเนฺต, ภควา อจฺจยํ อจฺจยโต ปฎิคฺคณฺหาตุ อายติํ สํวรายา’’ติฯ ‘‘ตคฺฆ ตฺวํ 49, นิโคฺรธ, อจฺจโย อจฺจคมา ยถาพาลํ ยถามูฬฺหํ ยถาอกุสลํ, โย มํ ตฺวํ เอวํ อวจาสิฯ ยโต จ โข ตฺวํ, นิโคฺรธ, อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฎิกโรสิ, ตํ เต มยํ ปฎิคฺคณฺหามฯ วุทฺธิ เหสา, นิโคฺรธ, อริยสฺส วินเย, โย อจฺจยํ อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ ปฎิกโรติ อายติํ สํวรํ อาปชฺชติฯ อหํ โข ปน, นิโคฺรธ, เอวํ วทามิ –
77. Evaṃ vutte, nigrodho paribbājako bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘accayo maṃ, bhante, accagamā yathābālaṃ yathāmūḷhaṃ yathāakusalaṃ, yvāhaṃ evaṃ bhagavantaṃ avacāsiṃ. Tassa me, bhante, bhagavā accayaṃ accayato paṭiggaṇhātu āyatiṃ saṃvarāyā’’ti. ‘‘Taggha tvaṃ 50, nigrodha, accayo accagamā yathābālaṃ yathāmūḷhaṃ yathāakusalaṃ, yo maṃ tvaṃ evaṃ avacāsi. Yato ca kho tvaṃ, nigrodha, accayaṃ accayato disvā yathādhammaṃ paṭikarosi, taṃ te mayaṃ paṭiggaṇhāma. Vuddhi hesā, nigrodha, ariyassa vinaye, yo accayaṃ accayato disvā yathādhammaṃ paṭikaroti āyatiṃ saṃvaraṃ āpajjati. Ahaṃ kho pana, nigrodha, evaṃ vadāmi –
‘เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา 51 ปฎิปชฺชมาโน, ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ สตฺตวสฺสานิฯ ติฎฺฐนฺตุ, นิโคฺรธ, สตฺต วสฺสานิฯ เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน, ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ ฉ วสฺสานิฯ ปญฺจ วสฺสานิ… จตฺตาริ วสฺสานิ… ตีณิ วสฺสานิ… เทฺว วสฺสานิ… เอกํ วสฺสํฯ ติฎฺฐตุ, นิโคฺรธ, เอกํ วสฺสํฯ เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน, ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ สตฺต มาสานิฯ ติฎฺฐนฺตุ, นิโคฺรธ, สตฺต มาสานิ… ฉ มาสานิ… ปญฺจ มาสานิ … จตฺตาริ มาสานิ… ตีณิ มาสานิ… เทฺว มาสานิ… เอกํ มาสํ… อฑฺฒมาสํฯ ติฎฺฐตุ, นิโคฺรธ, อฑฺฒมาโสฯ เอตุ วิญฺญู ปุริโส อสโฐ อมายาวี อุชุชาติโก, อหมนุสาสามิ อหํ ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถานุสิฎฺฐํ ตถา ปฎิปชฺชมาโน, ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสติ สตฺตาหํ’ฯ
‘Etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko, ahamanusāsāmi ahaṃ dhammaṃ desemi. Yathānusiṭṭhaṃ tathā 52 paṭipajjamāno, yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati sattavassāni. Tiṭṭhantu, nigrodha, satta vassāni. Etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko, ahamanusāsāmi ahaṃ dhammaṃ desemi. Yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno, yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati cha vassāni. Pañca vassāni… cattāri vassāni… tīṇi vassāni… dve vassāni… ekaṃ vassaṃ. Tiṭṭhatu, nigrodha, ekaṃ vassaṃ. Etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko ahamanusāsāmi ahaṃ dhammaṃ desemi. Yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno, yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati satta māsāni. Tiṭṭhantu, nigrodha, satta māsāni… cha māsāni… pañca māsāni … cattāri māsāni… tīṇi māsāni… dve māsāni… ekaṃ māsaṃ… aḍḍhamāsaṃ. Tiṭṭhatu, nigrodha, aḍḍhamāso. Etu viññū puriso asaṭho amāyāvī ujujātiko, ahamanusāsāmi ahaṃ dhammaṃ desemi. Yathānusiṭṭhaṃ tathā paṭipajjamāno, yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissati sattāhaṃ’.
ปริพฺพาชกานํ ปชฺฌายนํ
Paribbājakānaṃ pajjhāyanaṃ
๗๘. ‘‘สิยา โข ปน เต, นิโคฺรธ, เอวมสฺส – ‘อเนฺตวาสิกมฺยตา โน สมโณ โคตโม เอวมาหา’ติฯ น โข ปเนตํ, นิโคฺรธ, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ โย เอว โว 53 อาจริโย, โส เอว โว อาจริโย โหตุฯ สิยา โข ปน เต, นิโคฺรธ, เอวมสฺส – ‘อุเทฺทสา โน จาเวตุกาโม สมโณ โคตโม เอวมาหา’ติฯ น โข ปเนตํ, นิโคฺรธ , เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ โย เอว โว อุเทฺทโส โส เอว โว อุเทฺทโส โหตุฯ สิยา โข ปน เต, นิโคฺรธ, เอวมสฺส – ‘อาชีวา โน จาเวตุกาโม สมโณ โคตโม เอวมาหา’ติฯ น โข ปเนตํ, นิโคฺรธ, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ โย เอว โว อาชีโว, โส เอว โว อาชีโว โหตุฯ สิยา โข ปน เต, นิโคฺรธ, เอวมสฺส – ‘เย โน ธมฺมา อกุสลา อกุสลสงฺขาตา สาจริยกานํ, เตสุ ปติฎฺฐาเปตุกาโม สมโณ โคตโม เอวมาหา’ติฯ น โข ปเนตํ, นิโคฺรธ, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ อกุสลา เจว โว เต ธมฺมา 54 โหนฺตุ อกุสลสงฺขาตา จ สาจริยกานํฯ สิยา โข ปน เต , นิโคฺรธ, เอวมสฺส – ‘เย โน ธมฺมา กุสลา กุสลสงฺขาตา สาจริยกานํ, เตหิ วิเวเจตุกาโม สมโณ โคตโม เอวมาหา’ติฯ น โข ปเนตํ, นิโคฺรธ, เอวํ ทฎฺฐพฺพํฯ กุสลา เจว โว เต ธมฺมา โหนฺตุ กุสลสงฺขาตา จ สาจริยกานํฯ อิติ ขฺวาหํ, นิโคฺรธ, เนว อเนฺตวาสิกมฺยตา เอวํ วทามิ, นปิ อุเทฺทสา จาเวตุกาโม เอวํ วทามิ, นปิ อาชีวา จาเวตุกาโม เอวํ วทามิ, นปิ เย โว ธมฺมา 55 อกุสลา อกุสลสงฺขาตา สาจริยกานํ, เตสุ ปติฎฺฐาเปตุกาโม เอวํ วทามิ, นปิ เย โว ธมฺมา 56 กุสลา กุสลสงฺขาตา สาจริยกานํ, เตหิ วิเวเจตุกาโม เอวํ วทามิฯ สนฺติ จ โข, นิโคฺรธ, อกุสลา ธมฺมา อปฺปหีนา สํกิเลสิกา โปโนพฺภวิกา 57 สทรา 58 ทุกฺขวิปากา อายติํ ชาติชรามรณิยา, เยสาหํ ปหานาย ธมฺมํ เทเสมิฯ ยถาปฎิปนฺนานํ โว สํกิเลสิกา ธมฺมา ปหียิสฺสนฺติ, โวทานียา ธมฺมา อภิวฑฺฒิสฺสนฺติ, ปญฺญาปาริปูริํ เวปุลฺลตฺตญฺจ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหริสฺสถา’’ติฯ
78. ‘‘Siyā kho pana te, nigrodha, evamassa – ‘antevāsikamyatā no samaṇo gotamo evamāhā’ti. Na kho panetaṃ, nigrodha, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Yo eva vo 59 ācariyo, so eva vo ācariyo hotu. Siyā kho pana te, nigrodha, evamassa – ‘uddesā no cāvetukāmo samaṇo gotamo evamāhā’ti. Na kho panetaṃ, nigrodha , evaṃ daṭṭhabbaṃ. Yo eva vo uddeso so eva vo uddeso hotu. Siyā kho pana te, nigrodha, evamassa – ‘ājīvā no cāvetukāmo samaṇo gotamo evamāhā’ti. Na kho panetaṃ, nigrodha, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Yo eva vo ājīvo, so eva vo ājīvo hotu. Siyā kho pana te, nigrodha, evamassa – ‘ye no dhammā akusalā akusalasaṅkhātā sācariyakānaṃ, tesu patiṭṭhāpetukāmo samaṇo gotamo evamāhā’ti. Na kho panetaṃ, nigrodha, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Akusalā ceva vo te dhammā 60 hontu akusalasaṅkhātā ca sācariyakānaṃ. Siyā kho pana te , nigrodha, evamassa – ‘ye no dhammā kusalā kusalasaṅkhātā sācariyakānaṃ, tehi vivecetukāmo samaṇo gotamo evamāhā’ti. Na kho panetaṃ, nigrodha, evaṃ daṭṭhabbaṃ. Kusalā ceva vo te dhammā hontu kusalasaṅkhātā ca sācariyakānaṃ. Iti khvāhaṃ, nigrodha, neva antevāsikamyatā evaṃ vadāmi, napi uddesā cāvetukāmo evaṃ vadāmi, napi ājīvā cāvetukāmo evaṃ vadāmi, napi ye vo dhammā 61 akusalā akusalasaṅkhātā sācariyakānaṃ, tesu patiṭṭhāpetukāmo evaṃ vadāmi, napi ye vo dhammā 62 kusalā kusalasaṅkhātā sācariyakānaṃ, tehi vivecetukāmo evaṃ vadāmi. Santi ca kho, nigrodha, akusalā dhammā appahīnā saṃkilesikā ponobbhavikā 63 sadarā 64 dukkhavipākā āyatiṃ jātijarāmaraṇiyā, yesāhaṃ pahānāya dhammaṃ desemi. Yathāpaṭipannānaṃ vo saṃkilesikā dhammā pahīyissanti, vodānīyā dhammā abhivaḍḍhissanti, paññāpāripūriṃ vepullattañca diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja viharissathā’’ti.
๗๙. เอวํ วุเตฺต, เต ปริพฺพาชกา ตุณฺหีภูตา มงฺกุภูตา ปตฺตกฺขนฺธา อโธมุขา ปชฺฌายนฺตา อปฺปฎิภานา นิสีทิํสุ ยถา ตํ มาเรน ปริยุฎฺฐิตจิตฺตาฯ อถ โข ภควโต เอตทโหสิ – ‘‘สเพฺพ ปิเม โมฆปุริสา ผุฎฺฐา ปาปิมตาฯ ยตฺร หิ นาม เอกสฺสปิ น เอวํ ภวิสฺสติ – ‘หนฺท มยํ อญฺญาณตฺถมฺปิ สมเณ โคตเม พฺรหฺมจริยํ จราม, กิํ กริสฺสติ สตฺตาโห’’’ติ? อถ โข ภควา อุทุมฺพริกาย ปริพฺพาชการาเม สีหนาทํ นทิตฺวา เวหาสํ อพฺภุคฺคนฺตฺวา คิชฺฌกูเฎ ปพฺพเต ปจฺจุปฎฺฐาสิ 65ฯ สนฺธาโน ปน คหปติ ตาวเทว ราชคหํ ปาวิสีติฯ
79. Evaṃ vutte, te paribbājakā tuṇhībhūtā maṅkubhūtā pattakkhandhā adhomukhā pajjhāyantā appaṭibhānā nisīdiṃsu yathā taṃ mārena pariyuṭṭhitacittā. Atha kho bhagavato etadahosi – ‘‘sabbe pime moghapurisā phuṭṭhā pāpimatā. Yatra hi nāma ekassapi na evaṃ bhavissati – ‘handa mayaṃ aññāṇatthampi samaṇe gotame brahmacariyaṃ carāma, kiṃ karissati sattāho’’’ti? Atha kho bhagavā udumbarikāya paribbājakārāme sīhanādaṃ naditvā vehāsaṃ abbhuggantvā gijjhakūṭe pabbate paccupaṭṭhāsi 66. Sandhāno pana gahapati tāvadeva rājagahaṃ pāvisīti.
อุทุมฺพริกสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ทุติยํฯ
Udumbarikasuttaṃ niṭṭhitaṃ dutiyaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนา • 2. Udumbarikasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) / ๒. อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนา • 2. Udumbarikasuttavaṇṇanā