Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ทีฆนิกาย (ฎีกา) • Dīghanikāya (ṭīkā) |
๒. อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนา
2. Udumbarikasuttavaṇṇanā
นิโคฺรธปริพฺพาชกวตฺถุวณฺณนา
Nigrodhaparibbājakavatthuvaṇṇanā
๔๙. อุทุมฺพริกายาติ สมฺพเนฺธ สามิวจนนฺติ อาห ‘‘อุทุมฺพริกาย เทวิยา สนฺตเก ปริพฺพาชการาเม’’ติฯ ‘‘อุทุมฺพริกาย’’นฺติ วา ปาโฐ, ตถา สติ อธิกรเณ เอตํ ภุมฺมํฯ อยเญฺหตฺถ อโตฺถ อุทุมฺพริกาย รโญฺญ เทวิยา นิพฺพตฺติโต อาราโม อุทุมฺพริกา, ตสฺสํ อุทุมฺพริกายํฯ เตนาห ‘‘อุทุมฺพริกาย เทวิยา สนฺตเก’’ติฯ ตาย หิ นิพฺพตฺติโต ตสฺสา สนฺตโกฯ วรณาทิปาฐวเสน เจตฺถ นิพฺพตฺตตฺถโพธกสฺส สทฺทสฺส อทสฺสนํฯ สนฺธาโนติ ภินฺนานมฺปิ เตสํ สนฺธาปเนน ‘‘สนฺธาโน’’ติ เอวํ ลทฺธนาโมฯ สํวณฺณิโตติ ปสํสิโตฯ อิริยตีติ ปวตฺตติฯ อริเยน ญาเณนาติ กิเลเสหิ อารกตฺตา อริเยน โลกุตฺตเรน ญาเณนฯ อริยาย วิมุตฺติยาติ สุวิสุทฺธาย โลกุตฺตรผลวิมุตฺติยาฯ
49.Udumbarikāyāti sambandhe sāmivacananti āha ‘‘udumbarikāya deviyā santake paribbājakārāme’’ti. ‘‘Udumbarikāya’’nti vā pāṭho, tathā sati adhikaraṇe etaṃ bhummaṃ. Ayañhettha attho udumbarikāya rañño deviyā nibbattito ārāmo udumbarikā, tassaṃ udumbarikāyaṃ. Tenāha ‘‘udumbarikāya deviyā santake’’ti. Tāya hi nibbattito tassā santako. Varaṇādipāṭhavasena cettha nibbattatthabodhakassa saddassa adassanaṃ. Sandhānoti bhinnānampi tesaṃ sandhāpanena ‘‘sandhāno’’ti evaṃ laddhanāmo. Saṃvaṇṇitoti pasaṃsito. Iriyatīti pavattati. Ariyena ñāṇenāti kilesehi ārakattā ariyena lokuttarena ñāṇena. Ariyāya vimuttiyāti suvisuddhāya lokuttaraphalavimuttiyā.
ทิวา-สโทฺท ทิน-สโทฺท วิย ทิวสปริยาโย, ตสฺส วิเสสนภาเวน วุจฺจมาโน ทิวา-สโทฺท สวิเสสํ ทิวสภาคํ ทีเปตีติ อาห ‘‘ทิวสสฺส ทิวา’’ติอาทิฯ ยสฺมา สมาปนฺนสฺส จิตฺตํ นานารมฺมณโต ปฎิสํหตํ โหติ, ฌานสมงฺคี จ ปวิเวกูปคมเนน สงฺคณิกาภาวโต เอกากิยาย นิลีโน วิย โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘ตโต ตโต…เป.… คโต’’ติฯ มโน ภวนฺติ มนโส วิวฎฺฎนิสฺสิตํ วฑฺฒิํ อาวหนฺตีติ มโนภาวนิยาติ อาห ‘‘มนวฑฺฒกาน’’นฺติอาทิฯ อุนฺนมติ น สงฺกุจติ, อลีนญฺจ โหตีติ อโตฺถฯ
Divā-saddo dina-saddo viya divasapariyāyo, tassa visesanabhāvena vuccamāno divā-saddo savisesaṃ divasabhāgaṃ dīpetīti āha ‘‘divasassa divā’’tiādi. Yasmā samāpannassa cittaṃ nānārammaṇato paṭisaṃhataṃ hoti, jhānasamaṅgī ca pavivekūpagamanena saṅgaṇikābhāvato ekākiyāya nilīno viya hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘tato tato…pe… gato’’ti. Mano bhavanti manaso vivaṭṭanissitaṃ vaḍḍhiṃ āvahantīti manobhāvaniyāti āha ‘‘manavaḍḍhakāna’’ntiādi. Unnamati na saṅkucati, alīnañca hotīti attho.
๕๑. ยาวตาติ ยาวโนฺตติ อยเมตฺถ อโตฺถติ อาห ‘‘ยตฺตกา’’ติฯ เตสนฺติ นิทฺธารเณ สามิวจนํฯ นิทฺธารณญฺจ เกนจิ วิเสเสน อิจฺฉิตพฺพํฯ เยหิ จ คุณวิเสเสหิ สมนฺนาคตา ภควโต สาวกา อุปาสกา ราชคเห ปฎิวสนฺติ, อยญฺจ เตหิ สมนฺนาคโตติ อิมํ วิเสสํ ทีเปตุํ ‘‘เตสํ อพฺภนฺตโร’’ติ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ภควโต กิรา’’ติอาทิฯ
51.Yāvatāti yāvantoti ayamettha atthoti āha ‘‘yattakā’’ti. Tesanti niddhāraṇe sāmivacanaṃ. Niddhāraṇañca kenaci visesena icchitabbaṃ. Yehi ca guṇavisesehi samannāgatā bhagavato sāvakā upāsakā rājagahe paṭivasanti, ayañca tehi samannāgatoti imaṃ visesaṃ dīpetuṃ ‘‘tesaṃ abbhantaro’’ti vuttaṃ. Tenāha ‘‘bhagavato kirā’’tiādi.
๕๒. เตสนฺติ ปริพฺพาชกานํฯ กถายาติ ติรจฺฉานกถายฯ ทสฺสเนนาติ ทิฎฺฐิทสฺสเนนฯ อากเปฺปนาติ เวเสนฯ กุเตฺตนาติ กิริยายฯ อาจาเรนาติ อญฺญมญฺญสฺมิํ อาจริตพฺพอาจาเรนฯ วิหาเรนาติ รตฺตินฺทิวํ วิหริตพฺพวิหรเณนฯ อิริยาปเถนาติ ฐานาทิอิริยาปเถนฯ อญฺญาการตาย อญฺญติเตฺถ นิยุตฺตาติ อญฺญติตฺถิยาฯ สงฺคนฺตฺวา สมาคนฺตฺวา ราสี หุตฺวา ปเรหิ นิสินฺนฎฺฐาเนฯ อรญฺญานิ จ ตานิ วนปตฺถานิ จาติ อรญฺญวนปตฺถานิฯ ตตฺถ ยํ อรญฺญกงฺคนิปฺผาทกํ อารญฺญกานํ, ตํ ‘‘อรญฺญ’’นฺติ เวทิตพฺพํฯ วนปตฺถนฺติ คามนฺตํ อติกฺกมิตฺวา มนุสฺสานํ อนุปจารฎฺฐานํ, ยตฺถ น กสียติ น วปฺปียติฯ วุตฺตเญฺหตํ ‘‘วนปตฺถนฺติ ทูรานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ ‘‘วนปตฺถนฺติ วนสณฺฑานเมตํ เสนาสนานํ, วนปตฺถนฺติ ภีสนกานเมตํ, วนปตฺถนฺติ สโลมหํสานเมตํ, วนปตฺถนฺติ ปริยนฺตานเมตํ วนปตฺถนฺติ น มนุสฺสูปจารานเมตํ เสนาสนานํ อธิวจน’’นฺติ (วิภ. ๕๓๑)ฯ เตน วุตฺตํ ‘‘คามูปจารโต มุตฺตานี’’ติอาทิฯ ปนฺตานีติ ปริยนฺตานิ อติทูรานิฯ เตนาห ‘‘ทูรตรานี’’ติอาทิฯ วิหารูปจาเรนาติ วิหารสฺส อุปจารปฺปเทเสนฯ อทฺธิกชนสฺสาติ มคฺคคามิโน ชนสฺสฯ มนฺทสทฺทานีติ อุจฺจาสทฺทมหาสทฺทาภาวโต ตนุสทฺทานิฯ มนุเสฺสหิ สมาคมฺม เอกชฺฌํ ปวตฺติตสโทฺท นิโคฺฆโส, ตสฺส ยสฺมา อโตฺถ ทุพฺพิภาวิโต โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘อวิภาวิตเตฺถน นิโคฺฆเสนา’’ติฯ วิคตวาตานีติ วิคตสทฺทานิฯ ‘‘รหสฺส กรณสฺส ยุตฺตานี’’ติ อิมินาปิ เตสํ ฐานานํ อรญฺญลกฺขณยุตฺตตํ, ชนวิวิตฺตตํ, วนวิวิตฺตเมว จ วิภาเวติ, ตถา ‘‘เอกีภาวสฺส อนุรูปานี’’ติ อิมินาฯ
52.Tesanti paribbājakānaṃ. Kathāyāti tiracchānakathāya. Dassanenāti diṭṭhidassanena. Ākappenāti vesena. Kuttenāti kiriyāya. Ācārenāti aññamaññasmiṃ ācaritabbaācārena. Vihārenāti rattindivaṃ viharitabbaviharaṇena. Iriyāpathenāti ṭhānādiiriyāpathena. Aññākāratāya aññatitthe niyuttāti aññatitthiyā. Saṅgantvā samāgantvā rāsī hutvā parehi nisinnaṭṭhāne. Araññāni ca tāni vanapatthāni cāti araññavanapatthāni. Tattha yaṃ araññakaṅganipphādakaṃ āraññakānaṃ, taṃ ‘‘arañña’’nti veditabbaṃ. Vanapatthanti gāmantaṃ atikkamitvā manussānaṃ anupacāraṭṭhānaṃ, yattha na kasīyati na vappīyati. Vuttañhetaṃ ‘‘vanapatthanti dūrānametaṃ senāsanānaṃ adhivacana’’nti ‘‘vanapatthanti vanasaṇḍānametaṃ senāsanānaṃ, vanapatthanti bhīsanakānametaṃ, vanapatthanti salomahaṃsānametaṃ, vanapatthanti pariyantānametaṃ vanapatthanti na manussūpacārānametaṃ senāsanānaṃ adhivacana’’nti (vibha. 531). Tena vuttaṃ ‘‘gāmūpacārato muttānī’’tiādi. Pantānīti pariyantāni atidūrāni. Tenāha ‘‘dūratarānī’’tiādi. Vihārūpacārenāti vihārassa upacārappadesena. Addhikajanassāti maggagāmino janassa. Mandasaddānīti uccāsaddamahāsaddābhāvato tanusaddāni. Manussehi samāgamma ekajjhaṃ pavattitasaddo nigghoso, tassa yasmā attho dubbibhāvito hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘avibhāvitatthena nigghosenā’’ti. Vigatavātānīti vigatasaddāni. ‘‘Rahassa karaṇassa yuttānī’’ti imināpi tesaṃ ṭhānānaṃ araññalakkhaṇayuttataṃ, janavivittataṃ, vanavivittameva ca vibhāveti, tathā ‘‘ekībhāvassa anurūpānī’’ti iminā.
๕๓. เกนาติ เหตุมฺหิ, สหโยเค จ กรณวจนนฺติ อาห ‘‘เกน การเณน เกน ปุคฺคเลน สทฺธิ’’นฺติฯ เอโกปิ หิ วิภตฺตินิเทฺทโส อเนกตฺถวิภาวโน โหติ, ตถา ตทฺธิตตฺถปทสมาหาเรติฯ
53.Kenāti hetumhi, sahayoge ca karaṇavacananti āha ‘‘kena kāraṇena kena puggalena saddhi’’nti. Ekopi hi vibhattiniddeso anekatthavibhāvano hoti, tathā taddhitatthapadasamāhāreti.
สํสนฺทนนฺติ อาลาปสลฺลาปวเสน กถาสํสนฺทนํฯ ญาณพฺยตฺตภาวนฺติ พฺยตฺตญาณภาวํ, โส ปน ปรสฺส วจเน อุตฺตรทานวเสน, ปเรน วา วุตฺตอุตฺตเร ปจฺจุตฺตรทานวเสน สิยาติ อาห ‘‘อุตฺตรปจฺจุตฺตรนเยนา’’ติฯ โย หิ ปรสฺส วจนํ ติปุกฺขเลน นเยน รูเปติ, ตถา ปรสฺส รูปนวจนํ ชาติภาวํ อาปาเทติ, ตสฺส ตาทิสํ วจนสภาวํ ญาณเวยฺยตฺติยํ วิภาเวติ ปากฎํ กโรตีติฯ สุญฺญาคาเรสุ นฎฺฐาติ สุญฺญาคาเรสุ นิวาเสสุ นฎฺฐา วินฎฺฐา อภาวํ คตาฯ นาสฺส ปญฺญา นเสฺสยฺย เตหิ เตหิ กตปุจฺฉนปฎิปุจฺฉนนิมิตฺตํ นานาปฎิภานุปฺปตฺติยา วิสารมาปนฺนํ ปุจฺฉิตํ ปญฺหํ วิสฺสเชฺชตุํ อสมตฺถตายฯ โอโรเธยฺยามาติ นิรุสฺสาหํ วิย กโรนฺตา อวโรเธยฺยาม, ตํ ปรสฺส โอโรธนํ วาทชาเลน วินนฺธนํ วิย โหตีติ อาห ‘‘วินเนฺธยฺยามา’’ติ ฯ ตทตฺถํ เตน ตุจฺฉกุมฺภินิทสฺสนํ กตํ, ตํ พฺยติเรกมุเขน ทเสฺสตุํ ‘‘ปูริตฆโฎ หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
Saṃsandananti ālāpasallāpavasena kathāsaṃsandanaṃ. Ñāṇabyattabhāvanti byattañāṇabhāvaṃ, so pana parassa vacane uttaradānavasena, parena vā vuttauttare paccuttaradānavasena siyāti āha ‘‘uttarapaccuttaranayenā’’ti. Yo hi parassa vacanaṃ tipukkhalena nayena rūpeti, tathā parassa rūpanavacanaṃ jātibhāvaṃ āpādeti, tassa tādisaṃ vacanasabhāvaṃ ñāṇaveyyattiyaṃ vibhāveti pākaṭaṃ karotīti. Suññāgāresu naṭṭhāti suññāgāresu nivāsesu naṭṭhā vinaṭṭhā abhāvaṃ gatā. Nāssa paññā nasseyya tehi tehi katapucchanapaṭipucchananimittaṃ nānāpaṭibhānuppattiyā visāramāpannaṃ pucchitaṃ pañhaṃ vissajjetuṃ asamatthatāya. Orodheyyāmāti nirussāhaṃ viya karontā avarodheyyāma, taṃ parassa orodhanaṃ vādajālena vinandhanaṃ viya hotīti āha ‘‘vinandheyyāmā’’ti . Tadatthaṃ tena tucchakumbhinidassanaṃ kataṃ, taṃ byatirekamukhena dassetuṃ ‘‘pūritaghaṭo hī’’tiādi vuttaṃ.
พลํ ทีเปโนฺตติ อภูตเมว อตฺตโน ญาณพลํ ปกาเสโนฺตฯ อสมฺภินฺนนฺติ ชาติสเมฺภทาภาเวน อสมฺภินฺนํฯ อญฺญชาติสเมฺภเท สติ อสฺสตรสฺส อสฺสสฺส ชาตภาโว วิย สีหสฺสปิ สีหถามาภาโว สิยาติ อาห ‘‘อสมฺภินฺนเกสรสีห’’นฺติฯ ฐานโส วาติ ตงฺขเณ เอวฯ
Balaṃ dīpentoti abhūtameva attano ñāṇabalaṃ pakāsento. Asambhinnanti jātisambhedābhāvena asambhinnaṃ. Aññajātisambhede sati assatarassa assassa jātabhāvo viya sīhassapi sīhathāmābhāvo siyāti āha ‘‘asambhinnakesarasīha’’nti. Ṭhānaso vāti taṅkhaṇe eva.
๕๔. ‘‘สุมาคธา นาม นที’’ติ เกจิ, ตํ มิจฺฉาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘สุมาคธา นาม โปกฺขรณี’’ติ วตฺวา ตสฺสา โปกฺขรณิภาวสฺส สุตฺตนฺตเร อาคตตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยสฺสา ตีเร’’ติอาทิ วุตฺตํฯ โมรานํ นิวาโป เอตฺถาติ โมรนิวาโปฯ พฺยธิกรณานมฺปิ หิ ปทานํ พาหิรตฺถสมาโส โหติเยว ยถา ‘‘อุรสิโลโม’’ติฯ อถ วา นิวุตฺถํ เอตฺถาติ นิวาโป, โมรานํ นิวาโป โมรนิวาโป, โมรานํ นิวาปทินฺนฎฺฐานํฯ เตนาห ‘‘ยตฺถ โมราน’’นฺติอาทิฯ ยสฺมา นิโคฺรโธ ตโปชิคุจฺฉวาโท, สาสเน จ ภิกฺขู อตฺตกิลมถานุโยคํ วเชฺชตฺวา ภาวนานุโยเคน ปรมสฺสาสปฺปเตฺต วิหรเนฺต ปสฺสติ, ตสฺมา ‘‘กถํ นุ โข สมโณ โคตโม กายกิลมเถน วินาว สาวเก วิเนตี’’ติ สญฺชาตสเนฺทโห ‘‘โก นาม โส’’ติอาทินา ภควนฺตํ ปุจฺฉิฯ อสฺสสติ อนุสงฺกิตปริสงฺกิโต โหติ เอเตนาติ อสฺสาโส, ปีติโสมนสฺสนฺติ อาห ‘‘อสฺสาสปฺปตฺตาติ ตุฎฺฐิปฺปตฺตา โสมนสฺสปฺปตฺตา’’ติฯ อธิโก เสโฎฺฐ อาสโย นิสฺสโย อชฺฌาสโยติ อาห ‘‘อุตฺตมนิสฺสยภูต’’นฺติฯ อาทิภูตํ ปุราตนํ เสฎฺฐจริยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ, โลกุตฺตรมคฺคนฺติ อโตฺถฯ ตถา เหส สพฺพพุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวเกหิ เตเนว อากาเรน อธิคโตฯ เตนาห ‘‘ปุราณ…เป.… อริยมคฺค’’นฺติฯ ตถา หิ ตํ ภควา ‘‘อทฺทส ปุราณํ มคฺคํ ปุราณมญฺชส’’นฺติ อโวจฯ ปูเรตฺวา ภาวนาปาริปูริวเสนฯ ‘‘ปูเรตฺวา’’ติ วา อิทํ ‘‘อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริย’’นฺติ เอตฺถ ปาฐเสโสติ วทนฺติฯ ‘‘อชฺฌาสยํ อาทิพฺรหฺมจริยํ ปฎิชานนฺติ อสฺสาสปฺปตฺตา’’ติ เอวํ วา เอตฺถ โยชนาฯ
54. ‘‘Sumāgadhā nāma nadī’’ti keci, taṃ micchāti dassento ‘‘sumāgadhā nāma pokkharaṇī’’ti vatvā tassā pokkharaṇibhāvassa suttantare āgatataṃ dassetuṃ ‘‘yassā tīre’’tiādi vuttaṃ. Morānaṃ nivāpo etthāti moranivāpo. Byadhikaraṇānampi hi padānaṃ bāhiratthasamāso hotiyeva yathā ‘‘urasilomo’’ti. Atha vā nivutthaṃ etthāti nivāpo, morānaṃ nivāpo moranivāpo, morānaṃ nivāpadinnaṭṭhānaṃ. Tenāha ‘‘yattha morāna’’ntiādi. Yasmā nigrodho tapojigucchavādo, sāsane ca bhikkhū attakilamathānuyogaṃ vajjetvā bhāvanānuyogena paramassāsappatte viharante passati, tasmā ‘‘kathaṃ nu kho samaṇo gotamo kāyakilamathena vināva sāvake vinetī’’ti sañjātasandeho ‘‘ko nāma so’’tiādinā bhagavantaṃ pucchi. Assasati anusaṅkitaparisaṅkito hoti etenāti assāso, pītisomanassanti āha ‘‘assāsappattāti tuṭṭhippattā somanassappattā’’ti. Adhiko seṭṭho āsayo nissayo ajjhāsayoti āha ‘‘uttamanissayabhūta’’nti. Ādibhūtaṃ purātanaṃ seṭṭhacariyaṃ ādibrahmacariyaṃ, lokuttaramagganti attho. Tathā hesa sabbabuddhapaccekabuddhasāvakehi teneva ākārena adhigato. Tenāha ‘‘purāṇa…pe… ariyamagga’’nti. Tathā hi taṃ bhagavā ‘‘addasa purāṇaṃ maggaṃ purāṇamañjasa’’nti avoca. Pūretvā bhāvanāpāripūrivasena. ‘‘Pūretvā’’ti vā idaṃ ‘‘ajjhāsayaṃ ādibrahmacariya’’nti ettha pāṭhasesoti vadanti. ‘‘Ajjhāsayaṃ ādibrahmacariyaṃ paṭijānanti assāsappattā’’ti evaṃ vā ettha yojanā.
ตโปชิคุจฺฉาวาทวณฺณนา
Tapojigucchāvādavaṇṇanā
๕๕. ปกตา หุตฺวา วิจฺฉินฺนา วิปฺปกตาติ อาห ‘‘อนิฎฺฐิตาว หุตฺวา ฐิตา’’ติฯ
55. Pakatā hutvā vicchinnā vippakatāti āha ‘‘aniṭṭhitāva hutvā ṭhitā’’ti.
๕๖. วีริเยน ปาปชิคุจฺฉนวาโทติ ลูขปฎิปตฺติสาธเนน วีริเยน อตฺตตณฺหาวิโนทนวเสน ปาปกสฺส ชิคุจฺฉนวาโทฯ ชิคุจฺฉตีติ ชิคุโจฺฉ, ตพฺภาโว เชคุจฺฉํ, อธิกํ เชคุจฺฉํ อธิเชคุจฺฉํ, อติวิย ปาปชิคุจฺฉนํ, ตสฺมิํ อธิเชคุเจฺฉฯ กายทฬฺหีพหุลํ ตปตีติ ตโป, อตฺตกิลมถานุโยควเสน ปวตฺตํ วีริยํ, เตน กายทฬฺหีพหุลตานิมิตฺตสฺส ปาปสฺส ชิคุจฺฉนํ, วิรชฺชนมฺปิ ตโปชิคุจฺฉาติ อาห ‘‘วีริเยน ปาปชิคุจฺฉา’’ติฯ ฆาสจฺฉาทนเสนาสนตณฺหาวิโนทนมุเขน อตฺตเสฺนหวิรชฺชนนฺติ อโตฺถฯ อุปริ วุจฺจมาเนสุ นานากาเรสุ อเจลกาทิวเตสุ เอกชฺฌํ สมาทินฺนานํ ปริโสธนเมเวตฺถ ปาริปูรณํ , น สเพฺพสํ อนวเสสโต สมาทานํ ตสฺส อสมฺภวโตติ อาห ‘‘ปริปุณฺณาติ ปริสุทฺธา’’ติฯ ปริโสธนญฺจ เนสํ สกสมยสิเทฺธน นเยน ปฎิปชฺชนเมวฯ วิปริยาเยน อปริสุทฺธตา เวทิตพฺพาฯ
56.Vīriyena pāpajigucchanavādoti lūkhapaṭipattisādhanena vīriyena attataṇhāvinodanavasena pāpakassa jigucchanavādo. Jigucchatīti jiguccho, tabbhāvo jegucchaṃ, adhikaṃ jegucchaṃ adhijegucchaṃ, ativiya pāpajigucchanaṃ, tasmiṃ adhijegucche. Kāyadaḷhībahulaṃ tapatīti tapo, attakilamathānuyogavasena pavattaṃ vīriyaṃ, tena kāyadaḷhībahulatānimittassa pāpassa jigucchanaṃ, virajjanampi tapojigucchāti āha ‘‘vīriyena pāpajigucchā’’ti. Ghāsacchādanasenāsanataṇhāvinodanamukhena attasnehavirajjananti attho. Upari vuccamānesu nānākāresu acelakādivatesu ekajjhaṃ samādinnānaṃ parisodhanamevettha pāripūraṇaṃ, na sabbesaṃ anavasesato samādānaṃ tassa asambhavatoti āha ‘‘paripuṇṇāti parisuddhā’’ti. Parisodhanañca nesaṃ sakasamayasiddhena nayena paṭipajjanameva. Vipariyāyena aparisuddhatā veditabbā.
๕๗. ‘‘เอกํ ปญฺหมฺปิ น กเถตี’’ติ ปฐมํ อตฺตนา ปุจฺฉิตปญฺหสฺส อกถิตตฺตา วุตฺตํฯ
57.‘‘Ekaṃ pañhampi na kathetī’’ti paṭhamaṃ attanā pucchitapañhassa akathitattā vuttaṃ.
ตปนิสฺสิตโกติ อตฺตกิลมถานุโยคสงฺขาตํ ตปํ นิสฺสาย สมาทาย วตฺตนโกฯ สีหนาเทติ สีหนาทสุตฺตวณฺณนายํฯ ยสฺมา ตตฺถ วิตฺถาริตนเยน เวทิตพฺพานิ, ตสฺมา ตสฺสา อตฺถปฺปกาสนาย วุตฺตนเยนปิ เวทิตพฺพานิฯ
Tapanissitakoti attakilamathānuyogasaṅkhātaṃ tapaṃ nissāya samādāya vattanako. Sīhanādeti sīhanādasuttavaṇṇanāyaṃ. Yasmā tattha vitthāritanayena veditabbāni, tasmā tassā atthappakāsanāya vuttanayenapi veditabbāni.
อุปกฺกิเลสวณฺณนา
Upakkilesavaṇṇanā
๕๘. ‘‘สมฺมา อาทิยตี’’ติ วตฺวา สมฺมา อาทิยนญฺจสฺส ทฬฺหคฺคาโห เอวาติ อาห ‘‘ทฬฺหํ คณฺหาตี’’ติฯ ‘‘สาสนาวจเรนาปิ ทีเปตพฺพ’’นฺติ วตฺวา ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เอกโจฺจ หี’’ติอาทิ วุตฺตํ, เตน ธุตงฺคธรตามเตฺตน อตฺตมนตา, ปริปุณฺณสงฺกปฺปตา สมฺมาปฎิปตฺติยา อุปกฺกิเลโสติ อิมมตฺถํ ทเสฺสติ, น ยถาวุตฺตตปสมาทานธุตงฺคธรตานํ สติปิ อนิยฺยานิกเตฺต สทิสตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ
58. ‘‘Sammā ādiyatī’’ti vatvā sammā ādiyanañcassa daḷhaggāho evāti āha ‘‘daḷhaṃ gaṇhātī’’ti. ‘‘Sāsanāvacarenāpi dīpetabba’’nti vatvā taṃ dassetuṃ ‘‘ekacco hī’’tiādi vuttaṃ, tena dhutaṅgadharatāmattena attamanatā, paripuṇṇasaṅkappatā sammāpaṭipattiyā upakkilesoti imamatthaṃ dasseti, na yathāvuttatapasamādānadhutaṅgadharatānaṃ satipi aniyyānikatte sadisatanti daṭṭhabbaṃ.
‘‘ทุวิธสฺสาปีติ ‘อตฺตมโน โหติ ปริปุณฺณสงฺกโปฺป’ติ จ เอวํ อุปกฺกิเลสเภเทน วุตฺตสฺส ทุวิธสฺสาปิ ตปสฺสิโน’’ติ เกจิฯ ยสฺมา ปน อฎฺฐกถายํ สาสนิกวเสนาปิ อโตฺถ ทีปิโต, ตสฺมา พาหิรกสฺส, สาสนิกสฺส จาติ เอวํ ทุวิธสฺสาปิ ตปสฺสิโนติ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ ตถา เจว หิ อุปริปิ อตฺถวณฺณนํ วกฺขตีติฯ เอตฺตาวตาติ ยทิทํ ‘‘โก อโญฺญ มยา สทิโส’’ติ เอวํ อติมานสฺส, อนิฎฺฐิตกิจฺจเสฺสว จ ‘‘อลเมตฺตาวตา’’ติ เอวํ อติมานสฺส จ อุปฺปาทนํ, เอตฺตาวตาฯ
‘‘Duvidhassāpīti ‘attamano hoti paripuṇṇasaṅkappo’ti ca evaṃ upakkilesabhedena vuttassa duvidhassāpi tapassino’’ti keci. Yasmā pana aṭṭhakathāyaṃ sāsanikavasenāpi attho dīpito, tasmā bāhirakassa, sāsanikassa cāti evaṃ duvidhassāpi tapassinoti attho veditabbo. Tathā ceva hi uparipi atthavaṇṇanaṃ vakkhatīti. Ettāvatāti yadidaṃ ‘‘ko añño mayā sadiso’’ti evaṃ atimānassa, aniṭṭhitakiccasseva ca ‘‘alamettāvatā’’ti evaṃ atimānassa ca uppādanaṃ, ettāvatā.
อุกฺกํสตีติ อุกฺกฎฺฐํ กโรติฯ อุกฺขิปตีติ อเญฺญสํ อุปริ ขิปติ, ปคฺคณฺหาตีติ อโตฺถฯ ปรํ สํหาเรตีติ ปรํ สํหรํ นิหีนํ กโรติฯ อวกฺขิปตีติ อโธ ขิปติ, อวมญฺญตีติ อโตฺถฯ
Ukkaṃsatīti ukkaṭṭhaṃ karoti. Ukkhipatīti aññesaṃ upari khipati, paggaṇhātīti attho. Paraṃ saṃhāretīti paraṃ saṃharaṃ nihīnaṃ karoti. Avakkhipatīti adho khipati, avamaññatīti attho.
มานมทกรเณนาติ มานสงฺขาตสฺส มทสฺส กรเณน อุปฺปาทเนนฯ มุจฺฉิโต โหตีติ มุจฺฉาปโนฺน โหติ, สา ปน มุจฺฉาปตฺติ อภิชฺฌาสีลพฺพตปรามาสกายคเนฺถหิ คธิตจิตฺตตา, ตตฺถ จ อติลคฺคภาโวติ อาห ‘‘คธิโต อโชฺฌสโนฺน’’ติฯ ปมชฺชนเญฺจตฺถ ปมชฺชนเมวาติ อาห ‘‘ปมาทมาปชฺชตี’’ติฯ เกวลํ ธุตงฺคสุทฺธิโก หุตฺวา กมฺมฎฺฐานํ อนนุยุญฺชโนฺต ตาย เอว ธุตงฺคสุทฺธิกตาย อตฺตุกฺกํสนาทิวเสน ปวเตฺตยฺยาติ ทเสฺสตุํ ‘‘สาสเน’’ติอาทิ วุตฺตํฯ เตนาห ‘‘ธุตงฺคเมว…เป.… ปเจฺจตี’’ติฯ
Mānamadakaraṇenāti mānasaṅkhātassa madassa karaṇena uppādanena. Mucchitohotīti mucchāpanno hoti, sā pana mucchāpatti abhijjhāsīlabbataparāmāsakāyaganthehi gadhitacittatā, tattha ca atilaggabhāvoti āha ‘‘gadhito ajjhosanno’’ti. Pamajjanañcettha pamajjanamevāti āha ‘‘pamādamāpajjatī’’ti. Kevalaṃ dhutaṅgasuddhiko hutvā kammaṭṭhānaṃ ananuyuñjanto tāya eva dhutaṅgasuddhikatāya attukkaṃsanādivasena pavatteyyāti dassetuṃ ‘‘sāsane’’tiādi vuttaṃ. Tenāha ‘‘dhutaṅgameva…pe… paccetī’’ti.
๕๙. เตเยว ปจฺจยาฯ สุฎฺฐุ กตฺวา ปฎิสงฺขริตฺวา ลทฺธาติ อาทรคารวโยเคน สกฺกจฺจํ อภิสงฺขริตฺวา ทานวเสน อุปนยวเสน ลทฺธาฯ วณฺณภณนนฺติ คุณกิตฺตนํฯ อสฺสาติ ตปสฺสิโนฯ
59.Teyeva paccayā. Suṭṭhu katvā paṭisaṅkharitvā laddhāti ādaragāravayogena sakkaccaṃ abhisaṅkharitvā dānavasena upanayavasena laddhā. Vaṇṇabhaṇananti guṇakittanaṃ. Assāti tapassino.
๖๐. โวทาสนฺติ พฺยาสนํ, วิภชฺชนนฺติ อโตฺถฯ ตํ ปเนตฺถ วิภชฺชนํ ทฺวิธา อิจฺฉิตนฺติ อาห ‘‘เทฺวภาคํ อาปชฺชตี’’ติฯ เทฺว ภาเค กโรติ รุจฺจนารุจฺจนวเสน ฯ เคธชาโตติ สญฺชาตเคโธฯ มุจฺฉนํ นาม สติวิปฺปวาเสเนว โหติ, น สติยา สตีติ อาห ‘‘สมุฎฺฐสฺสตี’’ติฯ อาทีนวมตฺตมฺปีติ คธิตาทิภาเวน ปริโภเค อาทีนวมตฺตมฺปิ น ปสฺสติฯ มตฺตญฺญุตาติ ปริโภเค มตฺตญฺญุตาฯ ปจฺจเวกฺขณปริโภคมตฺตมฺปีติ ปจฺจเวกฺขณมเตฺตน ปริโภคมฺปิ เอกวารํ ปจฺจเวกฺขิตฺวาปิ ปริภุญฺชนมฺปิ น กโรติฯ
60.Vodāsanti byāsanaṃ, vibhajjananti attho. Taṃ panettha vibhajjanaṃ dvidhā icchitanti āha ‘‘dvebhāgaṃ āpajjatī’’ti. Dve bhāge karoti ruccanāruccanavasena . Gedhajātoti sañjātagedho. Mucchanaṃ nāma sativippavāseneva hoti, na satiyā satīti āha ‘‘samuṭṭhassatī’’ti. Ādīnavamattampīti gadhitādibhāvena paribhoge ādīnavamattampi na passati. Mattaññutāti paribhoge mattaññutā. Paccavekkhaṇaparibhogamattampīti paccavekkhaṇamattena paribhogampi ekavāraṃ paccavekkhitvāpi paribhuñjanampi na karoti.
๖๑. วิจกฺกสณฺฐานาติ วิปุลตมจกฺกสณฺฐานาฯ สพฺพสฺส ภุญฺชนโต อโยกูฎสทิสา ทนฺตา เอว ทนฺตกูฎํฯ อปสาเทตีติ ปสาเทติฯ อเจลกาทิวเสนาติ อเจลกวตาทิวเสนฯ ลูขาชีวินฺติ สเลฺลขปฎิปตฺติยา ลูขชีวิกํฯ
61.Vicakkasaṇṭhānāti vipulatamacakkasaṇṭhānā. Sabbassa bhuñjanato ayokūṭasadisā dantā eva dantakūṭaṃ.Apasādetīti pasādeti. Acelakādivasenāti acelakavatādivasena. Lūkhājīvinti sallekhapaṭipattiyā lūkhajīvikaṃ.
๖๒. ตปํ กโรตีติ ภาวนามนสิการลกฺขณํ ตปํ จรติ จรโนฺต วิย โหติฯ จงฺกมํ โอตรติ ภาวนํ อนุยุญฺชโนฺต วิยฯ วิหารงฺคณํ สมฺมชฺชติ วตฺตปฎิปตฺติํ ปูเรโนฺต วิยฯ
62.Tapaṃ karotīti bhāvanāmanasikāralakkhaṇaṃ tapaṃ carati caranto viya hoti. Caṅkamaṃ otarati bhāvanaṃ anuyuñjanto viya. Vihāraṅgaṇaṃ sammajjati vattapaṭipattiṃ pūrento viya.
‘‘อาทสฺสยมาโน’’ติ วา ปาโฐฯ
‘‘Ādassayamāno’’ti vā pāṭho.
กิญฺจิ วชฺชนฺติ กิญฺจิ กายิกํ วา วาจสิกํ วา โทสํฯ ทิฎฺฐิคตนฺติ วิปรีตทสฺสนํฯ อรุจฺจมานนฺติ อตฺตโน สิทฺธเนฺต ปฎิกฺขิตฺตภาเวน อรุจฺจมานํฯ รุจฺจติ เมติ ‘‘กปฺปติ เม’’ติ วทติฯ อนุชานิตพฺพนฺติ ตจฺฉาวิปรีตภูตภาเวน ‘‘เอวเมต’’นฺติ อนุชานิตพฺพํฯ สวนมโนหาริตาย ‘‘สาธุ สุฎฺฐู’’ติ อนุโมทิตพฺพํฯ
Kiñcivajjanti kiñci kāyikaṃ vā vācasikaṃ vā dosaṃ. Diṭṭhigatanti viparītadassanaṃ. Aruccamānanti attano siddhante paṭikkhittabhāvena aruccamānaṃ. Ruccati meti ‘‘kappati me’’ti vadati. Anujānitabbanti tacchāviparītabhūtabhāvena ‘‘evameta’’nti anujānitabbaṃ. Savanamanohāritāya ‘‘sādhu suṭṭhū’’ti anumoditabbaṃ.
๖๓. กุชฺฌนสีลตาย โกธโนฯ วุตฺตลกฺขโณ อุปนาโห เอตสฺส อตฺถีติ อุปนาหีฯ เอวํภูโต จ ตํสมงฺคี โหตีติ ‘‘สมนฺนาคโต โหตี’’ติ วุตฺตํฯ เอส นโย อิโต ปเรสุปิฯ
63. Kujjhanasīlatāya kodhano. Vuttalakkhaṇo upanāho etassa atthīti upanāhī. Evaṃbhūto ca taṃsamaṅgī hotīti ‘‘samannāgato hotī’’ti vuttaṃ. Esa nayo ito paresupi.
อยํ ปน วิเสโส – อิสฺสติ อุสูยตีติ อุสฺสุกีฯ สฐนํ อสนฺตคุณสมฺภาวนํ สโฐ, โส เอตสฺส อตฺถีติ สโฐฯ สนฺตโทสปฎิจฺฉาทนสภาวา มายา, มายา เอตสฺส อตฺถีติ มายาวีฯ ครุฎฺฐานิยานมฺปิ ปณิปาตากรณลกฺขณํ ถมฺภนํ ถทฺธํ, ตเมตฺถ อตฺถีติ ถโทฺธฯ คุเณหิ สมานํ, อธิกญฺจ อติกฺกมิตฺวา นิหีนํ กตฺวา มญฺญนสีลตาย อติมานีฯ อสนฺตคุณสมฺภาวนตฺถิกตาสงฺขาตา ปาปา ลามกา อิจฺฉา เอตสฺสาติ ปาปิโจฺฉฯ มิจฺฉา วิปรีตา ทิฎฺฐิ เอตสฺสาติ มิจฺฉาทิฎฺฐิโกฯ ‘‘อิทเมว สจฺจํ, โมฆมญฺญ’’นฺติ (ม. นิ. ๑๘๗, ๒๐๒, ๔๒๗; ๓.๒๗, ๒๙; อุทา. ๕๕; มหานิ. ๒๐; เนตฺติ. ๕๘) เอวํ อตฺตนา อตฺตาภินิวิฎฺฐตาย สตา ทิฎฺฐิ สนฺทิฎฺฐิ, ตเมว ปรามสตีติ สนฺทิฎฺฐิปรามาสีฯ อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘สยํ ทิฎฺฐิ สนฺทิฎฺฐี’’ติ วตฺถุวเสน อโตฺถ วุโตฺตฯ อา พาฬฺหํ วิย ธียตีติ อาธานนฺติ อาห ‘‘ทฬฺหํ สุฎฺฐุ ฐปิต’’นฺติฯ ยถาคหิตํ คาหํ ปฎินิสฺสชฺชนสีโล ปฎินิสฺสคฺคี, ตปฺปฎิเกฺขเปน ทุปฺปฎินิสฺสคฺคีฯ ปฎิเสธโตฺถ หิ อยํ ทุ-สโทฺท ยถา ‘‘ทุปฺปโญฺญ, (ม. นิ. ๑.๔๔๙) ทุสฺสีโล’’ติ (อ. นิ. ๕.๒๑๓; ๑๐.๗๕; ปารา. ๑๙๕; ธ. ป. ๓๐๘) จฯ
Ayaṃ pana viseso – issati usūyatīti ussukī. Saṭhanaṃ asantaguṇasambhāvanaṃ saṭho, so etassa atthīti saṭho. Santadosapaṭicchādanasabhāvā māyā, māyā etassa atthīti māyāvī. Garuṭṭhāniyānampi paṇipātākaraṇalakkhaṇaṃ thambhanaṃ thaddhaṃ, tamettha atthīti thaddho. Guṇehi samānaṃ, adhikañca atikkamitvā nihīnaṃ katvā maññanasīlatāya atimānī. Asantaguṇasambhāvanatthikatāsaṅkhātā pāpā lāmakā icchā etassāti pāpiccho. Micchā viparītā diṭṭhi etassāti micchādiṭṭhiko. ‘‘Idameva saccaṃ, moghamañña’’nti (ma. ni. 187, 202, 427; 3.27, 29; udā. 55; mahāni. 20; netti. 58) evaṃ attanā attābhiniviṭṭhatāya satā diṭṭhi sandiṭṭhi, tameva parāmasatīti sandiṭṭhiparāmāsī. Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘sayaṃ diṭṭhi sandiṭṭhī’’ti vatthuvasena attho vutto. Ā bāḷhaṃ viya dhīyatīti ādhānanti āha ‘‘daḷhaṃ suṭṭhu ṭhapita’’nti. Yathāgahitaṃ gāhaṃ paṭinissajjanasīlo paṭinissaggī, tappaṭikkhepena duppaṭinissaggī. Paṭisedhattho hi ayaṃ du-saddo yathā ‘‘duppañño, (ma. ni. 1.449) dussīlo’’ti (a. ni. 5.213; 10.75; pārā. 195; dha. pa. 308) ca.
ปริสุทฺธปปฎิกปฺปตฺตกถาวณฺณนา
Parisuddhapapaṭikappattakathāvaṇṇanā
๖๔. อิธ นิโคฺรธ ตปสฺสีติ ยถานุกฺกนฺตํ ปุริมปาฬิํ นิคมนวเสน เอกเทเสน ทเสฺสติฯ เตนาห ‘‘เอวํ ภควา’’ติอาทิฯ คหิตลทฺธินฺติ ‘‘อเจลกาทิภาโว เสโยฺย, เตน จ สํสารสุทฺธิ โหตี’’ติ เอวํ คหิตลทฺธิํฯ รกฺขิตํ ตปนฺติ ตาย ลทฺธิยา สมาทิยิตฺวา รกฺขิตํ อเจลกวตาทิตปํฯ ‘‘สพฺพเมว สํกิลิฎฺฐ’’นฺติ อิมินา ยํ วกฺขติ ปริสุทฺธปาฬิวณฺณนายํ ‘‘ลูขตปสฺสิโน เจว ธุตงฺคธรสฺส จ วเสน โยชนา เวทิตพฺพา’’ติ (ที. นิ. อฎฺฐ. ๓.๖๔), ตสฺส ปริกปฺปิตรูปสฺส ลูขสฺส ตปสฺสิโนติ อยเมตฺถ อธิปฺปาโยติ ทเสฺสติฯ ‘‘ปริสุทฺธปาฬิทสฺสนตฺถ’’นฺติ จ อิมินา ติตฺถิยานํ วเสน ปาฬิ เยเวตฺถ ลพฺภติ, น ปน ตทโตฺถติ ทเสฺสติฯ วุตฺตวิปกฺขวเสนาติ วุตฺตสฺส อตฺถสฺส ปฎิปกฺขวเสน, ปฎิเกฺขปวเสนาติ อโตฺถฯ ตสฺมิํ ฐาเนติ เหตุอเตฺถ ภุมฺมนฺติ ตสฺส เหตุอเตฺถน กรณวจเนน อตฺถํ ทเสฺสโนฺต ‘‘เอวํ โส เตนา’’ติอาทิมาหฯ อุตฺตริ วายมมาโนติ ยถาสมาทิเนฺนหิ ธุตธเมฺมหิ อปริตุโฎฺฐ, อปริโยสิตสงฺกโปฺป จ หุตฺวา อุปริ ภาวนานุโยควเสน สมฺมาวายามํ กโรโนฺตฯ
64.Idha nigrodha tapassīti yathānukkantaṃ purimapāḷiṃ nigamanavasena ekadesena dasseti. Tenāha ‘‘evaṃ bhagavā’’tiādi. Gahitaladdhinti ‘‘acelakādibhāvo seyyo, tena ca saṃsārasuddhi hotī’’ti evaṃ gahitaladdhiṃ. Rakkhitaṃ tapanti tāya laddhiyā samādiyitvā rakkhitaṃ acelakavatāditapaṃ. ‘‘Sabbameva saṃkiliṭṭha’’nti iminā yaṃ vakkhati parisuddhapāḷivaṇṇanāyaṃ ‘‘lūkhatapassino ceva dhutaṅgadharassa ca vasena yojanā veditabbā’’ti (dī. ni. aṭṭha. 3.64), tassa parikappitarūpassa lūkhassa tapassinoti ayamettha adhippāyoti dasseti. ‘‘Parisuddhapāḷidassanattha’’nti ca iminā titthiyānaṃ vasena pāḷi yevettha labbhati, na pana tadatthoti dasseti. Vuttavipakkhavasenāti vuttassa atthassa paṭipakkhavasena, paṭikkhepavasenāti attho. Tasmiṃ ṭhāneti hetuatthe bhummanti tassa hetuatthena karaṇavacanena atthaṃ dassento ‘‘evaṃ so tenā’’tiādimāha. Uttari vāyamamānoti yathāsamādinnehi dhutadhammehi aparituṭṭho, apariyositasaṅkappo ca hutvā upari bhāvanānuyogavasena sammāvāyāmaṃ karonto.
๖๙. อิโต ปรนฺติ อิโต ยถาวุตฺตนยโต ปรํฯ อคฺคภาวํ วา สารภาวํ วาติ ตโปชิคุจฺฉาย อคฺคภาวํ วา สารภาวํ วา อชานโนฺตฯ ‘‘อยเมวสฺส อคฺคภาโว สารภาโว’’ติ มญฺญมาโน ‘‘อคฺคปฺปตฺตา, สารปฺปตฺตา จา’’ติ อาหฯ
69.Ito paranti ito yathāvuttanayato paraṃ. Aggabhāvaṃ vā sārabhāvaṃ vāti tapojigucchāya aggabhāvaṃ vā sārabhāvaṃ vā ajānanto. ‘‘Ayamevassa aggabhāvo sārabhāvo’’ti maññamāno ‘‘aggappattā, sārappattā cā’’ti āha.
ปริสุทฺธตจปฺปตฺตาทิกถาวณฺณนา
Parisuddhatacappattādikathāvaṇṇanā
๗๐. ยมนํ สํยมนํ ยาโม, หิํสาทีนํ อกรณวเสน จตุพฺพิโธ ยาโมว จาตุยาโม, โส เอว สํวโร, เตน สํวุโต คุตฺตสพฺพทฺวาโร จาตุยามสํวรสํวุโตฯ เตนาห ‘‘จตุพฺพิเธน สํวเรน ปิหิโต’’ติฯ อติปาตนํ หิํสนนฺติ อาห ‘‘ปาณํ น หนตี’’ติฯ โลภจิเตฺตน ภาวิตํ สมฺภาวิตนฺติ กตฺวา ภาวิตํ นาม ปญฺจ กามคุณาฯ อยญฺจ เตสุ เตสํเยว สมุทาจาโร มโคฺคฎฺฐาปกํ วิยาติ อาห ‘‘เตสํ สญฺญายา’’ติฯ
70. Yamanaṃ saṃyamanaṃ yāmo, hiṃsādīnaṃ akaraṇavasena catubbidho yāmova cātuyāmo, so eva saṃvaro, tena saṃvuto guttasabbadvāro cātuyāmasaṃvarasaṃvuto. Tenāha ‘‘catubbidhena saṃvarena pihito’’ti. Atipātanaṃ hiṃsananti āha ‘‘pāṇaṃ na hanatī’’ti. Lobhacittena bhāvitaṃ sambhāvitanti katvā bhāvitaṃ nāma pañca kāmaguṇā. Ayañca tesu tesaṃyeva samudācāro maggoṭṭhāpakaṃ viyāti āha ‘‘tesaṃ saññāyā’’ti.
เอตนฺติ อภิหรณํ, หีนาย อนาวตฺตนญฺจฯ เตนาห ‘‘โส อภิหรตีติ อาทิลกฺขณ’’นฺติฯ อภิหรตีติ อภิพุทฺธิํ เนติฯ เตนาห ‘‘อุปรูปริ วเฑฺฒตี’’ติฯ จกฺกวตฺตินาปิ ปพฺพชิตสฺส อภิวาทนาทิ กรียเตวาติ ปพฺพชฺชา เสฎฺฐา คุณวิเสสโยคโต, โทสวิรหิตโต จ, ยโต สา ปณฺฑิตปญฺญตฺตา วุตฺตาฯ คิหิภาโว ปน นิหีโน ตทุภยาภาวโตติ อาห ‘‘หีนาย คิหิภาวตฺถายา’’ติฯ
Etanti abhiharaṇaṃ, hīnāya anāvattanañca. Tenāha ‘‘so abhiharatīti ādilakkhaṇa’’nti. Abhiharatīti abhibuddhiṃ neti. Tenāha ‘‘uparūpari vaḍḍhetī’’ti. Cakkavattināpi pabbajitassa abhivādanādi karīyatevāti pabbajjā seṭṭhā guṇavisesayogato, dosavirahitato ca, yato sā paṇḍitapaññattā vuttā. Gihibhāvo pana nihīno tadubhayābhāvatoti āha ‘‘hīnāya gihibhāvatthāyā’’ti.
๗๑. ตจปฺปตฺตาติ ตจํ ปตฺตา, ตจสทิสา โหตีติ อโตฺถฯ
71.Tacappattāti tacaṃ pattā, tacasadisā hotīti attho.
๗๔. ติตฺถิยานํ วเสนาติ ติตฺถิยานํ สมยวเสนฯ เนสนฺติ ติตฺถิยานํฯ ตนฺติ ทิพฺพจกฺขุํฯ สีลสมฺปทาติ สพฺพาการสมฺปนฺนํ จตุปาริสุทฺธิสีลํฯ ตจสารสมฺปตฺติโตติ ตจตโปชิคุจฺฉายาสารสมฺปตฺติโตฯ วิเสสภาวนฺติ วิเสสสภาวํฯ
74. Titthiyānaṃ vasenāti titthiyānaṃ samayavasena. Nesanti titthiyānaṃ. Tanti dibbacakkhuṃ. Sīlasampadāti sabbākārasampannaṃ catupārisuddhisīlaṃ. Tacasārasampattitoti tacatapojigucchāyāsārasampattito. Visesabhāvanti visesasabhāvaṃ.
อเจลกปาฬิมตฺตมฺปีติ อเจลกปาฬิอาคตตฺถมตฺตมฺปิ นตฺถิ, ตสฺมา มยํ อนสฺสาม วินฎฺฐาติ อโตฺถฯ อ-กาโร วา นิปาตมตฺตํ, นสฺสามาติ วินสฺสามฯ กุโต ปริสุทฺธปาฬีติ กุโต เอว อเมฺหสุ ปริสุทฺธปาฬิอาคตปฎิปตฺติฯ เอส นโย เสเสสุปิฯ สุติวเสนาปีติ โสตปถาคมนมเตฺตนาปิ น ชานามฯ
Acelakapāḷimattampīti acelakapāḷiāgatatthamattampi natthi, tasmā mayaṃ anassāma vinaṭṭhāti attho. A-kāro vā nipātamattaṃ, nassāmāti vinassāma. Kuto parisuddhapāḷīti kuto eva amhesu parisuddhapāḷiāgatapaṭipatti. Esa nayo sesesupi. Sutivasenāpīti sotapathāgamanamattenāpi na jānāma.
นิโคฺรธสฺสปชฺฌายนวณฺณนา
Nigrodhassapajjhāyanavaṇṇanā
๗๕. อสฺสาติ สนฺธานสฺส คหปติสฺสฯ กกฺขฬนฺติ ผรุสํฯ ทุราสทวจนนฺติ อวตฺตพฺพวจนํฯ ยสฺมา ผรุสวจนํ ยํ อุทฺทิสฺส ปยุตฺตํ, ตสฺมิํ ขมาปิเต ขมาปกสฺส ปฎิปากติกํ โหติ, ตสฺมา ‘‘อยํ มยี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ
75.Assāti sandhānassa gahapatissa. Kakkhaḷanti pharusaṃ. Durāsadavacananti avattabbavacanaṃ. Yasmā pharusavacanaṃ yaṃ uddissa payuttaṃ, tasmiṃ khamāpite khamāpakassa paṭipākatikaṃ hoti, tasmā ‘‘ayaṃ mayī’’tiādi vuttaṃ.
๗๖. โพธตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ, น อตฺตโน พุทฺธภาวโฆสนตฺถายฯ วาทตฺถายาติ ปรวาทภญฺชนวาทตฺถายฯ ราคาทิสมนตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ, น อเนฺตวาสิกมฺยตายฯ โอฆนิตฺถรณตฺถายาติ จตุโรฆนิตฺถรณตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ สพฺพโส โอรปาราติณฺณมาวหตฺตา เทสนายฯ สพฺพกิเลสปรินิพฺพานตฺถาย ธมฺมํ เทเสติ กิเลสานํ เลเสนปิ เทสนาย อปรามฎฺฐภาวโตฯ
76.Bodhatthāya dhammaṃ deseti, na attano buddhabhāvaghosanatthāya. Vādatthāyāti paravādabhañjanavādatthāya. Rāgādisamanatthāya dhammaṃ deseti, na antevāsikamyatāya. Oghanittharaṇatthāyāti caturoghanittharaṇatthāya dhammaṃ deseti sabbaso orapārātiṇṇamāvahattā desanāya. Sabbakilesaparinibbānatthāya dhammaṃ deseti kilesānaṃ lesenapi desanāya aparāmaṭṭhabhāvato.
พฺรหฺมจริยปริโยสานาทิวณฺณนา
Brahmacariyapariyosānādivaṇṇanā
๗๗. อิทํ สพฺพมฺปีติ สตฺตวสฺสโต ปฎฺฐาย ยาว ‘‘สตฺตาห’’นฺติ ปทํ, อิทํ สพฺพมฺปิ วจนํฯ อสโฐ ปน อมายาวี อุชุชาติโก ติกฺขปโญฺญ อุคฺฆฎิตญฺญูติ อธิปฺปาโยฯ โส หิ ตํมุหุเตฺตเนว อรหตฺตํ ปตฺตุํ สกฺขิสฺสตีติฯ วงฺกวโงฺกติ กายวงฺกาทีหิปิ วเงฺกหิ วโงฺก ชิโมฺห กุฎิโลฯ ‘‘สฐํ ปนาหํ อนุสาสิตุํ น สโกฺกมี’’ติ น อิทํ ภควา กิลาสุภาเวเนว วทติ, อถ โข ตสฺส อภาชนภาเวเนวฯ
77.Idaṃ sabbampīti sattavassato paṭṭhāya yāva ‘‘sattāha’’nti padaṃ, idaṃ sabbampi vacanaṃ. Asaṭho pana amāyāvī ujujātiko tikkhapañño ugghaṭitaññūti adhippāyo. So hi taṃmuhutteneva arahattaṃ pattuṃ sakkhissatīti. Vaṅkavaṅkoti kāyavaṅkādīhipi vaṅkehi vaṅko jimho kuṭilo. ‘‘Saṭhaṃ panāhaṃ anusāsituṃ na sakkomī’’ti na idaṃ bhagavā kilāsubhāveneva vadati, atha kho tassa abhājanabhāveneva.
๗๘. ปกติยา อาจริโยติ โย เอว ตุมฺหากํ อิโต ปุเพฺพ ปกติยา อาจริโย อโหสิ, โส เอว อิทานิปิ ปุพฺพาจิณฺณวเสน อาจริโย โหตุ, น มยํ ตุเมฺห อเนฺตวาสิเก กาตุกามาติ อธิปฺปาโยฯ น มยํ ตุมฺหากํ อุเทฺทเสน อตฺถิกา, ธมฺมตนฺติ เมว ปน ตุเมฺห ญาเปตุกามมฺหาติ อธิปฺปาโยฯ อาชีวโตติ ชีวิกาย วุตฺติโตฯ อกุสลาติ โกฎฺฐาสํ ปตฺตาติ อกุสลาติ ตํ ตํ โกฎฺฐาสตํเยว อุปคตาฯ กิเลสทรถสมฺปยุตฺตาติ กิเลสทรถสหิตา ตํสมฺพนฺธนโต ฯ ชาติชรามรณานํ หิตาติ ชาติชรามรณิยาฯ สํกิเลโส เอตฺถ อตฺถิ, สํกิเลเส วา นิยุตฺตาติ สํกิเลสิกาฯ โวทานํ วุจฺจติ วิสุทฺธิ, ตสฺส ปจฺจยภูตตฺตา โวทานิยาฯ ตถาภูตา เจเต โวทาเปนฺตีติ อาห ‘‘สเตฺต โวทาเปนฺตี’’ติฯ สิขาปฺปตฺตา ปญฺญาย ปาริปูริเวปุลฺลตา มคฺคผลวเสเนว อิจฺฉิตพฺพาติ อาห ‘‘มคฺคปญฺญา…เป.… เวปุลฺลต’’นฺติฯ อุโภปิ วา เอตานิ ปาริปูริเวปุลฺลานิฯ ยา หิ ตสฺส ปาริปูรี, สา เอว เวปุลฺลตาติฯ ตโตติ สํกิเลสธมฺมปฺปหานโวทานธมฺมาภิพุทฺธิเหตุฯ
78.Pakatiyā ācariyoti yo eva tumhākaṃ ito pubbe pakatiyā ācariyo ahosi, so eva idānipi pubbāciṇṇavasena ācariyo hotu, na mayaṃ tumhe antevāsike kātukāmāti adhippāyo. Namayaṃ tumhākaṃ uddesena atthikā, dhammatanti meva pana tumhe ñāpetukāmamhāti adhippāyo. Ājīvatoti jīvikāya vuttito. Akusalāti koṭṭhāsaṃ pattāti akusalāti taṃ taṃ koṭṭhāsataṃyeva upagatā. Kilesadarathasampayuttāti kilesadarathasahitā taṃsambandhanato . Jātijarāmaraṇānaṃ hitāti jātijarāmaraṇiyā. Saṃkileso ettha atthi, saṃkilese vā niyuttāti saṃkilesikā. Vodānaṃ vuccati visuddhi, tassa paccayabhūtattā vodāniyā. Tathābhūtā cete vodāpentīti āha ‘‘satte vodāpentī’’ti. Sikhāppattā paññāya pāripūrivepullatā maggaphalavaseneva icchitabbāti āha ‘‘maggapaññā…pe… vepullata’’nti. Ubhopi vā etāni pāripūrivepullāni. Yā hi tassa pāripūrī, sā eva vepullatāti. Tatoti saṃkilesadhammappahānavodānadhammābhibuddhihetu.
๗๙. ‘‘ยถา มาเรนา’’ติ นยิทํ นิทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อถ โข ตถาภาวกถนเมวาติ ทเสฺสตุํ ‘‘มาโร กิรา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ อถาติ มาเรน เตสํ ปริยุฎฺฐานปฺปตฺติโต ปจฺฉา อญฺญาสีติ โยชนาฯ กสฺมา ปน ภควา ปเคว น อญฺญาสีติ? อนาวชฺชิตตฺตาฯ มารํ ปฎิพาหิตฺวาติ มาเรน เตสุ กตํ ปริยุฎฺฐานํ วิธเมตฺวา, น เตสํ สติ ปโยชเน พุทฺธานํ ทุกฺกรํฯ โสติ มคฺคผลุปฺปตฺติเหตุฯ เตสํ ปริพฺพาชกานํฯ
79.‘‘Yathā mārenā’’ti nayidaṃ nidassanavasena vuttaṃ, atha kho tathābhāvakathanamevāti dassetuṃ ‘‘māro kirā’’tiādi vuttaṃ. Athāti mārena tesaṃ pariyuṭṭhānappattito pacchā aññāsīti yojanā. Kasmā pana bhagavā pageva na aññāsīti? Anāvajjitattā. Māraṃ paṭibāhitvāti mārena tesu kataṃ pariyuṭṭhānaṃ vidhametvā, na tesaṃ sati payojane buddhānaṃ dukkaraṃ. Soti maggaphaluppattihetu. Tesaṃ paribbājakānaṃ.
ผุฎฺฐาติ ปริยุฎฺฐานวเสน ผุฎฺฐาฯ ยตฺราติ นิทฺธารเณ ภุมฺมนฺติ อาห ‘‘เยสู’’ติฯ อญฺญาณตฺถนฺติ อาชานนตฺถํ, อุปสคฺคมตฺตเญฺจตฺถ อา-กาโรติ อาห ‘‘ชานนตฺถ’’นฺติ, วีมํสนตฺถนฺติ อโตฺถฯ จิตฺตํ นุปฺปนฺนนฺติ ‘‘ชานาม ตาวสฺส ธมฺม’’นฺติ อาชานนตฺถํ ‘‘พฺรหฺมจริยํ จริสฺสามา’’ติ เอกสฺมิํ ทิวเส เอกวารมฺปิ เตสํ จิตฺตํ นุปฺปนฺนํฯ สตฺตาโห ปน วุจฺจมาโน เอเตสํ กิํ กริสฺสตีติ โยชนาฯ สตฺตาหํ ปูเรตุนฺติ สตฺตาหํ พฺรหฺมจริยํ ปูเรตุํ, พฺรหฺมจริยวเสน วา สตฺตาหํ ปูเรตุนฺติ อโตฺถฯ ปรวาทภินฺทนนฺติ ปรวาทมทฺทนํฯ สกวาทสมุสฺสาปนนฺติ สกวาทปคฺคณฺหนํฯ วาสนายาติ สจฺจสมฺปฎิเวธวาสนายฯ เนสนฺติ จ ปกรณวเสน วุตฺตํฯ ตทเญฺญสมฺปิ หิ ภควโต สมฺมุขา, ปรมฺปราย จ เทวมนุสฺสานํ สุณนฺตานํ วาสนาย ปจฺจโย เอวาติฯ ยํ ปเนตฺถ อตฺถโต น วิภตฺตํ, ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวาติฯ
Phuṭṭhāti pariyuṭṭhānavasena phuṭṭhā. Yatrāti niddhāraṇe bhummanti āha ‘‘yesū’’ti. Aññāṇatthanti ājānanatthaṃ, upasaggamattañcettha ā-kāroti āha ‘‘jānanattha’’nti, vīmaṃsanatthanti attho. Cittaṃ nuppannanti ‘‘jānāma tāvassa dhamma’’nti ājānanatthaṃ ‘‘brahmacariyaṃ carissāmā’’ti ekasmiṃ divase ekavārampi tesaṃ cittaṃ nuppannaṃ. Sattāho pana vuccamāno etesaṃ kiṃ karissatīti yojanā. Sattāhaṃ pūretunti sattāhaṃ brahmacariyaṃ pūretuṃ, brahmacariyavasena vā sattāhaṃ pūretunti attho. Paravādabhindananti paravādamaddanaṃ. Sakavādasamussāpananti sakavādapaggaṇhanaṃ. Vāsanāyāti saccasampaṭivedhavāsanāya. Nesanti ca pakaraṇavasena vuttaṃ. Tadaññesampi hi bhagavato sammukhā, paramparāya ca devamanussānaṃ suṇantānaṃ vāsanāya paccayo evāti. Yaṃ panettha atthato na vibhattaṃ, taṃ suviññeyyamevāti.
อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนาฯ
Udumbarikasuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ทีฆนิกาย • Dīghanikāya / ๒. อุทุมฺพริกสุตฺตํ • 2. Udumbarikasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / ทีฆ นิกาย (อฎฺฐกถา) • Dīgha nikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อุทุมฺพริกสุตฺตวณฺณนา • 2. Udumbarikasuttavaṇṇanā