Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓๗. อุคฺคหนิเทฺทสวณฺณนา
37. Uggahaniddesavaṇṇanā
๒๘๑. ทสเภทมฺปีติ สเจ เกนจิ เหฎฺฐา ทสฺสิตํ ทสวิธํ รตนํ อาเนตฺวา ‘‘อิทํ สงฺฆสฺส วา เจติยสฺส วา นวกมฺมสฺส วา อญฺญปุคฺคลสฺส วา สุตฺตนฺติกคณสฺส วา ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉนฺตสฺส ทุกฺกฎํ โหตีติ อโตฺถฯ
281.Dasabhedampīti sace kenaci heṭṭhā dassitaṃ dasavidhaṃ ratanaṃ ānetvā ‘‘idaṃ saṅghassa vā cetiyassa vā navakammassa vā aññapuggalassa vā suttantikagaṇassa vā dammī’’ti vutte ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchantassa dukkaṭaṃ hotīti attho.
๒๘๒-๓. เตสุ ทสวิเธสุ รตเนสูติ อโตฺถฯ ทฺวีสูติ รชตชาตรูเปสุฯ คณสงฺฆปุคฺคเล (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๕๓๘-๕๓๙) อนามสิตฺวา ‘‘อิทํ หิรญฺญสุวณฺณํ เจติยสฺส ทมฺมิ, นวกมฺมสฺส ทมฺมี’’ติ วุเตฺต น ปฎิกฺขิเปติ อโตฺถฯ กิํ กาตพฺพนฺติ เจ? ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘วเท’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ‘‘อิเม เอวํ วทนฺตี’’ติ กปฺปิยการานํ อาจิกฺขิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
282-3. Tesu dasavidhesu ratanesūti attho. Dvīsūti rajatajātarūpesu. Gaṇasaṅghapuggale (pārā. aṭṭha. 2.538-539) anāmasitvā ‘‘idaṃ hiraññasuvaṇṇaṃ cetiyassa dammi, navakammassa dammī’’ti vutte na paṭikkhipeti attho. Kiṃ kātabbanti ce? Taṃ dassetuṃ ‘‘vade’’tiādi vuttaṃ. ‘‘Ime evaṃ vadantī’’ti kappiyakārānaṃ ācikkhitabbanti attho.
๒๘๔. น เกวลํ หิรญฺญสุวณฺณาทิกเมว, อญฺญมฺปิ เขตฺตวตฺถาทิกํ อกปฺปิยํ น สมฺปฎิจฺฉิตพฺพนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘เขตฺตํ วตฺถุ’’นฺติอาทิมาหฯ ทาสปสุอาทิกํ ทาสปสฺวาทิกํฯ สเจ หิ โกจิ ‘‘มยฺหํ สสฺสสมฺปาทกํ มหาตฬากํ อตฺถิ, ตํ สงฺฆสฺส ทมฺมี’’ติ วทติ, ตเญฺจ สโงฺฆ สมฺปฎิจฺฉติฯ ปฎิคฺคหเณปิ ปริโภเคปิ อาปตฺติเยวฯ เอวํ เสเสสุปิฯ
284. Na kevalaṃ hiraññasuvaṇṇādikameva, aññampi khettavatthādikaṃ akappiyaṃ na sampaṭicchitabbanti taṃ dassetuṃ ‘‘khettaṃ vatthu’’ntiādimāha. Dāsapasuādikaṃ dāsapasvādikaṃ. Sace hi koci ‘‘mayhaṃ sassasampādakaṃ mahātaḷākaṃ atthi, taṃ saṅghassa dammī’’ti vadati, tañce saṅgho sampaṭicchati. Paṭiggahaṇepi paribhogepi āpattiyeva. Evaṃ sesesupi.
กปฺปิเยน กเมน คเณฺหยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ‘‘เขตฺตํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ‘‘น วฎฺฎตี’’ติ ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘อิโต จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุญฺชถา’’ติ วา ‘‘จตุปจฺจยปริโภคตฺถาย ทมฺมี’’ติ วา วทติ เจ, คเหตพฺพํฯ วตฺถุมฺหิปิ เอเสว นโยฯ ‘‘ตฬากํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุญฺชถา’’ติ วา ‘‘สโงฺฆ อุทกํ ปริภุญฺชิสฺสติ, ภณฺฑกํ โธวิสฺสตี’’ติ วา อาทินา นเยน วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ ‘‘ทาสํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘อารามิกํ, เวยฺยาวจฺจกรํ, กปฺปิยการกํ ทมฺมี’’ติ วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ ‘‘โคมหิํสอเชฬกาทโย ทมฺมี’’ติ วุเตฺต ปฎิกฺขิปิตฺวา ‘‘ปญฺจโครสปริโภคตฺถายา’’ติ วุเตฺต สมฺปฎิจฺฉิตพฺพํฯ เอทิสํ คหณํ สนฺธาย ‘‘ปฎิกฺขิปิตฺวา คเณฺหยฺยา’’ติ วุตฺตํฯ
Kappiyena kamena gaṇheyyāti sambandho. ‘‘Khettaṃ dammī’’ti vutte ‘‘na vaṭṭatī’’ti paṭikkhipitvā ‘‘ito cattāro paccaye paribhuñjathā’’ti vā ‘‘catupaccayaparibhogatthāya dammī’’ti vā vadati ce, gahetabbaṃ. Vatthumhipi eseva nayo. ‘‘Taḷākaṃ dammī’’ti vutte paṭikkhipitvā ‘‘cattāro paccaye paribhuñjathā’’ti vā ‘‘saṅgho udakaṃ paribhuñjissati, bhaṇḍakaṃ dhovissatī’’ti vā ādinā nayena vutte sampaṭicchitabbaṃ. ‘‘Dāsaṃ dammī’’ti vutte paṭikkhipitvā ‘‘ārāmikaṃ, veyyāvaccakaraṃ, kappiyakārakaṃ dammī’’ti vutte sampaṭicchitabbaṃ. ‘‘Gomahiṃsaajeḷakādayo dammī’’ti vutte paṭikkhipitvā ‘‘pañcagorasaparibhogatthāyā’’ti vutte sampaṭicchitabbaṃ. Edisaṃ gahaṇaṃ sandhāya ‘‘paṭikkhipitvā gaṇheyyā’’ti vuttaṃ.
๒๘๕-๖. นวมาติกเกทารตฬากกิริยา (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๓๘-๒๓๙) จ อนเว ปุเพฺพ กปฺปิยโวหาเรน ปฎิกฺขิปิตฺวา คหิตตฬาเก มตฺติกุทฺธรณญฺจ ภินฺนฎฺฐาเน ปาฬิพโนฺธ จ ทุพฺพลฎฺฐาเน อาฬิยา ถิรกาโร จ อนเว เกทาเร ปุราณภาคโต อติเรกภาคคฺคหณญฺจ นเว เกทาเร อปริจฺฉินฺนภาเค ‘‘สเสฺส เทถ เอตฺตเก’’ติ กหาปณุฎฺฐาปนญฺจาปีติ อิทํ สพฺพํ ภิกฺขุสฺส กาตุํ น วฎฺฎติฯ สเจ กโรติ, เอวมาทิกํ สเพฺพสมฺปิ อกปฺปิยนฺติ อโตฺถฯ
285-6.Navamātikakedārataḷākakiriyā (pārā. aṭṭha. 2.238-239) ca anave pubbe kappiyavohārena paṭikkhipitvā gahitataḷāke mattikuddharaṇañca bhinnaṭṭhāne pāḷibandho ca dubbalaṭṭhāne āḷiyā thirakāro ca anave kedāre purāṇabhāgato atirekabhāgaggahaṇañca nave kedāre aparicchinnabhāge ‘‘sasse detha ettake’’ti kahāpaṇuṭṭhāpanañcāpīti idaṃ sabbaṃ bhikkhussa kātuṃ na vaṭṭati. Sace karoti, evamādikaṃ sabbesampi akappiyanti attho.
๒๘๗-๙. อิทานิ ตํเยว อกปฺปิยํ ทเสฺสตุํ ‘‘อวตฺวา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตสฺสโตฺถ (ปารา. อฎฺฐ. ๒.๒๓๘-๒๓๙) – โย ปน ‘‘กส, วปฺป’’ อิจฺจาทิกํ อวตฺวา ‘‘เอตฺติกาย ภูมิยา เอตฺตโก ภาโค เทโยฺย’’ติ ภูมิํ วา ปติฎฺฐาเปติ, ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค สสฺสํ กตํ, เอตฺตกํ คณฺหถา’’ติ กสฺสเก วทเนฺต ปมาณคณฺหนตฺถํ ทณฺฑรชฺชุภิ มินติ, ขเล ฐตฺวา รกฺขณาทีนิ กโรติ, ตเสฺสว อกปฺปิยนฺติฯ
287-9. Idāni taṃyeva akappiyaṃ dassetuṃ ‘‘avatvā’’tiādi vuttaṃ. Tassattho (pārā. aṭṭha. 2.238-239) – yo pana ‘‘kasa, vappa’’ iccādikaṃ avatvā ‘‘ettikāya bhūmiyā ettako bhāgo deyyo’’ti bhūmiṃ vā patiṭṭhāpeti, ‘‘ettake bhūmibhāge sassaṃ kataṃ, ettakaṃ gaṇhathā’’ti kassake vadante pamāṇagaṇhanatthaṃ daṇḍarajjubhi minati, khale ṭhatvā rakkhaṇādīni karoti, tasseva akappiyanti.
๒๙๐. ภณฺฑาคาริกสีเสน ปิตุสนฺตกมฺปิ สเจ ปฎิสาเมยฺย, ปาจิตฺติยนฺติ อโตฺถฯ
290. Bhaṇḍāgārikasīsena pitusantakampi sace paṭisāmeyya, pācittiyanti attho.
๒๙๑-๒. ปิตูนนฺติ มาตาปิตูนํฯ สาฎกาทิกปฺปิยํ วตฺถุํฯ ‘‘ปฎิสาเมตฺวา เทหี’’ติ วุเตฺตติ สมฺพโนฺธฯ ปาเตตฺวาน คเต ยสฺมา อชฺฌารามสิกฺขาปทวเสน (ปาจิ. ๕๐๕-๕๐๖) ปลิโพโธ, ตสฺมา โคปิตุํ ลพฺภนฺติ อโตฺถฯ
291-2.Pitūnanti mātāpitūnaṃ. Sāṭakādikappiyaṃ vatthuṃ. ‘‘Paṭisāmetvā dehī’’ti vutteti sambandho. Pātetvāna gate yasmā ajjhārāmasikkhāpadavasena (pāci. 505-506) palibodho, tasmā gopituṃ labbhanti attho.
๒๙๓-๔. สกํ วาสิอาทิปริกฺขารนฺติ อโตฺถฯ อิทํ ฐานํ คุตฺตนฺติ ทเสฺสตพฺพํฯ ‘‘เอตฺถ ฐเปถา’’ติ ปน น วตฺตพฺพํฯ
293-4.Sakaṃ vāsiādiparikkhāranti attho. Idaṃ ṭhānaṃ guttanti dassetabbaṃ. ‘‘Ettha ṭhapethā’’ti pana na vattabbaṃ.
๒๙๕. เอตฺถ ‘‘อโญฺญ โกจิ น ปวิสติ, ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สงฺกนฺตีติ อโตฺถฯ วตฺถุมฺหีติ อลงฺการาทิวตฺถุมฺหีติ อโตฺถฯ ตาทิเสติ ยาทิเส วตฺถุมฺหิ นเฎฺฐ อาสงฺกา โหติ, ตาทิเส วตฺถุมฺหิ นเฎฺฐติ สมฺพโนฺธฯ
295. Ettha ‘‘añño koci na pavisati, bhikkhūhi vā sāmaṇerehi vā gahitaṃ bhavissatī’’ti saṅkantīti attho. Vatthumhīti alaṅkārādivatthumhīti attho. Tādiseti yādise vatthumhi naṭṭhe āsaṅkā hoti, tādise vatthumhi naṭṭheti sambandho.
๒๙๖. อิทานิ อสงฺกิตพฺพฎฺฐานํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิหาราวสถสฺสโนฺต’’ติอาทิมาหฯ วิหารสฺส จ ฆรสฺส จาติ อโตฺถฯ รตนนฺติ ทสวิธํ รตนํฯ รตฺนสมฺมตนฺติ สาฎกเวฐนาทิกํฯ คเหตฺวานาติ กปฺปิยการเก อสติ อตฺตนาปิ คเหตฺวาน นิกฺขิเปยฺยาติ อโตฺถฯ มเคฺครเญฺญปีติ มเคฺคปิ อรเญฺญปิฯ ตาทิเสติ ‘‘ภิกฺขูหิ คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ อาสงฺกิตพฺพฎฺฐาเนฯ ปติรูปํ กรียตีติ มเคฺค วา อรเญฺญ วา ตาทิสํ ภณฺฑํ ปสฺสิตฺวา มคฺคา โอกฺกมฺม นิสีทิตพฺพํ, สามิเกสุ อาคเตสุ ตํ ฐานํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ สเจ สามิเก น ปสฺสติ, รตนสมฺมตํ ปํสุกูลํ คเหตพฺพํฯ รตนเญฺจ โหติ, ตุณฺหีภูเตน คนฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ อยํ มคฺคารญฺญเกสุ ปฎิปตฺติฯ วิหาราวสถานํ ปน อโนฺต ตาทิสํ ทิสฺวา ภณฺฑกํ มุญฺจิตฺวา ‘‘เอตฺถ เอตฺตกา กหาปณา’’ติอาทินา นเยน รูเปน วา ลญฺฉนาย วา ปิโลติกาย วา สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิปิตพฺพํ, ตโต ปกฺกมเนฺตน ปติรูปานํ ภิกฺขูนํ อาจิกฺขิตพฺพํฯ อุคฺคหวินิจฺฉโยฯ
296. Idāni asaṅkitabbaṭṭhānaṃ dassetuṃ ‘‘vihārāvasathassanto’’tiādimāha. Vihārassa ca gharassa cāti attho. Ratananti dasavidhaṃ ratanaṃ. Ratnasammatanti sāṭakaveṭhanādikaṃ. Gahetvānāti kappiyakārake asati attanāpi gahetvāna nikkhipeyyāti attho. Maggeraññepīti maggepi araññepi. Tādiseti ‘‘bhikkhūhi gahitaṃ bhavissatī’’ti āsaṅkitabbaṭṭhāne. Patirūpaṃ karīyatīti magge vā araññe vā tādisaṃ bhaṇḍaṃ passitvā maggā okkamma nisīditabbaṃ, sāmikesu āgatesu taṃ ṭhānaṃ ācikkhitabbaṃ. Sace sāmike na passati, ratanasammataṃ paṃsukūlaṃ gahetabbaṃ. Ratanañce hoti, tuṇhībhūtena gantabbanti attho. Ayaṃ maggāraññakesu paṭipatti. Vihārāvasathānaṃ pana anto tādisaṃ disvā bhaṇḍakaṃ muñcitvā ‘‘ettha ettakā kahāpaṇā’’tiādinā nayena rūpena vā lañchanāya vā pilotikāya vā saññāṇaṃ katvā nikkhipitabbaṃ, tato pakkamantena patirūpānaṃ bhikkhūnaṃ ācikkhitabbaṃ. Uggahavinicchayo.
อุคฺคหนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uggahaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.