Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๓๗. อุคฺคหนิเทฺทสวณฺณนา
37. Uggahaniddesavaṇṇanā
๒๘๑. ปุคฺคล-สทฺทมเตฺต ปยุเตฺต อตฺตโนปิ คหณสมฺภโว สิยาติ พฺยภิจารตฺถํ อญฺญ-สทฺทปฺปโยโคฯ สติ สมฺภเว พฺยภิจาเร วิเสสนํ สาตฺถกํ โหตีติฯ ทสเภทมฺปิ รตนนฺติ ‘‘มุตฺตา มณิ เวฬุริโย สโงฺข สิลา ปวาฬํ รชตํ ชาตรูปํ โลหิตโงฺก มสารคลฺล’’นฺติ (ปาจิ. ๕๐๖) เอวํ วุตฺตํ ทสเภทมฺปิ รตนํฯ อุคฺคณฺหนฺตสฺสาติ คณฺหนฺตสฺส สมฺปฎิจฺฉนฺตสฺสฯ
281. Puggala-saddamatte payutte attanopi gahaṇasambhavo siyāti byabhicāratthaṃ añña-saddappayogo. Sati sambhave byabhicāre visesanaṃ sātthakaṃ hotīti. Dasabhedampi ratananti ‘‘muttā maṇi veḷuriyo saṅkho silā pavāḷaṃ rajataṃ jātarūpaṃ lohitaṅko masāragalla’’nti (pāci. 506) evaṃ vuttaṃ dasabhedampi ratanaṃ. Uggaṇhantassāti gaṇhantassa sampaṭicchantassa.
๒๘๒-๓. เตสุ อตฺตตฺถํ อุคฺคณฺหนฺตสฺส ทฺวีสุ นิสฺสคฺคีติ สมฺพโนฺธฯ เตสูติ เตสุ ทสสุ มเชฺฌฯ ทฺวีสูติ รชตชาตรูปสงฺขาเตสุ ทฺวีสุ นิสฺสคฺคิยวตฺถูสุฯ อตฺตตฺถนฺติ อิมินา นวกมฺมาทีนํ ปญฺจนฺนํ อตฺถาย ทุกฺกฎนฺติ ทีเปติฯ เสเสสุ ทุกฺกฎนฺติ อวเสเสสุ อฎฺฐสุ สเพฺพสมฺปิ อตฺถาย อุคฺคณฺหนฺตสฺส ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ คณญฺจ สงฺฆญฺจ ปุคฺคลญฺจ อนามสิตฺวา ‘‘เจตฺยสฺส นวกมฺมสฺส ทมฺมี’’ติ วุเตฺต จ น ปฎิกฺขิเปติ สมฺพนฺธนียํฯ น ปฎิกฺขิเปติ อิมินา สงฺฆาทิํ อามสิตฺวา วุเตฺต ปฎิกฺขิปนํ ทีเปติฯ ปฎิกฺขิเตฺต ‘‘กปฺปิยการกานํ วา หเตฺถ ภวิสฺสติ, มม ปุริสานํ มยฺหเมว วา หเตฺถ ภวิสฺสติ, เกวลํ ตุเมฺห ปจฺจเย ปริภุญฺชถา’’ติ วทติ, วฎฺฎติฯ จตุปจฺจยตฺถาย จ ทินฺนํ เยน เยน อโตฺถ โหติ, ตทตฺถํ อุปเนตพฺพํฯ เตสํ จีวรตฺถาย ทินฺนํ จีวเรเยว อุปเนตพฺพํฯ สเจ จีวเรน ตาทิโส อโตฺถ นตฺถิ, ปิณฺฑปาตาทีหิ สโงฺฆ กิลมติ, สงฺฆสุฎฺฐุตาย อปโลเกตฺวา ตทตฺถายปิ อุปเนตพฺพํฯ เอส นโย ปิณฺฑปาตคิลานปจฺจยตฺถาย ทิเนฺนปิฯ เสนาสนตฺถาย ทินฺนํ ปน ครุภณฺฑตฺตา ตเตฺถว อุปเนตพฺพํ, เสนาสเนสุ นสฺสเนฺตสุ ชคฺคนตฺถํ มูลเจฺฉชฺชํ อกตฺวา อวิสฺสเชฺชตฺวา ยาปนมตฺตํ ปริภุญฺชิตพฺพํฯ
282-3. Tesu attatthaṃ uggaṇhantassa dvīsu nissaggīti sambandho. Tesūti tesu dasasu majjhe. Dvīsūti rajatajātarūpasaṅkhātesu dvīsu nissaggiyavatthūsu. Attatthanti iminā navakammādīnaṃ pañcannaṃ atthāya dukkaṭanti dīpeti. Sesesu dukkaṭanti avasesesu aṭṭhasu sabbesampi atthāya uggaṇhantassa dukkaṭanti attho. Gaṇañca saṅghañca puggalañca anāmasitvā ‘‘cetyassa navakammassa dammī’’ti vutte ca na paṭikkhipeti sambandhanīyaṃ. Na paṭikkhipeti iminā saṅghādiṃ āmasitvā vutte paṭikkhipanaṃ dīpeti. Paṭikkhitte ‘‘kappiyakārakānaṃ vā hatthe bhavissati, mama purisānaṃ mayhameva vā hatthe bhavissati, kevalaṃ tumhe paccaye paribhuñjathā’’ti vadati, vaṭṭati. Catupaccayatthāya ca dinnaṃ yena yena attho hoti, tadatthaṃ upanetabbaṃ. Tesaṃ cīvaratthāya dinnaṃ cīvareyeva upanetabbaṃ. Sace cīvarena tādiso attho natthi, piṇḍapātādīhi saṅgho kilamati, saṅghasuṭṭhutāya apaloketvā tadatthāyapi upanetabbaṃ. Esa nayo piṇḍapātagilānapaccayatthāya dinnepi. Senāsanatthāya dinnaṃ pana garubhaṇḍattā tattheva upanetabbaṃ, senāsanesu nassantesu jagganatthaṃ mūlacchejjaṃ akatvā avissajjetvā yāpanamattaṃ paribhuñjitabbaṃ.
๒๘๔. เขตฺตาทีนํ เกสญฺจิ ทุกฺกฎวตฺถูนํ สมฺปฎิจฺฉนูปายํ ทเสฺสตุํ ‘‘เขตฺต’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ เขตฺตนฺติ ปุพฺพณฺณวิรุหนฎฺฐานํฯ วตฺถุนฺติ อปรณฺณอุจฺฉุผลาทีนํ วิรุหนฎฺฐานํฯ ทาสปสฺวาทิกนฺติ ทาสปสุปุปฺผารามผลารามาทิกํฯ ปฎิกฺขิปิตฺวา กปฺปิเยน กเมน จ คเณฺหยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ กปฺปิเยน กเมน จาติ เอตฺถ กม-สโทฺท โวหารปฺปฎิปาฎิวจโน, ตสฺมา ปเรสํ อตฺตโน จ กปฺปิยโวหารกฺกเมเนวาติ อโตฺถฯ
284. Khettādīnaṃ kesañci dukkaṭavatthūnaṃ sampaṭicchanūpāyaṃ dassetuṃ ‘‘khetta’’ntiādi vuttaṃ. Tattha khettanti pubbaṇṇaviruhanaṭṭhānaṃ. Vatthunti aparaṇṇaucchuphalādīnaṃ viruhanaṭṭhānaṃ. Dāsapasvādikanti dāsapasupupphārāmaphalārāmādikaṃ. Paṭikkhipitvā kappiyena kamena ca gaṇheyyāti sambandho. Kappiyena kamena cāti ettha kama-saddo vohārappaṭipāṭivacano, tasmā paresaṃ attano ca kappiyavohārakkamenevāti attho.
โส จ เขตฺตวตฺถูสุ ตาว ‘‘จตฺตาโร ปจฺจเย ปริภุญฺชถา’’ติ วา ‘‘กปฺปิยการกานํ หเตฺถ ภวิสฺสตี’’ติ วา ‘‘สโงฺฆ กปฺปิยภณฺฑํ ภุญฺชตู’’ติ วา ‘‘สีมํ เทมา’’ติ วา ปเรหิ วุโตฺต, ‘‘สาธุ, อุปาสก มิคปกฺขิโน เอตฺถ นิพฺภยา สุเขน ชีวิสฺสนฺตี’’ติ อตฺตนา วา ตฬาเก ยถาวุเตฺตเนว ‘‘อุทกํ ปริภุญฺชิสฺสนฺติ, ภณฺฑกํ โธวิสฺสนฺติ, มิคปกฺขิโน ปิวิสฺสนฺตี’’ติ ปเรหิ วา ‘‘สาธุ, อุปาสก, สโงฺฆ ปานียํ ปิวิสฺสตี’’ติอาทินา อตฺตนา วา ทาเส ‘‘อารามิกํ ทมฺมิ, เวยฺยาวจฺจกรํ ทมฺมิ, กปฺปิยการกํ ทมฺมี’’ติ วา ปสูสุ ‘‘ปญฺจโครสปริโภคตฺถาย ทมฺมี’’ติ อาราเม ‘‘วนํ ทมฺมี’’ติ เอวมาทินา วุโตฺต เวทิตโพฺพฯ สเจ ปน โกจิ อพฺยโตฺต อกปฺปิยโวหาเรน เขตฺตาทิํ ปฎิคฺคณฺหาติ วา กาเรติ วา, ตํ ภิกฺขูหิ น ปริภุญฺชิตพฺพํ, ตํ นิสฺสาย ลทฺธํ กปฺปิยภณฺฑมฺปิ อกปฺปิยเมวฯ อพฺยเตฺตน ปน ลชฺชีภิกฺขุนา การาปิเตสุ กิญฺจาปิ ปฎิคฺคหณํ กปฺปิยํ, ภิกฺขุสฺส ปโยคปจฺจยา อุปฺปเนฺนน มิสฺสตฺตา วิสคตปิณฺฑปาโต วิย, อกปฺปิยมํสโภชนํ วิย จ ทุพฺพินิโพฺภคํ โหติ, สเพฺพสํ อกปฺปิยเมวฯ
So ca khettavatthūsu tāva ‘‘cattāro paccaye paribhuñjathā’’ti vā ‘‘kappiyakārakānaṃ hatthe bhavissatī’’ti vā ‘‘saṅgho kappiyabhaṇḍaṃ bhuñjatū’’ti vā ‘‘sīmaṃ demā’’ti vā parehi vutto, ‘‘sādhu, upāsaka migapakkhino ettha nibbhayā sukhena jīvissantī’’ti attanā vā taḷāke yathāvutteneva ‘‘udakaṃ paribhuñjissanti, bhaṇḍakaṃ dhovissanti, migapakkhino pivissantī’’ti parehi vā ‘‘sādhu, upāsaka, saṅgho pānīyaṃ pivissatī’’tiādinā attanā vā dāse ‘‘ārāmikaṃ dammi, veyyāvaccakaraṃ dammi, kappiyakārakaṃ dammī’’ti vā pasūsu ‘‘pañcagorasaparibhogatthāya dammī’’ti ārāme ‘‘vanaṃ dammī’’ti evamādinā vutto veditabbo. Sace pana koci abyatto akappiyavohārena khettādiṃ paṭiggaṇhāti vā kāreti vā, taṃ bhikkhūhi na paribhuñjitabbaṃ, taṃ nissāya laddhaṃ kappiyabhaṇḍampi akappiyameva. Abyattena pana lajjībhikkhunā kārāpitesu kiñcāpi paṭiggahaṇaṃ kappiyaṃ, bhikkhussa payogapaccayā uppannena missattā visagatapiṇḍapāto viya, akappiyamaṃsabhojanaṃ viya ca dubbinibbhogaṃ hoti, sabbesaṃ akappiyameva.
๒๘๕-๖. นว…เป.… กิริยา จ อนเว มตฺติกุทฺธารณญฺจ พโนฺธ จ อาฬิยา ถิรกาโร จ อนเว เกทาเร อติเรกภาคคฺคหณญฺจ นเว จ อปริจฺฉินฺนภาเค สเสฺส ‘‘เอตฺตเก เทถา’’ติ กหาปณุฎฺฐาปนญฺจาติ สเพฺพสมฺปิ อกปฺปิยนฺติ สมฺพโนฺธฯ มาติกา จ เกทาโร จ ตฬาโก จาติ ทฺวโนฺท มาติก…เป.… ตฬากาฯ เตสํ กิริยาติ สมาโสฯ อนเวติ จตุปจฺจยวเสน ปฎิคฺคหิเต ปุราณตฬาเกฯ อุทกวเสน ปฎิคฺคหิเต ปน สุทฺธจิตฺตานํ วฎฺฎติฯ พโนฺธติ ปาฬิยา พโนฺธฯ โปราณเกทาเร นิยมิตปกติภาคตฺตา อาห ‘‘อนเว’’ติฯ อปริจฺฉินฺนภาเคติ ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค เอตฺตโก ภาโค ทาตโพฺพ’’ติ เอวํ อปริจฺฉินฺนภาเคฯ
285-6. Nava…pe… kiriyā ca anave mattikuddhāraṇañca bandho ca āḷiyā thirakāro ca anave kedāre atirekabhāgaggahaṇañca nave ca aparicchinnabhāge sasse ‘‘ettake dethā’’ti kahāpaṇuṭṭhāpanañcāti sabbesampi akappiyanti sambandho. Mātikā ca kedāro ca taḷāko cāti dvando mātika…pe… taḷākā. Tesaṃ kiriyāti samāso. Anaveti catupaccayavasena paṭiggahite purāṇataḷāke. Udakavasena paṭiggahite pana suddhacittānaṃ vaṭṭati. Bandhoti pāḷiyā bandho. Porāṇakedāre niyamitapakatibhāgattā āha ‘‘anave’’ti. Aparicchinnabhāgeti ‘‘ettake bhūmibhāge ettako bhāgo dātabbo’’ti evaṃ aparicchinnabhāge.
๒๘๗-๙. ‘‘กส วปฺป’’ อิจฺจาทิํ อวตฺวา จ ‘‘เอตฺตกาย ภูมิยา เอตฺตโก ภาโค เทโยฺย’’ติ ภูมิํ วา ปติฎฺฐาเปติ, ตเสฺสเวตมกปฺปิยนฺติ สมฺพโนฺธฯ จ-สโทฺท อวธารเณฯ ปติฎฺฐาเปตีติ โย ภิกฺขุ ปติฎฺฐาเปติฯ ตเสฺสวาติ ตสฺส ปติฎฺฐาปกภิกฺขุเสฺสวฯ เอตนฺติ ปติฎฺฐาปิตภูมิโต ลทฺธธญฺญํ ‘‘เอตฺตเก ภูมิภาเค สสฺสํ กตํ, เอตฺตกํ คณฺหถา’’ติ เอวํ วทเนฺต ปมาณคณฺหนตฺถํ ทณฺฑรชฺชุภิ มินเน วา ขเล ฐตฺวา รกฺขเณ วา ตํ นีหราปเน วา โกฎฺฐาคาราทิปฎิสามเน วา เอตํ ตเสฺสว อกปฺปิยนฺติ สมฺพนฺธนียํฯ ปติฎฺฐาเปติ จาติ โส ภิกฺขุ ปติฎฺฐาเปติ จฯ กตนฺติ อเมฺหหิ กตํฯ วทเนฺตวนฺติ เอวํ กสฺสเก วทเนฺตฯ ปมาณนฺติ ภูมิปฺปมาณํฯ นีหราปเนติ ขลโต เคหสฺส นีหราปเนฯ เอตนฺติ มิตลทฺธรกฺขิตาทิกํฯ ตเสฺสวาติ มานกรกฺขกาทิโน เอวฯ อปุพฺพสฺส อนุปฺปาทิตตฺตา อเญฺญสํ กปฺปตีติ อาห ‘‘ตเสฺสเวตมกปฺปิย’’นฺติฯ
287-9. ‘‘Kasa vappa’’ iccādiṃ avatvā ca ‘‘ettakāya bhūmiyā ettako bhāgo deyyo’’ti bhūmiṃ vā patiṭṭhāpeti, tassevetamakappiyanti sambandho. Ca-saddo avadhāraṇe. Patiṭṭhāpetīti yo bhikkhu patiṭṭhāpeti. Tassevāti tassa patiṭṭhāpakabhikkhusseva. Etanti patiṭṭhāpitabhūmito laddhadhaññaṃ ‘‘ettake bhūmibhāge sassaṃ kataṃ, ettakaṃ gaṇhathā’’ti evaṃ vadante pamāṇagaṇhanatthaṃ daṇḍarajjubhi minane vā khale ṭhatvā rakkhaṇe vā taṃ nīharāpane vā koṭṭhāgārādipaṭisāmane vā etaṃ tasseva akappiyanti sambandhanīyaṃ. Patiṭṭhāpeti cāti so bhikkhu patiṭṭhāpeti ca. Katanti amhehi kataṃ. Vadantevanti evaṃ kassake vadante. Pamāṇanti bhūmippamāṇaṃ. Nīharāpaneti khalato gehassa nīharāpane. Etanti mitaladdharakkhitādikaṃ. Tassevāti mānakarakkhakādino eva. Apubbassa anuppāditattā aññesaṃ kappatīti āha ‘‘tassevetamakappiya’’nti.
๒๙๐. ปฎิสามนปฺปสเงฺคนาห ‘‘ปฎิสาเมยฺยา’’ติอาทิฯ ปิตุสนฺตกมฺปิ คิหิสนฺตกํ ยํ กิญฺจีติ สมฺพโนฺธฯ ปิตุสนฺตกนฺติ ปิตา จ มาตา จ ปิตโร, เตสํ สนฺตกํฯ คิหิสนฺตกนฺติ อิมินา ปญฺจนฺนํ สหธมฺมิกานํ สนฺตกํ ยํ กิญฺจิ ปริกฺขารํ ปฎิสาเมตุํ วฎฺฎตีติ ทีเปติฯ ยํ กิญฺจีติ กปฺปิยํ อกปฺปิยํ วา อนฺตมโส มาตุกณฺณปิฬนฺธนตาลปณฺณมฺปิฯ ภณฺฑาคาริกสีเสนาติ สีสงฺคมิว ปธานํ ยํ กิญฺจิ ‘‘สีส’’นฺติ อิธ อุปจารวเสน วุจฺจติ, ตถา ภณฺฑาคาริกสโทฺทปิ ภาวปฺปธาโน, ภณฺฑาคาริโก ภณฺฑาคาริกตฺตํ สีสํ ปธานนฺติ วิเสสนปรปเท กมฺมธารโย, เตน, ภณฺฑาคาริกตฺตสฺส ปธานกรเณนาติ อโตฺถฯ
290. Paṭisāmanappasaṅgenāha ‘‘paṭisāmeyyā’’tiādi. Pitusantakampi gihisantakaṃ yaṃ kiñcīti sambandho. Pitusantakanti pitā ca mātā ca pitaro, tesaṃ santakaṃ. Gihisantakanti iminā pañcannaṃ sahadhammikānaṃ santakaṃ yaṃ kiñci parikkhāraṃ paṭisāmetuṃ vaṭṭatīti dīpeti. Yaṃ kiñcīti kappiyaṃ akappiyaṃ vā antamaso mātukaṇṇapiḷandhanatālapaṇṇampi. Bhaṇḍāgārikasīsenāti sīsaṅgamiva padhānaṃ yaṃ kiñci ‘‘sīsa’’nti idha upacāravasena vuccati, tathā bhaṇḍāgārikasaddopi bhāvappadhāno, bhaṇḍāgāriko bhaṇḍāgārikattaṃ sīsaṃ padhānanti visesanaparapade kammadhārayo, tena, bhaṇḍāgārikattassa padhānakaraṇenāti attho.
๒๙๑-๒. อวสฺสํ ปฎิสามิยนฺติ อวสฺสํ สโงฺคเปตพฺพํฯ วุเตฺตปีติ มาตาปิตูหิ วุเตฺตปิฯ
291-2.Avassaṃ paṭisāmiyanti avassaṃ saṅgopetabbaṃ. Vuttepīti mātāpitūhi vuttepi.
๒๙๓-๔. วฑฺฒกิอาทโย วา ราชวลฺลภา วา ‘‘สกํ ปริกฺขารํ วา สยนภณฺฑํ วา ปฎิสาเมตฺวา เทหี’’ติ ยทิ วทนฺติ, ฉนฺทโตปิ ภยาปิ น กเรยฺยาติ โยชนาฯ ปริกฺขารนฺติ วาสิผรสุอาทิอุปกรณภณฺฑํฯ ฉนฺทโตปิ ภยาปีติ วฑฺฒกิอาทีสุ ฉเนฺทน, ราชวลฺลเภสุ ภเยนฯ
293-4. Vaḍḍhakiādayo vā rājavallabhā vā ‘‘sakaṃ parikkhāraṃ vā sayanabhaṇḍaṃ vā paṭisāmetvā dehī’’ti yadi vadanti, chandatopi bhayāpi na kareyyāti yojanā. Parikkhāranti vāsipharasuādiupakaraṇabhaṇḍaṃ. Chandatopi bhayāpīti vaḍḍhakiādīsu chandena, rājavallabhesu bhayena.
๒๙๕-๖. ปฎิสามิตุํ วฎฺฎตีติ โยเชตพฺพํฯ สงฺกนฺตีติ ยาทิเส ปเทเส ‘‘ภิกฺขูหิ วา สามเณเรหิ วา คหิตํ ภวิสฺสตี’’ติ สงฺกํ อุปฺปาเทนฺติ, ตาทิเส วิหาราวสถสฺสโนฺตติ โยชนียํฯ วิหาราวสถสฺสาติ วิหารสฺส จ อาวสถสฺส จฯ รตนนฺติ ทสวิธํ รตนํฯ รตฺนสมฺมตนฺติ วตฺถาทิกํฯ นิกฺขิเปยฺยาติ สามิเก ทิเฎฺฐ นิยเมตฺวา ทาตุํ ‘‘เอตฺตกา กหาปณา’’ติอาทินานุรูเปน มตฺติกลญฺฉนาทินิมิเตฺตน วา สญฺญาณํ กตฺวา นิกฺขิเปยฺยฯ คเหตฺวานาติ ตาทิเส อสติ อตฺตนาว คเหตฺวาฯ ตาทิเสติ รตเน วา รตนสมฺมเต วา สติฯ สามิกานาคมํ ญตฺวาติ ยทิ อตฺตนิ อาสงฺกนฺติ, มคฺคา โอกฺกมฺม นิสีทิย ปจฺฉา สามิกานํ อนาคมนํ วิญฺญายฯ ปติรูปนฺติ รตนสมฺมเต ปํสุกูลคฺคหณํ รตเน นิรุสฺสุกฺกคมนนฺติ เอวรูปํ ภิกฺขูนํ อนุรูปนฺติฯ
295-6. Paṭisāmituṃ vaṭṭatīti yojetabbaṃ. Saṅkantīti yādise padese ‘‘bhikkhūhi vā sāmaṇerehi vā gahitaṃ bhavissatī’’ti saṅkaṃ uppādenti, tādise vihārāvasathassantoti yojanīyaṃ. Vihārāvasathassāti vihārassa ca āvasathassa ca. Ratananti dasavidhaṃ ratanaṃ. Ratnasammatanti vatthādikaṃ. Nikkhipeyyāti sāmike diṭṭhe niyametvā dātuṃ ‘‘ettakā kahāpaṇā’’tiādinānurūpena mattikalañchanādinimittena vā saññāṇaṃ katvā nikkhipeyya. Gahetvānāti tādise asati attanāva gahetvā. Tādiseti ratane vā ratanasammate vā sati. Sāmikānāgamaṃ ñatvāti yadi attani āsaṅkanti, maggā okkamma nisīdiya pacchā sāmikānaṃ anāgamanaṃ viññāya. Patirūpanti ratanasammate paṃsukūlaggahaṇaṃ ratane nirussukkagamananti evarūpaṃ bhikkhūnaṃ anurūpanti.
อุคฺคหนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uggahaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.