Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๓. อุคฺคหสุตฺตํ
3. Uggahasuttaṃ
๓๓. เอกํ สมยํ ภควา ภทฺทิเย วิหรติ ชาติยา วเนฯ อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจ –
33. Ekaṃ samayaṃ bhagavā bhaddiye viharati jātiyā vane. Atha kho uggaho meṇḍakanattā yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho uggaho meṇḍakanattā bhagavantaṃ etadavoca –
‘‘อธิวาเสตุ เม, ภเนฺต, ภควา สฺวาตนาย อตฺตจตุโตฺถ ภตฺต’’นฺติ ฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควโต อธิวาสนํ วิทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ
‘‘Adhivāsetu me, bhante, bhagavā svātanāya attacatuttho bhatta’’nti . Adhivāsesi bhagavā tuṇhībhāvena. Atha kho uggaho meṇḍakanattā bhagavato adhivāsanaṃ viditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi.
อถ โข ภควา ตสฺสา รตฺติยา อจฺจเยน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย เยน อุคฺคหสฺส เมณฺฑกนตฺตุโน นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ปญฺญเตฺต อาสเน นิสีทิฯ อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ ปณีเตน ขาทนีเยน โภชนีเยน สหตฺถา สนฺตเปฺปสิ สมฺปวาเรสิฯ อถ โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ ภุตฺตาวิํ โอนีตปตฺตปาณิํ เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อุคฺคโห เมณฺฑกนตฺตา ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อิมา เม, ภเนฺต, กุมาริโย ปติกุลานิ คมิสฺสนฺติฯ โอวทตุ ตาสํ, ภเนฺต, ภควา; อนุสาสตุ ตาสํ, ภเนฺต, ภควา, ยํ ตาสํ อสฺส ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายา’’ติฯ
Atha kho bhagavā tassā rattiyā accayena pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya yena uggahassa meṇḍakanattuno nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā paññatte āsane nisīdi. Atha kho uggaho meṇḍakanattā bhagavantaṃ paṇītena khādanīyena bhojanīyena sahatthā santappesi sampavāresi. Atha kho uggaho meṇḍakanattā bhagavantaṃ bhuttāviṃ onītapattapāṇiṃ ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho uggaho meṇḍakanattā bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘imā me, bhante, kumāriyo patikulāni gamissanti. Ovadatu tāsaṃ, bhante, bhagavā; anusāsatu tāsaṃ, bhante, bhagavā, yaṃ tāsaṃ assa dīgharattaṃ hitāya sukhāyā’’ti.
อถ โข ภควา ตา กุมาริโย เอตทโวจ – ‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยสฺส โว 1 มาตาปิตโร ภตฺตุโน ทสฺสนฺติ อตฺถกามา หิเตสิโน อนุกมฺปกา อนุกมฺปํ อุปาทาย, ตสฺส ภวิสฺสาม ปุพฺพุฎฺฐายินิโย ปจฺฉานิปาตินิโย กิํการปฎิสฺสาวินิโย มนาปจารินิโย ปิยวาทินิโย’ติฯ เอวญฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํฯ
Atha kho bhagavā tā kumāriyo etadavoca – ‘‘tasmātiha, kumāriyo, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yassa vo 2 mātāpitaro bhattuno dassanti atthakāmā hitesino anukampakā anukampaṃ upādāya, tassa bhavissāma pubbuṭṭhāyiniyo pacchānipātiniyo kiṃkārapaṭissāviniyo manāpacāriniyo piyavādiniyo’ti. Evañhi vo, kumāriyo, sikkhitabbaṃ.
‘‘ตสฺมาติห , กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘เย เต ภตฺตุ อพฺภนฺตรา กมฺมนฺตา อุณฺณาติ วา กปฺปาสาติ วา, ตตฺถ ทกฺขา ภวิสฺสาม อนลสา , ตตฺรุปายาย วีมํสาย สมนฺนาคตา, อลํ กาตุํ อลํ สํวิธาตุ’นฺติฯ เอวญฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘Tasmātiha , kumāriyo, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘ye te bhattu abbhantarā kammantā uṇṇāti vā kappāsāti vā, tattha dakkhā bhavissāma analasā , tatrupāyāya vīmaṃsāya samannāgatā, alaṃ kātuṃ alaṃ saṃvidhātu’nti. Evañhi vo, kumāriyo, sikkhitabbaṃ.
‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘โย โส ภตฺตุ อพฺภนฺตโร 9 อโนฺตชโน ทาสาติ วา เปสฺสาติ วา กมฺมกราติ วา, เตสํ กตญฺจ กตโต ชานิสฺสาม อกตญฺจ อกตโต ชานิสฺสาม, คิลานกานญฺจ พลาพลํ ชานิสฺสาม, ขาทนียํ โภชนียญฺจสฺส ปจฺจํเสน 10 สํวิภชิสฺสามา’ติ 11ฯ เอวญฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํฯ
‘‘Tasmātiha, kumāriyo, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yo so bhattu abbhantaro 12 antojano dāsāti vā pessāti vā kammakarāti vā, tesaṃ katañca katato jānissāma akatañca akatato jānissāma, gilānakānañca balābalaṃ jānissāma, khādanīyaṃ bhojanīyañcassa paccaṃsena 13 saṃvibhajissāmā’ti 14. Evañhi vo, kumāriyo, sikkhitabbaṃ.
‘‘ตสฺมาติห, กุมาริโย, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘ยํ ภตฺตา อาหริสฺสติ ธนํ วา ธญฺญํ วา รชตํ วา ชาตรูปํ วา, ตํ อารเกฺขน 15 คุตฺติยา สมฺปาเทสฺสาม, ตตฺถ จ ภวิสฺสาม อธุตฺตี อเถนี อโสณฺฑี อวินาสิกาโย’ติฯ เอวญฺหิ โว, กุมาริโย, สิกฺขิตพฺพํฯ อิเมหิ โข, กุมาริโย, ปญฺจหิ ธเมฺมหิ สมนฺนาคโต มาตุคาโม กายสฺส เภทา ปรํ มรณา มนาปกายิกานํ เทวานํ สหพฺยตํ อุปปชฺชตี’’ติฯ
‘‘Tasmātiha, kumāriyo, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘yaṃ bhattā āharissati dhanaṃ vā dhaññaṃ vā rajataṃ vā jātarūpaṃ vā, taṃ ārakkhena 16 guttiyā sampādessāma, tattha ca bhavissāma adhuttī athenī asoṇḍī avināsikāyo’ti. Evañhi vo, kumāriyo, sikkhitabbaṃ. Imehi kho, kumāriyo, pañcahi dhammehi samannāgato mātugāmo kāyassa bhedā paraṃ maraṇā manāpakāyikānaṃ devānaṃ sahabyataṃ upapajjatī’’ti.
‘‘โย นํ ภรติ สพฺพทา, นิจฺจํ อาตาปิ อุสฺสุโก;
‘‘Yo naṃ bharati sabbadā, niccaṃ ātāpi ussuko;
สพฺพกามหรํ โปสํ, ภตฺตารํ นาติมญฺญติฯ
Sabbakāmaharaṃ posaṃ, bhattāraṃ nātimaññati.
ภตฺตุ จ ครุโน สเพฺพ, ปฎิปูเชติ ปณฺฑิตาฯ
Bhattu ca garuno sabbe, paṭipūjeti paṇḍitā.
‘‘ยา เอวํ วตฺตตี นารี, ภตฺตุฉนฺทวสานุคา;
‘‘Yā evaṃ vattatī nārī, bhattuchandavasānugā;
มนาปา นาม เต เทวา, ยตฺถ สา อุปปชฺชตี’’ติฯ ตติยํ;
Manāpā nāma te devā, yattha sā upapajjatī’’ti. tatiyaṃ;
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๓. อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา • 3. Uggahasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๓. อุคฺคหสุตฺตวณฺณนา • 3. Uggahasuttavaṇṇanā