Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๑๐. อุคฺคเตฺถรคาถาวณฺณนา
10. Uggattheragāthāvaṇṇanā
ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ อายสฺมโต อุคฺคเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว ปุญฺญานิ กโรโนฺต อิโต เอกติํเส กเปฺป สิขิสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต เอกทิวสํ สิขิํ ภควนฺตํ ปสฺสิตฺวา ปสนฺนมานโส เกตกปุเปฺผหิ ปูชํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ สุคตีสุเยว สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท โกสลรเฎฺฐ อุคฺคนิคเม เสฎฺฐิปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, อุโคฺคเตฺววสฺส นามํ อโหสิฯ โส วิญฺญุตํ ปโตฺต ภควติ ตสฺมิํ นิคเม ภทฺทาราเม วิหรเนฺต วิหารํ คนฺตฺวา สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๑๔.๑๐-๑๖) –
Yaṃ mayā pakataṃ kammanti āyasmato uggattherassa gāthā. Kā uppatti? Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave puññāni karonto ito ekatiṃse kappe sikhissa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto ekadivasaṃ sikhiṃ bhagavantaṃ passitvā pasannamānaso ketakapupphehi pūjaṃ akāsi. So tena puññakammena devaloke nibbattitvā aparāparaṃ sugatīsuyeva saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kosalaraṭṭhe ugganigame seṭṭhiputto hutvā nibbatti, uggotvevassa nāmaṃ ahosi. So viññutaṃ patto bhagavati tasmiṃ nigame bhaddārāme viharante vihāraṃ gantvā satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.14.10-16) –
‘‘วินตานทิยา ตีเร, ปิลกฺขุ ผลิโต อหุ;
‘‘Vinatānadiyā tīre, pilakkhu phalito ahu;
ตาหํ รุกฺขํ คเวสโนฺต, อทฺทสํ โลกนายกํฯ
Tāhaṃ rukkhaṃ gavesanto, addasaṃ lokanāyakaṃ.
‘‘เกตกํ ปุปฺผิตํ ทิสฺวา, วเณฺฎ เฉตฺวานหํ ตทา;
‘‘Ketakaṃ pupphitaṃ disvā, vaṇṭe chetvānahaṃ tadā;
พุทฺธสฺส อภิโรเปสิํ, สิขิโน โลกพนฺธุโนฯ
Buddhassa abhiropesiṃ, sikhino lokabandhuno.
‘‘เยน ญาเณน ปโตฺตสิ, อจฺจุตํ อมตํ ปทํ;
‘‘Yena ñāṇena pattosi, accutaṃ amataṃ padaṃ;
ตํ ญาณํ อภิปูเชมิ, พุทฺธเสฎฺฐ มหามุนิฯ
Taṃ ñāṇaṃ abhipūjemi, buddhaseṭṭha mahāmuni.
‘‘ญาณมฺหิ ปูชํ กตฺวาน, ปิลกฺขุมทฺทสํ อหํ;
‘‘Ñāṇamhi pūjaṃ katvāna, pilakkhumaddasaṃ ahaṃ;
ปฎิลโทฺธมฺหิ ตํ ปญฺญํ, ญาณปูชายิทํ ผลํฯ
Paṭiladdhomhi taṃ paññaṃ, ñāṇapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘เอกติํเส อิโต กเปฺป, ยํ ปุปฺผมภิโรปยิํ;
‘‘Ekatiṃse ito kappe, yaṃ pupphamabhiropayiṃ;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, ญาณปูชายิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, ñāṇapūjāyidaṃ phalaṃ.
‘‘อิโต เตรสกปฺปมฺหิ, ทฺวาทสาสุํ ผลุคฺคตา;
‘‘Ito terasakappamhi, dvādasāsuṃ phaluggatā;
สตฺตรตนสมฺปนฺนา, จกฺกวตฺตี มหพฺพลาฯ
Sattaratanasampannā, cakkavattī mahabbalā.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา อตฺตโน วฎฺฎูปเจฺฉททีปเนน อญฺญํ พฺยากโรโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā attano vaṭṭūpacchedadīpanena aññaṃ byākaronto –
๘๐.
80.
‘‘ยํ มยา ปกตํ กมฺมํ, อปฺปํ วา ยทิ วา พหุํ;
‘‘Yaṃ mayā pakataṃ kammaṃ, appaṃ vā yadi vā bahuṃ;
สพฺพเมตํ ปริกฺขีณํ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;
Sabbametaṃ parikkhīṇaṃ, natthi dāni punabbhavo’’ti. – gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ ยํ มยา ปกตํ กมฺมนฺติ ยํ กมฺมํ ตีหิ กมฺมทฺวาเรหิ, ฉหิ อุปฺปตฺติทฺวาเรหิ, อฎฺฐหิ อสํวรทฺวาเรหิ , อฎฺฐหิ จ สํวรทฺวาเรหิ ปาปาทิวเสน ทานาทิวเสน จาติ อเนเกหิ ปกาเรหิ อนาทิมติ สํสาเร ยํ มยา กตํ อุปจิตํ อภินิพฺพตฺติตํ วิปากกมฺมํฯ อปฺปํ วา ยทิ วา พหุนฺติ ตญฺจ วตฺถุเจตนาปโยคกิเลสาทีนํ ทุพฺพลภาเวน อปฺปํ วา, เตสํ พลวภาเวน อภิณฺหปวตฺติยา จ พหุํ วาฯ สพฺพเมตํ ปริกฺขีณนฺติ สพฺพเมว เจตํ กมฺมํ กมฺมกฺขยกรสฺส อคฺคมคฺคสฺส อธิคตตฺตา ปริกฺขยํ คตํ, กิเลสวฎฺฎปฺปหาเนน หิ กมฺมวฎฺฎํ ปหีนเมว โหติ วิปากวฎฺฎสฺส อนุปฺปาทนโตฯ เตนาห ‘‘นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว’’ติฯ อายติํ ปุนพฺภวาภินิพฺพตฺติ มยฺหํ นตฺถีติ อโตฺถฯ ‘‘สพฺพเมฺปต’’นฺติปิ ปาโฐ, สพฺพมฺปิ เอตนฺติ ปทวิภาโคฯ
Tattha yaṃ mayā pakataṃ kammanti yaṃ kammaṃ tīhi kammadvārehi, chahi uppattidvārehi, aṭṭhahi asaṃvaradvārehi , aṭṭhahi ca saṃvaradvārehi pāpādivasena dānādivasena cāti anekehi pakārehi anādimati saṃsāre yaṃ mayā kataṃ upacitaṃ abhinibbattitaṃ vipākakammaṃ. Appaṃ vā yadi vābahunti tañca vatthucetanāpayogakilesādīnaṃ dubbalabhāvena appaṃ vā, tesaṃ balavabhāvena abhiṇhapavattiyā ca bahuṃ vā. Sabbametaṃ parikkhīṇanti sabbameva cetaṃ kammaṃ kammakkhayakarassa aggamaggassa adhigatattā parikkhayaṃ gataṃ, kilesavaṭṭappahānena hi kammavaṭṭaṃ pahīnameva hoti vipākavaṭṭassa anuppādanato. Tenāha ‘‘natthi dāni punabbhavo’’ti. Āyatiṃ punabbhavābhinibbatti mayhaṃ natthīti attho. ‘‘Sabbampeta’’ntipi pāṭho, sabbampi etanti padavibhāgo.
อุคฺคเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Uggattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
อฎฺฐมวคฺควณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Aṭṭhamavaggavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๑๐. อุคฺคเตฺถรคาถา • 10. Uggattheragāthā