Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรคาถา-อฎฺฐกถา • Theragāthā-aṭṭhakathā |
๕. อุเกฺขปกตวจฺฉเตฺถรคาถาวณฺณนา
5. Ukkhepakatavacchattheragāthāvaṇṇanā
อุเกฺขปกตวจฺฉสฺสาติ อายสฺมโต อุเกฺขปกตวจฺฉเตฺถรสฺส คาถาฯ กา อุปฺปตฺติ? โสปิ กิร ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ปุญฺญํ อุปจินโนฺต อิโต จตุนวุเต กเปฺป สิทฺธตฺถสฺส ภควโต กาเล กุลเคเห นิพฺพตฺติตฺวา วิญฺญุตํ ปโตฺต สตฺถารํ อุทฺทิสฺส มาฬํ กโรนฺตสฺส ปูคสฺส เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตสฺส ถมฺภํ ทตฺวา สหายกิจฺจํ อกาสิฯ โส เตน ปุญฺญกเมฺมน เทวโลเก นิพฺพตฺติตฺวา อปราปรํ ปุญฺญานิ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท สาวตฺถิยํ อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ปุโตฺต หุตฺวา นิพฺพตฺติ, วโจฺฉติสฺส โคตฺตโต อาคตนามํฯ โส สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมํ สุตฺวา ปฎิลทฺธสโทฺธ ปพฺพชิตฺวา โกสลรเฎฺฐ คามกาวาเส วสโนฺต อาคตาคตานํ ภิกฺขูนํ สนฺติเก ธมฺมํ ปริยาปุณาติฯ ‘‘อยํ วินโย อิทํ สุตฺตนฺตํ อยํ อภิธโมฺม’’ติ ปน ปริเจฺฉทํ น ชานาติฯ อเถกทิวสํ อายสฺมนฺตํ ธมฺมเสนาปติํ ปุจฺฉิตฺวา ยถาปริเจฺฉทํ สพฺพํ สลฺลเกฺขสิฯ ธมฺมสงฺคีติยา ปุเพฺพปิ ปิฎกาทิสมญฺญา ปริยตฺติสทฺธเมฺม ววตฺถิตา เอว, ยโต ภิกฺขูนํ วินยธราทิโวหาโรฯ โส เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ อุคฺคณฺหโนฺต ปริปุจฺฉโนฺต ตตฺถ วุเตฺต รูปารูปธเมฺม สลฺลเกฺขตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา สมฺมสโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ เตน วุตฺตํ อปทาเน (อป. เถร ๑.๒.๑๓-๒๖) –
Ukkhepakatavacchassāti āyasmato ukkhepakatavacchattherassa gāthā. Kā uppatti? Sopi kira purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayaṃ puññaṃ upacinanto ito catunavute kappe siddhatthassa bhagavato kāle kulagehe nibbattitvā viññutaṃ patto satthāraṃ uddissa māḷaṃ karontassa pūgassa ekatthambhaṃ alabhantassa thambhaṃ datvā sahāyakiccaṃ akāsi. So tena puññakammena devaloke nibbattitvā aparāparaṃ puññāni katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde sāvatthiyaṃ aññatarassa brāhmaṇassa putto hutvā nibbatti, vacchotissa gottato āgatanāmaṃ. So satthu santike dhammaṃ sutvā paṭiladdhasaddho pabbajitvā kosalaraṭṭhe gāmakāvāse vasanto āgatāgatānaṃ bhikkhūnaṃ santike dhammaṃ pariyāpuṇāti. ‘‘Ayaṃ vinayo idaṃ suttantaṃ ayaṃ abhidhammo’’ti pana paricchedaṃ na jānāti. Athekadivasaṃ āyasmantaṃ dhammasenāpatiṃ pucchitvā yathāparicchedaṃ sabbaṃ sallakkhesi. Dhammasaṅgītiyā pubbepi piṭakādisamaññā pariyattisaddhamme vavatthitā eva, yato bhikkhūnaṃ vinayadharādivohāro. So tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ uggaṇhanto paripucchanto tattha vutte rūpārūpadhamme sallakkhetvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā sammasanto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Tena vuttaṃ apadāne (apa. thera 1.2.13-26) –
‘‘สิทฺธตฺถสฺส ภควโต, มหาปูคคโณ อหุ;
‘‘Siddhatthassa bhagavato, mahāpūgagaṇo ahu;
สรณํ คตา จ เต พุทฺธํ, สทฺทหนฺติ ตถาคตํฯ
Saraṇaṃ gatā ca te buddhaṃ, saddahanti tathāgataṃ.
‘‘สเพฺพ สงฺคมฺม มเนฺตตฺวา, มาฬํ กุพฺพนฺติ สตฺถุโน;
‘‘Sabbe saṅgamma mantetvā, māḷaṃ kubbanti satthuno;
เอกตฺถมฺภํ อลภนฺตา, วิจินนฺติ พฺรหาวเนฯ
Ekatthambhaṃ alabhantā, vicinanti brahāvane.
‘‘เตหํ อรเญฺญ ทิสฺวาน, อุปคมฺม คณํ ตทา;
‘‘Tehaṃ araññe disvāna, upagamma gaṇaṃ tadā;
อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวาน, ปฎิปุจฺฉิํ คณํ อหํฯ
Añjaliṃ paggahetvāna, paṭipucchiṃ gaṇaṃ ahaṃ.
‘‘เต เม ปุฎฺฐา วิยากํสุ, สีลวโนฺต อุปาสกา;
‘‘Te me puṭṭhā viyākaṃsu, sīlavanto upāsakā;
มาฬํ มยํ กตฺตุกามา, เอกตฺถโมฺภ น ลพฺภติฯ
Māḷaṃ mayaṃ kattukāmā, ekatthambho na labbhati.
‘‘เอกตฺถมฺภํ มมํ เทถ, อหํ ทสฺสามิ สตฺถุโน;
‘‘Ekatthambhaṃ mamaṃ detha, ahaṃ dassāmi satthuno;
อาหริสฺสามหํ ถมฺภํ, อโปฺปสฺสุกฺกา ภวนฺตุ เตฯ
Āharissāmahaṃ thambhaṃ, appossukkā bhavantu te.
‘‘เต เม ถมฺภํ ปเวจฺฉิํสุ, ปสนฺนา ตุฎฺฐมานสา;
‘‘Te me thambhaṃ pavecchiṃsu, pasannā tuṭṭhamānasā;
ตโต ปฎินิวตฺติตฺวา, อคมํสุ สกํ ฆรํฯ
Tato paṭinivattitvā, agamaṃsu sakaṃ gharaṃ.
‘‘อจิรํ คเต ปูคคเณ, ถมฺภํ อหาสหํ ตทา;
‘‘Aciraṃ gate pūgagaṇe, thambhaṃ ahāsahaṃ tadā;
หโฎฺฐ หเฎฺฐน จิเตฺตน, ปฐมํ อุสฺสเปสหํฯ
Haṭṭho haṭṭhena cittena, paṭhamaṃ ussapesahaṃ.
‘‘เตน จิตฺตปฺปสาเทน, วิมานํ อุปปชฺชหํ;
‘‘Tena cittappasādena, vimānaṃ upapajjahaṃ;
อุพฺพิทฺธํ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํฯ
Ubbiddhaṃ bhavanaṃ mayhaṃ, sattabhūmaṃ samuggataṃ.
‘‘วชฺชมานาสุ เภรีสุ, ปริจาเรมหํ สทา;
‘‘Vajjamānāsu bherīsu, paricāremahaṃ sadā;
ปญฺจปญฺญาสกปฺปมฺหิ, ราชา อาสิํ ยโสธโรฯ
Pañcapaññāsakappamhi, rājā āsiṃ yasodharo.
‘‘ตตฺถาปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํ;
‘‘Tatthāpi bhavanaṃ mayhaṃ, sattabhūmaṃ samuggataṃ;
กูฎาคารวรูเปตํ, เอกตฺถมฺภํ มโนรมํฯ
Kūṭāgāravarūpetaṃ, ekatthambhaṃ manoramaṃ.
‘‘เอกวีสติกปฺปมฺหิ , อุเทโน นาม ขตฺติโย;
‘‘Ekavīsatikappamhi , udeno nāma khattiyo;
ตตฺราปิ ภวนํ มยฺหํ, สตฺตภูมํ สมุคฺคตํฯ
Tatrāpi bhavanaṃ mayhaṃ, sattabhūmaṃ samuggataṃ.
‘‘ยํ ยํ โยนุปปชฺชามิ, เทวตฺตํ อถ มานุสํ;
‘‘Yaṃ yaṃ yonupapajjāmi, devattaṃ atha mānusaṃ;
อนุโภมิ สุขํ สพฺพํ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํฯ
Anubhomi sukhaṃ sabbaṃ, ekatthambhassidaṃ phalaṃ.
‘‘จตุนฺนวุติโต กเปฺป, ยํ ถมฺภมททํ ตทา;
‘‘Catunnavutito kappe, yaṃ thambhamadadaṃ tadā;
ทุคฺคติํ นาภิชานามิ, เอกตฺถมฺภสฺสิทํ ผลํฯ
Duggatiṃ nābhijānāmi, ekatthambhassidaṃ phalaṃ.
‘‘กิเลสา ฌาปิตา มยฺหํ…เป.… กตํ พุทฺธสฺส สาสน’’นฺติฯ
‘‘Kilesā jhāpitā mayhaṃ…pe… kataṃ buddhassa sāsana’’nti.
อรหตฺตํ ปน ปตฺวา กตกิจฺจตฺตา อกิลาสุภาเว ฐิโต อตฺตโน สนฺติกํ อุปคตานํ คหฎฺฐปพฺพชิตานํ อนุกมฺปํ อุปาทาย เตปิฎกํ พุทฺธวจนํ วีมํสิตฺวา ธมฺมํ เทเสสิฯ เทเสโนฺต จ เอกทิวสํ อตฺตานํ ปรํ วิย กตฺวา ทเสฺสโนฺต –
Arahattaṃ pana patvā katakiccattā akilāsubhāve ṭhito attano santikaṃ upagatānaṃ gahaṭṭhapabbajitānaṃ anukampaṃ upādāya tepiṭakaṃ buddhavacanaṃ vīmaṃsitvā dhammaṃ desesi. Desento ca ekadivasaṃ attānaṃ paraṃ viya katvā dassento –
๖๕.
65.
‘‘อุเกฺขปกตวจฺฉสฺส, สงฺกลิตํ พหูหิ วเสฺสหิ;
‘‘Ukkhepakatavacchassa, saṅkalitaṃ bahūhi vassehi;
ตํ ภาสติ คหฎฺฐานํ, สุนิสิโนฺน อุฬารปาโมโชฺช’’ติฯ – คาถํ อภาสิ;
Taṃ bhāsati gahaṭṭhānaṃ, sunisinno uḷārapāmojjo’’ti. – gāthaṃ abhāsi;
ตตฺถ อุเกฺขปกตวจฺฉสฺสาติ กตอุเกฺขปวจฺฉสฺส, ภิกฺขุโน สนฺติเก วิสุํ วิสุํ อุคฺคหิตํ วินยปเทสํ สุตฺตปเทสํ อภิธมฺมปเทสญฺจ ยถาปริเจฺฉทํ วินยสุตฺตาภิธมฺมานํเยว อุปริ ขิปิตฺวา สชฺฌายนวเสน ตตฺถ ตเตฺถว ปกฺขิปิตฺวา ฐิตวเจฺฉนาติ อโตฺถ กรณเตฺถ หิ อิทํ สามิวจนํฯ สงฺกลิตํ พหูหิ วเสฺสหีติ พหุเกหิ สํวจฺฉเรหิ สมฺปิณฺฑนวเสน หทเย ฐปิตํฯ ‘‘สงฺขลิต’’นฺติปิ ปาโฐ, สงฺขลิตํ วิย กตํ เอกาพทฺธวเสน วาจุคฺคตํ กตํฯ ยํ พุทฺธวจนนฺติ วจนเสโสฯ ตนฺติ ตํ ปริยตฺติธมฺมํ ภาสติ กเถติฯ คหฎฺฐานนฺติ เตสํ เยภุยฺยตาย วุตฺตํฯ สุนิสิโนฺนติ ตสฺมิํ ธเมฺม สมฺมา นิจฺจโล นิสิโนฺน, ลาภสกฺการาทิํ อปจฺจาสีสโนฺต เกวลํ วิมุตฺตายตนสีเสเยว ฐตฺวา กเถตีติ อโตฺถฯ เตนาห ‘‘อุฬารปาโมโชฺช’’ติ ผลสมาปตฺติสุขวเสน ธมฺมเทสนาวเสเนว จ อุปฺปนฺนอุฬารปาโมโชฺชติฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Tattha ukkhepakatavacchassāti kataukkhepavacchassa, bhikkhuno santike visuṃ visuṃ uggahitaṃ vinayapadesaṃ suttapadesaṃ abhidhammapadesañca yathāparicchedaṃ vinayasuttābhidhammānaṃyeva upari khipitvā sajjhāyanavasena tattha tattheva pakkhipitvā ṭhitavacchenāti attho karaṇatthe hi idaṃ sāmivacanaṃ. Saṅkalitaṃ bahūhi vassehīti bahukehi saṃvaccharehi sampiṇḍanavasena hadaye ṭhapitaṃ. ‘‘Saṅkhalita’’ntipi pāṭho, saṅkhalitaṃ viya kataṃ ekābaddhavasena vācuggataṃ kataṃ. Yaṃ buddhavacananti vacanaseso. Tanti taṃ pariyattidhammaṃ bhāsati katheti. Gahaṭṭhānanti tesaṃ yebhuyyatāya vuttaṃ. Sunisinnoti tasmiṃ dhamme sammā niccalo nisinno, lābhasakkārādiṃ apaccāsīsanto kevalaṃ vimuttāyatanasīseyeva ṭhatvā kathetīti attho. Tenāha ‘‘uḷārapāmojjo’’ti phalasamāpattisukhavasena dhammadesanāvaseneva ca uppannauḷārapāmojjoti. Vuttañhetaṃ –
‘‘ยถา ยถาวุโส ภิกฺขุ, ยถาสุตํ ยถาปริยตฺตํ ธมฺมํ วิตฺถาเรน ปเรสํ เทเสติ ตถา ตถา โส ตสฺมิํ ธเมฺม ลภติ อตฺถเวทํ, ลภติ ธมฺมเวทํ, ลภติ ธมฺมูปสํหิตํ ปาโมชฺช’’นฺติอาทิ (ที. นิ. ๓.๓๕๕)ฯ
‘‘Yathā yathāvuso bhikkhu, yathāsutaṃ yathāpariyattaṃ dhammaṃ vitthārena paresaṃ deseti tathā tathā so tasmiṃ dhamme labhati atthavedaṃ, labhati dhammavedaṃ, labhati dhammūpasaṃhitaṃ pāmojja’’ntiādi (dī. ni. 3.355).
อุเกฺขปกตวจฺฉเตฺถรคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ukkhepakatavacchattheragāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรคาถาปาฬิ • Theragāthāpāḷi / ๕. อุเกฺขปกตวจฺฉเตฺถรคาถา • 5. Ukkhepakatavacchattheragāthā