Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปริวาร-อฎฺฐกถา • Parivāra-aṭṭhakathā |
อธิกรณเภทํ
Adhikaraṇabhedaṃ
อุโกฺกฎนเภทาทิวณฺณนา
Ukkoṭanabhedādivaṇṇanā
๓๔๐. อธิกรณเภเท อิเม ทส อุโกฺกฎาติ อธิกรณานํ อุโกฺกเฎตฺวา ปุน อธิกรณอุโกฺกเฎน สมถานํ อุโกฺกฎํ ทเสฺสตุํ ‘‘วิวาทาธิกรณํ อุโกฺกเฎโนฺต กติ สมเถ อุโกฺกเฎตี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิวาทาธิกรณํ อุโกฺกเฎโนฺต เทฺว สมเถ อุโกฺกเฎตีติ สมฺมุขาวินยญฺจ เยภุยฺยสิกญฺจ อิเม เทฺว อุโกฺกเฎติ, ปฎิเสเธติ; ปฎิโกฺกสตีติ อโตฺถฯ อนุวาทาธิกรณํ อุโกฺกเฎโนฺต จตฺตาโรติ สมฺมุขาวินยํ, สติวินยํ, อมูฬฺหวินยํ, ตสฺสปาปิยสิกนฺติ อิเม จตฺตาโร สมเถ อุโกฺกเฎติฯ อาปตฺตาธิกรณํ อุโกฺกเฎโนฺต ตโยติ สมฺมุขาวินยํ, ปฎิญฺญาตกรณํ, ติณวตฺถารกนฺติ อิเม ตโย สมเถ อุโกฺกเฎติฯ กิจฺจาธิกรณํ อุโกฺกเฎโนฺต เอกนฺติ สมฺมุขาวินยํ อิมํ เอกํ สมถํ อุโกฺกเฎติฯ
340. Adhikaraṇabhede ime dasa ukkoṭāti adhikaraṇānaṃ ukkoṭetvā puna adhikaraṇaukkoṭena samathānaṃ ukkoṭaṃ dassetuṃ ‘‘vivādādhikaraṇaṃ ukkoṭento kati samathe ukkoṭetī’’tiādimāha. Tattha vivādādhikaraṇaṃ ukkoṭento dve samathe ukkoṭetīti sammukhāvinayañca yebhuyyasikañca ime dve ukkoṭeti, paṭisedheti; paṭikkosatīti attho. Anuvādādhikaraṇaṃ ukkoṭento cattāroti sammukhāvinayaṃ, sativinayaṃ, amūḷhavinayaṃ, tassapāpiyasikanti ime cattāro samathe ukkoṭeti. Āpattādhikaraṇaṃ ukkoṭento tayoti sammukhāvinayaṃ, paṭiññātakaraṇaṃ, tiṇavatthārakanti ime tayo samathe ukkoṭeti. Kiccādhikaraṇaṃ ukkoṭento ekanti sammukhāvinayaṃ imaṃ ekaṃ samathaṃ ukkoṭeti.
๓๔๑. กติ อุโกฺกฎาติอาทิปุจฺฉานํ วิสฺสชฺชเน ปน ทฺวาทสสุ อุโกฺกเฎสุ อกตํ กมฺมนฺติอาทโย ตาว ตโย อุโกฺกฎา วิเสสโต ทุติเย อนุวาทาธิกรเณ ลพฺภนฺติฯ อนิหตํ กมฺมนฺติอาทโย ตโย ปฐเม วิวาทาธิกรเณ ลพฺภนฺติฯ อวินิจฺฉิตนฺติอาทโย ตโย ตติเย อาปตฺตาธิกรเณ ลพฺภนฺติฯ อวูปสนฺตนฺติอาทโย ตโย จตุเตฺถ กิจฺจาธิกรเณ ลพฺภนฺติ; อปิจ ทฺวาทสาปิ จ เอเกกสฺมิํ อธิกรเณ ลพฺภนฺติเยวฯ
341.Kati ukkoṭātiādipucchānaṃ vissajjane pana dvādasasu ukkoṭesu akataṃ kammantiādayo tāva tayo ukkoṭā visesato dutiye anuvādādhikaraṇe labbhanti. Anihataṃ kammantiādayo tayo paṭhame vivādādhikaraṇe labbhanti. Avinicchitantiādayo tayo tatiye āpattādhikaraṇe labbhanti. Avūpasantantiādayo tayo catutthe kiccādhikaraṇe labbhanti; apica dvādasāpi ca ekekasmiṃ adhikaraṇe labbhantiyeva.
ตตฺถชาตกํ อธิกรณํ อุโกฺกเฎตีติ ยสฺมิํ วิหาเร ‘‘มยฺหํ อิมินา ปโตฺต คหิโต, จีวรํ คหิต’’นฺติอาทินา นเยน ปตฺตจีวราทีนํ อตฺถาย อธิกรณํ อุปฺปนฺนํ โหติ, ตสฺมิํเยว จ นํ วิหาเร อาวาสิกา สนฺนิปติตฺวา ‘‘อลํ อาวุโส’’ติ อตฺตปจฺจตฺถิเก สญฺญาเปตฺวา ปาฬิมุตฺตกวินิจฺฉเยเนว วูปสเมนฺติ, อิทํ ตตฺถชาตกํ อธิกรณํ นามฯ เยนาปิ วินิจฺฉเยน สมิตํ, โสปิ เอโก สมโถเยวฯ อิมํ อุโกฺกเฎนฺตสฺสาปิ ปาจิตฺติยํฯ
Tatthajātakaṃ adhikaraṇaṃ ukkoṭetīti yasmiṃ vihāre ‘‘mayhaṃ iminā patto gahito, cīvaraṃ gahita’’ntiādinā nayena pattacīvarādīnaṃ atthāya adhikaraṇaṃ uppannaṃ hoti, tasmiṃyeva ca naṃ vihāre āvāsikā sannipatitvā ‘‘alaṃ āvuso’’ti attapaccatthike saññāpetvā pāḷimuttakavinicchayeneva vūpasamenti, idaṃ tatthajātakaṃ adhikaraṇaṃ nāma. Yenāpi vinicchayena samitaṃ, sopi eko samathoyeva. Imaṃ ukkoṭentassāpi pācittiyaṃ.
ตตฺถชาตกํ วูปสนฺตนฺติ สเจ ปน ตํ อธิกรณํ เนวาสิกา วูปสเมตุํ น สโกฺกนฺติ, อถโญฺญ วินยธโร อาคนฺตฺวา ‘‘กิํ อาวุโส อิมสฺมิํ วิหาเร อุโปสโถ วา ปวารณา วา ฐิตา’’ติ ปุจฺฉติ, เตหิ จ ตสฺมิํ การเณ กถิเต ตํ อธิกรณํ ขนฺธกโต จ ปริวารโต จ สุเตฺตน วินิจฺฉินิตฺวา วูปสเมติ, อิทํ ตตฺถชาตกํ วูปสนฺตํ นาม อธิกรณํฯ เอตํ อุโกฺกเฎนฺตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Tatthajātakaṃ vūpasantanti sace pana taṃ adhikaraṇaṃ nevāsikā vūpasametuṃ na sakkonti, athañño vinayadharo āgantvā ‘‘kiṃ āvuso imasmiṃ vihāre uposatho vā pavāraṇā vā ṭhitā’’ti pucchati, tehi ca tasmiṃ kāraṇe kathite taṃ adhikaraṇaṃ khandhakato ca parivārato ca suttena vinicchinitvā vūpasameti, idaṃ tatthajātakaṃ vūpasantaṃ nāma adhikaraṇaṃ. Etaṃ ukkoṭentassāpi pācittiyameva.
อนฺตรามเคฺคติ เต อตฺตปจฺจตฺถิกา ‘‘น มยํ เอตสฺส วินิจฺฉเย ติฎฺฐาม, นายํ วินเย กุสโล, อสุกสฺมิํ นาม คาเม วินยธรา เถรา วสนฺติ, ตตฺถ คนฺตฺวา วินิจฺฉินิสฺสามา’’ติ คจฺฉนฺตา อนฺตรามเคฺคเยว การณํ สลฺลเกฺขตฺวา อญฺญมญฺญํ วา สญฺญาเปนฺติ, อเญฺญ วา เต ภิกฺขู นิชฺฌาเปนฺติ, อิทมฺปิ วูปสนฺตเมว โหติฯ เอวํ วูปสนฺตํ อนฺตรามเคฺค อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ โย, ตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Antarāmaggeti te attapaccatthikā ‘‘na mayaṃ etassa vinicchaye tiṭṭhāma, nāyaṃ vinaye kusalo, asukasmiṃ nāma gāme vinayadharā therā vasanti, tattha gantvā vinicchinissāmā’’ti gacchantā antarāmaggeyeva kāraṇaṃ sallakkhetvā aññamaññaṃ vā saññāpenti, aññe vā te bhikkhū nijjhāpenti, idampi vūpasantameva hoti. Evaṃ vūpasantaṃ antarāmagge adhikaraṇaṃ ukkoṭeti yo, tassāpi pācittiyameva.
อนฺตรามเคฺค วูปสนฺตนฺติ น เหว โข ปน อญฺญมญฺญํ สญฺญตฺติยา วา สภาคภิกฺขุนิชฺฌาปเนน วา วูปสนฺตํ โหติ; อปิจ โข ปฎิปถํ อาคจฺฉโนฺต เอโก วินยธโร ทิสฺวา ‘‘กตฺถ อาวุโส คจฺฉถา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘อสุกํ นาม คามํ, อิมินา นาม การเณนา’’ติ วุเตฺต ‘‘อลํ, อาวุโส, กิํ ตตฺถ คเตนา’’ติ ตเตฺถว ธเมฺมน วินเยน ตํ อธิกรณํ วูปสเมติ, อิทํ อนฺตรามเคฺค วูปสนฺตํ นามฯ เอตํ อุโกฺกเฎนฺตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Antarāmagge vūpasantanti na heva kho pana aññamaññaṃ saññattiyā vā sabhāgabhikkhunijjhāpanena vā vūpasantaṃ hoti; apica kho paṭipathaṃ āgacchanto eko vinayadharo disvā ‘‘kattha āvuso gacchathā’’ti pucchitvā ‘‘asukaṃ nāma gāmaṃ, iminā nāma kāraṇenā’’ti vutte ‘‘alaṃ, āvuso, kiṃ tattha gatenā’’ti tattheva dhammena vinayena taṃ adhikaraṇaṃ vūpasameti, idaṃ antarāmagge vūpasantaṃ nāma. Etaṃ ukkoṭentassāpi pācittiyameva.
ตตฺถ คตนฺติ สเจ ปน ‘‘อลํ, อาวุโส, กิํ ตตฺถ คเตนา’’ติ วุจฺจมานาปิ ‘‘มยํ ตเตฺถว คนฺตฺวา วินิจฺฉยํ ปาเปสฺสามา’’ติ วินยธรสฺส วจนํ อนาทิยิตฺวา คจฺฉนฺติเยว, คนฺตฺวา สภาคานํ ภิกฺขูนํ เอตมตฺถํ อาโรเจนฺติฯ สภาคา ภิกฺขู ‘‘อลํ, อาวุโส, สงฺฆสนฺนิปาตํ นาม ครุก’’นฺติ ตเตฺถว นิสีทาเปตฺวา วินิจฺฉินิตฺวา สญฺญาเปนฺติ, อิทมฺปิ วูปสนฺตเมว โหติฯ เอวํ วูปสนฺตํ ตตฺถ คตํ อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ โย, ตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Tattha gatanti sace pana ‘‘alaṃ, āvuso, kiṃ tattha gatenā’’ti vuccamānāpi ‘‘mayaṃ tattheva gantvā vinicchayaṃ pāpessāmā’’ti vinayadharassa vacanaṃ anādiyitvā gacchantiyeva, gantvā sabhāgānaṃ bhikkhūnaṃ etamatthaṃ ārocenti. Sabhāgā bhikkhū ‘‘alaṃ, āvuso, saṅghasannipātaṃ nāma garuka’’nti tattheva nisīdāpetvā vinicchinitvā saññāpenti, idampi vūpasantameva hoti. Evaṃ vūpasantaṃ tattha gataṃ adhikaraṇaṃ ukkoṭeti yo, tassāpi pācittiyameva.
ตตฺถ คตํ วูปสนฺตนฺติ น เหว โข ปน สภาคภิกฺขูนํ สญฺญตฺติยา วูปสนฺตํ โหติ; อปิจ โข สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา อาโรจิตํ สงฺฆมเชฺฌ วินยธรา วูปสเมนฺติ, อิทํ ตตฺถ คตํ วูปสนฺตํ นามฯ เอตํ อุโกฺกเฎนฺตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Tatthagataṃ vūpasantanti na heva kho pana sabhāgabhikkhūnaṃ saññattiyā vūpasantaṃ hoti; apica kho saṅghaṃ sannipātetvā ārocitaṃ saṅghamajjhe vinayadharā vūpasamenti, idaṃ tattha gataṃ vūpasantaṃ nāma. Etaṃ ukkoṭentassāpi pācittiyameva.
สติวินยนฺติ ขีณาสวสฺส ทินฺนํ สติวินยํ อุโกฺกเฎติ, ปาจิตฺติยเมวฯ อุมฺมตฺตกสฺส ทิเนฺน อมูฬฺหวินเย ปาปุสฺสนฺนสฺส ทินฺนาย ตสฺสปาปิยสิกายปิ เอเสว นโยฯ
Sativinayanti khīṇāsavassa dinnaṃ sativinayaṃ ukkoṭeti, pācittiyameva. Ummattakassa dinne amūḷhavinaye pāpussannassa dinnāya tassapāpiyasikāyapi eseva nayo.
ติณวตฺถารกํ อุโกฺกเฎตีติ สเงฺฆน ติณวตฺถารกสมเถน วูปสมิเต อธิกรเณ ‘‘อาปตฺติ นาม เอกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา อุกฺกุฎิกํ นิสีทิตฺวา อญฺชลิํ ปคฺคเหตฺวา เทสิยมานา วุฎฺฐาติ, ยํ ปเนตํ นิทฺทายนฺตสฺสาปิ อาปตฺติวุฎฺฐานํ นาม, เอตํ มยฺหํ น ขมตี’’ติ เอวํ วทโนฺตปิ ติณวตฺถารกํ อุโกฺกเฎติ นาม, ตสฺสาปิ ปาจิตฺติยเมวฯ
Tiṇavatthārakaṃukkoṭetīti saṅghena tiṇavatthārakasamathena vūpasamite adhikaraṇe ‘‘āpatti nāma ekaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā ukkuṭikaṃ nisīditvā añjaliṃ paggahetvā desiyamānā vuṭṭhāti, yaṃ panetaṃ niddāyantassāpi āpattivuṭṭhānaṃ nāma, etaṃ mayhaṃ na khamatī’’ti evaṃ vadantopi tiṇavatthārakaṃ ukkoṭeti nāma, tassāpi pācittiyameva.
ฉนฺทาคติํ คจฺฉโนฺต อธิกรณํ อุโกฺกเฎตีติ วินยธโร หุตฺวา อตฺตโน อุปชฺฌายาทีนํ อตฺถาย ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีนิ ทีเปตฺวา ปุเพฺพ วินิจฺฉิตํ อธิกรณํ ทฺวาทสสุ อุโกฺกเฎสุ เยน เกนจิ อุโกฺกเฎโนฺต ฉนฺทาคติํ คจฺฉโนฺต อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ นามฯ ทฺวีสุ ปน อตฺตปจฺจตฺถิเกสุ เอกสฺมิํ ‘‘อนตฺถํ เม อจรี’’ติอาทินา นเยน สมุปฺปนฺนาฆาโต, ตสฺส ปราชยํ อาโรปนตฺถํ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีนิ ทีเปตฺวา ปุเพฺพ วินิจฺฉิตํ อธิกรณํ ทฺวาทสสุ อุโกฺกเฎสุ เยน เกนจิ อุโกฺกเฎโนฺต โทสาคติํ คจฺฉโนฺต อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ นามฯ มโนฺท ปน โมมูโห โมมูหตฺตา เอว ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีนิ ทีเปตฺวา วุตฺตนเยเนว อุโกฺกเฎโนฺต โมหาคติํ คจฺฉโนฺต อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ นามฯ สเจ ปน ทฺวีสุ อตฺตปจฺจตฺถิเกสุ เอโก วิสมานิ กายกมฺมาทีนิ คหนมิจฺฉาทิฎฺฐิํ พลวเนฺต จ ปกฺขนฺตริเย อภิญฺญาเต ภิกฺขู นิสฺสิตตฺตา วิสมนิสฺสิโต คหนนิสฺสิโต พลวนิสฺสิโต จ โหติ, ตสฺส ภเยน ‘‘อยํ เม ชีวิตนฺตรายํ วา พฺรหฺมจริยนฺตรายํ วา กเรยฺยา’’ติ ‘‘อธมฺมํ ธโมฺม’’ติอาทีนิ ทีเปตฺวา วุตฺตนเยเนว อุโกฺกเฎโนฺต ภยาคติํ คจฺฉโนฺต อธิกรณํ อุโกฺกเฎติ นามฯ
Chandāgatiṃ gacchanto adhikaraṇaṃ ukkoṭetīti vinayadharo hutvā attano upajjhāyādīnaṃ atthāya ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādīni dīpetvā pubbe vinicchitaṃ adhikaraṇaṃ dvādasasu ukkoṭesu yena kenaci ukkoṭento chandāgatiṃ gacchanto adhikaraṇaṃ ukkoṭeti nāma. Dvīsu pana attapaccatthikesu ekasmiṃ ‘‘anatthaṃ me acarī’’tiādinā nayena samuppannāghāto, tassa parājayaṃ āropanatthaṃ ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādīni dīpetvā pubbe vinicchitaṃ adhikaraṇaṃ dvādasasu ukkoṭesu yena kenaci ukkoṭento dosāgatiṃ gacchanto adhikaraṇaṃ ukkoṭeti nāma. Mando pana momūho momūhattā eva ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādīni dīpetvā vuttanayeneva ukkoṭento mohāgatiṃ gacchanto adhikaraṇaṃ ukkoṭeti nāma. Sace pana dvīsu attapaccatthikesu eko visamāni kāyakammādīni gahanamicchādiṭṭhiṃ balavante ca pakkhantariye abhiññāte bhikkhū nissitattā visamanissito gahananissito balavanissito ca hoti, tassa bhayena ‘‘ayaṃ me jīvitantarāyaṃ vā brahmacariyantarāyaṃ vā kareyyā’’ti ‘‘adhammaṃ dhammo’’tiādīni dīpetvā vuttanayeneva ukkoṭento bhayāgatiṃ gacchanto adhikaraṇaṃ ukkoṭeti nāma.
ตทหุปสมฺปโนฺนติ เอโก สามเณโร พฺยโตฺต โหติ พหุสฺสุโต, โส วินิจฺฉเย ปราชยํ ปตฺวา มงฺกุภูเต ภิกฺขู ทิสฺวา ปุจฺฉติ ‘‘กสฺมา มงฺกุภูตาตฺถา’’ติ? เต ตสฺส ตํ อธิกรณํ อาโรเจนฺติฯ โส เต เอวํ วเทติ ‘‘โหตุ, ภเนฺต, มํ อุปสมฺปาเทถ, อหํ ตํ อธิกรณํ วูปสเมสฺสามี’’ติ ฯ เต ตํ อุปสมฺปาเทนฺติฯ โส ทุติยทิวเส เภริํ ปหริตฺวา สงฺฆํ สนฺนิปาเตติฯ ตโต ภิกฺขูหิ ‘‘เกน สโงฺฆ สนฺนิปาติโต’’ติ วุเตฺต ‘‘มยา’’ติ วทติฯ ‘‘กสฺมา สนฺนิปาติโต’’ติ? ‘‘หิโยฺย อธิกรณํ ทุพฺพินิจฺฉิตํ, ตมหํ วินิจฺฉินิสฺสามี’’ติฯ ‘‘ตฺวํ ปน หิโยฺย กุหิํ คโต’’ติ? ‘‘อนุปสมฺปโนฺนมฺหิ, ภเนฺต, อชฺช ปน อุปสมฺปโนฺนมฺหี’’ติฯ โส วตฺตโพฺพ ‘‘อิทํ อาวุโส ตุมฺหาทิสานํ ภควตา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, ‘ตทหุปสมฺปโนฺน อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติย’นฺติ, คจฺฉ อาปตฺติํ เทเสหี’’ติฯ อาคนฺตุเกปิ เอเสว นโยฯ
Tadahupasampannoti eko sāmaṇero byatto hoti bahussuto, so vinicchaye parājayaṃ patvā maṅkubhūte bhikkhū disvā pucchati ‘‘kasmā maṅkubhūtātthā’’ti? Te tassa taṃ adhikaraṇaṃ ārocenti. So te evaṃ vadeti ‘‘hotu, bhante, maṃ upasampādetha, ahaṃ taṃ adhikaraṇaṃ vūpasamessāmī’’ti . Te taṃ upasampādenti. So dutiyadivase bheriṃ paharitvā saṅghaṃ sannipāteti. Tato bhikkhūhi ‘‘kena saṅgho sannipātito’’ti vutte ‘‘mayā’’ti vadati. ‘‘Kasmā sannipātito’’ti? ‘‘Hiyyo adhikaraṇaṃ dubbinicchitaṃ, tamahaṃ vinicchinissāmī’’ti. ‘‘Tvaṃ pana hiyyo kuhiṃ gato’’ti? ‘‘Anupasampannomhi, bhante, ajja pana upasampannomhī’’ti. So vattabbo ‘‘idaṃ āvuso tumhādisānaṃ bhagavatā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, ‘tadahupasampanno ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiya’nti, gaccha āpattiṃ desehī’’ti. Āgantukepi eseva nayo.
การโกติ เอกํ สเงฺฆน สทฺธิํ อธิกรณํ วินิจฺฉินิตฺวา ปริเวณคตํ ปราชิตา ภิกฺขู วทนฺติ ‘‘กิสฺส, ภเนฺต, ตุเมฺหหิ เอวํ วินิจฺฉิตํ อธิกรณํ, นนุ เอวํ วินิจฺฉินิตพฺพ’’นฺติฯ โส ‘‘กสฺมา ปฐมํเยว เอวํ น วทิตฺถา’’ติ ตํ อธิกรณํ อุโกฺกเฎติฯ เอวํ โย การโก อุโกฺกเฎติ, ตสฺสาปิ อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติยํฯ ฉนฺททายโกติ เอโก อธิกรณวินิจฺฉเย ฉนฺทํ ทตฺวา สภาเค ภิกฺขู ปราชยํ ปตฺวา อาคเต มงฺกุภูเต ทิสฺวา ‘‘เสฺว ทานิ อหํ วินิจฺฉินิสฺสามี’’ติ สงฺฆํ สนฺนิปาเตตฺวา ‘‘กสฺมา สนฺนิปาเตสี’’ติ วุเตฺต ‘‘หิโยฺย อธิกรณํ ทุพฺพินิจฺฉิตํ, ตมหํ อชฺช วินิจฺฉินิสฺสามี’’ติฯ ‘‘หิโยฺย ปน ตฺวํ กตฺถ คโต’’ติฯ ‘‘ฉนฺทํ ทตฺวา นิสิโนฺนมฺหี’’ติฯ โส วตฺตโพฺพ ‘‘อิทํ อาวุโส ตุมฺหาทิสานํ ภควตา สิกฺขาปทํ ปญฺญตฺตํ, ‘ฉนฺททายโก อุโกฺกเฎติ, อุโกฺกฎนกํ ปาจิตฺติย’นฺติ, คจฺฉ อาปตฺติํ เทเสหี’’ติฯ
Kārakoti ekaṃ saṅghena saddhiṃ adhikaraṇaṃ vinicchinitvā pariveṇagataṃ parājitā bhikkhū vadanti ‘‘kissa, bhante, tumhehi evaṃ vinicchitaṃ adhikaraṇaṃ, nanu evaṃ vinicchinitabba’’nti. So ‘‘kasmā paṭhamaṃyeva evaṃ na vaditthā’’ti taṃ adhikaraṇaṃ ukkoṭeti. Evaṃ yo kārako ukkoṭeti, tassāpi ukkoṭanakaṃ pācittiyaṃ. Chandadāyakoti eko adhikaraṇavinicchaye chandaṃ datvā sabhāge bhikkhū parājayaṃ patvā āgate maṅkubhūte disvā ‘‘sve dāni ahaṃ vinicchinissāmī’’ti saṅghaṃ sannipātetvā ‘‘kasmā sannipātesī’’ti vutte ‘‘hiyyo adhikaraṇaṃ dubbinicchitaṃ, tamahaṃ ajja vinicchinissāmī’’ti. ‘‘Hiyyo pana tvaṃ kattha gato’’ti. ‘‘Chandaṃ datvā nisinnomhī’’ti. So vattabbo ‘‘idaṃ āvuso tumhādisānaṃ bhagavatā sikkhāpadaṃ paññattaṃ, ‘chandadāyako ukkoṭeti, ukkoṭanakaṃ pācittiya’nti, gaccha āpattiṃ desehī’’ti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / ปริวารปาฬิ • Parivārapāḷi / ๑. อุโกฺกฎนเภทาทิ • 1. Ukkoṭanabhedādi
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อธิกรณเภทวณฺณนา • Adhikaraṇabhedavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / อุโกฺกฎนเภทาทิวณฺณนา • Ukkoṭanabhedādivaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุโกฺกฎนเภทาทิกถาวณฺณนา • Ukkoṭanabhedādikathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / อุโกฺกฎนเภทาทิวณฺณนา • Ukkoṭanabhedādivaṇṇanā