Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๒๗๐] ๑๐. อุลูกชาตกวณฺณนา

    [270] 10. Ulūkajātakavaṇṇanā

    สเพฺพหิ กิร ญาตีหีติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต กาโกลูกกลหํ อารพฺภ กเถสิฯ ตสฺมิญฺหิ กาเล กากา ทิวา อุลูเก ขาทนฺติ, อุลูกา สูริยตฺถงฺคมนโต ปฎฺฐาย ตตฺถ ตตฺถ สยิตานํ กากานํ สีสานิ ฉินฺทิตฺวา เต ชีวิตกฺขยํ ปาเปนฺติฯ อเถกสฺส ภิกฺขุโน เชตวนปจฺจเนฺต เอกสฺมิํ ปริเวเณ วสนฺตสฺส สมฺมชฺชนกาเล รุกฺขโต ปติตานิ สตฺตฎฺฐนาฬิมตฺตานิปิ พหุตรานิปิ กากสีสานิ ฉเฑฺฑตพฺพานิ โหนฺติฯ โส ตมตฺถํ ภิกฺขูนํ อาโรเจสิฯ ภิกฺขู ธมฺมสภายํ กถํ สมุฎฺฐาเปสุํ – ‘‘อาวุโส, อมุกสฺส กิร ภิกฺขุโน วสนฎฺฐาเน ทิวเส ทิวเส เอตฺตกานิ นาม กากสีสานิ ฉเฑฺฑตพฺพานิ โหนฺตี’’ติฯ สตฺถา อาคนฺตฺวา ‘‘กาย นุตฺถ, ภิกฺขเว, เอตรหิ กถาย สนฺนิสินฺนา’’ติ ปุจฺฉิ, ภิกฺขู ‘‘อิมาย นามา’’ติ วตฺวา ‘‘กทา ปฎฺฐาย ปน, ภเนฺต, กากานญฺจ อุลูกานญฺจ อญฺญมญฺญํ เวรํ อุปฺปนฺน’’นฺติ ปุจฺฉิํสุ, สตฺถา ‘‘ปฐมกปฺปิกกาลโต ปฎฺฐายา’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Sabbehi kira ñātīhīti idaṃ satthā jetavane viharanto kākolūkakalahaṃ ārabbha kathesi. Tasmiñhi kāle kākā divā ulūke khādanti, ulūkā sūriyatthaṅgamanato paṭṭhāya tattha tattha sayitānaṃ kākānaṃ sīsāni chinditvā te jīvitakkhayaṃ pāpenti. Athekassa bhikkhuno jetavanapaccante ekasmiṃ pariveṇe vasantassa sammajjanakāle rukkhato patitāni sattaṭṭhanāḷimattānipi bahutarānipi kākasīsāni chaḍḍetabbāni honti. So tamatthaṃ bhikkhūnaṃ ārocesi. Bhikkhū dhammasabhāyaṃ kathaṃ samuṭṭhāpesuṃ – ‘‘āvuso, amukassa kira bhikkhuno vasanaṭṭhāne divase divase ettakāni nāma kākasīsāni chaḍḍetabbāni hontī’’ti. Satthā āgantvā ‘‘kāya nuttha, bhikkhave, etarahi kathāya sannisinnā’’ti pucchi, bhikkhū ‘‘imāya nāmā’’ti vatvā ‘‘kadā paṭṭhāya pana, bhante, kākānañca ulūkānañca aññamaññaṃ veraṃ uppanna’’nti pucchiṃsu, satthā ‘‘paṭhamakappikakālato paṭṭhāyā’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต ปฐมกปฺปิกา มนุสฺสา สนฺนิปติตฺวา เอกํ อภิรูปํ โสภคฺคปฺปตฺตํ อาจารสมฺปนฺนํ สพฺพาการปริปุณฺณํ ปุริสํ คเหตฺวา ราชานํ กริํสุ, จตุปฺปทาปิ สนฺนิปติตฺวา เอกํ สีหํ ราชานํ อกํสุ, มหาสมุเทฺท มจฺฉา อานนฺทํ นาม มจฺฉํ ราชานํ อกํสุฯ ตโต สกุณคณา หิมวนฺตปเทเส เอกสฺมิํ ปิฎฺฐิปาสาเณ สนฺนิปติตฺวา ‘‘มนุเสฺสสุ ราชา ปญฺญายติ, ตถา จตุปฺปเทสุ เจว มเจฺฉสุ จฯ อมฺหากํ ปนนฺตเร ราชา นาม นตฺถิ, อปฺปติสฺสวาโส นาม น วฎฺฎติ, อมฺหากมฺปิ ราชานํ ลทฺธุํ วฎฺฎติ, เอกํ ราชฎฺฐาเน ฐเปตพฺพยุตฺตกํ ชานาถา’’ติฯ เต ตาทิสํ สกุณํ โอโลกยมานา เอกํ อุลูกํ โรเจตฺวา ‘‘อยํ โน รุจฺจตี’’ติ อาหํสุฯ อเถโก สกุโณ สเพฺพสํ อชฺฌาสยคฺคหณตฺถํ ติกฺขตฺตุํ สาเวสิฯ ตสฺส สาเวนฺตสฺส เทฺว สาวนา อธิวาเสตฺวา ตติยสาวนาย เอโก กาโก อุฎฺฐาย ‘‘ติฎฺฐ ตาเวตสฺส อิมสฺมิํ ราชาภิเสกกาเล เอวรูปํ มุขํ ภวติ, กุทฺธสฺส กีทิสํ ภวิสฺสติ, อิมินา หิ กุเทฺธน โอโลกิตา มยํ ตตฺตกปาเล ปกฺขิตฺตโลณํ วิย ตตฺถ ตเตฺถว ภิชฺชิสฺสาม, อิมํ ราชานํ กาตุํ มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ อิมมตฺถํ ปกาเสตุํ ปฐมํ คาถมาห –

    Atīte paṭhamakappikā manussā sannipatitvā ekaṃ abhirūpaṃ sobhaggappattaṃ ācārasampannaṃ sabbākāraparipuṇṇaṃ purisaṃ gahetvā rājānaṃ kariṃsu, catuppadāpi sannipatitvā ekaṃ sīhaṃ rājānaṃ akaṃsu, mahāsamudde macchā ānandaṃ nāma macchaṃ rājānaṃ akaṃsu. Tato sakuṇagaṇā himavantapadese ekasmiṃ piṭṭhipāsāṇe sannipatitvā ‘‘manussesu rājā paññāyati, tathā catuppadesu ceva macchesu ca. Amhākaṃ panantare rājā nāma natthi, appatissavāso nāma na vaṭṭati, amhākampi rājānaṃ laddhuṃ vaṭṭati, ekaṃ rājaṭṭhāne ṭhapetabbayuttakaṃ jānāthā’’ti. Te tādisaṃ sakuṇaṃ olokayamānā ekaṃ ulūkaṃ rocetvā ‘‘ayaṃ no ruccatī’’ti āhaṃsu. Atheko sakuṇo sabbesaṃ ajjhāsayaggahaṇatthaṃ tikkhattuṃ sāvesi. Tassa sāventassa dve sāvanā adhivāsetvā tatiyasāvanāya eko kāko uṭṭhāya ‘‘tiṭṭha tāvetassa imasmiṃ rājābhisekakāle evarūpaṃ mukhaṃ bhavati, kuddhassa kīdisaṃ bhavissati, iminā hi kuddhena olokitā mayaṃ tattakapāle pakkhittaloṇaṃ viya tattha tattheva bhijjissāma, imaṃ rājānaṃ kātuṃ mayhaṃ na ruccatī’’ti imamatthaṃ pakāsetuṃ paṭhamaṃ gāthamāha –

    ๕๘.

    58.

    ‘‘สเพฺพหิ กิร ญาตีหิ, โกสิโย อิสฺสโร กโต;

    ‘‘Sabbehi kira ñātīhi, kosiyo issaro kato;

    สเจ ญาตีหนุญฺญาโต, ภเณยฺยาหํ เอกวาจิก’’นฺติฯ

    Sace ñātīhanuññāto, bhaṇeyyāhaṃ ekavācika’’nti.

    ตสฺสโตฺถ – ยา เอสา สาวนา วตฺตติ, ตํ สุตฺวา วทามิฯ สเพฺพหิ กิร อิเมหิ สมาคเตหิ ญาตีหิ อยํ โกสิโย ราชา กโตฯ สเจ ปนาหํ ญาตีหิ อนุญฺญาโต ภเวยฺยํ, เอตฺถ วตฺตพฺพํ เอกวาจิกํ กิญฺจิ ภเณยฺยนฺติฯ

    Tassattho – yā esā sāvanā vattati, taṃ sutvā vadāmi. Sabbehi kira imehi samāgatehi ñātīhi ayaṃ kosiyo rājā kato. Sace panāhaṃ ñātīhi anuññāto bhaveyyaṃ, ettha vattabbaṃ ekavācikaṃ kiñci bhaṇeyyanti.

    อถ นํ อนุชานนฺตา สกุณา ทุติยํ คาถมาหํสุ –

    Atha naṃ anujānantā sakuṇā dutiyaṃ gāthamāhaṃsu –

    ๕๙.

    59.

    ‘‘ภณ สมฺม อนุญฺญาโต, อตฺถํ ธมฺมญฺจ เกวลํ;

    ‘‘Bhaṇa samma anuññāto, atthaṃ dhammañca kevalaṃ;

    สนฺติ หิ ทหรา ปกฺขี, ปญฺญวโนฺต ชุตินฺธรา’’ติฯ

    Santi hi daharā pakkhī, paññavanto jutindharā’’ti.

    ตตฺถ ภณ, สมฺม, อนุญฺญาโตติ, สมฺม, วายส ตฺวํ อเมฺหหิ สเพฺพหิ อนุญฺญาโต, ยํ เต ภณิตพฺพํ, ตํ ภณฯ อตฺถํ ธมฺมญฺจ เกวลนฺติ ภณโนฺต จ การณเญฺจว ปเวณิอาคตญฺจ วจนํ อมุญฺจิตฺวา ภณฯ ปญฺญวโนฺต ชุตินฺธราติ ปญฺญาสมฺปนฺนา เจว ญาโณภาสธรา จ ทหราปิ ปกฺขิโน อตฺถิเยวฯ

    Tattha bhaṇa, samma, anuññātoti, samma, vāyasa tvaṃ amhehi sabbehi anuññāto, yaṃ te bhaṇitabbaṃ, taṃ bhaṇa. Atthaṃ dhammañca kevalanti bhaṇanto ca kāraṇañceva paveṇiāgatañca vacanaṃ amuñcitvā bhaṇa. Paññavanto jutindharāti paññāsampannā ceva ñāṇobhāsadharā ca daharāpi pakkhino atthiyeva.

    โส เอวํ อนุญฺญาโต ตติยํ คาถมาห –

    So evaṃ anuññāto tatiyaṃ gāthamāha –

    ๖๐.

    60.

    ‘‘น เม รุจฺจติ ภทฺทํ โว, อุลูกสฺสาภิเสจนํ;

    ‘‘Na me ruccati bhaddaṃ vo, ulūkassābhisecanaṃ;

    อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺส, กถํ กุโทฺธ กริสฺสตี’’ติฯ

    Akkuddhassa mukhaṃ passa, kathaṃ kuddho karissatī’’ti.

    ตสฺสโตฺถ – ภทฺทํ ตุมฺหากํ โหตุ, ยํ ปเนตํ ติกฺขตฺตุํ สาวนวาจาย อุลูกสฺส อภิเสจนํ กรียติ, เอตํ มยฺหํ น รุจฺจติฯ เอตสฺส หิ อิทานิ ตุฎฺฐจิตฺตสฺส อกฺกุทฺธสฺส มุขํ ปสฺสถ, กุโทฺธ ปนายํ กถํ กริสฺสตีติ น ชานามิ, สพฺพถาปิ เอตํ มยฺหํ น รุจฺจตีติฯ

    Tassattho – bhaddaṃ tumhākaṃ hotu, yaṃ panetaṃ tikkhattuṃ sāvanavācāya ulūkassa abhisecanaṃ karīyati, etaṃ mayhaṃ na ruccati. Etassa hi idāni tuṭṭhacittassa akkuddhassa mukhaṃ passatha, kuddho panāyaṃ kathaṃ karissatīti na jānāmi, sabbathāpi etaṃ mayhaṃ na ruccatīti.

    โส เอวํ วตฺวา ‘‘มยฺหํ น รุจฺจติ, มยฺหํ น รุจฺจตี’’ติ วิรวโนฺต อากาเส อุปฺปติ, อุลูโกปิ นํ อุฎฺฐาย อนุพนฺธิฯ ตโต ปฎฺฐาย เต อญฺญมญฺญํ เวรํ พนฺธิํสุฯ สกุณา สุวณฺณหํสํ ราชานํ กตฺวา ปกฺกมิํสุฯ

    So evaṃ vatvā ‘‘mayhaṃ na ruccati, mayhaṃ na ruccatī’’ti viravanto ākāse uppati, ulūkopi naṃ uṭṭhāya anubandhi. Tato paṭṭhāya te aññamaññaṃ veraṃ bandhiṃsu. Sakuṇā suvaṇṇahaṃsaṃ rājānaṃ katvā pakkamiṃsu.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน พหู โสตาปนฺนาทโย อเหสุํฯ ‘‘ตทา รเชฺช อภิสิตฺตหํสโปโต อหเมว อโหสิ’’นฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne bahū sotāpannādayo ahesuṃ. ‘‘Tadā rajje abhisittahaṃsapoto ahameva ahosi’’nti.

    อุลูกชาตกวณฺณนา ทสมาฯ

    Ulūkajātakavaṇṇanā dasamā.

    ปทุมวโคฺค ทุติโยฯ

    Padumavaggo dutiyo.

    ตสฺสุทฺทานํ –

    Tassuddānaṃ –

    ปทุมํ มุทุปาณี จ, ปโลภนํ ปนาทกํ;

    Padumaṃ mudupāṇī ca, palobhanaṃ panādakaṃ;

    ขุรปฺปํ สินฺธวเญฺจว, กกฺกฎา, รามทูสกํ;

    Khurappaṃ sindhavañceva, kakkaṭā, rāmadūsakaṃ;

    สุชาตํ อุลูกํ ทสฯ

    Sujātaṃ ulūkaṃ dasa.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๒๗๐. อุลูกชาตกํ • 270. Ulūkajātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact