Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya

    ๒. อูมิภยสุตฺตํ

    2. Ūmibhayasuttaṃ

    ๑๒๒. ‘‘จตฺตาริมานิ , ภิกฺขเว, ภยานิ อุทโกโรหนฺตสฺส 1 ปาฎิกงฺขิตพฺพานิ ฯ กตมานิ จตฺตาริ? อูมิภยํ, กุมฺภีลภยํ, อาวฎฺฎภยํ, สุสุกาภยํ – อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ อุทโกโรหนฺตสฺส ปาฎิกงฺขิตพฺพานิฯ เอวเมวํ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ อิเธกจฺจสฺส กุลปุตฺตสฺส อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อคารสฺมา 2 อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส 3 ปาฎิกงฺขิตพฺพานิฯ กตมานิ จตฺตาริ? อูมิภยํ, กุมฺภีลภยํ, อาวฎฺฎภยํ, สุสุกาภยํฯ

    122. ‘‘Cattārimāni , bhikkhave, bhayāni udakorohantassa 4 pāṭikaṅkhitabbāni . Katamāni cattāri? Ūmibhayaṃ, kumbhīlabhayaṃ, āvaṭṭabhayaṃ, susukābhayaṃ – imāni kho, bhikkhave, cattāri bhayāni udakorohantassa pāṭikaṅkhitabbāni. Evamevaṃ kho, bhikkhave, cattāri bhayāni idhekaccassa kulaputtassa imasmiṃ dhammavinaye agārasmā 5 anagāriyaṃ pabbajitassa 6 pāṭikaṅkhitabbāni. Katamāni cattāri? Ūmibhayaṃ, kumbhīlabhayaṃ, āvaṭṭabhayaṃ, susukābhayaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อูมิภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติ! ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจาริโน โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘เอวํ เต อภิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต ปฎิกฺกมิตพฺพํ, เอวํ เต อาโลเกตพฺพํ , เอวํ เต วิโลเกตพฺพํ, เอวํ เต สมิญฺชิตพฺพํ, เอวํ เต ปสาริตพฺพํ, เอวํ เต สงฺฆาฎิปตฺตจีวรํ ธาเรตพฺพ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา อเญฺญ โอวทามปิ อนุสาสามปิฯ อิเม ปนมฺหากํ ปุตฺตมตฺตา มเญฺญ นตฺตมตฺตา มเญฺญ โอวทิตพฺพํ อนุสาสิตพฺพํ มญฺญนฺตี’ติฯ โส กุปิโต อนตฺตมโน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อูมิภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ อูมิภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โกธูปายาสเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อูมิภยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, ūmibhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti! Tamenaṃ tathā pabbajitaṃ samānaṃ sabrahmacārino ovadanti anusāsanti – ‘evaṃ te abhikkamitabbaṃ, evaṃ te paṭikkamitabbaṃ, evaṃ te āloketabbaṃ , evaṃ te viloketabbaṃ, evaṃ te samiñjitabbaṃ, evaṃ te pasāritabbaṃ, evaṃ te saṅghāṭipattacīvaraṃ dhāretabba’nti. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā aññe ovadāmapi anusāsāmapi. Ime panamhākaṃ puttamattā maññe nattamattā maññe ovaditabbaṃ anusāsitabbaṃ maññantī’ti. So kupito anattamano sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu ūmibhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. Ūmibhayanti kho, bhikkhave, kodhūpāyāsassetaṃ adhivacanaṃ. Idaṃ vuccati, bhikkhave, ūmibhayaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติ! ตเมนํ ตถา ปพฺพชิตํ สมานํ สพฺรหฺมจาริโน โอวทนฺติ อนุสาสนฺติ – ‘อิทํ เต ขาทิตพฺพํ, อิทํ เต น ขาทิตพฺพํ, อิทํ เต ภุญฺชิตพฺพํ, อิทํ เต น ภุญฺชิตพฺพํ, อิทํ เต สายิตพฺพํ, อิทํ เต น สายิตพฺพํ, อิทํ เต ปาตพฺพํ , อิทํ เต น ปาตพฺพํ, กปฺปิยํ เต ขาทิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ขาทิตพฺพํ, กปฺปิยํ เต ภุญฺชิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ภุญฺชิตพฺพํ, กปฺปิยํ เต สายิตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น สายิตพฺพํ, กปฺปิยํ เต ปาตพฺพํ, อกปฺปิยํ เต น ปาตพฺพํ, กาเล เต ขาทิตพฺพํ, วิกาเล เต น ขาทิตพฺพํ, กาเล เต ภุญฺชิตพฺพํ, วิกาเล เต น ภุญฺชิตพฺพํ, กาเล เต สายิตพฺพํ, วิกาเล เต น สายิตพฺพํ, กาเล เต ปาตพฺพํ, วิกาเล เต น ปาตพฺพ’นฺติฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา ยํ อิจฺฉาม ตํ ขาทาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ขาทาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ภุญฺชาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ภุญฺชาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ สายาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ สายาม; ยํ อิจฺฉาม ตํ ปิวาม, ยํ น อิจฺฉาม น ตํ ปิวาม; กปฺปิยมฺปิ ขาทาม อกปฺปิยมฺปิ ขาทาม กปฺปิยมฺปิ ภุญฺชาม อกปฺปิยมฺปิ ภุญฺชาม กปฺปิยมฺปิ สายาม อกปฺปิยมฺปิ สายาม กปฺปิยมฺปิ ปิวาม อกปฺปิยมฺปิ ปิวาม, กาเลปิ ขาทาม วิกาเลปิ ขาทาม กาเลปิ ภุญฺชาม วิกาเลปิ ภุญฺชาม กาเลปิ สายาม วิกาเลปิ สายาม กาเลปิ ปิวาม วิกาเลปิ ปิวาม; ยมฺปิ โน สทฺธา คหปติกา ทิวา วิกาเล ปณีตํ ขาทนียํ วา โภชนียํ วา เทนฺติ, ตตฺรปิเม 7 มุขาวรณํ มเญฺญ กโรนฺตี’ติฯ โส กุปิโต อนตฺตมโน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ กุมฺภีลภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ กุมฺภีลภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, โอทริกตฺตเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, กุมฺภีลภยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, kumbhīlabhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti! Tamenaṃ tathā pabbajitaṃ samānaṃ sabrahmacārino ovadanti anusāsanti – ‘idaṃ te khāditabbaṃ, idaṃ te na khāditabbaṃ, idaṃ te bhuñjitabbaṃ, idaṃ te na bhuñjitabbaṃ, idaṃ te sāyitabbaṃ, idaṃ te na sāyitabbaṃ, idaṃ te pātabbaṃ , idaṃ te na pātabbaṃ, kappiyaṃ te khāditabbaṃ, akappiyaṃ te na khāditabbaṃ, kappiyaṃ te bhuñjitabbaṃ, akappiyaṃ te na bhuñjitabbaṃ, kappiyaṃ te sāyitabbaṃ, akappiyaṃ te na sāyitabbaṃ, kappiyaṃ te pātabbaṃ, akappiyaṃ te na pātabbaṃ, kāle te khāditabbaṃ, vikāle te na khāditabbaṃ, kāle te bhuñjitabbaṃ, vikāle te na bhuñjitabbaṃ, kāle te sāyitabbaṃ, vikāle te na sāyitabbaṃ, kāle te pātabbaṃ, vikāle te na pātabba’nti. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā yaṃ icchāma taṃ khādāma, yaṃ na icchāma na taṃ khādāma; yaṃ icchāma taṃ bhuñjāma, yaṃ na icchāma na taṃ bhuñjāma; yaṃ icchāma taṃ sāyāma, yaṃ na icchāma na taṃ sāyāma; yaṃ icchāma taṃ pivāma, yaṃ na icchāma na taṃ pivāma; kappiyampi khādāma akappiyampi khādāma kappiyampi bhuñjāma akappiyampi bhuñjāma kappiyampi sāyāma akappiyampi sāyāma kappiyampi pivāma akappiyampi pivāma, kālepi khādāma vikālepi khādāma kālepi bhuñjāma vikālepi bhuñjāma kālepi sāyāma vikālepi sāyāma kālepi pivāma vikālepi pivāma; yampi no saddhā gahapatikā divā vikāle paṇītaṃ khādanīyaṃ vā bhojanīyaṃ vā denti, tatrapime 8 mukhāvaraṇaṃ maññe karontī’ti. So kupito anattamano sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu kumbhīlabhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. Kumbhīlabhayanti kho, bhikkhave, odarikattassetaṃ adhivacanaṃ. Idaṃ vuccati, bhikkhave, kumbhīlabhayaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, อาวฎฺฎภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ, ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติ! โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิเตฺตน อนุปฎฺฐิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิฯ โส ตตฺถ ปสฺสติ คหปติํ วา คหปติปุตฺตํ วา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตํ สมงฺคีภูตํ ปริจารยมานํฯ ตสฺส เอวํ โหติ – ‘มยํ โข ปุเพฺพ อคาริยภูตา สมานา ปญฺจหิ กามคุเณหิ สมปฺปิตา สมงฺคีภูตา ปริจาริมฺหา; สํวิชฺชนฺติ โข ปน เม กุเล โภคาฯ สกฺกา โภเค จ ภุญฺชิตุํ ปุญฺญานิ จ กาตุํฯ ยํนูนาหํ สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺติตฺวา โภเค จ ภุเญฺชยฺยํ ปุญฺญานิ จ กเรยฺย’นฺติ ! โส สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติ ฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ อาวฎฺฎภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ อาวฎฺฎภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, อาวฎฺฎภยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, āvaṭṭabhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi, dukkhehi domanassehi upāyāsehi dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti! So evaṃ pabbajito samāno pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisati arakkhiteneva kāyena arakkhitāya vācāya arakkhitena cittena anupaṭṭhitāya satiyā asaṃvutehi indriyehi. So tattha passati gahapatiṃ vā gahapatiputtaṃ vā pañcahi kāmaguṇehi samappitaṃ samaṅgībhūtaṃ paricārayamānaṃ. Tassa evaṃ hoti – ‘mayaṃ kho pubbe agāriyabhūtā samānā pañcahi kāmaguṇehi samappitā samaṅgībhūtā paricārimhā; saṃvijjanti kho pana me kule bhogā. Sakkā bhoge ca bhuñjituṃ puññāni ca kātuṃ. Yaṃnūnāhaṃ sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattitvā bhoge ca bhuñjeyyaṃ puññāni ca kareyya’nti ! So sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati . Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu āvaṭṭabhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. Āvaṭṭabhayanti kho, bhikkhave, pañcannetaṃ kāmaguṇānaṃ adhivacanaṃ. Idaṃ vuccati, bhikkhave, āvaṭṭabhayaṃ.

    ‘‘กตมญฺจ, ภิกฺขเว, สุสุกาภยํ? อิธ, ภิกฺขเว, เอกโจฺจ กุลปุโตฺต สทฺธา อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิโต โหติ – ‘โอติโณฺณมฺหิ ชาติยา ชราย มรเณน โสเกหิ ปริเทเวหิ ทุเกฺขหิ โทมนเสฺสหิ อุปายาเสหิ, ทุโกฺขติโณฺณ ทุกฺขปเรโต; อเปฺปว นาม อิมสฺส เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส อนฺตกิริยา ปญฺญาเยถา’ติ! โส เอวํ ปพฺพชิโต สมาโน ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย คามํ วา นิคมํ วา ปิณฺฑาย ปวิสติ อรกฺขิเตเนว กาเยน อรกฺขิตาย วาจาย อรกฺขิเตน จิเตฺตน อนุปฎฺฐิตาย สติยา อสํวุเตหิ อินฺทฺริเยหิฯ โส ตตฺถ ปสฺสติ มาตุคามํ ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วาฯ ตสฺส มาตุคามํ ทิสฺวา ทุนฺนิวตฺถํ วา ทุปฺปารุตํ วา ราโค จิตฺตํ อนุทฺธํเสติฯ โส ราคานุทฺธํสิเตน จิเตฺตน สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวตฺตติฯ อยํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, ภิกฺขุ สุสุกาภยสฺส ภีโต สิกฺขํ ปจฺจกฺขาย หีนายาวโตฺตฯ สุสุกาภยนฺติ โข, ภิกฺขเว, มาตุคามเสฺสตํ อธิวจนํฯ อิทํ วุจฺจติ, ภิกฺขเว, สุสุกาภยํฯ อิมานิ โข, ภิกฺขเว, จตฺตาริ ภยานิ อิเธกจฺจสฺส กุลปุตฺตสฺส อิมสฺมิํ ธมฺมวินเย อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชิตสฺส ปาฎิกงฺขิตพฺพานี’’ติฯ ทุติยํฯ

    ‘‘Katamañca, bhikkhave, susukābhayaṃ? Idha, bhikkhave, ekacco kulaputto saddhā agārasmā anagāriyaṃ pabbajito hoti – ‘otiṇṇomhi jātiyā jarāya maraṇena sokehi paridevehi dukkhehi domanassehi upāyāsehi, dukkhotiṇṇo dukkhapareto; appeva nāma imassa kevalassa dukkhakkhandhassa antakiriyā paññāyethā’ti! So evaṃ pabbajito samāno pubbaṇhasamayaṃ nivāsetvā pattacīvaramādāya gāmaṃ vā nigamaṃ vā piṇḍāya pavisati arakkhiteneva kāyena arakkhitāya vācāya arakkhitena cittena anupaṭṭhitāya satiyā asaṃvutehi indriyehi. So tattha passati mātugāmaṃ dunnivatthaṃ vā duppārutaṃ vā. Tassa mātugāmaṃ disvā dunnivatthaṃ vā duppārutaṃ vā rāgo cittaṃ anuddhaṃseti. So rāgānuddhaṃsitena cittena sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvattati. Ayaṃ vuccati, bhikkhave, bhikkhu susukābhayassa bhīto sikkhaṃ paccakkhāya hīnāyāvatto. Susukābhayanti kho, bhikkhave, mātugāmassetaṃ adhivacanaṃ. Idaṃ vuccati, bhikkhave, susukābhayaṃ. Imāni kho, bhikkhave, cattāri bhayāni idhekaccassa kulaputtassa imasmiṃ dhammavinaye agārasmā anagāriyaṃ pabbajitassa pāṭikaṅkhitabbānī’’ti. Dutiyaṃ.







    Footnotes:
    1. อุทโกโรหเนฺต (ม. นิ. ๒.๑๖๑)
    2. สทฺธา อคารสฺมา (สี. สฺยา. กํ.)
    3. ปพฺพชโต (สี.)
    4. udakorohante (ma. ni. 2.161)
    5. saddhā agārasmā (sī. syā. kaṃ.)
    6. pabbajato (sī.)
    7. ตตฺถปิเม (ม. นิ. ๒.๑๖๓)
    8. tatthapime (ma. ni. 2.163)



    Related texts:



    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อูมิภยสุตฺตวณฺณนา • 2. Ūmibhayasuttavaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๒. อูมิภยสุตฺตวณฺณนา • 2. Ūmibhayasuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact