Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) |
๒. อูมิภยสุตฺตวณฺณนา
2. Ūmibhayasuttavaṇṇanā
๑๒๒. ทุติเย โกธูปายาสเสฺสตํ อธิวจนนฺติ เอตฺถ กุชฺฌนเฎฺฐน โกโธ, เสฺวว จิตฺตสฺส กายสฺส จ อติปฺปมทฺทนมถนุปฺปาทเนหิ ทฬฺหอายาสเฎฺฐน อุปายาโสฯ อเนกวารํ ปวตฺติตฺวา อตฺตนา สมเวตํ สตฺตํ อโชฺฌตฺถริตฺวา สีสํ อุกฺขิปิตุํ อทตฺวา อูมิสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ อูมีสุ โอสีทิตฺวา มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน โกธูปายาเส โอสีทิตฺวา วิพฺภมติ, ตสฺมา โกธูปายาโส ‘‘อูมิภย’’นฺติ วุโตฺตฯ โอทริกตฺตเสฺสตํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ กุมฺภีเลน ขาทิโต มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน โอทริกเตฺตน โอทริกภาเวน อามิสเคเธน มิจฺฉาชีเวน ชีวิกกปฺปเนน นาสิตสีลาทิคุณตาย ขาทิตธมฺมสรีโร วิพฺภมติ, ตสฺมา โอทริกตฺตํ ‘‘กุมฺภีลภย’’นฺติ วุตฺตํฯ
122. Dutiye kodhūpāyāsassetaṃ adhivacananti ettha kujjhanaṭṭhena kodho, sveva cittassa kāyassa ca atippamaddanamathanuppādanehi daḷhaāyāsaṭṭhena upāyāso. Anekavāraṃ pavattitvā attanā samavetaṃ sattaṃ ajjhottharitvā sīsaṃ ukkhipituṃ adatvā ūmisadisatā daṭṭhabbā. Yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo ūmīsu osīditvā marati, evaṃ imasmiṃ sāsane kodhūpāyāse osīditvā vibbhamati, tasmā kodhūpāyāso ‘‘ūmibhaya’’nti vutto. Odarikattassetaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo kumbhīlena khādito marati, evaṃ imasmiṃ sāsane odarikattena odarikabhāvena āmisagedhena micchājīvena jīvikakappanena nāsitasīlādiguṇatāya khāditadhammasarīro vibbhamati, tasmā odarikattaṃ ‘‘kumbhīlabhaya’’nti vuttaṃ.
อนุปฎฺฐิตาย สติยาติ กายคตํ สติํ อนุฎฺฐาเปตฺวาฯ อสํวุเตหีติ อปิหิเตหิฯ ปญฺจเนฺนตํ กามคุณานํ อธิวจนนฺติ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ อาวเฎฺฎ นิมุชฺชิตฺวา มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน ปพฺพชิโต ปญฺจกามคุณาวเฎฺฎ นิมุชฺชิตฺวา วิพฺภมติฯ กามราคาภิภูโต หิ สโตฺต อิโต จ เอโตฺต, เอโตฺต จ อิโตติ เอวํ มนาปิยรูปาทิวิสยสงฺขาเต อาวเฎฺฎ อตฺตานํ สํสาเรตฺวา ยถา ตโต พหิภูเต เนกฺขเมฺม จิตฺตมฺปิ น อุปฺปาเทติ, เอวํ อาวเฎฺฎตฺวา พฺยสนาปาทเนน กามคุณานํ อาวฎฺฎสทิสตา ทฎฺฐพฺพาฯ
Anupaṭṭhitāya satiyāti kāyagataṃ satiṃ anuṭṭhāpetvā. Asaṃvutehīti apihitehi. Pañcannetaṃ kāmaguṇānaṃ adhivacananti yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo āvaṭṭe nimujjitvā marati, evaṃ imasmiṃ sāsane pabbajito pañcakāmaguṇāvaṭṭe nimujjitvā vibbhamati. Kāmarāgābhibhūto hi satto ito ca etto, etto ca itoti evaṃ manāpiyarūpādivisayasaṅkhāte āvaṭṭe attānaṃ saṃsāretvā yathā tato bahibhūte nekkhamme cittampi na uppādeti, evaṃ āvaṭṭetvā byasanāpādanena kāmaguṇānaṃ āvaṭṭasadisatā daṭṭhabbā.
อนุทฺธํเสตีติ กิลเมติ วิโลลติฯ ราคานุทฺธํสิเตนาติ ราเคน อนุทฺธํสิเตนฯ มาตุคามเสฺสตํ อธิวจนนฺติฯ ยถา หิ พาหิรํ อุทกํ โอติโณฺณ จณฺฑมจฺฉํ อาคมฺม ลทฺธปฺปหาโร มรติ, เอวํ อิมสฺมิํ สาสเน มาตุคามํ อารพฺภ อุปฺปนฺนกามราโค วิพฺภมติ, ตสฺมา มาตุคาโม ‘‘สุสุกาภย’’นฺติ วุโตฺตฯ มาตุคาโม หิ โยนิโสมนสิการรหิตํ อธีรปุริสํ อิตฺถิกุตฺตภูเตหิ อตฺตโน หาสภาววิลาเสหิ อภิภุยฺย คเหตฺวา ธีรชาติกมฺปิ อตฺตโน รูปาทีหิ สมฺปโลภนวเสน อนวเสสํ อตฺตโน อุปการธเมฺม สีลาทิเก สมฺปาเทตุํ อสมตฺถํ กโรโนฺต อนยพฺยสนํ ปาเปติฯ
Anuddhaṃsetīti kilameti vilolati. Rāgānuddhaṃsitenāti rāgena anuddhaṃsitena. Mātugāmassetaṃ adhivacananti. Yathā hi bāhiraṃ udakaṃ otiṇṇo caṇḍamacchaṃ āgamma laddhappahāro marati, evaṃ imasmiṃ sāsane mātugāmaṃ ārabbha uppannakāmarāgo vibbhamati, tasmā mātugāmo ‘‘susukābhaya’’nti vutto. Mātugāmo hi yonisomanasikārarahitaṃ adhīrapurisaṃ itthikuttabhūtehi attano hāsabhāvavilāsehi abhibhuyya gahetvā dhīrajātikampi attano rūpādīhi sampalobhanavasena anavasesaṃ attano upakāradhamme sīlādike sampādetuṃ asamatthaṃ karonto anayabyasanaṃ pāpeti.
อิมานิ ปน จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา ยถา อุทกํ อโนโรหนฺตสฺส อุทกํ นิสฺสาย อุทกปิปาสาวินยนํ สรีรสุทฺธิปริฬาหูปสโม กายอุตุคฺคาหาปนนฺติ, เอวมาทิ อานิสํโส นตฺถิ, เอวเมวํ อิมานิ จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา สาสเน อปพฺพชนฺตสฺสปิ อิมํ สาสนํ นิสฺสาย สเงฺขปโต วฎฺฎทุกฺขูปสโม, วิตฺถารโต ปน สีลานิสํสาทิวเสน อเนกวิโธ อานิสํโส นตฺถิฯ ยถา ปน อิมานิ จตฺตาริ ภยานิ อภายิตฺวา อุทกํ โอโรหนฺตสฺส วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติ, เอวํ อิมานิ อภายิตฺวา สาสเน ปพฺพชนฺตสฺสปิ วุตฺตปฺปกาโร อานิสํโส โหติฯ มหาธมฺมรกฺขิตเตฺถโร ปนาห ‘‘จตฺตาริ ภยานิ ภายิตฺวา อุทกํ อโนตรโนฺต โสตํ ฉินฺทิตฺวา ปรตีรํ ปาปุณิตุํ น สโกฺกติ, อภายิตฺวา โอตรโนฺต สโกฺกติ, เอวเมวํ ภายิตฺวา สาสเน อปพฺพชโนฺตปิ ตณฺหาโสตํ ฉินฺทิตฺวา นิพฺพานปารํ ทฎฺฐุํ น สโกฺกติ, อภายิตฺวา ปพฺพชโนฺต สโกฺกตี’’ติฯ
Imāni pana cattāri bhayāni bhāyitvā yathā udakaṃ anorohantassa udakaṃ nissāya udakapipāsāvinayanaṃ sarīrasuddhipariḷāhūpasamo kāyautuggāhāpananti, evamādi ānisaṃso natthi, evamevaṃ imāni cattāri bhayāni bhāyitvā sāsane apabbajantassapi imaṃ sāsanaṃ nissāya saṅkhepato vaṭṭadukkhūpasamo, vitthārato pana sīlānisaṃsādivasena anekavidho ānisaṃso natthi. Yathā pana imāni cattāri bhayāni abhāyitvā udakaṃ orohantassa vuttappakāro ānisaṃso hoti, evaṃ imāni abhāyitvā sāsane pabbajantassapi vuttappakāro ānisaṃso hoti. Mahādhammarakkhitatthero panāha ‘‘cattāri bhayāni bhāyitvā udakaṃ anotaranto sotaṃ chinditvā paratīraṃ pāpuṇituṃ na sakkoti, abhāyitvā otaranto sakkoti, evamevaṃ bhāyitvā sāsane apabbajantopi taṇhāsotaṃ chinditvā nibbānapāraṃ daṭṭhuṃ na sakkoti, abhāyitvā pabbajanto sakkotī’’ti.
อูมิภยสุตฺตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Ūmibhayasuttavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๒. อูมิภยสุตฺตํ • 2. Ūmibhayasuttaṃ
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๒. อูมิภยสุตฺตวณฺณนา • 2. Ūmibhayasuttavaṇṇanā