Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ชาตก-อฎฺฐกถา • Jātaka-aṭṭhakathā

    [๕๒๗] ๒. อุมฺมาทนฺตีชาตกวณฺณนา

    [527] 2. Ummādantījātakavaṇṇanā

    นิเวสนํ กสฺสนุทํ สุนนฺทาติ อิทํ สตฺถา เชตวเน วิหรโนฺต อุกฺกณฺฐิตภิกฺขุํ อารพฺภ กเถสิฯ โส กิเรกทิวสํ สาวตฺถิยํ ปิณฺฑาย จรโนฺต เอกํ อลงฺกตปฎิยตฺตํ อุตฺตมรูปธรํ อิตฺถิํ โอโลเกตฺวา ปฎิพทฺธจิโตฺต หุตฺวา จิตฺตํ นิวเตฺตตุํ อสโกฺกโนฺต วิหารเมว อาคนฺตฺวา ตโต ปฎฺฐาย สลฺลวิโทฺธ วิย ราคาตุโร ภนฺตมิคปฎิภาโค กิโส ธมนีสนฺถตคโตฺต อุปฺปณฺฑุปฺปณฺฑุกชาโต อนภิรโต เอกิริยาปเถปิ จิตฺตสฺสาทํ อลภโนฺต อาจริยวตฺตาทีนิ ปหาย อุเทฺทสปริปุจฺฉากมฺมฎฺฐานานุโยครหิโต วิหาสิฯ โส สหายภิกฺขูหิ ‘‘ปุเพฺพ ตฺวํ, อาวุโส, สนฺตินฺทฺริโย วิปฺปสนฺนมุขวโณฺณ, อิทานิ โน ตถา, กิํ นุ โข การณ’’นฺติ ปุโฎฺฐ, ‘‘อาวุโส, อนภิรโตมฺหี’’ติ อาหฯ อถ นํ เต ‘‘อภิรมาวุโส, สาสเน, พุทฺธุปฺปาโท นาม ทุลฺลโภ, ตถา สทฺธมฺมสฺสวนํ มนุสฺสปฎิลาโภ จ, โส ตฺวํ มนุสฺสปฎิลาภํ ปฎิลภิตฺวา ทุกฺขสฺสนฺตกิริยํ ปตฺถยมาโน อสฺสุมุขํ ญาติชนํ ปหาย สทฺธาย ปพฺพชิตฺวา กิํการณา กิเลสวสํ ยาสิ, กิเลสา นาเมเต คณฺฑุปฺปาทกปาณกํ อุปาทาย สพฺพพาลชนสาธารณา, เย เตสํ วตฺถุภูตา, เตปิ อปฺปสฺสาทา กามา พหุทุกฺขา พหุปายาสา, อาทีนโว เอตฺถ ภิโยฺยฯ อฎฺฐิกงฺกลูปมา กามา, มํสเปสูปมา กามา, ติณุกฺกูปมา กามา, องฺคารกาสูปมา กามา, สุปินกูปมา กามา, ยาจิตกูปมา กามา, รุกฺขผลูปมา กามา, อสิสูนูปมา กามา, สตฺติสูลูปมา กามา, สปฺปสิรูปมา กามา, อคฺคิกฺขนฺธูปมา กามา, ตฺวํ นาม เอวรูเป พุทฺธสาสเน ปพฺพชิตฺวา เอวํ อนตฺถการกานํ กิเลสานํ วสํ คโตสี’’ติ โอวทิตฺวา อตฺตโน กถํ คาหาเปตุํ อสโกฺกนฺตา สตฺถุ สนฺติกํ ธมฺมสภํ เนตฺวา ‘‘กิํ, ภิกฺขเว, อนิจฺฉมานกํ ภิกฺขุํ อานยิตฺถา’’ติ วุเตฺต, ‘‘ภเนฺต, อยํ กิร ภิกฺขุ อุกฺกณฺฐิโต’’ติ อาหํสุฯ สตฺถา ‘‘สจฺจํ กิรา’’ติ ปุจฺฉิตฺวา ‘‘สจฺจํ, ภเนฺต’’ติ วุเตฺต ‘‘ภิกฺขุ โปราณกปณฺฑิตา รชฺชํ อนุสาสนฺตาปิ กิเลเส อุปฺปเนฺน ตสฺส วสํ อคนฺตฺวา จิตฺตํ นิวาเรตฺวา น อยุตฺตกํ กริํสู’’ติ วตฺวา อตีตํ อาหริฯ

    Nivesanaṃ kassanudaṃ sunandāti idaṃ satthā jetavane viharanto ukkaṇṭhitabhikkhuṃ ārabbha kathesi. So kirekadivasaṃ sāvatthiyaṃ piṇḍāya caranto ekaṃ alaṅkatapaṭiyattaṃ uttamarūpadharaṃ itthiṃ oloketvā paṭibaddhacitto hutvā cittaṃ nivattetuṃ asakkonto vihārameva āgantvā tato paṭṭhāya sallaviddho viya rāgāturo bhantamigapaṭibhāgo kiso dhamanīsanthatagatto uppaṇḍuppaṇḍukajāto anabhirato ekiriyāpathepi cittassādaṃ alabhanto ācariyavattādīni pahāya uddesaparipucchākammaṭṭhānānuyogarahito vihāsi. So sahāyabhikkhūhi ‘‘pubbe tvaṃ, āvuso, santindriyo vippasannamukhavaṇṇo, idāni no tathā, kiṃ nu kho kāraṇa’’nti puṭṭho, ‘‘āvuso, anabhiratomhī’’ti āha. Atha naṃ te ‘‘abhiramāvuso, sāsane, buddhuppādo nāma dullabho, tathā saddhammassavanaṃ manussapaṭilābho ca, so tvaṃ manussapaṭilābhaṃ paṭilabhitvā dukkhassantakiriyaṃ patthayamāno assumukhaṃ ñātijanaṃ pahāya saddhāya pabbajitvā kiṃkāraṇā kilesavasaṃ yāsi, kilesā nāmete gaṇḍuppādakapāṇakaṃ upādāya sabbabālajanasādhāraṇā, ye tesaṃ vatthubhūtā, tepi appassādā kāmā bahudukkhā bahupāyāsā, ādīnavo ettha bhiyyo. Aṭṭhikaṅkalūpamā kāmā, maṃsapesūpamā kāmā, tiṇukkūpamā kāmā, aṅgārakāsūpamā kāmā, supinakūpamā kāmā, yācitakūpamā kāmā, rukkhaphalūpamā kāmā, asisūnūpamā kāmā, sattisūlūpamā kāmā, sappasirūpamā kāmā, aggikkhandhūpamā kāmā, tvaṃ nāma evarūpe buddhasāsane pabbajitvā evaṃ anatthakārakānaṃ kilesānaṃ vasaṃ gatosī’’ti ovaditvā attano kathaṃ gāhāpetuṃ asakkontā satthu santikaṃ dhammasabhaṃ netvā ‘‘kiṃ, bhikkhave, anicchamānakaṃ bhikkhuṃ ānayitthā’’ti vutte, ‘‘bhante, ayaṃ kira bhikkhu ukkaṇṭhito’’ti āhaṃsu. Satthā ‘‘saccaṃ kirā’’ti pucchitvā ‘‘saccaṃ, bhante’’ti vutte ‘‘bhikkhu porāṇakapaṇḍitā rajjaṃ anusāsantāpi kilese uppanne tassa vasaṃ agantvā cittaṃ nivāretvā na ayuttakaṃ kariṃsū’’ti vatvā atītaṃ āhari.

    อตีเต สิวิรเฎฺฐ อริฎฺฐปุรนคเร สิวิ นาม ราชา รชฺชํ กาเรสิฯ โพธิสโตฺต ตสฺส อคฺคมเหสิยา กุจฺฉิสฺมิํ นิพฺพตฺติ, ‘‘สิวิกุมาโร’’เตฺววสฺส นามํ กริํสุฯ เสนาปติสฺสปิ ปุโตฺต ชายิ, ‘‘อภิปารโก’’ติสฺส นามํ กริํสุฯ เต อุโภปิ สหายา หุตฺวา อภิวฑฺฒนฺตา โสฬสวสฺสิกา หุตฺวา ตกฺกสิลํ คนฺตฺวา สิปฺปํ อุคฺคณฺหิตฺวา อาคมิํสุฯ ราชา ปุตฺตสฺส รชฺชํ อทาสิฯ โสปิ อภิปารกํ เสนาปติฎฺฐาเน ฐเปตฺวา ธเมฺมน รชฺชํ กาเรสิฯ ตสฺมิํเยว นคเร ติริฎิวจฺฉสฺส นาม อสีติโกฎิวิภวสฺส เสฎฺฐิโน ธีตา นิพฺพตฺติ อุตฺตมรูปธรา โสภคฺคปฺปตฺตา สุภลกฺขเณน สมนฺนาคตา, ตสฺสา นามคฺคหณทิวเส ‘‘อุมฺมาทนฺตี’’ติ นามํ กริํสุฯ สา โสฬสวสฺสิกกาเล อติกฺกนฺตมานุสวณฺณา เทวจฺฉรา วิย อภิรูปา ทสฺสนียา ปาสาทิกา ปรมาย วณฺณโปกฺขรตาย สมนฺนาคตา อโหสิฯ เย เย ปุถุชฺชนา ตํ ปสฺสนฺติ, เต เต สกภาเวน สณฺฐาตุํ อสโกฺกนฺตา สุราปานมทมตฺตา วิย กิเลสมเทน มตฺตา หุตฺวา สติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ สมตฺถา นาม นาเหสุํฯ

    Atīte siviraṭṭhe ariṭṭhapuranagare sivi nāma rājā rajjaṃ kāresi. Bodhisatto tassa aggamahesiyā kucchismiṃ nibbatti, ‘‘sivikumāro’’tvevassa nāmaṃ kariṃsu. Senāpatissapi putto jāyi, ‘‘abhipārako’’tissa nāmaṃ kariṃsu. Te ubhopi sahāyā hutvā abhivaḍḍhantā soḷasavassikā hutvā takkasilaṃ gantvā sippaṃ uggaṇhitvā āgamiṃsu. Rājā puttassa rajjaṃ adāsi. Sopi abhipārakaṃ senāpatiṭṭhāne ṭhapetvā dhammena rajjaṃ kāresi. Tasmiṃyeva nagare tiriṭivacchassa nāma asītikoṭivibhavassa seṭṭhino dhītā nibbatti uttamarūpadharā sobhaggappattā subhalakkhaṇena samannāgatā, tassā nāmaggahaṇadivase ‘‘ummādantī’’ti nāmaṃ kariṃsu. Sā soḷasavassikakāle atikkantamānusavaṇṇā devaccharā viya abhirūpā dassanīyā pāsādikā paramāya vaṇṇapokkharatāya samannāgatā ahosi. Ye ye puthujjanā taṃ passanti, te te sakabhāvena saṇṭhātuṃ asakkontā surāpānamadamattā viya kilesamadena mattā hutvā satiṃ paccupaṭṭhāpetuṃ samatthā nāma nāhesuṃ.

    อถสฺสา ปิตา ติริฎิวโจฺฉ ราชานํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘เทว, มม เคเห อิตฺถิรตนํ อุปฺปนฺนํ, รโญฺญว อนุจฺฉวิกํ, ลกฺขณปาฐเก พฺราหฺมเณ เปเสตฺวา ตํ วีมํสาเปตฺวา ยถารุจิ กโรหี’’ติ อาหฯ ราชา ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา พฺราหฺมเณ เปเสสิฯ เต เสฎฺฐิเคหํ คนฺตฺวา กตสกฺการสมฺมานา ปายาสํ ปริภุญฺชิํสุฯ ตสฺมิํ ขเณ อุมฺมาทนฺตี สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิตา เตสํ สนฺติกํ อคมาสิฯ เต ตํ ทิสฺวา สติํ ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกนฺตา กิเลสมทมตฺตา หุตฺวา อตฺตโน วิปฺปกตโภชนภาวํ น ชานิํสุฯ เอกเจฺจ อาโลปํ คเหตฺวา ‘‘ภุญฺชิสฺสามา’’ติ สญฺญาย สีเส ฐเปสุํ, เอกเจฺจ อุปกจฺฉนฺตเร ขิปิํสุ, เอกเจฺจ ภิตฺติํ ปหริํสุ, สเพฺพว อุมฺมตฺตกา อเหสุํฯ สา เต ทิสฺวา ‘‘อิเม กิร มม ลกฺขณํ วีมํสิสฺสนฺติ, คีวายํ เน คเหตฺวา นีหรถา’’ติ นีหราเปสิฯ เต มงฺกุภูตา ราชนิเวสนํ คนฺตฺวา อุมฺมาทนฺติยา กุทฺธา ‘‘เทว, สา อิตฺถี กาฬกณฺณี, น ตุมฺหากํ อนุจฺฉวิกา’’ติ วทิํสุฯ ราชา ‘‘กาฬกณฺณี กิรา’’ติ น ตํ อาณาเปสิฯ สา ตํ ปวตฺติํ สุตฺวา ‘‘อหํ กิร กาฬกณฺณีติ รญฺญา น คหิตา, กาฬกณฺณิโย นาม น เอวรูปา โหนฺตี’’ติ วตฺวา ‘‘โหตุ, สเจ ปน ตํ ราชานํ ปสฺสิสฺสามิ, ชานิสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ อาฆาตํ พนฺธิฯ อถ นํ ปิตา อภิปารกสฺส อทาสิ, สา ตสฺส ปิยา อโหสิ มนาปาฯ

    Athassā pitā tiriṭivaccho rājānaṃ upasaṅkamitvā ‘‘deva, mama gehe itthiratanaṃ uppannaṃ, raññova anucchavikaṃ, lakkhaṇapāṭhake brāhmaṇe pesetvā taṃ vīmaṃsāpetvā yathāruci karohī’’ti āha. Rājā ‘‘sādhū’’ti vatvā brāhmaṇe pesesi. Te seṭṭhigehaṃ gantvā katasakkārasammānā pāyāsaṃ paribhuñjiṃsu. Tasmiṃ khaṇe ummādantī sabbālaṅkārapaṭimaṇḍitā tesaṃ santikaṃ agamāsi. Te taṃ disvā satiṃ paccupaṭṭhāpetuṃ asakkontā kilesamadamattā hutvā attano vippakatabhojanabhāvaṃ na jāniṃsu. Ekacce ālopaṃ gahetvā ‘‘bhuñjissāmā’’ti saññāya sīse ṭhapesuṃ, ekacce upakacchantare khipiṃsu, ekacce bhittiṃ pahariṃsu, sabbeva ummattakā ahesuṃ. Sā te disvā ‘‘ime kira mama lakkhaṇaṃ vīmaṃsissanti, gīvāyaṃ ne gahetvā nīharathā’’ti nīharāpesi. Te maṅkubhūtā rājanivesanaṃ gantvā ummādantiyā kuddhā ‘‘deva, sā itthī kāḷakaṇṇī, na tumhākaṃ anucchavikā’’ti vadiṃsu. Rājā ‘‘kāḷakaṇṇī kirā’’ti na taṃ āṇāpesi. Sā taṃ pavattiṃ sutvā ‘‘ahaṃ kira kāḷakaṇṇīti raññā na gahitā, kāḷakaṇṇiyo nāma na evarūpā hontī’’ti vatvā ‘‘hotu, sace pana taṃ rājānaṃ passissāmi, jānissāmī’’ti tasmiṃ āghātaṃ bandhi. Atha naṃ pitā abhipārakassa adāsi, sā tassa piyā ahosi manāpā.

    กสฺส ปน กมฺมสฺส นิสฺสเนฺทน สา เอวํ อภิรูปา อโหสีติ? รตฺตวตฺถทานสฺส นิสฺสเนฺทนาติฯ สา กิร อตีเต พาราณสิยํ ทลิทฺทกุเล นิพฺพตฺติตฺวา อุสฺสวทิวเส ปุญฺญสมฺปนฺนา อิตฺถิโย กุสุมฺภรตฺตวตฺถํ นิวาเสตฺวา อลงฺกตา กีฬนฺติโย ทิสฺวา ตาทิสํ วตฺถํ นิวาเสตฺวา กีฬิตุกามา หุตฺวา มาตาปิตูนํ อาโรเจตฺวา เตหิ, ‘‘อมฺม, มยํ ทลิทฺทา, กุโต โน เอวรูปํ วตฺถ’’นฺติ วุเตฺต ‘‘เตน หิ มํ เอกสฺมิํ อฑฺฒกุเล ภติํ กาตุํ อนุชานาถ , เต มม คุณํ ญตฺวา ทสฺสนฺตี’’ติ วตฺวา เตหิ อนุญฺญาตา เอกํ กุลํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘กุสุมฺภรตฺตวเตฺถน ภติํ กโรมี’’ติ อาหฯ อถ นํ เต ‘‘ตีณิ สํวจฺฉรานิ กเมฺม กเต ตว คุณํ ญตฺวา ทสฺสามา’’ติ วทิํสุฯ สา ‘‘สาธู’’ติ ปฎิสฺสุณิตฺวา กมฺมํ ปฎิปชฺชิฯ เต ตสฺสา คุณํ ญตฺวา อปริปุเณฺณสุเยว ตีสุ สํวจฺฉเรสุ ตสฺสา ฆนกุสุมฺภรตฺตวเตฺถน สทฺธิํ อญฺญมฺปิ วตฺถํ ทตฺวา ‘‘ตว สหายิกาหิ สทฺธิํ คนฺตฺวา นฺหตฺวา นิวาเสหี’’ติ ตํ เปสยิํสุฯ สา สหายิกา อาทาย คนฺตฺวา รตฺตวตฺถํ นทีตีเร ฐเปตฺวา นฺหายิฯ

    Kassa pana kammassa nissandena sā evaṃ abhirūpā ahosīti? Rattavatthadānassa nissandenāti. Sā kira atīte bārāṇasiyaṃ daliddakule nibbattitvā ussavadivase puññasampannā itthiyo kusumbharattavatthaṃ nivāsetvā alaṅkatā kīḷantiyo disvā tādisaṃ vatthaṃ nivāsetvā kīḷitukāmā hutvā mātāpitūnaṃ ārocetvā tehi, ‘‘amma, mayaṃ daliddā, kuto no evarūpaṃ vattha’’nti vutte ‘‘tena hi maṃ ekasmiṃ aḍḍhakule bhatiṃ kātuṃ anujānātha , te mama guṇaṃ ñatvā dassantī’’ti vatvā tehi anuññātā ekaṃ kulaṃ upasaṅkamitvā ‘‘kusumbharattavatthena bhatiṃ karomī’’ti āha. Atha naṃ te ‘‘tīṇi saṃvaccharāni kamme kate tava guṇaṃ ñatvā dassāmā’’ti vadiṃsu. Sā ‘‘sādhū’’ti paṭissuṇitvā kammaṃ paṭipajji. Te tassā guṇaṃ ñatvā aparipuṇṇesuyeva tīsu saṃvaccharesu tassā ghanakusumbharattavatthena saddhiṃ aññampi vatthaṃ datvā ‘‘tava sahāyikāhi saddhiṃ gantvā nhatvā nivāsehī’’ti taṃ pesayiṃsu. Sā sahāyikā ādāya gantvā rattavatthaṃ nadītīre ṭhapetvā nhāyi.

    ตสฺมิํ ขเณ เอโก กสฺสปทสพลสฺส สาวโก อจฺฉินฺนจีวโร สาขาภงฺคํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ ตํ ปเทสํ ปาปุณิฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘อยํ ภทโนฺต อจฺฉินฺนจีวโร ภวิสฺสติ, ปุเพฺพปิ อทินฺนภาเวน เม นิวาสนํ ทุลฺลภํ ชาต’’นฺติ ตํ วตฺถํ ทฺวิธา ผาเลตฺวา ‘‘เอกํ โกฎฺฐาสํ อยฺยสฺส ทสฺสามี’’ติ จิเนฺตตฺวา อุตฺตริตฺวา อตฺตโน นิวาสนํ นิวาเสตฺวา ‘‘ติฎฺฐถ, ภเนฺต’’ติ วตฺวา เถรํ วนฺทิตฺวา รตฺตวตฺถํ มเชฺฌ ผาเลตฺวา ตเสฺสกํ โกฎฺฐาสํ อทาสิฯ โส เอกมเนฺต ปฎิจฺฉเนฺน ฐตฺวา สาขาภงฺคํ ฉเฑฺฑตฺวา ตเสฺสกํ กณฺณํ นิวาเสตฺวา เอกํ ปารุปิตฺวา นิกฺขมิฯ อถสฺส วโตฺถภาเสน สกลสรีรํ ตรุณสูริโย วิย เอโกภาสํ อโหสิฯ สา ตํ ทิสฺวา ‘‘มยฺหํ อโยฺย ปฐมํ น โสภติ, อิทานิ ตรุณสูริโย วิย วิโรจติ, อิทมฺปิ เอตเสฺสว ทสฺสามี’’ติ ทุติยมฺปิ โกฎฺฐาสํ ทตฺวา ‘‘ภเนฺต, อหํ ภเว ภเว วิจรนฺตี อุตฺตมรูปธรา ภเวยฺยํ, มํ ทิสฺวา โกจิ ปุริโส สกภาเวน สณฺฐาตุํ มา อสกฺขิ, มยา อภิรูปตรา นาม อญฺญา มา โหตู’’ติ ปตฺถนํ ปฎฺฐเปสิฯ เถโรปิ อนุโมทนํ กตฺวา ปกฺกามิฯ

    Tasmiṃ khaṇe eko kassapadasabalassa sāvako acchinnacīvaro sākhābhaṅgaṃ nivāsetvā ca pārupitvā ca taṃ padesaṃ pāpuṇi. Sā taṃ disvā ‘‘ayaṃ bhadanto acchinnacīvaro bhavissati, pubbepi adinnabhāvena me nivāsanaṃ dullabhaṃ jāta’’nti taṃ vatthaṃ dvidhā phāletvā ‘‘ekaṃ koṭṭhāsaṃ ayyassa dassāmī’’ti cintetvā uttaritvā attano nivāsanaṃ nivāsetvā ‘‘tiṭṭhatha, bhante’’ti vatvā theraṃ vanditvā rattavatthaṃ majjhe phāletvā tassekaṃ koṭṭhāsaṃ adāsi. So ekamante paṭicchanne ṭhatvā sākhābhaṅgaṃ chaḍḍetvā tassekaṃ kaṇṇaṃ nivāsetvā ekaṃ pārupitvā nikkhami. Athassa vatthobhāsena sakalasarīraṃ taruṇasūriyo viya ekobhāsaṃ ahosi. Sā taṃ disvā ‘‘mayhaṃ ayyo paṭhamaṃ na sobhati, idāni taruṇasūriyo viya virocati, idampi etasseva dassāmī’’ti dutiyampi koṭṭhāsaṃ datvā ‘‘bhante, ahaṃ bhave bhave vicarantī uttamarūpadharā bhaveyyaṃ, maṃ disvā koci puriso sakabhāvena saṇṭhātuṃ mā asakkhi, mayā abhirūpatarā nāma aññā mā hotū’’ti patthanaṃ paṭṭhapesi. Theropi anumodanaṃ katvā pakkāmi.

    สา เทวโลเก สํสรนฺตี ตสฺมิํ กาเล อริฎฺฐปุเร นิพฺพตฺติตฺวา ตถา อภิรูปา อโหสิฯ อถ ตสฺมิํ นคเร กตฺติกฉณํ โฆสยิํสุ, กตฺติกปุณฺณมายํ นครํ สชฺชยิํสุฯ อภิปารโก อตฺตโน อารกฺขฎฺฐานํ คจฺฉโนฺต ตํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ภเทฺท, อุมฺมาทนฺติ อชฺช กตฺติกรตฺติวาโร ฉโณ, ราชา นครํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต ปฐมํ อิมํ เคหทฺวารํ อาคมิสฺสติ, มา โข ตสฺส อตฺตานํ ทเสฺสสิ, โสปิ ตํ ทิสฺวา สติํ อุปฎฺฐาเปตุํ น สกฺขิสฺสตี’’ติ อาหฯ สา ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, สามิ, อหํ ชานิสฺสามี’’ติ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา ตสฺมิํ คเต ทาสิํ อาณาเปสิ ‘‘รโญฺญ อิมํ เคหทฺวารํ อาคตกาเล มยฺหํ อาโรเจยฺยาสี’’ติฯ อถ สูริเย อตฺถงฺคเต อุคฺคเห ปุณฺณจเนฺท เทวนคเร วิย นคเร อลงฺกเต สพฺพทิสาสุ ทีเปสุ ชลิเตสุ ราชา สพฺพาลงฺการปฎิมณฺฑิโต อาชญฺญรถวรคโต อมจฺจคณปริวุโต มหเนฺตน ยเสน นครํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต ปฐมเมว อภิปารกสฺส เคหทฺวารํ อคมาสิฯ ตํ ปน เคหํ มโนสิลาวณฺณปาการปริกฺขิตฺตํ อลงฺกตทฺวารฎฺฎาลกํ โสภคฺคปฺปตฺตํ ปาสาทิกํฯ ตสฺมิํ ขเณ ทาสี อุมฺมาทนฺติยา อาโรเจสิฯ สา ปุปฺผสมุคฺคํ คาหาเปตฺวา กินฺนริลีฬาย วาตปานํ นิสฺสาย ฐิตา รโญฺญ ปุปฺผานิ ขิปิฯ โส ตํ อุโลฺลเกตฺวา กิเลสมทมโตฺต สติํ อุปฎฺฐาเปตุํ อสโกฺกโนฺต ‘‘อภิปารกเสฺสตํ เคห’’นฺติ สญฺชานิตุมฺปิ นาสกฺขิ, อถ สารถิํ อามเนฺตตฺวา ปุจฺฉโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Sā devaloke saṃsarantī tasmiṃ kāle ariṭṭhapure nibbattitvā tathā abhirūpā ahosi. Atha tasmiṃ nagare kattikachaṇaṃ ghosayiṃsu, kattikapuṇṇamāyaṃ nagaraṃ sajjayiṃsu. Abhipārako attano ārakkhaṭṭhānaṃ gacchanto taṃ āmantetvā ‘‘bhadde, ummādanti ajja kattikarattivāro chaṇo, rājā nagaraṃ padakkhiṇaṃ karonto paṭhamaṃ imaṃ gehadvāraṃ āgamissati, mā kho tassa attānaṃ dassesi, sopi taṃ disvā satiṃ upaṭṭhāpetuṃ na sakkhissatī’’ti āha. Sā ‘‘gaccha tvaṃ, sāmi, ahaṃ jānissāmī’’ti sampaṭicchitvā tasmiṃ gate dāsiṃ āṇāpesi ‘‘rañño imaṃ gehadvāraṃ āgatakāle mayhaṃ āroceyyāsī’’ti. Atha sūriye atthaṅgate uggahe puṇṇacande devanagare viya nagare alaṅkate sabbadisāsu dīpesu jalitesu rājā sabbālaṅkārapaṭimaṇḍito ājaññarathavaragato amaccagaṇaparivuto mahantena yasena nagaraṃ padakkhiṇaṃ karonto paṭhamameva abhipārakassa gehadvāraṃ agamāsi. Taṃ pana gehaṃ manosilāvaṇṇapākāraparikkhittaṃ alaṅkatadvāraṭṭālakaṃ sobhaggappattaṃ pāsādikaṃ. Tasmiṃ khaṇe dāsī ummādantiyā ārocesi. Sā pupphasamuggaṃ gāhāpetvā kinnarilīḷāya vātapānaṃ nissāya ṭhitā rañño pupphāni khipi. So taṃ ulloketvā kilesamadamatto satiṃ upaṭṭhāpetuṃ asakkonto ‘‘abhipārakassetaṃ geha’’nti sañjānitumpi nāsakkhi, atha sārathiṃ āmantetvā pucchanto dve gāthā abhāsi –

    ๕๗.

    57.

    ‘‘นิเวสนํ กสฺส นุทํ สุนนฺท, ปากาเรน ปณฺฑุมเยน คุตฺตํ;

    ‘‘Nivesanaṃ kassa nudaṃ sunanda, pākārena paṇḍumayena guttaṃ;

    กา ทิสฺสติ อคฺคิสิขาว ทูเร, เวหายสํ ปพฺพตเคฺคว อจฺจิฯ

    Kā dissati aggisikhāva dūre, vehāyasaṃ pabbataggeva acci.

    ๕๘.

    58.

    ‘‘ธีตา นฺวยํ กสฺส สุนนฺท โหติ, สุณิสา นฺวยํ กสฺส อโถปิ ภริยา;

    ‘‘Dhītā nvayaṃ kassa sunanda hoti, suṇisā nvayaṃ kassa athopi bhariyā;

    อกฺขาหิ เม ขิปฺปมิเธว ปุโฎฺฐ, อวาวฎา ยทิ วา อตฺถิ ภตฺตา’’ติฯ

    Akkhāhi me khippamidheva puṭṭho, avāvaṭā yadi vā atthi bhattā’’ti.

    ตตฺถ กสฺส นุทนฺติ กสฺส นุ อิทํฯ ปณฺฑุมเยนาติ รตฺติฎฺฐกมเยนฯ ทิสฺสตีติ วาตปาเน ฐิตา ปญฺญายติฯ อจฺจีติ อนลชาลกฺขโนฺธฯ ธีตา นฺวยนฺติ ธีตา นุ อยํฯ อวาวฎาติ อเปตาวรณา อปริคฺคหาฯ ภตฺตาติ ยทิ วา อสฺสา สามิโก อตฺถิ, เอตํ เม อกฺขาหีติฯ

    Tattha kassa nudanti kassa nu idaṃ. Paṇḍumayenāti rattiṭṭhakamayena. Dissatīti vātapāne ṭhitā paññāyati. Accīti analajālakkhandho. Dhītānvayanti dhītā nu ayaṃ. Avāvaṭāti apetāvaraṇā apariggahā. Bhattāti yadi vā assā sāmiko atthi, etaṃ me akkhāhīti.

    อถสฺส โส อาจิกฺขโนฺต เทฺว คาถา อภาสิ –

    Athassa so ācikkhanto dve gāthā abhāsi –

    ๕๙.

    59.

    ‘‘อหญฺหิ ชานามิ ชนินฺท เอตํ, มตฺยา จ เปตฺยา จ อโถปิ อสฺสา;

    ‘‘Ahañhi jānāmi janinda etaṃ, matyā ca petyā ca athopi assā;

    ตเวว โส ปุริโส ภูมิปาล, รตฺตินฺทิวํ อปฺปมโตฺต ตวเตฺถฯ

    Taveva so puriso bhūmipāla, rattindivaṃ appamatto tavatthe.

    ๖๐.

    60.

    ‘‘อิโทฺธ จ ผีโต จ สุวฑฺฒิโต จ, อมโจฺจ จ เต อญฺญตโร ชนินฺท;

    ‘‘Iddho ca phīto ca suvaḍḍhito ca, amacco ca te aññataro janinda;

    ตเสฺสสา ภริยาภิปารกสฺส, อุมฺมาทนฺตี นามเธเยฺยน ราชา’’ติฯ

    Tassesā bhariyābhipārakassa, ummādantī nāmadheyyena rājā’’ti.

    ตตฺถ มตฺยา จ เปตฺยา จาติ มาติโต จ ปิติโต เจตํ ชานามิฯ อโถปิ อสฺสาติ อถ สามิกมฺปิ อสฺสา ชานามีติ วทติฯ อิโทฺธติ สมิโทฺธฯ ผีโตติ วตฺถาลงฺกาเรหิ สุปุปฺผิโตฯ สุวฑฺฒิโตติ สุฎฺฐุ วุโทฺธฯ นามเธเยฺยนาติ นาเมนฯ อยญฺหิ โย นํ ปสฺสติ, ตํ อุมฺมาเทติ, สติมสฺส ปจฺจุปฎฺฐาเปตุํ น เทติ, ตสฺมา อุมฺมาทนฺตีติ วุจฺจติฯ

    Tattha matyā ca petyā cāti mātito ca pitito cetaṃ jānāmi. Athopi assāti atha sāmikampi assā jānāmīti vadati. Iddhoti samiddho. Phītoti vatthālaṅkārehi supupphito. Suvaḍḍhitoti suṭṭhu vuddho. Nāmadheyyenāti nāmena. Ayañhi yo naṃ passati, taṃ ummādeti, satimassa paccupaṭṭhāpetuṃ na deti, tasmā ummādantīti vuccati.

    ตํ สุตฺวา ราชา นามมสฺสา โถเมโนฺต อนนฺตรํ คาถมาห –

    Taṃ sutvā rājā nāmamassā thomento anantaraṃ gāthamāha –

    ๖๑.

    61.

    ‘‘อโมฺภ อโมฺภ นามมิทํ อิมิสฺสา, มตฺยา จ เปตฺยา จ กตํ สุสาธุ;

    ‘‘Ambho ambho nāmamidaṃ imissā, matyā ca petyā ca kataṃ susādhu;

    ตทา หิ มยฺหํ อวโลกยนฺตี, อุมฺมตฺตกํ อุมฺมทนฺตี อกาสี’’ติฯ

    Tadā hi mayhaṃ avalokayantī, ummattakaṃ ummadantī akāsī’’ti.

    ตตฺถ มตฺยา จ เปตฺยา จาติ มาตรา จ ปิตรา จฯ มยฺหนฺติ อุปโยคเตฺถ สมฺปทานวจนํฯ อวโลกยนฺตีติ มยา อวโลกิตา สยมฺปิ มํ อวโลกยนฺตี มํ อุมฺมตฺตกํ อกาสีติ อโตฺถฯ

    Tattha matyā ca petyā cāti mātarā ca pitarā ca. Mayhanti upayogatthe sampadānavacanaṃ. Avalokayantīti mayā avalokitā sayampi maṃ avalokayantī maṃ ummattakaṃ akāsīti attho.

    สา ตสฺส กมฺปิตภาวํ ญตฺวา วาตปานํ ถเกตฺวา สิริคพฺภเมว อคมาสิฯ รโญฺญปิ ตสฺสา ทิฎฺฐกาลโต ปฎฺฐาย นครํ ปทกฺขิณกรเณ จิตฺตเมว นาโหสิฯ โส สารถิํ อามเนฺตตฺวา, ‘‘สมฺม สุนนฺท, รถํ นิวเตฺตหิ, อยํ ฉโณ อมฺหากํ นานุจฺฉวิโก, อภิปารกสฺส เสนาปติเสฺสวานุจฺฉวิโก, รชฺชมฺปิ ตเสฺสวานุจฺฉวิก’’นฺติ รถํ นิวตฺตาเปตฺวา ปาสาทํ อภิรุยฺห สิริสยเน นิปชฺชิตฺวา วิปฺปลปโนฺต อาห –

    Sā tassa kampitabhāvaṃ ñatvā vātapānaṃ thaketvā sirigabbhameva agamāsi. Raññopi tassā diṭṭhakālato paṭṭhāya nagaraṃ padakkhiṇakaraṇe cittameva nāhosi. So sārathiṃ āmantetvā, ‘‘samma sunanda, rathaṃ nivattehi, ayaṃ chaṇo amhākaṃ nānucchaviko, abhipārakassa senāpatissevānucchaviko, rajjampi tassevānucchavika’’nti rathaṃ nivattāpetvā pāsādaṃ abhiruyha sirisayane nipajjitvā vippalapanto āha –

    ๖๒.

    62.

    ‘‘ยา ปุณฺณมาเส มิคมนฺทโลจนา, อุปาวิสิ ปุณฺฑรีกตฺตจงฺคี;

    ‘‘Yā puṇṇamāse migamandalocanā, upāvisi puṇḍarīkattacaṅgī;

    เทฺว ปุณฺณมาโย ตทหู อมญฺญหํ, ทิสฺวาน ปาราวตรตฺตวาสินิํฯ

    Dve puṇṇamāyo tadahū amaññahaṃ, disvāna pārāvatarattavāsiniṃ.

    ๖๓.

    63.

    ‘‘อฬารปเมฺหหิ สุเภหิ วคฺคุภิ, ปโลภยนฺตี มํ ยทา อุทิกฺขติ;

    ‘‘Aḷārapamhehi subhehi vaggubhi, palobhayantī maṃ yadā udikkhati;

    วิชมฺภมานา หรเตว เม มโน, ชาตา วเน กิมฺปุริสีว ปพฺพเตฯ

    Vijambhamānā harateva me mano, jātā vane kimpurisīva pabbate.

    ๖๔.

    64.

    ‘‘ตทา หิ พฺรหตี สามา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลา;

    ‘‘Tadā hi brahatī sāmā, āmuttamaṇikuṇḍalā;

    เอกจฺจวสนา นารี, มิคี ภนฺตาวุทิกฺขติฯ

    Ekaccavasanā nārī, migī bhantāvudikkhati.

    ๖๕.

    65.

    ‘‘กทาสฺสุ มํ ตมฺพนขา สุโลมา, พาหา มุทู จนฺทนสารลิตฺตา;

    ‘‘Kadāssu maṃ tambanakhā sulomā, bāhā mudū candanasāralittā;

    วฎฺฎงฺคุลี สนฺนตธีรกุตฺติยา, นารี อุปญฺญิสฺสติ สีสโต สุภาฯ

    Vaṭṭaṅgulī sannatadhīrakuttiyā, nārī upaññissati sīsato subhā.

    ๖๖.

    66.

    ‘‘กทาสฺสุ มํ กญฺจนชาลุรจฺฉทา, ธีตา ติรีฎิสฺส วิลคฺคมชฺฌา;

    ‘‘Kadāssu maṃ kañcanajāluracchadā, dhītā tirīṭissa vilaggamajjhā;

    มุทูหิ พาหาหิ ปลิสฺสชิสฺสติ, พฺรหาวเน ชาตทุมํว มาลุวาฯ

    Mudūhi bāhāhi palissajissati, brahāvane jātadumaṃva māluvā.

    ๖๗.

    67.

    ‘‘กทาสฺสุ ลาขารสรตฺตสุจฺฉวี, พินฺทุตฺถนี ปุณฺฑรีกตฺตจงฺคี;

    ‘‘Kadāssu lākhārasarattasucchavī, bindutthanī puṇḍarīkattacaṅgī;

    มุขํ มุเขน อุปนามยิสฺสติ, โสโณฺฑว โสณฺฑสฺส สุราย ถาลํฯ

    Mukhaṃ mukhena upanāmayissati, soṇḍova soṇḍassa surāya thālaṃ.

    ๖๘.

    68.

    ‘‘ยทาทฺทสํ ตํ ติฎฺฐนฺติํ, สพฺพภทฺทํ มโนรมํ;

    ‘‘Yadāddasaṃ taṃ tiṭṭhantiṃ, sabbabhaddaṃ manoramaṃ;

    ตโต สกสฺส จิตฺตสฺส, นาวโพธามิ กญฺจินํฯ

    Tato sakassa cittassa, nāvabodhāmi kañcinaṃ.

    ๖๙.

    69.

    ‘‘อุมฺมาทนฺติมหํ ทฎฺฐา, อามุตฺตมณิกุณฺฑลํ;

    ‘‘Ummādantimahaṃ daṭṭhā, āmuttamaṇikuṇḍalaṃ;

    น สุปามิ ทิวารตฺติํ, สหสฺสํว ปราชิโตฯ

    Na supāmi divārattiṃ, sahassaṃva parājito.

    ๗๐.

    70.

    ‘‘สโกฺก เจ เม วรํ ทชฺชา, โส จ ลเพฺภถ เม วโร;

    ‘‘Sakko ce me varaṃ dajjā, so ca labbhetha me varo;

    เอกรตฺตํ ทิรตฺตํ วา, ภเวยฺยํ อภิปารโก;

    Ekarattaṃ dirattaṃ vā, bhaveyyaṃ abhipārako;

    อุมฺมาทนฺตฺยา รมิตฺวาน, สิวิราชา ตโต สิย’’นฺติฯ

    Ummādantyā ramitvāna, sivirājā tato siya’’nti.

    ตตฺถ ปุณฺณมาเสติ ปุณฺณจนฺทาย รตฺติยาฯ มิคมนฺทโลจนาติ กณฺฑสนฺตาเสน ปลายิตฺวา วนนฺตเร ฐตฺวา ลุทฺทํ โอโลเกนฺติยา มิคิยา วิย มนฺทานิ โลจนานิ อสฺสาติ มิคมนฺทโลจนาฯ อุปาวิสีติ ปทุมวเณฺณน กรตเลน ปุปฺผานิ ขิปิตฺวา มํ โอโลเกนฺตี วาตปาเน นิสีทิฯ ปุณฺฑรีกตฺตจงฺคีติ รตฺตปทุมวณฺณสรีราฯ เทฺว ปุณฺณมาโยติ อหํ ตทหุ ตสฺมิํ ฉณทิวเส ตํ ปาราวตปาทสมานวณฺณรตฺตวตฺถนิวตฺถํ ทิสฺวา ตสฺสา มุขโสภํ โอโลเกโนฺต เอกสฺส ปาจีนโลกธาตุโต เอกสฺส อภิปารกสฺส เสนาปติโน นิเวสเนติ ทฺวินฺนํ ปุณฺณจนฺทานํ อุคฺคตตฺตา เทฺว ปุณฺณมาโย อมญฺญิํฯ อฬารปเมฺหหีติ วิสาลปขุเมหิฯ สุเภหีติ ปริสุเทฺธหิฯ วคฺคุภีติ มธุรากาเรหิฯ อุทิกฺขตีติ เอวรูเปหิ เนเตฺตหิ ยสฺมิํ ขเณ โอโลเกติฯ ปพฺพเตติ ยถา หิมวนฺตปพฺพเต สุปุปฺผิตวเน วีณํ อาทาย ตนฺติสฺสเรน อตฺตโน สรํ สํสนฺทนฺตี กิมฺปุริสี กิมฺปุริสสฺส มนํ หรติ, เอวํ หรเตว เม มโนติ วิปฺปลปติฯ

    Tattha puṇṇamāseti puṇṇacandāya rattiyā. Migamandalocanāti kaṇḍasantāsena palāyitvā vanantare ṭhatvā luddaṃ olokentiyā migiyā viya mandāni locanāni assāti migamandalocanā. Upāvisīti padumavaṇṇena karatalena pupphāni khipitvā maṃ olokentī vātapāne nisīdi. Puṇḍarīkattacaṅgīti rattapadumavaṇṇasarīrā. Dve puṇṇamāyoti ahaṃ tadahu tasmiṃ chaṇadivase taṃ pārāvatapādasamānavaṇṇarattavatthanivatthaṃ disvā tassā mukhasobhaṃ olokento ekassa pācīnalokadhātuto ekassa abhipārakassa senāpatino nivesaneti dvinnaṃ puṇṇacandānaṃ uggatattā dve puṇṇamāyo amaññiṃ. Aḷārapamhehīti visālapakhumehi. Subhehīti parisuddhehi. Vaggubhīti madhurākārehi. Udikkhatīti evarūpehi nettehi yasmiṃ khaṇe oloketi. Pabbateti yathā himavantapabbate supupphitavane vīṇaṃ ādāya tantissarena attano saraṃ saṃsandantī kimpurisī kimpurisassa manaṃ harati, evaṃ harateva me manoti vippalapati.

    พฺรหตีติ อุฬาราฯ สามาติ สุวณฺณวณฺณสามาฯ เอกจฺจวสนาติ เอกจฺจิกวสนา, เอกวตฺถนิวตฺถาติ อโตฺถฯ ภนฺตาวุทิกฺขตีติ สณฺหเกสา ปุถุนลาฎา อายตภมู วิสาลกฺขี ตุงฺคนาสา รโตฺตฎฺฐา เสตทนฺตา ติขิณทาฐา สุวฎฺฎิตคีวา สุตนุพาหุ สุสณฺฐิตปโยธรา กรมิตมชฺฌา วิสาลโสณี สุวณฺณกทลิสมาโนรุ สา อุตฺตมิตฺถี ตสฺมิํ ขเณ มํ อุทิกฺขนฺตี ภเยน วนํ ปวิสิตฺวา ปุน นิวตฺติตฺวา ลุทฺทํ อุทิกฺขนฺตี ภนฺตา มิคีว มํ อุทิกฺขตีติ วทติฯ พาหามุทูติ มุทุพาหาฯ สนฺนตธีรกุตฺติยาติ สุผุสิตเฉกกรณาฯ อุปญฺญิสฺสติ นฺติ สา สุภา นารี กทา นุ มํ เตหิ ตมฺพนเขหิ สีสโต ปฎฺฐาย สนฺนเตน ธีเรน กรเณน ปริโตเสสฺสตีติ ปเตฺถโนฺต วิลปติฯ

    Brahatīti uḷārā. Sāmāti suvaṇṇavaṇṇasāmā. Ekaccavasanāti ekaccikavasanā, ekavatthanivatthāti attho. Bhantāvudikkhatīti saṇhakesā puthunalāṭā āyatabhamū visālakkhī tuṅganāsā rattoṭṭhā setadantā tikhiṇadāṭhā suvaṭṭitagīvā sutanubāhu susaṇṭhitapayodharā karamitamajjhā visālasoṇī suvaṇṇakadalisamānoru sā uttamitthī tasmiṃ khaṇe maṃ udikkhantī bhayena vanaṃ pavisitvā puna nivattitvā luddaṃ udikkhantī bhantā migīva maṃ udikkhatīti vadati. Bāhāmudūti mudubāhā. Sannatadhīrakuttiyāti suphusitachekakaraṇā. Upaññissatimanti sā subhā nārī kadā nu maṃ tehi tambanakhehi sīsato paṭṭhāya sannatena dhīrena karaṇena paritosessatīti patthento vilapati.

    กญฺจนชาลุรจฺฉทาติ กญฺจนมยอุรจฺฉทาลงฺการาฯ วิลคฺคมชฺฌาติ วิลคฺคสรีรา ตนุมชฺฌิมาฯ พฺรหาวเนติ มหาวเนฯ ลาขารสรตฺตสุจฺฉวีติ หตฺถปาทตลอคฺคนขโอฎฺฐมํเสสุ ลาขารสรตฺตมณิปวาลวณฺณาฯ พินฺทุตฺถนีติ อุทกปุปฺผุฬปริมณฺฑลตฺถนีฯ ตโตติ ยทา ตํ ติฎฺฐนฺติํ อทฺทสํ, ตโต ปฎฺฐายฯ สกสฺส จิตฺตสฺสาติ อตฺตโน จิตฺตสฺส อนิสฺสโร ชาโตมฺหีติ อธิปฺปาโยฯ กญฺจินนฺติ กญฺจิ ‘‘อยํ อสุโก นามา’’ติ น ชานามิ, อุมฺมตฺตโก ชาโตมฺหีติ วทติฯ ทฎฺฐาติ ทิสฺวาฯ น สุปามีติ เนว รตฺติํ, น ทิวา นิทฺทํ ลภามิฯ โส จ ลเพฺภถาติ ยํ เม สโกฺก วรํ ทเทยฺย, โส จ เม วโร ลเพฺภถ, ลเภยฺยาหํ ตํ วรนฺติ อโตฺถฯ

    Kañcanajāluracchadāti kañcanamayauracchadālaṅkārā. Vilaggamajjhāti vilaggasarīrā tanumajjhimā. Brahāvaneti mahāvane. Lākhārasarattasucchavīti hatthapādatalaagganakhaoṭṭhamaṃsesu lākhārasarattamaṇipavālavaṇṇā. Bindutthanīti udakapupphuḷaparimaṇḍalatthanī. Tatoti yadā taṃ tiṭṭhantiṃ addasaṃ, tato paṭṭhāya. Sakassa cittassāti attano cittassa anissaro jātomhīti adhippāyo. Kañcinanti kañci ‘‘ayaṃ asuko nāmā’’ti na jānāmi, ummattako jātomhīti vadati. Daṭṭhāti disvā. Na supāmīti neva rattiṃ, na divā niddaṃ labhāmi. So ca labbhethāti yaṃ me sakko varaṃ dadeyya, so ca me varo labbhetha, labheyyāhaṃ taṃ varanti attho.

    อถ เต อมจฺจา อภิปารกสฺสปิ อาโรจยิํสุ – ‘‘สามิ ราชา, นครํ ปทกฺขิณํ กโรโนฺต ตุมฺหากํ ฆรทฺวารํ ปตฺวา นิวตฺติตฺวา ปาสาทํ อภิรุหี’’ติฯ โส อตฺตโน เคหํ คนฺตฺวา อุมฺมาทนฺติํ อามเนฺตตฺวา ‘‘ภเทฺท, กจฺจิ รโญฺญ อตฺตานํ ทเสฺสสี’’ติ ปุจฺฉิฯ ‘‘สามิ, เอโก มโหทโร มหาทาฐิโก รเถ ฐตฺวา อาคโต ปุริโส อตฺถิ, อหํ ตํ ราชา วา อราชา วาติ น ชานามิ, เอโก อิสฺสโรติ ปน วุเตฺต วาตปาเน ฐตฺวา ปุปฺผานิ ขิปิํ, โส ตาวเทว นิวตฺติตฺวา คโต’’ติฯ โส ตํ สุตฺวา ‘‘นาสิโตมฺหิ ตยา’’ติ ปุนทิวเส ปาโตว ราชนิเวสนํ อารุยฺห สิริคพฺภทฺวาเร ฐตฺวา รโญฺญ อุมฺมาทนฺติํ นิสฺสาย วิปฺปลาปํ สุตฺวา ‘‘อยํ อุมฺมาทนฺติยา ปฎิพทฺธจิโตฺต ชาโต, ตํ อลภโนฺต มริสฺสติ, รโญฺญ จ มม จ อคุณํ โมเจตฺวา อิมสฺส มยา ชีวิตํ ทาตุํ วฎฺฎตี’’ติ อตฺตโน นิเวสนํ คนฺตฺวา เอกํ ทฬฺหมนฺตํ อุปฎฺฐากํ ปโกฺกสาเปตฺวา, ‘‘ตาต, อสุกฎฺฐาเน สุสิรเจติยรุโกฺข อตฺถิ, ตฺวํ กญฺจิ อชานาเปตฺวา อตฺถงฺคเต สูริเย ตตฺถ คนฺตฺวา อโนฺตรุเกฺข นิสีท, อหํ ตตฺถ พลิกมฺมํ กโรโนฺต ตํ ฐานํ ปตฺวา เทวตา นมสฺสโนฺต, ‘สามิ เทวราช, อมฺหากํ ราชา นครมฺหิ ฉเณ วตฺตมาเน อกีฬิตฺวา สิริคพฺภํ ปวิสิตฺวา วิปฺปลปโนฺตว นิปโนฺน, มยํ ตตฺถ การณํ น ชานาม, ราชา เทวตานํ พหูปกาโร, อนุสํวจฺฉรํ สหสฺสํ วิสฺสเชฺชตฺวา พลิกมฺมํ กโรติ, อิทํ นาม นิสฺสาย ราชา วิปฺปลปตีติ อาจิกฺขถ, รโญฺญ โน ชีวิตทานํ เทถา’ติ ยาจิสฺสามิ, ตฺวํ ตสฺมิํ ขเณ สทฺทํ ปริวตฺติตฺวา, ‘เสนาปติ, ตุมฺหากํ รโญฺญ พฺยาธิ นาม นตฺถิ, โส ปน ตว ภริยาย อุมฺมาทนฺติยา ปฎิพทฺธจิโตฺตฯ สเจ นํ ลภิสฺสติ, ชีวิสฺสติ, โน เจ, มริสฺสติฯ สเจ ตสฺส ชีวิตํ อิจฺฉสิ, อุมฺมาทนฺติมสฺส เทหี’ติ วเทยฺยาสี’’ติ เอวํ ตํ อุคฺคณฺหาเปตฺวา อุโยฺยเชสิฯ

    Atha te amaccā abhipārakassapi ārocayiṃsu – ‘‘sāmi rājā, nagaraṃ padakkhiṇaṃ karonto tumhākaṃ gharadvāraṃ patvā nivattitvā pāsādaṃ abhiruhī’’ti. So attano gehaṃ gantvā ummādantiṃ āmantetvā ‘‘bhadde, kacci rañño attānaṃ dassesī’’ti pucchi. ‘‘Sāmi, eko mahodaro mahādāṭhiko rathe ṭhatvā āgato puriso atthi, ahaṃ taṃ rājā vā arājā vāti na jānāmi, eko issaroti pana vutte vātapāne ṭhatvā pupphāni khipiṃ, so tāvadeva nivattitvā gato’’ti. So taṃ sutvā ‘‘nāsitomhi tayā’’ti punadivase pātova rājanivesanaṃ āruyha sirigabbhadvāre ṭhatvā rañño ummādantiṃ nissāya vippalāpaṃ sutvā ‘‘ayaṃ ummādantiyā paṭibaddhacitto jāto, taṃ alabhanto marissati, rañño ca mama ca aguṇaṃ mocetvā imassa mayā jīvitaṃ dātuṃ vaṭṭatī’’ti attano nivesanaṃ gantvā ekaṃ daḷhamantaṃ upaṭṭhākaṃ pakkosāpetvā, ‘‘tāta, asukaṭṭhāne susiracetiyarukkho atthi, tvaṃ kañci ajānāpetvā atthaṅgate sūriye tattha gantvā antorukkhe nisīda, ahaṃ tattha balikammaṃ karonto taṃ ṭhānaṃ patvā devatā namassanto, ‘sāmi devarāja, amhākaṃ rājā nagaramhi chaṇe vattamāne akīḷitvā sirigabbhaṃ pavisitvā vippalapantova nipanno, mayaṃ tattha kāraṇaṃ na jānāma, rājā devatānaṃ bahūpakāro, anusaṃvaccharaṃ sahassaṃ vissajjetvā balikammaṃ karoti, idaṃ nāma nissāya rājā vippalapatīti ācikkhatha, rañño no jīvitadānaṃ dethā’ti yācissāmi, tvaṃ tasmiṃ khaṇe saddaṃ parivattitvā, ‘senāpati, tumhākaṃ rañño byādhi nāma natthi, so pana tava bhariyāya ummādantiyā paṭibaddhacitto. Sace naṃ labhissati, jīvissati, no ce, marissati. Sace tassa jīvitaṃ icchasi, ummādantimassa dehī’ti vadeyyāsī’’ti evaṃ taṃ uggaṇhāpetvā uyyojesi.

    โส คนฺตฺวา ตสฺมิํ รุเกฺข นิสีทิตฺวา ปุนทิวเส เสนาปตินา อมจฺจคณปริวุเตน ตํ ฐานํ คนฺตฺวา ยาจิโต ตถา อภาสิฯ เสนาปติ ‘‘สาธู’’ติ วตฺวา เทวตํ วนฺทิตฺวา อมเจฺจ ชานาเปตฺวา นครํ ปวิสิตฺวา ราชนิเวสนํ อารุยฺห สิริคพฺภทฺวารํ อาโกเฎสิฯ ราชา สติํ อุปฎฺฐเปตฺวา ‘‘โก เอโส’’ติ ปุจฺฉิฯ อหํ, เทว, อภิปารโกติฯ อถสฺส ราชา ทฺวารํ วิวริฯ โส ปวิสิตฺวา ราชานํ วนฺทิตฺวา คาถมาห –

    So gantvā tasmiṃ rukkhe nisīditvā punadivase senāpatinā amaccagaṇaparivutena taṃ ṭhānaṃ gantvā yācito tathā abhāsi. Senāpati ‘‘sādhū’’ti vatvā devataṃ vanditvā amacce jānāpetvā nagaraṃ pavisitvā rājanivesanaṃ āruyha sirigabbhadvāraṃ ākoṭesi. Rājā satiṃ upaṭṭhapetvā ‘‘ko eso’’ti pucchi. Ahaṃ, deva, abhipārakoti. Athassa rājā dvāraṃ vivari. So pavisitvā rājānaṃ vanditvā gāthamāha –

    ๗๑.

    71.

    ‘‘ภูตานิ เม ภูตปตี นมสฺสโต, อาคมฺม ยโกฺข อิทเมตทพฺรวิ;

    ‘‘Bhūtāni me bhūtapatī namassato, āgamma yakkho idametadabravi;

    รโญฺญ มโน อุมฺมทนฺตฺยา นิวิโฎฺฐ, ททามิ เต ตํ ปริจารยสฺสู’’ติฯ

    Rañño mano ummadantyā niviṭṭho, dadāmi te taṃ paricārayassū’’ti.

    ตตฺถ นมสฺสโตติ ตุมฺหากํ วิปฺปลาปการณชานนตฺถํ พลิกมฺมํ กตฺวา นมสฺสนฺตสฺสฯ นฺติ อหํ ตํ อุมฺมาทนฺติํ ตุมฺหากํ ปริจาริกํ กตฺวา ททามีติฯ

    Tattha namassatoti tumhākaṃ vippalāpakāraṇajānanatthaṃ balikammaṃ katvā namassantassa. Tanti ahaṃ taṃ ummādantiṃ tumhākaṃ paricārikaṃ katvā dadāmīti.

    อถ นํ ราชา, ‘‘สมฺม อภิปารก, มม อุมฺมาทนฺติยา ปฎิพทฺธจิตฺตตาย วิปฺปลปิตภาวํ ยกฺขาปิ ชานนฺตี’’ติ ปุจฺฉิฯ อาม, เทวาติฯ โส ‘‘สพฺพโลเกน กิร เม ลามกภาโว ญาโต’’ติ ลชฺชิธเมฺม ปติฎฺฐาย อนนฺตรํ คาถมาห –

    Atha naṃ rājā, ‘‘samma abhipāraka, mama ummādantiyā paṭibaddhacittatāya vippalapitabhāvaṃ yakkhāpi jānantī’’ti pucchi. Āma, devāti. So ‘‘sabbalokena kira me lāmakabhāvo ñāto’’ti lajjidhamme patiṭṭhāya anantaraṃ gāthamāha –

    ๗๒.

    72.

    ‘‘ปุญฺญา จ ธํเส อมโร น จมฺหิ, ชโน จ เม ปาปมิทญฺจ ชญฺญา;

    ‘‘Puññā ca dhaṃse amaro na camhi, jano ca me pāpamidañca jaññā;

    ภุโส จ ตฺยสฺส มนโส วิฆาโต, ทตฺวา ปิยํ อุมฺมทนฺติํ อทฎฺฐา’’ติฯ

    Bhuso ca tyassa manaso vighāto, datvā piyaṃ ummadantiṃ adaṭṭhā’’ti.

    ตตฺถ ธํเสติ, สมฺม อภิปารก, อหํ ตาย สทฺธิํ กิเลสวเสน ปริจาเรโนฺต ปุญฺญโต จ ธํเสยฺยํ, ตาย สทฺธิํ ปริจาริตมเตฺตน อมโร จ น โหมิ, มหาชโน จ เม อิมํ ลามกภาวํ ชาเนยฺย, ตโต ‘‘อยุตฺตํ รญฺญา กต’’นฺติ ครเหยฺย, ตญฺจ มม ทตฺวา ปจฺฉา ปิยภริยํ อทฎฺฐา ตว มนโส วิฆาโต จสฺสาติ อโตฺถฯ

    Tattha dhaṃseti, samma abhipāraka, ahaṃ tāya saddhiṃ kilesavasena paricārento puññato ca dhaṃseyyaṃ, tāya saddhiṃ paricāritamattena amaro ca na homi, mahājano ca me imaṃ lāmakabhāvaṃ jāneyya, tato ‘‘ayuttaṃ raññā kata’’nti garaheyya, tañca mama datvā pacchā piyabhariyaṃ adaṭṭhā tava manaso vighāto cassāti attho.

    เสสา อุภินฺนมฺปิ วจนปฎิวจนคาถา โหนฺติ –

    Sesā ubhinnampi vacanapaṭivacanagāthā honti –

    ๗๓.

    73.

    ‘‘ชนินฺท นาญฺญตฺร ตยา มยา วา, สพฺพาปิ กมฺมสฺส กตสฺส ชญฺญา;

    ‘‘Janinda nāññatra tayā mayā vā, sabbāpi kammassa katassa jaññā;

    ยํ เต มยา อุมฺมทนฺตี ปทินฺนา, ภุเสหิ ราชา วนถํ สชาหิฯ

    Yaṃ te mayā ummadantī padinnā, bhusehi rājā vanathaṃ sajāhi.

    ๗๔.

    74.

    ‘‘โย ปาปกํ กมฺมกรํ มนุโสฺส, โส มญฺญติ มายิท มญฺญิํสุ อเญฺญ;

    ‘‘Yo pāpakaṃ kammakaraṃ manusso, so maññati māyida maññiṃsu aññe;

    ปสฺสนฺติ ภูตานิ กโรนฺตเมตํ, ยุตฺตา จ เย โหนฺติ นรา ปถพฺยาฯ

    Passanti bhūtāni karontametaṃ, yuttā ca ye honti narā pathabyā.

    ๗๕.

    75.

    ‘‘อโญฺญ นุ เต โกจิ นโร ปถพฺยา, สเทฺธยฺย โลกสฺมิ น เม ปิยาติ;

    ‘‘Añño nu te koci naro pathabyā, saddheyya lokasmi na me piyāti;

    ภุโส จ ตฺยสฺส มนุโส วิฆาโต, ทตฺวา ปิยํ อุมฺมทนฺติํ อทฎฺฐาฯ

    Bhuso ca tyassa manuso vighāto, datvā piyaṃ ummadantiṃ adaṭṭhā.

    ๗๖.

    76.

    ‘‘อทฺธา ปิยา มยฺห ชนินฺท เอสา, น สา มมํ อปฺปิยา ภูมิปาล;

    ‘‘Addhā piyā mayha janinda esā, na sā mamaṃ appiyā bhūmipāla;

    คเจฺฉว ตฺวํ อุมฺมทนฺติํ ภทเนฺต, สีโหว เสลสฺส คุหํ อุเปติฯ

    Gaccheva tvaṃ ummadantiṃ bhadante, sīhova selassa guhaṃ upeti.

    ๗๗.

    77.

    ‘‘น ปีฬิตา อตฺตทุเขน ธีรา, สุขปฺผลํ กมฺม ปริจฺจชนฺติ;

    ‘‘Na pīḷitā attadukhena dhīrā, sukhapphalaṃ kamma pariccajanti;

    สโมฺมหิตา วาปิ สุเขน มตฺตา, น ปาปกมฺมญฺจ สมาจรนฺติฯ

    Sammohitā vāpi sukhena mattā, na pāpakammañca samācaranti.

    ๗๘.

    78.

    ‘‘ตุวญฺหิ มาตา จ ปิตา จ มยฺหํ, ภตฺตา ปตี โปสโก เทวตา จ;

    ‘‘Tuvañhi mātā ca pitā ca mayhaṃ, bhattā patī posako devatā ca;

    ทาโส อหํ ตุยฺห สปุตฺตทาโร, ยถาสุขํ สามิ กโรหิ กามํฯ

    Dāso ahaṃ tuyha saputtadāro, yathāsukhaṃ sāmi karohi kāmaṃ.

    ๗๙.

    79.

    ‘‘โย ‘อิสฺสโรมฺหี’ติ กโรติ ปาปํ, กตฺวา จ โส นุตฺตสเต ปเรสํ;

    ‘‘Yo ‘issaromhī’ti karoti pāpaṃ, katvā ca so nuttasate paresaṃ;

    น เตน โส ชีวติ ทีฆมายุ, เทวาปิ ปาเปน สเมกฺขเร นํฯ

    Na tena so jīvati dīghamāyu, devāpi pāpena samekkhare naṃ.

    ๘๐.

    80.

    ‘‘อญฺญาตกํ สามิเกหี ปทินฺนํ, ธเมฺม ฐิตา เย ปฎิจฺฉนฺติ ทานํ;

    ‘‘Aññātakaṃ sāmikehī padinnaṃ, dhamme ṭhitā ye paṭicchanti dānaṃ;

    ปฎิจฺฉกา ทายกา จาปิ ตตฺถ, สุขปฺผลเญฺญว กโรนฺติ กมฺมํฯ

    Paṭicchakā dāyakā cāpi tattha, sukhapphalaññeva karonti kammaṃ.

    ๘๑.

    81.

    ‘‘อโญฺญ นุ เต โกจิ นโร ปถพฺยา, สเทฺธยฺย โลกสฺมิ น เม ปิยาติ;

    ‘‘Añño nu te koci naro pathabyā, saddheyya lokasmi na me piyāti;

    ภุโส จ ตฺยสฺส มนโส วิฆาโต, ทตฺวา ปิยํ อุมฺมทนฺติํ อทฎฺฐาฯ

    Bhuso ca tyassa manaso vighāto, datvā piyaṃ ummadantiṃ adaṭṭhā.

    ๘๒.

    82.

    ‘‘อทฺธา ปิยา มยฺห ชนินฺท เอสา, น สา มมํ อปฺปิยา ภูมิปาล;

    ‘‘Addhā piyā mayha janinda esā, na sā mamaṃ appiyā bhūmipāla;

    ยํ เต มยา อุมฺมทนฺตี ปทินฺนา, ภุเสหิ ราชา วนถํ สชาหิฯ

    Yaṃ te mayā ummadantī padinnā, bhusehi rājā vanathaṃ sajāhi.

    ๘๓.

    83.

    ‘‘โย อตฺตทุเกฺขน ปรสฺส ทุกฺขํ, สุเขน วา อตฺตสุขํ ทหาติ;

    ‘‘Yo attadukkhena parassa dukkhaṃ, sukhena vā attasukhaṃ dahāti;

    ยเถวิทํ มยฺห ตถา ปเรสํ, โย เอวํ ชานาติ ส เวทิ ธมฺมํฯ

    Yathevidaṃ mayha tathā paresaṃ, yo evaṃ jānāti sa vedi dhammaṃ.

    ๘๔.

    84.

    ‘‘อโญฺญ นุ เต โกจิ นโร ปถพฺยา, สเทฺธยฺย โลกสฺมิ น เม ปิยาติ;

    ‘‘Añño nu te koci naro pathabyā, saddheyya lokasmi na me piyāti;

    ภุโส จ ตฺยสฺส มนโส วิฆาโต, ทตฺวา ปิยํ อุมฺมทนฺติํ อทฎฺฐาฯ

    Bhuso ca tyassa manaso vighāto, datvā piyaṃ ummadantiṃ adaṭṭhā.

    ๘๕.

    85.

    ‘‘ชนินฺท ชานาสิ ปิยา มเมสา, น สา มมํ อปฺปิยา ภูมิปาล;

    ‘‘Janinda jānāsi piyā mamesā, na sā mamaṃ appiyā bhūmipāla;

    ปิเยน เต ทมฺมิ ปิยํ ชนินฺท, ปิยทายิโน เทว ปิยํ ลภนฺติฯ

    Piyena te dammi piyaṃ janinda, piyadāyino deva piyaṃ labhanti.

    ๘๖.

    86.

    ‘‘โส นูนาหํ วธิสฺสามิ, อตฺตานํ กามเหตุกํ;

    ‘‘So nūnāhaṃ vadhissāmi, attānaṃ kāmahetukaṃ;

    น หิ ธมฺมํ อธเมฺมน, อหํ วธิตุมุสฺสเหฯ

    Na hi dhammaṃ adhammena, ahaṃ vadhitumussahe.

    ๘๗.

    87.

    ‘‘สเจ ตุวํ มยฺห สติํ ชนินฺท, น กามยาสิ นรวีร เสฎฺฐ;

    ‘‘Sace tuvaṃ mayha satiṃ janinda, na kāmayāsi naravīra seṭṭha;

    จชามิ นํ สพฺพชนสฺส สิพฺยา, มยา ปมุตฺตํ ตโต อวฺหเยสิ นํฯ

    Cajāmi naṃ sabbajanassa sibyā, mayā pamuttaṃ tato avhayesi naṃ.

    ๘๘.

    88.

    ‘‘อทูสิยํ เจ อภิปารก ตฺวํ, จชาสิ กเตฺต อหิตาย ตฺยสฺส;

    ‘‘Adūsiyaṃ ce abhipāraka tvaṃ, cajāsi katte ahitāya tyassa;

    มหา จ เต อุปวาโทปิ อสฺส, น จาปิ ตฺยสฺส นครมฺหิ ปโกฺขฯ

    Mahā ca te upavādopi assa, na cāpi tyassa nagaramhi pakkho.

    ๘๙.

    89.

    ‘‘อหํ สหิสฺสํ อุปวาทเมตํ, นินฺทํ ปสํสํ ครหญฺจ สพฺพํ;

    ‘‘Ahaṃ sahissaṃ upavādametaṃ, nindaṃ pasaṃsaṃ garahañca sabbaṃ;

    มเมตมาคจฺฉตุ ภูมิปาล, ยถาสุขํ สิวิ กโรหิ กามํฯ

    Mametamāgacchatu bhūmipāla, yathāsukhaṃ sivi karohi kāmaṃ.

    ๙๐.

    90.

    ‘‘โย เนว นินฺทํ น ปนปฺปสํสํ, อาทิยติ ครหํ โนปิ ปูชํ;

    ‘‘Yo neva nindaṃ na panappasaṃsaṃ, ādiyati garahaṃ nopi pūjaṃ;

    สิรี จ ลกฺขี จ อเปติ ตมฺหา, อาโป สุวุฎฺฐีว ยถา ถลมฺหาฯ

    Sirī ca lakkhī ca apeti tamhā, āpo suvuṭṭhīva yathā thalamhā.

    ๙๑.

    91.

    ‘‘ยํ กิญฺจิ ทุกฺขญฺจ สุขญฺจ เอโตฺต, ธมฺมาติสารญฺจ มโนวิฆาตํ;

    ‘‘Yaṃ kiñci dukkhañca sukhañca etto, dhammātisārañca manovighātaṃ;

    อุรสา อหํ ปจฺจุตฺตริสฺสามิ สพฺพํ, ปถวี ยถา ถาวรานํ ตสานํฯ

    Urasā ahaṃ paccuttarissāmi sabbaṃ, pathavī yathā thāvarānaṃ tasānaṃ.

    ๙๒.

    92.

    ‘‘ธมฺมาติสารญฺจ มโนวิฆาตํ, ทุกฺขญฺจ นิจฺฉามิ อหํ ปเรสํ;

    ‘‘Dhammātisārañca manovighātaṃ, dukkhañca nicchāmi ahaṃ paresaṃ;

    เอโกวิมํ หารยิสฺสามิ ภารํ, ธเมฺม ฐิโต กิญฺจิ อหาปยโนฺตฯ

    Ekovimaṃ hārayissāmi bhāraṃ, dhamme ṭhito kiñci ahāpayanto.

    ๙๓.

    93.

    ‘‘สคฺคูปคํ ปุญฺญกมฺมํ ชนินฺท, มา เม ตุวํ อนฺตรายํ อกาสิ;

    ‘‘Saggūpagaṃ puññakammaṃ janinda, mā me tuvaṃ antarāyaṃ akāsi;

    ททามิ เต อุมฺมทนฺติํ ปสโนฺน, ราชาว ยเญฺญ ธนํ พฺราหฺมณานํฯ

    Dadāmi te ummadantiṃ pasanno, rājāva yaññe dhanaṃ brāhmaṇānaṃ.

    ๙๔.

    94.

    ‘‘อทฺธา ตุวํ กเตฺต หิเตสิ มยฺหํ, สขา มมํ อุมฺมทนฺตี ตุวญฺจ;

    ‘‘Addhā tuvaṃ katte hitesi mayhaṃ, sakhā mamaṃ ummadantī tuvañca;

    นิเนฺทยฺยุ เทวา ปิตโร จ สเพฺพ, ปาปญฺจ ปสฺสํ อภิสมฺปรายํฯ

    Nindeyyu devā pitaro ca sabbe, pāpañca passaṃ abhisamparāyaṃ.

    ๙๕.

    95.

    ‘‘น เหตธมฺมํ สิวิราช วชฺชุํ, สเนคมา ชานปทา จ สเพฺพ;

    ‘‘Na hetadhammaṃ sivirāja vajjuṃ, sanegamā jānapadā ca sabbe;

    ยํ เต มยา อุมฺมทนฺตี ปทินฺนา, ภุเสหิ ราชา วนถํ สชาหิฯ

    Yaṃ te mayā ummadantī padinnā, bhusehi rājā vanathaṃ sajāhi.

    ๙๖.

    96.

    ‘‘อทฺธา ตุวํ กเตฺต หิเตสิ มยฺหํ, สขา มมํ อุมฺมทนฺตี ตุวญฺจ;

    ‘‘Addhā tuvaṃ katte hitesi mayhaṃ, sakhā mamaṃ ummadantī tuvañca;

    สตญฺจ ธมฺมานิ สุกิตฺติตานิ, สมุทฺทเวลาว ทุรจฺจยานิฯ

    Satañca dhammāni sukittitāni, samuddavelāva duraccayāni.

    ๙๗.

    97.

    ‘‘อาหุเนโยฺย เมสิ หิตานุกมฺปี, ธาตา วิธาตา จสิ กามปาโล;

    ‘‘Āhuneyyo mesi hitānukampī, dhātā vidhātā casi kāmapālo;

    ตยี หุตา ราช มหปฺผลา หิ, กาเมน เม อุมฺมทนฺติํ ปฎิจฺฉฯ

    Tayī hutā rāja mahapphalā hi, kāmena me ummadantiṃ paṭiccha.

    ๙๘.

    98.

    ‘‘อทฺธา หิ สพฺพํ อภิปารก ตฺวํ, ธมฺมํ อจารี มม กตฺตุปุตฺต;

    ‘‘Addhā hi sabbaṃ abhipāraka tvaṃ, dhammaṃ acārī mama kattuputta;

    อโญฺญ นุ เต โก อิธ โสตฺถิกตฺตา, ทฺวิปโท นโร อรุเณ ชีวโลเกฯ

    Añño nu te ko idha sotthikattā, dvipado naro aruṇe jīvaloke.

    ๙๙.

    99.

    ‘‘ตุวํ นุ เสโฎฺฐ ตฺวมนุตฺตโรสิ, ตฺวํ ธมฺมคุโตฺต ธมฺมวิทู สุเมโธ;

    ‘‘Tuvaṃ nu seṭṭho tvamanuttarosi, tvaṃ dhammagutto dhammavidū sumedho;

    โส ธมฺมคุโตฺต จิรเมว ชีว, ธมฺมญฺจ เม เทสย ธมฺมปาลฯ

    So dhammagutto cirameva jīva, dhammañca me desaya dhammapāla.

    ๑๐๐.

    100.

    ‘‘ตทิงฺฆ อภิปารก, สุโณหิ วจนํ มม;

    ‘‘Tadiṅgha abhipāraka, suṇohi vacanaṃ mama;

    ธมฺมํ เต เทสยิสฺสามิ, สตํ อาเสวิตํ อหํฯ

    Dhammaṃ te desayissāmi, sataṃ āsevitaṃ ahaṃ.

    ๑๐๑.

    101.

    ‘‘สาธุ ธมฺมรุจี ราชา, สาธุ ปญฺญาณวา นโร;

    ‘‘Sādhu dhammarucī rājā, sādhu paññāṇavā naro;

    สาธุ มิตฺตานมทฺทุโพฺภ, ปาปสฺสากรณํ สุขํฯ

    Sādhu mittānamaddubbho, pāpassākaraṇaṃ sukhaṃ.

    ๑๐๒.

    102.

    ‘‘อโกฺกธนสฺส วิชิเต, ฐิตธมฺมสฺส ราชิโน;

    ‘‘Akkodhanassa vijite, ṭhitadhammassa rājino;

    สุขํ มนุสฺสา อาเสถ, สีตจฺฉายาย สงฺฆเรฯ

    Sukhaṃ manussā āsetha, sītacchāyāya saṅghare.

    ๑๐๓.

    103.

    ‘‘น จาหเมตํ อภิโรจยามิ, กมฺมํ อสเมกฺขกตํ อสาธุ;

    ‘‘Na cāhametaṃ abhirocayāmi, kammaṃ asamekkhakataṃ asādhu;

    เย วาปิ ญตฺวาน สยํ กโรนฺติ, อุปมา อิมา มยฺหํ ตุวํ สุโณหิฯ

    Ye vāpi ñatvāna sayaṃ karonti, upamā imā mayhaṃ tuvaṃ suṇohi.

    ๑๐๔.

    104.

    ‘‘ควํ เจ ตรมานานํ, ชิมฺหํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gavaṃ ce taramānānaṃ, jimhaṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา ตา ชิมฺหํ คจฺฉนฺติ, เนเตฺต ชิมฺหํ คเต สติฯ

    Sabbā tā jimhaṃ gacchanti, nette jimhaṃ gate sati.

    ๑๐๕.

    105.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส เจ อธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So ce adhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ ทุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ อธมฺมิโกฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ dukhaṃ seti, rājā ce hoti adhammiko.

    ๑๐๖.

    106.

    ‘‘ควํ เจ ตรมานานํ, อุชุํ คจฺฉติ ปุงฺคโว;

    ‘‘Gavaṃ ce taramānānaṃ, ujuṃ gacchati puṅgavo;

    สพฺพา คาวี อุชุํ ยนฺติ, เนเตฺต อุชุํ คเต สติฯ

    Sabbā gāvī ujuṃ yanti, nette ujuṃ gate sati.

    ๑๐๗.

    107.

    ‘‘เอวเมว มนุเสฺสสุ, โย โหติ เสฎฺฐสมฺมโต;

    ‘‘Evameva manussesu, yo hoti seṭṭhasammato;

    โส สเจ ธมฺมํ จรติ, ปเคว อิตรา ปชา;

    So sace dhammaṃ carati, pageva itarā pajā;

    สพฺพํ รฎฺฐํ สุขํ เสติ, ราชา เจ โหติ ธมฺมิโกฯ

    Sabbaṃ raṭṭhaṃ sukhaṃ seti, rājā ce hoti dhammiko.

    ๑๐๘.

    108.

    ‘‘น จาปาหํ อธเมฺมน, อมรตฺตมภิปตฺถเย;

    ‘‘Na cāpāhaṃ adhammena, amarattamabhipatthaye;

    อิมํ วา ปถวิํ สพฺพํ, วิเชตุํ อภิปารกฯ

    Imaṃ vā pathaviṃ sabbaṃ, vijetuṃ abhipāraka.

    ๑๐๙.

    109.

    ‘‘ยญฺหิ กิญฺจิ มนุเสฺสสุ, รตนํ อิธ วิชฺชติ;

    ‘‘Yañhi kiñci manussesu, ratanaṃ idha vijjati;

    คาโว ทาโส หิรญฺญญฺจ, วตฺถิยํ หริจนฺทนํฯ

    Gāvo dāso hiraññañca, vatthiyaṃ haricandanaṃ.

    ๑๑๐.

    110.

    ‘‘อสฺสิตฺถิโย รตนํ มณิกญฺจ, ยญฺจาปิ เม จนฺทิมสูริยา อภิปาลยนฺติ;

    ‘‘Assitthiyo ratanaṃ maṇikañca, yañcāpi me candimasūriyā abhipālayanti;

    น ตสฺส เหตุ วิสมํ จเรยฺยํ, มเชฺฌ สิวีนํ อุสโภมฺหิ ชาโตฯ

    Na tassa hetu visamaṃ careyyaṃ, majjhe sivīnaṃ usabhomhi jāto.

    ๑๑๑.

    111.

    ‘‘เนตา หิตา อุคฺคโต รฎฺฐปาโล, ธมฺมํ สิวีนํ อปจายมาโน;

    ‘‘Netā hitā uggato raṭṭhapālo, dhammaṃ sivīnaṃ apacāyamāno;

    โส ธมฺมเมวานุวิจินฺตยโนฺต, ตสฺมา สเก จิตฺตวเส น วโตฺตฯ

    So dhammamevānuvicintayanto, tasmā sake cittavase na vatto.

    ๑๑๒.

    112.

    ‘‘อทฺธา ตุวํ มหาราช, นิจฺจํ อพฺยสนํ สิวํ;

    ‘‘Addhā tuvaṃ mahārāja, niccaṃ abyasanaṃ sivaṃ;

    กริสฺสสิ จิรํ รชฺชํ, ปญฺญา หิ ตว ตาทิสีฯ

    Karissasi ciraṃ rajjaṃ, paññā hi tava tādisī.

    ๑๑๓.

    113.

    ‘‘เอตํ เต อนุโมทาม, ยํ ธมฺมํ นปฺปมชฺชสิ;

    ‘‘Etaṃ te anumodāma, yaṃ dhammaṃ nappamajjasi;

    ธมฺมํ ปมชฺช ขตฺติโย, รฎฺฐา จวติ อิสฺสโรฯ

    Dhammaṃ pamajja khattiyo, raṭṭhā cavati issaro.

    ๑๑๔.

    114.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มาตาปิตูสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mātāpitūsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๑๕.

    115.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ปุตฺตทาเรสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, puttadāresu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๑๖.

    116.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิตฺตามเจฺจสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, mittāmaccesu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๑๗.

    117.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, วาหเนสุ พเลสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, vāhanesu balesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๑๘.

    118.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, คาเมสุ นิคเมสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, gāmesu nigamesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๑๙.

    119.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, รเฎฺฐสุ ชนปเทสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, raṭṭhesu janapadesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๒๐.

    120.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สมณพฺราหฺมเณสุ จ;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, samaṇabrāhmaṇesu ca;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๒๑.

    121.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, มิคปกฺขีสุ ขตฺติย;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, migapakkhīsu khattiya;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๒๒.

    122.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, ธโมฺม จิโณฺณ สุขาวโห;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, dhammo ciṇṇo sukhāvaho;

    อิธ ธมฺมํ จริตฺวาน, ราช สคฺคํ คมิสฺสสิฯ

    Idha dhammaṃ caritvāna, rāja saggaṃ gamissasi.

    ๑๒๓.

    123.

    ‘‘ธมฺมํ จร มหาราช, สอินฺทา เทวา สพฺรหฺมกา;

    ‘‘Dhammaṃ cara mahārāja, saindā devā sabrahmakā;

    สุจิเณฺณน ทิวํ ปตฺตา, มา ธมฺมํ ราช ปามโท’’ติฯ

    Suciṇṇena divaṃ pattā, mā dhammaṃ rāja pāmado’’ti.

    ตตฺถ สพฺพาปีติ, ชนินฺท, อหเมตํ เอกโกว ปฎิจฺฉาเทตฺวา อาเนสฺสามิ, ตสฺมา ฐเปตฺวา มมญฺจ ตุวญฺจ อญฺญา สพฺพาปิ ปชา อิมสฺส กตสฺส อาการมตฺตมฺปิ น ชญฺญา น ชานิสฺสนฺติฯ ภุเสหีติ ตาย สทฺธิํ อภิรมโนฺต อตฺตโน ตณฺหาวนถํ ภุสํ กโรหิ วเฑฺฒหิ มโนรถํ ปูเรหิฯ สชาหีติ มโนรถํ ปน ปูเรตฺวา สเจ เต น รุจฺจติ, อถ นํ สชาหิ มยฺหเมว ปฎิเทหิฯ กมฺมกรนฺติ, สมฺม อภิปารก, โย มนุโสฺส ปาปกํ กมฺมํ กโรโนฺต, โส ปจฺฉา มา อิธ อเญฺญ อิทํ ปาปกมฺมํ มญฺญิํสุ มา ชานนฺตูติ มญฺญติ จิเนฺตติ, ทุจินฺติตเมตํ ตสฺสฯ กิํการณา? ปสฺสนฺติ ภูตานิ กโรนฺตเมตนฺติ เย จ พุทฺธา ปเจฺจกพุทฺธา พุทฺธปุตฺตา อิทฺธิยา ยุตฺตา, เต จ นํ ปสฺสนฺติเยวฯ น เม ปิยาติ, สมฺม อภิปารก, อโญฺญ นุ เต โกจิ ‘‘อิธ โลกสฺมิํ สกลายปิ ปถวิยา น เม อุมฺมาทนฺตี ปิยา’’ติ เอวํ สทฺทเหยฺยฯ

    Tattha sabbāpīti, janinda, ahametaṃ ekakova paṭicchādetvā ānessāmi, tasmā ṭhapetvā mamañca tuvañca aññā sabbāpi pajā imassa katassa ākāramattampi na jaññā na jānissanti. Bhusehīti tāya saddhiṃ abhiramanto attano taṇhāvanathaṃ bhusaṃ karohi vaḍḍhehi manorathaṃ pūrehi. Sajāhīti manorathaṃ pana pūretvā sace te na ruccati, atha naṃ sajāhi mayhameva paṭidehi. Kammakaranti, samma abhipāraka, yo manusso pāpakaṃ kammaṃ karonto, so pacchā mā idha aññe idaṃ pāpakammaṃ maññiṃsu mā jānantūti maññati cinteti, ducintitametaṃ tassa. Kiṃkāraṇā? Passanti bhūtāni karontametanti ye ca buddhā paccekabuddhā buddhaputtā iddhiyā yuttā, te ca naṃ passantiyeva. Na me piyāti, samma abhipāraka, añño nu te koci ‘‘idha lokasmiṃ sakalāyapi pathaviyā na me ummādantī piyā’’ti evaṃ saddaheyya.

    สีโหว เสลสฺส คุหนฺติ, มหาราช, สเจ ตฺวํ ตํ อิธ น อาเนสิ, อถ ยถา สีโห กิเลสปริฬาเห อุปฺปเนฺน สีหโปติกาย วสนฎฺฐานํ มณิคุหํ อุเปติ, เอวํ ตสฺสา วสนฎฺฐานํ คจฺฉ, ตตฺถ อตฺตโน ปตฺถนํ ปูเรหีติฯ สุขปฺผลนฺติ, สมฺม อภิปารก, ปณฺฑิตา อตฺตโน ทุเกฺขน ผุฎฺฐา สมานา น สุขวิปากทายกกมฺมํ ปริจฺจชนฺติ, สโมฺมหิตา วาปิ หุตฺวา โมเหน มูฬฺหา สุเขน มตฺตา ปาปกมฺมํ นาม น สมาจรนฺติฯ ยถาสุขํ, สามิ, กโรหิ กามนฺติ, สามิ สิวิราช, อตฺตโน ทาสิํ ปริจาเรนฺตสฺส ครหา นาม นตฺถิ, ตฺวํ ยถาสุขํ ยถาชฺฌาสยํ กามํ กโรหิ, อตฺตโน อิจฺฉํ ปูเรหีติฯ น เตน โส ชีวตีติ, สมฺม อภิปารก, โย ‘‘อิสฺสโรมฺหี’’ติ ปาปํ กโรติ, กตฺวา จ กิํ มํ เทวมนุสฺสา วกฺขนฺตีติ น อุตฺตสติ น โอตฺตปฺปติ, โส เตน กเมฺมน น จ ทีฆกาลํ ชีวติ, ขิปฺปเมว มรติ, เทวตาปิ ปน ‘‘กิํ อิมสฺส ปาปรโญฺญ รเชฺชน, วรมสฺส วาฬุกฆฎํ คเล พนฺธิตฺวา มรณ’’นฺติ ลามเกน จกฺขุนา โอโลเกนฺติฯ

    Sīhova selassa guhanti, mahārāja, sace tvaṃ taṃ idha na ānesi, atha yathā sīho kilesapariḷāhe uppanne sīhapotikāya vasanaṭṭhānaṃ maṇiguhaṃ upeti, evaṃ tassā vasanaṭṭhānaṃ gaccha, tattha attano patthanaṃ pūrehīti. Sukhapphalanti, samma abhipāraka, paṇḍitā attano dukkhena phuṭṭhā samānā na sukhavipākadāyakakammaṃ pariccajanti, sammohitā vāpi hutvā mohena mūḷhā sukhena mattā pāpakammaṃ nāma na samācaranti. Yathāsukhaṃ, sāmi, karohi kāmanti, sāmi sivirāja, attano dāsiṃ paricārentassa garahā nāma natthi, tvaṃ yathāsukhaṃ yathājjhāsayaṃ kāmaṃ karohi, attano icchaṃ pūrehīti. Na tena so jīvatīti, samma abhipāraka, yo ‘‘issaromhī’’ti pāpaṃ karoti, katvā ca kiṃ maṃ devamanussā vakkhantīti na uttasati na ottappati, so tena kammena na ca dīghakālaṃ jīvati, khippameva marati, devatāpi pana ‘‘kiṃ imassa pāparañño rajjena, varamassa vāḷukaghaṭaṃ gale bandhitvā maraṇa’’nti lāmakena cakkhunā olokenti.

    อญฺญาตกนฺติ, มหาราช, อเญฺญสํ สนฺตกํ เตหิ สามิเกหิ ปทินฺนํ ทานํ เย อตฺตโน ธเมฺม ฐิตา ปฎิจฺฉนฺติ, เต ตตฺถ ปฎิจฺฉกา จ ทายกา จ สเพฺพปิ สุขปฺผลเมว กมฺมํ กโรนฺติฯ ปฎิคฺคาหเก หิ ปฎิคฺคณฺหเนฺต ตํ ทานํ ทายกสฺส มหนฺตํ วิปากํ เทตีติฯ โย อตฺตทุเกฺขนาติ, สมฺม อภิปารก, โย อตฺตโน ทุเกฺขน ปีฬิโต ตํ ปรสฺส ทหติ, อตฺตโน สรีรโต อปเนตฺวา ปรสฺส สรีเร ขิปติ, ปรสฺส วา สุเขน อตฺตโน สุขํ ทหติ, ปรสฺส สุขํ คเหตฺวา อตฺตนิ ปกฺขิปติ, ‘‘อตฺตโน ทุกฺขํ หริสฺสามี’’ติ ปรํ ทุกฺขิตํ กโรติ, ‘‘อตฺตานํ สุเขสฺสามี’’ติ ปรํ ทุกฺขิตํ กโรติ, ‘‘อตฺตานํ สุเขสฺสามี’’ติ ปรสฺส สุขํ นาเสติ, น โส ธมฺมํ ชานาติฯ โย ปน เอวํ ชานาติ ‘‘ยเถวิทํ มยฺหํ สุขทุกฺขํ, ตถา ปเรส’’นฺติ, ส เวทิ ธมฺมํ ชานาติ นามาติ อยเมติสฺสา คาถาย อโตฺถฯ

    Aññātakanti, mahārāja, aññesaṃ santakaṃ tehi sāmikehi padinnaṃ dānaṃ ye attano dhamme ṭhitā paṭicchanti, te tattha paṭicchakā ca dāyakā ca sabbepi sukhapphalameva kammaṃ karonti. Paṭiggāhake hi paṭiggaṇhante taṃ dānaṃ dāyakassa mahantaṃ vipākaṃ detīti. Yo attadukkhenāti, samma abhipāraka, yo attano dukkhena pīḷito taṃ parassa dahati, attano sarīrato apanetvā parassa sarīre khipati, parassa vā sukhena attano sukhaṃ dahati, parassa sukhaṃ gahetvā attani pakkhipati, ‘‘attano dukkhaṃ harissāmī’’ti paraṃ dukkhitaṃ karoti, ‘‘attānaṃ sukhessāmī’’ti paraṃ dukkhitaṃ karoti, ‘‘attānaṃ sukhessāmī’’ti parassa sukhaṃ nāseti, na so dhammaṃ jānāti. Yo pana evaṃ jānāti ‘‘yathevidaṃ mayhaṃ sukhadukkhaṃ, tathā paresa’’nti, sa vedi dhammaṃ jānāti nāmāti ayametissā gāthāya attho.

    ปิเยน เต ทมฺมีติ ปิเยน การณภูเตน ปิยํ ผลํ ปเตฺถโนฺต ทมฺมีติ อโตฺถฯ ปิยํ ลภนฺตีติ สํสาเร สํสรนฺตา ปิยเมว ลภนฺติฯ กามเหตุกนฺติ, สมฺม อภิปารก , กามเหตุกํ อยุตฺตํ กตฺวา ‘‘อตฺตานํ วธิสฺสามี’’ติ เม ปริวิตโกฺก อุปฺปชฺชติฯ มยฺห สตินฺติ มม สนฺตกํฯ ‘‘มยฺห สตี’’ติปิ ปาโฐ, มม สนฺตกาติ เอวํ มญฺญมาโน สเจ ตฺวํ ตํ น กาเมสีติ อโตฺถฯ สพฺพชนสฺสาติ สพฺพา เสนิโย สนฺนิปาตาเปตฺวา ตสฺส สพฺพชนสฺส อยํ มยฺหํ อหิตาติ ปริจฺจชิสฺสามิฯ ตโต อวฺหเยสีติ ตโต ตํ อปริคฺคหิตตฺตา อาเนยฺยาสิฯ อทูสิยนฺติ อนปราธํฯ กเตฺตติ ตเมว อปเรน นาเมน อาลปติฯ โส หิ รโญฺญ หิตํ กโรติ, ตสฺมา ‘‘กตฺตา’’ติ วุจฺจติฯ น จาปิ ตฺยสฺสาติ เอวํ อกิจฺจการีติ นคเร ตว โกจิ ปโกฺขปิ น ภเวยฺยฯ

    Piyena te dammīti piyena kāraṇabhūtena piyaṃ phalaṃ patthento dammīti attho. Piyaṃ labhantīti saṃsāre saṃsarantā piyameva labhanti. Kāmahetukanti, samma abhipāraka , kāmahetukaṃ ayuttaṃ katvā ‘‘attānaṃ vadhissāmī’’ti me parivitakko uppajjati. Mayha satinti mama santakaṃ. ‘‘Mayha satī’’tipi pāṭho, mama santakāti evaṃ maññamāno sace tvaṃ taṃ na kāmesīti attho. Sabbajanassāti sabbā seniyo sannipātāpetvā tassa sabbajanassa ayaṃ mayhaṃ ahitāti pariccajissāmi. Tato avhayesīti tato taṃ apariggahitattā āneyyāsi. Adūsiyanti anaparādhaṃ. Katteti tameva aparena nāmena ālapati. So hi rañño hitaṃ karoti, tasmā ‘‘kattā’’ti vuccati. Na cāpi tyassāti evaṃ akiccakārīti nagare tava koci pakkhopi na bhaveyya.

    นินฺทนฺติ น เกวลํ อุปวาทเมว, สเจปิ มํ โกจิ สมฺมุขา นินฺทิสฺสติ วา ปสํสิสฺสติ วา, โทสํ วา ปน อาโรเปโนฺต ครหิสฺสติ, ตมฺปาหํ นินฺทํ ปสํสํ ครหญฺจ สพฺพํ สหิสฺสามิ, สพฺพเมตํ มม อาคจฺฉตูติ วทติฯ ตมฺหาติ โย เอเต นินฺทาทโย น คณฺหาติ, ตมฺหา ปุริสา อิสฺสริยสงฺขาตา สิรี จ ปญฺญาสงฺขาตา ลกฺขี จ ถลฎฺฐานโต สุวุฎฺฐิสงฺขาโต อาโป วิย อเปติ น ปติฎฺฐาตีติฯ เอโตฺตติ อิโต มม ตสฺสา ปริจฺจตฺตการณาฯ ธมฺมาติสารญฺจาติ ธมฺมํ อติกฺกมิตฺวา ปวตฺตํ อกุสลํ วา ยํ กิญฺจิ โหติฯ ปจฺจุตฺตริสฺสามีติ สมฺปฎิจฺฉิสฺสามิ ธารยิสฺสามิฯ ถาวรานํ ตสานนฺติ ยถา มหาปถวี ขีณาสวานญฺจ ปุถุชฺชนานญฺจ กิญฺจิ สมฺปฎิจฺฉติ สพฺพํ อธิวาเสติ, ตเถวาหมฺปิ สพฺพเมตํ สมฺปฎิจฺฉิสฺสามิ อธิวาเสสฺสามีติ ทีเปติฯ เอโกวิมนฺติ อหํ เอโกว อิมมฺปิ อตฺตโน ทุกฺขภารํ หารยิสฺสามิ ธารยิสฺสามิ วหิสฺสามิฯ ธเมฺม ฐิโตติ วินิจฺฉยธเมฺม ปเวณิธเมฺม ติวิธสุจริตธเมฺม จ ฐิโต หุตฺวาฯ

    Nindanti na kevalaṃ upavādameva, sacepi maṃ koci sammukhā nindissati vā pasaṃsissati vā, dosaṃ vā pana āropento garahissati, tampāhaṃ nindaṃ pasaṃsaṃ garahañca sabbaṃ sahissāmi, sabbametaṃ mama āgacchatūti vadati. Tamhāti yo ete nindādayo na gaṇhāti, tamhā purisā issariyasaṅkhātā sirī ca paññāsaṅkhātā lakkhī ca thalaṭṭhānato suvuṭṭhisaṅkhāto āpo viya apeti na patiṭṭhātīti. Ettoti ito mama tassā pariccattakāraṇā. Dhammātisārañcāti dhammaṃ atikkamitvā pavattaṃ akusalaṃ vā yaṃ kiñci hoti. Paccuttarissāmīti sampaṭicchissāmi dhārayissāmi. Thāvarānaṃ tasānanti yathā mahāpathavī khīṇāsavānañca puthujjanānañca kiñci sampaṭicchati sabbaṃ adhivāseti, tathevāhampi sabbametaṃ sampaṭicchissāmi adhivāsessāmīti dīpeti. Ekovimanti ahaṃ ekova imampi attano dukkhabhāraṃ hārayissāmi dhārayissāmi vahissāmi. Dhamme ṭhitoti vinicchayadhamme paveṇidhamme tividhasucaritadhamme ca ṭhito hutvā.

    สคฺคูปคนฺติ , เทว, ปุญฺญกมฺมํ นาเมตํ สคฺคูปคํ โหติฯ ยเญฺญ ธนนฺติ ยญฺญธนํ, อยเมว วา ปาโฐฯ สขาติ อุมฺมาทนฺตีปิ มม สหายิกา, ตฺวมฺปิ สหายโกฯ ปิตโรติ พฺรหฺมาโนฯ สเพฺพติ น เกวลํ เทวพฺรหฺมาโนว, สเพฺพ รฎฺฐวาสิโนปิ มํ ปสฺสถ, ‘‘โภ, สหายกสฺส ภริยา สหายิกา อิมินา เคเห กตา’’ติ นิเนฺทยฺยุํฯ น เหตธมฺมนฺติ น หิ เอตํ อธมฺมิกํฯ ยํ เต มยาติ ยสฺมา มยา สา ตุยฺหํ ทินฺนา, ตสฺมา เอตํ อธโมฺมติ น วทิสฺสนฺติฯ สตนฺติ สนฺตานํ พุทฺธาทีนํ ขนฺติเมตฺตาภาวนาสีลาจารสงฺขาตานิ ธมฺมานิ สุวณฺณิตานิ สมุทฺทเวลาว ทุรจฺจยานิ, ตสฺมา ยถา สมุโทฺท เวลํ นาติกฺกมติ, เอวมหมฺปิ สีลเวลํ นาติกฺกมิสฺสามีติ วทติฯ

    Saggūpaganti , deva, puññakammaṃ nāmetaṃ saggūpagaṃ hoti. Yaññe dhananti yaññadhanaṃ, ayameva vā pāṭho. Sakhāti ummādantīpi mama sahāyikā, tvampi sahāyako. Pitaroti brahmāno. Sabbeti na kevalaṃ devabrahmānova, sabbe raṭṭhavāsinopi maṃ passatha, ‘‘bho, sahāyakassa bhariyā sahāyikā iminā gehe katā’’ti nindeyyuṃ. Na hetadhammanti na hi etaṃ adhammikaṃ. Yaṃ te mayāti yasmā mayā sā tuyhaṃ dinnā, tasmā etaṃ adhammoti na vadissanti. Satanti santānaṃ buddhādīnaṃ khantimettābhāvanāsīlācārasaṅkhātāni dhammāni suvaṇṇitāni samuddavelāva duraccayāni, tasmā yathā samuddo velaṃ nātikkamati, evamahampi sīlavelaṃ nātikkamissāmīti vadati.

    อาหุเนโยฺย เมสีติ, มหาราช, ตฺวํ มม อาหุนปาหุนสกฺการสฺสานุจฺฉวิโกฯ ธาตา วิธาตา จสิ กามปาโลติ ตฺวํ มม, เทว, ธารณโต ธาตา อิสฺสริยสุขสฺส วิทหนโต วิธาตา อิจฺฉิตปตฺถิตานํ กามานํ ปาลนโต กามปาโลฯ ตยี หุตาติ ตุยฺหํ ทินฺนาฯ กาเมน เมติ มม กาเมน มม ปตฺถนาย อุมฺมาทนฺติํ ปฎิจฺฉาติ เอวํ อภิปารโก รโญฺญ เทติฯ ราชา ‘‘น มยฺหํ อโตฺถ’’ติ ปฎิกฺขิปติฯ ภูมิยํ ปติตํ สากุณิกปจฺฉิํ ปิฎฺฐิปาเทน ปหริตฺวา อฎวิยํ ขิปนฺตา วิย อุโภปิ นํ ชหเนฺตวฯ อิทานิ ราชา ปุน อกถนตฺถาย ตํ สนฺตเชฺชโนฺต ‘‘อทฺธา หี’’ติ คาถมาหฯ ตตฺถ กตฺตุปุตฺตาติ ปิตาปิสฺส กตฺตาว, เตน นํ เอวํ อาลปติฯ อิทํ วุตฺตํ โหติ – อทฺธา ตฺวํ อิโต ปุเพฺพ มยฺหํ สพฺพธมฺมํ อจริ, หิตเมว วุฑฺฒิเมว อกาสิ, อิทานิ ปน ปฎิปโกฺข หุตฺวา พหุํ กเถสิ, ‘‘มา เอวํ วิปฺปลปสิ, อโญฺญ นุ เต ทฺวิปโท นโร, โก อิธ ชีวโลเก อรุเณเยว โสตฺถิกตฺตา, สเจ หิ อหํ วิย อโญฺญ ราชา ตว ภริยาย ปฎิพทฺธจิโตฺต อภวิสฺส, อโนฺตอรุเณเยว ตว สีสํ ฉินฺทาเปตฺวา ตํ อตฺตโน ฆเร กเรยฺย, อหํ ปน อกุสลภเยเนว น กโรมิ, ตุณฺหี โหหิ, น เม เอตาย อโตฺถ’’ติ ตํ สนฺตเชฺชสิฯ

    Āhuneyyo mesīti, mahārāja, tvaṃ mama āhunapāhunasakkārassānucchaviko. Dhātā vidhātā casi kāmapāloti tvaṃ mama, deva, dhāraṇato dhātā issariyasukhassa vidahanato vidhātā icchitapatthitānaṃ kāmānaṃ pālanato kāmapālo. Tayī hutāti tuyhaṃ dinnā. Kāmena meti mama kāmena mama patthanāya ummādantiṃ paṭicchāti evaṃ abhipārako rañño deti. Rājā ‘‘na mayhaṃ attho’’ti paṭikkhipati. Bhūmiyaṃ patitaṃ sākuṇikapacchiṃ piṭṭhipādena paharitvā aṭaviyaṃ khipantā viya ubhopi naṃ jahanteva. Idāni rājā puna akathanatthāya taṃ santajjento ‘‘addhā hī’’ti gāthamāha. Tattha kattuputtāti pitāpissa kattāva, tena naṃ evaṃ ālapati. Idaṃ vuttaṃ hoti – addhā tvaṃ ito pubbe mayhaṃ sabbadhammaṃ acari, hitameva vuḍḍhimeva akāsi, idāni pana paṭipakkho hutvā bahuṃ kathesi, ‘‘mā evaṃ vippalapasi, añño nu te dvipado naro, ko idha jīvaloke aruṇeyeva sotthikattā, sace hi ahaṃ viya añño rājā tava bhariyāya paṭibaddhacitto abhavissa, antoaruṇeyeva tava sīsaṃ chindāpetvā taṃ attano ghare kareyya, ahaṃ pana akusalabhayeneva na karomi, tuṇhī hohi, na me etāya attho’’ti taṃ santajjesi.

    โส ตํ สุตฺวา ปุน กิญฺจิ วตฺตุํ อสโกฺกโนฺต รโญฺญ ถุติวเสน ‘‘ตุวํ นู’’ติ คาถมาหฯ ตสฺสโตฺถ – มหาราช, ตฺวเญฺญว สกลชมฺพุทีเป สเพฺพสํ นรินฺทานํ เสโฎฺฐ, ตฺวํ อนุตฺตโร, ตฺวํ วินิจฺฉยธมฺมปเวณิธมฺมสุจริตธมฺมานํ โคปายเนน ธมฺมคุโตฺต, เตสํ วิทิตตฺตา ธมฺมวิทู ตฺวํ สุเมโธ, โส ตฺวํ ยํ ธมฺมํ โคเปสิ, เตเนว คุโตฺต จีรํ ชีว, ธมฺมญฺจ เม เทเสหิ ธมฺมปาลก, ธมฺมโคปก, ราชวราติฯ

    So taṃ sutvā puna kiñci vattuṃ asakkonto rañño thutivasena ‘‘tuvaṃ nū’’ti gāthamāha. Tassattho – mahārāja, tvaññeva sakalajambudīpe sabbesaṃ narindānaṃ seṭṭho, tvaṃ anuttaro, tvaṃ vinicchayadhammapaveṇidhammasucaritadhammānaṃ gopāyanena dhammagutto, tesaṃ viditattā dhammavidū tvaṃ sumedho, so tvaṃ yaṃ dhammaṃ gopesi, teneva gutto cīraṃ jīva, dhammañca me desehi dhammapālaka, dhammagopaka, rājavarāti.

    อถ ราชา ธมฺมํ เทเสโนฺต ‘‘ตทิงฺฆา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิงฺฆาติ โจทนเตฺถ นิปาโต, ยสฺมา มํ ตฺวํ โจเทสิ, ตสฺมาติ อโตฺถฯ สตนฺติ พุทฺธาทีหิ สปฺปุริเสหิ อาเสวิตํฯ สาธูติ สุนฺทโร ปสโตฺถฯ วินิจฺฉยปเวณิสุจริตธเมฺม โรเจตีติ ธมฺมรุจิฯ ตาทิโส หิ ชีวิตํ ชหโนฺตปิ อกิจฺจํ น กโรติ, ตสฺมา สาธุฯ ปญฺญาณวาติ ญาณสมฺปโนฺนฯ มิตฺตานมทฺทุโพฺภติ มิตฺตสฺส อทุสฺสนภาโวฯ ฐิตธมฺมสฺสาติ ปติฎฺฐิตติวิธธมฺมสฺสฯ อาเสถาติ อาเสยฺยุํ นิสีเทยฺยุํฯ เทสนาสีสเมว เจตํ, จตฺตาโรปิ อิริยาปเถ สุขํ กเปฺปยฺยุนฺติ อยํ ปเนตฺถ อโตฺถฯ สีตจฺฉายายาติ ปุตฺตทารญาติมิตฺตานํ สีตลาย ฉายายฯ สงฺฆเรติ สกฆเร, อตฺตโน เคเหติ อโตฺถฯ อธมฺมพลิทณฺฑาทีหิ อนุปทฺทุตา สุขํ วเสยฺยุนฺติ ทเสฺสติฯ น จาหเมตนฺติ, สมฺม อภิปารก, ยเมตํ อสเมกฺขิตฺวา กตํ อสาธุกมฺมํ, เอตํ อหํ น โรจยามิฯ เย วาปิ ญตฺวานาติ เย วา ปน ราชาโน ญตฺวา ตุเลตฺวา ตีเรตฺวา สยํ กโรนฺติ, เตสาหํ กมฺมํ โรเจมีติ อธิปฺปาโยฯ อุปมา อิมาติ อิมสฺมิํ ปนเตฺถ ตฺวํ มยฺหํ อิมา เทฺว อุปมา สุโณหิฯ

    Atha rājā dhammaṃ desento ‘‘tadiṅghā’’tiādimāha. Tattha iṅghāti codanatthe nipāto, yasmā maṃ tvaṃ codesi, tasmāti attho. Satanti buddhādīhi sappurisehi āsevitaṃ. Sādhūti sundaro pasattho. Vinicchayapaveṇisucaritadhamme rocetīti dhammaruci. Tādiso hi jīvitaṃ jahantopi akiccaṃ na karoti, tasmā sādhu. Paññāṇavāti ñāṇasampanno. Mittānamaddubbhoti mittassa adussanabhāvo. Ṭhitadhammassāti patiṭṭhitatividhadhammassa. Āsethāti āseyyuṃ nisīdeyyuṃ. Desanāsīsameva cetaṃ, cattāropi iriyāpathe sukhaṃ kappeyyunti ayaṃ panettha attho. Sītacchāyāyāti puttadārañātimittānaṃ sītalāya chāyāya. Saṅghareti sakaghare, attano geheti attho. Adhammabalidaṇḍādīhi anupaddutā sukhaṃ vaseyyunti dasseti. Na cāhametanti, samma abhipāraka, yametaṃ asamekkhitvā kataṃ asādhukammaṃ, etaṃ ahaṃ na rocayāmi. Ye vāpi ñatvānāti ye vā pana rājāno ñatvā tuletvā tīretvā sayaṃ karonti, tesāhaṃ kammaṃ rocemīti adhippāyo. Upamā imāti imasmiṃ panatthe tvaṃ mayhaṃ imā dve upamā suṇohi.

    ชิมฺหนฺติ วงฺกํฯ เนเตฺตติ โย คาวิโย เนติ, ตสฺมิํ เชฎฺฐกอุสเภฯ ปเควาติ ตสฺมิํ อธมฺมํ จรเนฺต อิตรา ปชา ปเคว จรติ, อติวิย กโรตีติ อโตฺถฯ ธมฺมิโกติ จตฺตาริ อคติคมนานิ ปหาย ธเมฺมน รชฺชํ กาเรโนฺตฯ อมรตฺตนฺติ เทวตฺตํฯ รตนนฺติ สวิญฺญาณกาวิญฺญาณกรตนํฯ วตฺถิยนฺติ กาสิกวตฺถเมวฯ อสฺสิตฺถิโยติ วาตสมคติอเสฺสปิ อุตฺตมรูปธรา อิตฺถิโยปิฯ รตนํ มณิกญฺจาติ สตฺตวิธรตนญฺจ มหคฺฆภณฺฑกญฺจฯ อภิปาลยนฺตีติ อาโลกํ กโรนฺตา รกฺขนฺติฯ น ตสฺสาติ ตสฺส จกฺกวตฺติรชฺชสฺสปิ เหตุ น วิสมํ จเรยฺยํฯ อุสโภมฺหีติ ยสฺมา อหํ สิวีนํ มเชฺฌ เชฎฺฐกราชา หุตฺวา ชาโต, ตสฺมา จกฺกวตฺติรชฺชการณมฺปิ น วิสมํ จรามีติ อโตฺถฯ เนตาติ มหาชนํ กุสเล ปติฎฺฐาเปตฺวา เทวนครํ เนตา, หิตกรเณน ตสฺส หิตา, ‘‘สิวิราชา กิร ธมฺมจารี’’ติ สกลชมฺพุทีเป ญาตตฺตา อุคฺคโต, สเมน รฎฺฐปาลนโต รฎฺฐปาโลฯ อปจายมาโนติ สิวีนํ โปราณกราชูนํ ปเวณิธมฺมํ อปจายมาโนฯ โสติ โส อหํ ตเมว ธมฺมํ อนุวิจินฺตยโนฺต ตสฺมา เตน การเณน อตฺตโน จิตฺตสฺส วเส น วตฺตามิฯ

    Jimhanti vaṅkaṃ. Netteti yo gāviyo neti, tasmiṃ jeṭṭhakausabhe. Pagevāti tasmiṃ adhammaṃ carante itarā pajā pageva carati, ativiya karotīti attho. Dhammikoti cattāri agatigamanāni pahāya dhammena rajjaṃ kārento. Amarattanti devattaṃ. Ratananti saviññāṇakāviññāṇakaratanaṃ. Vatthiyanti kāsikavatthameva. Assitthiyoti vātasamagatiassepi uttamarūpadharā itthiyopi. Ratanaṃ maṇikañcāti sattavidharatanañca mahagghabhaṇḍakañca. Abhipālayantīti ālokaṃ karontā rakkhanti. Na tassāti tassa cakkavattirajjassapi hetu na visamaṃ careyyaṃ. Usabhomhīti yasmā ahaṃ sivīnaṃ majjhe jeṭṭhakarājā hutvā jāto, tasmā cakkavattirajjakāraṇampi na visamaṃ carāmīti attho. Netāti mahājanaṃ kusale patiṭṭhāpetvā devanagaraṃ netā, hitakaraṇena tassa hitā, ‘‘sivirājā kira dhammacārī’’ti sakalajambudīpe ñātattā uggato, samena raṭṭhapālanato raṭṭhapālo. Apacāyamānoti sivīnaṃ porāṇakarājūnaṃ paveṇidhammaṃ apacāyamāno. Soti so ahaṃ tameva dhammaṃ anuvicintayanto tasmā tena kāraṇena attano cittassa vase na vattāmi.

    เอวํ มหาสตฺตสฺส ธมฺมกถํ สุตฺวา อภิปารโก ถุติํ กโรโนฺต ‘‘อทฺธา’’ติอาทิมาหฯ นปฺปมชฺชสีติ อตฺตนา กถิตธมฺมํ นปฺปมชฺชสิ ตเตฺถว วเตฺตสิฯ ธมฺมํ ปมชฺชาติ ธมฺมํ ปมุสฺสิตฺวา อคติวเสน คนฺตฺวาฯ เอวํ โส ตสฺส ถุติํ กตฺวา ‘‘ธมฺมํ จรา’’ติ ธมฺมจริยาย นิโยฺยเชโนฺต อุตฺตริปิ ทส โอวาทคาถา อภาสิฯ ตาสมโตฺถ เหฎฺฐา เตสกุณชาตเก (ชา. ๒.๑๗.๑ อาทโย) วณฺณิโตวฯ

    Evaṃ mahāsattassa dhammakathaṃ sutvā abhipārako thutiṃ karonto ‘‘addhā’’tiādimāha. Nappamajjasīti attanā kathitadhammaṃ nappamajjasi tattheva vattesi. Dhammaṃ pamajjāti dhammaṃ pamussitvā agativasena gantvā. Evaṃ so tassa thutiṃ katvā ‘‘dhammaṃ carā’’ti dhammacariyāya niyyojento uttaripi dasa ovādagāthā abhāsi. Tāsamattho heṭṭhā tesakuṇajātake (jā. 2.17.1 ādayo) vaṇṇitova.

    เอวํ อภิปารกเสนาปตินา รโญฺญ ธเมฺม เทสิเต ราชา อุมฺมาทนฺติยา ปฎิพทฺธจิตฺตํ วิโนเทสิฯ

    Evaṃ abhipārakasenāpatinā rañño dhamme desite rājā ummādantiyā paṭibaddhacittaṃ vinodesi.

    สตฺถา อิมํ ธมฺมเทสนํ อาหริตฺวา สจฺจานิ ปกาเสตฺวา ชาตกํ สโมธาเนสิ, สจฺจปริโยสาเน โส ภิกฺขุ โสตาปตฺติผเล ปติฎฺฐาสิฯ ตทา สุนนฺทสารถิ อานโนฺท อโหสิ, อภิปารโก สาริปุโตฺต, อุมฺมาทนฺตี อุปฺปลวณฺณา, เสสปริสา พุทฺธปริสา, สิวิราชา อหเมว อโหสินฺติฯ

    Satthā imaṃ dhammadesanaṃ āharitvā saccāni pakāsetvā jātakaṃ samodhānesi, saccapariyosāne so bhikkhu sotāpattiphale patiṭṭhāsi. Tadā sunandasārathi ānando ahosi, abhipārako sāriputto, ummādantī uppalavaṇṇā, sesaparisā buddhaparisā, sivirājā ahameva ahosinti.

    อุมฺมาทนฺตีชาตกวณฺณนา ทุติยาฯ

    Ummādantījātakavaṇṇanā dutiyā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ชาตกปาฬิ • Jātakapāḷi / ๕๒๗. อุมฺมาทนฺตีชาตกํ • 527. Ummādantījātakaṃ


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact