Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / เถรีคาถา-อฎฺฐกถา • Therīgāthā-aṭṭhakathā

    ๓. อุปจาลาเถรีคาถาวณฺณนา

    3. Upacālātherīgāthāvaṇṇanā

    สติมตีติอาทิกา อุปจาลาย เถริยา คาถาฯ ตสฺสา วตฺถุ จาลาย เถริยา วตฺถุมฺหิ วุตฺตเมวฯ อยมฺปิ หิ จาลา วิย ปพฺพชิตฺวา วิปสฺสนํ ปฎฺฐเปตฺวา อรหตฺตํ ปตฺวา อุทาเนนฺตี –

    Satimatītiādikā upacālāya theriyā gāthā. Tassā vatthu cālāya theriyā vatthumhi vuttameva. Ayampi hi cālā viya pabbajitvā vipassanaṃ paṭṭhapetvā arahattaṃ patvā udānentī –

    ๑๘๙.

    189.

    ‘‘สติมตี จกฺขุมตี, ภิกฺขุนี ภาวิตินฺทฺริยา;

    ‘‘Satimatī cakkhumatī, bhikkhunī bhāvitindriyā;

    ปฎิวิชฺฌิ ปทํ สนฺตํ, อกาปุริสเสวิต’’นฺติฯ –

    Paṭivijjhi padaṃ santaṃ, akāpurisasevita’’nti. –

    อิมํ คาถํ อภาสิฯ

    Imaṃ gāthaṃ abhāsi.

    ตตฺถ สติมตีติ สติสมฺปนฺนา, ปุพฺพภาเค ปรเมน สติเนปเกฺกน สมนฺนาคตา หุตฺวา ปจฺฉา อริยมคฺคสฺส ภาวิตตฺตา สติเวปุลฺลปฺปตฺติยา อุตฺตมาย สติยา สมนฺนาคตาติ อโตฺถฯ จกฺขุมตีติ ปญฺญาจกฺขุนา สมนฺนาคตา, อาทิโต อุทยตฺถคามินิยา ปญฺญาย อริยาย นิเพฺพธิกาย สมนฺนาคตา หุตฺวา ปญฺญาเวปุลฺลปฺปตฺติยา ปรเมน ปญฺญาจกฺขุนา สมนฺนาคตาติ วุตฺตํ โหติฯ อกาปุริสเสวิตนฺติ อลามกปุริเสหิ อุตฺตมปุริเสหิ อริเยหิ พุทฺธาทีหิ เสวิตํฯ

    Tattha satimatīti satisampannā, pubbabhāge paramena satinepakkena samannāgatā hutvā pacchā ariyamaggassa bhāvitattā sativepullappattiyā uttamāya satiyā samannāgatāti attho. Cakkhumatīti paññācakkhunā samannāgatā, ādito udayatthagāminiyā paññāya ariyāya nibbedhikāya samannāgatā hutvā paññāvepullappattiyā paramena paññācakkhunā samannāgatāti vuttaṃ hoti. Akāpurisasevitanti alāmakapurisehi uttamapurisehi ariyehi buddhādīhi sevitaṃ.

    ‘‘กินฺนุ ชาติํ น โรเจสี’’ติ คาถา เถริํ กาเมสุ อุปหาเรตุกาเมน มาเรน วุตฺตาฯ ‘‘กิํ นุ ตฺวํ ภิกฺขุนิ น โรเจสี’’ติ (สํ. นิ. ๑.๑๖๗) หิ มาเรน ปุฎฺฐา เถรี อาห – ‘‘ชาติํ ขฺวาหํ, อาวุโส, น โรเจมี’’ติฯ อถ นํ มาโร ชาตสฺส กามา ปริโภคา, ตสฺมา ชาติปิ อิจฺฉิตพฺพา, กามาปิ ปริภุญฺชิตพฺพาติ ทเสฺสโนฺต –

    ‘‘Kinnu jātiṃ na rocesī’’ti gāthā theriṃ kāmesu upahāretukāmena mārena vuttā. ‘‘Kiṃ nu tvaṃ bhikkhuni na rocesī’’ti (saṃ. ni. 1.167) hi mārena puṭṭhā therī āha – ‘‘jātiṃ khvāhaṃ, āvuso, na rocemī’’ti. Atha naṃ māro jātassa kāmā paribhogā, tasmā jātipi icchitabbā, kāmāpi paribhuñjitabbāti dassento –

    ๑๙๐.

    190.

    ‘‘กินฺนุ ชาติํ น โรเจสิ, ชาโต กามานิ ภุญฺชติ;

    ‘‘Kinnu jātiṃ na rocesi, jāto kāmāni bhuñjati;

    ภุญฺชาหิ กามรติโย, มาหุ ปจฺฉานุตาปินี’’ติฯ –

    Bhuñjāhi kāmaratiyo, māhu pacchānutāpinī’’ti. –

    คาถมาหฯ

    Gāthamāha.

    ตสฺสโตฺถ – กิํ นุ ตํ การณํ, เยน ตฺวํ อุปจาเล ชาติํ น โรเจสิ น โรเจยฺยาสิ, น ตํ การณํ อตฺถิฯ ยสฺมา ชาโต กามานิ ภุญฺชติ อิธ ชาโต กามคุณสํหิตานิ รูปาทีนิ ปฎิเสวโนฺต กามสุขํ ปริภุญฺชติฯ น หิ อชาตสฺส ตํ อตฺถิ, ตสฺมา ภุญฺชาหิ กามรติโย กามขิฑฺฑารติโย อนุภวฯ มาหุ ปจฺฉานุตาปินี ‘‘โยพฺพเญฺญ สติ วิชฺชมาเนสุ โภเคสุ น มยา กามสุขมนุภูต’’นฺติ ปจฺฉานุตาปินี มา อโหสิฯ อิมสฺมิํ โลเก ธมฺมา นาม ยาวเทว อตฺถาธิคมโตฺถ อโตฺถ จ กามสุขโตฺถติ ปากโฎยมโตฺถติ อธิปฺปาโยฯ

    Tassattho – kiṃ nu taṃ kāraṇaṃ, yena tvaṃ upacāle jātiṃ na rocesi na roceyyāsi, na taṃ kāraṇaṃ atthi. Yasmā jāto kāmāni bhuñjati idha jāto kāmaguṇasaṃhitāni rūpādīni paṭisevanto kāmasukhaṃ paribhuñjati. Na hi ajātassa taṃ atthi, tasmā bhuñjāhi kāmaratiyo kāmakhiḍḍāratiyo anubhava. Māhu pacchānutāpinī ‘‘yobbaññe sati vijjamānesu bhogesu na mayā kāmasukhamanubhūta’’nti pacchānutāpinī mā ahosi. Imasmiṃ loke dhammā nāma yāvadeva atthādhigamattho attho ca kāmasukhatthoti pākaṭoyamatthoti adhippāyo.

    ตํ สุตฺวา เถรี ชาติยา ทุกฺขนิมิตฺตตํ อตฺตโน จ ตสฺส วิสยาติกฺกมํ วิภาเวตฺวา ตเชฺชนฺตี –

    Taṃ sutvā therī jātiyā dukkhanimittataṃ attano ca tassa visayātikkamaṃ vibhāvetvā tajjentī –

    ๑๙๑.

    191.

    ‘‘ชาตสฺส มรณํ โหติ, หตฺถปาทาน เฉทนํ;

    ‘‘Jātassa maraṇaṃ hoti, hatthapādāna chedanaṃ;

    วธพนฺธปริเกฺลสํ, ชาโต ทุกฺขํ นิคจฺฉติฯ

    Vadhabandhapariklesaṃ, jāto dukkhaṃ nigacchati.

    ๑๙๒.

    192.

    ‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต, สมฺพุโทฺธ อปราชิโต;

    ‘‘Atthi sakyakule jāto, sambuddho aparājito;

    โส เม ธมฺมมเทเสสิ, ชาติยา สมติกฺกมํฯ

    So me dhammamadesesi, jātiyā samatikkamaṃ.

    ๑๙๓.

    193.

    ‘‘ทุกฺขํ ทุกฺขสมุปฺปาทํ, ทุกฺขสฺส จ อติกฺกมํ;

    ‘‘Dukkhaṃ dukkhasamuppādaṃ, dukkhassa ca atikkamaṃ;

    อริยํ จฎฺฐงฺคิกํ มคฺคํ, ทุกฺขูปสมคามินํฯ

    Ariyaṃ caṭṭhaṅgikaṃ maggaṃ, dukkhūpasamagāminaṃ.

    ๑๙๔.

    194.

    ‘‘ตสฺสาหํ วจนํ สุตฺวา, วิหริํ สาสเน รตา;

    ‘‘Tassāhaṃ vacanaṃ sutvā, vihariṃ sāsane ratā;

    ติโสฺส วิชฺชา อนุปฺปตฺตา, กตํ พุทฺธสฺส สาสนํฯ

    Tisso vijjā anuppattā, kataṃ buddhassa sāsanaṃ.

    ๑๙๕.

    195.

    ‘‘สพฺพตฺถ วิหตา นนฺที, ตโมกฺขโนฺธ ปทาลิโต;

    ‘‘Sabbattha vihatā nandī, tamokkhandho padālito;

    เอวํ ชานาหิ ปาปิม, นิหโต ตฺวมสิ อนฺตกา’’ติฯ –

    Evaṃ jānāhi pāpima, nihato tvamasi antakā’’ti. –

    อิมา คาถา อภาสิฯ

    Imā gāthā abhāsi.

    ตตฺถ ชาตสฺส มรณํ โหตีติ ยสฺมา ชาตสฺส สตฺตสฺส มรณํ โหติ, น อชาตสฺสฯ น เกวลํ มรณเมว, อถ โข ชราโรคาทโย ยตฺตกานตฺถา, สเพฺพปิ เต ชาตสฺส โหนฺติ ชาติเหตุกาฯ เตนาห ภควา – ‘‘ชาติปจฺจยา ชรามรณํ โสกปริเทวทุกฺขโทมนสฺสุปายาสา สมฺภวนฺตี’’ติ (มหาว. ๑; วิภ. ๒๒๕; อุทา. ๑)ฯ เตเนวาห – ‘‘หตฺถปาทาน เฉทน’’นฺติ หตฺถปาทานํ เฉทนํ ชาตเสฺสว โหติ, น อชาตสฺสฯ หตฺถปาทเฉทนาปเทเสน เจตฺถ พาตฺติํส กมฺมการณาปิ ทสฺสิตา เอวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ เตเนวาห – ‘‘วธพนฺธปริเกฺลสํ, ชาโต ทุกฺขํ นิคจฺฉตี’’ติฯ ชีวิตวิโยชนมุฎฺฐิปฺปหาราทิสงฺขาตํ วธปริเกฺลสเญฺจว อนฺทุพนฺธนาทิสงฺขาตํ พนฺธปริเกฺลสํ อญฺญญฺจ ยํกิญฺจิ ทุกฺขํ นาม ตํ สพฺพํ ชาโต เอว นิคจฺฉติ, น อชาโต, ตสฺมา ชาติํ น โรเจมีติฯ

    Tattha jātassa maraṇaṃ hotīti yasmā jātassa sattassa maraṇaṃ hoti, na ajātassa. Na kevalaṃ maraṇameva, atha kho jarārogādayo yattakānatthā, sabbepi te jātassa honti jātihetukā. Tenāha bhagavā – ‘‘jātipaccayā jarāmaraṇaṃ sokaparidevadukkhadomanassupāyāsā sambhavantī’’ti (mahāva. 1; vibha. 225; udā. 1). Tenevāha – ‘‘hatthapādāna chedana’’nti hatthapādānaṃ chedanaṃ jātasseva hoti, na ajātassa. Hatthapādachedanāpadesena cettha bāttiṃsa kammakāraṇāpi dassitā evāti daṭṭhabbaṃ. Tenevāha – ‘‘vadhabandhapariklesaṃ, jāto dukkhaṃ nigacchatī’’ti. Jīvitaviyojanamuṭṭhippahārādisaṅkhātaṃ vadhapariklesañceva andubandhanādisaṅkhātaṃ bandhapariklesaṃ aññañca yaṃkiñci dukkhaṃ nāma taṃ sabbaṃ jāto eva nigacchati, na ajāto, tasmā jātiṃ na rocemīti.

    อิทานิ ชาติยา กามานญฺจ อจฺจนฺตเมว อตฺตนา สมติกฺกนฺตภาวํ มูลโต ปฎฺฐาย ทเสฺสนฺตี – ‘‘อตฺถิ สกฺยกุเล ชาโต’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ อปราชิโตติ กิเลสมาราทินา เกนจิ น ปราชิโตฯ สตฺถา หิ สพฺพาภิภู สเทวกํ โลกํ อญฺญทตฺถุ อภิภวิตฺวา ฐิโต , ตสฺมา อปราชิโตฯ เสสํ วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานเมวฯ

    Idāni jātiyā kāmānañca accantameva attanā samatikkantabhāvaṃ mūlato paṭṭhāya dassentī – ‘‘atthi sakyakule jāto’’tiādimāha. Tattha aparājitoti kilesamārādinā kenaci na parājito. Satthā hi sabbābhibhū sadevakaṃ lokaṃ aññadatthu abhibhavitvā ṭhito , tasmā aparājito. Sesaṃ vuttanayattā uttānameva.

    อุปจาลาเถรีคาถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upacālātherīgāthāvaṇṇanā niṭṭhitā.

    สตฺตกนิปาตวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Sattakanipātavaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / เถรีคาถาปาฬิ • Therīgāthāpāḷi / ๓. อุปจาลาเถรีคาถา • 3. Upacālātherīgāthā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact