Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā |
ทุกนิเทฺทสวณฺณนา
Dukaniddesavaṇṇanā
อุปาทาภาชนียกถา
Upādābhājanīyakathā
๕๙๕. อิทานิ ทุวิธสงฺคหาทีสุ ‘อตฺถิ รูปํ อุปาทา, อตฺถิ รูปํ โนอุปาทา’ติ เอวํ เภทสพฺภาวโต ปุจฺฉาปุพฺพงฺคมํ ปทภาชนํ ทเสฺสโนฺต กตมํ ตํ รูปํ อุปาทาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อุปาทิยตีติ ‘อุปาทา’; มหาภูตานิ คเหตฺวา, อมุญฺจิตฺวา, ตานิ นิสฺสาย ปวตฺตตีติ อโตฺถฯ อิทานิ ตํ ปเภทโต ทเสฺสโนฺต จกฺขายตนนฺติอาทิมาหฯ
595. Idāni duvidhasaṅgahādīsu ‘atthi rūpaṃ upādā, atthi rūpaṃ noupādā’ti evaṃ bhedasabbhāvato pucchāpubbaṅgamaṃ padabhājanaṃ dassento katamaṃ taṃ rūpaṃ upādātiādimāha. Tattha upādiyatīti ‘upādā’; mahābhūtāni gahetvā, amuñcitvā, tāni nissāya pavattatīti attho. Idāni taṃ pabhedato dassento cakkhāyatanantiādimāha.
๕๙๖. เอวํ เตวีสติวิธํ อุปาทารูปํ สเงฺขปโต อุทฺทิสิตฺวา ปุน ตเทว วิตฺถารโต นิทฺทิสโนฺต กตมํ ตํ รูปํ จกฺขายตนนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ ทุวิธํ จกฺขุ – มํสจกฺขุ ปญฺญาจกฺขุ จฯ เอเตสุ ‘พุทฺธจกฺขุ สมนฺตจกฺขุ ญาณจกฺขุ ทิพฺพจกฺขุ ธมฺมจกฺขู’ติ ปญฺจวิธํ ปญฺญาจกฺขุฯ ตตฺถ ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, พุทฺธจกฺขุนา โลกํ โวโลเกโนฺต สเตฺต อปฺปรชเกฺข…เป.… ทุวิญฺญาปเย’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๓) อิทํ พุทฺธจกฺขุ นามฯ ‘‘สมนฺตจกฺขุ วุจฺจติ สพฺพญฺญุตญฺญาณ’’นฺติ อิทํ สมนฺตจกฺขุ นามฯ ‘‘จกฺขุํ อุทปาทิ ญาณํ อุทปาที’’ติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) อิทํ ญาณจกฺขุ นามฯ ‘‘อทฺทสํ โข อหํ, ภิกฺขเว, ทิเพฺพน จกฺขุนา วิสุเทฺธนา’’ติ (ม. นิ. ๑.๒๘๔) อิทํ ทิพฺพจกฺขุ นามฯ ‘‘ตสฺมิํ เยวาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาที’’ติ (ม. นิ. ๒.๓๙๕) อิทํ เหฎฺฐิมมคฺคตฺตยสงฺขาตํ ญาณํ ธมฺมจกฺขุ นามฯ
596. Evaṃ tevīsatividhaṃ upādārūpaṃ saṅkhepato uddisitvā puna tadeva vitthārato niddisanto katamaṃ taṃ rūpaṃ cakkhāyatanantiādimāha. Tattha duvidhaṃ cakkhu – maṃsacakkhu paññācakkhu ca. Etesu ‘buddhacakkhu samantacakkhu ñāṇacakkhu dibbacakkhu dhammacakkhū’ti pañcavidhaṃ paññācakkhu. Tattha ‘‘addasaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, buddhacakkhunā lokaṃ volokento satte apparajakkhe…pe… duviññāpaye’’ti (ma. ni. 1.283) idaṃ buddhacakkhu nāma. ‘‘Samantacakkhu vuccati sabbaññutaññāṇa’’nti idaṃ samantacakkhu nāma. ‘‘Cakkhuṃ udapādi ñāṇaṃ udapādī’’ti (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 15) idaṃ ñāṇacakkhu nāma. ‘‘Addasaṃ kho ahaṃ, bhikkhave, dibbena cakkhunā visuddhenā’’ti (ma. ni. 1.284) idaṃ dibbacakkhu nāma. ‘‘Tasmiṃ yevāsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādī’’ti (ma. ni. 2.395) idaṃ heṭṭhimamaggattayasaṅkhātaṃ ñāṇaṃ dhammacakkhu nāma.
มํสจกฺขุปิ ปสาทจกฺขุ สสมฺภารจกฺขูติ ทุวิธํ โหติฯ ตตฺถ โยยํ อกฺขิกูปเก ปติฎฺฐิโต เหฎฺฐา อกฺขิกูปกฎฺฐิเกน, อุปริ ภมุกฎฺฐิเกน, อุภโต อกฺขิกูเฎหิ, อโนฺต มตฺถลุเงฺคน, พหิทฺธา อกฺขิโลเมหิ ปริจฺฉิโนฺน มํสปิโณฺฑฯ สเงฺขปโต ‘จตโสฺส ธาตุโย, วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชา, สมฺภโว สณฺฐานํ, ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโท’ติ จุทฺทสสมฺภาโรฯ วิตฺถารโต ‘จตโสฺส ธาตุโย, ตํสนฺนิสฺสิตวณฺณคนฺธรสโอชาสณฺฐานสมฺภวา จา’ติ อิมานิ ทส จตุสมุฎฺฐานิกตฺตา จตฺตาลีสํ โหนฺติฯ ชีวิตํ ภาโว กายปสาโท จกฺขุปสาโทติ จตฺตาริ เอกนฺตกมฺมสมุฎฺฐานาเนวาติ อิเมสํ จตุจตฺตาลีสาย รูปานํ วเสน จตุจตฺตาลีสสมฺภาโรฯ ยํ โลโก เสตํ จกฺขุํ ปุถุลํ วิสฎํ วิตฺถิณฺณํ ‘จกฺขุ’นฺติ สญฺชานโนฺต น จกฺขุํ สญฺชานาติ, วตฺถุํ จกฺขุโต สญฺชานาติ, โส มํสปิโณฺฑ อกฺขิกูเป ปติฎฺฐิโต, นฺหารุสุตฺตเกน มตฺถลุเงฺค อาพโทฺธ, ยตฺถ เสตมฺปิ อตฺถิ, กณฺหมฺปิ โลหิตกมฺปิ, ปถวีปิ อาโปปิ เตโชปิ วาโยปิ, ยํ เสมฺหูสฺสทตฺตา เสตํ, ปิตฺตุสฺสทตฺตา กณฺหํ, รุหิรุสฺสทตฺตา โลหิตกํ, ปถวุสฺสทตฺตา ปตฺถิณฺณํ โหติ, อาปุสฺสทตฺตา ปคฺฆรติ, เตชุสฺสทตฺตา ปริทยฺหติ, วายุสฺสทตฺตา สมฺภมติ, อิทํ สสมฺภารจกฺขุ นามฯ
Maṃsacakkhupi pasādacakkhu sasambhāracakkhūti duvidhaṃ hoti. Tattha yoyaṃ akkhikūpake patiṭṭhito heṭṭhā akkhikūpakaṭṭhikena, upari bhamukaṭṭhikena, ubhato akkhikūṭehi, anto matthaluṅgena, bahiddhā akkhilomehi paricchinno maṃsapiṇḍo. Saṅkhepato ‘catasso dhātuyo, vaṇṇo gandho raso ojā, sambhavo saṇṭhānaṃ, jīvitaṃ bhāvo kāyapasādo cakkhupasādo’ti cuddasasambhāro. Vitthārato ‘catasso dhātuyo, taṃsannissitavaṇṇagandharasaojāsaṇṭhānasambhavā cā’ti imāni dasa catusamuṭṭhānikattā cattālīsaṃ honti. Jīvitaṃ bhāvo kāyapasādo cakkhupasādoti cattāri ekantakammasamuṭṭhānānevāti imesaṃ catucattālīsāya rūpānaṃ vasena catucattālīsasambhāro. Yaṃ loko setaṃ cakkhuṃ puthulaṃ visaṭaṃ vitthiṇṇaṃ ‘cakkhu’nti sañjānanto na cakkhuṃ sañjānāti, vatthuṃ cakkhuto sañjānāti, so maṃsapiṇḍo akkhikūpe patiṭṭhito, nhārusuttakena matthaluṅge ābaddho, yattha setampi atthi, kaṇhampi lohitakampi, pathavīpi āpopi tejopi vāyopi, yaṃ semhūssadattā setaṃ, pittussadattā kaṇhaṃ, ruhirussadattā lohitakaṃ, pathavussadattā patthiṇṇaṃ hoti, āpussadattā paggharati, tejussadattā paridayhati, vāyussadattā sambhamati, idaṃ sasambhāracakkhu nāma.
โย ปเนตฺถ สิโต เอตฺถ ปฎิพโทฺธ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท, อิทํ ปสาทจกฺขุ นามฯ ตเทตํ ตสฺส สสมฺภารจกฺขุโน เสตมณฺฑลปริกฺขิตฺตสฺส กณฺหมณฺฑลสฺส มเชฺฌ, อภิมุเข ฐิตานํ สรีรสณฺฐานุปฺปตฺติเทสภูเต ทิฎฺฐิมณฺฑเล, สตฺตสุ ปิจุปฎเลสุ อาสิตฺตเตลํ ปิจุปฎลานิ วิย, สตฺตกฺขิปฎลานิ พฺยาเปตฺวา, ธารณนฺหาปนมณฺฑนพีชนกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตีหิ ขตฺติยกุมาโร วิย, สนฺธารณอาพนฺธนปริปาจนสมุทีรณกิจฺจาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ, อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ, อายุนา อนุปาลิยมานํ, วณฺณคนฺธรสาทีหิ ปริวุตํ, ปมาณโต อูกาสิรมตฺตํ, จกฺขุวิญฺญาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฎฺฐติฯ วุตฺตมฺปิ เจตํ ธมฺมเสนาปตินา –
Yo panettha sito ettha paṭibaddho catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo, idaṃ pasādacakkhu nāma. Tadetaṃ tassa sasambhāracakkhuno setamaṇḍalaparikkhittassa kaṇhamaṇḍalassa majjhe, abhimukhe ṭhitānaṃ sarīrasaṇṭhānuppattidesabhūte diṭṭhimaṇḍale, sattasu picupaṭalesu āsittatelaṃ picupaṭalāni viya, sattakkhipaṭalāni byāpetvā, dhāraṇanhāpanamaṇḍanabījanakiccāhi catūhi dhātīhi khattiyakumāro viya, sandhāraṇaābandhanaparipācanasamudīraṇakiccāhi catūhi dhātūhi katūpakāraṃ, utucittāhārehi upatthambhiyamānaṃ, āyunā anupāliyamānaṃ, vaṇṇagandharasādīhi parivutaṃ, pamāṇato ūkāsiramattaṃ, cakkhuviññāṇādīnaṃ yathārahaṃ vatthudvārabhāvaṃ sādhayamānaṃ tiṭṭhati. Vuttampi cetaṃ dhammasenāpatinā –
‘‘เยน จกฺขุปฺปสาเทน, รูปานิ มนุปสฺสติ;
‘‘Yena cakkhuppasādena, rūpāni manupassati;
ปริตฺตํ สุขุมํ เอตํ, อูกาสิรสมูปม’’นฺติฯ
Parittaṃ sukhumaṃ etaṃ, ūkāsirasamūpama’’nti.
จกฺขุ จ ตํ อายตนญฺจาติ จกฺขายตนํฯ ยํ จกฺขุ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโทติ อิธาปิ อุปโยคเตฺถเยว สามิวจนํ; จตฺตาริ มหาภูตานิ อุปาทิยิตฺวา ปวตฺตปฺปสาโทติ อโตฺถฯ อิมินา ปสาทจกฺขุเมว คณฺหาติ, เสสจกฺขุํ ปฎิกฺขิปติฯ ยํ ปน อินฺทฺริยโคจรสุเตฺต ‘‘เอกํ มหาภูตํ อุปาทาย ปสาโท ปถวีธาตุยา ตีหิ มหาภูเตหิ สงฺคหิโต อาโปธาตุยา จ เตโชธาตุยา จ วาโยธาตุยา จ,’’ จตุปริวตฺตสุเตฺต ‘‘ทฺวินฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท ปถวีธาตุยา จ อาโปธาตุยา จ ทฺวีหิ มหาภูเตหิ สงฺคหิโต เตโชธาตุยา จ วาโยธาตุยา จา’’ติ วุตฺตํ, ตํ ปริยาเยน วุตฺตํฯ อยญฺหิ สุตฺตนฺติกกถา นาม ปริยายเทสนา ฯ โย จ จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท โส เตสุ เอเกกสฺสาปิ ทินฺนํ ทฺวินฺนมฺปิ ปสาโทเยวาติ อิมินา ปริยาเยน ตตฺถ เทสนา อาคตาฯ อภิธโมฺม ปน นิปฺปริยายเทสนา นามฯ ตสฺมา อิธ ‘จตุนฺนํ มหาภูตานํ อุปาทาย ปสาโท’ติ วุตฺตํฯ
Cakkhu ca taṃ āyatanañcāti cakkhāyatanaṃ. Yaṃ cakkhu catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādoti idhāpi upayogattheyeva sāmivacanaṃ; cattāri mahābhūtāni upādiyitvā pavattappasādoti attho. Iminā pasādacakkhumeva gaṇhāti, sesacakkhuṃ paṭikkhipati. Yaṃ pana indriyagocarasutte ‘‘ekaṃ mahābhūtaṃ upādāya pasādo pathavīdhātuyā tīhi mahābhūtehi saṅgahito āpodhātuyā ca tejodhātuyā ca vāyodhātuyā ca,’’ catuparivattasutte ‘‘dvinnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo pathavīdhātuyā ca āpodhātuyā ca dvīhi mahābhūtehi saṅgahito tejodhātuyā ca vāyodhātuyā cā’’ti vuttaṃ, taṃ pariyāyena vuttaṃ. Ayañhi suttantikakathā nāma pariyāyadesanā . Yo ca catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo so tesu ekekassāpi dinnaṃ dvinnampi pasādoyevāti iminā pariyāyena tattha desanā āgatā. Abhidhammo pana nippariyāyadesanā nāma. Tasmā idha ‘catunnaṃ mahābhūtānaṃ upādāya pasādo’ti vuttaṃ.
‘อยํ เม อตฺตา’ติ พาลชเนน ปริคฺคหิตตฺตา อตฺตภาโว วุจฺจติ สรีรมฺปิ ขนฺธปญฺจกมฺปิฯ ตสฺมิํ ปริยาปโนฺน ตนฺนิสฺสิโตติ อตฺตภาวปริยาปโนฺน จกฺขุวิญฺญาเณน ปสฺสิตุํ น สกฺกาติ อนิทสฺสโนฯ ปฎิฆฎฺฎนานิฆํโส เอตฺถ ชายตีติ สปฺปฎิโฆฯ
‘Ayaṃ me attā’ti bālajanena pariggahitattā attabhāvo vuccati sarīrampi khandhapañcakampi. Tasmiṃ pariyāpanno tannissitoti attabhāvapariyāpanno cakkhuviññāṇena passituṃ na sakkāti anidassano. Paṭighaṭṭanānighaṃso ettha jāyatīti sappaṭigho.
เยนาติอาทีสุ อยํ สเงฺขปโตฺถ – เยน กรณภูเตน จกฺขุนา อยํ สโตฺต อิทํ วุตฺตปฺปการํ รูปํ อตีเต ปสฺสิ วา, วตฺตมาเน ปสฺสติ วา, อนาคเต ปสฺสิสฺสติ วา, สจสฺส อปริภินฺนํ จกฺขุ ภเวยฺย, อถาเนน อาปาถคตํ รูปํ ปเสฺส วา, อตีตํ วา รูปํ อตีเตน จกฺขุนา ปสฺสิ, ปจฺจุปฺปนฺนํ ปจฺจุปฺปเนฺนน ปสฺสติ, อนาคตํ อนาคเตน ปสฺสิสฺสติ, สเจ ตํ รูปํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคเจฺฉยฺย จกฺขุนา ตํ รูปํ ปเสฺสยฺยาติ อิทเมตฺถ ปริกปฺปวจนํฯ ทสฺสนปริณายกเฎฺฐน จกฺขุํเปตํ, สญฺชาติสโมสรณเฎฺฐน จกฺขายตนํเปตํ, สุญฺญตภาวนิสฺสตฺตเฎฺฐน จกฺขุธาตุเปสาฯ ทสฺสนลกฺขเณ อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติ จกฺขุนฺทฺริยํเปตํฯ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐน โลโกเปโสฯ วฬญฺชนเฎฺฐน ทฺวาราเปสาฯ อปูรณียเฎฺฐน สมุโทฺทเปโสฯ ปริสุทฺธเฎฺฐน ปณฺฑรํเปตํฯ ผสฺสาทีนํ อภิชายนเฎฺฐน เขตฺตํเปตํฯ เตสํเยว ปติฎฺฐานเฎฺฐน วตฺถุํเปตํฯ สมวิสมํ ทเสฺสนฺตํ อตฺตภาวํ เนตีติ เนตฺตํเปตํฯ เตเนวเฎฺฐน นยนํเปตํ ฯ สกฺกายปริยาปนฺนเฎฺฐน โอริมํ ตีรํเปตํฯ พหุสาธารณเฎฺฐน อสฺสามิกเฎฺฐน จ สุโญฺญ คาโมเปโสติฯ
Yenātiādīsu ayaṃ saṅkhepattho – yena karaṇabhūtena cakkhunā ayaṃ satto idaṃ vuttappakāraṃ rūpaṃ atīte passi vā, vattamāne passati vā, anāgate passissati vā, sacassa aparibhinnaṃ cakkhu bhaveyya, athānena āpāthagataṃ rūpaṃ passe vā, atītaṃ vā rūpaṃ atītena cakkhunā passi, paccuppannaṃ paccuppannena passati, anāgataṃ anāgatena passissati, sace taṃ rūpaṃ cakkhussa āpāthaṃ āgaccheyya cakkhunā taṃ rūpaṃ passeyyāti idamettha parikappavacanaṃ. Dassanapariṇāyakaṭṭhena cakkhuṃpetaṃ, sañjātisamosaraṇaṭṭhena cakkhāyatanaṃpetaṃ, suññatabhāvanissattaṭṭhena cakkhudhātupesā. Dassanalakkhaṇe indaṭṭhaṃ kāretīti cakkhundriyaṃpetaṃ. Lujjanapalujjanaṭṭhena lokopeso. Vaḷañjanaṭṭhena dvārāpesā. Apūraṇīyaṭṭhena samuddopeso. Parisuddhaṭṭhena paṇḍaraṃpetaṃ. Phassādīnaṃ abhijāyanaṭṭhena khettaṃpetaṃ. Tesaṃyeva patiṭṭhānaṭṭhena vatthuṃpetaṃ. Samavisamaṃ dassentaṃ attabhāvaṃ netīti nettaṃpetaṃ. Tenevaṭṭhena nayanaṃpetaṃ. Sakkāyapariyāpannaṭṭhena orimaṃ tīraṃpetaṃ. Bahusādhāraṇaṭṭhena assāmikaṭṭhena ca suñño gāmopesoti.
เอตฺตาวตา ‘ปสฺสิ วา’ติอาทีหิ จตูหิ ปเทหิ จกฺขุํเปตนฺติอาทีนิ จุทฺทส นามานิ โยเชตฺวา จกฺขายตนสฺส จตฺตาโร ววตฺถาปนนยา วุตฺตาติ เวทิตพฺพาฯ กถํ? เอตฺถ หิ เยน จกฺขุนา อนิทสฺสเนน สปฺปฎิเฆน รูปํ สนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆํ ปสฺสิ วา จกฺขุํเปตํ…เป.… สุโญฺญ คาโมเปโส, อิทํ ตํ รูปํ จกฺขายตนนฺติ อยเมโก นโยฯ เอวํ เสสาปิ เวทิตพฺพาฯ
Ettāvatā ‘passi vā’tiādīhi catūhi padehi cakkhuṃpetantiādīni cuddasa nāmāni yojetvā cakkhāyatanassa cattāro vavatthāpananayā vuttāti veditabbā. Kathaṃ? Ettha hi yena cakkhunā anidassanena sappaṭighena rūpaṃ sanidassanaṃ sappaṭighaṃ passi vā cakkhuṃpetaṃ…pe… suñño gāmopeso, idaṃ taṃ rūpaṃ cakkhāyatananti ayameko nayo. Evaṃ sesāpi veditabbā.
๕๙๗. อิทานิ ยสฺมา วิชฺชุนิจฺฉรณาทิกาเลสุ อโนโลเกตุกามสฺสาปิ รูปํ จกฺขุปสาทํ ฆเฎฺฎติ, ตสฺมา ตํ อาการํ ทเสฺสตุํ ทุติโย นิเทฺทสวาโร อารโทฺธฯ ตตฺถ ยมฺหิ จกฺขุมฺหีติ ยมฺหิ อธิกรณภูเต จกฺขุมฺหิฯ รูปนฺติ ปจฺจตฺตวจนเมตํฯ ตตฺถ ปฎิหญฺญิ วาติ อตีตโตฺถฯ ปฎิหญฺญติ วาติ ปจฺจุปฺปนฺนโตฺถฯ ปฎิหญฺญิสฺสติ วาติ อนาคตโตฺถฯ ปฎิหเญฺญ วาติ วิกปฺปนโตฺถฯ อตีตญฺหิ รูปํ อตีเต จกฺขุสฺมิํ ปฎิหญฺญิ นามฯ ปจฺจุปฺปนฺนํ ปจฺจุปฺปเนฺน ปฎิหญฺญติ นามฯ อนาคตํ อนาคเต ปฎิหญฺญิสฺสติ นามฯ สเจ ตํ รูปํ จกฺขุสฺส อาปาถํ อาคเจฺฉยฺย, จกฺขุมฺหิ ปฎิหเญฺญยฺย ตํ รูปนฺติ อยเมตฺถ ปริกโปฺปฯ อตฺถโต ปน ปสาทํ ฆฎฺฎยมานเมว รูปํ ปฎิหญฺญติ นามฯ อิธาปิ ปุริมนเยเนว จตฺตาโร ววตฺถาปนนยา เวทิตพฺพาฯ
597. Idāni yasmā vijjuniccharaṇādikālesu anoloketukāmassāpi rūpaṃ cakkhupasādaṃ ghaṭṭeti, tasmā taṃ ākāraṃ dassetuṃ dutiyo niddesavāro āraddho. Tattha yamhi cakkhumhīti yamhi adhikaraṇabhūte cakkhumhi. Rūpanti paccattavacanametaṃ. Tattha paṭihaññi vāti atītattho. Paṭihaññativāti paccuppannattho. Paṭihaññissati vāti anāgatattho. Paṭihaññe vāti vikappanattho. Atītañhi rūpaṃ atīte cakkhusmiṃ paṭihaññi nāma. Paccuppannaṃ paccuppanne paṭihaññati nāma. Anāgataṃ anāgate paṭihaññissati nāma. Sace taṃ rūpaṃ cakkhussa āpāthaṃ āgaccheyya, cakkhumhi paṭihaññeyya taṃ rūpanti ayamettha parikappo. Atthato pana pasādaṃ ghaṭṭayamānameva rūpaṃ paṭihaññati nāma. Idhāpi purimanayeneva cattāro vavatthāpananayā veditabbā.
๕๙๘. อิทานิ ยสฺมา อตฺตโน อิจฺฉาย โอโลเกตุกามสฺส รูเป จกฺขุํ อุปสํหรโต จกฺขุ รูปสฺมิํ ปฎิหญฺญติ, ตสฺมา ตํ อาการํ ทเสฺสตุํ ตติโย นิเทฺทสวาโร อารโทฺธฯ โส อตฺถโต ปากโฎเยวฯ เอตฺถ ปน จกฺขุ อารมฺมณํ สมฺปฎิจฺฉมานเมว รูปมฺหิ ปฎิหญฺญติ นามฯ อิธาปิ ปุริมนเยเนว จตฺตาโร ววตฺถาปนนยา เวทิตพฺพาฯ
598. Idāni yasmā attano icchāya oloketukāmassa rūpe cakkhuṃ upasaṃharato cakkhu rūpasmiṃ paṭihaññati, tasmā taṃ ākāraṃ dassetuṃ tatiyo niddesavāro āraddho. So atthato pākaṭoyeva. Ettha pana cakkhu ārammaṇaṃ sampaṭicchamānameva rūpamhi paṭihaññati nāma. Idhāpi purimanayeneva cattāro vavatthāpananayā veditabbā.
๕๙๙. อิโต ปรํ ผสฺสปญฺจมกานํ อุปฺปตฺติทสฺสนวเสน ปญฺจ, เตสํเยว อารมฺมณปฎิพทฺธอุปฺปตฺติทสฺสนวเสน ปญฺจาติ, ทส วารา ทสฺสิตาฯ ตตฺถ จกฺขุํ นิสฺสายาติ จกฺขุํ นิสฺสาย, ปจฺจยํ กตฺวาฯ รูปํ อารพฺภาติ รูปารมฺมณํ อาคมฺม, สนฺธาย, ปฎิจฺจฯ อิมินา จกฺขุปสาทวตฺถุกานํ ผสฺสาทีนํ ปุเรชาตปจฺจเยน จกฺขุทฺวารชวนวีถิปริยาปนฺนานํ อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสยปจฺจเยหิ รูปสฺส ปจฺจยภาโว ทสฺสิโตฯ อิตเรสุ ปญฺจสุ วาเรสุ รูปํ อารมฺมณมสฺสาติ รูปารมฺมโณติ เอวํ อารมฺมณปจฺจยมเตฺตเนว ปจฺจยภาโว ทสฺสิโตฯ ยถา ปน ปุริเมสุ ตีสุ, เอวํ อิเมสุปิ ทสสุ วาเรสุ จตฺตาโร จตฺตาโร ววตฺถาปนนยา เวทิตพฺพาฯ เอวํ กตมํ ตํ รูปํ จกฺขายตนนฺติ ปุจฺฉาย อุทฺธฎํ จกฺขุํ ‘อิทํ ต’นฺติ นานปฺปการโต ทเสฺสตุํ, ปุริมา ตโย, อิเม ทสาติ, เตรส นิเทฺทสวารา ทสฺสิตาฯ เอเกกสฺมิเญฺจตฺถ จตุนฺนํ จตุนฺนํ ววตฺถาปนนยานํ อาคตตฺตา ทฺวิปญฺญาสาย นเยหิ ปฎิมเณฺฑตฺวาว ทสฺสิตาติ เวทิตพฺพาฯ
599. Ito paraṃ phassapañcamakānaṃ uppattidassanavasena pañca, tesaṃyeva ārammaṇapaṭibaddhauppattidassanavasena pañcāti, dasa vārā dassitā. Tattha cakkhuṃ nissāyāti cakkhuṃ nissāya, paccayaṃ katvā. Rūpaṃ ārabbhāti rūpārammaṇaṃ āgamma, sandhāya, paṭicca. Iminā cakkhupasādavatthukānaṃ phassādīnaṃ purejātapaccayena cakkhudvārajavanavīthipariyāpannānaṃ ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayapaccayehi rūpassa paccayabhāvo dassito. Itaresu pañcasu vāresu rūpaṃ ārammaṇamassāti rūpārammaṇoti evaṃ ārammaṇapaccayamatteneva paccayabhāvo dassito. Yathā pana purimesu tīsu, evaṃ imesupi dasasu vāresu cattāro cattāro vavatthāpananayā veditabbā. Evaṃ katamaṃ taṃ rūpaṃ cakkhāyatananti pucchāya uddhaṭaṃ cakkhuṃ ‘idaṃ ta’nti nānappakārato dassetuṃ, purimā tayo, ime dasāti, terasa niddesavārā dassitā. Ekekasmiñcettha catunnaṃ catunnaṃ vavatthāpananayānaṃ āgatattā dvipaññāsāya nayehi paṭimaṇḍetvāva dassitāti veditabbā.
๖๐๐. อิโต ปเรสุ โสตายตนาทินิเทฺทเสสุปิ เอเสว นโยฯ วิเสสมตฺตํ ปเนตฺถ เอวํ เวทิตพฺพํ – สุณาตีติ โสตํฯ ตํ สสมฺภารโสตพิลสฺส อโนฺต ตนุตมฺพโลมาจิเต องฺคุลิเวธกสณฺฐาเน ปเทเส วุตฺตปฺปการาหิ ธาตูหิ กตูปการํ, อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ, อายุนา อนุปาลิยมานํ, วณฺณาทีหิ ปริวุตํ โสตวิญฺญาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฎฺฐติฯ
600. Ito paresu sotāyatanādiniddesesupi eseva nayo. Visesamattaṃ panettha evaṃ veditabbaṃ – suṇātīti sotaṃ. Taṃ sasambhārasotabilassa anto tanutambalomācite aṅgulivedhakasaṇṭhāne padese vuttappakārāhi dhātūhi katūpakāraṃ, utucittāhārehi upatthambhiyamānaṃ, āyunā anupāliyamānaṃ, vaṇṇādīhi parivutaṃ sotaviññāṇādīnaṃ yathārahaṃ vatthudvārabhāvaṃ sādhayamānaṃ tiṭṭhati.
ฆายตีติ ฆานํฯ ตํ สสมฺภารฆานพิลสฺส อโนฺต อชปฺปทสณฺฐาเน ปเทเส ยถาวุตฺตปฺปการอุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวารํ หุตฺวา ฆานวิญฺญาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฎฺฐติฯ
Ghāyatīti ghānaṃ. Taṃ sasambhāraghānabilassa anto ajappadasaṇṭhāne padese yathāvuttappakāraupakārupatthambhanānupālanaparivāraṃ hutvā ghānaviññāṇādīnaṃ yathārahaṃ vatthudvārabhāvaṃ sādhayamānaṃ tiṭṭhati.
สายนเฎฺฐน ชิวฺหาฯ สา สสมฺภารชิวฺหามชฺฌสฺส อุปริ อุปฺปลทลคฺคสณฺฐาเน ปเทเส ยถาวุตฺตปฺปการอุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวารา หุตฺวา ชิวฺหาวิญฺญาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานา ติฎฺฐติฯ
Sāyanaṭṭhena jivhā. Sā sasambhārajivhāmajjhassa upari uppaladalaggasaṇṭhāne padese yathāvuttappakāraupakārupatthambhanānupālanaparivārā hutvā jivhāviññāṇādīnaṃ yathārahaṃ vatthudvārabhāvaṃ sādhayamānā tiṭṭhati.
ยาวตา ปน อิมสฺมิํ กาเย อุปาทิณฺณกรูปํ นาม อตฺถิ, สพฺพตฺถ กายายตนํ, กปฺปาสปฎเล เสฺนโห วิย, ยถาวุตฺตปฺปการอุปการุปตฺถมฺภนานุปาลนปริวารเมว หุตฺวา กายวิญฺญาณาทีนํ ยถารหํ วตฺถุทฺวารภาวํ สาธยมานํ ติฎฺฐติฯ อยเมตฺถ วิเสโสฯ เสโส ปาฬิปฺปเภโท จ อโตฺถ จ จกฺขุนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ เกวลญฺหิ อิธ จกฺขุปทสฺส ฐาเน โสตปทาทีนิ, รูปปทสฺส ฐาเน สทฺทปทาทีนิ, ปสฺสีติ อาทีนํ ฐาเน สุณีติอาทิปทานิ จ อาคตานิฯ ‘เนตฺตํเปตํ , นยนํเปต’นฺติ อิมสฺส จ ปททฺวยสฺส อภาวา ทฺวาทส ทฺวาทส นามานิ โหนฺติฯ เสสํ สพฺพตฺถ วุตฺตสทิสเมวฯ
Yāvatā pana imasmiṃ kāye upādiṇṇakarūpaṃ nāma atthi, sabbattha kāyāyatanaṃ, kappāsapaṭale sneho viya, yathāvuttappakāraupakārupatthambhanānupālanaparivārameva hutvā kāyaviññāṇādīnaṃ yathārahaṃ vatthudvārabhāvaṃ sādhayamānaṃ tiṭṭhati. Ayamettha viseso. Seso pāḷippabhedo ca attho ca cakkhuniddese vuttanayeneva veditabbo. Kevalañhi idha cakkhupadassa ṭhāne sotapadādīni, rūpapadassa ṭhāne saddapadādīni, passīti ādīnaṃ ṭhāne suṇītiādipadāni ca āgatāni. ‘Nettaṃpetaṃ , nayanaṃpeta’nti imassa ca padadvayassa abhāvā dvādasa dvādasa nāmāni honti. Sesaṃ sabbattha vuttasadisameva.
ตตฺถ สิยา – ยทิ ยาวตา อิมสฺมิํ กาเย อุปาทิณฺณกรูปํ นาม อตฺถิ, สพฺพตฺถ กายายตนํ, กปฺปาสปฎเล เสฺนโห วิยฯ ‘เอวํ สเนฺต ลกฺขณสมฺมิสฺสตา อาปชฺชตี’ติฯ ‘นาปชฺชตี’ติฯ ‘กสฺมา’? ‘อญฺญสฺส อญฺญตฺถ อภาวโต’ฯ ‘ยทิ เอวํ, น สพฺพตฺถ กายายตน’นฺติ? ‘เนว ปรมตฺถโต สพฺพตฺถฯ วินิพฺภุชิตฺวา ปนสฺส นานากรณํ ปญฺญาเปตุํ น สกฺกา, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ ยถา หิ รูปรสาทโย, วาลิกาจุณฺณานิ วิย, วิเวเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตาย อญฺญมญฺญพฺยาปิโนติ วุจฺจนฺติ, น จ ปรมตฺถโต รูเป รโส อตฺถิฯ ยทิ สิยา รูปคฺคหเณเนว รสคฺคหณํ คเจฺฉยฺยฯ เอวํ กายายตนมฺปิ ปรมตฺถโต เนว สพฺพตฺถ อตฺถิ, น จ สพฺพตฺถ นตฺถิ, วิเวเจตุํ อสกฺกุเณยฺยตายาติฯ เอวเมตฺถ น ลกฺขณสมฺมิสฺสตา อาปชฺชตีติ เวทิตพฺพา’ฯ
Tattha siyā – yadi yāvatā imasmiṃ kāye upādiṇṇakarūpaṃ nāma atthi, sabbattha kāyāyatanaṃ, kappāsapaṭale sneho viya. ‘Evaṃ sante lakkhaṇasammissatā āpajjatī’ti. ‘Nāpajjatī’ti. ‘Kasmā’? ‘Aññassa aññattha abhāvato’. ‘Yadi evaṃ, na sabbattha kāyāyatana’nti? ‘Neva paramatthato sabbattha. Vinibbhujitvā panassa nānākaraṇaṃ paññāpetuṃ na sakkā, tasmā evaṃ vuttaṃ. Yathā hi rūparasādayo, vālikācuṇṇāni viya, vivecetuṃ asakkuṇeyyatāya aññamaññabyāpinoti vuccanti, na ca paramatthato rūpe raso atthi. Yadi siyā rūpaggahaṇeneva rasaggahaṇaṃ gaccheyya. Evaṃ kāyāyatanampi paramatthato neva sabbattha atthi, na ca sabbattha natthi, vivecetuṃ asakkuṇeyyatāyāti. Evamettha na lakkhaṇasammissatā āpajjatīti veditabbā’.
อปิจ ลกฺขณาทิววตฺถาปนโตเปเตสํ อสมฺมิสฺสตา เวทิตพฺพา – เอเตสุ หิ รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ ทฎฺฐุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา จกฺขุ, รูเปสุ อาวิญฺฉนรสํ, จกฺขุวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฎฺฐานํ, ทฎฺฐุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฎฺฐานํฯ
Apica lakkhaṇādivavatthāpanatopetesaṃ asammissatā veditabbā – etesu hi rūpābhighātārahabhūtappasādalakkhaṇaṃ daṭṭhukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtappasādalakkhaṇaṃ vā cakkhu, rūpesu āviñchanarasaṃ, cakkhuviññāṇassa ādhārabhāvapaccupaṭṭhānaṃ, daṭṭhukāmatānidānakammajabhūtapadaṭṭhānaṃ.
สทฺทาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ โสตุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา โสตํ, สเทฺทสุ อาวิญฺฉนรสํ, โสตวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฎฺฐานํ, โสตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฎฺฐานํฯ
Saddābhighātārahabhūtappasādalakkhaṇaṃ sotukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtappasādalakkhaṇaṃ vā sotaṃ, saddesu āviñchanarasaṃ, sotaviññāṇassa ādhārabhāvapaccupaṭṭhānaṃ, sotukāmatānidānakammajabhūtapadaṭṭhānaṃ.
คนฺธาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณํ ฆายิตุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปฺปสาทลกฺขณํ วา ฆานํ, คเนฺธสุ อาวิญฺฉนรสํ, ฆานวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฎฺฐานํ ฆายิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฎฺฐานํฯ
Gandhābhighātārahabhūtappasādalakkhaṇaṃ ghāyitukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtappasādalakkhaṇaṃ vā ghānaṃ, gandhesu āviñchanarasaṃ, ghānaviññāṇassa ādhārabhāvapaccupaṭṭhānaṃ ghāyitukāmatānidānakammajabhūtapadaṭṭhānaṃ.
รสาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขณา สายิตุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปฺปสาทลกฺขณา วา ชิวฺหา, รเสสุ อาวิญฺฉนรสา, ชิวฺหาวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฎฺฐานา, สายิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฎฺฐานาฯ
Rasābhighātārahabhūtappasādalakkhaṇā sāyitukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtappasādalakkhaṇā vā jivhā, rasesu āviñchanarasā, jivhāviññāṇassa ādhārabhāvapaccupaṭṭhānā, sāyitukāmatānidānakammajabhūtapadaṭṭhānā.
โผฎฺฐพฺพาภิฆาตารหภูตปฺปสาทลกฺขโณ ผุสิตุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานภูตปฺปสาทลกฺขโณ วา กาโย, โผฎฺฐเพฺพสุ อาวิญฺฉนรโส, กายวิญฺญาณสฺส อาธารภาวปจฺจุปฎฺฐาโน, ผุสิตุกามตานิทานกมฺมชภูตปทฎฺฐาโนฯ
Phoṭṭhabbābhighātārahabhūtappasādalakkhaṇo phusitukāmatānidānakammasamuṭṭhānabhūtappasādalakkhaṇo vā kāyo, phoṭṭhabbesu āviñchanaraso, kāyaviññāṇassa ādhārabhāvapaccupaṭṭhāno, phusitukāmatānidānakammajabhūtapadaṭṭhāno.
เกจิ ปน ‘เตชาธิกานํ ภูตานํ ปสาโท จกฺขุ, วายุปถวีอาปาธิกานํ ภูตานํ ปสาทา โสตฆานชิวฺหา, กาโย สเพฺพส’นฺติ วทนฺติฯ อปเร ‘เตชาธิกานํ ปสาโท จกฺขุ, วิวรวายุอาปปถวาธิกานํ ปสาทา โสตฆานชิวฺหากายา’ติ วทนฺติฯ เต วตฺตพฺพา – ‘สุตฺตํ อาหรถา’ติฯ อทฺธา สุตฺตเมว น ทกฺขิสฺสนฺติฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘เตชาทีนํ คุเณหิ รูปาทีหิ อนุคฺคยฺหภาวโต’ติ การณํ วทนฺติฯ เต จ วตฺตพฺพา – ‘โก ปเนวมาห – รูปาทโย เตชาทีนํ คุณา’ติ? อวินิโพฺภเคสุ หิ รูเปสุ ‘อยํ อิมสฺส คุโณ, อยํ อิมสฺส คุโณ’ติ น ลพฺภา วตฺตุํฯ อถาปิ วเทยฺยุํ – ‘ยถา เตสุ เตสุ สมฺภาเรสุ ตสฺส ตสฺส ภูตสฺส อธิกตาย ปถวีอาทีนํ สนฺธารณาทีนิ กิจฺจานิ อิจฺฉถ, เอวํ เตชาทิอธิเกสุ สมฺภาเรสุ รูปาทีนํ อธิกภาวทสฺสนโต อิจฺฉิตพฺพเมตํ รูปาทโย เตสํ คุณา’ติฯ เต วตฺตพฺพา – อิเจฺฉยฺยาม , ยทิ อาปาธิกสฺส อาสวสฺส คนฺธโต ปถวีอธิเก กปฺปาเส คโนฺธ อธิกตโร สิยา, เตชาธิกสฺส จ อุโณฺหทกสฺส วณฺณโตปิ สีตูทกสฺส วโณฺณ ปริหาเยถฯ ยสฺมา ปเนตํ อุภยมฺปิ นตฺถิ, ตสฺมา ปหาเยเถตํ เอเตสํ นิสฺสยภูตานํ วิเสสกปฺปนํ, ยถา อวิเสเสปิ เอกกลาเป ภูตานํ รูปรสาทโย อญฺญมญฺญํ วิสทิสา โหนฺติ, เอวํ จกฺขุปสาทาทโย, อวิชฺชมาเนปิ อญฺญสฺมิํ วิเสสการเณติ คเหตพฺพเมตํฯ
Keci pana ‘tejādhikānaṃ bhūtānaṃ pasādo cakkhu, vāyupathavīāpādhikānaṃ bhūtānaṃ pasādā sotaghānajivhā, kāyo sabbesa’nti vadanti. Apare ‘tejādhikānaṃ pasādo cakkhu, vivaravāyuāpapathavādhikānaṃ pasādā sotaghānajivhākāyā’ti vadanti. Te vattabbā – ‘suttaṃ āharathā’ti. Addhā suttameva na dakkhissanti. Keci panettha ‘tejādīnaṃ guṇehi rūpādīhi anuggayhabhāvato’ti kāraṇaṃ vadanti. Te ca vattabbā – ‘ko panevamāha – rūpādayo tejādīnaṃ guṇā’ti? Avinibbhogesu hi rūpesu ‘ayaṃ imassa guṇo, ayaṃ imassa guṇo’ti na labbhā vattuṃ. Athāpi vadeyyuṃ – ‘yathā tesu tesu sambhāresu tassa tassa bhūtassa adhikatāya pathavīādīnaṃ sandhāraṇādīni kiccāni icchatha, evaṃ tejādiadhikesu sambhāresu rūpādīnaṃ adhikabhāvadassanato icchitabbametaṃ rūpādayo tesaṃ guṇā’ti. Te vattabbā – iccheyyāma , yadi āpādhikassa āsavassa gandhato pathavīadhike kappāse gandho adhikataro siyā, tejādhikassa ca uṇhodakassa vaṇṇatopi sītūdakassa vaṇṇo parihāyetha. Yasmā panetaṃ ubhayampi natthi, tasmā pahāyethetaṃ etesaṃ nissayabhūtānaṃ visesakappanaṃ, yathā avisesepi ekakalāpe bhūtānaṃ rūparasādayo aññamaññaṃ visadisā honti, evaṃ cakkhupasādādayo, avijjamānepi aññasmiṃ visesakāraṇeti gahetabbametaṃ.
กิํ ปน ตํ ยํ อญฺญมญฺญสฺส อสาธารณํ? กมฺมเมว เนสํ วิเสสการณํฯ ตสฺมา กมฺมวิเสสโต เอเตสํ วิเสโส, น ภูตวิเสสโตฯ ภูตวิเสเส หิ สติ ปสาโทว นุปฺปชฺชติฯ สมานานญฺหิ ปสาโท, น วิสมานานนฺติ โปราณาฯ เอวํ กเมฺมวิสสโต วิเสสวเนฺตสุ จ เอเตสุ จกฺขุโสตานิ อสมฺปตฺตวิสยคฺคาหกานิ อตฺตโน นิสฺสยํ อนลฺลีนนิสฺสเย เอว วิสเย วิญฺญาณเหตุตฺตาฯ ฆานชิวฺหากายา สมฺปตฺตวิสยคฺคาหกา, นิสฺสยวเสน เจว สยญฺจ อตฺตโน นิสฺสยํ อลฺลีเนเยว วิสเย วิญฺญาณเหตุตฺตาฯ
Kiṃ pana taṃ yaṃ aññamaññassa asādhāraṇaṃ? Kammameva nesaṃ visesakāraṇaṃ. Tasmā kammavisesato etesaṃ viseso, na bhūtavisesato. Bhūtavisese hi sati pasādova nuppajjati. Samānānañhi pasādo, na visamānānanti porāṇā. Evaṃ kammevisasato visesavantesu ca etesu cakkhusotāni asampattavisayaggāhakāni attano nissayaṃ anallīnanissaye eva visaye viññāṇahetuttā. Ghānajivhākāyā sampattavisayaggāhakā, nissayavasena ceva sayañca attano nissayaṃ allīneyeva visaye viññāṇahetuttā.
อฎฺฐกถายํ ปน ‘‘อาปาถคตตฺตาว อารมฺมณํ สมฺปตฺตํ นามฯ จนฺทมณฺฑลสูริยมณฺฑลานญฺหิ ทฺวาจตฺตาลีสโยชนสหสฺสมตฺถเก ฐิตานํ วโณฺณ จกฺขุปสาทํ ฆเฎฺฎติฯ โส ทูเร ฐตฺวา ปญฺญายมาโนปิ สมฺปโตฺตเยว นามฯ ตํโคจรตฺตา จกฺขุ สมฺปตฺตโคจรเมว นามฯ ทูเร รุกฺขํ ฉินฺทนฺตานมฺปิ, รชกานญฺจ วตฺถํ โธวนฺตานํ ทูรโตว กายวิกาโร ปญฺญายติฯ สโทฺท ปน ธาตุปรมฺปราย อาคนฺตฺวา โสตํ ฆเฎฺฎตฺวา สณิกํ ววตฺถานํ คจฺฉตี’’ติ วุตฺตํฯ
Aṭṭhakathāyaṃ pana ‘‘āpāthagatattāva ārammaṇaṃ sampattaṃ nāma. Candamaṇḍalasūriyamaṇḍalānañhi dvācattālīsayojanasahassamatthake ṭhitānaṃ vaṇṇo cakkhupasādaṃ ghaṭṭeti. So dūre ṭhatvā paññāyamānopi sampattoyeva nāma. Taṃgocarattā cakkhu sampattagocarameva nāma. Dūre rukkhaṃ chindantānampi, rajakānañca vatthaṃ dhovantānaṃ dūratova kāyavikāro paññāyati. Saddo pana dhātuparamparāya āgantvā sotaṃ ghaṭṭetvā saṇikaṃ vavatthānaṃ gacchatī’’ti vuttaṃ.
ตตฺถ กิญฺจาปิ อาปาถคตตฺตา อารมฺมณํ สมฺปตฺตนฺติ วุตฺตํ, จนฺทมณฺฑลาทิวโณฺณ ปน จกฺขุํ อสมฺปโตฺต ทูเร ฐิโตว ปญฺญายติฯ สโทฺทปิ สเจ สณิกํ อาคเจฺฉยฺย, ทูเร อุปฺปโนฺน จิเรน สุเยฺยยฺย, ปรมฺปรฆฎฺฎนาย จ อาคนฺตฺวา โสตํ ฆเฎฺฎโนฺต อสุกทิสาย นามาติ น ปญฺญาเยยฺยฯ ตสฺมา อสมฺปตฺตโคจราเนว ตานิฯ
Tattha kiñcāpi āpāthagatattā ārammaṇaṃ sampattanti vuttaṃ, candamaṇḍalādivaṇṇo pana cakkhuṃ asampatto dūre ṭhitova paññāyati. Saddopi sace saṇikaṃ āgaccheyya, dūre uppanno cirena suyyeyya, paramparaghaṭṭanāya ca āgantvā sotaṃ ghaṭṭento asukadisāya nāmāti na paññāyeyya. Tasmā asampattagocarāneva tāni.
อหิอาทิสมานานิ เจตานิฯ ยถา หิ อหิ นาม พหิ สิตฺตสมฺมฎฺฐฎฺฐาเน นาภิรมติ, สงฺการฎฺฐานติณปณฺณคหนวมฺมิกานิเยว ปน ปวิสิตฺวา นิปนฺนกาเล อภิรมติ, เอกคฺคตํ อาปชฺชติ, เอวเมว จกฺขุเปตํ วิสมชฺฌาสยํ มเฎฺฐสุ สุวณฺณภิตฺติอาทีสุ นาภิรมติ, โอโลเกตุมฺปิ น อิจฺฉติ, รูปจิตฺตปุปฺผลตาทิจิเตฺตสุเยว ปน อภิรมติฯ ตาทิเสสุ หิ ฐาเนสุ จกฺขุมฺหิ อปฺปโหเนฺต มุขมฺปิ วิวริตฺวา โอโลเกตุกามา โหนฺติฯ
Ahiādisamānāni cetāni. Yathā hi ahi nāma bahi sittasammaṭṭhaṭṭhāne nābhiramati, saṅkāraṭṭhānatiṇapaṇṇagahanavammikāniyeva pana pavisitvā nipannakāle abhiramati, ekaggataṃ āpajjati, evameva cakkhupetaṃ visamajjhāsayaṃ maṭṭhesu suvaṇṇabhittiādīsu nābhiramati, oloketumpi na icchati, rūpacittapupphalatādicittesuyeva pana abhiramati. Tādisesu hi ṭhānesu cakkhumhi appahonte mukhampi vivaritvā oloketukāmā honti.
สุสุมาโรปิ พหิ นิกฺขโนฺต คเหตพฺพํ น ปสฺสติ, อกฺขีนิ นิมฺมีเลตฺวาว จรติฯ ยทา ปน พฺยามสตมตฺตํ อุทกํ โอคาหิตฺวา พิลํ ปวิสิตฺวา นิปโนฺน โหติ, ตทา ตสฺส จิตฺตํ เอกคฺคํ โหติ สุขํ สุปติ, เอวเมว โสตํ ตเมฺป พิลชฺฌาสยํ อากาสสนฺนิสฺสิตํ กณฺณจฺฉิทฺทกูปเกเยว อชฺฌาสยํ กโรติฯ กณฺณจฺฉิทฺทากาโสเยว ตสฺส สทฺทสวเน ปจฺจโย โหติฯ อชฎากาโสปิ วฎฺฎติเยวฯ อโนฺตเลณสฺมิญฺหิ สชฺฌาเย กริยมาเน น เลณจฺฉทนํ ภินฺทิตฺวา สโทฺท พหิ นิกฺขมติ, ทฺวารวาตปานจฺฉิเทฺทหิ ปน นิกฺขมิตฺวา ธาตุปรมฺปราเยว ฆเฎฺฎโนฺต คนฺตฺวา โสตปสาทํ ฆเฎฺฎติฯ อถ ตสฺมิํ กาเล ‘อสุโก นาม สชฺฌายตี’ติ เลณปิเฎฺฐ นิสินฺนา ชานนฺติฯ
Susumāropi bahi nikkhanto gahetabbaṃ na passati, akkhīni nimmīletvāva carati. Yadā pana byāmasatamattaṃ udakaṃ ogāhitvā bilaṃ pavisitvā nipanno hoti, tadā tassa cittaṃ ekaggaṃ hoti sukhaṃ supati, evameva sotaṃ tampe bilajjhāsayaṃ ākāsasannissitaṃ kaṇṇacchiddakūpakeyeva ajjhāsayaṃ karoti. Kaṇṇacchiddākāsoyeva tassa saddasavane paccayo hoti. Ajaṭākāsopi vaṭṭatiyeva. Antoleṇasmiñhi sajjhāye kariyamāne na leṇacchadanaṃ bhinditvā saddo bahi nikkhamati, dvāravātapānacchiddehi pana nikkhamitvā dhātuparamparāyeva ghaṭṭento gantvā sotapasādaṃ ghaṭṭeti. Atha tasmiṃ kāle ‘asuko nāma sajjhāyatī’ti leṇapiṭṭhe nisinnā jānanti.
เอวํ สเนฺต สมฺปตฺตโคจรตา โหติฯ ‘กิํ ปเนตํ สมฺปตฺตโคจร’นฺติ? ‘อาม, สมฺปตฺตโคจรํ’ฯ ‘ยทิ เอวํ, ทูเร เภรีอาทีสุ วชฺชมาเนสุ ทูเร สโทฺทติ ชานนํ น ภเวยฺยา’ติ? ‘โน น ภวติฯ โสตปสาทสฺมิญฺหิ ฆฎฺฎิเต ทูเร สโทฺท อาสเนฺน สโทฺท, ปรตีเร โอริมตีเรติ ตถา ตถา ชานนากาโร โหติฯ ธมฺมตา เอสา’ติฯ ‘กิํ เอตาย ธมฺมตาย? ยโต ยโต ฉิทฺทํ ตโต ตโต สวนํ โหติ, จนฺทิมสูริยาทีนํ ทสฺสนํ วิยาติ อสมฺปตฺตโคจรเมเวตํ’ฯ
Evaṃ sante sampattagocaratā hoti. ‘Kiṃ panetaṃ sampattagocara’nti? ‘Āma, sampattagocaraṃ’. ‘Yadi evaṃ, dūre bherīādīsu vajjamānesu dūre saddoti jānanaṃ na bhaveyyā’ti? ‘No na bhavati. Sotapasādasmiñhi ghaṭṭite dūre saddo āsanne saddo, paratīre orimatīreti tathā tathā jānanākāro hoti. Dhammatā esā’ti. ‘Kiṃ etāya dhammatāya? Yato yato chiddaṃ tato tato savanaṃ hoti, candimasūriyādīnaṃ dassanaṃ viyāti asampattagocaramevetaṃ’.
ปกฺขีปิ รุเกฺข วา ภูมิยํ วา น รมติฯ ยทา ปน เอกํ วา เทฺว วา เลฑฺฑุปาเต อติกฺกมฺม อชฎากาสํ ปกฺขโนฺท โหติ, ตทา เอกคฺคจิตฺตตํ อาปชฺชติ, เอวเมว ฆานมฺปิ อากาสชฺฌาสยํ วาตูปนิสฺสยคนฺธโคจรํฯ ตถา หิ คาโว นววุเฎฺฐ เทเว ภูมิยํ ฆายิตฺวา ฆายิตฺวา อากาสาภิมุขา หุตฺวา วาตํ อากฑฺฒนฺติฯ องฺคุลีหิ คนฺธปิณฺฑํ คเหตฺวาปิ จ อุปสิงฺฆนกาเล วาตํ อนากฑฺฒโนฺต เนว ตสฺส คนฺธํ ชานาติฯ
Pakkhīpi rukkhe vā bhūmiyaṃ vā na ramati. Yadā pana ekaṃ vā dve vā leḍḍupāte atikkamma ajaṭākāsaṃ pakkhando hoti, tadā ekaggacittataṃ āpajjati, evameva ghānampi ākāsajjhāsayaṃ vātūpanissayagandhagocaraṃ. Tathā hi gāvo navavuṭṭhe deve bhūmiyaṃ ghāyitvā ghāyitvā ākāsābhimukhā hutvā vātaṃ ākaḍḍhanti. Aṅgulīhi gandhapiṇḍaṃ gahetvāpi ca upasiṅghanakāle vātaṃ anākaḍḍhanto neva tassa gandhaṃ jānāti.
กุกฺกุโรปิ พหิ วิจรโนฺต เขมฎฺฐานํ น ปสฺสติ เลฑฺฑุปหาราทีหิ อุปทฺทุโต โหติฯ อโนฺตคามํ ปวิสิตฺวา อุทฺธนฎฺฐาเน ฉาริกํ พฺยูหิตฺวา นิปนฺนสฺส ปน ผาสุกํ โหติ, เอวเมว ชิวฺหาปิ คามชฺฌาสยา อาโปสนฺนิสฺสิตรสารมฺมณาฯ ตถา หิ ติยามรตฺติํ สมณธมฺมํ กตฺวาปิ ปาโตว ปตฺตจีวรมาทาย คาโม ปวิสิตโพฺพ โหติฯ สุกฺขขาทนียสฺส จ น สกฺกา เขเฬน อเตมิตสฺส รสํ ชานิตุํฯ
Kukkuropi bahi vicaranto khemaṭṭhānaṃ na passati leḍḍupahārādīhi upadduto hoti. Antogāmaṃ pavisitvā uddhanaṭṭhāne chārikaṃ byūhitvā nipannassa pana phāsukaṃ hoti, evameva jivhāpi gāmajjhāsayā āposannissitarasārammaṇā. Tathā hi tiyāmarattiṃ samaṇadhammaṃ katvāpi pātova pattacīvaramādāya gāmo pavisitabbo hoti. Sukkhakhādanīyassa ca na sakkā kheḷena atemitassa rasaṃ jānituṃ.
สิงฺคาโลปิ พหิ จรโนฺต รติํ น วินฺทติ, อามกสุสาเน มนุสฺสมํสํ ขาทิตฺวา นิปนฺนเสฺสว ปนสฺส ผาสุกํ โหติ, เอวเมว กาโยปิ อุปาทิณฺณกชฺฌาสโย ปถวีนิสฺสิตโผฎฺฐพฺพารมฺมโณฯ ตถา หิ อญฺญํ อุปาทิณฺณกํ อลภมานา สตฺตา อตฺตโนว หตฺถตเล สีสํ กตฺวา นิปชฺชนฺติฯ อชฺฌตฺติกพาหิรา จสฺส ปถวี อารมฺมณคฺคหเณ ปจฺจโย โหติฯ สุสนฺถตสฺสปิ หิ สยนสฺส, หเตฺถ ฐปิตานมฺปิ วา ผลานํ, น สกฺกา อนิสีทเนฺตน วา อนิปฺปีเฬเนฺตน วา ถทฺธมุทุภาโว ชานิตุนฺติฯ อชฺฌตฺติกพาหิราปถวี เอตสฺส กายปสาทสฺส โผฎฺฐพฺพชานเน ปจฺจโย โหติฯ เอวํ ลกฺขณาทิววตฺถานโตเปเตสํ อสมฺมิสฺสตา เวทิตพฺพาฯ อเญฺญเยว หิ จกฺขุปสาทสฺส ลกฺขณรสปจฺจุปฎฺฐานปทฎฺฐานโคจรชฺฌาสยนิสฺสยา อเญฺญ โสตปสาทาทีนนฺติ อสมฺมิสฺสาเนว จกฺขายตนาทีนิฯ
Siṅgālopi bahi caranto ratiṃ na vindati, āmakasusāne manussamaṃsaṃ khāditvā nipannasseva panassa phāsukaṃ hoti, evameva kāyopi upādiṇṇakajjhāsayo pathavīnissitaphoṭṭhabbārammaṇo. Tathā hi aññaṃ upādiṇṇakaṃ alabhamānā sattā attanova hatthatale sīsaṃ katvā nipajjanti. Ajjhattikabāhirā cassa pathavī ārammaṇaggahaṇe paccayo hoti. Susanthatassapi hi sayanassa, hatthe ṭhapitānampi vā phalānaṃ, na sakkā anisīdantena vā anippīḷentena vā thaddhamudubhāvo jānitunti. Ajjhattikabāhirāpathavī etassa kāyapasādassa phoṭṭhabbajānane paccayo hoti. Evaṃ lakkhaṇādivavatthānatopetesaṃ asammissatā veditabbā. Aññeyeva hi cakkhupasādassa lakkhaṇarasapaccupaṭṭhānapadaṭṭhānagocarajjhāsayanissayā aññe sotapasādādīnanti asammissāneva cakkhāyatanādīni.
อปิจ เนสํ อสมฺมิสฺสตาย อยํ อุปมาปิ เวทิตพฺพา – ยถา หิ ปญฺจวณฺณานํ ธชานํ อุสฺสาปิตานํ กิญฺจาปิ ฉายา เอกาพทฺธา วิย โหติ, ตสฺส ตสฺส ปน อญฺญมญฺญํ อสมฺมิสฺสาว ยถา จ ปญฺจวเณฺณน กปฺปาเสน วฎฺฎิํ กตฺวา ทีเป ชาลิเต กิญฺจาปิ ชาลา เอกาพทฺธา วิย โหติ, ตสฺส ตสฺส ปน อํสุโน ปาฎิเยกฺกา ปาฎิเยกฺกา ชาลา อสมฺมิสฺสา เอว, เอวเมว กิญฺจาปิ อิมานิ ปญฺจายตนานิ เอกสฺมิํ อตฺตภาเว สโมสฎานิ อญฺญมญฺญํ ปน อสมฺมิสฺสาเนวฯ น เกวลญฺจ อิมาเนว ปญฺจ, เสสรูปานิปิ อสมฺมิสฺสาเนวฯ อิมสฺมิญฺหิ สรีเร เหฎฺฐิมกาโย มชฺฌิมกาโย อุปริมกาโยติ ตโย โกฎฺฐาสาฯ ตตฺถ นาภิโต ปฎฺฐาย เหฎฺฐา เหฎฺฐิมกาโย นามฯ ตสฺมิํ กายทสกํ, ภาวทสกํ, อาหารสมุฎฺฐานานิ อฎฺฐ, อุตุสมุฎฺฐานานิ อฎฺฐ, จิตฺตสมุฎฺฐานานิ อฎฺฐาติ จตุจตฺตาลีส รูปานิฯ นาภิโต อุทฺธํ ยาว คลวาฎกา มชฺฌิมกาโย นามฯ ตตฺถ จ กายทสกํ, ภาวทสกํ, วตฺถุทสกํ, อาหารสมุฎฺฐานาทีนิ ตีณิ อฎฺฐกานีติ จตุปญฺญาส รูปานิฯ คลวาฎกโต อุทฺธํ อุปริมกาโย นามฯ ตตฺถ จกฺขุทสกํ, โสตทสกํ, ฆานทสกํ, ชิวฺหาทสกํ, กายทสกํ, ภาวทสกํ, อาหารสมุฎฺฐานาทีนิ ตีณิ อฎฺฐกานีติ จตุราสีติ รูปานิฯ
Apica nesaṃ asammissatāya ayaṃ upamāpi veditabbā – yathā hi pañcavaṇṇānaṃ dhajānaṃ ussāpitānaṃ kiñcāpi chāyā ekābaddhā viya hoti, tassa tassa pana aññamaññaṃ asammissāva yathā ca pañcavaṇṇena kappāsena vaṭṭiṃ katvā dīpe jālite kiñcāpi jālā ekābaddhā viya hoti, tassa tassa pana aṃsuno pāṭiyekkā pāṭiyekkā jālā asammissā eva, evameva kiñcāpi imāni pañcāyatanāni ekasmiṃ attabhāve samosaṭāni aññamaññaṃ pana asammissāneva. Na kevalañca imāneva pañca, sesarūpānipi asammissāneva. Imasmiñhi sarīre heṭṭhimakāyo majjhimakāyo uparimakāyoti tayo koṭṭhāsā. Tattha nābhito paṭṭhāya heṭṭhā heṭṭhimakāyo nāma. Tasmiṃ kāyadasakaṃ, bhāvadasakaṃ, āhārasamuṭṭhānāni aṭṭha, utusamuṭṭhānāni aṭṭha, cittasamuṭṭhānāni aṭṭhāti catucattālīsa rūpāni. Nābhito uddhaṃ yāva galavāṭakā majjhimakāyo nāma. Tattha ca kāyadasakaṃ, bhāvadasakaṃ, vatthudasakaṃ, āhārasamuṭṭhānādīni tīṇi aṭṭhakānīti catupaññāsa rūpāni. Galavāṭakato uddhaṃ uparimakāyo nāma. Tattha cakkhudasakaṃ, sotadasakaṃ, ghānadasakaṃ, jivhādasakaṃ, kāyadasakaṃ, bhāvadasakaṃ, āhārasamuṭṭhānādīni tīṇi aṭṭhakānīti caturāsīti rūpāni.
ตตฺถ จกฺขุปสาทสฺส ปจฺจยานิ จตฺตาริ มหาภูตานิ, วโณฺณ คโนฺธ รโส โอชา, ชีวิตินฺทฺริยํ จกฺขุปสาโทติ อิทํ เอกนฺตโต อวินิภุตฺตานํ ทสนฺนํ นิปฺผนฺนรูปานํ วเสน จกฺขุทสกํ นามฯ อิมินา นเยน เสสานิปิ เวทิตพฺพานิฯ เตสุ เหฎฺฐิมกาเย รูปํ มชฺฌิมกายอุปริมกายรูเปหิ สทฺธิํ อสมฺมิสฺสํฯ เสสกายทฺวเยปิ รูปํ อิตเรหิ สทฺธิํ อสมฺมิสฺสเมวฯ ยถา หิ สายนฺหสมเย ปพฺพตจฺฉายา จ รุกฺขจฺฉายา จ กิญฺจาปิ เอกาพทฺธา วิย โหนฺติ อญฺญมญฺญํ ปน อสมฺมิสฺสาว เอวํ อิเมสุปิ กาเยสุ จตุจตฺตาลีส จตุปญฺญาส จตุราสีติ รูปานิ จ กิญฺจาปิ เอกาพทฺธานิ วิย โหนฺติ, อญฺญมญฺญํ ปน อสมฺมิสฺสาเนวาติฯ
Tattha cakkhupasādassa paccayāni cattāri mahābhūtāni, vaṇṇo gandho raso ojā, jīvitindriyaṃ cakkhupasādoti idaṃ ekantato avinibhuttānaṃ dasannaṃ nipphannarūpānaṃ vasena cakkhudasakaṃ nāma. Iminā nayena sesānipi veditabbāni. Tesu heṭṭhimakāye rūpaṃ majjhimakāyauparimakāyarūpehi saddhiṃ asammissaṃ. Sesakāyadvayepi rūpaṃ itarehi saddhiṃ asammissameva. Yathā hi sāyanhasamaye pabbatacchāyā ca rukkhacchāyā ca kiñcāpi ekābaddhā viya honti aññamaññaṃ pana asammissāva evaṃ imesupi kāyesu catucattālīsa catupaññāsa caturāsīti rūpāni ca kiñcāpi ekābaddhāni viya honti, aññamaññaṃ pana asammissānevāti.
๖๑๖. รูปายตนนิเทฺทเส วโณฺณว วณฺณนิภา; นิภาตีติ วา นิภาฯ จกฺขุวิญฺญาณสฺส ปากฎา โหตีติ อโตฺถฯ วโณฺณว นิภา วณฺณนิภาฯ สทฺธิํ นิทสฺสเนน สนิทสฺสนํ, จกฺขุวิญฺญาเณน ปสฺสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ สทฺธิํ ปฎิเฆน สปฺปฎิฆํ, ปฎิฆฎฺฎนนิฆํสชนกนฺติ อโตฺถฯ นีลาทีสุ อุมาปุปฺผสมานํ นีลํ, กณิการปุปฺผสมานํ ปีตกํ, พนฺธุชีวกปุปฺผสมานํ โลหิตกํ, โอสธิตารกสมานํ โอทาตํฯ ฌามงฺคารสมานํ กาฬกํ, มนฺทรตฺตํ สินฺทุวารกรวีรมกุฬสมานํ มญฺชิฎฺฐกํฯ ‘‘หริตฺตจเหมวณฺณกามํสุมุขปกฺกมา’’ติ (ชา. ๑.๑๕.๑๓๓) เอตฺถ ปน กิญฺจาปิ ‘หรี’ติ สุวณฺณํ วุตฺตํ, ปรโต ปนสฺส ชาตรูปคฺคหเณน คหิตตฺตา อิธ สามํ หริ นามฯ อิมานิ สตฺต วตฺถุํ อนามสิตฺวา สภาเวเนว ทสฺสิตานิฯ
616. Rūpāyatananiddese vaṇṇova vaṇṇanibhā; nibhātīti vā nibhā. Cakkhuviññāṇassa pākaṭā hotīti attho. Vaṇṇova nibhā vaṇṇanibhā. Saddhiṃ nidassanena sanidassanaṃ, cakkhuviññāṇena passitabbanti attho. Saddhiṃ paṭighena sappaṭighaṃ, paṭighaṭṭananighaṃsajanakanti attho. Nīlādīsu umāpupphasamānaṃ nīlaṃ, kaṇikārapupphasamānaṃ pītakaṃ, bandhujīvakapupphasamānaṃ lohitakaṃ, osadhitārakasamānaṃ odātaṃ. Jhāmaṅgārasamānaṃ kāḷakaṃ, mandarattaṃ sinduvārakaravīramakuḷasamānaṃ mañjiṭṭhakaṃ. ‘‘Harittacahemavaṇṇakāmaṃsumukhapakkamā’’ti (jā. 1.15.133) ettha pana kiñcāpi ‘harī’ti suvaṇṇaṃ vuttaṃ, parato panassa jātarūpaggahaṇena gahitattā idha sāmaṃ hari nāma. Imāni satta vatthuṃ anāmasitvā sabhāveneva dassitāni.
หริวณฺณนฺติ หริตสทฺทลวณฺณํฯ อมฺพงฺกุรวณฺณนฺติ อมฺพงฺกุเรน สมานวณฺณํฯ อิมานิ เทฺว วตฺถุํ อามสิตฺวา ทสฺสิตานิฯ ทีฆาทีนิ ทฺวาทส โวหารโต ทสฺสิตานิฯ โส จ เนสํ โวหาโร อุปนิธายสิโทฺธ เจว สนฺนิเวสสิโทฺธ จฯ ทีฆาทีนิ หิ อญฺญมญฺญํ อุปนิธายสิทฺธานิ, วฎฺฎาทีนิ สนฺนิเวสวิเสเสนฯ ตตฺถ รสฺสํ อุปนิธาย ตโต อุจฺจตรํ ทีฆํ, ตํ อุปนิธาย ตโต นีจตรํ รสฺสํฯ ถูลํ อุปนิธาย ตโต ขุทฺทกตรํ อณุํ, ตํ อุปนิธาย ตโต มหนฺตตรํ ถูลํฯ จกฺกสณฺฐานํ วฎฺฎํ, กุกฺกุฎณฺฑสณฺฐานํ ปริมณฺฑลํฯ จตูหิ อํเสหิ ยุตฺตํ จตุรํสํฯ ฉฬํสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ นินฺนนฺติ โอนตํ, ถลนฺติ อุนฺนตํฯ
Harivaṇṇanti haritasaddalavaṇṇaṃ. Ambaṅkuravaṇṇanti ambaṅkurena samānavaṇṇaṃ. Imāni dve vatthuṃ āmasitvā dassitāni. Dīghādīni dvādasa vohārato dassitāni. So ca nesaṃ vohāro upanidhāyasiddho ceva sannivesasiddho ca. Dīghādīni hi aññamaññaṃ upanidhāyasiddhāni, vaṭṭādīni sannivesavisesena. Tattha rassaṃ upanidhāya tato uccataraṃ dīghaṃ, taṃ upanidhāya tato nīcataraṃ rassaṃ. Thūlaṃ upanidhāya tato khuddakataraṃ aṇuṃ, taṃ upanidhāya tato mahantataraṃ thūlaṃ. Cakkasaṇṭhānaṃ vaṭṭaṃ, kukkuṭaṇḍasaṇṭhānaṃ parimaṇḍalaṃ. Catūhi aṃsehi yuttaṃ caturaṃsaṃ. Chaḷaṃsādīsupi eseva nayo. Ninnanti onataṃ, thalanti unnataṃ.
ตตฺถ ยสฺมา ทีฆาทีนิ ผุสิตฺวา สกฺกา ชานิตุํ, นีลาทีนิ ปเนวํ น สกฺกา, ตสฺมา น นิปฺปริยาเยน ทีฆํ รูปายตนํ; ตถา รสฺสาทีนิฯ ตํ ตํ นิสฺสาย ปน ตถา ตถา ฐิตํ ทีฆํ รสฺสนฺติ เตน เตน โวหาเรน รูปายตนเมเวตฺถ ภาสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ฉายา อาตโปติ อิทํ อญฺญมญฺญปริจฺฉินฺนํ; ตถา อาโลโก อนฺธกาโร จฯ อพฺภา มหิกาติอาทีนิ จตฺตาริ วตฺถุนาว ทสฺสิตานิฯ ตตฺถ ‘อพฺภา’ติ วลาหโกฯ ‘มหิกา’ติ หิมํฯ อิเมหิ จตูหิ อพฺภาทีนํ วณฺณา ทสฺสิตาฯ จนฺทมณฺฑลสฺส วณฺณนิภาติอาทีหิ เตสํ เตสํ ปภาวณฺณา ทสฺสิตาฯ
Tattha yasmā dīghādīni phusitvā sakkā jānituṃ, nīlādīni panevaṃ na sakkā, tasmā na nippariyāyena dīghaṃ rūpāyatanaṃ; tathā rassādīni. Taṃ taṃ nissāya pana tathā tathā ṭhitaṃ dīghaṃ rassanti tena tena vohārena rūpāyatanamevettha bhāsitanti veditabbaṃ. Chāyā ātapoti idaṃ aññamaññaparicchinnaṃ; tathā āloko andhakāro ca. Abbhā mahikātiādīni cattāri vatthunāva dassitāni. Tattha ‘abbhā’ti valāhako. ‘Mahikā’ti himaṃ. Imehi catūhi abbhādīnaṃ vaṇṇā dassitā. Candamaṇḍalassa vaṇṇanibhātiādīhi tesaṃ tesaṃ pabhāvaṇṇā dassitā.
ตตฺถ จนฺทมณฺฑลาทีนํ วตฺถูนํ เอวํ วิเสโส เวทิตโพฺพ – มณิมยํ รชตปฎิจฺฉนฺนํ เอกูนปญฺญาสโยชนายามวิตฺถารํ จนฺทสฺส เทวปุตฺตสฺส วิมานํ จนฺทมณฺฑลํ นามฯ โสวณฺณมยํ ผลิกปฎิจฺฉนฺนํ สมปณฺณาสโยชนายามวิตฺถารํ สูริยสฺส เทวปุตฺตสฺส วิมานํ สูริยมณฺฑลํ นามฯ สตฺตรตนมยานิ สตฺตฎฺฐทสทฺวาทสโยชนายามวิตฺถารานิ เตสํ เตสํ เทวปุตฺตานํ วิมานานิ ตารกรูปานิ นามฯ
Tattha candamaṇḍalādīnaṃ vatthūnaṃ evaṃ viseso veditabbo – maṇimayaṃ rajatapaṭicchannaṃ ekūnapaññāsayojanāyāmavitthāraṃ candassa devaputtassa vimānaṃ candamaṇḍalaṃ nāma. Sovaṇṇamayaṃ phalikapaṭicchannaṃ samapaṇṇāsayojanāyāmavitthāraṃ sūriyassa devaputtassa vimānaṃ sūriyamaṇḍalaṃ nāma. Sattaratanamayāni sattaṭṭhadasadvādasayojanāyāmavitthārāni tesaṃ tesaṃ devaputtānaṃ vimānāni tārakarūpāni nāma.
ตตฺถ เหฎฺฐา จโนฺท, สูริโย อุปริ, อุภินฺนมนฺตรํ โยชนํ โหติฯ จนฺทสฺส เหฎฺฐิมนฺตโต สูริยสฺส อุปริมโนฺต โยชนสตํ โหติฯ ทฺวีสุ ปเสฺสสุ นกฺขตฺตตารกา คจฺฉนฺติฯ เอเตสุ ปน ตีสุ จโนฺท ทนฺธคมโน, สูริโย สีฆคมโน, นกฺขตฺตตารกา สพฺพสีฆคมนาฯ กาเลน จนฺทิมสูริยานํ ปุรโต โหนฺติ กาเลน ปจฺฉาฯ
Tattha heṭṭhā cando, sūriyo upari, ubhinnamantaraṃ yojanaṃ hoti. Candassa heṭṭhimantato sūriyassa uparimanto yojanasataṃ hoti. Dvīsu passesu nakkhattatārakā gacchanti. Etesu pana tīsu cando dandhagamano, sūriyo sīghagamano, nakkhattatārakā sabbasīghagamanā. Kālena candimasūriyānaṃ purato honti kālena pacchā.
อาทาสมณฺฑลนฺติ กํสมยํฯ มณีติ ฐเปตฺวา เวฬุริยํ เสโส โชติรสาทิอเนกปฺปเภโทฯ สโงฺขติ สามุทฺทิโก; มุตฺตา สามุทฺทิกาปิ, เสสาปิฯ เวฬุริโยติ เวฬุวณฺณมณิฯ ชาตรูปํ วุจฺจติ สตฺถุวโณฺณฯ สตฺถา หิ สุวณฺณวโณฺณ, สุวณฺณมฺปิ สตฺถุวณฺณํฯ รชตํ วุจฺจติ กหาปโณ – โลหมาสโก ทารุมาสโก ชตุมาสโก, เย ‘โวหารํ คจฺฉนฺตี’ติ (ปารา. ๕๘๔) วุตฺตํ ตํ สพฺพมฺปิ อิธ คหิตํฯ
Ādāsamaṇḍalanti kaṃsamayaṃ. Maṇīti ṭhapetvā veḷuriyaṃ seso jotirasādianekappabhedo. Saṅkhoti sāmuddiko; muttā sāmuddikāpi, sesāpi. Veḷuriyoti veḷuvaṇṇamaṇi. Jātarūpaṃ vuccati satthuvaṇṇo. Satthā hi suvaṇṇavaṇṇo, suvaṇṇampi satthuvaṇṇaṃ. Rajataṃ vuccati kahāpaṇo – lohamāsako dārumāsako jatumāsako, ye ‘vohāraṃ gacchantī’ti (pārā. 584) vuttaṃ taṃ sabbampi idha gahitaṃ.
ยํ วา ปนญฺญมฺปีติ อิมินา ปาฬิอาคตํ ฐเปตฺวา เสสํ ตฎฺฎิกปิโลติกกณฺณิกวณฺณาทิเภทํ รูปํ คหิตํฯ ตญฺหิ สพฺพํ เยวาปนเกสุ ปวิฎฺฐํฯ
Yaṃ vā panaññampīti iminā pāḷiāgataṃ ṭhapetvā sesaṃ taṭṭikapilotikakaṇṇikavaṇṇādibhedaṃ rūpaṃ gahitaṃ. Tañhi sabbaṃ yevāpanakesu paviṭṭhaṃ.
เอวเมตํ นีลาทินา เภเทน ภินฺนมฺปิ รูปํ สพฺพํ ลกฺขณาทีหิ อภินฺนเมวฯ สพฺพเญฺหตํ จกฺขุปฎิหนนลกฺขณํ รูปํ, จกฺขุวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรสํ, ตเสฺสว โคจรปจฺจุปฎฺฐานํ, จตุมหาภูตปทฎฺฐานํฯ ยถา เจตํ ตถา สพฺพานิปิ อุปาทารูปานิฯ ยตฺถ ปน วิเสโส อตฺถิ ตตฺถ วกฺขามฯ เสสเมตฺถ จกฺขายตนนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ จกฺขุปุพฺพงฺคโม นิเทฺทโส อิธ รูปปุพฺพงฺคโมฯ ตตฺถ ‘จกฺขุํ เปต’นฺติอาทีนิ จุทฺทส นามานิ, อิธ ‘รูปํเปต’นฺติอาทีนิ ตีณิฯ เสสํ ตาทิสเมวฯ ยถา หิ จตูหิ จตูหิ นเยหิ ปฎิมเณฺฑตฺวา จกฺขุํ ววตฺถาเปตุํ เตรส วารา วุตฺตา, อิธาปิ เต ตเถว วุตฺตาติฯ
Evametaṃ nīlādinā bhedena bhinnampi rūpaṃ sabbaṃ lakkhaṇādīhi abhinnameva. Sabbañhetaṃ cakkhupaṭihananalakkhaṇaṃ rūpaṃ, cakkhuviññāṇassa visayabhāvarasaṃ, tasseva gocarapaccupaṭṭhānaṃ, catumahābhūtapadaṭṭhānaṃ. Yathā cetaṃ tathā sabbānipi upādārūpāni. Yattha pana viseso atthi tattha vakkhāma. Sesamettha cakkhāyatananiddese vuttanayeneva veditabbaṃ. Kevalañhi tattha cakkhupubbaṅgamo niddeso idha rūpapubbaṅgamo. Tattha ‘cakkhuṃ peta’ntiādīni cuddasa nāmāni, idha ‘rūpaṃpeta’ntiādīni tīṇi. Sesaṃ tādisameva. Yathā hi catūhi catūhi nayehi paṭimaṇḍetvā cakkhuṃ vavatthāpetuṃ terasa vārā vuttā, idhāpi te tatheva vuttāti.
๖๒๐. สทฺทายตนนิเทฺทเส เภริสโทฺทติ มหาเภรีปหฎเภรีนํ สโทฺทฯ มุทิงฺคสงฺขปณวสทฺทาปิ มุทิงฺคาทิปจฺจยา สทฺทาฯ คีตสงฺขาโต สโทฺท คีตสโทฺท ฯ วุตฺตาวเสสานํ วีณาทีนํ ตนฺติพทฺธานํ สโทฺท วาทิตสโทฺทฯ สมฺมสโทฺทติ กํสตาลกฎฺฐตาลสโทฺทฯ ปาณิสโทฺทติ ปาณิปฺปหารสโทฺทฯ สตฺตานํ นิโคฺฆสสโทฺทติ พหูนํ สนฺนิปติตานํ อปญฺญายมานปทพฺยญฺชนนิโคฺฆสสโทฺทฯ ธาตูนํ สนฺนิฆาตสโทฺทติ รุกฺขานํ อญฺญมญฺญนิฆํสนฆณฺฎิกาโกฎนาทิสโทฺทฯ วาตสฺส วายโต สโทฺท วาตสโทฺทฯ อุทกสฺส สนฺทมานสฺส วา ปฎิหตสฺส วา สโทฺท อุทกสโทฺทฯ มนุสฺสานํ สลฺลาปาทิสโทฺท มนุสฺสสโทฺทฯ ตํ ฐเปตฺวา เสโส สโพฺพปิ อมนุสฺสสโทฺทฯ อิมินา ปททฺวเยน สโพฺพปิ สโทฺท ปริยาทิโนฺนฯ เอวํ สเนฺตปิ วํสผาลนปิโลติกผาลนาทีสุ ปวโตฺต ปาฬิยํ อนาคตสโทฺท เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิโฎฺฐติ เวทิตโพฺพฯ
620. Saddāyatananiddese bherisaddoti mahābherīpahaṭabherīnaṃ saddo. Mudiṅgasaṅkhapaṇavasaddāpi mudiṅgādipaccayā saddā. Gītasaṅkhāto saddo gītasaddo. Vuttāvasesānaṃ vīṇādīnaṃ tantibaddhānaṃ saddo vāditasaddo. Sammasaddoti kaṃsatālakaṭṭhatālasaddo. Pāṇisaddoti pāṇippahārasaddo. Sattānaṃ nigghosasaddoti bahūnaṃ sannipatitānaṃ apaññāyamānapadabyañjananigghosasaddo. Dhātūnaṃ sannighātasaddoti rukkhānaṃ aññamaññanighaṃsanaghaṇṭikākoṭanādisaddo. Vātassa vāyato saddo vātasaddo. Udakassa sandamānassa vā paṭihatassa vā saddo udakasaddo. Manussānaṃ sallāpādisaddo manussasaddo. Taṃ ṭhapetvā seso sabbopi amanussasaddo. Iminā padadvayena sabbopi saddo pariyādinno. Evaṃ santepi vaṃsaphālanapilotikaphālanādīsu pavatto pāḷiyaṃ anāgatasaddo yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhoti veditabbo.
เอวมยํ เภรีสทฺทาทินา เภเทน ภิโนฺนปิ สโทฺท ลกฺขณาทีหิ อภิโนฺนเยวฯ สโพฺพปิ เหส โสตปฎิหนนลกฺขโณ สโทฺท โสตวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรโส, ตเสฺสว โคจรปจฺจุปฎฺฐาโนฯ เสสํ จกฺขายตนนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิธาปิ หิ จตูหิ จตูหิ นเยหิ ปฎิมณฺฑิตา เตรส วารา วุตฺตาฯ เตสํ อโตฺถ สกฺกา วุตฺตนเยเนว ชานิตุนฺติ น วิตฺถาริโตฯ
Evamayaṃ bherīsaddādinā bhedena bhinnopi saddo lakkhaṇādīhi abhinnoyeva. Sabbopi hesa sotapaṭihananalakkhaṇo saddo sotaviññāṇassa visayabhāvaraso, tasseva gocarapaccupaṭṭhāno. Sesaṃ cakkhāyatananiddese vuttanayeneva veditabbaṃ. Idhāpi hi catūhi catūhi nayehi paṭimaṇḍitā terasa vārā vuttā. Tesaṃ attho sakkā vuttanayeneva jānitunti na vitthārito.
๖๒๔. คนฺธายตนนิเทฺทเส มูลคโนฺธติ ยํ กิญฺจิ มูลํ ปฎิจฺจ นิพฺพโตฺต คโนฺธฯ สารคนฺธาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อสิทฺธทุสิทฺธานํ ฑากาทีนํ คโนฺธ อามกคโนฺธฯ มจฺฉสกลิกาปูติมํสสํกิลิฎฺฐสปฺปิอาทีนํ คโนฺธ วิสฺสคโนฺธฯ สุคโนฺธติ อิฎฺฐคโนฺธฯ ทุคฺคโนฺธติ อนิฎฺฐคโนฺธฯ อิมินา ปททฺวเยน สโพฺพปิ คโนฺธ ปริยาทิโนฺนฯ เอวํ สเนฺตปิ กณฺณกคนฺธปิโลติกคนฺธาทโย ปาฬิยํ อนาคตา สเพฺพปิ คนฺธา เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาติ เวทิตพฺพาฯ
624. Gandhāyatananiddese mūlagandhoti yaṃ kiñci mūlaṃ paṭicca nibbatto gandho. Sāragandhādīsupi eseva nayo. Asiddhadusiddhānaṃ ḍākādīnaṃ gandho āmakagandho. Macchasakalikāpūtimaṃsasaṃkiliṭṭhasappiādīnaṃ gandho vissagandho. Sugandhoti iṭṭhagandho. Duggandhoti aniṭṭhagandho. Iminā padadvayena sabbopi gandho pariyādinno. Evaṃ santepi kaṇṇakagandhapilotikagandhādayo pāḷiyaṃ anāgatā sabbepi gandhā yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhāti veditabbā.
เอวมยํ มูลคนฺธาทินา เภเทน ภิโนฺนปิ คโนฺธ ลกฺขณาทีหิ อภิโนฺนเยวฯ สโพฺพปิ เหส ฆานปฎิหนนลกฺขโณ คโนฺธ, ฆานวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรโส, ตเสฺสว โคจรปจฺจุปฎฺฐาโนฯ เสสํ จกฺขายตนนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิธาปิ หิ ตเถว ทฺวิปญฺญาสนยปฎิมณฺฑิตา เตรส วารา วุตฺตาฯ เต อตฺถโต ปากฎาเยวฯ
Evamayaṃ mūlagandhādinā bhedena bhinnopi gandho lakkhaṇādīhi abhinnoyeva. Sabbopi hesa ghānapaṭihananalakkhaṇo gandho, ghānaviññāṇassa visayabhāvaraso, tasseva gocarapaccupaṭṭhāno. Sesaṃ cakkhāyatananiddese vuttanayeneva veditabbaṃ. Idhāpi hi tatheva dvipaññāsanayapaṭimaṇḍitā terasa vārā vuttā. Te atthato pākaṭāyeva.
๖๒๘. รสายตนนิเทฺทเส มูลรโสติ ยํกิญฺจิ มูลํ ปฎิจฺจ นิพฺพตฺตรโสฯ ขนฺธรสาทีสุปิ เอเสว นโยฯ อมฺพิลนฺติ ตกฺกมฺพิลาทิฯ มธุรนฺติ เอกนฺตโต โคสปฺปิอาทิฯ มธุ ปน กสาวยุตฺตํ จิรนิกฺขิตฺตํ กสาวํ โหติฯ ผาณิตํ ขาริยุตฺตํ จิรนิกฺขิตฺตํ ขาริยํ โหติฯ สปฺปิ ปน จิรนิกฺขิตฺตํ วณฺณคเนฺธ ชหนฺตมฺปิ รสํ น ชหตีติ ตเทว เอกนฺตมธุรํฯ ติตฺตกนฺติ นิมฺพปณฺณาทิฯ กฎุกนฺติ สิงฺคิเวรมริจาทิฯ โลณิกนฺติ สามุทฺทิกโลณาทิฯ ขาริกนฺติ วาติงฺคณกฬีราทิฯ ลมฺพิลนฺติ พทรามลกกปิฎฺฐสาลวาทิฯ กสาวนฺติ หริตกาทิฯ อิเม สเพฺพปิ รสา วตฺถุวเสน วุตฺตาฯ ตํตํวตฺถุโต ปเนตฺถ รโสว อมฺพิลาทีหิ นาเมหิ วุโตฺตติ เวทิตโพฺพฯ สาทูติ อิฎฺฐรโส, อสาทูติ อนิฎฺฐรโสฯ อิมินา ปททฺวเยน สโพฺพปิ รโส ปริยาทิโนฺนฯ เอวํ สเนฺตปิ เลฑฺฑุรสภิตฺติรสปิโลติกรสาทโย ปาฬิยํ อนาคตา สเพฺพปิ รสา เยวาปนกฎฺฐานํ ปวิฎฺฐาติ เวทิตพฺพาฯ
628. Rasāyatananiddese mūlarasoti yaṃkiñci mūlaṃ paṭicca nibbattaraso. Khandharasādīsupi eseva nayo. Ambilanti takkambilādi. Madhuranti ekantato gosappiādi. Madhu pana kasāvayuttaṃ ciranikkhittaṃ kasāvaṃ hoti. Phāṇitaṃ khāriyuttaṃ ciranikkhittaṃ khāriyaṃ hoti. Sappi pana ciranikkhittaṃ vaṇṇagandhe jahantampi rasaṃ na jahatīti tadeva ekantamadhuraṃ. Tittakanti nimbapaṇṇādi. Kaṭukanti siṅgiveramaricādi. Loṇikanti sāmuddikaloṇādi. Khārikanti vātiṅgaṇakaḷīrādi. Lambilanti badarāmalakakapiṭṭhasālavādi. Kasāvanti haritakādi. Ime sabbepi rasā vatthuvasena vuttā. Taṃtaṃvatthuto panettha rasova ambilādīhi nāmehi vuttoti veditabbo. Sādūti iṭṭharaso, asādūti aniṭṭharaso. Iminā padadvayena sabbopi raso pariyādinno. Evaṃ santepi leḍḍurasabhittirasapilotikarasādayo pāḷiyaṃ anāgatā sabbepi rasā yevāpanakaṭṭhānaṃ paviṭṭhāti veditabbā.
เอวมยํ มูลรสาทินาเภเทน ภิโนฺนปิ รโส ลกฺขณาทีหิ อภิโนฺนเยวฯ สโพฺพปิ เหส ชิวฺหาปฎิหนนลกฺขโณ รโส, ชิวฺหาวิญฺญาณสฺส วิสยภาวรโส, ตเสฺสว โคจรปจฺจุปฎฺฐาโนฯ เสสํ จกฺขายตนนิเทฺทเส วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อิธาปิ หิ ตเถว ทฺวิปญฺญาสนยปฎิมณฺฑิตา เตรส วารา วุตฺตาฯ
Evamayaṃ mūlarasādinābhedena bhinnopi raso lakkhaṇādīhi abhinnoyeva. Sabbopi hesa jivhāpaṭihananalakkhaṇo raso, jivhāviññāṇassa visayabhāvaraso, tasseva gocarapaccupaṭṭhāno. Sesaṃ cakkhāyatananiddese vuttanayeneva veditabbaṃ. Idhāpi hi tatheva dvipaññāsanayapaṭimaṇḍitā terasa vārā vuttā.
๖๓๒. อิตฺถินฺทฺริยนิเทฺทเส ยนฺติ กรณวจนํฯ เยน การเณน อิตฺถิยา อิตฺถิลิงฺคาทีนิ โหนฺตีติ อยเมตฺถ อโตฺถฯ ตตฺถ ‘ลิงฺค’นฺติ สณฺฐานํฯ อิตฺถิยา หิ หตฺถปาทคีวาอุราทีนํ สณฺฐานํ น ปุริสสฺส วิย โหติฯ อิตฺถีนญฺหิ เหฎฺฐิมกาโย วิสโท โหติ, อุปริมกาโย อวิสโทฯ หตฺถปาทา ขุทฺทกา, มุขํ ขุทฺทกํฯ นิมิตฺตนฺติ สญฺชานนํฯ อิตฺถีนญฺหิ อุรมํสํ อวิสทํ โหติ, มุขํ นิมฺมสฺสุทาฐิกํฯ เกสพนฺธวตฺถคฺคหณมฺปิ น ปุริสานํ วิย โหติฯ กุตฺตนฺติ กิริยาฯ อิตฺถิโย หิ ทหรกาเล สุปฺปกมุสลเกหิ กีฬนฺติ, จิตฺตธีตลิกาย กีฬนฺติ, มตฺติกวาเกน สุตฺตกํ นาม กนฺตนฺติฯ อากโปฺปติ คมนาทิอากาโรฯ อิตฺถิโย หิ คจฺฉมานา อวิสทา คจฺฉนฺติ, ติฎฺฐมานา นิปชฺชมานา นิสีทมานา ขาทมานา ภุญฺชมานา อวิสทา ภุญฺชนฺติฯ ปุริสมฺปิ หิ อวิสทํ ทิสฺวา มาตุคาโม วิย คจฺฉติ ติฎฺฐติ นิปชฺชติ นิสีทติ ขาทติ ภุญฺชตีติ วทนฺติฯ
632. Itthindriyaniddese yanti karaṇavacanaṃ. Yena kāraṇena itthiyā itthiliṅgādīni hontīti ayamettha attho. Tattha ‘liṅga’nti saṇṭhānaṃ. Itthiyā hi hatthapādagīvāurādīnaṃ saṇṭhānaṃ na purisassa viya hoti. Itthīnañhi heṭṭhimakāyo visado hoti, uparimakāyo avisado. Hatthapādā khuddakā, mukhaṃ khuddakaṃ. Nimittanti sañjānanaṃ. Itthīnañhi uramaṃsaṃ avisadaṃ hoti, mukhaṃ nimmassudāṭhikaṃ. Kesabandhavatthaggahaṇampi na purisānaṃ viya hoti. Kuttanti kiriyā. Itthiyo hi daharakāle suppakamusalakehi kīḷanti, cittadhītalikāya kīḷanti, mattikavākena suttakaṃ nāma kantanti. Ākappoti gamanādiākāro. Itthiyo hi gacchamānā avisadā gacchanti, tiṭṭhamānā nipajjamānā nisīdamānā khādamānā bhuñjamānā avisadā bhuñjanti. Purisampi hi avisadaṃ disvā mātugāmo viya gacchati tiṭṭhati nipajjati nisīdati khādati bhuñjatīti vadanti.
อิตฺถตฺตํ อิตฺถิภาโวติ อุภยมฺปิ เอกตฺถํ; อิตฺถิสภาโวติ อโตฺถฯ อยํ กมฺมโช ปฎิสนฺธิสมุฎฺฐิโตฯ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ปน อิตฺถินฺทฺริยํ ปฎิจฺจ ปวเตฺต สมุฎฺฐิตานิฯ ยถา หิ พีเช สติ, พีชํ ปฎิจฺจ, พีชปจฺจยา รุโกฺข วฑฺฒิตฺวา สาขาวิฎปสมฺปโนฺน หุตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ติฎฺฐติ, เอวเมว อิตฺถิภาวสงฺขาเต อิตฺถินฺทฺริเย สติ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ โหนฺติฯ พีชํ วิย หิ อิตฺถินฺทฺริยํ, พีชํ ปฎิจฺจ วฑฺฒิตฺวา อากาสํ ปูเรตฺวา ฐิตรุโกฺข วิย อิตฺถินฺทฺริยํ ปฎิจฺจ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ ปวเตฺต สมุฎฺฐหนฺติฯ ตตฺถ อิตฺถินฺทฺริยํ น จกฺขุวิเญฺญยฺยํ, มโนวิเญฺญยฺยเมวฯ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ จกฺขุวิเญฺญยฺยานิปิ มโนวิเญฺญยฺยานิปิฯ
Itthattaṃ itthibhāvoti ubhayampi ekatthaṃ; itthisabhāvoti attho. Ayaṃ kammajo paṭisandhisamuṭṭhito. Itthiliṅgādīni pana itthindriyaṃ paṭicca pavatte samuṭṭhitāni. Yathā hi bīje sati, bījaṃ paṭicca, bījapaccayā rukkho vaḍḍhitvā sākhāviṭapasampanno hutvā ākāsaṃ pūretvā tiṭṭhati, evameva itthibhāvasaṅkhāte itthindriye sati itthiliṅgādīni honti. Bījaṃ viya hi itthindriyaṃ, bījaṃ paṭicca vaḍḍhitvā ākāsaṃ pūretvā ṭhitarukkho viya itthindriyaṃ paṭicca itthiliṅgādīni pavatte samuṭṭhahanti. Tattha itthindriyaṃ na cakkhuviññeyyaṃ, manoviññeyyameva. Itthiliṅgādīni cakkhuviññeyyānipi manoviññeyyānipi.
อิทํ ตํ รูปํ อิตฺถินฺทฺริยนฺติ อิทํ ตํ รูปํ, ยถา จกฺขุนฺทฺริยาทีนิ ปุริสสฺสาปิ โหนฺติ, น เอวํ; นิยมโต ปน อิตฺถิยา เอว อินฺทฺริยํ ‘อิตฺถินฺทฺริยํ’ฯ
Idaṃ taṃ rūpaṃ itthindriyanti idaṃ taṃ rūpaṃ, yathā cakkhundriyādīni purisassāpi honti, na evaṃ; niyamato pana itthiyā eva indriyaṃ ‘itthindriyaṃ’.
๖๓๓. ปุริสินฺทฺริเยปิ เอเสว นโยฯ ปุริสลิงฺคาทีนิ ปน อิตฺถิลิงฺคาทีนํ ปฎิปกฺขโต เวทิตพฺพานิฯ ปุริสสฺส หิ หตฺถปาทคีวาอุราทีนํ สณฺฐานํ น อิตฺถิยา วิย โหติฯ ปุริสานญฺหิ อุปริมกาโย วิสโท โหติ เหฎฺฐิมกาโย อวิสโท, หตฺถปาทา มหนฺตา, มุขํ มหนฺตํ, อุรมํสํ วิสทํ, มสฺสุทาฐิกา อุปฺปชฺชนฺติฯ เกสพนฺธนวตฺถคฺคหณํ น อิตฺถีนํ วิย โหติฯ ทหรกาเล รถนงฺคลาทีหิ กีฬนฺติ, วาลิกปาฬิํ กตฺวา วาปิํ นาม ขนนฺติ, คมนาทีนิ วิสทานิ โหนฺติฯ อิตฺถิมฺปิ คมนาทีนิ วิสทานิ กุรุมานํ ทิสฺวา ‘ปุริโส วิย คจฺฉตี’ติอาทีนิ วทนฺติฯ เสสํ อิตฺถินฺทฺริเย วุตฺตสทิสเมวฯ
633. Purisindriyepi eseva nayo. Purisaliṅgādīni pana itthiliṅgādīnaṃ paṭipakkhato veditabbāni. Purisassa hi hatthapādagīvāurādīnaṃ saṇṭhānaṃ na itthiyā viya hoti. Purisānañhi uparimakāyo visado hoti heṭṭhimakāyo avisado, hatthapādā mahantā, mukhaṃ mahantaṃ, uramaṃsaṃ visadaṃ, massudāṭhikā uppajjanti. Kesabandhanavatthaggahaṇaṃ na itthīnaṃ viya hoti. Daharakāle rathanaṅgalādīhi kīḷanti, vālikapāḷiṃ katvā vāpiṃ nāma khananti, gamanādīni visadāni honti. Itthimpi gamanādīni visadāni kurumānaṃ disvā ‘puriso viya gacchatī’tiādīni vadanti. Sesaṃ itthindriye vuttasadisameva.
ตตฺถ อิตฺถิภาวลกฺขณํ อิตฺถินฺทฺริยํ, อิตฺถีติ ปกาสนรสํ, อิตฺถิลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฎฺฐานํฯ ปุริสภาวลกฺขณํ ปุริสินฺทฺริยํ, ปุริโสติ ปกาสนรสํ, ปุริสลิงฺคนิมิตฺตกุตฺตากปฺปานํ การณภาวปจฺจุปฎฺฐานํฯ อุภยเมฺปตํ ปฐมกปฺปิกานํ ปวเตฺต สมุฎฺฐาติฯ อปรภาเค ปฎิสนฺธิยํฯ ปฎิสนฺธิสมุฎฺฐิตมฺปิ ปวเตฺต จลติ ปริวตฺตติฯ
Tattha itthibhāvalakkhaṇaṃ itthindriyaṃ, itthīti pakāsanarasaṃ, itthiliṅganimittakuttākappānaṃ kāraṇabhāvapaccupaṭṭhānaṃ. Purisabhāvalakkhaṇaṃ purisindriyaṃ, purisoti pakāsanarasaṃ, purisaliṅganimittakuttākappānaṃ kāraṇabhāvapaccupaṭṭhānaṃ. Ubhayampetaṃ paṭhamakappikānaṃ pavatte samuṭṭhāti. Aparabhāge paṭisandhiyaṃ. Paṭisandhisamuṭṭhitampi pavatte calati parivattati.
ยถาห –
Yathāha –
‘‘เตน โข ปน สมเยน อญฺญตรสฺส ภิกฺขุโน อิตฺถิลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหติฯ เตน โข ปน สมเยน อญฺญตริสฺสา ภิกฺขุนิยา ปุริสลิงฺคํ ปาตุภูตํ โหตี’’ติ (ปารา. ๖๙)ฯ
‘‘Tena kho pana samayena aññatarassa bhikkhuno itthiliṅgaṃ pātubhūtaṃ hoti. Tena kho pana samayena aññatarissā bhikkhuniyā purisaliṅgaṃ pātubhūtaṃ hotī’’ti (pārā. 69).
อิเมสุ ปน ทฺวีสุ ปุริสลิงฺคํ อุตฺตมํ, อิตฺถิลิงฺคํ หีนํฯ ตสฺมา ปุริสลิงฺคํ พลวอกุสเลน อนฺตรธายติ, อิตฺถิลิงฺคํ ทุพฺพลกุสเลน ปติฎฺฐาติฯ อิตฺถิลิงฺคํ ปน อนฺตรธายนฺตํ ทุพฺพลอกุสเลน อนฺตรธายติ, ปุริสลิงฺคํ พลวกุสเลน ปติฎฺฐาติฯ เอวํ อุภยมฺปิ อกุสเลน อนฺตรธายติ, กุสเลน ปติฎฺฐาตีติ เวทิตพฺพํฯ
Imesu pana dvīsu purisaliṅgaṃ uttamaṃ, itthiliṅgaṃ hīnaṃ. Tasmā purisaliṅgaṃ balavaakusalena antaradhāyati, itthiliṅgaṃ dubbalakusalena patiṭṭhāti. Itthiliṅgaṃ pana antaradhāyantaṃ dubbalaakusalena antaradhāyati, purisaliṅgaṃ balavakusalena patiṭṭhāti. Evaṃ ubhayampi akusalena antaradhāyati, kusalena patiṭṭhātīti veditabbaṃ.
อุภโตพฺยญฺชนกสฺส ปน กิํ เอกํ อินฺทฺริยํ อุทาหุ เทฺวติ? เอกํฯ ตญฺจ โข อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนกสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ, ปุริสอุภโตพฺยญฺชนกสฺส ปุริสินฺทฺริยํฯ ‘เอวํ สเนฺต ทุติยพฺยญฺชนกสฺส อภาโว อาปชฺชติฯ อินฺทฺริยญฺหิ พฺยญฺชนการณํ วุตฺตํฯ ตญฺจสฺส นตฺถี’ติ? ‘น ตสฺส อินฺทฺริยํ พฺยญฺชนการณํ’ฯ ‘กสฺมา’? ‘สทา อภาวโตฯ อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนกสฺส หิ ยทา อิตฺถิยา ราคจิตฺตํ อุปฺปชฺชติ, ตทาว ปุริสพฺยญฺชนํ ปากฎํ โหติ, อิตฺถิพฺยญฺชนํ ปฎิจฺฉนฺนํ คุฬฺหํ โหติฯ ตถา อิตรสฺส อิตรํฯ
Ubhatobyañjanakassa pana kiṃ ekaṃ indriyaṃ udāhu dveti? Ekaṃ. Tañca kho itthiubhatobyañjanakassa itthindriyaṃ, purisaubhatobyañjanakassa purisindriyaṃ. ‘Evaṃ sante dutiyabyañjanakassa abhāvo āpajjati. Indriyañhi byañjanakāraṇaṃ vuttaṃ. Tañcassa natthī’ti? ‘Na tassa indriyaṃ byañjanakāraṇaṃ’. ‘Kasmā’? ‘Sadā abhāvato. Itthiubhatobyañjanakassa hi yadā itthiyā rāgacittaṃ uppajjati, tadāva purisabyañjanaṃ pākaṭaṃ hoti, itthibyañjanaṃ paṭicchannaṃ guḷhaṃ hoti. Tathā itarassa itaraṃ.
ยทิ จ เตสํ อินฺทฺริยํ ทุติยพฺยญฺชนการณํ ภเวยฺย, สทาปิ พฺยญฺชนทฺวยํ ติเฎฺฐยฺยฯ น ปน ติฎฺฐติฯ ตสฺมา เวทิตพฺพเมตํ น ตสฺส ตํ พฺยญฺชนการณํฯ กมฺมสหายํ ปน ราคจิตฺตเมเวตฺถ การณํฯ ยสฺมา จสฺส เอกเมว อินฺทฺริยํ โหติ, ตสฺมา อิตฺถิอุภโตพฺยญฺชนโก สยมฺปิ คพฺภํ คณฺหาติ, ปรมฺปิ คณฺหาเปติฯ ปุริสอุภโตพฺยญฺชนโก ปรํ คพฺภํ คณฺหาเปติ, สยํ ปน น คณฺหาตีติฯ
Yadi ca tesaṃ indriyaṃ dutiyabyañjanakāraṇaṃ bhaveyya, sadāpi byañjanadvayaṃ tiṭṭheyya. Na pana tiṭṭhati. Tasmā veditabbametaṃ na tassa taṃ byañjanakāraṇaṃ. Kammasahāyaṃ pana rāgacittamevettha kāraṇaṃ. Yasmā cassa ekameva indriyaṃ hoti, tasmā itthiubhatobyañjanako sayampi gabbhaṃ gaṇhāti, parampi gaṇhāpeti. Purisaubhatobyañjanako paraṃ gabbhaṃ gaṇhāpeti, sayaṃ pana na gaṇhātīti.
๖๓๔. ชีวิตินฺทฺริยนิเทฺทเส ยํ วตฺตพฺพํ ตํ เหฎฺฐา อรูปชีวิตินฺทฺริเย วุตฺตเมวฯ เกวลญฺหิ ตตฺถ โย เตสํ อรูปีนํ ธมฺมานนฺติ วุตฺตํ, อิธ รูปชีวิตินฺทฺริยตฺตา โย เตสํ รูปีนํ ธมฺมานนฺติ อยเมว วิเสโสฯ ลกฺขณาทีนิ ปนสฺส เอวํ เวทิตพฺพานิ – สหชาตรูปานุปาลนลกฺขณํ ชีวิตินฺทฺริยํ, เตสํ ปวตฺตนรสํ, เตสํ เยว ฐปนปจฺจุปฎฺฐานํ, ยาปยิตพฺพภูตปทฎฺฐานนฺติฯ
634. Jīvitindriyaniddese yaṃ vattabbaṃ taṃ heṭṭhā arūpajīvitindriye vuttameva. Kevalañhi tattha yo tesaṃ arūpīnaṃ dhammānanti vuttaṃ, idha rūpajīvitindriyattā yo tesaṃ rūpīnaṃ dhammānanti ayameva viseso. Lakkhaṇādīni panassa evaṃ veditabbāni – sahajātarūpānupālanalakkhaṇaṃ jīvitindriyaṃ, tesaṃ pavattanarasaṃ, tesaṃ yeva ṭhapanapaccupaṭṭhānaṃ, yāpayitabbabhūtapadaṭṭhānanti.
๖๓๕. กายวิญฺญตฺตินิเทฺทเส กายวิญฺญตฺตีติ เอตฺถ ตาว กาเยน อตฺตโน ภาวํ วิญฺญาเปนฺตานํ ติรจฺฉาเนหิปิ ปุริสานํ, ปุริเสหิ วา ติรจฺฉานานมฺปิ กายคหณานุสาเรน คหิตาย เอตาย ภาโว วิญฺญายตีติ ‘วิญฺญตฺติ’ฯ สยํ กายคหณานุสาเรน วิญฺญายตีติปิ ‘วิญฺญตฺติ’ฯ ‘‘กาเยน สํวโร สาธู’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๓๖๑) อาคโต โจปนสงฺขาโต กาโยว วิญฺญตฺติ ‘กายวิญฺญตฺติ’ฯ กายวิปฺผนฺทเนน อธิปฺปายวิญฺญาปนเหตุตฺตา, สยญฺจ ตถา วิเญฺญยฺยตฺตา กาเยน วิญฺญตฺตีติปิ ‘กายวิญฺญตฺติ’ฯ
635. Kāyaviññattiniddese kāyaviññattīti ettha tāva kāyena attano bhāvaṃ viññāpentānaṃ tiracchānehipi purisānaṃ, purisehi vā tiracchānānampi kāyagahaṇānusārena gahitāya etāya bhāvo viññāyatīti ‘viññatti’. Sayaṃ kāyagahaṇānusārena viññāyatītipi ‘viññatti’. ‘‘Kāyena saṃvaro sādhū’’tiādīsu (dha. pa. 361) āgato copanasaṅkhāto kāyova viññatti ‘kāyaviññatti’. Kāyavipphandanena adhippāyaviññāpanahetuttā, sayañca tathā viññeyyattā kāyena viññattītipi ‘kāyaviññatti’.
กุสลจิตฺตสฺส วาติอาทีสุ อฎฺฐหิ กามาวจเรหิ อภิญฺญาจิเตฺตน จาติ นวหิ กุสลจิเตฺตหิ กุสลจิตฺตสฺส วา, ทฺวาทสหิปิ อกุสลจิเตฺตหิ อกุสลจิตฺตสฺส วา, อฎฺฐหิ มหากิริเยหิ ทฺวีหิ อเหตุกกิริเยหิ อภิญฺญาปฺปเตฺตน เอเกน รูปาวจรกิริเยนาติ เอกาทสหิ กิริยจิเตฺตหิ อพฺยากตจิตฺตสฺส วาฯ อิโต อญฺญานิ หิ จิตฺตานิ วิญฺญตฺติํ น ชเนนฺติฯ เสกฺขาเสกฺขปุถุชฺชนานํ ปน เอตฺตเกเหว จิเตฺตหิ วิญฺญตฺติ โหตีติ เอเตสํ กุสลาทีนํ วเสน ตีหิ ปเทหิ ‘เหตุโต’ ทสฺสิตาฯ
Kusalacittassa vātiādīsu aṭṭhahi kāmāvacarehi abhiññācittena cāti navahi kusalacittehi kusalacittassa vā, dvādasahipi akusalacittehi akusalacittassa vā, aṭṭhahi mahākiriyehi dvīhi ahetukakiriyehi abhiññāppattena ekena rūpāvacarakiriyenāti ekādasahi kiriyacittehi abyākatacittassa vā. Ito aññāni hi cittāni viññattiṃ na janenti. Sekkhāsekkhaputhujjanānaṃ pana ettakeheva cittehi viññatti hotīti etesaṃ kusalādīnaṃ vasena tīhi padehi ‘hetuto’ dassitā.
อิทานิ ฉหิ ปเทหิ ‘ผลโต’ ทเสฺสตุํ อภิกฺกมนฺตสฺส วาติอาทิ วุตฺตํฯ อภิกฺกมาทโย หิ วิญฺญตฺติวเสน ปวตฺตตฺตา วิญฺญตฺติผลํ นามฯ ตตฺถ ‘อภิกฺกมนฺตสฺสา’ติ ปุรโต กายํ อภิหรนฺตสฺสฯ ปฎิกฺกมนฺตสฺสาติ ปจฺฉโต ปจฺจาหรนฺตสฺสฯ อาโลเกนฺตสฺสาติ อุชุกํ เปกฺขนฺตสฺสฯ วิโลเกนฺตสฺสาติ อิโต จิโต จ เปกฺขนฺตสฺสฯ สมิเญฺชนฺตสฺสาติ สนฺธโย สโงฺกเจนฺตสฺสฯ ปสาเรนฺตสฺสาติ สนฺธโย ปฎิปณาเมนฺตสฺสฯ
Idāni chahi padehi ‘phalato’ dassetuṃ abhikkamantassa vātiādi vuttaṃ. Abhikkamādayo hi viññattivasena pavattattā viññattiphalaṃ nāma. Tattha ‘abhikkamantassā’ti purato kāyaṃ abhiharantassa. Paṭikkamantassāti pacchato paccāharantassa. Ālokentassāti ujukaṃ pekkhantassa. Vilokentassāti ito cito ca pekkhantassa. Samiñjentassāti sandhayo saṅkocentassa. Pasārentassāti sandhayo paṭipaṇāmentassa.
อิทานิ ฉหิ ปเทหิ ‘สภาวโต’ ทเสฺสตุํ กายสฺส ถมฺภนาติ อาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ‘กายสฺสา’ติ สรีรสฺสฯ กายํ ถเมฺภตฺวา ถทฺธํ กโรตีติ ถมฺภนาฯ ตเมว อุปสเคฺคน วเฑฺฒตฺวา สนฺถมฺภนาติ อาหฯ พลวตรา วา ถมฺภนา ‘สนฺถมฺภนา’ฯ สนฺถมฺภิตตฺตนฺติ สนฺถมฺภิตภาโวฯ วิญฺญาปนวเสน วิญฺญตฺติฯ วิญฺญาปนาติ วิญฺญาปนากาโรฯ วิญฺญาปิตภาโว วิญฺญาปิตตฺตํฯ เสสเมตฺถ ยํ วตฺตพฺพํ ตํ เหฎฺฐา ทฺวารกถายํ วุตฺตเมวฯ ตถา วจีวิญฺญตฺติยํฯ
Idāni chahi padehi ‘sabhāvato’ dassetuṃ kāyassa thambhanāti ādi vuttaṃ. Tattha ‘kāyassā’ti sarīrassa. Kāyaṃ thambhetvā thaddhaṃ karotīti thambhanā. Tameva upasaggena vaḍḍhetvā santhambhanāti āha. Balavatarā vā thambhanā ‘santhambhanā’. Santhambhitattanti santhambhitabhāvo. Viññāpanavasena viññatti. Viññāpanāti viññāpanākāro. Viññāpitabhāvo viññāpitattaṃ. Sesamettha yaṃ vattabbaṃ taṃ heṭṭhā dvārakathāyaṃ vuttameva. Tathā vacīviññattiyaṃ.
๖๓๖. วจีวิญฺญตฺตีติปทสฺส ปน นิเทฺทสปทานญฺจ อโตฺถ ตตฺถ น วุโตฺต, โส เอวํ เวทิตโพฺพ – วาจาย อตฺตโน ภาวํ วิญฺญาเปนฺตานํ ติรจฺฉาเนหิปิ ปุริสานํ, ปุริเสหิ วา ติรจฺฉานานมฺปิ , วจีคหณานุสาเรน คหิตาย เอตาย ภาโว วิญฺญายตีติ วิญฺญตฺติฯ สยญฺจ วจีคหณานุสาเรน วิญฺญายตีติปิ วิญฺญตฺติฯ ‘‘สาธุ วาจาย สํวโร’’ติอาทีสุ (ธ. ป. ๓๖๑) อาคตา โจปนสงฺขาตา วจี เอว วิญฺญตฺติ ‘วจีวิญฺญตฺติ’ฯ วจีโฆเสน อธิปฺปายวิญฺญาปนเหตุตฺตา สยญฺจ ตถาวิเญฺญยฺยตฺตา วาจาย วิญฺญตฺตีติปิ ‘วจีวิญฺญตฺติ’ฯ วาจา คิราติอาทีสุ วุจฺจตีติ ‘วาจา’ฯ คิริยตีติ ‘คิรา’ฯ พฺยปฺปโถติ วากฺยเภโทฯ วากฺยญฺจ ตํ ปโถ จ อตฺถํ ญาตุกามานํ ญาเปตุกามานญฺจาติปิ ‘พฺยปฺปโถ’ฯ อุทีริยตีติ อุทีรณํฯ ฆุสฺสตีติ โฆโสฯ กริยตีติ กมฺมํฯ โฆโสว กมฺมํ โฆสกมฺมํฯ นานปฺปกาเรหิ กโต โฆโสติ อโตฺถฯ วจิยา เภโท วจีเภโทฯ โส ปน ‘น ภโงฺค, ปเภทคตา วาจา เอวา’ติ ญาปนตฺถํ วาจา วจีเภโทติ วุตฺตํฯ อิเมหิ สเพฺพหิปิ ปเทหิ ‘สทฺทวาจาว’ ทสฺสิตาฯ อิทานิ ตาย วาจาย สทฺธิํ โยเชตฺวา เหฎฺฐา วุตฺตตฺถานํ วิญฺญตฺติอาทีนํ ปทานํ วเสน ตีหากาเรหิ สภาวโต ตํ ทเสฺสตุํ ยา ตาย วาจาย วิญฺญตฺตีติอาทิ วุตฺตํฯ ตํ เหฎฺฐา วุตฺตนยตฺตา อุตฺตานตฺถเมวฯ
636. Vacīviññattītipadassa pana niddesapadānañca attho tattha na vutto, so evaṃ veditabbo – vācāya attano bhāvaṃ viññāpentānaṃ tiracchānehipi purisānaṃ, purisehi vā tiracchānānampi , vacīgahaṇānusārena gahitāya etāya bhāvo viññāyatīti viññatti. Sayañca vacīgahaṇānusārena viññāyatītipi viññatti. ‘‘Sādhu vācāya saṃvaro’’tiādīsu (dha. pa. 361) āgatā copanasaṅkhātā vacī eva viññatti ‘vacīviññatti’. Vacīghosena adhippāyaviññāpanahetuttā sayañca tathāviññeyyattā vācāya viññattītipi ‘vacīviññatti’. Vācā girātiādīsu vuccatīti ‘vācā’. Giriyatīti ‘girā’. Byappathoti vākyabhedo. Vākyañca taṃ patho ca atthaṃ ñātukāmānaṃ ñāpetukāmānañcātipi ‘byappatho’. Udīriyatīti udīraṇaṃ. Ghussatīti ghoso. Kariyatīti kammaṃ. Ghosova kammaṃ ghosakammaṃ. Nānappakārehi kato ghosoti attho. Vaciyā bhedo vacībhedo. So pana ‘na bhaṅgo, pabhedagatā vācā evā’ti ñāpanatthaṃ vācā vacībhedoti vuttaṃ. Imehi sabbehipi padehi ‘saddavācāva’ dassitā. Idāni tāya vācāya saddhiṃ yojetvā heṭṭhā vuttatthānaṃ viññattiādīnaṃ padānaṃ vasena tīhākārehi sabhāvato taṃ dassetuṃ yā tāya vācāya viññattītiādi vuttaṃ. Taṃ heṭṭhā vuttanayattā uttānatthameva.
อิทานิ วิญฺญตฺติสมุฎฺฐาปกจิเตฺตสุ อสโมฺมหตฺถํ ทฺวตฺติํส ฉพฺพีส เอกูนวีสติ โสฬส ปจฺฉิมานีติ อิทํ ปกิณฺณกํ เวทิตพฺพํ – ทฺวตฺติํส จิตฺตานิ หิ รูปํ สมุฎฺฐาเปนฺติ, อิริยาปถมฺปิ อุปตฺถเมฺภนฺติ, ทุวิธมฺปิ วิญฺญตฺติํ ชเนนฺติฯ ฉพฺพีสติ วิญฺญตฺติเมว น ชเนนฺติ, อิตรทฺวยํ กโรนฺติฯ เอกูนวีสติ รูปเมว สมุฎฺฐาเปนฺติ, อิตรทฺวยํ น กโรนฺติฯ โสฬส อิเมสุ ตีสุ เอกมฺปิ น กโรนฺติฯ
Idāni viññattisamuṭṭhāpakacittesu asammohatthaṃ dvattiṃsa chabbīsa ekūnavīsati soḷasa pacchimānīti idaṃ pakiṇṇakaṃ veditabbaṃ – dvattiṃsa cittāni hi rūpaṃ samuṭṭhāpenti, iriyāpathampi upatthambhenti, duvidhampi viññattiṃ janenti. Chabbīsati viññattimeva na janenti, itaradvayaṃ karonti. Ekūnavīsati rūpameva samuṭṭhāpenti, itaradvayaṃ na karonti. Soḷasa imesu tīsu ekampi na karonti.
ตตฺถ ทฺวตฺติํสาติ เหฎฺฐา วุตฺตาเนว กามาวจรโต อฎฺฐ กุสลานิ, ทฺวาทส อกุสลานิ, กิริยโต ทส จิตฺตานิ, เสกฺขปุถุชฺชนานํ อภิญฺญาจิตฺตํ, ขีณาสวานํ อภิญฺญาจิตฺตนฺติฯ ฉพฺพีสาติ รูปาวจรโต ปญฺจ กุสลานิ, ปญฺจ กิริยานิ, อรูปาวจรโต จตฺตาริ กุสลานิ, จตฺตาริ กิริยานิ, จตฺตาริ มคฺคจิตฺตานิ, จตฺตาริ ผลจิตฺตานีติฯ เอกูนวีสตีติ กามาวจรกุสลวิปากโต เอกาทส, อกุสลวิปากโต เทฺว , กิริยโต กิริยมโนธาตุ, รูปาวจรโต ปญฺจ วิปากจิตฺตานีติฯ โสฬสาติ เทฺว ปญฺจวิญฺญาณานิ, สพฺพสตฺตานํ ปฎิสนฺธิจิตฺตํ, ขีณาสวานํ จุติจิตฺตํ, อรูเป จตฺตาริ วิปากจิตฺตานีติฯ อิมานิ โสฬส รูปิริยาปถวิญฺญตฺตีสุ เอกมฺปิ น กโรนฺติฯ อญฺญานิปิ พหูนิ อรูเป อุปฺปนฺนานิ อโนกาสคตตฺตา รูปํ น สมุฎฺฐาเปนฺติฯ น ตาเนว, กายวจีวิญฺญตฺติโยปิฯ
Tattha dvattiṃsāti heṭṭhā vuttāneva kāmāvacarato aṭṭha kusalāni, dvādasa akusalāni, kiriyato dasa cittāni, sekkhaputhujjanānaṃ abhiññācittaṃ, khīṇāsavānaṃ abhiññācittanti. Chabbīsāti rūpāvacarato pañca kusalāni, pañca kiriyāni, arūpāvacarato cattāri kusalāni, cattāri kiriyāni, cattāri maggacittāni, cattāri phalacittānīti. Ekūnavīsatīti kāmāvacarakusalavipākato ekādasa, akusalavipākato dve , kiriyato kiriyamanodhātu, rūpāvacarato pañca vipākacittānīti. Soḷasāti dve pañcaviññāṇāni, sabbasattānaṃ paṭisandhicittaṃ, khīṇāsavānaṃ cuticittaṃ, arūpe cattāri vipākacittānīti. Imāni soḷasa rūpiriyāpathaviññattīsu ekampi na karonti. Aññānipi bahūni arūpe uppannāni anokāsagatattā rūpaṃ na samuṭṭhāpenti. Na tāneva, kāyavacīviññattiyopi.
๖๓๗. อากาสธาตุนิเทฺทเส น กสฺสติ, น นิกสฺสติ, กสิตุํ วา ฉินฺทิตุํ วา ภินฺทิตุํ วา น สกฺกาติ อากาโสฯ อากาโสว อากาสคตํ , เขฬคตาทิ วิยฯ อากาโสติ วา คตนฺติ ‘อากาสคตํ’ฯ น หญฺญตีติ อฆํ, อฆฎฺฎนียนฺติ อโตฺถฯ อฆเมว อฆคตํฯ ฉิทฺทเฎฺฐน วิวโรฯ วิวโรว วิวรคตํฯ อสมฺผุฎฺฐํ จตูหิ มหาภูเตหีติ เอเตหิ อสมฺผุฎฺฐํ นิชฺชฎากาสํว กถิตํฯ ลกฺขณาทิโต ปน รูปปริเจฺฉทลกฺขณา อากาสธาตุ, รูปปริยนฺตปฺปกาสนรสา, รูปมริยาทปจฺจุปฎฺฐานา อสมฺผุฎฺฐภาวฉิทฺทวิวรภาวปจฺจุปฎฺฐานา วา, ปริจฺฉินฺนรูปปทฎฺฐานา, ยาย ปริจฺฉิเนฺนสุ รูเปสุ ‘อิทมิโต อุทฺธํ อโธ ติริย’นฺติ จ โหติฯ
637. Ākāsadhātuniddese na kassati, na nikassati, kasituṃ vā chindituṃ vā bhindituṃ vā na sakkāti ākāso. Ākāsova ākāsagataṃ, kheḷagatādi viya. Ākāsoti vā gatanti ‘ākāsagataṃ’. Na haññatīti aghaṃ, aghaṭṭanīyanti attho. Aghameva aghagataṃ. Chiddaṭṭhena vivaro. Vivarova vivaragataṃ. Asamphuṭṭhaṃ catūhi mahābhūtehīti etehi asamphuṭṭhaṃ nijjaṭākāsaṃva kathitaṃ. Lakkhaṇādito pana rūpaparicchedalakkhaṇā ākāsadhātu, rūpapariyantappakāsanarasā, rūpamariyādapaccupaṭṭhānā asamphuṭṭhabhāvachiddavivarabhāvapaccupaṭṭhānā vā, paricchinnarūpapadaṭṭhānā, yāya paricchinnesu rūpesu ‘idamito uddhaṃ adho tiriya’nti ca hoti.
๖๓๘. อิโต ปเร รูปสฺสลหุตาทีนํ นิเทฺทสา จิตฺตสฺสลหุตาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ ลกฺขณาทิโต ปเนตฺถ อทนฺธตาลกฺขณา รูปสฺส ลหุตา, รูปานํ ครุภาววิโนทนรสา, ลหุปริวตฺติตาปจฺจุปฎฺฐานา, ลหุรูปปทฎฺฐานาฯ อถทฺธตาลกฺขณา รูปสฺส มุทุตา, รูปานํ ถทฺธภาววิโนทนรสา, สพฺพกิริยาสุ อวิโรธิตาปจฺจุปฎฺฐานา, มุทุรูปปทฎฺฐานาฯ สรีรกิริยานุกูลกมฺมญฺญภาวลกฺขณา รูปสฺส กมฺมญฺญตา, อกมฺมญฺญตาวิโนทนรสา, อทุพฺพลภาวปจฺจุปฎฺฐานา, กมฺมญฺญรูปปทฎฺฐานาฯ
638. Ito pare rūpassalahutādīnaṃ niddesā cittassalahutādīsu vuttanayeneva veditabbā. Lakkhaṇādito panettha adandhatālakkhaṇā rūpassa lahutā, rūpānaṃ garubhāvavinodanarasā, lahuparivattitāpaccupaṭṭhānā, lahurūpapadaṭṭhānā. Athaddhatālakkhaṇā rūpassa mudutā, rūpānaṃ thaddhabhāvavinodanarasā, sabbakiriyāsu avirodhitāpaccupaṭṭhānā, mudurūpapadaṭṭhānā. Sarīrakiriyānukūlakammaññabhāvalakkhaṇā rūpassa kammaññatā, akammaññatāvinodanarasā, adubbalabhāvapaccupaṭṭhānā, kammaññarūpapadaṭṭhānā.
เอตา ปน ติโสฺส น อญฺญมญฺญํ วิชหนฺติฯ เอวํ สเนฺตปิ โย อโรคิโน วิย รูปานํ ลหุภาโว, อทนฺธตาลหุปริวตฺติปฺปกาโร, รูปทนฺธตฺตกรธาตุโกฺขภปฎิปกฺขปจฺจยสมุฎฺฐาโน, โส รูปวิกาโร ‘รูปสฺสลหุตา’ฯ โย สุปริมทฺทิตจมฺมเสฺสว รูปานํ มุทุภาโว สพฺพกิริยาวิเสเสสุ สรสวตฺตนภาโว วสวตฺตนภาวมทฺทวปฺปกาโร รูปถทฺธตฺตกรธาตุโกฺขภปฎิปกฺขปจฺจยสมุฎฺฐาโน , โส รูปวิกาโร ‘รูปสฺส มุทุตา’ฯ โย ปน สุธนฺตสุวณฺณเสฺสว รูปานํ กมฺมญฺญภาโว สรีรกิริยานุกูลภาวปฺปกาโร สรีรกิริยานํ อนนุกูลกรธาตุโกฺขภปฎิปกฺขปจฺจยสมุฎฺฐาโน, โส รูปวิกาโร ‘รูปสฺส กมฺมญฺญตา’ติฯ เอวเมตาสํ วิเสโส เวทิตโพฺพฯ
Etā pana tisso na aññamaññaṃ vijahanti. Evaṃ santepi yo arogino viya rūpānaṃ lahubhāvo, adandhatālahuparivattippakāro, rūpadandhattakaradhātukkhobhapaṭipakkhapaccayasamuṭṭhāno, so rūpavikāro ‘rūpassalahutā’. Yo suparimadditacammasseva rūpānaṃ mudubhāvo sabbakiriyāvisesesu sarasavattanabhāvo vasavattanabhāvamaddavappakāro rūpathaddhattakaradhātukkhobhapaṭipakkhapaccayasamuṭṭhāno , so rūpavikāro ‘rūpassa mudutā’. Yo pana sudhantasuvaṇṇasseva rūpānaṃ kammaññabhāvo sarīrakiriyānukūlabhāvappakāro sarīrakiriyānaṃ ananukūlakaradhātukkhobhapaṭipakkhapaccayasamuṭṭhāno, so rūpavikāro ‘rūpassa kammaññatā’ti. Evametāsaṃ viseso veditabbo.
เอตา ปน ติโสฺสปิ กมฺมํ กาตุํ น สโกฺกติ, อาหาราทโยว กโรนฺติฯ ตถา หิ โยคิโน ‘อชฺช อเมฺหหิ โภชนสปฺปายํ ลทฺธํ, กาโย โน ลหุ มุทุ กมฺมโญฺญ’ติ วทนฺติฯ ‘อชฺช อุตุสปฺปายํ ลทฺธํ, อชฺช อมฺหากํ จิตฺตํ เอกคฺคํ, กาโย โน ลหุ มุทุ กมฺมโญฺญ’ติ วทนฺตีติฯ
Etā pana tissopi kammaṃ kātuṃ na sakkoti, āhārādayova karonti. Tathā hi yogino ‘ajja amhehi bhojanasappāyaṃ laddhaṃ, kāyo no lahu mudu kammañño’ti vadanti. ‘Ajja utusappāyaṃ laddhaṃ, ajja amhākaṃ cittaṃ ekaggaṃ, kāyo no lahu mudu kammañño’ti vadantīti.
๖๔๑. อุปจยสนฺตตินิเทฺทเสสุ อายตนานนฺติ อเฑฺฒกาทสนฺนํ รูปายตนานํฯ อาจโยติ นิพฺพตฺติฯ โส รูปสฺส อุปจโยติ โย อายตนานํ อาจโย ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตมานานํ, โสว รูปสฺส อุปจโย นาม โหติ; วฑฺฒีติ อโตฺถฯ โย รูปสฺส อุปจโย สา รูปสฺส สนฺตตีติ ยา เอวํ อุปจิตานํ รูปานํ วฑฺฒิ, ตโต อุตฺตริตรํ ปวตฺติกาเล สา รูปสฺส สนฺตติ นาม โหติ; ปวตฺตีติ อโตฺถฯ นทิตีเร ขตกูปสฺมิญฺหิ อุทกุคฺคมนกาโล วิย อาจโย, นิพฺพตฺติ; ปริปุณฺณกาโล วิย อุปจโย, วฑฺฒิ; อโชฺฌตฺถริตฺวา คมนกาโล วิย สนฺตติ, ปวตฺตีติ เวทิตพฺพาฯ
641. Upacayasantatiniddesesu āyatanānanti aḍḍhekādasannaṃ rūpāyatanānaṃ. Ācayoti nibbatti. So rūpassa upacayoti yo āyatanānaṃ ācayo punappunaṃ nibbattamānānaṃ, sova rūpassa upacayo nāma hoti; vaḍḍhīti attho. Yo rūpassa upacayo sā rūpassa santatīti yā evaṃ upacitānaṃ rūpānaṃ vaḍḍhi, tato uttaritaraṃ pavattikāle sā rūpassa santati nāma hoti; pavattīti attho. Naditīre khatakūpasmiñhi udakuggamanakālo viya ācayo, nibbatti; paripuṇṇakālo viya upacayo, vaḍḍhi; ajjhottharitvā gamanakālo viya santati, pavattīti veditabbā.
เอวํ กิํ กถิตํ โหตีติ? อายตเนน หิ อาจโย กถิโต, อาจเยน อายตนํ กถิตํฯ อาจโยว กถิโต อายตนเมว กถิตํฯ เอวมฺปิ กิํ กถิตํ โหตีติ? จตุสนฺตติรูปานํ อาจโย อุปจโย นิพฺพตฺติ วฑฺฒิ กถิตาฯ อตฺถโต หิ อุภยเมฺปตํ ชาติรูปเสฺสว อธิวจนํฯ อาการนานเตฺตน ปน เวเนยฺยวเสน จ อุปจโย สนฺตตีติ อุเทฺทสเทสนํ กตฺวา ยสฺมา เอตฺถ อตฺถโต นานตฺตํ นตฺถิ, ตสฺมา นิเทฺทเส ‘‘โย อายตนานํ อาจโย โส รูปสฺส อุปจโย, โย รูปสฺส อุปจโย สา รูปสฺส สนฺตตี’’ติ วุตฺตํฯ
Evaṃ kiṃ kathitaṃ hotīti? Āyatanena hi ācayo kathito, ācayena āyatanaṃ kathitaṃ. Ācayova kathito āyatanameva kathitaṃ. Evampi kiṃ kathitaṃ hotīti? Catusantatirūpānaṃ ācayo upacayo nibbatti vaḍḍhi kathitā. Atthato hi ubhayampetaṃ jātirūpasseva adhivacanaṃ. Ākāranānattena pana veneyyavasena ca upacayo santatīti uddesadesanaṃ katvā yasmā ettha atthato nānattaṃ natthi, tasmā niddese ‘‘yo āyatanānaṃ ācayo so rūpassa upacayo, yo rūpassa upacayo sā rūpassa santatī’’ti vuttaṃ.
ยสฺมา จ อุภยเมฺปตํ ชาติรูปเสฺสว อธิวจนํ ตสฺมา เอตฺถ อาจยลกฺขโณ รูปสฺส อุปจโย, ปุพฺพนฺตโต รูปานํ อุมฺมุชฺชาปนรโส, นิยฺยาตนปจฺจุปฎฺฐาโน ปริปุณฺณภาวปจฺจุปฎฺฐาโน วา, อุปจิตรูปปทฎฺฐาโนฯ ปวตฺติลกฺขณา รูปสฺส สนฺตติ, อนุปฺปพนฺธรสา, อนุปเจฺฉทปจฺจุปฎฺฐานา, อนุปฺปพนฺธรูปปทฎฺฐานาติ เวทิตพฺพาฯ
Yasmā ca ubhayampetaṃ jātirūpasseva adhivacanaṃ tasmā ettha ācayalakkhaṇo rūpassa upacayo, pubbantato rūpānaṃ ummujjāpanaraso, niyyātanapaccupaṭṭhāno paripuṇṇabhāvapaccupaṭṭhāno vā, upacitarūpapadaṭṭhāno. Pavattilakkhaṇā rūpassa santati, anuppabandharasā, anupacchedapaccupaṭṭhānā, anuppabandharūpapadaṭṭhānāti veditabbā.
๖๔๓. ชรตานิเทฺทเส ชีรณกวเสน ชรา; อยเมตฺถ สภาวนิเทฺทโส ฯ ชีรณากาโร ชีรณตาฯ ขณฺฑิจฺจนฺติ อาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาฯ อยญฺหิ ‘ชรา’ติ อิมินา ปเทน สภาวโต ทีปิตา; เตนสฺสายํ สภาวนิเทฺทโสฯ ‘ชีรณตา’ติ อิมินา อาการโต; เตนสฺสายํ อาการนิเทฺทโสฯ ขณฺฑิจฺจนฺติ อิมินา กาลาติกฺกเม ทนฺตนขานํ ขณฺฑิตภาวกรณกิจฺจโตฯ ปาลิจฺจนฺติ อิมินา เกสโลมานํ ปลิตภาวกรณกิจฺจโตฯ วลิตฺตจตาติ อิมินา มํสํ มิลาเปตฺวา ตเจ วลิภาวกรณกิจฺจโต ทีปิตาฯ เตนสฺสา อิเม ‘ขณฺฑิจฺจ’นฺติอาทโย ตโย กาลาติกฺกเม กิจฺจนิเทฺทสาฯ เตหิ อิเมสํ วิการานํ ทสฺสนวเสน ปากฎีภูตา ปากฎชรา ทสฺสิตาฯ ยเถว หิ อุทกสฺส วา อคฺคิโน วา ติณรุกฺขาทีนํ สํภคฺคปลิภคฺคตาย วา ฌามตาย วา คตมโคฺค ปากโฎ โหติ, น จ โส คตมโคฺค ตาเนว อุทกาทีนิ, เอวเมว ชราย ทนฺตาทีสุ ขณฺฑิจฺจาทิวเสน คตมโคฺค ปากโฎ, จกฺขุํ อุมฺมีเลตฺวาปิ คยฺหติ, น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราฯ น หิ ชรา จกฺขุวิเญฺญยฺยา โหติฯ
643. Jaratāniddese jīraṇakavasena jarā; ayamettha sabhāvaniddeso . Jīraṇākāro jīraṇatā. Khaṇḍiccanti ādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā. Pacchimā dve pakatiniddesā. Ayañhi ‘jarā’ti iminā padena sabhāvato dīpitā; tenassāyaṃ sabhāvaniddeso. ‘Jīraṇatā’ti iminā ākārato; tenassāyaṃ ākāraniddeso. Khaṇḍiccanti iminā kālātikkame dantanakhānaṃ khaṇḍitabhāvakaraṇakiccato. Pāliccanti iminā kesalomānaṃ palitabhāvakaraṇakiccato. Valittacatāti iminā maṃsaṃ milāpetvā tace valibhāvakaraṇakiccato dīpitā. Tenassā ime ‘khaṇḍicca’ntiādayo tayo kālātikkame kiccaniddesā. Tehi imesaṃ vikārānaṃ dassanavasena pākaṭībhūtā pākaṭajarā dassitā. Yatheva hi udakassa vā aggino vā tiṇarukkhādīnaṃ saṃbhaggapalibhaggatāya vā jhāmatāya vā gatamaggo pākaṭo hoti, na ca so gatamaggo tāneva udakādīni, evameva jarāya dantādīsu khaṇḍiccādivasena gatamaggo pākaṭo, cakkhuṃ ummīletvāpi gayhati, na ca khaṇḍiccādīneva jarā. Na hi jarā cakkhuviññeyyā hoti.
อายุโน สํหานิ อินฺทฺริยานํ ปริปาโกติ อิเมหิ ปน ปเทหิ กาลาติกฺกเมเยว อภิพฺยตฺตาย อายุกฺขยจกฺขาทิอินฺทฺริยปริปากสญฺญิตาย ปกติยา ทีปิตาฯ เตนสฺสิเม ปจฺฉิมา เทฺว ปกตินิเทฺทสาติ เวทิตพฺพาฯ ตตฺถ ยสฺมา ชรํ ปตฺตสฺส อายุ หายติ, ตสฺมา ชรา ‘อายุโน สํหานี’ติ ผลูปจาเรน วุตฺตาฯ ยสฺมา จ ทหรกาเล สุปฺปสนฺนานิ, สุขุมมฺปิ อตฺตโน วิสยํ สุเขเนว คณฺหนสมตฺถานิ จกฺขาทีนิ อินฺทฺริยานิ ชรํ ปตฺตสฺส ปริปกฺกานิ อาลุฬิตานิ อวิสทานิ, โอฬาริกมฺปิ อตฺตโน วิสยํ คเหตุํ อสมตฺถานิ โหนฺติ, ตสฺมา ‘อินฺทฺริยานํ ปริปาโก’ติปิ ผลูปจาเรเนว วุตฺตาฯ
Āyuno saṃhāni indriyānaṃ paripākoti imehi pana padehi kālātikkameyeva abhibyattāya āyukkhayacakkhādiindriyaparipākasaññitāya pakatiyā dīpitā. Tenassime pacchimā dve pakatiniddesāti veditabbā. Tattha yasmā jaraṃ pattassa āyu hāyati, tasmā jarā ‘āyuno saṃhānī’ti phalūpacārena vuttā. Yasmā ca daharakāle suppasannāni, sukhumampi attano visayaṃ sukheneva gaṇhanasamatthāni cakkhādīni indriyāni jaraṃ pattassa paripakkāni āluḷitāni avisadāni, oḷārikampi attano visayaṃ gahetuṃ asamatthāni honti, tasmā ‘indriyānaṃ paripāko’tipi phalūpacāreneva vuttā.
สา ปนายํ เอวํ นิทฺทิฎฺฐา สพฺพาปิ ชรา ปากฎา ปฎิจฺฉนฺนาติ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ ทนฺตาทีสุ ขณฺฑภาวาทิทสฺสนโต รูปธเมฺมสุ ชรา ปากฎชรา นาม ฯ อรูปธเมฺมสุ ปน ชรา ตาทิสสฺส วิการสฺส อทสฺสนโต ปฎิจฺฉนฺนชรา นามฯ ปุน อวีจิ สวีจีติ เอวมฺปิ ทุวิธา โหติฯ ตตฺถ มณิกนกรชตปวาฬจนฺทิมสูริยาทีนํ วิย, มนฺททสกาทีสุ ปาณีนํ วิย จ, ปุปฺผผลปลฺลวาทีสุ จ อปาณีนํ วิย, อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ ทุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา อวีจิชรา นาม; นิรนฺตรชราติ อโตฺถฯ ตโต อเญฺญสุ ปน ยถาวุเตฺตสุ อนฺตรนฺตรา วณฺณวิเสสาทีนํ สุวิเญฺญยฺยตฺตา ชรา สวีจิชรา นามาติ เวทิตพฺพาฯ
Sā panāyaṃ evaṃ niddiṭṭhā sabbāpi jarā pākaṭā paṭicchannāti duvidhā hoti. Tattha dantādīsu khaṇḍabhāvādidassanato rūpadhammesu jarā pākaṭajarā nāma . Arūpadhammesu pana jarā tādisassa vikārassa adassanato paṭicchannajarā nāma. Puna avīci savīcīti evampi duvidhā hoti. Tattha maṇikanakarajatapavāḷacandimasūriyādīnaṃ viya, mandadasakādīsu pāṇīnaṃ viya ca, pupphaphalapallavādīsu ca apāṇīnaṃ viya, antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ duviññeyyattā jarā avīcijarā nāma; nirantarajarāti attho. Tato aññesu pana yathāvuttesu antarantarā vaṇṇavisesādīnaṃ suviññeyyattā jarā savīcijarā nāmāti veditabbā.
ลกฺขณาทิโตปิ รูปปริปากลกฺขณา รูปสฺส ชรตา, อุปนยนรสา, สภาวานปคเมปิ นวภาวาปคมปจฺจุปฎฺฐานา, วีหิปุราณภาโว วิย ปริปจฺจมานรูปปทฎฺฐานาติ เวทิตพฺพาฯ
Lakkhaṇāditopi rūpaparipākalakkhaṇā rūpassa jaratā, upanayanarasā, sabhāvānapagamepi navabhāvāpagamapaccupaṭṭhānā, vīhipurāṇabhāvo viya paripaccamānarūpapadaṭṭhānāti veditabbā.
๖๔๔. อนิจฺจตานิเทฺทเส ขยคมนวเสน ขโย, วยคมนวเสน วโย, ภิชฺชนวเสน เภโทฯ อถ วา, ยสฺมา ตํ ปตฺวา รูปํ ขียติ, เวติ, ภิชฺชติ จ, ตสฺมา ขียติ เอตสฺมินฺติ ‘ขโย’, เวติ เอตสฺมินฺติ ‘วโย’, ภิชฺชติ เอตสฺมินฺติ ‘เภโท’ฯ อุปสคฺควเสน ปทํ วเฑฺฒตฺวา เภโทว ปริเภโทฯ หุตฺวา อภาวเฎฺฐน, น นิจฺจนฺติ อนิจฺจํฯ ตสฺส ภาโว อนิจฺจตา ฯ อนฺตรธายติ เอตฺถาติ อนฺตรธานํฯ มรณญฺหิ ปตฺวา รูปํ อนฺตรธายติ, อทสฺสนํ คจฺฉติฯ น เกวลญฺจ รูปเมว, สเพฺพปิ ปญฺจกฺขนฺธาฯ ตสฺมา ปญฺจนฺนมฺปิ ขนฺธานํ อนิจฺจตาย อิทเมว ลกฺขณนฺติ เวทิตพฺพํฯ ลกฺขณาทิโต ปน ปริเภทลกฺขณา รูปสฺส อนิจฺจตา, สํสีทนรสา, ขยวยปจฺจุปฎฺฐานา, ปริภิชฺชมานรูปปทฎฺฐานาติ เวทิตพฺพาฯ
644. Aniccatāniddese khayagamanavasena khayo, vayagamanavasena vayo, bhijjanavasena bhedo. Atha vā, yasmā taṃ patvā rūpaṃ khīyati, veti, bhijjati ca, tasmā khīyati etasminti ‘khayo’, veti etasminti ‘vayo’, bhijjati etasminti ‘bhedo’. Upasaggavasena padaṃ vaḍḍhetvā bhedova paribhedo. Hutvā abhāvaṭṭhena, na niccanti aniccaṃ. Tassa bhāvo aniccatā. Antaradhāyati etthāti antaradhānaṃ. Maraṇañhi patvā rūpaṃ antaradhāyati, adassanaṃ gacchati. Na kevalañca rūpameva, sabbepi pañcakkhandhā. Tasmā pañcannampi khandhānaṃ aniccatāya idameva lakkhaṇanti veditabbaṃ. Lakkhaṇādito pana paribhedalakkhaṇā rūpassa aniccatā, saṃsīdanarasā, khayavayapaccupaṭṭhānā, paribhijjamānarūpapadaṭṭhānāti veditabbā.
เหฎฺฐา ชาติ คหิตา ชรา คหิตา, อิมสฺมิํ ฐาเน มรณํ คหิตํฯ อิเม ตโย ธมฺมา อิเมสํ สตฺตานํ อุกฺขิตฺตาสิกปจฺจามิตฺตสทิสาฯ ยถา หิ ปุริสสฺส ตโย ปจฺจามิตฺตา โอตารํ คเวสมานา วิจเรยฺยุํฯ เตสุ เอโก เอวํ วเทยฺย – ‘เอตํ นีหริตฺวา อฎวิปเวสนํ มยฺหํ ภาโร โหตู’ติฯ ทุติโย ‘อฎวิคตกาเล โปเถตฺวา ปถวิยํ ปาตนํ มยฺหํ ภาโร’ติฯ ตติโย ‘ปถวิคตกาลโต ปฎฺฐาย อสินา สีสเจฺฉทนํ มยฺหํ ภาโร’ติฯ เอวรูปา อิเม ชาติ อาทโยฯ นีหริตฺวา อฎวิปเวสนปจฺจามิตฺตสทิสา เหตฺถ ชาติ, ตสฺมิํ ตสฺมิํ ฐาเน นิพฺพตฺตาปนโตฯ อฎวิคตํ โปเถตฺวา ปถวิยํ ปาตนปจฺจามิตฺตสทิสา ชรา , นิพฺพตฺตกฺขนฺธานํ ทุพฺพลปราธีนมญฺจปรายณภาวกรณโตฯ ปถวิคตสฺส อสินา สีสเจฺฉทกปจฺจามิตฺตสทิสํ มรณํ, ชราปฺปตฺตานํ ขนฺธานํ ชีวิตกฺขยปาปนโตติฯ
Heṭṭhā jāti gahitā jarā gahitā, imasmiṃ ṭhāne maraṇaṃ gahitaṃ. Ime tayo dhammā imesaṃ sattānaṃ ukkhittāsikapaccāmittasadisā. Yathā hi purisassa tayo paccāmittā otāraṃ gavesamānā vicareyyuṃ. Tesu eko evaṃ vadeyya – ‘etaṃ nīharitvā aṭavipavesanaṃ mayhaṃ bhāro hotū’ti. Dutiyo ‘aṭavigatakāle pothetvā pathaviyaṃ pātanaṃ mayhaṃ bhāro’ti. Tatiyo ‘pathavigatakālato paṭṭhāya asinā sīsacchedanaṃ mayhaṃ bhāro’ti. Evarūpā ime jāti ādayo. Nīharitvā aṭavipavesanapaccāmittasadisā hettha jāti, tasmiṃ tasmiṃ ṭhāne nibbattāpanato. Aṭavigataṃ pothetvā pathaviyaṃ pātanapaccāmittasadisā jarā , nibbattakkhandhānaṃ dubbalaparādhīnamañcaparāyaṇabhāvakaraṇato. Pathavigatassa asinā sīsacchedakapaccāmittasadisaṃ maraṇaṃ, jarāppattānaṃ khandhānaṃ jīvitakkhayapāpanatoti.
๖๔๕. กพฬีการาหารนิเทฺทเส กพฬํ กรียตีติ กพฬีกาโรฯ อาหรียตีติ อาหาโรฯ กพฬํ กตฺวา อโชฺฌหรียตีติ อโตฺถฯ รูปํ วา อาหรตีติปิ ‘อาหาโร’ฯ เอวํ วตฺถุวเสน นามํ อุทฺธริตฺวา ปุน วตฺถุวเสเนเวตํ ปเภทโต ทเสฺสตุํ โอทโน กุมฺมาโสติอาทิ วุตฺตํฯ โอทนาทีนิ หิ ผาณิตปริยนฺตานิ ทฺวาทส อิธาธิเปฺปตสฺส อาหารสฺส วตฺถูนิฯ ปาฬิยํ อนาคตานิ มูลผลาทีนิ เยวาปนกํ ปวิฎฺฐานิฯ
645. Kabaḷīkārāhāraniddese kabaḷaṃ karīyatīti kabaḷīkāro. Āharīyatīti āhāro. Kabaḷaṃ katvā ajjhoharīyatīti attho. Rūpaṃ vā āharatītipi ‘āhāro’. Evaṃ vatthuvasena nāmaṃ uddharitvā puna vatthuvasenevetaṃ pabhedato dassetuṃ odano kummāsotiādi vuttaṃ. Odanādīni hi phāṇitapariyantāni dvādasa idhādhippetassa āhārassa vatthūni. Pāḷiyaṃ anāgatāni mūlaphalādīni yevāpanakaṃ paviṭṭhāni.
อิทานิ ตานิ มูลผลาทีนิ กตฺตพฺพโต ทเสฺสตุํ ยมฺหิ ยมฺหิ ชนปเทติอาทิมาหฯ ตตฺถ มุเขน อสิตพฺพํ ภุญฺชิตพฺพนฺติ มุขาสิยํฯ ทเนฺตหิ วิขาทิตพฺพนฺติ ทนฺตวิขาทนํฯ คเลน อโชฺฌหริตพฺพนฺติ คลโชฺฌหรณียํฯ อิทานิ ตํ กิจฺจวเสน ทเสฺสตุํ กุจฺฉิวิตฺถมฺภนนฺติ อาหฯ ตญฺหิ มูลผลาทิ โอทนกุมฺมาสาทิ วา อโชฺฌหฎํ กุจฺฉิํ วิตฺถเมฺภติฯ อิทมสฺส กิจฺจํฯ ยาย โอชาย สตฺตา ยาเปนฺตีติ เหฎฺฐา สพฺพปเทหิ สวตฺถุกํ อาหารํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ นิพฺพฎฺฎิตโอชเมว ทเสฺสตุํ อิทํ วุตฺตํฯ
Idāni tāni mūlaphalādīni kattabbato dassetuṃ yamhi yamhi janapadetiādimāha. Tattha mukhena asitabbaṃ bhuñjitabbanti mukhāsiyaṃ. Dantehi vikhāditabbanti dantavikhādanaṃ. Galena ajjhoharitabbanti galajjhoharaṇīyaṃ. Idāni taṃ kiccavasena dassetuṃ kucchivitthambhananti āha. Tañhi mūlaphalādi odanakummāsādi vā ajjhohaṭaṃ kucchiṃ vitthambheti. Idamassa kiccaṃ. Yāya ojāya sattā yāpentīti heṭṭhā sabbapadehi savatthukaṃ āhāraṃ dassetvā idāni nibbaṭṭitaojameva dassetuṃ idaṃ vuttaṃ.
กิํ ปเนตฺถ วตฺถุสฺส กิจฺจํ? กิํ โอชาย? ปริสฺสยหรณปาลนานิฯ วตฺถุหิ ปริสฺสยํ หรติ ปาเลตุํ น สโกฺกติ, โอชา ปาเลติ ปริสฺสยํ หริตุํ น สโกฺกติฯ เทฺวปิ เอกโต หุตฺวา ปาเลตุมฺปิ สโกฺกนฺติ ปริสฺสยมฺปิ หริตุํฯ โก ปเนส ปริสฺสโย นาม? กมฺมชเตโชฯ อโนฺตกุจฺฉิยญฺหิ โอทนาทิวตฺถุสฺมิํ อสติ, กมฺมชเตโช อุฎฺฐหิตฺวา อุทรปฎลํ คณฺหาติ, ‘ฉาโตมฺหิ, อาหารํ เม เทถา’ติ วทาเปติฯ ภุตฺตกาเล อุทรปฎลํ มุญฺจิตฺวา วตฺถุํ คณฺหาติฯ อถ สโตฺต เอกโคฺค โหติฯ
Kiṃ panettha vatthussa kiccaṃ? Kiṃ ojāya? Parissayaharaṇapālanāni. Vatthuhi parissayaṃ harati pāletuṃ na sakkoti, ojā pāleti parissayaṃ harituṃ na sakkoti. Dvepi ekato hutvā pāletumpi sakkonti parissayampi harituṃ. Ko panesa parissayo nāma? Kammajatejo. Antokucchiyañhi odanādivatthusmiṃ asati, kammajatejo uṭṭhahitvā udarapaṭalaṃ gaṇhāti, ‘chātomhi, āhāraṃ me dethā’ti vadāpeti. Bhuttakāle udarapaṭalaṃ muñcitvā vatthuṃ gaṇhāti. Atha satto ekaggo hoti.
ยถา หิ ฉายารกฺขโส ฉายํ ปวิฎฺฐํ คเหตฺวา เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา อตฺตโน ภวเน โมทโนฺต ฉาตกาเล อาคนฺตฺวา สีเส ฑํสติฯ โส ฑฎฺฐตฺตา วิรวติฯ ตํ วิรวํ สุตฺวา ‘ทุกฺขปฺปโตฺต เอตฺถ อตฺถี’ติ ตโต ตโต มนุสฺสา อาคจฺฉนฺติฯ โส อาคตาคเต คเหตฺวา ขาทิตฺวา ภวเน โมทติฯ เอวํสมฺปทมิทํ เวทิตพฺพํฯ ฉายารกฺขโส วิย หิ กมฺมชเตโช, เทวสงฺขลิกาย พนฺธิตฺวา ฐปิตสโตฺต วิย อุทรปฎลํ, ปุน อาคตมนุสฺสา วิย โอทนาทิวตฺถุ, โอตริตฺวา สีเส ฑํสนํ วิย กมฺมชเตชสฺส วตฺถุโต มุตฺตสฺส อุทรปฎลคฺคหณํ, ฑฎฺฐสฺส วิรวนกาโล วิย ‘อาหารํ เทถา’ติ วจนกาโล, ตาย สญฺญาย อาคตาคเต คเหตฺวา ขาทิตฺวา ภวเน โมทนกาโล วิย กมฺมชเตเชน อุทรปฎลํ มุญฺจิตฺวา วตฺถุสฺมิํ คหิเต เอกคฺคจิตฺตตาฯ
Yathā hi chāyārakkhaso chāyaṃ paviṭṭhaṃ gahetvā devasaṅkhalikāya bandhitvā attano bhavane modanto chātakāle āgantvā sīse ḍaṃsati. So ḍaṭṭhattā viravati. Taṃ viravaṃ sutvā ‘dukkhappatto ettha atthī’ti tato tato manussā āgacchanti. So āgatāgate gahetvā khāditvā bhavane modati. Evaṃsampadamidaṃ veditabbaṃ. Chāyārakkhaso viya hi kammajatejo, devasaṅkhalikāya bandhitvā ṭhapitasatto viya udarapaṭalaṃ, puna āgatamanussā viya odanādivatthu, otaritvā sīse ḍaṃsanaṃ viya kammajatejassa vatthuto muttassa udarapaṭalaggahaṇaṃ, ḍaṭṭhassa viravanakālo viya ‘āhāraṃ dethā’ti vacanakālo, tāya saññāya āgatāgate gahetvā khāditvā bhavane modanakālo viya kammajatejena udarapaṭalaṃ muñcitvā vatthusmiṃ gahite ekaggacittatā.
ตตฺถ โอฬาริเก วตฺถุสฺมิํ โอชา มนฺทา โหติฯ สุขุเม พลวตีฯ กุทฺรูสกภตฺตาทีนิ หิ ภุญฺชิตฺวา มุหุเตฺตเนว ฉาโต โหติฯ สปฺปิอาทีนิ ปิวิตฺวา ฐิตสฺส ทิวสมฺปิ ภตฺตํ น รุจฺจติฯ เอตฺถ จ อุปาทายุปาทาย โอฬาริกสุขุมตา เวทิตพฺพาฯ กุมฺภีลานญฺหิ อาหารํ อุปาทาย โมรานํ อาหาโร สุขุโมฯ กุมฺภีลา กิร ปาสาเณ คิลนฺติฯ เต จ เนสํ กุจฺฉิปฺปตฺตา วิลียนฺติฯ โมรา สปฺปวิจฺฉิกาทิปาเณ ขาทนฺติฯ โมรานํ ปน อาหารํ อุปาทาย ตรจฺฉานํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร ติวสฺสฉฑฺฑิตานิ วิสาณานิ เจว อฎฺฐีนิ จ ขาทนฺติฯ ตานิ จ เนสํ เขเฬน เตมิตมตฺตาเนว กนฺทมูลํ วิย มุทุกานิ โหนฺติฯ ตรจฺฉานมฺปิ อาหารมุปาทาย หตฺถีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต หิ นานารุกฺขสาขาทโย ขาทนฺติฯ หตฺถีนํ อาหารโต ควยโคกณฺณมิคาทีนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต กิร นิสฺสารานิ นานารุกฺขปณฺณาทีนิ ขาทนฺติฯ เตสมฺปิ อาหารโต คุนฺนํ อาหาโร สุขุโมฯ เต อลฺลสุกฺขติณานิ ขาทนฺติฯ เตสมฺปิ อาหารโต สสานํ อาหาโร สุขุโมฯ สสานํ อาหารโต สกุณานํ อาหาโร สุขุโมฯ สกุณานํ อาหารโต ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหาโร สุขุโมฯ ปจฺจนฺตวาสีนํ อาหารโต คามโภชกานํ อาหาโร สุขุโมฯ คามโภชกานํ อาหารโต ราชราชมหามตฺตานํ อาหาโร สุขุโมฯ เตสมฺปิ อาหารโต จกฺกวตฺติโน อาหาโร สุขุโมฯ จกฺกวตฺติโน อาหารโต ภุมฺมเทวานํ อาหาโร สุขุโมฯ ภุมฺมเทวานํ อาหารโต จาตุมหาราชิกานํ อาหาโร สุขุโมฯ เอวํ ยาว ปรนิมฺมิตวสวตฺตีนํ อาหาโร วิตฺถาเรตโพฺพฯ เตสํ ปนาหาโร สุขุโมเตฺวว นิฎฺฐํ ปโตฺตฯ
Tattha oḷārike vatthusmiṃ ojā mandā hoti. Sukhume balavatī. Kudrūsakabhattādīni hi bhuñjitvā muhutteneva chāto hoti. Sappiādīni pivitvā ṭhitassa divasampi bhattaṃ na ruccati. Ettha ca upādāyupādāya oḷārikasukhumatā veditabbā. Kumbhīlānañhi āhāraṃ upādāya morānaṃ āhāro sukhumo. Kumbhīlā kira pāsāṇe gilanti. Te ca nesaṃ kucchippattā vilīyanti. Morā sappavicchikādipāṇe khādanti. Morānaṃ pana āhāraṃ upādāya taracchānaṃ āhāro sukhumo. Te kira tivassachaḍḍitāni visāṇāni ceva aṭṭhīni ca khādanti. Tāni ca nesaṃ kheḷena temitamattāneva kandamūlaṃ viya mudukāni honti. Taracchānampi āhāramupādāya hatthīnaṃ āhāro sukhumo. Te hi nānārukkhasākhādayo khādanti. Hatthīnaṃ āhārato gavayagokaṇṇamigādīnaṃ āhāro sukhumo. Te kira nissārāni nānārukkhapaṇṇādīni khādanti. Tesampi āhārato gunnaṃ āhāro sukhumo. Te allasukkhatiṇāni khādanti. Tesampi āhārato sasānaṃ āhāro sukhumo. Sasānaṃ āhārato sakuṇānaṃ āhāro sukhumo. Sakuṇānaṃ āhārato paccantavāsīnaṃ āhāro sukhumo. Paccantavāsīnaṃ āhārato gāmabhojakānaṃ āhāro sukhumo. Gāmabhojakānaṃ āhārato rājarājamahāmattānaṃ āhāro sukhumo. Tesampi āhārato cakkavattino āhāro sukhumo. Cakkavattino āhārato bhummadevānaṃ āhāro sukhumo. Bhummadevānaṃ āhārato cātumahārājikānaṃ āhāro sukhumo. Evaṃ yāva paranimmitavasavattīnaṃ āhāro vitthāretabbo. Tesaṃ panāhāro sukhumotveva niṭṭhaṃ patto.
ลกฺขณาทิโตปิ โอชาลกฺขโณ กพฬีกาโร อาหาโร, รูปาหรณรโส, อุปตฺถมฺภนปจฺจุปฎฺฐาโน, กพฬํ กตฺวา อาหริตพฺพวตฺถุปทฎฺฐาโนติ เวทิตโพฺพฯ
Lakkhaṇāditopi ojālakkhaṇo kabaḷīkāro āhāro, rūpāharaṇaraso, upatthambhanapaccupaṭṭhāno, kabaḷaṃ katvā āharitabbavatthupadaṭṭhānoti veditabbo.
๖๔๖. โนอุปาทานิเทฺทเส ยถา อุปาทารูปํ อุปาทิยเตว, น อเญฺญน อุปาทิยติ, เอวเมตํ น อุปาทิยเตวาติ โนอุปาทาฯ
646. Noupādāniddese yathā upādārūpaṃ upādiyateva, na aññena upādiyati, evametaṃ na upādiyatevāti noupādā.
๖๔๗. ผุสิตพฺพนฺติ โผฎฺฐพฺพํฯ ผุสิตฺวา ชานิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ โผฎฺฐพฺพญฺจ ตํ อายตนญฺจาติ โผฎฺฐพฺพายตนํฯ อาโป จ ตํ นิสฺสตฺตสุญฺญตสภาวเฎฺฐน ธาตุ จาติ อาโปธาตุฯ อิทานิ ยสฺมา ตีณิ รูปานิ ผุสิตฺวา ชานิตพฺพานิ ตสฺมา ตานิ ภาเชตฺวา ทเสฺสตุํ กตมํ ตํ รูปํ โผฎฺฐพฺพายตนํ? ปถวีธาตูติอาทิมาหฯ ตตฺถ กกฺขฬตฺตลกฺขณา ปถวีธาตุ, ปติฎฺฐานรสา, สมฺปฎิจฺฉนปจฺจุปฎฺฐานาฯ เตโชธาตุ อุณฺหตฺตลกฺขณา, ปริปาจนรสา, มทฺทวานุปฺปทานปจฺจุปฎฺฐานาฯ วาโยธาตุ วิตฺถมฺภนลกฺขณา, สมุทีรณรสา, อภินีหารปจฺจุปฎฺฐานาฯ ปุริมา ปน ‘อาโปธาตุ’ ปคฺฆรณลกฺขณา, พฺรูหนรสา, สงฺคหปจฺจุปฎฺฐานาฯ เอเกกา เจตฺถ เสสตฺตยปทฎฺฐานาติ เวทิตพฺพาฯ
647. Phusitabbanti phoṭṭhabbaṃ. Phusitvā jānitabbanti attho. Phoṭṭhabbañca taṃ āyatanañcāti phoṭṭhabbāyatanaṃ. Āpo ca taṃ nissattasuññatasabhāvaṭṭhena dhātu cāti āpodhātu. Idāni yasmā tīṇi rūpāni phusitvā jānitabbāni tasmā tāni bhājetvā dassetuṃ katamaṃ taṃ rūpaṃ phoṭṭhabbāyatanaṃ? Pathavīdhātūtiādimāha. Tattha kakkhaḷattalakkhaṇā pathavīdhātu, patiṭṭhānarasā, sampaṭicchanapaccupaṭṭhānā. Tejodhātu uṇhattalakkhaṇā, paripācanarasā, maddavānuppadānapaccupaṭṭhānā. Vāyodhātu vitthambhanalakkhaṇā, samudīraṇarasā, abhinīhārapaccupaṭṭhānā. Purimā pana ‘āpodhātu’ paggharaṇalakkhaṇā, brūhanarasā, saṅgahapaccupaṭṭhānā. Ekekā cettha sesattayapadaṭṭhānāti veditabbā.
กกฺขฬนฺติ ถทฺธํฯ มุทุกนฺติ อถทฺธํฯ สณฺหนฺติ มฎฺฐํฯ ผรุสนฺติ ขรํฯ สุขสมฺผสฺสนฺติ สุขเวทนาปจฺจยํ อิฎฺฐโผฎฺฐพฺพํฯ ทุกฺขสมฺผสฺสนฺติ ทุกฺขเวทนาปจฺจยํ อนิฎฺฐโผฎฺฐพฺพํฯ ครุกนฺติ ภาริยํฯ ลหุกนฺติ อภาริยํ, สลฺลหุกนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ‘กกฺขฬํ มุทุกํ สณฺหํ ผรุสํ ครุกํ ลหุก’นฺติ ปเทหิ ปถวีธาตุ เอว ภาชิตาฯ ‘‘ยทายํ กาโย อายุสหคโต จ โหติ อุสฺมาสหคโต จ วิญฺญาณสหคโต จ ตทา ลหุตโร จ โหติ มุทุตโร จ กมฺมญฺญตโร จา’’ติ (ที. นิ. ๒.๔๒๔) สุเตฺตปิ ลหุมุทุภูตํ ปถวีธาตุเมว สนฺธาย วุตฺตํฯ
Kakkhaḷanti thaddhaṃ. Mudukanti athaddhaṃ. Saṇhanti maṭṭhaṃ. Pharusanti kharaṃ. Sukhasamphassanti sukhavedanāpaccayaṃ iṭṭhaphoṭṭhabbaṃ. Dukkhasamphassanti dukkhavedanāpaccayaṃ aniṭṭhaphoṭṭhabbaṃ. Garukanti bhāriyaṃ. Lahukanti abhāriyaṃ, sallahukanti attho. Ettha ca ‘kakkhaḷaṃ mudukaṃ saṇhaṃ pharusaṃ garukaṃ lahuka’nti padehi pathavīdhātu eva bhājitā. ‘‘Yadāyaṃ kāyo āyusahagato ca hoti usmāsahagato ca viññāṇasahagato ca tadā lahutaro ca hoti mudutaro ca kammaññataro cā’’ti (dī. ni. 2.424) suttepi lahumudubhūtaṃ pathavīdhātumeva sandhāya vuttaṃ.
‘สุขสมฺผสฺสํ ทุกฺขสมฺผสฺส’นฺติ ปททฺวเยน ปน ตีณิปิ มหาภูตานิ ภาชิตานิฯ ปถวีธาตุ หิ สุขสมฺผสฺสาปิ อตฺถิ ทุกฺขสมฺผสฺสาปิฯ ตถา เตโชธาตุวาโยธาตุโยฯ ตตฺถ สุขสมฺผสฺสา ปถวีธาตุ มุทุตลุณหเตฺถ ทหเร ปาเท สมฺพาหเนฺต อสฺสาเทตฺวา อสฺสาเทตฺวา ‘สมฺพาห ตาต, สมฺพาห ตาตา’ติ วทาปนาการํ กโรติฯ สุขสมฺผสฺสา เตโชธาตุ สีตสมเย องฺคารกปลฺลํ อาหริตฺวา คตฺตํ เสเทเนฺต อสฺสาเทตฺวา อสฺสาเทตฺวา ‘เสเทหิ ตาต, เสเทหิ ตาตา’ติ วทาปนาการํ กโรติฯ สุขสมฺผสฺสา วาโยธาตุ อุณฺหสมเย วตฺตสมฺปเนฺน ทหเร พีชเนน พีชเนฺต อสฺสาเทตฺวา อสฺสาเทตฺวา ‘พีช ตาต, พีช ตาตา’ติ วทาปนาการํ กโรติฯ ถทฺธหเตฺถ ปน ทหเร ปาเท สมฺพาหเนฺต อฎฺฐีนํ ภิชฺชนกาโล วิย โหติฯ โสปิ ‘อเปหี’ติ วตฺตพฺพตํ อาปชฺชติฯ อุณฺหสมเย องฺคารกปเลฺล อาภเต ‘อปเนหิ น’นฺติ วตฺตพฺพํ โหติฯ สีตสมเย พีชเนน พีชเนฺต ‘อเปหิ, มา พีชา’ติ วตฺตพฺพํ โหติฯ เอวเมตาสํ สุขสมฺผสฺสตา ทุกฺขสมฺผสฺสตา จ เวทิตพฺพาฯ
‘Sukhasamphassaṃ dukkhasamphassa’nti padadvayena pana tīṇipi mahābhūtāni bhājitāni. Pathavīdhātu hi sukhasamphassāpi atthi dukkhasamphassāpi. Tathā tejodhātuvāyodhātuyo. Tattha sukhasamphassā pathavīdhātu mudutaluṇahatthe dahare pāde sambāhante assādetvā assādetvā ‘sambāha tāta, sambāha tātā’ti vadāpanākāraṃ karoti. Sukhasamphassā tejodhātu sītasamaye aṅgārakapallaṃ āharitvā gattaṃ sedente assādetvā assādetvā ‘sedehi tāta, sedehi tātā’ti vadāpanākāraṃ karoti. Sukhasamphassā vāyodhātu uṇhasamaye vattasampanne dahare bījanena bījante assādetvā assādetvā ‘bīja tāta, bīja tātā’ti vadāpanākāraṃ karoti. Thaddhahatthe pana dahare pāde sambāhante aṭṭhīnaṃ bhijjanakālo viya hoti. Sopi ‘apehī’ti vattabbataṃ āpajjati. Uṇhasamaye aṅgārakapalle ābhate ‘apanehi na’nti vattabbaṃ hoti. Sītasamaye bījanena bījante ‘apehi, mā bījā’ti vattabbaṃ hoti. Evametāsaṃ sukhasamphassatā dukkhasamphassatā ca veditabbā.
ยํ โผฎฺฐพฺพํ อนิทสฺสนํ สปฺปฎิฆนฺติอาทินา นเยน วุตฺตา ปน จตูหิ จตูหิ นเยหิ ปฎิมณฺฑิตา เตรส วารา เหฎฺฐา รูปายตนาทีสุ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ
Yaṃ phoṭṭhabbaṃ anidassanaṃ sappaṭighantiādinā nayena vuttā pana catūhi catūhi nayehi paṭimaṇḍitā terasa vārā heṭṭhā rūpāyatanādīsu vuttanayeneva veditabbā.
กิํ ปเนตานิ ตีณิ มหาภูตานิ เอกปฺปหาเรเนว อาปาถํ อาคจฺฉนฺติ อุทาหุ โนติ? อาคจฺฉนฺติฯ เอวํ อาคตานิ กายปสาทํ ฆเฎฺฎนฺติ น ฆเฎฺฎนฺตีติ? ฆเฎฺฎนฺติฯ เอกปฺปหาเรเนว ตานิ อารมฺมณํ กตฺวา กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติ นุปฺปชฺชตีติ? นุปฺปชฺชติฯ อาภุชิตวเสน วา หิ อุสฺสทวเสน วา อารมฺมณกรณํ โหติฯ
Kiṃ panetāni tīṇi mahābhūtāni ekappahāreneva āpāthaṃ āgacchanti udāhu noti? Āgacchanti. Evaṃ āgatāni kāyapasādaṃ ghaṭṭenti na ghaṭṭentīti? Ghaṭṭenti. Ekappahāreneva tāni ārammaṇaṃ katvā kāyaviññāṇaṃ uppajjati nuppajjatīti? Nuppajjati. Ābhujitavasena vā hi ussadavasena vā ārammaṇakaraṇaṃ hoti.
ตตฺถ อาภุชิตวเสน ตาว, ปตฺตสฺมิญฺหิ โอทเนน ปูเรตฺวา อาภเต เอกํ สิตฺถํ คเหตฺวา ถทฺธํ วา มุทุกํ วาติ วีมํสโนฺต กิญฺจาปิ ตตฺถ เตโชปิ อตฺถิ วาโยปิ อตฺถิ, ปถวีธาตุเมว ปน อาภุชติฯ อุโณฺหทเก หตฺถํ โอตาเรตฺวา วีมํสโนฺต กิญฺจาปิ ตตฺถ ปถวีปิ อตฺถิ วาโยปิ อตฺถิ, เตโชธาตุเมว ปน อาภุชติฯ อุณฺหสมเย วาตปานํ วิวริตฺวา วาเตน สรีรํ ปหราเปโนฺต ฐิโต มนฺทมเนฺท วาเต ปหรเนฺต กิญฺจาปิ ตตฺถ ปถวีปิ อตฺถิ เตโชปิ อตฺถิ, วาโยธาตุเมว ปน อาภุชติฯ เอวํ อาภุชิตวเสน อารมฺมณํ กโรติ นามฯ
Tattha ābhujitavasena tāva, pattasmiñhi odanena pūretvā ābhate ekaṃ sitthaṃ gahetvā thaddhaṃ vā mudukaṃ vāti vīmaṃsanto kiñcāpi tattha tejopi atthi vāyopi atthi, pathavīdhātumeva pana ābhujati. Uṇhodake hatthaṃ otāretvā vīmaṃsanto kiñcāpi tattha pathavīpi atthi vāyopi atthi, tejodhātumeva pana ābhujati. Uṇhasamaye vātapānaṃ vivaritvā vātena sarīraṃ paharāpento ṭhito mandamande vāte paharante kiñcāpi tattha pathavīpi atthi tejopi atthi, vāyodhātumeva pana ābhujati. Evaṃ ābhujitavasena ārammaṇaṃ karoti nāma.
โย ปน อุปกฺขลติ วา สีเสน วา รุกฺขํ ปหรติ ภุญฺชโนฺต วา สกฺขรํ ฑํสติ, โส กิญฺจาปิ ตตฺถ เตโชปิ อตฺถิ วาโยปิ อตฺถิ, อุสฺสทวเสน ปน ปถวีธาตุเมว อารมฺมณํ กโรติฯ อคฺคิํ อกฺกมโนฺตปิ กิญฺจาปิ ตตฺถ ปถวีปิ อตฺถิ วาโยปิ อตฺถิ, อุสฺสทวเสน ปน เตโชธาตุเมว อารมฺมณํ กโรติฯ พลววาเต กณฺณสกฺขลิํ ปหริตฺวา พธิรภาวํ กโรเนฺตฯ กิญฺจาปิ ตตฺถ ปถวีปิ อตฺถิ เตโชปิ อตฺถิ, อุสฺสทวเสน ปน วาโยธาตุเมว อารมฺมณํ กโรติฯ
Yo pana upakkhalati vā sīsena vā rukkhaṃ paharati bhuñjanto vā sakkharaṃ ḍaṃsati, so kiñcāpi tattha tejopi atthi vāyopi atthi, ussadavasena pana pathavīdhātumeva ārammaṇaṃ karoti. Aggiṃ akkamantopi kiñcāpi tattha pathavīpi atthi vāyopi atthi, ussadavasena pana tejodhātumeva ārammaṇaṃ karoti. Balavavāte kaṇṇasakkhaliṃ paharitvā badhirabhāvaṃ karonte. Kiñcāpi tattha pathavīpi atthi tejopi atthi, ussadavasena pana vāyodhātumeva ārammaṇaṃ karoti.
ยํกิญฺจิ ธาตุํ อารมฺมณํ กโรนฺตสฺส กายวิญฺญาณมฺปิ เอกปฺปหาเรน นุปฺปชฺชติฯ สูจิกลาเปน วิทฺธสฺส เอกปฺปหาเรน กาโย ฆฎฺฎิยติฯ ยสฺมิํ ยสฺมิํ ปน ฐาเน กายปสาโท อุสฺสโนฺน โหติ, ตตฺถ ตตฺถ กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ ยตฺถ ยตฺถาปิ ปฎิฆฎฺฎนนิฆํโส พลวา โหติ ตตฺถ ตตฺถ ปฐมํ อุปฺปชฺชติฯ กุกฺกุฎปเตฺตน วเณ โธวิยมาเน อํสุอํสุ กายปสาทํ ฆเฎฺฎติฯ ยตฺถ ยตฺถ ปน ปสาโท อุสฺสโนฺน โหติ, ตตฺถ ตเตฺถว กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติฯ เอวํ อุสฺสทวเสน อารมฺมณํ กโรติฯ อุสฺสทวเสเนว จ กายวิญฺญาณํ อุปฺปชฺชติ นามฯ
Yaṃkiñci dhātuṃ ārammaṇaṃ karontassa kāyaviññāṇampi ekappahārena nuppajjati. Sūcikalāpena viddhassa ekappahārena kāyo ghaṭṭiyati. Yasmiṃ yasmiṃ pana ṭhāne kāyapasādo ussanno hoti, tattha tattha kāyaviññāṇaṃ uppajjati. Yattha yatthāpi paṭighaṭṭananighaṃso balavā hoti tattha tattha paṭhamaṃ uppajjati. Kukkuṭapattena vaṇe dhoviyamāne aṃsuaṃsu kāyapasādaṃ ghaṭṭeti. Yattha yattha pana pasādo ussanno hoti, tattha tattheva kāyaviññāṇaṃ uppajjati. Evaṃ ussadavasena ārammaṇaṃ karoti. Ussadavaseneva ca kāyaviññāṇaṃ uppajjati nāma.
กถํ ปน จิตฺตสฺส อารมฺมณโต สงฺกนฺติ โหตีติ? ทฺวีหากาเรหิ โหติ – อชฺฌาสยโต วา วิสยาธิมตฺตโต วาฯ วิหารปูชาทีสุ หิ ‘ตานิ ตานิ เจติยานิ เจว ปฎิมาโย จ วนฺทิสฺสามิ, โปตฺถกมฺมจิตฺตกมฺมานิ จ โอโลเกสฺสามี’ติ อชฺฌาสเยน คโต เอกํ วนฺทิตฺวา วา ปสฺสิตฺวา วา อิตรสฺส วนฺทนตฺถาย วา ทสฺสนตฺถาย วา มนํ กตฺวา วนฺทิตุมฺปิ ปสฺสิตุมฺปิ คจฺฉติเยว, เอวํ อชฺฌาสยโต สงฺกมติ นามฯ
Kathaṃ pana cittassa ārammaṇato saṅkanti hotīti? Dvīhākārehi hoti – ajjhāsayato vā visayādhimattato vā. Vihārapūjādīsu hi ‘tāni tāni cetiyāni ceva paṭimāyo ca vandissāmi, potthakammacittakammāni ca olokessāmī’ti ajjhāsayena gato ekaṃ vanditvā vā passitvā vā itarassa vandanatthāya vā dassanatthāya vā manaṃ katvā vanditumpi passitumpi gacchatiyeva, evaṃ ajjhāsayato saṅkamati nāma.
เกลาสกูฎปฎิภาคํ ปน มหาเจติยํ โอโลเกโนฺต ฐิโตปิ อปรภาเค สพฺพตูริเยสุ ปคฺคหิเตสุ รูปารมฺมณํ วิสฺสเชฺชตฺวา สทฺทารมฺมณํ สงฺกมติฯ มนุญฺญคเนฺธสุ ปุเปฺผสุ วา คเนฺธสุ วา อาภเตสุ สทฺทารมฺมณํ วิสฺสเชฺชตฺวา คนฺธารมฺมณํ สงฺกมติฯ เอวํ วิสยาธิมตฺตโต สงฺกมติ นามฯ
Kelāsakūṭapaṭibhāgaṃ pana mahācetiyaṃ olokento ṭhitopi aparabhāge sabbatūriyesu paggahitesu rūpārammaṇaṃ vissajjetvā saddārammaṇaṃ saṅkamati. Manuññagandhesu pupphesu vā gandhesu vā ābhatesu saddārammaṇaṃ vissajjetvā gandhārammaṇaṃ saṅkamati. Evaṃ visayādhimattato saṅkamati nāma.
๖๕๑. อาโปธาตุนิเทฺทเส อาโปติ สภาวนิเทฺทโสฯ อาโปว อาโปคตํฯ สิเนหวเสน สิเนโห, สิเนโหว สิเนหคตํฯ พนฺธนตฺตํ รูปสฺสาติ ปถวีธาตุอาทิกสฺส ภูตรูปสฺส พนฺธนภาโวฯ อโยปิณฺฑิอาทีนิ หิ อาโปธาตุ อาพนฺธิตฺวา พทฺธานิ กโรติฯ ตาย อาพทฺธตฺตา ตานิ พทฺธานิ นาม โหนฺติฯ ปาสาณปพฺพตตาลฎฺฐิหตฺถิทนฺตโคสิงฺคาทีสุปิ เอเสว นโย ฯ สพฺพานิ เหตานิ อาโปธาตุ เอว อาพนฺธิตฺวา พทฺธานิ กโรติฯ อาโปธาตุยา อาพทฺธตฺตาว พทฺธานิ โหนฺติฯ
651. Āpodhātuniddese āpoti sabhāvaniddeso. Āpova āpogataṃ. Sinehavasena sineho, sinehova sinehagataṃ. Bandhanattaṃrūpassāti pathavīdhātuādikassa bhūtarūpassa bandhanabhāvo. Ayopiṇḍiādīni hi āpodhātu ābandhitvā baddhāni karoti. Tāya ābaddhattā tāni baddhāni nāma honti. Pāsāṇapabbatatālaṭṭhihatthidantagosiṅgādīsupi eseva nayo . Sabbāni hetāni āpodhātu eva ābandhitvā baddhāni karoti. Āpodhātuyā ābaddhattāva baddhāni honti.
กิํ ปน ปถวีธาตุ เสสธาตูนํ ปติฎฺฐา โหติ น โหตีติ โหติ ผุสิตฺวา โหติ อุทาหุ อผุสิตฺวา? อาโปธาตุ วา เสสา อาพนฺธมานา ผุสิตฺวา อาพนฺธติ อุทาหุ อผุสิตฺวาติ? ปถวีธาตุ ตาว อาโปธาตุยา อผุสิตฺวาว ปติฎฺฐา โหติ, เตโชธาตุยา จ วาโยธาตุยา จ ผุสิตฺวาฯ อาโปธาตุ ปน ปถวีธาตุมฺปิ เตโชวาโยธาตุโยปิ อผุสิตฺวาว อาพนฺธติฯ ยทิ ผุสิตฺวา อาพเนฺธยฺย โผฎฺฐพฺพายตนํ นาม ภเวยฺยฯ
Kiṃ pana pathavīdhātu sesadhātūnaṃ patiṭṭhā hoti na hotīti hoti phusitvā hoti udāhu aphusitvā? Āpodhātu vā sesā ābandhamānā phusitvā ābandhati udāhu aphusitvāti? Pathavīdhātu tāva āpodhātuyā aphusitvāva patiṭṭhā hoti, tejodhātuyā ca vāyodhātuyā ca phusitvā. Āpodhātu pana pathavīdhātumpi tejovāyodhātuyopi aphusitvāva ābandhati. Yadi phusitvā ābandheyya phoṭṭhabbāyatanaṃ nāma bhaveyya.
เตโชธาตุวาโยธาตูนมฺปิ เสสธาตูสุ สกสกกิจฺจกรเณ เอเสว นโยฯ เตโชธาตุ หิ ปถวีธาตุํ ผุสิตฺวา ฌาเปติฯ สา ปน น อุณฺหา หุตฺวา ฌายติฯ ยทิ อุณฺหา หุตฺวา ฌาเยยฺย อุณฺหตฺตลกฺขณา นาม ภเวยฺยฯ อาโปธาตุํ ปน อผุสิตฺวาว ตาเปติฯ สาปิ ตปมานา น อุณฺหา หุตฺวา ตปติฯ ยทิ อุณฺหา หุตฺวา ตเปยฺย อุณฺหตฺตลกฺขณา นาม ภเวยฺยฯ วาโยธาตุํ ปน ผุสิตฺวาว ตาเปติฯ สาปิ ตปมานา น อุณฺหา หุตฺวา ตปติฯ ยทิ อุณฺหา หุตฺวา ตเปยฺย อุณฺหตฺตลกฺขณา นาม ภเวยฺยฯ วาโยธาตุ ปถวีธาตุํ ผุสิตฺวา วิตฺถเมฺภติ, ตถา เตโชธาตุํ อาโปธาตุํ ปน อผุสิตฺวาว วิตฺถเมฺภติฯ
Tejodhātuvāyodhātūnampi sesadhātūsu sakasakakiccakaraṇe eseva nayo. Tejodhātu hi pathavīdhātuṃ phusitvā jhāpeti. Sā pana na uṇhā hutvā jhāyati. Yadi uṇhā hutvā jhāyeyya uṇhattalakkhaṇā nāma bhaveyya. Āpodhātuṃ pana aphusitvāva tāpeti. Sāpi tapamānā na uṇhā hutvā tapati. Yadi uṇhā hutvā tapeyya uṇhattalakkhaṇā nāma bhaveyya. Vāyodhātuṃ pana phusitvāva tāpeti. Sāpi tapamānā na uṇhā hutvā tapati. Yadi uṇhā hutvā tapeyya uṇhattalakkhaṇā nāma bhaveyya. Vāyodhātu pathavīdhātuṃ phusitvā vitthambheti, tathā tejodhātuṃ āpodhātuṃ pana aphusitvāva vitthambheti.
อุจฺฉุรสํ ปจิตฺวา ผาณิตปิเณฺฑ กริยมาเน อาโปธาตุ ถทฺธา โหติ น โหตีติ? น โหติฯ สา หิ ปคฺฆรณลกฺขณาฯ ปถวีธาตุ กกฺขฬลกฺขณาฯ โอมตฺตํ ปน อาโป อธิมตฺตปถวีคติกํ ชาตํฯ สา หิ รสากาเรน ฐิตภาวํ วิชหติ, ลกฺขณํ น วิชหติฯ ผาณิตปิเณฺฑ วิลียมาเนปิ ปถวีธาตุ น วิลียติฯ กกฺขฬลกฺขณา หิ ปถวีธาตุ ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตุฯ โอมตฺตา ปน ปถวี อธิมตฺตอาปคติกา โหติฯ สา ปิณฺฑากาเรน ฐิตภาวํ วิชหติ, ลกฺขณํ น วิชหติฯ จตุนฺนญฺหิ มหาภูตานํ ภาวญฺญถตฺตเมว โหติ, ลกฺขณญฺญถตฺตํ นาม นตฺถิฯ ตสฺส อภาโว อฎฺฐานปริกปฺปสุเตฺตน ทีปิโตฯ วุตฺตเญฺหตํ –
Ucchurasaṃ pacitvā phāṇitapiṇḍe kariyamāne āpodhātu thaddhā hoti na hotīti? Na hoti. Sā hi paggharaṇalakkhaṇā. Pathavīdhātu kakkhaḷalakkhaṇā. Omattaṃ pana āpo adhimattapathavīgatikaṃ jātaṃ. Sā hi rasākārena ṭhitabhāvaṃ vijahati, lakkhaṇaṃ na vijahati. Phāṇitapiṇḍe vilīyamānepi pathavīdhātu na vilīyati. Kakkhaḷalakkhaṇā hi pathavīdhātu paggharaṇalakkhaṇā āpodhātu. Omattā pana pathavī adhimattaāpagatikā hoti. Sā piṇḍākārena ṭhitabhāvaṃ vijahati, lakkhaṇaṃ na vijahati. Catunnañhi mahābhūtānaṃ bhāvaññathattameva hoti, lakkhaṇaññathattaṃ nāma natthi. Tassa abhāvo aṭṭhānaparikappasuttena dīpito. Vuttañhetaṃ –
‘‘สิยา, อานนฺท, จตุนฺนํ มหาภูตานํ อญฺญถตฺตํ, ปถวีธาตุยา…เป.… วาโยธาตุยา ; น เตฺวว พุเทฺธ อเวจฺจปฺปสาเทน สมนฺนาคตสฺส อริยสาวกสฺส สิยา อญฺญถตฺต’’นฺติ (อ. นิ. ๓.๗๖)ฯ
‘‘Siyā, ānanda, catunnaṃ mahābhūtānaṃ aññathattaṃ, pathavīdhātuyā…pe… vāyodhātuyā ; na tveva buddhe aveccappasādena samannāgatassa ariyasāvakassa siyā aññathatta’’nti (a. ni. 3.76).
อยเญฺหตฺถ อโตฺถ – อานนฺท, กกฺขฬตฺตลกฺขณา ปถวีธาตุ ปริวตฺติตฺวา ปคฺฆรณลกฺขณา อาโปธาตุ นาม ภเวยฺย, อริยสาวกสฺส ปน อญฺญถตฺตํ นาม นตฺถีติฯ เอวเมตฺถ อฎฺฐานปริกโปฺป อาคโตฯ
Ayañhettha attho – ānanda, kakkhaḷattalakkhaṇā pathavīdhātu parivattitvā paggharaṇalakkhaṇā āpodhātu nāma bhaveyya, ariyasāvakassa pana aññathattaṃ nāma natthīti. Evamettha aṭṭhānaparikappo āgato.
๖๕๒. อิโต ปเรสุ อุปาทิณฺณรูปาทินิเทฺทเสสุ อุปาทิณฺณปทาทีนํ อโตฺถ มาติกากถายํ วุตฺตนเยเนว เวทิตโพฺพฯ จกฺขายตนาทีนิ เหฎฺฐา วิตฺถาริตาเนวฯ ตตฺถ ตตฺถ ปน วิเสสมตฺตเมว วกฺขามฯ
652. Ito paresu upādiṇṇarūpādiniddesesu upādiṇṇapadādīnaṃ attho mātikākathāyaṃ vuttanayeneva veditabbo. Cakkhāyatanādīni heṭṭhā vitthāritāneva. Tattha tattha pana visesamattameva vakkhāma.
อุปาทิณฺณนิเทฺทเส ตาว จกฺขายตนาทีนิ เอกนฺตอุปาทิณฺณตฺตา วุตฺตานิฯ ยสฺมา ปน รูปายตนาทีนิ อุปาทิณฺณานิปิ อตฺถิ อนุปาทิณฺณานิปิ, ตสฺมา ตานิ ยํ วา ปนาติ สเงฺขปโต ทเสฺสตฺวา ปุน กมฺมสฺส กตตฺตา รูปายตนนฺติอาทินา นเยน วิตฺถาริตานิฯ อิมินา อุปาเยน สพฺพเยวาปนเกสุ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Upādiṇṇaniddese tāva cakkhāyatanādīni ekantaupādiṇṇattā vuttāni. Yasmā pana rūpāyatanādīni upādiṇṇānipi atthi anupādiṇṇānipi, tasmā tāni yaṃ vā panāti saṅkhepato dassetvā puna kammassa katattā rūpāyatanantiādinā nayena vitthāritāni. Iminā upāyena sabbayevāpanakesu attho veditabbo.
กสฺมา ปน ‘กมฺมสฺส กตตฺตา’ติ จ ‘น กมฺมสฺส กตตฺตา’ติ จ อุภินฺนมฺปิ นิเทฺทเส ‘ชรตา จ อนิจฺจตา จ’ น คหิตา, อนุปาทิณฺณาทีนํเยว นิเทฺทเสสุ คหิตาติ? น กมฺมสฺส กตตฺตาติ เอตฺถ ตาว กมฺมโต อญฺญปจฺจยสมุฎฺฐานํ สงฺคหิตํฯ ‘กมฺมสฺส กตตฺตา’ติ เอตฺถ กมฺมสมุฎฺฐานเมวฯ อิมานิ จ เทฺว รูปานิ เนว กมฺมโต น อญฺญสฺมา รูปชนกปจฺจยา อุปฺปชฺชนฺติ, ตสฺมา น คหิตานิฯ สา จ เนสํ อนุปฺปตฺติ ปรโต อาวิ ภวิสฺสติฯ อนุปาทิณฺณนฺติอาทีสุ ปน เกวลํ อนุปาทิณฺณาทิคฺคหเณน กมฺมาทิสมุฎฺฐานตา ปฎิกฺขิตฺตา, นอญฺญปจฺจยสมุฎฺฐานตา อนุญฺญาตาฯ ตสฺมา ตตฺถ คหิตานีติ เวทิตพฺพานิฯ
Kasmā pana ‘kammassa katattā’ti ca ‘na kammassa katattā’ti ca ubhinnampi niddese ‘jaratā ca aniccatā ca’ na gahitā, anupādiṇṇādīnaṃyeva niddesesu gahitāti? Na kammassa katattāti ettha tāva kammato aññapaccayasamuṭṭhānaṃ saṅgahitaṃ. ‘Kammassa katattā’ti ettha kammasamuṭṭhānameva. Imāni ca dve rūpāni neva kammato na aññasmā rūpajanakapaccayā uppajjanti, tasmā na gahitāni. Sā ca nesaṃ anuppatti parato āvi bhavissati. Anupādiṇṇantiādīsu pana kevalaṃ anupādiṇṇādiggahaṇena kammādisamuṭṭhānatā paṭikkhittā, naaññapaccayasamuṭṭhānatā anuññātā. Tasmā tattha gahitānīti veditabbāni.
๖๖๖. จิตฺตสมุฎฺฐานนิเทฺทเส กายวิญฺญตฺติ วจีวิญฺญตฺตีติ อิทํ ทฺวยํ ยสฺมา เอกนฺตจิตฺตสมุฎฺฐานานิ ภูตานิ อุปาทาย ปญฺญายติ, ตสฺมา วุตฺตํฯ ปรมตฺถโต ปน ตสฺส นิสฺสยภูตานิ ภูตาเนว จิตฺตสมุฎฺฐานานิ, ตํนิสฺสิตตฺตาฯ ยถา อนิจฺจสฺส รูปสฺส ชรามรณํ อนิจฺจํ นาม โหติ, เอวมิทมฺปิ จิตฺตสมุฎฺฐานํ นาม ชาตํฯ
666. Cittasamuṭṭhānaniddese kāyaviññatti vacīviññattīti idaṃ dvayaṃ yasmā ekantacittasamuṭṭhānāni bhūtāni upādāya paññāyati, tasmā vuttaṃ. Paramatthato pana tassa nissayabhūtāni bhūtāneva cittasamuṭṭhānāni, taṃnissitattā. Yathā aniccassa rūpassa jarāmaraṇaṃ aniccaṃ nāma hoti, evamidampi cittasamuṭṭhānaṃ nāma jātaṃ.
๖๖๘. จิตฺตสหภุนิเทฺทเสปิ เอเสว นโยฯ ยาว จิตฺตํ ตาว ปญฺญายนโต อิทเมว ทฺวยํ วุตฺตํฯ น ปเนตํ จิเตฺตน สห ภูตานิ วิย, เจตนาทโย วิย จ อุปฺปชฺชติฯ
668. Cittasahabhuniddesepi eseva nayo. Yāva cittaṃ tāva paññāyanato idameva dvayaṃ vuttaṃ. Na panetaṃ cittena saha bhūtāni viya, cetanādayo viya ca uppajjati.
๖๗๐. จิตฺตานุปริวตฺติตายปิ เอเสว นโยฯ ยาว จิตฺตํ ตาว ปญฺญายนโต เอว เหตํ ทฺวยํ จิตฺตานุปริวตฺตีติ วุตฺตํฯ
670. Cittānuparivattitāyapi eseva nayo. Yāva cittaṃ tāva paññāyanato eva hetaṃ dvayaṃ cittānuparivattīti vuttaṃ.
๖๗๔. โอฬาริกนฺติ วตฺถารมฺมณภูตตฺตา สํงฺฆฎฺฎนวเสน คเหตพฺพโต ถูลํฯ วุตฺตวิปลฺลาสโต สุขุมํ เวทิตพฺพํฯ
674. Oḷārikanti vatthārammaṇabhūtattā saṃṅghaṭṭanavasena gahetabbato thūlaṃ. Vuttavipallāsato sukhumaṃ veditabbaṃ.
๖๗๖. ทูเรติ ฆฎฺฎนวเสน อคฺคเหตพฺพตฺตา ทุพฺพิเญฺญยฺยภาเวน สมีเป ฐิตมฺปิ ทูเรฯ อิตรํ ปน ฆฎฺฎนวเสน คเหตพฺพตฺตา สุวิเญฺญยฺยภาเวน ทูเร ฐิตมฺปิ สนฺติเกฯ จกฺขายตนาทินิเทฺทสา เหฎฺฐา วุตฺตนเยเนว วิตฺถารโต เวทิตพฺพาฯ อิทํ ตาว ทุวิเธน รูปสงฺคเห วิเสสมตฺตํฯ ติวิธสงฺคโห อุตฺตานโตฺถวฯ
676. Dūreti ghaṭṭanavasena aggahetabbattā dubbiññeyyabhāvena samīpe ṭhitampi dūre. Itaraṃ pana ghaṭṭanavasena gahetabbattā suviññeyyabhāvena dūre ṭhitampi santike. Cakkhāyatanādiniddesā heṭṭhā vuttanayeneva vitthārato veditabbā. Idaṃ tāva duvidhena rūpasaṅgahe visesamattaṃ. Tividhasaṅgaho uttānatthova.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā
อุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา • Upādābhājanīyakathāvaṇṇanā
โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา • Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā
อุปาทาภาชนียวณฺณนา • Upādābhājanīyavaṇṇanā
โนอุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา • Noupādābhājanīyakathāvaṇṇanā