Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ธมฺมสงฺคณี-มูลฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-mūlaṭīkā

    ทุกนิเทฺทโส

    Dukaniddeso

    อุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา

    Upādābhājanīyakathāvaṇṇanā

    ๕๙๖. อปฺปรชกฺขาทิสตฺตสมูหทสฺสนํ พุทฺธจกฺขุ, ฉสุ อสาธารณญาเณสุ อินฺทฺริยปโรปริยตฺตญาณํ ทฎฺฐพฺพํฯ สพฺพสงฺขตาสงฺขตทสฺสนํ สมนฺตจกฺขุฯ ‘‘ทุกฺขํ ปริเญฺญยฺยํ ปริญฺญาต’’นฺติ (สํ. นิ. ๕.๑๐๘๑; มหาว. ๑๕) เอวมาทินา อากาเรน ปวตฺตํ ญาณทสฺสนํ ญาณจกฺขุ, ตมฺปิ ปุริมทฺวยมิว กามาวจรํฯ จตุสจฺจธมฺมทสฺสนํ ธมฺมจกฺขุฯ อุปตฺถมฺภภูตา จตุสมุฎฺฐานิกรูปสนฺตติโย สมฺภาราฯ สห สมฺภาเรหิ สสมฺภารํ, สมฺภารวนฺตํฯ สมฺภโวติ อาโปธาตุเมว สมฺภวสมฺภูตมาหฯ สณฺฐานนฺติ วณฺณายตนเมว ปริมณฺฑลาทิสณฺฐานภูตํฯ เตสํ ปน วิสุํ วจนํ ตถาภูตานํ อตถาภูตานญฺจ อาโปธาตุวณฺณายตนานํ ยถาวุเตฺต มํสปิเณฺฑ วิชฺชมานตฺตาฯ จุทฺทสสมฺภาโร หิ มํสปิโณฺฑฯ สมฺภวสฺส จตุธาตุนิสฺสิเตหิ สห วุตฺตสฺส ธาตุตฺตยนิสฺสิตตา โยเชตพฺพาฯ อาโปธาตุวณฺณายตนานเมว วา สมฺภวสณฺฐานาภาวา วิสุํ วุตฺตาติ จตุธาตุนิสฺสิตตา จ น วิรุชฺฌติฯ ยํ มํสปิณฺฑํ เสตาทินา สญฺชานโนฺต น ปสาทจกฺขุํ สญฺชานาติ, ปตฺถิณฺณตาทิวิเสสํ วตฺตุกาโม ‘‘ปถวีปิ อตฺถี’’ติอาทิ วุตฺตมฺปิ วทติฯ

    596. Apparajakkhādisattasamūhadassanaṃ buddhacakkhu, chasu asādhāraṇañāṇesu indriyaparopariyattañāṇaṃ daṭṭhabbaṃ. Sabbasaṅkhatāsaṅkhatadassanaṃ samantacakkhu. ‘‘Dukkhaṃ pariññeyyaṃ pariññāta’’nti (saṃ. ni. 5.1081; mahāva. 15) evamādinā ākārena pavattaṃ ñāṇadassanaṃ ñāṇacakkhu, tampi purimadvayamiva kāmāvacaraṃ. Catusaccadhammadassanaṃ dhammacakkhu. Upatthambhabhūtā catusamuṭṭhānikarūpasantatiyo sambhārā. Saha sambhārehi sasambhāraṃ, sambhāravantaṃ. Sambhavoti āpodhātumeva sambhavasambhūtamāha. Saṇṭhānanti vaṇṇāyatanameva parimaṇḍalādisaṇṭhānabhūtaṃ. Tesaṃ pana visuṃ vacanaṃ tathābhūtānaṃ atathābhūtānañca āpodhātuvaṇṇāyatanānaṃ yathāvutte maṃsapiṇḍe vijjamānattā. Cuddasasambhāro hi maṃsapiṇḍo. Sambhavassa catudhātunissitehi saha vuttassa dhātuttayanissitatā yojetabbā. Āpodhātuvaṇṇāyatanānameva vā sambhavasaṇṭhānābhāvā visuṃ vuttāti catudhātunissitatā ca na virujjhati. Yaṃ maṃsapiṇḍaṃ setādinā sañjānanto na pasādacakkhuṃ sañjānāti, patthiṇṇatādivisesaṃ vattukāmo ‘‘pathavīpi atthī’’tiādi vuttampi vadati.

    สรีรสณฺฐานุปฺปตฺติเทสภูเตติ เอเตน อวเสสํ กณฺหมณฺฑลํ ปฎิกฺขิปติฯ เสฺนหมิว สตฺตกฺขิปฎลานิ พฺยาเปตฺวา ฐิตาเหว อตฺตโน นิสฺสยภูตาหิ จตูหิ ธาตูหิ กตูปการํ ตํนิสฺสิเตหิ เอว อายุวณฺณาทีหิ อนุปาลิตปริวาริตํ ติสนฺตติรูปสมุฎฺฐาปเกหิ อุตุจิตฺตาหาเรหิ อุปตฺถมฺภิยมานํ ติฎฺฐติฯ สตฺตกฺขิปฎลานํ พฺยาปนวจเนน จ อเนกกลาปคตภาวํ จกฺขุสฺส ทเสฺสติฯ ปมาณโต อูกาสิรมตฺตนฺติ อูกาสิรมเตฺต ปเทเส ปวตฺตนโต วุตฺตํฯ รูปานิ มนุปสฺสตีติ -กาโร ปทสนฺธิกโรฯ อถ วา มนูติ มโจฺจฯ อุปการภูเตหิ สงฺคหิโตฯ ปริยาเยนาติ จตุนฺนํ ปสาโท เตสุ เอกสฺส ทฺวินฺนญฺจาติปิ วตฺตุํ ยุโตฺต สมานธนานํ ธนํ วิยาติ เอเตน ปริยาเยนฯ สรีรํ รูปกฺขโนฺธ เอวฯ ปฎิฆฎฺฎนเมว นิฆํโส ปฎิฆฎฺฎนานิฆํโสฯ รูปาภิมุขภาเวน จกฺขุวิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาวาปตฺติสงฺขาโต ปฎิฆฎฺฎนโต ชาโต วา นิฆํโส ปฎิฆฎฺฎนานิฆํโส

    Sarīrasaṇṭhānuppattidesabhūteti etena avasesaṃ kaṇhamaṇḍalaṃ paṭikkhipati. Snehamiva sattakkhipaṭalāni byāpetvā ṭhitāheva attano nissayabhūtāhi catūhi dhātūhi katūpakāraṃ taṃnissitehi eva āyuvaṇṇādīhi anupālitaparivāritaṃ tisantatirūpasamuṭṭhāpakehi utucittāhārehi upatthambhiyamānaṃ tiṭṭhati. Sattakkhipaṭalānaṃ byāpanavacanena ca anekakalāpagatabhāvaṃ cakkhussa dasseti. Pamāṇato ūkāsiramattanti ūkāsiramatte padese pavattanato vuttaṃ. Rūpāni manupassatīti ma-kāro padasandhikaro. Atha vā manūti macco. Upakārabhūtehi saṅgahito. Pariyāyenāti catunnaṃ pasādo tesu ekassa dvinnañcātipi vattuṃ yutto samānadhanānaṃ dhanaṃ viyāti etena pariyāyena. Sarīraṃ rūpakkhandho eva. Paṭighaṭṭanameva nighaṃso paṭighaṭṭanānighaṃso. Rūpābhimukhabhāvena cakkhuviññāṇassa nissayabhāvāpattisaṅkhāto paṭighaṭṭanato jāto vā nighaṃso paṭighaṭṭanānighaṃso.

    ปริกปฺปวจนํ ‘‘สเจ อาปาถํ อาคเจฺฉยฺยา’’ติ เหตุกิริยํ, ‘‘ปเสฺสยฺยา’’ติ ผลกิริยญฺจ ปริกเปฺปตฺวา เตน ปริกเปฺปน วจนํฯ เอตฺถ จ เหตุกิริยา อเนกตฺตา อวุตฺตาปิ วิญฺญายตีติ ทฎฺฐพฺพาฯ ‘‘ปเสฺส วา’’ติ อิมินา วจเนน ตีสุปิ กาเลสุ จกฺขุวิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาวํ อนุปคจฺฉนฺตํ จกฺขุํ สงฺคณฺหาติฯ ทสฺสเน ปริณายกภาโว ทสฺสนปริณายกโฎฺฐฯ ยถา หิ อิสฺสโร ‘‘อิทญฺจิทญฺจ กโรถา’’ติ วทโนฺต ตสฺมิํ ตสฺมิํ กิเจฺจ สปุริเส ปริณายติ ปวตฺตยติ, เอวมิทมฺปิ จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ นิสฺสยภาเวน เต ธเมฺม ทสฺสนกิเจฺจ อาณาเปนฺตํ วิย ปริณายตีติ จกฺขูติ วุจฺจติฯ จกฺขตีติ หิ จกฺขุ, ยถาวุเตฺตน นเยน อาจิกฺขติ ปริณายตีติ อโตฺถฯ อถ วา สมวิสมานิ รูปานิ จกฺขติ อาจิกฺขติ, ปกาเสตีติ วา จกฺขุฯ สญฺชายนฺติ เอตฺถาติ สญฺชาติฯ เก สญฺชายนฺติ? ผสฺสาทีนิ ฯ ตถา สโมสรณํฯ จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ อตฺตโน ติกฺขมนฺทภาวานุปวตฺตเนน อินฺทฎฺฐํ กาเรตีติฯ นิจฺจํ ธุวํ อตฺตาติ คหิตสฺสปิ ลุชฺชนปลุชฺชนเฎฺฐนฯ วฬญฺชนฺติ ปวิสนฺติ เอเตนาติ วฬญฺชนํ, ตํทฺวาริกานํ ผสฺสาทีนํ วฬญฺชนเฎฺฐน

    Parikappavacanaṃ ‘‘sace āpāthaṃ āgaccheyyā’’ti hetukiriyaṃ, ‘‘passeyyā’’ti phalakiriyañca parikappetvā tena parikappena vacanaṃ. Ettha ca hetukiriyā anekattā avuttāpi viññāyatīti daṭṭhabbā. ‘‘Passe vā’’ti iminā vacanena tīsupi kālesu cakkhuviññāṇassa nissayabhāvaṃ anupagacchantaṃ cakkhuṃ saṅgaṇhāti. Dassane pariṇāyakabhāvo dassanapariṇāyakaṭṭho. Yathā hi issaro ‘‘idañcidañca karothā’’ti vadanto tasmiṃ tasmiṃ kicce sapurise pariṇāyati pavattayati, evamidampi cakkhusamphassādīnaṃ nissayabhāvena te dhamme dassanakicce āṇāpentaṃ viya pariṇāyatīti cakkhūti vuccati. Cakkhatīti hi cakkhu, yathāvuttena nayena ācikkhati pariṇāyatīti attho. Atha vā samavisamāni rūpāni cakkhati ācikkhati, pakāsetīti vā cakkhu. Sañjāyanti etthāti sañjāti. Ke sañjāyanti? Phassādīni . Tathā samosaraṇaṃ. Cakkhusamphassādīnaṃ attano tikkhamandabhāvānupavattanena indaṭṭhaṃ kāretīti. Niccaṃ dhuvaṃ attāti gahitassapi lujjanapalujjanaṭṭhena. Vaḷañjanti pavisanti etenāti vaḷañjanaṃ, taṃdvārikānaṃ phassādīnaṃ vaḷañjanaṭṭhena.

    ๕๙๗. ปุเพฺพ วุโตฺต ปริกโปฺป เอว วิกปฺปนโตฺถฯ ฆฎฺฎยมานเมวาติ ปสาทสฺส อภิมุขภาววิเสสํ คจฺฉนฺตเมวฯ

    597. Pubbe vutto parikappo eva vikappanattho. Ghaṭṭayamānamevāti pasādassa abhimukhabhāvavisesaṃ gacchantameva.

    ๕๙๙. รูปํ อารพฺภ จกฺขุสมฺผสฺสาทีนํ อุปฺปตฺติวจเนเนว เตสํ ตํทฺวาริกานํ อเญฺญสญฺจ รูปํ อารพฺภ อุปฺปตฺติ วุตฺตา โหติฯ ยถา จ เตสํ รูปํ ปจฺจโย โหติ, เตน ปจฺจเยน อุปฺปตฺติ วุตฺตา โหตีติ อธิปฺปาเยน ‘‘อิมินา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ จกฺขุปสาทวตฺถุกานํ ผสฺสาทีนนฺติ อิมินา วจเนน ตทาลมฺพนรูปารมฺมณตาย ตํสทิสานํ มโนธาตุอาทีนญฺจ ปุเรชาตปจฺจเยน อุปฺปตฺติ ทสฺสิตาติ ทฎฺฐพฺพาฯ ยตฺถ ปน วิเสโส อตฺถิ, ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘จกฺขุทฺวารชวนวีถิปริยาปนฺนาน’’นฺติอาทิมาหฯ ตานิ หิ รูปํ ครุํ กตฺวา ปวตฺตมานสฺสาทนาภินนฺทนภูตานิ ตํสมฺปยุตฺตานิ จ อารมฺมณาธิปติอารมฺมณูปนิสฺสเยหิ อุปฺปชฺชนฺติ, อญฺญานิ อารมฺมณปุเรชาเตเนวาติ เอวํ ‘‘อารพฺภา’’ติ วจนํ อารมฺมณปจฺจยโต อญฺญปจฺจยภาวสฺสปิ ทีปกํ, อารมฺมณวจนํ อารมฺมณปจฺจยภาวเสฺสวาติ อยเมเตสํ วิเสโสฯ

    599. Rūpaṃ ārabbha cakkhusamphassādīnaṃ uppattivacaneneva tesaṃ taṃdvārikānaṃ aññesañca rūpaṃ ārabbha uppatti vuttā hoti. Yathā ca tesaṃ rūpaṃ paccayo hoti, tena paccayena uppatti vuttā hotīti adhippāyena ‘‘iminā’’tiādimāha. Tattha cakkhupasādavatthukānaṃ phassādīnanti iminā vacanena tadālambanarūpārammaṇatāya taṃsadisānaṃ manodhātuādīnañca purejātapaccayena uppatti dassitāti daṭṭhabbā. Yattha pana viseso atthi, taṃ dassetuṃ ‘‘cakkhudvārajavanavīthipariyāpannāna’’ntiādimāha. Tāni hi rūpaṃ garuṃ katvā pavattamānassādanābhinandanabhūtāni taṃsampayuttāni ca ārammaṇādhipatiārammaṇūpanissayehi uppajjanti, aññāni ārammaṇapurejātenevāti evaṃ ‘‘ārabbhā’’ti vacanaṃ ārammaṇapaccayato aññapaccayabhāvassapi dīpakaṃ, ārammaṇavacanaṃ ārammaṇapaccayabhāvassevāti ayametesaṃ viseso.

    ๖๐๐. สุณาตีติ โสตวิญฺญาณสฺส นิสฺสยภาเวน สุณาติฯ ชิวฺหาสเทฺทน วิญฺญายมานา กิริยา สายนนฺติ กตฺวา ‘‘สายนเฎฺฐนา’’ติ อาหฯ กุจฺฉิตานํ ทุกฺขสมฺปยุตฺตผสฺสาทีนํ อาโยติ กาโย, ทุกฺขทุกฺขวิปริณามทุกฺขานํ วาฯ กายายตนสฺส พฺยาปิตาย จกฺขุปสาเท กายปสาทภาโวปิ อตฺถิ, เตน จกฺขุปสาทสฺส อนุวิทฺธตฺตา โน พฺยาปิตา จ น สิยา, วุตฺตา จ สาฯ ตสฺมา จกฺขุปสาทสฺส โผฎฺฐพฺพาวภาสนํ กายปสาทสฺส จ รูปาวภาสนํ อาปนฺนนฺติ ลกฺขณสมฺมิสฺสตํ โจเทติฯ จกฺขุกายานํ อญฺญนิสฺสยตฺตา กลาปนฺตรคตตาย ‘‘อญฺญสฺส อญฺญตฺถ อภาวโต’’ติ อาหฯ รูปรสาทินิทสฺสนํ สมานนิสฺสยานญฺจ อญฺญมญฺญสภาวานุปคเมน อญฺญมญฺญสฺมิํ อภาโว, โก ปน วาโท อสมานนิสฺสยานนฺติ ทเสฺสตุํ วุตฺตํฯ

    600. Suṇātīti sotaviññāṇassa nissayabhāvena suṇāti. Jivhāsaddena viññāyamānā kiriyā sāyananti katvā ‘‘sāyanaṭṭhenā’’ti āha. Kucchitānaṃ dukkhasampayuttaphassādīnaṃ āyoti kāyo, dukkhadukkhavipariṇāmadukkhānaṃ vā. Kāyāyatanassa byāpitāya cakkhupasāde kāyapasādabhāvopi atthi, tena cakkhupasādassa anuviddhattā no byāpitā ca na siyā, vuttā ca sā. Tasmā cakkhupasādassa phoṭṭhabbāvabhāsanaṃ kāyapasādassa ca rūpāvabhāsanaṃ āpannanti lakkhaṇasammissataṃ codeti. Cakkhukāyānaṃ aññanissayattā kalāpantaragatatāya ‘‘aññassa aññattha abhāvato’’ti āha. Rūparasādinidassanaṃ samānanissayānañca aññamaññasabhāvānupagamena aññamaññasmiṃ abhāvo, ko pana vādo asamānanissayānanti dassetuṃ vuttaṃ.

    รูปาภิฆาตารโห จ โส ภูตปฺปสาโท จาติ รูปาภิฆาตารหภูตปฺปสาโทฯ เอวํลกฺขณํ จกฺขุฯ รูปาภิฆาโตติ จ รูเป, รูปสฺส วา อภิฆาโตติ อโตฺถฯ ปริปุณฺณาปริปุณฺณายตนตฺตภาวนิพฺพตฺตกสฺส กมฺมสฺส นิทานภูตา กามตณฺหา รูปตณฺหา จ ตทายตนิกภวปตฺถนาภาวโต ทฎฺฐุกามตาทิโวหารํ อรหตีติ ทุติโย นโย สพฺพตฺถ วุโตฺตฯ ตตฺถ ทฎฺฐุกามตานิทานํ กมฺมํ สมุฎฺฐานเมเตสนฺติ ทฎฺฐุกามตานิทานกมฺมสมุฎฺฐานานิ, เอวํวิธานํ ภูตานํ ปสาทลกฺขณํ จกฺขุ, เอวํวิโธ วา ภูตปฺปสาโท ทฎฺฐุกามตานิ…เป.… ปสาโทฯ เอวํลกฺขณํ จกฺขุฯ รูเปสุ ปุคฺคลสฺส วา วิญฺญาณสฺส วา อาวิญฺฉนรสํ

    Rūpābhighātāraho ca so bhūtappasādo cāti rūpābhighātārahabhūtappasādo. Evaṃlakkhaṇaṃ cakkhu. Rūpābhighātoti ca rūpe, rūpassa vā abhighātoti attho. Paripuṇṇāparipuṇṇāyatanattabhāvanibbattakassa kammassa nidānabhūtā kāmataṇhā rūpataṇhā ca tadāyatanikabhavapatthanābhāvato daṭṭhukāmatādivohāraṃ arahatīti dutiyo nayo sabbattha vutto. Tattha daṭṭhukāmatānidānaṃ kammaṃ samuṭṭhānametesanti daṭṭhukāmatānidānakammasamuṭṭhānāni, evaṃvidhānaṃ bhūtānaṃ pasādalakkhaṇaṃ cakkhu, evaṃvidho vā bhūtappasādo daṭṭhukāmatāni…pe… pasādo. Evaṃlakkhaṇaṃ cakkhu. Rūpesu puggalassa vā viññāṇassa vā āviñchanarasaṃ.

    กาโย สเพฺพสนฺติ โก เอตฺถ วิเสโส, นนุ เตชาทิอธิกานญฺจ ภูตานํ ปสาทา สเพฺพสํเยวาติ? สจฺจเมตํ, อิทํ ปน ‘‘สเพฺพส’’นฺติ วจนํ ‘‘สมานาน’’นฺติ อิมมตฺถํ ทีเปติ อนุวตฺตมานสฺส เอกเทสาธิกภาวสฺส นิวารณวเสน วุตฺตตฺตาฯ เตชาทีนนฺติ ปทีปสงฺขาตสฺส เตชสฺส โอภาเสน วายุสฺส สเทฺทน ปถวิยา คเนฺธน เขฬสงฺขาตสฺส อุทกสฺส รเสนาติ ปุริมวาเท ปจฺฉิมวาเท จ ยถาโยคํ ตํตํภูตคุเณหิ อนุคฺคยฺหภาวโต รูปาทิคฺคหเณ อุปกริตพฺพโตติ อโตฺถฯ รูปาทีนํ อธิกภาวทสฺสนโตติ อคฺคิมฺหิ รูปสฺส ปภสฺสรสฺส วายุมฺหิ สทฺทสฺส สภาเวน สุยฺยมานสฺส ปถวิยา สุรภิอาทิโน คนฺธสฺส อาเป จ รสสฺส มธุรสฺส วิเสสยุตฺตานํ ทสฺสนโต ‘‘รูปาทโย เตสํ คุณา’’ติ ปฐมวาที อาหฯ ตเสฺสว จ ‘‘อิเจฺฉยฺยามา’’ติอาทินา อุตฺตรมาหฯ อิมินาวุปาเยน ทุติยวาทิสฺสปิ นิคฺคโห โหตีติฯ

    Kāyo sabbesanti ko ettha viseso, nanu tejādiadhikānañca bhūtānaṃ pasādā sabbesaṃyevāti? Saccametaṃ, idaṃ pana ‘‘sabbesa’’nti vacanaṃ ‘‘samānāna’’nti imamatthaṃ dīpeti anuvattamānassa ekadesādhikabhāvassa nivāraṇavasena vuttattā. Tejādīnanti padīpasaṅkhātassa tejassa obhāsena vāyussa saddena pathaviyā gandhena kheḷasaṅkhātassa udakassa rasenāti purimavāde pacchimavāde ca yathāyogaṃ taṃtaṃbhūtaguṇehi anuggayhabhāvato rūpādiggahaṇe upakaritabbatoti attho. Rūpādīnaṃ adhikabhāvadassanatoti aggimhi rūpassa pabhassarassa vāyumhi saddassa sabhāvena suyyamānassa pathaviyā surabhiādino gandhassa āpe ca rasassa madhurassa visesayuttānaṃ dassanato ‘‘rūpādayo tesaṃ guṇā’’ti paṭhamavādī āha. Tasseva ca ‘‘iccheyyāmā’’tiādinā uttaramāha. Imināvupāyena dutiyavādissapi niggaho hotīti.

    อถ วา รูปาทิวิเสสคุเณหิ เตชอากาสปถวีอาปวายูหิ จกฺขาทีนิ กตานีติ วทนฺตสฺส กณาทสฺส วาทํ ตติยํ อุทฺธริตฺวา ตํ นิคฺคเหตุํ ‘‘อถาปิ วเทยฺยุ’’นฺติอาทิ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ อาสเว อุปลพฺภมาโนปิ คโนฺธ ปถวิยา อาโปสํยุตฺตาย กปฺปาสโต วิสทิสายาติ น กปฺปาสคนฺธสฺส อธิกภาวาปตฺตีติ เจ? น, อนภิภูตตฺตาฯ อาสเวหิ อุทกสํยุตฺตา ปถวี อุทเกน อภิภูตา, น กปฺปาสปถวีติ ตสฺสาเยว อธิเกน คเนฺธน ภวิตพฺพนฺติฯ อุโณฺหทกสญฺญุโตฺต จ อคฺคิ อุปลพฺภนีโย มหโนฺตติ กตฺวา ตสฺส ผโสฺส วิย วโณฺณปิ ปภสฺสโร อุปลพฺภิตโพฺพติ อุโณฺหทกวณฺณโต อคฺคินา อนภิสมฺพนฺธสฺส สีตุทกสฺส วโณฺณ ปริหาเยถฯ ตสฺมาติ เอตสฺสุภยสฺส อภาวาฯ ตทภาเวน หิ รูปาทีนํ เตชาทิวิเสสคุณตา นิวตฺติตา, ตํนิวตฺตเนน ‘‘เตชาทีนํ คุเณหิ รูปาทีหิ อนุคฺคยฺหภาวโต’’ติ อิทํ การณํ นิวตฺติตนฺติฯ เอวํ ปรมฺปราย อุภยาภาโว วิเสสกปฺปนปฺปหานสฺส การณํ โหตีติ อาห ‘‘ตสฺมา ปหาเยเถต’’นฺติอาทิฯ เอกกลาเปปิ รูปรสาทโย วิสทิสา, โก ปน วาโท นานากลาเป จกฺขาทโย ภูตวิเสสาภาเวปีติ ทเสฺสตุํ รูปรสาทินิทสฺสนํ วุตฺตํฯ

    Atha vā rūpādivisesaguṇehi tejaākāsapathavīāpavāyūhi cakkhādīni katānīti vadantassa kaṇādassa vādaṃ tatiyaṃ uddharitvā taṃ niggahetuṃ ‘‘athāpi vadeyyu’’ntiādi vuttanti daṭṭhabbaṃ. Āsave upalabbhamānopi gandho pathaviyā āposaṃyuttāya kappāsato visadisāyāti na kappāsagandhassa adhikabhāvāpattīti ce? Na, anabhibhūtattā. Āsavehi udakasaṃyuttā pathavī udakena abhibhūtā, na kappāsapathavīti tassāyeva adhikena gandhena bhavitabbanti. Uṇhodakasaññutto ca aggi upalabbhanīyo mahantoti katvā tassa phasso viya vaṇṇopi pabhassaro upalabbhitabboti uṇhodakavaṇṇato agginā anabhisambandhassa sītudakassa vaṇṇo parihāyetha. Tasmāti etassubhayassa abhāvā. Tadabhāvena hi rūpādīnaṃ tejādivisesaguṇatā nivattitā, taṃnivattanena ‘‘tejādīnaṃ guṇehi rūpādīhi anuggayhabhāvato’’ti idaṃ kāraṇaṃ nivattitanti. Evaṃ paramparāya ubhayābhāvo visesakappanappahānassa kāraṇaṃ hotīti āha ‘‘tasmā pahāyetheta’’ntiādi. Ekakalāpepi rūparasādayo visadisā, ko pana vādo nānākalāpe cakkhādayo bhūtavisesābhāvepīti dassetuṃ rūparasādinidassanaṃ vuttaṃ.

    ยทิ ภูตวิเสโส นตฺถิ, กิํ ปน จกฺขาทิวิเสสสฺส การณนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ยํ อญฺญมญฺญสฺสา’’ติอาทิมาหฯ เอกมฺปิ กมฺมํ ปญฺจายตนิกตฺตภาวปตฺถนานิปฺผนฺนํ จกฺขาทีนํ วิเสสเหตุตฺตา ‘‘อญฺญมญฺญสฺส อสาธารณ’’นฺติ จ ‘‘กมฺมวิเสโส’’ติ จ วุตฺตนฺติ ทฎฺฐพฺพํฯ น หิ ตํ เยน วิเสเสน จกฺขุสฺส ปจฺจโย, เตเนว โสตสฺส โหติ อินฺทฺริยนฺตราภาวปฺปตฺติโตฯ ‘‘ปฎิสนฺธิกฺขเณ มหคฺคตา เอกา เจตนา กฎตฺตารูปานํ กมฺมปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ (ปฎฺฐา. ๒.๑๒.๗๘) วจเนน ปฎิสนฺธิกฺขเณ วิชฺชมานานํ สเพฺพสํ กฎตฺตารูปานํ เอกา เจตนา กมฺมปจฺจโย โหตีติ วิญฺญายติฯ นานาเจตนาย หิ ตทา อินฺทฺริยุปฺปตฺติยํ สติ ปริเตฺตน จ มหคฺคเตน จ กมฺมุนา นิพฺพตฺติตํ กฎตฺตารูปํ อาปเชฺชยฺยาติ น เจกา ปฎิสนฺธิ อเนกกมฺมนิพฺพตฺตา โหตีติ สิทฺธเมเกน กเมฺมน อเนกินฺทฺริยุปฺปตฺติ โหตีติฯ อนลฺลีโน นิสฺสโย เอตสฺสาติ อนลฺลีนนิสฺสโย, รูปสทฺทสงฺขาโต วิสโยฯ คนฺธรสานํ นิสฺสยา ฆานชิวฺหานิสฺสเย อลฺลียนฺตีติ เต นิสฺสยวเสน อลฺลีนา, โผฎฺฐพฺพํ สยํ กายนิสฺสยอลฺลีนํ ภูตตฺตยตฺตาฯ ทูเร…เป.… สมฺปโตฺต เอว นาม ปฎิฆฎฺฎนนิฆํสชนกโตติ อธิปฺปาโยฯ สโทฺท ปน ธาตุปรมฺปราย วายุ วิย อาคนฺตฺวา นิสฺสยวเสน โสตนิสฺสเย อลฺลียิตฺวา โสตํ ฆเฎฺฎตฺวา ววตฺถานํ คจฺฉโนฺต สณิกํ ววตฺถานํ คจฺฉตีติ วุโตฺตฯ เอวํ ปน สติจิตฺตสมุฎฺฐานํ สทฺทายตนํ โสตวิญฺญาณสฺส กทาจิปิ อารมฺมณปจฺจโย น สิยาฯ น หิ พหิทฺธา จิตฺตสมุฎฺฐานุปฺปตฺติ อุปปชฺชตีติฯ

    Yadi bhūtaviseso natthi, kiṃ pana cakkhādivisesassa kāraṇanti taṃ dassetuṃ ‘‘yaṃ aññamaññassā’’tiādimāha. Ekampi kammaṃ pañcāyatanikattabhāvapatthanānipphannaṃ cakkhādīnaṃ visesahetuttā ‘‘aññamaññassa asādhāraṇa’’nti ca ‘‘kammaviseso’’ti ca vuttanti daṭṭhabbaṃ. Na hi taṃ yena visesena cakkhussa paccayo, teneva sotassa hoti indriyantarābhāvappattito. ‘‘Paṭisandhikkhaṇe mahaggatā ekā cetanā kaṭattārūpānaṃ kammapaccayena paccayo’’ti (paṭṭhā. 2.12.78) vacanena paṭisandhikkhaṇe vijjamānānaṃ sabbesaṃ kaṭattārūpānaṃ ekā cetanā kammapaccayo hotīti viññāyati. Nānācetanāya hi tadā indriyuppattiyaṃ sati parittena ca mahaggatena ca kammunā nibbattitaṃ kaṭattārūpaṃ āpajjeyyāti na cekā paṭisandhi anekakammanibbattā hotīti siddhamekena kammena anekindriyuppatti hotīti. Anallīno nissayo etassāti anallīnanissayo, rūpasaddasaṅkhāto visayo. Gandharasānaṃ nissayā ghānajivhānissaye allīyantīti te nissayavasena allīnā, phoṭṭhabbaṃ sayaṃ kāyanissayaallīnaṃ bhūtattayattā. Dūre…pe… sampatto eva nāma paṭighaṭṭananighaṃsajanakatoti adhippāyo. Saddo pana dhātuparamparāya vāyu viya āgantvā nissayavasena sotanissaye allīyitvā sotaṃ ghaṭṭetvā vavatthānaṃ gacchanto saṇikaṃ vavatthānaṃ gacchatīti vutto. Evaṃ pana saticittasamuṭṭhānaṃ saddāyatanaṃ sotaviññāṇassa kadācipi ārammaṇapaccayo na siyā. Na hi bahiddhā cittasamuṭṭhānuppatti upapajjatīti.

    จิเรน สุเยฺยยฺยาติ กสฺมา เอตํ วุตฺตํ, นนุ ทูเร ฐิเตหิ รชกาทิสทฺทา จิเรน สุยฺยนฺตีติ? น, ทูราสนฺนานํ ยถาปากเฎ สเทฺท คหณวิเสสโตฯ ยถา หิ ทูราสนฺนานํ วจนสเทฺท ยถา ปากฎีภูเต คหณวิเสสโต อาการวิเสสานํ อคฺคหณํ คหณญฺจ โหติ, เอวํ รชกาทิสเทฺทปิ อาสนฺนสฺส อาทิโต ปภุติ ยาวาวสานา กเมน ปากฎีภูเต ทูรสฺส จาวสาเน มเชฺฌ วา ปิณฺฑวเสน ปวตฺติปากฎีภูเต นิจฺฉยคหณานํ โสตวิญฺญาณวีถิยา ปรโต ปวตฺตานํ วิเสสโต ลหุกํ สุโต จิเรน สุโตติ อภิมาโน โหติฯ โส ปน สโทฺท ยตฺถ อุปฺปโนฺน, ตํ นิสฺสิโตว อตฺตโน วิชฺชมานกฺขเณ โสตสฺส อาปาถมาคจฺฉติฯ ทูเร ฐิโต ปน สโทฺท อญฺญตฺถ ปฎิโฆสุปฺปตฺติยา ภาชนาทิจลนสฺส จ อโยกโนฺต วิย อโยจลนสฺส ปจฺจโย โหตีติ ทฎฺฐโพฺพฯ ยถา วา ฆณฺฎาภิฆาตานุชานิ ภูตานิ อนุรวสฺส นิสฺสยภูตานิ ฆฎฺฎนสภาวานิ, เอวํ ฆฎฺฎนานุชานิ ยาว โสตปฺปสาทา อุปฺปตฺติวเสน อาคตานิ ภูตานิ ฆฎฺฎนสภาวาเนวาติ ตํนิสฺสิโต สโทฺท นิสฺสยวเสน ธาตุปรมฺปราย ฆเฎฺฎตฺวา สณิกํ ววตฺถานํ คจฺฉตีติ วุโตฺตฯ อสุกทิสาย นามาติ น ปญฺญาเยยฺยฯ กสฺมา? โสตปฺปเทสเสฺสว สทฺทสฺส คหณโตฯ

    Cirena suyyeyyāti kasmā etaṃ vuttaṃ, nanu dūre ṭhitehi rajakādisaddā cirena suyyantīti? Na, dūrāsannānaṃ yathāpākaṭe sadde gahaṇavisesato. Yathā hi dūrāsannānaṃ vacanasadde yathā pākaṭībhūte gahaṇavisesato ākāravisesānaṃ aggahaṇaṃ gahaṇañca hoti, evaṃ rajakādisaddepi āsannassa ādito pabhuti yāvāvasānā kamena pākaṭībhūte dūrassa cāvasāne majjhe vā piṇḍavasena pavattipākaṭībhūte nicchayagahaṇānaṃ sotaviññāṇavīthiyā parato pavattānaṃ visesato lahukaṃ suto cirena sutoti abhimāno hoti. So pana saddo yattha uppanno, taṃ nissitova attano vijjamānakkhaṇe sotassa āpāthamāgacchati. Dūre ṭhito pana saddo aññattha paṭighosuppattiyā bhājanādicalanassa ca ayokanto viya ayocalanassa paccayo hotīti daṭṭhabbo. Yathā vā ghaṇṭābhighātānujāni bhūtāni anuravassa nissayabhūtāni ghaṭṭanasabhāvāni, evaṃ ghaṭṭanānujāni yāva sotappasādā uppattivasena āgatāni bhūtāni ghaṭṭanasabhāvānevāti taṃnissito saddo nissayavasena dhātuparamparāya ghaṭṭetvā saṇikaṃ vavatthānaṃ gacchatīti vutto. Asukadisāya nāmāti na paññāyeyya. Kasmā? Sotappadesasseva saddassa gahaṇato.

    วิสเม อชฺฌาสโย เอตสฺสาติ วิสมชฺฌาสโย, อชฺฌาสยรหิตมฺปิ จกฺขุ วิสมนินฺนตฺตา วิสมชฺฌาสยํ วิย โหตีติ ‘‘วิสมชฺฌาสย’’นฺติ วุตฺตํฯ จกฺขุมโต วา ปุคฺคลสฺส อชฺฌาสยวเสน จกฺขุ ‘‘วิสมชฺฌาสย’’นฺติ วุตฺตํฯ

    Visame ajjhāsayo etassāti visamajjhāsayo, ajjhāsayarahitampi cakkhu visamaninnattā visamajjhāsayaṃ viya hotīti ‘‘visamajjhāsaya’’nti vuttaṃ. Cakkhumato vā puggalassa ajjhāsayavasena cakkhu ‘‘visamajjhāsaya’’nti vuttaṃ.

    กณฺณกูปฉิเทฺทเยว ปวตฺตนโต อารมฺมณคฺคหณเหตุโต จ ตเตฺถว ‘‘อชฺฌาสยํ กโรตี’’ติ วุตฺตํฯ ตสฺส โสตสฺส โสตวิญฺญาณนิสฺสยภาเวน สทฺทสวเนฯ อชฎากาโสปิ วฎฺฎตีติ เอตสฺส อฎฺฐกถาธิปฺปาเยน อตฺถํ วทโนฺต ‘‘อโนฺตเลณสฺมิ’’นฺติอาทิมาหฯ อตฺตโน อธิปฺปาเยน วทโนฺต ‘‘กิํ เอตาย ธมฺมตายา’’ติอาทิมโวจฯ

    Kaṇṇakūpachiddeyeva pavattanato ārammaṇaggahaṇahetuto ca tattheva ‘‘ajjhāsayaṃ karotī’’ti vuttaṃ. Tassa sotassa sotaviññāṇanissayabhāvena saddasavane. Ajaṭākāsopi vaṭṭatīti etassa aṭṭhakathādhippāyena atthaṃ vadanto ‘‘antoleṇasmi’’ntiādimāha. Attano adhippāyena vadanto ‘‘kiṃ etāya dhammatāyā’’tiādimavoca.

    วาตูปนิสฺสโย คโนฺธ โคจโร เอตสฺสาติ วาตูปนิสฺสยคนฺธโคจรํฯ เอตฺถ จ คนฺธคฺคหณสฺส วาโต อุปนิสฺสโย, ตโพฺพหาเรน ปน คโนฺธ ‘‘วาตูปนิสฺสโย’’ติ วุโตฺตฯ อถ วา วาโต เอว อุปนิสฺสโย วาตูปนิสฺสโยฯ กสฺสาติ? ฆานวิญฺญาณสฺสฯ โส สหการีปจฺจยนฺตรภูโต เอตสฺส อตฺถีติ วาตูปนิสฺสโย, คโนฺธ ปจฺจโยฯ

    Vātūpanissayo gandho gocaro etassāti vātūpanissayagandhagocaraṃ. Ettha ca gandhaggahaṇassa vāto upanissayo, tabbohārena pana gandho ‘‘vātūpanissayo’’ti vutto. Atha vā vāto eva upanissayo vātūpanissayo. Kassāti? Ghānaviññāṇassa. So sahakārīpaccayantarabhūto etassa atthīti vātūpanissayo, gandho paccayo.

    อาโป จ สหการีปจฺจยนฺตรภูโต เขฬาทิโกฯ ตถา ปถวีฯ คเหตพฺพสฺส หิ โผฎฺฐพฺพสฺส อุปฺปีฬิยมานสฺส อาธารภูตา ปถวี กายสฺส จ โผฎฺฐเพฺพน อุปฺปีฬิยมานสฺส นิสฺสยภูตานํ อาธารภูตา สพฺพทา โผฎฺฐพฺพคหณสฺส อุปนิสฺสโยติฯ อุปฺปีฬเนน ปน วินา โผฎฺฐพฺพคหเณ กายายตนสฺส นิสฺสยภูตา ปถวี อุปนิสฺสโยติ ทฎฺฐพฺพาฯ สพฺพทาปิ จ ตสฺสา อุปนิสฺสยภาโว ยุโตฺต เอวฯ

    Āpo ca sahakārīpaccayantarabhūto kheḷādiko. Tathā pathavī. Gahetabbassa hi phoṭṭhabbassa uppīḷiyamānassa ādhārabhūtā pathavī kāyassa ca phoṭṭhabbena uppīḷiyamānassa nissayabhūtānaṃ ādhārabhūtā sabbadā phoṭṭhabbagahaṇassa upanissayoti. Uppīḷanena pana vinā phoṭṭhabbagahaṇe kāyāyatanassa nissayabhūtā pathavī upanissayoti daṭṭhabbā. Sabbadāpi ca tassā upanissayabhāvo yutto eva.

    ปญฺจวณฺณานนฺติ วจนํ ตทาธารานํ สุตฺตานํ นานตฺตทสฺสนตฺถํฯ ปญฺจปฺปการา ปญฺจวณฺณาฯ เอกนฺตโตติ อิทํ สพฺพทา อุปฺปีฬเนน วินิพฺภุชฺชิตุํ อสกฺกุเณยฺยานํ กลาปนฺตรรูปานํ สพฺภาวา เตสํ นิวตฺตนตฺถํ วุตฺตํฯ น หิ ตานิ เอกเนฺตน อวินิภุตฺตานิ กลาปนฺตรคตตฺตาติฯ

    Pañcavaṇṇānanti vacanaṃ tadādhārānaṃ suttānaṃ nānattadassanatthaṃ. Pañcappakārā pañcavaṇṇā. Ekantatoti idaṃ sabbadā uppīḷanena vinibbhujjituṃ asakkuṇeyyānaṃ kalāpantararūpānaṃ sabbhāvā tesaṃ nivattanatthaṃ vuttaṃ. Na hi tāni ekantena avinibhuttāni kalāpantaragatattāti.

    ๖๑๖. วณฺณนิภาติ รูปายตนเมว นิทฺทิฎฺฐนฺติ ตเทว อเปกฺขิตฺวา ‘‘สนิทสฺสน’’นฺติ นปุํสกนิเทฺทโส กโตฯ ตสฺมาติ นิปฺปริยายรูปานํ นีลาทีนํ ผุสิตฺวา อชานิตพฺพโต ทีฆาทีนญฺจ ผุสิตฺวา ชานิตพฺพโต น นิปฺปริยาเยน ทีฆํ รูปายตนํฯ ตํ ตํ นิสฺสายาติ ทีฆาทิสนฺนิเวสํ ภูตสมุทายํ นิสฺสายฯ ตถา ตถา ฐิตนฺติ ทีฆาทิสนฺนิเวเสน ฐิตํ วณฺณสมุทายภูตํ รูปายตนเมว ทีฆาทิโวหาเรน ภาสิตํฯ อญฺญมญฺญปริจฺฉินฺนํ เอกสฺมิํ อิตรสฺส อภาวาฯ วิสยโคจรานํ วิเสโส อนญฺญตฺถภาโว ตพฺพหุลจาริตา จ จกฺขุวิญฺญาณสฺสฯ

    616. Vaṇṇanibhāti rūpāyatanameva niddiṭṭhanti tadeva apekkhitvā ‘‘sanidassana’’nti napuṃsakaniddeso kato. Tasmāti nippariyāyarūpānaṃ nīlādīnaṃ phusitvā ajānitabbato dīghādīnañca phusitvā jānitabbato na nippariyāyena dīghaṃ rūpāyatanaṃ. Taṃ taṃ nissāyāti dīghādisannivesaṃ bhūtasamudāyaṃ nissāya. Tathā tathā ṭhitanti dīghādisannivesena ṭhitaṃ vaṇṇasamudāyabhūtaṃ rūpāyatanameva dīghādivohārena bhāsitaṃ. Aññamaññaparicchinnaṃ ekasmiṃ itarassa abhāvā. Visayagocarānaṃ viseso anaññatthabhāvo tabbahulacāritā ca cakkhuviññāṇassa.

    ๖๒๐. เภริสทฺทาทีนญฺจ วาทิตสทฺทตฺตา ‘‘วุตฺตาวเสสาน’’นฺติ อาหฯ อมนุสฺสวจเนน น มนุเสฺสหิ อเญฺญ ปาณิโน เอว คหิตา, อถ โข กฎฺฐาทโยปีติ อธิปฺปาเยน ‘‘เสโส สโพฺพปี’’ติ อาหฯ เอวํ สเนฺตปิ วตฺถุวิเสสกิตฺตนวเสน ปาฬิยํ อนาคโต ตถา กิเตฺตตโพฺพ เย วา ปนาติ วุโตฺตติ อธิปฺปาโยฯ

    620. Bherisaddādīnañca vāditasaddattā ‘‘vuttāvasesāna’’nti āha. Amanussavacanena na manussehi aññe pāṇino eva gahitā, atha kho kaṭṭhādayopīti adhippāyena ‘‘seso sabbopī’’ti āha. Evaṃ santepi vatthuvisesakittanavasena pāḷiyaṃ anāgato tathā kittetabbo ye vā panāti vuttoti adhippāyo.

    ๖๒๔. วิสฺสคโนฺธติ วิรูโป มํสาทิคโนฺธฯ ลมฺพิลนฺติ มธุรมฺพิลํฯ

    624. Vissagandhoti virūpo maṃsādigandho. Lambilanti madhurambilaṃ.

    ๖๓๒. สญฺชานนฺติ เอเตนาติ สญฺชานนํ, อุปลกฺขณํฯ สเกน สเกน กมฺมจิตฺตาทินา ปจฺจเยน สมุฎฺฐิตานิปิ อิตฺถิลิงฺคาทีนิ อินฺทฺริยสหิเต สรีเร อุปฺปชฺชมานานิ ตํตทาการานิ หุตฺวา อุปฺปชฺชนฺตีติ ‘‘อิตฺถินฺทฺริยํ ปฎิจฺจ สมุฎฺฐหนฺตี’’ติ วุตฺตานิฯ อิตฺถิลิงฺคาทีสุ เอว จ อธิปติภาวา เอตสฺส อินฺทฺริยตา วุตฺตา, อินฺทฺริยสหิเต สนฺตาเน อิตฺถิลิงฺคาทิอาการรูปปจฺจยานํ อญฺญถา อนุปฺปาทนโต อิตฺถิคฺคหณสฺส จ เตสํ รูปานํ ปจฺจยภาวโตฯ ยสฺมา ปน ภาวทสเกปิ รูปานํ อิตฺถินฺทฺริยํ น ชนกํ, นาปิ อนุปาลกํ อุปตฺถมฺภกํ วา, น จ อญฺญกลาปรูปานํ, ตสฺมา ตํ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย สกลาปรูปานํ อาหาโร วิย วา กลาปนฺตรรูปานญฺจ อินฺทฺริยอตฺถิอวิคตปจฺจโยติ น วุตฺตํฯ เอส นโย ปุริสินฺทฺริเยปิฯ ลิงฺคาทิอากาเรสุ รูเปสุ รูปายตนสฺส จกฺขุวิเญฺญยฺยตฺตา ลิงฺคาทีนํ จกฺขุวิเญฺญยฺยตา วุตฺตาฯ

    632. Sañjānanti etenāti sañjānanaṃ, upalakkhaṇaṃ. Sakena sakena kammacittādinā paccayena samuṭṭhitānipi itthiliṅgādīni indriyasahite sarīre uppajjamānāni taṃtadākārāni hutvā uppajjantīti ‘‘itthindriyaṃ paṭicca samuṭṭhahantī’’ti vuttāni. Itthiliṅgādīsu eva ca adhipatibhāvā etassa indriyatā vuttā, indriyasahite santāne itthiliṅgādiākārarūpapaccayānaṃ aññathā anuppādanato itthiggahaṇassa ca tesaṃ rūpānaṃ paccayabhāvato. Yasmā pana bhāvadasakepi rūpānaṃ itthindriyaṃ na janakaṃ, nāpi anupālakaṃ upatthambhakaṃ vā, na ca aññakalāparūpānaṃ, tasmā taṃ jīvitindriyaṃ viya sakalāparūpānaṃ āhāro viya vā kalāpantararūpānañca indriyaatthiavigatapaccayoti na vuttaṃ. Esa nayo purisindriyepi. Liṅgādiākāresu rūpesu rūpāyatanassa cakkhuviññeyyattā liṅgādīnaṃ cakkhuviññeyyatā vuttā.

    ๖๓๓. อุภยมฺปิ…เป.… กุสเลน ปติฎฺฐาตีติ สุคติํ สนฺธาย วุตฺตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ทุคฺคติยญฺหิ ปฎิสนฺธิ อกุสเลเนวาติ ตทา อุปฺปชฺชมาโน ภาโวปิ อกุสเลเนว ภเวยฺย, ปฎิสนฺธิยํ วิย ปวเตฺตปีติฯ ตยิทํ ทฺวยํ ยสฺมา สนฺตาเน สห น ปวตฺตติ ‘‘ยสฺส อิตฺถินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชติ, ตสฺส ปุริสินฺทฺริยํ อุปฺปชฺชตีติ? โน’’ติอาทิวจนโต (ยม. ๓.อินฺทฺริยยมก.๑๘๘), ตสฺมา อุภโตพฺยญฺชนกสฺสปิ เอกเมวินฺทฺริยํ โหตีติ วุตฺตํฯ

    633. Ubhayampi…pe… kusalena patiṭṭhātīti sugatiṃ sandhāya vuttanti veditabbaṃ. Duggatiyañhi paṭisandhi akusalenevāti tadā uppajjamāno bhāvopi akusaleneva bhaveyya, paṭisandhiyaṃ viya pavattepīti. Tayidaṃ dvayaṃ yasmā santāne saha na pavattati ‘‘yassa itthindriyaṃ uppajjati, tassa purisindriyaṃ uppajjatīti? No’’tiādivacanato (yama. 3.indriyayamaka.188), tasmā ubhatobyañjanakassapi ekamevindriyaṃ hotīti vuttaṃ.

    ๖๓๕. เอกนฺตํ กายวิญฺญตฺติยํ กายโวหารสฺส ปวตฺติทสฺสนตฺถํ ‘‘กาเยน สํวโร สาธู’’ติ (ธ. ป. ๓๖๑; สํ. นิ. ๑.๑๑๖) สาธกสุตฺตํ อาหฎํฯ ภาวสฺส คมนํ ปกาสนํ โจปนํถมฺภนาติ วาโยธาตุอธิกานํ ภูตานํ ถมฺภนากาโร วิญฺญตฺตีติ อโตฺถฯ อุทฺธงฺคมวาตาทโย วิย หิ โย วาตาธิโก กลาโป, ตตฺถ ภูตานํ วิญฺญตฺติอาการตา โหตีติฯ เตเนว ‘‘กายํ ถเมฺภตฺวา ถทฺธํ กโรตีติ ถมฺภนา’’ติ วาโยธาตุกิจฺจวเสน วิญฺญตฺติ วุตฺตาฯ ตโต เอว จ ‘‘วาโยธาตุยา อากาโร กายวิญฺญตฺตี’’ติ จ วตฺตุํ วฎฺฎติ, ตถา ‘‘ปถวีธาตุยา วจีวิญฺญตฺตี’’ติ ปถวีธาตุอธิกภูตวิการโตฯ

    635. Ekantaṃ kāyaviññattiyaṃ kāyavohārassa pavattidassanatthaṃ ‘‘kāyena saṃvaro sādhū’’ti (dha. pa. 361; saṃ. ni. 1.116) sādhakasuttaṃ āhaṭaṃ. Bhāvassa gamanaṃ pakāsanaṃ copanaṃ. Thambhanāti vāyodhātuadhikānaṃ bhūtānaṃ thambhanākāro viññattīti attho. Uddhaṅgamavātādayo viya hi yo vātādhiko kalāpo, tattha bhūtānaṃ viññattiākāratā hotīti. Teneva ‘‘kāyaṃ thambhetvā thaddhaṃ karotīti thambhanā’’ti vāyodhātukiccavasena viññatti vuttā. Tato eva ca ‘‘vāyodhātuyā ākāro kāyaviññattī’’ti ca vattuṃ vaṭṭati, tathā ‘‘pathavīdhātuyā vacīviññattī’’ti pathavīdhātuadhikabhūtavikārato.

    ๖๓๖. ปเภทคตา วาจา เอวาติ ติสฺส ผุสฺสาติ ปเภทคตาฯ อถ วา วจีสงฺขาเรหิ วิตกฺกวิจาเรหิ ปริคฺคหิตา สวนวิสยภาวํ อนุปนีตตาย อภินฺนา ตพฺภาวํ นียมานา วาจา ‘‘วจีเภโท’’ติ วุจฺจติฯ อิริยาปถมฺปิ อุปตฺถเมฺภนฺตีติ ยถาปวตฺตํ อิริยาปถํ อุปตฺถเมฺภนฺติฯ ยถา หิ อโพฺพกิเณฺณ ภวเงฺค วตฺตมาเน องฺคานิ โอสีทนฺติ ปวิฎฺฐานิ วิย โหนฺติ, น เอวํ ‘‘ทฺวตฺติํส ฉพฺพีสา’’ติ วุเตฺตสุ ชาครณจิเตฺตสุ วตฺตมาเนสุฯ เตสุ ปน วตฺตมาเนสุ องฺคานิ อุปตฺถทฺธานิ ยถาปวตฺติริยาปถภาเวเนว ปวตฺตนฺตีติฯ ขีณาสวานํ จุติจิตฺตนฺติ วิเสเสตฺวา วุตฺตํ, ‘‘กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตสฺส อุปฺปาทกฺขเณ ยสฺส จิตฺตสฺส อนนฺตรา กามาวจรานํ ปจฺฉิมจิตฺตํ อุปฺปชฺชิสฺสติ, รูปาวจเร อรูปาวจเร ปจฺฉิมภวิกานํ, เย จ รูปาวจรํ อรูปาวจรํ อุปปชฺชิตฺวา ปรินิพฺพายิสฺสนฺติ, เตสํ จวนฺตานํ เตสํ วจีสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสติ, โน จ เตสํ กายสงฺขาโร นิรุชฺฌิสฺสตี’’ติ (ยม. ๒.สงฺขารยมก.๘๘) ปน วจนโต อเญฺญสมฺปิ จุติจิตฺตํ รูปํ น สมุฎฺฐาเปตีติ วิญฺญายติฯ น หิ รูปสมุฎฺฐาปกจิตฺตสฺส คพฺภคมนาทิวินิพทฺธาภาเวน กายสงฺขาราสมุฎฺฐาปนํ อตฺถิ, น จ ยุตฺตํ ‘‘จุโต จ จิตฺตสมุฎฺฐานญฺจสฺส ปวตฺตตี’’ติ, นาปิ ‘‘จุติจิตฺตํ รูปํ สมุฎฺฐาเปตี’’ติ ปาฬิ อตฺถีติฯ

    636. Pabhedagatā vācā evāti tissa phussāti pabhedagatā. Atha vā vacīsaṅkhārehi vitakkavicārehi pariggahitā savanavisayabhāvaṃ anupanītatāya abhinnā tabbhāvaṃ nīyamānā vācā ‘‘vacībhedo’’ti vuccati. Iriyāpathampi upatthambhentīti yathāpavattaṃ iriyāpathaṃ upatthambhenti. Yathā hi abbokiṇṇe bhavaṅge vattamāne aṅgāni osīdanti paviṭṭhāni viya honti, na evaṃ ‘‘dvattiṃsa chabbīsā’’ti vuttesu jāgaraṇacittesu vattamānesu. Tesu pana vattamānesu aṅgāni upatthaddhāni yathāpavattiriyāpathabhāveneva pavattantīti. Khīṇāsavānaṃ cuticittanti visesetvā vuttaṃ, ‘‘kāmāvacarānaṃ pacchimacittassa uppādakkhaṇe yassa cittassa anantarā kāmāvacarānaṃ pacchimacittaṃ uppajjissati, rūpāvacare arūpāvacare pacchimabhavikānaṃ, ye ca rūpāvacaraṃ arūpāvacaraṃ upapajjitvā parinibbāyissanti, tesaṃ cavantānaṃ tesaṃ vacīsaṅkhāro nirujjhissati, no ca tesaṃ kāyasaṅkhāro nirujjhissatī’’ti (yama. 2.saṅkhārayamaka.88) pana vacanato aññesampi cuticittaṃ rūpaṃ na samuṭṭhāpetīti viññāyati. Na hi rūpasamuṭṭhāpakacittassa gabbhagamanādivinibaddhābhāvena kāyasaṅkhārāsamuṭṭhāpanaṃ atthi, na ca yuttaṃ ‘‘cuto ca cittasamuṭṭhānañcassa pavattatī’’ti, nāpi ‘‘cuticittaṃ rūpaṃ samuṭṭhāpetī’’ti pāḷi atthīti.

    ๖๓๗. น กสฺสตีติ น วิเลขิยติฯ คตนฺติ วิญฺญาตํฯ อสมฺผุฎฺฐํ จตูหิ มหาภูเตหีติ ยสฺมิํ กลาเป ภูตานํ ปริเจฺฉโท, เตเหว อสมฺผุฎฺฐํฯ วิชฺชมาเนปิ หิ กลาปนฺตรภูตานํ กลาปนฺตรภูตสมฺผุฎฺฐภาเว ตํตํภูตวิวิตฺตตา รูปปริยโนฺต อากาโสติ เยสํ โย ปริเจฺฉโท, เตหิ โส อสมฺผุโฎฺฐว, อญฺญถา ปริจฺฉินฺนภาโว น สิยา เตสํ ภูตานํ พฺยาปิตภาวาปตฺติโตฯ อพฺยาปิตา หิ อสมฺผุฎฺฐตาติฯ

    637. Na kassatīti na vilekhiyati. Gatanti viññātaṃ. Asamphuṭṭhaṃ catūhi mahābhūtehīti yasmiṃ kalāpe bhūtānaṃ paricchedo, teheva asamphuṭṭhaṃ. Vijjamānepi hi kalāpantarabhūtānaṃ kalāpantarabhūtasamphuṭṭhabhāve taṃtaṃbhūtavivittatā rūpapariyanto ākāsoti yesaṃ yo paricchedo, tehi so asamphuṭṭhova, aññathā paricchinnabhāvo na siyā tesaṃ bhūtānaṃ byāpitabhāvāpattito. Abyāpitā hi asamphuṭṭhatāti.

    ๖๓๘. ลหุตาทีนํ อญฺญมญฺญาวิชหเนน ทุพฺพิเญฺญยฺยนานตฺตตา วุตฺตาติ ตํตํวิการาธิกรูเปหิ ตํตํนานตฺตปฺปกาสนตฺถํ ‘‘เอวํ สเนฺตปี’’ติอาทิมาหฯ ยถาวุตฺตา จ ปจฺจยา ตํตํวิการสฺส วิเสสปจฺจยภาวโต วุตฺตา, อวิเสเสน ปน สเพฺพ สเพฺพสํ ปจฺจยาติฯ

    638. Lahutādīnaṃ aññamaññāvijahanena dubbiññeyyanānattatā vuttāti taṃtaṃvikārādhikarūpehi taṃtaṃnānattappakāsanatthaṃ ‘‘evaṃ santepī’’tiādimāha. Yathāvuttā ca paccayā taṃtaṃvikārassa visesapaccayabhāvato vuttā, avisesena pana sabbe sabbesaṃ paccayāti.

    ๖๔๑. อาทิโต จโย อาจโย, ปฐมุปฺปตฺติฯ อุปริ จโย อุปจโยฯ ปพโนฺธ สนฺตติฯ ตตฺถ อุเทฺทเส อวุโตฺตปิ อาจโย อุปจยสเทฺทเนว วิญฺญายตีติ ‘‘โย อายตนานํ อาจโย ปุนปฺปุนํ นิพฺพตฺตมานานํ, โสว รูปสฺส อุปจโย’’ติ อาหฯ ปาฬิยํ ปน อุป-สโทฺท ปฐมโตฺถ อุปริอโตฺถ จ โหตีติ ‘‘อาทิจโย อุปจโย, อุปริจโย สนฺตตี’’ติ อยมโตฺถ วิญฺญายตีติฯ อญฺญถา หิ อาจยสงฺขาตสฺส ปฐมุปฺปาทสฺส อวุตฺตตา อาปเชฺชยฺยฯ

    641. Ādito cayo ācayo, paṭhamuppatti. Upari cayo upacayo. Pabandho santati. Tattha uddese avuttopi ācayo upacayasaddeneva viññāyatīti ‘‘yo āyatanānaṃ ācayo punappunaṃ nibbattamānānaṃ, sova rūpassa upacayo’’ti āha. Pāḷiyaṃ pana upa-saddo paṭhamattho upariattho ca hotīti ‘‘ādicayo upacayo, uparicayo santatī’’ti ayamattho viññāyatīti. Aññathā hi ācayasaṅkhātassa paṭhamuppādassa avuttatā āpajjeyya.

    เอวนฺติ ‘‘โย อายตนานํ อาจโย’’ติอาทินิเทฺทเสน กิํ กถิตํ โหติ? อายตเนน อาจโย กถิโตฯ อาจยูปจยสนฺตติโย หิ นิพฺพตฺติภาเวน อาจโย เอวาติ อายตเนหิ อาจยาทีนํ ปกาสิตตฺตา เตหิ อาจโย กถิโตฯ อายตนานํ อาจยาทิวจเนเนว อาจยสภาวานิ อุปฺปาทธมฺมานิ อายตนานีติ อาจเยน ตํปกติกานิ อายตนานิ กถิตานิฯ ลกฺขณญฺหิ อุปฺปาโท, น รูปรูปนฺติฯ เตเนวาธิปฺปาเยนาห ‘‘อายตนเมว กถิต’’นฺติฯ อาจยญฺหิ ลกฺขณํ กถยเนฺตน ตํลกฺขณานิ อายตนาเนว กถิตานิ โหนฺตีติฯ เอวมฺปิ กิํ กถิตํ โหตีติ อายตนาจเยหิ อาจยายตเนหิ อาจยเมว อายตนเมว กเถเนฺตน อุเทฺทเส นิเทฺทเส จ อาจโยติ อิทเมว อวตฺวา อุปจยสนฺตติโย อุทฺทิสิตฺวา เตสํ วิภชนวเสน อายตเนน อาจยกถนาทินา กิํ กถิตํ โหตีติ อธิปฺปาโยฯ อาจโยติ อุปจยมาห, อุปจโยติ จ สนฺตติํฯ ตเทวุภยํ ยถากฺกมํ วิวรโนฺต ‘‘นิพฺพตฺติ วฑฺฒิ กถิตา’’ติ อาหฯ อุปจยสนฺตติโย หิ อตฺถโต เอกตฺตา อาจโยวาติ ตทุเทฺทสวิภชนวเสน อายตเนน อาจยกถนาทินา นิพฺพตฺติวฑฺฒิอาการนานตฺตํ อาจยสฺส กถิตนฺติ อโตฺถฯ อิมเมวตฺถํ วิภาเวตุํ ‘‘อตฺถโต หี’’ติอาทิมาหฯ ยสฺมา จ อุภยมฺปิ เอตํ ชาติรูปเสฺสวาธิวจนํ, ตสฺมา ชาติรูปสฺส ลกฺขณาทิวิเสเสสุ อาจยาทีสุ ปวตฺติอาทีสุ จ อาจยาทิลกฺขณาทิโก อุปจโย, ปวตฺติอาทิลกฺขณาทิกา สนฺตตีติ เวทิตพฺพาติ อโตฺถฯ

    Evanti ‘‘yo āyatanānaṃ ācayo’’tiādiniddesena kiṃ kathitaṃ hoti? Āyatanena ācayo kathito. Ācayūpacayasantatiyo hi nibbattibhāvena ācayo evāti āyatanehi ācayādīnaṃ pakāsitattā tehi ācayo kathito. Āyatanānaṃ ācayādivacaneneva ācayasabhāvāni uppādadhammāni āyatanānīti ācayena taṃpakatikāni āyatanāni kathitāni. Lakkhaṇañhi uppādo, na rūparūpanti. Tenevādhippāyenāha ‘‘āyatanameva kathita’’nti. Ācayañhi lakkhaṇaṃ kathayantena taṃlakkhaṇāni āyatanāneva kathitāni hontīti. Evampi kiṃ kathitaṃ hotīti āyatanācayehi ācayāyatanehi ācayameva āyatanameva kathentena uddese niddese ca ācayoti idameva avatvā upacayasantatiyo uddisitvā tesaṃ vibhajanavasena āyatanena ācayakathanādinā kiṃ kathitaṃ hotīti adhippāyo. Ācayoti upacayamāha, upacayoti ca santatiṃ. Tadevubhayaṃ yathākkamaṃ vivaranto ‘‘nibbatti vaḍḍhi kathitā’’ti āha. Upacayasantatiyo hi atthato ekattā ācayovāti taduddesavibhajanavasena āyatanena ācayakathanādinā nibbattivaḍḍhiākāranānattaṃ ācayassa kathitanti attho. Imamevatthaṃ vibhāvetuṃ ‘‘atthato hī’’tiādimāha. Yasmā ca ubhayampi etaṃ jātirūpassevādhivacanaṃ, tasmā jātirūpassa lakkhaṇādivisesesu ācayādīsu pavattiādīsu ca ācayādilakkhaṇādiko upacayo, pavattiādilakkhaṇādikā santatīti veditabbāti attho.

    ๖๔๓. ปกตินิเทฺทสาติ ผลวิปจฺจนปกติยา นิเทฺทสา, ชราย ปาปุณิตพฺพํ ผลเมว วา ปกติฯ น จ ขณฺฑิจฺจาทีเนว ชราติ กลลกาลโต ปภุติ ปุริมรูปานํ ชราปตฺตกฺขเณ อุปฺปชฺชมานานิ ปจฺฉิมรูปานิ ปริปกฺกรูปานุรูปานิ ปริณตปริณตานิ อุปฺปชฺชนฺตีติ อนุกฺกเมน สุปริณตรูปปริปากกาเล อุปฺปชฺชมานานิ ขณฺฑิจฺจาทิสภาวานิ อุปฺปชฺชนฺติฯ ตานิ อุทกาทิมเคฺคสุ ติณรุกฺขสํภคฺคตาทโย วิย ปริปากคตมคฺคสงฺขาเตสุ ปริปกฺกรูเปสุ อุปฺปนฺนานิ ชราย คตมโคฺคอิเจฺจว วุตฺตานิ, น ชราติฯ อวิญฺญายมานนฺตรชรา อวีจิชราฯ มรเณ อุปนยนรสา

    643. Pakatiniddesāti phalavipaccanapakatiyā niddesā, jarāya pāpuṇitabbaṃ phalameva vā pakati. Na ca khaṇḍiccādīneva jarāti kalalakālato pabhuti purimarūpānaṃ jarāpattakkhaṇe uppajjamānāni pacchimarūpāni paripakkarūpānurūpāni pariṇatapariṇatāni uppajjantīti anukkamena supariṇatarūpaparipākakāle uppajjamānāni khaṇḍiccādisabhāvāni uppajjanti. Tāni udakādimaggesu tiṇarukkhasaṃbhaggatādayo viya paripākagatamaggasaṅkhātesu paripakkarūpesu uppannāni jarāya gatamaggoicceva vuttāni, na jarāti. Aviññāyamānantarajarā avīcijarā. Maraṇe upanayanarasā.

    ๖๔๔. ตํ ปตฺวาติ ตํ อตฺตโน เอว ขยวยสงฺขาตํ สภาวํ ปตฺวา รูปํ ขียติ เวติ ภิชฺชติฯ โปเถตฺวา ปาติตสฺส ทุพฺพลตา ปราธีนตา สยนปรายณตา จ โหติ, ตถา ชราภิภูตสฺสาติ โปถกสทิสี ชราฯ

    644. Taṃ patvāti taṃ attano eva khayavayasaṅkhātaṃ sabhāvaṃ patvā rūpaṃ khīyati veti bhijjati. Pothetvā pātitassa dubbalatā parādhīnatā sayanaparāyaṇatā ca hoti, tathā jarābhibhūtassāti pothakasadisī jarā.

    ๖๔๕. กตฺตพฺพโตติ กตฺตพฺพสภาวโตฯ วิสาณาทีนํ ตรจฺฉเขฬเตมิตานํ ปาสาณานํ วิย ถทฺธภาวาภาวโต อหิวิจฺฉิกานํ วิย สวิสตฺตาภาวโต จ สุขุมตา วุตฺตาฯ โอชาลกฺขโณติ เอตฺถ องฺคมงฺคานุสาริโน รสสฺส สาโร อุปตฺถมฺภพลกาโร ภูตนิสฺสิโต เอโก วิเสโส โอชาติฯ

    645. Kattabbatoti kattabbasabhāvato. Visāṇādīnaṃ taracchakheḷatemitānaṃ pāsāṇānaṃ viya thaddhabhāvābhāvato ahivicchikānaṃ viya savisattābhāvato ca sukhumatā vuttā. Ojālakkhaṇoti ettha aṅgamaṅgānusārino rasassa sāro upatthambhabalakāro bhūtanissito eko viseso ojāti.

    อุปาทาภาชนียกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upādābhājanīyakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / อภิธมฺมปิฎก • Abhidhammapiṭaka / ธมฺมสงฺคณีปาฬิ • Dhammasaṅgaṇīpāḷi / รูปวิภตฺติ • Rūpavibhatti

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / อภิธมฺมปิฎก (อฎฺฐกถา) • Abhidhammapiṭaka (aṭṭhakathā) / ธมฺมสงฺคณิ-อฎฺฐกถา • Dhammasaṅgaṇi-aṭṭhakathā / อุปาทาภาชนียกถา • Upādābhājanīyakathā

    ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ธมฺมสงฺคณี-อนุฎีกา • Dhammasaṅgaṇī-anuṭīkā / อุปาทาภาชนียวณฺณนา • Upādābhājanīyavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact