Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปญฺจปกรณ-อนุฎีกา • Pañcapakaraṇa-anuṭīkā |
๔. อุปาทินฺนตฺติกวณฺณนา
4. Upādinnattikavaṇṇanā
๕๑. อธิปติธโมฺมเยว โลกุตฺตรธเมฺมสุ นาธิปติปจฺจยา อุปฺปชฺชตีติ อาห ‘‘นาธิปติปจฺจยาติ สยํ อธิปติภูตตฺตา’’ติฯ นนุ อธิปติธโมฺมปิ อารมฺมณาธิปติวเสน อธิปติปจฺจเยน อุปฺปชฺชตีติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘อวิรหิตา…เป.… ทเสฺสตี’’ติฯ อวิรหิตารมฺมณาธิปตีสูติ โลกุตฺตเร สนฺธายาหฯ เต หิ นิพฺพานารมฺมณตฺตา เอวํ วุจฺจติฯ ปิ-สเทฺทน โก ปน วาโท วิรหิตารมฺมณาธิปติอเนกนฺตารมฺมณาธิปตีสูติ ทเสฺสติฯ
51. Adhipatidhammoyeva lokuttaradhammesu nādhipatipaccayā uppajjatīti āha ‘‘nādhipatipaccayāti sayaṃ adhipatibhūtattā’’ti. Nanu adhipatidhammopi ārammaṇādhipativasena adhipatipaccayena uppajjatīti codanaṃ sandhāyāha ‘‘avirahitā…pe… dassetī’’ti. Avirahitārammaṇādhipatīsūti lokuttare sandhāyāha. Te hi nibbānārammaṇattā evaṃ vuccati. Pi-saddena ko pana vādo virahitārammaṇādhipatianekantārammaṇādhipatīsūti dasseti.
๗๒. อนุปาลนุปตฺถมฺภนวเสนาติ ชีวิตินฺทฺริยํ วิย กฎตฺตารูปานํ อนุปาลนวเสน โอชา ตเสฺสว กมฺมชกายสฺส อุปตฺถมฺภนวเสน ปจฺจโย โหติ, น ชนกวเสนาติ โยชนาฯ เอตสฺมิํ ปน อเตฺถ สตีติ กมฺมชกลาเป โอชา ตเสฺสว กมฺมชกายสฺส อุปตฺถมฺภกวเสน ปจฺจโย โหตีติ เอตสฺมิํ อเตฺถ ลพฺภมาเนฯ อาหารนฺติปิ วตฺตพฺพนฺติ ยถา ชีวิตินฺทฺริยวเสน ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย ธโมฺม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ วุตฺตํ, เอวํ ยถาวุตฺตอาหารสฺสปิ วเสน วตฺตพฺพนฺติ อโตฺถฯ เอตฺถ จ ยสฺมิํ กลาเป กมฺมชา โอชา กทาจิ ตเสฺสว อุปตฺถมฺภนปจฺจโย โหตีติ อยมโตฺถ อฎฺฐกถายํ ทสฺสิโตฯ ยทิ กมฺมชา โอชา เอกํสโต สกลาปรูปูปตฺถมฺภนวเสเนว ปวตฺตติ, ตถา สติ อิมาย ปาฬิยา วิโรโธ สิยาติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ยทิ จ…เป.… โหตี’’ติ อฎฺฐกถาวจนํ อุทฺธริตฺวา ตตฺถ โทสํ วิภาเวโนฺต ‘‘เอวํ สตี’’ติ อาหฯ ตตฺถ ตนฺติ ตํ วจนํฯ อนโชฺฌหฎาย อตฺตโน ปจฺจยโต นิพฺพตฺตาย, ปจฺจโย เจตฺถ กมฺมํเยวฯ เตนาห ‘‘สสนฺตานคตาย อุปาทิโนฺนชายา’’ติฯ
72. Anupālanupatthambhanavasenāti jīvitindriyaṃ viya kaṭattārūpānaṃ anupālanavasena ojā tasseva kammajakāyassa upatthambhanavasena paccayo hoti, na janakavasenāti yojanā. Etasmiṃpana atthe satīti kammajakalāpe ojā tasseva kammajakāyassa upatthambhakavasena paccayo hotīti etasmiṃ atthe labbhamāne. Āhārantipi vattabbanti yathā jīvitindriyavasena ‘‘upādinnupādāniyo dhammo upādinnupādāniyassa dhammassa atthipaccayena paccayo’’ti vuttaṃ, evaṃ yathāvuttaāhārassapi vasena vattabbanti attho. Ettha ca yasmiṃ kalāpe kammajā ojā kadāci tasseva upatthambhanapaccayo hotīti ayamattho aṭṭhakathāyaṃ dassito. Yadi kammajā ojā ekaṃsato sakalāparūpūpatthambhanavaseneva pavattati, tathā sati imāya pāḷiyā virodho siyāti dassento ‘‘yadi ca…pe… hotī’’ti aṭṭhakathāvacanaṃ uddharitvā tattha dosaṃ vibhāvento ‘‘evaṃ satī’’ti āha. Tattha tanti taṃ vacanaṃ. Anajjhohaṭāya attano paccayato nibbattāya, paccayo cettha kammaṃyeva. Tenāha ‘‘sasantānagatāya upādinnojāyā’’ti.
อยมฺปิ ปโญฺห, น เกวลํ ปุเพฺพ วุตฺตอาหาโรเยวาติ อธิปฺปาโยฯ อุทฺธริตโพฺพ สิยา, น จ อุทฺธโฎฯ ตสฺมาติ เอตสฺส ‘‘วาโท พลวตโร’’ติ เอเตน สมฺพโนฺธฯ กสฺมา ปน ยถาวุเตฺตสุ ทฺวีสุ ปเญฺหสุ อาหาโร น อุทฺธโฎติ อาห ‘‘อโชฺฌหฎสฺสา’’ติอาทิฯ ตตฺถ ทุติยปโญฺหติ ทุกมูลเก ทุติยปโญฺหติ โยชนาฯ ทุติยปโญฺห จ น อุทฺธโฎติ เอตฺถาปิ ‘‘อโชฺฌหฎสฺส…เป.… อภาวโต’’ติ อิทํ อาเนตฺวา สมฺพนฺธิตพฺพํฯ อิตรสฺสาติ อนโชฺฌหฎสฺสฯ อโชฺฌหฎเมว น อนโชฺฌหฎํ, ยถาวุโตฺตชนฺติ อธิปฺปาโยฯ ‘‘พลวตโร’’ติ วตฺวา ตสฺส พลวตรภาวํ ทเสฺสโนฺต ‘‘น หี’’ติอาทิมาหฯ กติปยาโลเป อโชฺฌหริตฺวา วสิตฺวา ฐิตสฺส วิย อโชฺฌหฎมตฺตาหิ มณฺฑูกาทีหิ อโชฺฌหารกสฺส สรีเร วิเสสาธานํ เวทิตพฺพํฯ
Ayampi pañho, na kevalaṃ pubbe vuttaāhāroyevāti adhippāyo. Uddharitabbo siyā, na ca uddhaṭo. Tasmāti etassa ‘‘vādo balavataro’’ti etena sambandho. Kasmā pana yathāvuttesu dvīsu pañhesu āhāro na uddhaṭoti āha ‘‘ajjhohaṭassā’’tiādi. Tattha dutiyapañhoti dukamūlake dutiyapañhoti yojanā. Dutiyapañho ca na uddhaṭoti etthāpi ‘‘ajjhohaṭassa…pe… abhāvato’’ti idaṃ ānetvā sambandhitabbaṃ. Itarassāti anajjhohaṭassa. Ajjhohaṭameva na anajjhohaṭaṃ, yathāvuttojanti adhippāyo. ‘‘Balavataro’’ti vatvā tassa balavatarabhāvaṃ dassento ‘‘na hī’’tiādimāha. Katipayālope ajjhoharitvā vasitvā ṭhitassa viya ajjhohaṭamattāhi maṇḍūkādīhi ajjhohārakassa sarīre visesādhānaṃ veditabbaṃ.
อิธ วุเตฺตหีติ อิมสฺมิํ อุปาทินฺนตฺติเก วุเตฺตหิฯ เอกมูลกทุกติกาวสานปญฺหวิสฺสชฺชเนหีติ เอกปทมูลเกหิ ทุกาวสาเนหิ ติกาวสาเนหิ จ ปญฺหวิสฺสชฺชเนหิฯ เต ปน ‘‘อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธโมฺม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย, อนุปาทินฺนอนุปาทานิโย ธโมฺม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อนุปาทินฺนอนุปาทานิยสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ เวทิตโพฺพฯ อิธาติ อิมสฺมิํ อุปาทินฺนตฺติเกฯ ทุติยทุกาวสาเน วิยาติ ทุติยทุกาวสาเน ปญฺหวิสฺสชฺชเน วิย, ‘‘อนุปาทินฺนุปาทานิโย ธโมฺม อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส อนุปาทินฺนุปาทานิยสฺส จ ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย, สหชาตํ ปจฺฉาชาต’’นฺติ เอตสฺส วิสฺสชฺชเน วิยาติ อโตฺถฯ อยญฺจ อโตฺถ ตติยปทมูลเกสุ ทุกติกาวสานปเญฺหสุปิ ลพฺภเตว ฯ ยทิ ปน เต ปญฺหา กุสลตฺติเกปิ ลพฺภนฺติ, อถ กสฺมา ตตฺถ น อุทฺธฎาติ อาห ‘‘สุขาวโพธนตฺถํ ปน ตตฺถ สหชาตวเสเนว วิสฺสชฺชนํ กต’’นฺติฯ สหชาตวเสเนวาติ สหชาตอตฺถิปจฺจยวเสเนวฯ เอกมูลกทุกาวสานาติ ‘‘กุสโล ธโมฺม กุสลสฺส จ อพฺยากตสฺส จา’’ติ เอวํปการา ปญฺหาฯ ตตฺถ กุสลตฺติเก อุทฺธฎาฯ อิธ ปน อิมสฺมิํ อุปาทินฺนตฺติเกฯ เอเตหิ ยถาวุเตฺตหิ วิสฺสชฺชเนหิฯ เอโก ธโมฺมติ เอโก เวทนาทิโก ปจฺจยธโมฺมฯ อเนเกหีติ สหชาตปจฺฉาชาตาทีหิ อเนเกหิ อตฺถิปจฺจยวิเสเสหิฯ อเนเกสํ ธมฺมานนฺติ อเนเกสํ ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมานํฯ เอโก อตฺถิปจฺจโยติ อิทํ อตฺถิปจฺจยตาสามญฺญโต วุตฺตํฯ
Idha vuttehīti imasmiṃ upādinnattike vuttehi. Ekamūlakadukatikāvasānapañhavissajjanehīti ekapadamūlakehi dukāvasānehi tikāvasānehi ca pañhavissajjanehi. Te pana ‘‘anupādinnupādāniyo dhammo upādinnupādāniyassa anupādinnupādāniyassa ca dhammassa atthipaccayena paccayo, anupādinnaanupādāniyo dhammo upādinnupādāniyassa anupādinnupādāniyassa anupādinnaanupādāniyassa ca dhammassa atthipaccayena paccayo’’ti evaṃ veditabbo. Idhāti imasmiṃ upādinnattike. Dutiyadukāvasāne viyāti dutiyadukāvasāne pañhavissajjane viya, ‘‘anupādinnupādāniyo dhammo upādinnupādāniyassa anupādinnupādāniyassa ca dhammassa atthipaccayena paccayo, sahajātaṃ pacchājāta’’nti etassa vissajjane viyāti attho. Ayañca attho tatiyapadamūlakesu dukatikāvasānapañhesupi labbhateva . Yadi pana te pañhā kusalattikepi labbhanti, atha kasmā tattha na uddhaṭāti āha ‘‘sukhāvabodhanatthaṃ pana tattha sahajātavaseneva vissajjanaṃ kata’’nti. Sahajātavasenevāti sahajātaatthipaccayavaseneva. Ekamūlakadukāvasānāti ‘‘kusalo dhammo kusalassa ca abyākatassa cā’’ti evaṃpakārā pañhā. Tattha kusalattike uddhaṭā. Idha pana imasmiṃ upādinnattike. Etehi yathāvuttehi vissajjanehi. Eko dhammoti eko vedanādiko paccayadhammo. Anekehīti sahajātapacchājātādīhi anekehi atthipaccayavisesehi. Anekesaṃ dhammānanti anekesaṃ paccayuppannadhammānaṃ. Eko atthipaccayoti idaṃ atthipaccayatāsāmaññato vuttaṃ.
อิทานิ ยถาวุตฺตํ อวุตฺตญฺจ อตฺถิปจฺจเย ลพฺภมานํ วิเสสํ วิตฺถารโต ทเสฺสโนฺต ‘‘เอโก หี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอโกติ อตฺถิปจฺจยวิเสเสสุ เอโกฯ เอกสฺสาติ ตาทิสเสฺสว เอกสฺสฯ อญฺญถา หิ เอโก ธโมฺม เอกสฺส ธมฺมสฺส ปจฺจโย นาม นตฺถิฯ เอเกเนวาติ สหชาตอตฺถิปจฺจเยเนว ยถา โอกฺกนฺติกฺขเณ วตฺถุฯ ตญฺหิ อตฺตนา สหชาตสฺส นามสฺส สหชาตอตฺถิปจฺจเยเนว ปจฺจโย โหติ, น ปุเรชาตาทินาฯ เอโก สหชาตอรูปกฺขโนฺธ อเนเกสํ อตฺตนา สหชาตานํ อรูปกฺขนฺธานํ เอเกน สหชาตอตฺถิปจฺจเยน, อเนเกหิ สหชาตปจฺฉาชาตอตฺถิปจฺจเยหิ ยถากฺกมํ อตฺตนา สหชาตานํ จิตฺตสมุฎฺฐานรูปานํ ปุเรชาตานํ เตสมุฎฺฐานิกรูปานํฯ อเนโก ปุเรชาตวตฺถุรูปเญฺจว สหชาตอรูปกฺขนฺธา จ เอกสฺส อรูปกฺขนฺธสฺส ยถากฺกมํ ปุเรชาตสหชาตอตฺถิปจฺจเยหิฯ อเนโก อรูปธโมฺม อเนเกสํ สหชาตอรูปธมฺมานํ ปุเรชาตรูปธมฺมานญฺจ สหชาตปจฺฉาชาตอตฺถิปจฺจเยหิฯ อเนโก วา อาหารินฺทฺริยปฺปกาโร อเนเกสํ รูปธมฺมานํ ยถารหํ สหชาตปุเรชาตปจฺฉาชาตาหารินฺทฺริยวเสน อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย โหติฯ เอวํ ปจฺจยุปฺปนฺนานํ อสมานเตฺตปิ อยมโตฺถ สมฺภวติ, สมานเตฺต ปน วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ เตนาห ‘‘สมานเตฺต ปจฺจยุปฺปนฺนธมฺมาน’’นฺติฯ สหชาตํ ปุเรชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหตีติ สหชาตอตฺถิปจฺจยธโมฺม ปุเรชาตอตฺถิปจฺจยธเมฺมน สเหว อตฺถิปจฺจโย โหติฯ ยถา วตฺถุนา ปุเรชาตอตฺถิปจฺจยํ ลภนฺตา เอว กุสลาทิธมฺมา สหชาตานํ ขนฺธานํ จิตฺตสมุฎฺฐานานญฺจ รูปานํ สหชาตอตฺถิปจฺจโย โหนฺติ, ตถา เต ปุเรชาตสฺส กายสฺส ปจฺฉาชาตปจฺจโยปิ โหนฺติเยวฯ เตนาห ‘‘ปจฺฉาชาเตน จา’’ติฯ อตฺถิปจฺจโย โหตีติ สมฺพโนฺธฯ อยํ สหชาตปจฺฉาชาตานํ อตฺถิปจฺจยภาโว ปจฺจยธมฺมานํ อเภเท เอว อิจฺฉิโต, น เภเทฯ เตนาห ‘‘อนญฺญธมฺมเตฺตน…เป.… นานาธมฺมเตฺต’’ติฯ
Idāni yathāvuttaṃ avuttañca atthipaccaye labbhamānaṃ visesaṃ vitthārato dassento ‘‘eko hī’’tiādimāha. Tattha ekoti atthipaccayavisesesu eko. Ekassāti tādisasseva ekassa. Aññathā hi eko dhammo ekassa dhammassa paccayo nāma natthi. Ekenevāti sahajātaatthipaccayeneva yathā okkantikkhaṇe vatthu. Tañhi attanā sahajātassa nāmassa sahajātaatthipaccayeneva paccayo hoti, na purejātādinā. Eko sahajātaarūpakkhandho anekesaṃ attanā sahajātānaṃ arūpakkhandhānaṃ ekena sahajātaatthipaccayena, anekehi sahajātapacchājātaatthipaccayehi yathākkamaṃ attanā sahajātānaṃ cittasamuṭṭhānarūpānaṃ purejātānaṃ tesamuṭṭhānikarūpānaṃ. Aneko purejātavatthurūpañceva sahajātaarūpakkhandhā ca ekassa arūpakkhandhassa yathākkamaṃ purejātasahajātaatthipaccayehi. Aneko arūpadhammo anekesaṃ sahajātaarūpadhammānaṃ purejātarūpadhammānañca sahajātapacchājātaatthipaccayehi. Aneko vā āhārindriyappakāro anekesaṃ rūpadhammānaṃ yathārahaṃ sahajātapurejātapacchājātāhārindriyavasena atthipaccayena paccayo hoti. Evaṃ paccayuppannānaṃ asamānattepi ayamattho sambhavati, samānatte pana vattabbameva natthi. Tenāha ‘‘samānatte paccayuppannadhammāna’’nti. Sahajātaṃ purejāteneva saha atthipaccayo hotīti sahajātaatthipaccayadhammo purejātaatthipaccayadhammena saheva atthipaccayo hoti. Yathā vatthunā purejātaatthipaccayaṃ labhantā eva kusalādidhammā sahajātānaṃ khandhānaṃ cittasamuṭṭhānānañca rūpānaṃ sahajātaatthipaccayo honti, tathā te purejātassa kāyassa pacchājātapaccayopi hontiyeva. Tenāha ‘‘pacchājātena cā’’ti. Atthipaccayo hotīti sambandho. Ayaṃ sahajātapacchājātānaṃ atthipaccayabhāvo paccayadhammānaṃ abhede eva icchito, na bhede. Tenāha ‘‘anaññadhammattena…pe… nānādhammatte’’ti.
อิทานิ ตสฺส นานาธมฺมเตฺต อภาวํ ปาฬิยา วิภาเวโนฺต ‘‘ยทิ สิยา’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เอโก อตฺถิปจฺจยภาโว นตฺถีติ เอกเสฺสว ปจฺจยธมฺมสฺส วเสน ลพฺภมาโน เอโก อตฺถิปจฺจยภาโว นตฺถิฯ กสฺมา? วิโรธโตฯ เตน วุตฺตํ ‘‘สหชาต…เป.… น วุตฺต’’นฺติฯ เอวญฺจ กตฺวาติ สหชาตปจฺฉาชาตานํ เอกธมฺมวเสน สห อลาภโต เอวฯ เอกธมฺมวเสนาติ เอกเสฺสว ปจฺจยธมฺมสฺส วเสนฯ เตนาห ‘‘นานาธมฺมานํ วิรุทฺธสภาวตฺตา’’ติฯ วิรุทฺธสภาวตา จ สหชาตปจฺฉาชาตวเสน เวทิตพฺพา, อิธ ปน โลกิยโลกุตฺตราทิภาวโตติฯ อญฺญถาติ เตสํ สหชาตปจฺฉาชาตานํ เอกชฺฌํ ลาเภฯ อินฺทฺริยปฎิเกฺขเปปีติ อินฺทฺริยปจฺจเย ปจฺจนีกโต ฐิเตปิฯ ตสฺส ปญฺหสฺส ลาภโตติ ‘‘อุปาทินฺนุปาทานิโย จ อนุปาทินฺนุปาทานิโย จ ธมฺมา อุปาทินฺนุปาทานิยสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอตสฺส ปญฺหสฺส ลาภโตฯ พาวีสาติ เอกมูลกาวสานา นว, เอกมูลกทุกาวสานา ปญฺจ, เอกมูลกติกาวสานเมกํ, ทุกมูลเกกาวสานา จตฺตาโร, ทุกมูลกาวสานา เทฺว, ทุกมูลกติกาวสานเมกนฺติ เอวํ พาวีสติฯ ยถา ปุเพฺพ สหชาตํ ปุเรชาเตน สเหว อตฺถิปจฺจโย โหตีติ วุตฺตํ, เอวํ ปุเรชาตมฺปิ เตนาติ ทเสฺสโนฺต อาห ‘‘ปุเรชาตํ สหชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหตี’’ติฯ ตตฺถ สหชาเตเนว สหาติ สหชาเตน สเหวฯ อฎฺฐานปฺปยุโตฺต หิ อยํ เอว-สโทฺท, สหชาเตน น วินา ปุเรชาตอตฺถิปจฺจโยติ อโตฺถฯ อิตเรสุ ปน อตฺถิปจฺจยธเมฺมสุ นิยโม นตฺถิ เตหิ สหาปิ วินาปิ ภาวโตฯ เตนาห ‘‘น อิตเรหี’’ติฯ ตมฺปิ วตฺถุ ตํสหิตปุเรชาตเมวาติ ยํ ‘‘ปุเรชาตํ สหชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหตี’’ติ วุตฺตํ, ตมฺปิ วตฺถุปุเรชาตเญฺจว ตํสหิตารมฺมณปุเรชาตเมว จ, น เกวลํ อารมฺมณปุเรชาตํฯ เตนาห ‘‘น อิตร’’นฺติฯ
Idāni tassa nānādhammatte abhāvaṃ pāḷiyā vibhāvento ‘‘yadi siyā’’tiādimāha. Tattha eko atthipaccayabhāvo natthīti ekasseva paccayadhammassa vasena labbhamāno eko atthipaccayabhāvo natthi. Kasmā? Virodhato. Tena vuttaṃ ‘‘sahajāta…pe… na vutta’’nti. Evañca katvāti sahajātapacchājātānaṃ ekadhammavasena saha alābhato eva. Ekadhammavasenāti ekasseva paccayadhammassa vasena. Tenāha ‘‘nānādhammānaṃ viruddhasabhāvattā’’ti. Viruddhasabhāvatā ca sahajātapacchājātavasena veditabbā, idha pana lokiyalokuttarādibhāvatoti. Aññathāti tesaṃ sahajātapacchājātānaṃ ekajjhaṃ lābhe. Indriyapaṭikkhepepīti indriyapaccaye paccanīkato ṭhitepi. Tassa pañhassa lābhatoti ‘‘upādinnupādāniyo ca anupādinnupādāniyo ca dhammā upādinnupādāniyassa dhammassa atthipaccayena paccayo’’ti etassa pañhassa lābhato. Bāvīsāti ekamūlakāvasānā nava, ekamūlakadukāvasānā pañca, ekamūlakatikāvasānamekaṃ, dukamūlakekāvasānā cattāro, dukamūlakāvasānā dve, dukamūlakatikāvasānamekanti evaṃ bāvīsati. Yathā pubbe sahajātaṃ purejātena saheva atthipaccayo hotīti vuttaṃ, evaṃ purejātampi tenāti dassento āha ‘‘purejātaṃ sahajāteneva saha atthipaccayo hotī’’ti. Tattha sahajāteneva sahāti sahajātena saheva. Aṭṭhānappayutto hi ayaṃ eva-saddo, sahajātena na vinā purejātaatthipaccayoti attho. Itaresu pana atthipaccayadhammesu niyamo natthi tehi sahāpi vināpi bhāvato. Tenāha ‘‘na itarehī’’ti. Tampi vatthu taṃsahitapurejātamevāti yaṃ ‘‘purejātaṃ sahajāteneva saha atthipaccayo hotī’’ti vuttaṃ, tampi vatthupurejātañceva taṃsahitārammaṇapurejātameva ca, na kevalaṃ ārammaṇapurejātaṃ. Tenāha ‘‘na itara’’nti.
อิทานิ ยถาวุตฺตมตฺถํ ปาฐนฺตเรน วิภาเวตุํ ‘‘กุสลตฺติเก หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยทิ ปุเรชาตํ ตํสหชาเตน วินาปิ อตฺถิปจฺจโย สิยา, ‘‘นวิปฺปยุตฺตปจฺจยา อตฺถิยา ปญฺจา’’ติ วตฺตุํ น สกฺกา, วุตฺตเญฺจตํ, ตสฺมา วิญฺญายติ ‘‘ปุเรชาตํ สหชาเตน สเหว อตฺถิปจฺจโย โหตี’’ติฯ นวิปฺปยุเตฺต พาวีสาติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถาติ สนิทสฺสนตฺติเกฯ อตฺถิวิภเงฺคติ อตฺถิปจฺจยสฺส วิภชเนฯ ติกมูลเกกาวสานนฺติ ‘‘สนิทสฺสนสปฺปฎิโฆ จ อนิทสฺสนสปฺปฎิโฆ จ อนิทสฺสนอปฺปฎิโฆ จ ธมฺมา อนิทสฺสนสปฺปฎิฆสฺส ธมฺมสฺส อตฺถิปจฺจเยน ปจฺจโย’’ติ เอวํ ติกมูลโก เอกาวสาโน ปโญฺห อุทฺธโฎฯ ปจฺจยุทฺธาเรติ จ ตเตฺถว ปจฺจยุทฺธาเรฯ ตถา จ โส ปโญฺห อุทฺธโฎฯ ตยิทํ กถํ, ยทิ ปุเรชาตํ สหชาเตเนว สห อตฺถิปจฺจโย โหตีติ โจทนายํ อาห ‘‘ตํ วตฺถุสหิตสฺส…เป.… ปจฺจยภาวโต’’ติฯ ตสฺสโตฺถ – ยทิปิ ตตฺถ สนิทสฺสนสปฺปฎิฆคฺคหเณน อารมฺมณปุเรชาตสฺส อตฺถิปจฺจยภาโว วุโตฺต, ตถาปิ อนิทสฺสนอปฺปฎิฆคฺคหณโต วตฺถุมฺปิ คหิตนฺติ วตฺถุสหิตสฺส อารมฺมณปุเรชาตสฺส สหชาเตน สเหว อตฺถิปจฺจยภาโว วุโตฺตติฯ ปจฺฉาชาตํ อาหารินฺทฺริเยเหว สห อตฺถิปจฺจโย โหติ, น ปุเรชาเตนาติ อธิปฺปาโยฯ อนญฺญธมฺมเตฺตติ ปจฺจยธมฺมสฺส อนญฺญเตฺตฯ สหชาเตน สห อตฺถิปจฺจโย โหตีติ โยชนาฯ เสสปททฺวเยปิ เอเสว นโยฯ ตตฺถาปิ ปฎิโยคิปุเรชาตํเยว ทฎฺฐพฺพํฯ ‘‘อตฺถิปจฺจยวิเสเสสุ ปนา’’ติอาทินา อตฺตนา ทสฺสิตํ วิจารํ ‘‘เอวเมต’’นฺติ นิคมนวเสน ปจฺจามสติฯ
Idāni yathāvuttamatthaṃ pāṭhantarena vibhāvetuṃ ‘‘kusalattike hī’’tiādi vuttaṃ. Yadi purejātaṃ taṃsahajātena vināpi atthipaccayo siyā, ‘‘navippayuttapaccayā atthiyā pañcā’’ti vattuṃ na sakkā, vuttañcetaṃ, tasmā viññāyati ‘‘purejātaṃ sahajātena saheva atthipaccayo hotī’’ti. Navippayutte bāvīsāti etthāpi eseva nayo. Tatthāti sanidassanattike. Atthivibhaṅgeti atthipaccayassa vibhajane. Tikamūlakekāvasānanti ‘‘sanidassanasappaṭigho ca anidassanasappaṭigho ca anidassanaappaṭigho ca dhammā anidassanasappaṭighassa dhammassa atthipaccayena paccayo’’ti evaṃ tikamūlako ekāvasāno pañho uddhaṭo. Paccayuddhāreti ca tattheva paccayuddhāre. Tathā ca so pañho uddhaṭo. Tayidaṃ kathaṃ, yadi purejātaṃ sahajāteneva saha atthipaccayo hotīti codanāyaṃ āha ‘‘taṃ vatthusahitassa…pe… paccayabhāvato’’ti. Tassattho – yadipi tattha sanidassanasappaṭighaggahaṇena ārammaṇapurejātassa atthipaccayabhāvo vutto, tathāpi anidassanaappaṭighaggahaṇato vatthumpi gahitanti vatthusahitassa ārammaṇapurejātassa sahajātena saheva atthipaccayabhāvo vuttoti. Pacchājātaṃ āhārindriyeheva saha atthipaccayo hoti, na purejātenāti adhippāyo. Anaññadhammatteti paccayadhammassa anaññatte. Sahajātena saha atthipaccayo hotīti yojanā. Sesapadadvayepi eseva nayo. Tatthāpi paṭiyogipurejātaṃyeva daṭṭhabbaṃ. ‘‘Atthipaccayavisesesu panā’’tiādinā attanā dassitaṃ vicāraṃ ‘‘evameta’’nti nigamanavasena paccāmasati.
อุปาทินฺนตฺติกวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upādinnattikavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ฎีกา • Tīkā / อภิธมฺมปิฎก (ฎีกา) • Abhidhammapiṭaka (ṭīkā) / ปญฺจปกรณ-มูลฎีกา • Pañcapakaraṇa-mūlaṭīkā / ๔. อุปาทินฺนตฺติกวณฺณนา • 4. Upādinnattikavaṇṇanā