Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā

    ๑๕. อุปชฺฌาจริยวตฺตนิเทฺทสวณฺณนา

    15. Upajjhācariyavattaniddesavaṇṇanā

    ๑๔๕. อุปชฺฌาจริเยติ เอตฺถ (มหาว. ๖๔, ๖๗, ๗๔, ๗๘-๗๙; จูฬว. ๓๗๕, ๓๗๗; ๓๗๙-๓๘๒; มหาว. อฎฺฐ. ๖๔, ๖๗, ๗๕, ๗๖, ๗๗) อาจริโย นาม นิสฺสยาจริโย ปพฺพชฺชาจริโย อุปสมฺปทาจริโย ธมฺมาจริโยติ จตุพฺพิโธฯ เอเตสุ หิ นิสฺสยเนฺตวาสิเกน ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาว สพฺพมาจริยวตฺตํ กาตพฺพํฯ ปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาธมฺมเนฺตวาสิเกหิ ปน นิสฺสยมุตฺตเกหิปิ อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว จีวรรชนํ, ตาว วตฺตํ กาตพฺพํฯ อนาปุจฺฉิตฺวา ปตฺตทานาทิมฺหิ ปน เอเตสํ อนาปตฺติฯ เอเตสุ จ ปพฺพชฺชเนฺตวาสิโก จ อุปสมฺปทเนฺตวาสิโก จ อาจริยสฺส ยาวชีวํ ภาโร, นิสฺสยเนฺตวาสิโก จ ธมฺมเนฺตวาสิโก จ ยาว สมีเป วสติ, ตาวเทวฯ สุฎฺฐุ ปิยสีโล สุเปสโล, สิกฺขากาโมติ อโตฺถฯ ทนฺตกฎฺฐํ เทเนฺตน เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา มหนฺตํ มชฺฌิมํ ขุทฺทกนฺติ ตีณิ ทนฺตกฎฺฐานิ อุปเนตพฺพานิฯ เตสุ ยํ ตีณิ ทิวสานิ คณฺหาติ, ตํ สลฺลเกฺขตฺวา จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย ตาทิสํเยว สมฺมา อุโภหิ หเตฺถหิ ทาตพฺพํฯ สเจ ยํ วา ตํ วา คณฺหาติ, ยถาลทฺธํ อุปเนตพฺพํฯ โตยนฺติ สีตญฺจ อุณฺหญฺจ อุทกํ อุปเนตฺวา ยํ ตีณิ ทิวสานิ วฬเญฺชติ, จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย ตาทิสํ อุปเนตพฺพํฯ สเจ เทฺวปิ วฬเญฺชติ, ทุวิธมฺปิ อุปเนตพฺพํฯ สเจ ยาคุ โหติ, ภาชนํ โธวิตฺวา อุปเนตพฺพํฯ

    145.Upajjhācariyeti ettha (mahāva. 64, 67, 74, 78-79; cūḷava. 375, 377; 379-382; mahāva. aṭṭha. 64, 67, 75, 76, 77) ācariyo nāma nissayācariyo pabbajjācariyo upasampadācariyo dhammācariyoti catubbidho. Etesu hi nissayantevāsikena yāva ācariyaṃ nissāya vasati, tāva sabbamācariyavattaṃ kātabbaṃ. Pabbajjāupasampadādhammantevāsikehi pana nissayamuttakehipi ādito paṭṭhāya yāva cīvararajanaṃ, tāva vattaṃ kātabbaṃ. Anāpucchitvā pattadānādimhi pana etesaṃ anāpatti. Etesu ca pabbajjantevāsiko ca upasampadantevāsiko ca ācariyassa yāvajīvaṃ bhāro, nissayantevāsiko ca dhammantevāsiko ca yāva samīpe vasati, tāvadeva. Suṭṭhu piyasīlo supesalo, sikkhākāmoti attho. Dantakaṭṭhaṃ dentena ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā mahantaṃ majjhimaṃ khuddakanti tīṇi dantakaṭṭhāni upanetabbāni. Tesu yaṃ tīṇi divasāni gaṇhāti, taṃ sallakkhetvā catutthadivasato paṭṭhāya tādisaṃyeva sammā ubhohi hatthehi dātabbaṃ. Sace yaṃ vā taṃ vā gaṇhāti, yathāladdhaṃ upanetabbaṃ. Toyanti sītañca uṇhañca udakaṃ upanetvā yaṃ tīṇi divasāni vaḷañjeti, catutthadivasato paṭṭhāya tādisaṃ upanetabbaṃ. Sace dvepi vaḷañjeti, duvidhampi upanetabbaṃ. Sace yāgu hoti, bhājanaṃ dhovitvā upanetabbaṃ.

    ๑๔๖. ปเตฺต วตฺตํ จเรติ ‘‘ยาคุํ ปีตสฺส อุทกํ ทตฺวา ภาชนํ ปฎิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปริฆํสเนฺตน โธวิตฺวา ปฎิสาเมตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํ ปเตฺต วตฺตํ จเรติ อโตฺถฯ คามปฺปเวเส วตฺตํ จเรติ เอวํ สพฺพตฺถฯ ‘‘สเจ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา คามํ ปวิสิตุกาโม โหติ, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, ปฎินิวาสนํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, กายพนฺธนํ ทาตพฺพํ, สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ทาตพฺพา, โธวิตฺวา ปโตฺต โสทโก ทาตโพฺพ’’ติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) อิทํ คามปฺปเวสเน วตฺตํ นามฯ ‘‘สเจ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา ปจฺฉาสมณํ อากงฺขติ, ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อุปชฺฌายสฺส วา อาจริยสฺส วา ปจฺฉาสมเณน โหตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) นเยน วุตฺตํ คมเน วตฺตํ นามฯ ‘‘นิวตฺตเนฺตน ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) นเยน วุตฺตํ อาคเม วตฺตํ นามฯ ‘‘อุปชฺฌายมฺหิ วุฎฺฐิเต อาสนํ อุทฺธริตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) เอวํ วุตฺตํ อาสนาทีสุ วตฺตํ นามฯ อุปาหนาย วตฺตํ นาม ‘‘อุปาหนา ปุญฺฉิตพฺพา, อุปาหนา ปุญฺฉเนฺตน ปฐมํ สุเกฺขน โจฬเกน ปุญฺฉิตพฺพา, ปจฺฉา อเลฺลนา’’ติอาทินา (จูฬว. ๓๕๗, ๓๕๙) วุตฺตํฯ จีวเร วตฺตํ นาม ‘‘สเจ จีวรํ สินฺนํ โหติ, มุหุตฺตํ อุเณฺห โอตาเปตพฺพํ, น จ อุเณฺห จีวรํ นิทหิตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํฯ

    146.Patte vattaṃ careti ‘‘yāguṃ pītassa udakaṃ datvā bhājanaṃ paṭiggahetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ aparighaṃsantena dhovitvā paṭisāmetabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ patte vattaṃ careti attho. Gāmappavese vattaṃ careti evaṃ sabbattha. ‘‘Sace upajjhāyo vā ācariyo vā gāmaṃ pavisitukāmo hoti, nivāsanaṃ dātabbaṃ, paṭinivāsanaṃ paṭiggahetabbaṃ, kāyabandhanaṃ dātabbaṃ, saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo dātabbā, dhovitvā patto sodako dātabbo’’ti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) idaṃ gāmappavesane vattaṃ nāma. ‘‘Sace upajjhāyo vā ācariyo vā pacchāsamaṇaṃ ākaṅkhati, timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā upajjhāyassa vā ācariyassa vā pacchāsamaṇena hotabba’’ntiādinā (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) nayena vuttaṃ gamane vattaṃ nāma. ‘‘Nivattantena paṭhamataraṃ āgantvā āsanaṃ paññāpetabba’’ntiādinā (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) nayena vuttaṃ āgame vattaṃ nāma. ‘‘Upajjhāyamhi vuṭṭhite āsanaṃ uddharitabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmetabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) evaṃ vuttaṃ āsanādīsu vattaṃ nāma. Upāhanāya vattaṃ nāma ‘‘upāhanā puñchitabbā, upāhanā puñchantena paṭhamaṃ sukkhena coḷakena puñchitabbā, pacchā allenā’’tiādinā (cūḷava. 357, 359) vuttaṃ. Cīvare vattaṃ nāma ‘‘sace cīvaraṃ sinnaṃ hoti, muhuttaṃ uṇhe otāpetabbaṃ, na ca uṇhe cīvaraṃ nidahitabba’’ntiādinā (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ.

    ๑๔๗. ปริโภชนียปานีย-วจฺจปฺปสฺสาวฐานิสูติ เอตฺถ สเจ ปานียํ น โหติ, ปานียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ ปริโภชนียํ น โหติ, ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ วจฺจกุฎิ อุกฺลาปา โหติ, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพาฯ ตถา ปสฺสาวฎฺฐาเน เอวํ วตฺตํ จริตพฺพนฺติ อโตฺถฯ ‘‘วิหารํ โสเธเนฺตน ปฐมํ ปตฺตจีวรํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติอาทินา นเยน วุตฺตํ วิหารโสธเน วตฺตํ นามฯ ‘‘ภูมตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญาเปตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํ ปุน ปญฺญาปเน วตฺตํ นามฯ

    147.Paribhojanīyapānīya-vaccappassāvaṭhānisūti ettha sace pānīyaṃ na hoti, pānīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace paribhojanīyaṃ na hoti, paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace vaccakuṭi uklāpā hoti, vaccakuṭi sammajjitabbā. Tathā passāvaṭṭhāne evaṃ vattaṃ caritabbanti attho. ‘‘Vihāraṃ sodhentena paṭhamaṃ pattacīvaraṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabba’’ntiādinā nayena vuttaṃ vihārasodhane vattaṃ nāma. ‘‘Bhūmattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññāpetabba’’ntiādinā (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ puna paññāpane vattaṃ nāma.

    ๑๔๘. อิทานิ วิหารํ โสเธเนฺตน เอวํ โสเธตพฺพนฺติ ตํ ทเสฺสตุํ ‘‘น ปโปฺผเฎยฺยา’’ติอาทิมาห ฯ ตสฺสโตฺถ – วิหารํ โสเธโนฺต ภิกฺขุ ภูมตฺถรณาทิสยนาสนํ ปฎิวาเต วา ปงฺคเณ วา ปานียสามนฺตา วา น ปโปฺผเฎยฺยาติฯ ปงฺคเณติ พหูนํ สนฺนิปาเต ฐาเนฯ

    148. Idāni vihāraṃ sodhentena evaṃ sodhetabbanti taṃ dassetuṃ ‘‘na papphoṭeyyā’’tiādimāha . Tassattho – vihāraṃ sodhento bhikkhu bhūmattharaṇādisayanāsanaṃ paṭivāte vā paṅgaṇe vā pānīyasāmantā vā na papphoṭeyyāti. Paṅgaṇeti bahūnaṃ sannipāte ṭhāne.

    ๑๔๙. นฺหาเนติ ‘‘สเจ อุปชฺฌาโย นหายิตุกาโม โหติ, นหานํ ปฎิยาเทตพฺพํฯ สเจ สีเตน อโตฺถ โหติ, สีตํ ปฎิยาเทตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖; จูฬว. ๓๗๖) วุตฺตํ นหาเน วตฺตํ นาม, ‘‘อุปชฺฌายสฺส คตฺตโต อุทกํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, นิวาสนํ ทาตพฺพ’’นฺติอาทินา (มหาว. ๖๖; จูฬว. ๓๗๖) วุตฺตํ นหาตสฺส กาตพฺพํ นามฯ รงฺคปาเกติ ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อาจริยสฺส รชนํ ปจิตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อเนฺตวาสิเกน ปจิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํฯ โธวเนติ ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อาจริยสฺส จีวรํ โธวิตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อเนฺตวาสิเกน โธวิตพฺพํ, อุสฺสุกฺกํ วา กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํฯ สิพฺพเนติ ‘‘สเจ อุปชฺฌาเยน อาจริเยน จีวรํ กาตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อเนฺตวาสิเกน กาตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) วุตฺตํฯ จีวเร เถเว ฐิเต รชโนฺต น วเช น ปกฺกเมยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘จีวรํ รชเนฺตน สาธุกํ สมฺปริวตฺตกํ สมฺปริวตฺตกํ รชิตพฺพํ, น จ อจฺฉิเนฺน เถเว ปกฺกมิตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖, ๗๘; จูฬว. ๓๗๖, ๓๘๐) หิ วุตฺตํฯ

    149.Nhāneti ‘‘sace upajjhāyo nahāyitukāmo hoti, nahānaṃ paṭiyādetabbaṃ. Sace sītena attho hoti, sītaṃ paṭiyādetabba’’ntiādinā (mahāva. 66; cūḷava. 376) vuttaṃ nahāne vattaṃ nāma, ‘‘upajjhāyassa gattato udakaṃ sammajjitabbaṃ, nivāsanaṃ dātabba’’ntiādinā (mahāva. 66; cūḷava. 376) vuttaṃ nahātassa kātabbaṃ nāma. Raṅgapāketi ‘‘sace upajjhāyassa ācariyassa rajanaṃ pacitabbaṃ hoti, saddhivihārikena antevāsikena pacitabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ. Dhovaneti ‘‘sace upajjhāyassa ācariyassa cīvaraṃ dhovitabbaṃ hoti, saddhivihārikena antevāsikena dhovitabbaṃ, ussukkaṃ vā kātabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ. Sibbaneti ‘‘sace upajjhāyena ācariyena cīvaraṃ kātabbaṃ hoti, saddhivihārikena antevāsikena kātabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) vuttaṃ. Cīvare theve ṭhite rajanto na vaje na pakkameyyāti attho. ‘‘Cīvaraṃ rajantena sādhukaṃ samparivattakaṃ samparivattakaṃ rajitabbaṃ, na ca acchinne theve pakkamitabba’’nti (mahāva. 66, 78; cūḷava. 376, 380) hi vuttaṃ.

    ๑๕๐. เอกจฺจสฺสาติ อาจริยุปชฺฌายานํ วิสภาคสฺส อนตฺถกามสฺส เวริปุคฺคลสฺสฯ อนาปุจฺฉาติ อาจริยุปชฺฌายานํ อนาโรเจตฺวาฯ กิญฺจนนฺติ ยํ กิญฺจิฯ

    150.Ekaccassāti ācariyupajjhāyānaṃ visabhāgassa anatthakāmassa veripuggalassa. Anāpucchāti ācariyupajjhāyānaṃ anārocetvā. Kiñcananti yaṃ kiñci.

    ๑๕๑-๒. ตสฺสาติ เอกจฺจสฺสฯ นิเนฺนตุนฺติ นีหริตุํฯ กิจฺจยํ ปริกมฺมํ วาติ เวยฺยาวจฺจํ วา ปิฎฺฐิปริกมฺมาทิปริกมฺมํ วา อตฺตนา ตสฺส กาตุํ วา เตน อตฺตโน การาเปตุํ วาติ เอวมโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    151-2.Tassāti ekaccassa. Ninnetunti nīharituṃ. Kiccayaṃ parikammaṃ vāti veyyāvaccaṃ vā piṭṭhiparikammādiparikammaṃ vā attanā tassa kātuṃ vā tena attano kārāpetuṃ vāti evamattho veditabbo.

    ๑๕๓. สเจ อาจริยุปชฺฌายา อญฺญตฺถ คตา โหนฺติ, ปริเวณํ คนฺตฺวา อปสฺสเนฺตหิ คามํ ปวิสิตุํ วฎฺฎติฯ คามํ ปวิสโนฺต สเจ ปสฺสติ, อาปุจฺฉิตพฺพเมวาติ วทนฺติฯ ‘‘อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา น ทิสา ปกฺกมิตพฺพา’’ติ (มหาว. ๖๖, จูฬว. ๓๗๖) หิ วุตฺตํฯ อตฺตโน กิจฺจยํ นาม อโนฺตวิหาเรปิ อตฺตโน ปตฺตปจนจีวรกมฺมเกสเจฺฉทนาทิฯ

    153. Sace ācariyupajjhāyā aññattha gatā honti, pariveṇaṃ gantvā apassantehi gāmaṃ pavisituṃ vaṭṭati. Gāmaṃ pavisanto sace passati, āpucchitabbamevāti vadanti. ‘‘Upajjhāyaṃ anāpucchā na disā pakkamitabbā’’ti (mahāva. 66, cūḷava. 376) hi vuttaṃ. Attano kiccayaṃ nāma antovihārepi attano pattapacanacīvarakammakesacchedanādi.

    ๑๕๔. สงฺฆายตฺตกมฺมานิ นาม ปริวาสมานตฺตอพฺภานตชฺชนียนิยสฺสปพฺพาชนียปฎิสารณียอุเกฺขปนาทโยฯ

    154.Saṅghāyattakammāni nāma parivāsamānattaabbhānatajjanīyaniyassapabbājanīyapaṭisāraṇīyaukkhepanādayo.

    ๑๕๕. วุฎฺฐานํ เนสมาคเมติ ‘‘สเจ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา คิลาโน โหติ, ยาวชีวํ อุปฎฺฐาตโพฺพ, วุฎฺฐานมสฺส อาคเมตพฺพ’’นฺติ (มหาว. ๖๖; จูฬว. ๓๗๖) หิ วุตฺตํฯ อุปชฺฌาจริยวตฺตวินิจฺฉโยฯ

    155.Vuṭṭhānaṃ nesamāgameti ‘‘sace upajjhāyo vā ācariyo vā gilāno hoti, yāvajīvaṃ upaṭṭhātabbo, vuṭṭhānamassa āgametabba’’nti (mahāva. 66; cūḷava. 376) hi vuttaṃ. Upajjhācariyavattavinicchayo.

    อุปชฺฌาจริยวตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upajjhācariyavattaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact