Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ขุทฺทสิกฺขา-มูลสิกฺขา • Khuddasikkhā-mūlasikkhā |
๑๕. อุปชฺฌาจริยวตฺตนิเทฺทสวณฺณนา
15. Upajjhācariyavattaniddesavaṇṇanā
๑๔๕. ‘‘อิทํ ตยา ทุกฺกตํ, ทุพฺภาสิต’’นฺติอาทีนิ วตฺวา โจทนโต, อตฺตโน วชฺชํ อสฺสรนฺตสฺส สตุปฺปาทวเสน สารณโต, สมฺมา ปฎิปตฺติยํ สารณโต ปวตฺตาปนโต วา วชฺชาวชฺชํ อุปนิชฺฌายติ ภุสํ จิเนฺตตีติ อุปชฺฌาฯ อุปชฺฌา เอว อุปชฺฌาโยฯ ‘‘เอวํ ตยา พุทฺธวจนํ สชฺฌายิตพฺพํ, เอวํ อติกฺกมิตพฺพํ, เอวํ ปฎิกฺกมิตพฺพ’’นฺติอาทินา อาจารสิกฺขาปเน อาจรติ ปวตฺตตีติ อาจริโยฯ โส จ นิสฺสยปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาธมฺมาจริยวเสน จตุพฺพิโธฯ อุปชฺฌา จ อาจริโย จ อุปชฺฌาจริยา, เตฯ นิสฺสาย วสมาโนติ อิมินา นิสฺสยปพฺพชฺชาอุปสมฺปทาธมฺมเนฺตวาสิเกสุ โย นิสฺสาย วสติ, ตํ ทเสฺสติฯ จตูสุ หิ เตสุ นิสฺสยเนฺตวาสิเกน ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาวสพฺพํ อาจริยวตฺตํ กาตพฺพํ, เนตเรหิฯ อิตเรหิ, นิสฺสยมุตฺตเกหิปิ ยาว จีวรรชนํ, ตาว จ อรติวิโนทนาทิกญฺจ วตฺตํ กาตพฺพํฯ อนาปุจฺฉิตฺวา ปตฺตจีวรทานาทิมฺหิ ปน เอเตสํ อนาปตฺติฯ สทฺธิวิหาริกสฺส ปน อุปชฺฌายานํ ยาว จีวรรชนํ, ตาว จ อรติวิโนทนาทิกญฺจ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺสาปิ อมุตฺตกสฺสาปิ อาปตฺติเยวฯ เอกจฺจสฺส ปตฺตทานาทิโต ปฎฺฐาย อมุตฺตนิสฺสยเสฺสว อาปตฺติฯ เตสุ มเชฺฌ เทฺว อาจริยสฺส ยาวชีวํ ภาราฯ อิตเร ปน ยาว สมีเป วสนฺติ, ตาวเทว, ตสฺมา อาจริเยนาปิ เตสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํ, อุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถิฯ สุเปสโลติ ปิยํ สีลมสฺสาติ เปสโล, วุทฺธิ, ย-โลเปน อี-การสฺส อตฺตกรเณน, สุฎฺฐุ เปสโล สุเปสโล, สิกฺขากาโมติ อโตฺถฯ ‘‘ทนฺตกฎฺฐ’’นฺติอาทิ ‘‘ทเท’’ติมสฺส กมฺมํฯ ทเทติ สมฺมา อาทเรน ยถาธิปฺปายํ ทเทยฺยาติ อโตฺถฯ กาเลติ ตทนุรูเป กาเลฯ
145. ‘‘Idaṃ tayā dukkataṃ, dubbhāsita’’ntiādīni vatvā codanato, attano vajjaṃ assarantassa satuppādavasena sāraṇato, sammā paṭipattiyaṃ sāraṇato pavattāpanato vā vajjāvajjaṃ upanijjhāyati bhusaṃ cintetīti upajjhā. Upajjhā eva upajjhāyo. ‘‘Evaṃ tayā buddhavacanaṃ sajjhāyitabbaṃ, evaṃ atikkamitabbaṃ, evaṃ paṭikkamitabba’’ntiādinā ācārasikkhāpane ācarati pavattatīti ācariyo. So ca nissayapabbajjāupasampadādhammācariyavasena catubbidho. Upajjhā ca ācariyo ca upajjhācariyā, te. Nissāya vasamānoti iminā nissayapabbajjāupasampadādhammantevāsikesu yo nissāya vasati, taṃ dasseti. Catūsu hi tesu nissayantevāsikena yāva ācariyaṃ nissāya vasati, tāvasabbaṃ ācariyavattaṃ kātabbaṃ, netarehi. Itarehi, nissayamuttakehipi yāva cīvararajanaṃ, tāva ca arativinodanādikañca vattaṃ kātabbaṃ. Anāpucchitvā pattacīvaradānādimhi pana etesaṃ anāpatti. Saddhivihārikassa pana upajjhāyānaṃ yāva cīvararajanaṃ, tāva ca arativinodanādikañca akarontassa nissayamuttakassāpi amuttakassāpi āpattiyeva. Ekaccassa pattadānādito paṭṭhāya amuttanissayasseva āpatti. Tesu majjhe dve ācariyassa yāvajīvaṃ bhārā. Itare pana yāva samīpe vasanti, tāvadeva, tasmā ācariyenāpi tesu sammā vattitabbaṃ, upajjhāyena saddhivihārikesu vattabbameva natthi. Supesaloti piyaṃ sīlamassāti pesalo, vuddhi, ya-lopena ī-kārassa attakaraṇena, suṭṭhu pesalo supesalo, sikkhākāmoti attho. ‘‘Dantakaṭṭha’’ntiādi ‘‘dade’’timassa kammaṃ. Dadeti sammā ādarena yathādhippāyaṃ dadeyyāti attho. Kāleti tadanurūpe kāle.
๑๔๖. ปเตฺต จ…เป.… จีวเร จ วตฺตํ จเรติ สมฺพโนฺธฯ จเรติ กเรยฺยฯ ตตฺถ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปริฆํสเนฺตน โธวนํ, มุหุตฺตํ อุเณฺห โอตาปนํ, ฐปนฎฺฐานํ อุปปริกฺขิตฺวา จมฺมาทินา เกนจิ อนฺตรหิตาย นิกฺขิปนํ ปเตฺต วตฺตํฯ คามํ ปวิสนฺตานํ นิวาสนกายพนฺธนสงฺฆาฎิทานํ, โธวิตฺวา โสทกปตฺตสฺส ทานํ คามปฺปเวเส วตฺตํฯ ยทิ อากงฺขนฺติ, ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา จ ปารุปิตฺวา จ นาติทูรนจฺจาสเนฺน คมนํ, ปตฺตปริยาปนฺนคฺคหณญฺจ คมเน วตฺตํฯ นิวเตฺตเนฺต ปน ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนปญฺญาปนํ, ปาโททกาทิอุปนิกฺขิปนํ, ปตฺตจีวรปฺปฎิคฺคหณํ อาคเม อาคมเน วตฺตํฯ ภณนฺตานํ อนฺตรา กถาอโนปาตนํ สพฺพตฺถ วตฺตํฯ อาสนปญฺญาปนํ, อุฎฺฐิเตสุ อาสนอุทฺธรณํ, ปาทปีฐกถลานํ อุปนิกฺขิปนํ, ปฎิสามนญฺจ อาสเน ปาทปีเฐ ปาทกถเล จ วตฺตํฯ โธตปาทฎฺฐปนกํ ปาทปีฐํฯ อญฺญํ กถลํฯ อุปาหนา จ จีวรญฺจาติ ทฺวโนฺท, ตสฺมิํฯ สุกฺขอลฺลโจเฬหิ ปุญฺฉนํ อุปาหนาย วตฺตํฯ สินฺนจีวรสฺส มุหุตฺตํ โอตาปนํ, จตุรงฺคุลํ กณฺณํ อุสฺสาเรตฺวา จีวรสํหรณญฺจ จีวเร วตฺตํฯ
146. Patte ca…pe… cīvare ca vattaṃ careti sambandho. Careti kareyya. Tattha nīcaṃ katvā sādhukaṃ aparighaṃsantena dhovanaṃ, muhuttaṃ uṇhe otāpanaṃ, ṭhapanaṭṭhānaṃ upaparikkhitvā cammādinā kenaci antarahitāya nikkhipanaṃ patte vattaṃ. Gāmaṃ pavisantānaṃ nivāsanakāyabandhanasaṅghāṭidānaṃ, dhovitvā sodakapattassa dānaṃ gāmappavese vattaṃ. Yadi ākaṅkhanti, parimaṇḍalaṃ nivāsetvā ca pārupitvā ca nātidūranaccāsanne gamanaṃ, pattapariyāpannaggahaṇañca gamane vattaṃ. Nivattente pana paṭhamataraṃ āgantvā āsanapaññāpanaṃ, pādodakādiupanikkhipanaṃ, pattacīvarappaṭiggahaṇaṃ āgame āgamane vattaṃ. Bhaṇantānaṃ antarā kathāanopātanaṃ sabbattha vattaṃ. Āsanapaññāpanaṃ, uṭṭhitesu āsanauddharaṇaṃ, pādapīṭhakathalānaṃ upanikkhipanaṃ, paṭisāmanañca āsane pādapīṭhe pādakathale ca vattaṃ. Dhotapādaṭṭhapanakaṃ pādapīṭhaṃ. Aññaṃ kathalaṃ. Upāhanā ca cīvarañcāti dvando, tasmiṃ. Sukkhaallacoḷehi puñchanaṃ upāhanāya vattaṃ. Sinnacīvarassa muhuttaṃ otāpanaṃ, caturaṅgulaṃ kaṇṇaṃ ussāretvā cīvarasaṃharaṇañca cīvare vattaṃ.
๑๔๗. ปริโภชนีย…เป.… ปสฺสาวฎฺฐานิสุ จ วิหารโสธเน จ ปุน ปญฺญาปเน จ วตฺตํ ตถาติ สมฺพโนฺธฯ วจฺจญฺจ ปสฺสาโว จ วจฺจปสฺสาวาฯ ติฎฺฐติ เอตฺถาติ ฐานี, กุฎิฯ วจฺจปสฺสาวานํ ฐานีติ ตปฺปุริโสฯ อถ วา ติฎฺฐติ เอตฺถาติ ฐานํ, โสเยว สมาโส, วจฺจปสฺสาวสฺส จ ปตนฎฺฐานํ, ตํ อสฺส อตฺถีติ อิฎฺฐเคหาทิฯ ปริโภชนียญฺจ ปานียญฺจ วจฺจปสฺสาวฎฺฐานี จ ปริ…เป.… ฎฺฐานีฯ ตาสุ เตสุ วาฯ ปาโททกอุณฺหสีตนหาโนทกปฺปฎิยาทาปนํ ปริโภชนีเย วตฺตํฯ ปาตพฺพปานีเยน ปุจฺฉนํ อุปฎฺฐาปนญฺจ ปานีเย วตฺตํฯ สมฺมชฺชนปานียอุปฎฺฐาปนํ วจฺจปสฺสาวฎฺฐานีสุ วตฺตํฯ ปฐมํ ปตฺตจีวราทีนิ หราเปตฺวา เอกมเนฺต นิกฺขิปนาทิ, อุโลฺลกโต ปฎฺฐาย มกฺกฎสนฺตานํ โอหาเรตฺวา สมฺมชฺชนญฺจ วิหารโสธเน วตฺตํฯ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน ภูมตฺถรณาทิปญฺญาปนํ ปุน ปญฺญาปเน วตฺตํฯ ตถาติ อิมินา ‘‘จเร’’ติ อิทํ อติทิสติฯ
147. Paribhojanīya…pe… passāvaṭṭhānisu ca vihārasodhane ca puna paññāpane ca vattaṃ tathāti sambandho. Vaccañca passāvo ca vaccapassāvā. Tiṭṭhati etthāti ṭhānī, kuṭi. Vaccapassāvānaṃ ṭhānīti tappuriso. Atha vā tiṭṭhati etthāti ṭhānaṃ, soyeva samāso, vaccapassāvassa ca patanaṭṭhānaṃ, taṃ assa atthīti iṭṭhagehādi. Paribhojanīyañca pānīyañca vaccapassāvaṭṭhānī ca pari…pe… ṭṭhānī. Tāsu tesu vā. Pādodakauṇhasītanahānodakappaṭiyādāpanaṃ paribhojanīye vattaṃ. Pātabbapānīyena pucchanaṃ upaṭṭhāpanañca pānīye vattaṃ. Sammajjanapānīyaupaṭṭhāpanaṃ vaccapassāvaṭṭhānīsu vattaṃ. Paṭhamaṃ pattacīvarādīni harāpetvā ekamante nikkhipanādi, ullokato paṭṭhāya makkaṭasantānaṃ ohāretvā sammajjanañca vihārasodhane vattaṃ. Otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāṭhāne bhūmattharaṇādipaññāpanaṃ puna paññāpane vattaṃ. Tathāti iminā ‘‘care’’ti idaṃ atidisati.
๑๔๘. วิหารํ โสเธโนฺต ภิกฺขุ ปฎิวาเต วา สงฺคเณ วา ปานียสามนฺตา วา สยนาสนํ น ปโปฺผเฎยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ ปานีย-สเทฺทน ปริโภชนียญฺจ สงฺคหิตํฯ ปฎิวาเตติ อุปริวาเตฯ สงฺคเณติ พหูนํ สโมสรเณ วิวฎปฺปเทเสฯ สยนาสนํ นาม ภูมตฺถรณมญฺจาทิฯ
148. Vihāraṃ sodhento bhikkhu paṭivāte vā saṅgaṇe vā pānīyasāmantā vā sayanāsanaṃ na papphoṭeyyāti sambandho. Pānīya-saddena paribhojanīyañca saṅgahitaṃ. Paṭivāteti uparivāte. Saṅgaṇeti bahūnaṃ samosaraṇe vivaṭappadese. Sayanāsanaṃ nāma bhūmattharaṇamañcādi.
๑๔๙. นฺหาเน วตฺตํ จเร, นฺหาตสฺส กาตเพฺพ จเรติ สมฺพนฺธสฺส ปุริสาธีนตาย สมฺพโนฺธ เวทิตโพฺพ ฯ จีวรปฺปฎิคฺคหณคตฺตปริกมฺมกรณํ นหาเน วตฺตํฯ กาตเพฺพ จเรติ คตฺตโต อุทกสมฺมชฺชนนิวาสนทานาทิกิเจฺจ ปวเตฺตยฺยาติ อโตฺถฯ ‘‘วนปฺปคุเมฺพ’’ติอาทีสุ วิย สิสฺส เอ-การาเทสํ รูปํ, ตสฺมา กาตพฺพํ วตฺตํ จเรยฺยาติ โยเชตฺวา เวทิตพฺพํฯ พุธา ปน ‘‘นฺหาเน นฺหาตสฺส กาตเพฺพ วตฺตํ จเร’’ติ โยเชตฺวา อตฺถํ วทนฺติฯ เอวํ สติ กาตพฺพ-สทฺทสฺส กมฺมสาธนตฺตา วตฺตเมว กาตพฺพํ นามาติ ‘‘วเตฺต วตฺตํ จเร’’ติ วุตฺตํ วิย โหตีติ วิรุชฺฌติฯ ‘‘นหาเตน นหาตสฺสา’’ติ วา ปาโฐ, อุทเก คตฺตปริกเมฺมน เถรํ ปฐมํ นหาเปตฺวา สยมฺปิ นหาเตนาติ อโตฺถฯ ปาฬิยมฺปิ ‘‘นหาเตน ปฐมตรํ อุตฺตริตฺวา’’ติ (มหาว. ๖๗) อตฺถิฯ อถ รงฺคปาเก โธวเน สิพฺพเน จ วตฺตํ จเรติ สมฺพโนฺธ, รชนปาเก จีวรโธวเน จีวรสิพฺพเน จาติ อโตฺถฯ รชโนฺต จีวเร เถเว ฐิเต น วเชติ สมฺพโนฺธฯ รชโนฺตติ จีวรํ รชโนฺตฯ เถเวติ รชนพินฺทุมฺหิฯ
149. Nhāne vattaṃ care, nhātassa kātabbe careti sambandhassa purisādhīnatāya sambandho veditabbo . Cīvarappaṭiggahaṇagattaparikammakaraṇaṃ nahāne vattaṃ. Kātabbe careti gattato udakasammajjananivāsanadānādikicce pavatteyyāti attho. ‘‘Vanappagumbe’’tiādīsu viya sissa e-kārādesaṃ rūpaṃ, tasmā kātabbaṃ vattaṃ careyyāti yojetvā veditabbaṃ. Budhā pana ‘‘nhāne nhātassa kātabbe vattaṃ care’’ti yojetvā atthaṃ vadanti. Evaṃ sati kātabba-saddassa kammasādhanattā vattameva kātabbaṃ nāmāti ‘‘vatte vattaṃ care’’ti vuttaṃ viya hotīti virujjhati. ‘‘Nahātena nahātassā’’ti vā pāṭho, udake gattaparikammena theraṃ paṭhamaṃ nahāpetvā sayampi nahātenāti attho. Pāḷiyampi ‘‘nahātena paṭhamataraṃ uttaritvā’’ti (mahāva. 67) atthi. Atha raṅgapāke dhovane sibbane ca vattaṃ careti sambandho, rajanapāke cīvaradhovane cīvarasibbane cāti attho. Rajanto cīvare theve ṭhite na vajeti sambandho. Rajantoti cīvaraṃ rajanto. Theveti rajanabindumhi.
๑๕๐. เอกจฺจสฺสาติ อาจริยุปชฺฌายานํ เวริโน ปุคฺคลสฺส ปตฺตํ วา จีวรานิ วา กิญฺจนํ ปริกฺขารํ วา น ทเทยฺย น คเณฺหยฺย วาติ สมฺพโนฺธฯ ตตฺถ น ทเทยฺย น คเณฺหยฺยาติ ปฎิสามนตฺถายปิ น ทเทยฺย, น คเณฺหยฺย วาติ อโตฺถฯ ‘‘อากิญฺจน’’นฺติอาทีสุ วิย กิญฺจน-สโทฺท ทฎฺฐโพฺพ, ตสฺส กิญฺจีติ อโตฺถฯ กิญฺจินนฺติ วา ปาโฐ, กิญฺจิ นํ ปริกฺขารนฺติ โยชนาฯ ปทสิทฺธิวเสเนตฺถ นนฺติ ต-สทฺทปฺปโยโค กโตฯ
150.Ekaccassāti ācariyupajjhāyānaṃ verino puggalassa pattaṃ vā cīvarāni vā kiñcanaṃ parikkhāraṃ vā na dadeyya na gaṇheyya vāti sambandho. Tattha na dadeyya na gaṇheyyāti paṭisāmanatthāyapi na dadeyya, na gaṇheyya vāti attho. ‘‘Ākiñcana’’ntiādīsu viya kiñcana-saddo daṭṭhabbo, tassa kiñcīti attho. Kiñcinanti vā pāṭho, kiñci naṃ parikkhāranti yojanā. Padasiddhivasenettha nanti ta-saddappayogo kato.
๑๕๑-๒. ปจฺฉโต กาตุนฺติ ปจฺฉาสมณํ กาตุํฯ ตสฺสาติ เอกจฺจสฺสฯ ปจฺฉโตติ ปจฺฉาสมโณ หุตฺวาฯ นิเนฺนตุนฺติ เอกจฺจสฺส นีหริตุํฯ สพฺพตฺถ อนาปุจฺฉา น วฎฺฎตีติ โยเชตพฺพํฯ กิจฺจยํ วาติ เวยฺยาวจฺจาทิ ยํ กิญฺจิ กิจฺจํ วาฯ กิจฺจเมว กิจฺจยํ, กสฺส โย ‘‘เสนิโย’’ติอาทีสุ วิยฯ ปริกมฺมํ วาติ ปิฎฺฐิปริกมฺมาทิปริกมฺมํฯ อตฺตโน การาเปตุํ วาติ เอกเจฺจน อตฺตโน การาเปตุํ วาฯ กาตุํ วาติ ตสฺส อตฺตนา กาตุํ วาฯ
151-2.Pacchato kātunti pacchāsamaṇaṃ kātuṃ. Tassāti ekaccassa. Pacchatoti pacchāsamaṇo hutvā. Ninnetunti ekaccassa nīharituṃ. Sabbattha anāpucchā na vaṭṭatīti yojetabbaṃ. Kiccayaṃ vāti veyyāvaccādi yaṃ kiñci kiccaṃ vā. Kiccameva kiccayaṃ, kassa yo ‘‘seniyo’’tiādīsu viya. Parikammaṃ vāti piṭṭhiparikammādiparikammaṃ. Attano kārāpetuṃ vāti ekaccena attano kārāpetuṃ vā. Kātuṃ vāti tassa attanā kātuṃ vā.
๑๕๓. สีมโต นิคฺคตา พหิภูตา นิสฺสีมา, ตํฯ อาจริยุปชฺฌาเยสุ อวตฺวา ทูรํ ภิกฺขาจารํ คเตสุปิ อปสฺสเนฺตน คาโม ปวิสิตโพฺพฯ ทิฎฺฐฎฺฐานโต ปฎฺฐาย ปน อาปุจฺฉิตุํเยว วฎฺฎติฯ อตฺตโน กิจฺจยํ วาปีติ อตฺตโน สีมายปิ ปตฺตปจนจีวรรชนาทิกํ สกํ กรณียํ วาปิ กาตุํฯ
153. Sīmato niggatā bahibhūtā nissīmā, taṃ. Ācariyupajjhāyesu avatvā dūraṃ bhikkhācāraṃ gatesupi apassantena gāmo pavisitabbo. Diṭṭhaṭṭhānato paṭṭhāya pana āpucchituṃyeva vaṭṭati. Attano kiccayaṃ vāpīti attano sīmāyapi pattapacanacīvararajanādikaṃ sakaṃ karaṇīyaṃ vāpi kātuṃ.
๑๕๔. อรตินฺติ สาสเน อนภิรติํฯ สงฺฆายเตฺตสุ กเมฺมสูติ ปริวาสาทิตชฺชนียาทีสุ สงฺฆปฺปฎิพเทฺธสุ กเมฺมสุฯ อุสฺสุกฺกํ วาปีติ อาจริยุปชฺฌาเยสุ ครุธมฺมํ อชฺฌาปเนฺนสุ, กมฺมารเหสุ จ ‘‘กินฺติ นุ โข สโงฺฆ ปริวาสํ ทเทยฺยา’’ติอาทินา อุสฺสาหํ วาปิฯ
154.Aratinti sāsane anabhiratiṃ. Saṅghāyattesu kammesūti parivāsāditajjanīyādīsu saṅghappaṭibaddhesu kammesu. Ussukkaṃ vāpīti ācariyupajjhāyesu garudhammaṃ ajjhāpannesu, kammārahesu ca ‘‘kinti nu kho saṅgho parivāsaṃ dadeyyā’’tiādinā ussāhaṃ vāpi.
๑๕๕. คิลาเนสุ อุปเฎฺฐยฺยาติ ‘‘ปญฺจหิ, ภิกฺขเว, อเงฺคหิ สมนฺนาคโต คิลานุปฎฺฐาโก อลํ คิลานํ อุปฎฺฐาตุํ, ปฎิพโล โหติ เภสชฺชํ สํวิธาตุํ, สปฺปายาสปฺปายํ ชานาติ, อสปฺปายํ อปนาเมติ, สปฺปายํ อุปนาเมติ, เมตฺตจิโตฺต คิลานํ อุปฎฺฐาติ โน อามิสนฺตโร, อเชคุจฺฉี โหติ อุจฺจารํ วา ปสฺสาวํ วา เขฬํ วา วนฺตํ วา นีหาตุํ, ปฎิพโล โหติ คิลานํ กาเลน กาลํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตุํ สมาทเปตุํ สมุเตฺตเชตุํ สมฺปหํเสตุ’’นฺติ (มหาว. ๓๖๖) เอวํ วุตฺตปญฺจงฺคสมนฺนาคเตน หุตฺวา คิลาเนสุ อุปฎฺฐเหยฺยาติ อโตฺถฯ อิมินา สเพฺพหิปิ อาจริตพฺพํ คิลานวตฺตํ อุปทิสติฯ วุฎฺฐานนฺติ เคลญฺญา วุฎฺฐิตํฯ อาคเมติ อาคเมยฺย, โอโลเกยฺยาติ อโตฺถฯ อุปชฺฌาจริเยหิ จ สทฺธิวิหาริกอเนฺตวาสิเกสุ ยทิ เต คิลานา โหนฺติ, อาทิโต ปฎฺฐาย จีวเร รชนปริโยสานญฺจ อรติวิโนทนาทิกญฺจ วตฺตํ, อคิลาเนสุ ปน อุเทฺทสปริปุจฺฉา โอวาทานุสาสนิยา อนุคฺคโหปตฺตจีวราทิทานญฺจาติ สพฺพํ กาตพฺพํฯ เตเนว เหฎฺฐา วุตฺตํ ‘‘ตสฺมา อาจริเยนาปิ เตสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํ, อุปชฺฌาเยน สทฺธิวิหาริเกสุ วตฺตพฺพเมว นตฺถี’’ติฯ
155.Gilānesu upaṭṭheyyāti ‘‘pañcahi, bhikkhave, aṅgehi samannāgato gilānupaṭṭhāko alaṃ gilānaṃ upaṭṭhātuṃ, paṭibalo hoti bhesajjaṃ saṃvidhātuṃ, sappāyāsappāyaṃ jānāti, asappāyaṃ apanāmeti, sappāyaṃ upanāmeti, mettacitto gilānaṃ upaṭṭhāti no āmisantaro, ajegucchī hoti uccāraṃ vā passāvaṃ vā kheḷaṃ vā vantaṃ vā nīhātuṃ, paṭibalo hoti gilānaṃ kālena kālaṃ dhammiyā kathāya sandassetuṃ samādapetuṃ samuttejetuṃ sampahaṃsetu’’nti (mahāva. 366) evaṃ vuttapañcaṅgasamannāgatena hutvā gilānesu upaṭṭhaheyyāti attho. Iminā sabbehipi ācaritabbaṃ gilānavattaṃ upadisati. Vuṭṭhānanti gelaññā vuṭṭhitaṃ. Āgameti āgameyya, olokeyyāti attho. Upajjhācariyehi ca saddhivihārikaantevāsikesu yadi te gilānā honti, ādito paṭṭhāya cīvare rajanapariyosānañca arativinodanādikañca vattaṃ, agilānesu pana uddesaparipucchā ovādānusāsaniyā anuggahopattacīvarādidānañcāti sabbaṃ kātabbaṃ. Teneva heṭṭhā vuttaṃ ‘‘tasmā ācariyenāpi tesu sammā vattitabbaṃ, upajjhāyena saddhivihārikesu vattabbameva natthī’’ti.
อุปชฺฌาจริยวตฺตนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upajjhācariyavattaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.