Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วินยสงฺคห-อฎฺฐกถา • Vinayasaṅgaha-aṭṭhakathā

    ๒๗. อุปชฺฌายาทิวตฺตวินิจฺฉยกถา

    27. Upajjhāyādivattavinicchayakathā

    ๑๘๓. วตฺตนฺติ เอตฺถ ปน วตฺตํ นาเมตํ อุปชฺฌายวตฺตํ อาจริยวตฺตํ อาคนฺตุกวตฺตํ อาวาสิกวตฺตํ คมิกวตฺตํ ภตฺตคฺควตฺตํ ปิณฺฑจาริกวตฺตํ อารญฺญิกวตฺตํ เสนาสนวตฺตํ ชนฺตาฆรวตฺตํ วจฺจกุฎิวตฺตนฺติ พหุวิธํฯ ตตฺถ อุปชฺฌายวตฺตํ ตาว เอวํ เวทิตพฺพํ – สทฺธิวิหาริเกน กาลเสฺสว อุฎฺฐาย อุปาหนา โอมุญฺจิตฺวา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา อุปชฺฌายสฺส ทนฺตกฎฺฐํ ทาตพฺพํ, มุโขทกํ ทาตพฺพํฯ ตตฺถ ทนฺตกฎฺฐํ เทเนฺตน มหนฺตํ มชฺฌิมํ ขุทฺทกนฺติ ตีณิ ทนฺตกฎฺฐานิ อุปเนตฺวา อิโต ยํ ตีณิ ทิวสานิ คณฺหาติ, จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย ตาทิสเมว ทาตพฺพํฯ สเจ อนิยมํ กตฺวา ยํ วา ตํ วา คณฺหาติ, อถ ยาทิสํ ลภติ, ตาทิสํ ทาตพฺพํฯ มุโขทกํ เทเนฺตนปิ สีตญฺจ อุณฺหญฺจ อุทกํ อุปเนตฺวา ตโต ยํ ตีณิ ทิวสานิ วฬเญฺชติฯ จตุตฺถทิวสโต ปฎฺฐาย ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ ทาตพฺพํฯ สเจ ทุวิธมฺปิ วฬเญฺชติ, ทุวิธมฺปิ อุปเนตพฺพํฯ อุทกํ มุขโธวนฎฺฐาเน ฐเปตฺวา วจฺจกุฎิโต ปฎฺฐาย สมฺมชฺชิตพฺพํฯ เถเร วจฺจกุฎิคเต ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, เอวํ ปริเวณํ อสุญฺญํ โหติฯ เถเร วจฺจกุฎิโต อนิกฺขเนฺตเยว อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํฯ สรีรกิจฺจํ กตฺวา อาคนฺตฺวา ตสฺมิํ นิสินฺนสฺส สเจ ยาคุ โหติ, ภาชนํ โธวิตฺวา ยาคุ อุปนาเมตพฺพา, ยาคุํ ปิวิตสฺส อุทกํ ทตฺวา ภาชนํ ปฎิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน โธวิตฺวา ปฎิสาเมตพฺพํฯ อุปชฺฌายมฺหิ วุฎฺฐิเต อาสนํ อุทฺธริตพฺพํฯ สเจ โส เทโส อุกฺลาโป โหติ เกนจิ กจวเรน สํกิโณฺณ, โส เทโส สมฺมชฺชิตโพฺพฯ สเจ ปน อโญฺญ กจวโร นตฺถิ, อุทกผุสิตาเนว โหนฺติ, หเตฺถน ปมชฺชิตโพฺพฯ

    183.Vattanti ettha pana vattaṃ nāmetaṃ upajjhāyavattaṃ ācariyavattaṃ āgantukavattaṃ āvāsikavattaṃ gamikavattaṃ bhattaggavattaṃ piṇḍacārikavattaṃ āraññikavattaṃ senāsanavattaṃ jantāgharavattaṃ vaccakuṭivattanti bahuvidhaṃ. Tattha upajjhāyavattaṃ tāva evaṃ veditabbaṃ – saddhivihārikena kālasseva uṭṭhāya upāhanā omuñcitvā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā upajjhāyassa dantakaṭṭhaṃ dātabbaṃ, mukhodakaṃ dātabbaṃ. Tattha dantakaṭṭhaṃ dentena mahantaṃ majjhimaṃ khuddakanti tīṇi dantakaṭṭhāni upanetvā ito yaṃ tīṇi divasāni gaṇhāti, catutthadivasato paṭṭhāya tādisameva dātabbaṃ. Sace aniyamaṃ katvā yaṃ vā taṃ vā gaṇhāti, atha yādisaṃ labhati, tādisaṃ dātabbaṃ. Mukhodakaṃ dentenapi sītañca uṇhañca udakaṃ upanetvā tato yaṃ tīṇi divasāni vaḷañjeti. Catutthadivasato paṭṭhāya tādisameva mukhadhovanodakaṃ dātabbaṃ. Sace duvidhampi vaḷañjeti, duvidhampi upanetabbaṃ. Udakaṃ mukhadhovanaṭṭhāne ṭhapetvā vaccakuṭito paṭṭhāya sammajjitabbaṃ. There vaccakuṭigate pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, evaṃ pariveṇaṃ asuññaṃ hoti. There vaccakuṭito anikkhanteyeva āsanaṃ paññapetabbaṃ. Sarīrakiccaṃ katvā āgantvā tasmiṃ nisinnassa sace yāgu hoti, bhājanaṃ dhovitvā yāgu upanāmetabbā, yāguṃ pivitassa udakaṃ datvā bhājanaṃ paṭiggahetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena dhovitvā paṭisāmetabbaṃ. Upajjhāyamhi vuṭṭhite āsanaṃ uddharitabbaṃ. Sace so deso uklāpo hoti kenaci kacavarena saṃkiṇṇo, so deso sammajjitabbo. Sace pana añño kacavaro natthi, udakaphusitāneva honti, hatthena pamajjitabbo.

    สเจ อุปชฺฌาโย คามํ ปวิสิตุกาโม โหติ, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, ปฎินิวาสนํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, กายพนฺธนํ ทาตพฺพํ, สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ทาตพฺพา, โธวิตฺวา ปโตฺต สอุทโก ทาตโพฺพฯ สเจ อุปชฺฌาโย ปจฺฉาสมณํ อากงฺขติ, ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา อุปชฺฌายสฺส ปจฺฉาสมเณน โหตพฺพํ, นาติทูเร คนฺตพฺพํ, นาจฺจาสเนฺน คนฺตพฺพํฯ เอตฺถ ปน สเจ อุปชฺฌายํ นิวตฺติตฺวา โอโลเกนฺตํ เอเกน วา ทฺวีหิ วา ปทวีติหาเรหิ สมฺปาปุณาติ, เอตฺตาวตา นาติทูเร นาจฺจาสเนฺน คโต โหตีติ เวทิตพฺพํฯ สเจ อุปชฺฌาเยน ภิกฺขาจาเร ยาคุยา วา ภเตฺต วา ลเทฺธ ปโตฺต อุโณฺห วา ภาริโก วา โหติ, อตฺตโน ปตฺตํ ตสฺส ทตฺวา โส ปโตฺต คเหตโพฺพ, น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺส อนฺตรนฺตรา กถา โอปาเตตพฺพาฯ อิโต ปฎฺฐาย ปน ยตฺถ ยตฺถ น-กาเรน ปฎิเสโธ กรียติ, สพฺพตฺถ ทุกฺกฎาปตฺติ เวทิตพฺพาฯ อุปชฺฌาโย อาปตฺติสามนฺตา ภณมาโน นิวาเรตโพฺพฯ นิวาเรเนฺตน จ ‘‘ภเนฺต, อีทิสํ นาม วตฺตุํ วฎฺฎติ, อาปตฺติ น โหตี’’ติ เอวํ ปุจฺฉเนฺตน วิย วาเรตโพฺพ, ‘‘วาเรสฺสามี’’ติ ปน กตฺวา ‘‘มหลฺลก, มา เอวํ ภณา’’ติ น วตฺตโพฺพฯ

    Sace upajjhāyo gāmaṃ pavisitukāmo hoti, nivāsanaṃ dātabbaṃ, paṭinivāsanaṃ paṭiggahetabbaṃ, kāyabandhanaṃ dātabbaṃ, saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo dātabbā, dhovitvā patto saudako dātabbo. Sace upajjhāyo pacchāsamaṇaṃ ākaṅkhati, timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā upajjhāyassa pacchāsamaṇena hotabbaṃ, nātidūre gantabbaṃ, nāccāsanne gantabbaṃ. Ettha pana sace upajjhāyaṃ nivattitvā olokentaṃ ekena vā dvīhi vā padavītihārehi sampāpuṇāti, ettāvatā nātidūre nāccāsanne gato hotīti veditabbaṃ. Sace upajjhāyena bhikkhācāre yāguyā vā bhatte vā laddhe patto uṇho vā bhāriko vā hoti, attano pattaṃ tassa datvā so patto gahetabbo, na upajjhāyassa bhaṇamānassa antarantarā kathā opātetabbā. Ito paṭṭhāya pana yattha yattha na-kārena paṭisedho karīyati, sabbattha dukkaṭāpatti veditabbā. Upajjhāyo āpattisāmantā bhaṇamāno nivāretabbo. Nivārentena ca ‘‘bhante, īdisaṃ nāma vattuṃ vaṭṭati, āpatti na hotī’’ti evaṃ pucchantena viya vāretabbo, ‘‘vāressāmī’’ti pana katvā ‘‘mahallaka, mā evaṃ bhaṇā’’ti na vattabbo.

    สเจ อาสเนฺน คาโม โหติ, วิหาเร วา คิลาโน ภิกฺขุ โหติ, คามโต ปฐมตรํ อาคนฺตพฺพํฯ สเจ ทูเร คาโม โหติ, อุปชฺฌาเยน สทฺธิํ อาคจฺฉโนฺตปิ นตฺถิ, เตเนว สทฺธิํ คามโต นิกฺขมิตฺวา จีวเรน ปตฺตํ เวเฐตฺวา อนฺตรามคฺคโต ปฐมตรํ อาคนฺตพฺพํฯ เอวํ ปฐมตรํ อาคเตน อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพํ, ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปฎินิวาสนํ ทาตพฺพํ, นิวาสนํ ปฎิคฺคเหตพฺพํฯ สเจ จีวรํ เสทคฺคหิตํ โหติ, มุหุตฺตํ อุเณฺห โอตาเปตพฺพํ, น จ อุเณฺห จีวรํ นิทหิตพฺพํ, จีวรํ สงฺฆริตพฺพํฯ จีวรํ สงฺฆรเนฺตน จ จตุรงฺคุลํ กณฺณํ อุสฺสาเรตฺวา จีวรํ สงฺฆริตพฺพํฯ กิํการณา? มา มเชฺฌ ภโงฺค อโหสีติฯ สมํ กตฺวา สงฺฆริตสฺส หิ มเชฺฌ ภโงฺค โหติ, ตโต นิจฺจํ ภิชฺชมานํ ทุพฺพลํ โหติ, ตํ นิวารณตฺถเมตํ วุตฺตํฯ ตสฺมา ยถา อชฺช ภงฺคฎฺฐาเนเยว เสฺว น ภิชฺชิสฺสติ, ตถา ทิวเส ทิวเส จตุรงฺคุลํ อุสฺสาเรตฺวา สงฺฆริตพฺพํ, โอโภเค กายพนฺธนํ กาตพฺพํฯ

    Sace āsanne gāmo hoti, vihāre vā gilāno bhikkhu hoti, gāmato paṭhamataraṃ āgantabbaṃ. Sace dūre gāmo hoti, upajjhāyena saddhiṃ āgacchantopi natthi, teneva saddhiṃ gāmato nikkhamitvā cīvarena pattaṃ veṭhetvā antarāmaggato paṭhamataraṃ āgantabbaṃ. Evaṃ paṭhamataraṃ āgatena āsanaṃ paññapetabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipitabbaṃ, paccuggantvā pattacīvaraṃ paṭiggahetabbaṃ, paṭinivāsanaṃ dātabbaṃ, nivāsanaṃ paṭiggahetabbaṃ. Sace cīvaraṃ sedaggahitaṃ hoti, muhuttaṃ uṇhe otāpetabbaṃ, na ca uṇhe cīvaraṃ nidahitabbaṃ, cīvaraṃ saṅgharitabbaṃ. Cīvaraṃ saṅgharantena ca caturaṅgulaṃ kaṇṇaṃ ussāretvā cīvaraṃ saṅgharitabbaṃ. Kiṃkāraṇā? Mā majjhe bhaṅgo ahosīti. Samaṃ katvā saṅgharitassa hi majjhe bhaṅgo hoti, tato niccaṃ bhijjamānaṃ dubbalaṃ hoti, taṃ nivāraṇatthametaṃ vuttaṃ. Tasmā yathā ajja bhaṅgaṭṭhāneyeva sve na bhijjissati, tathā divase divase caturaṅgulaṃ ussāretvā saṅgharitabbaṃ, obhoge kāyabandhanaṃ kātabbaṃ.

    สเจ ปิณฺฑปาโต โหติ, อุปชฺฌาโย จ ภุญฺชิตุกาโม โหติ, อุทกํ ทตฺวา ปิณฺฑปาโต อุปนาเมตโพฺพ, อุปชฺฌาโย ปานีเยน ปุจฺฉิตโพฺพฯ ปุจฺฉเนฺตน จ ติกฺขตฺตุํ ‘‘ปานียํ, ภเนฺต, อาหรียตู’’ติ ปานีเยน ปุจฺฉิตโพฺพฯ สเจ กาโล อตฺถิ, อุปชฺฌาเย ภุเตฺต สยํ ภุญฺชิตพฺพํฯ สเจ อุปกโฎฺฐ กาโล, ปานียํ อุปชฺฌายสฺส สนฺติเก ฐเปตฺวา สยมฺปิ ภุญฺชิตพฺพํฯ ภุตฺตาวิสฺส อุทกํ ทตฺวา ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฺปฎิฆํสเนฺตน โธวิตฺวา โวทกํ กตฺวา มุหุตฺตํ อุเณฺห โอตาเปตโพฺพ, น จ อุเณฺห ปโตฺต นิทหิตโพฺพ, ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ ปตฺตํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน เหฎฺฐามญฺจํ วา เหฎฺฐาปีฐํ วา ปรามสิตฺวา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพ, น จ ตฎฺฎิกจมฺมขณฺฑาทีหิ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพฯ สเจ ปน กาฬวณฺณกตา วา สุธาพทฺธา วา ภูมิ โหติ นิรชมตฺติกา, ตถารูปาย ภูมิยา ฐเปตุํ วฎฺฎติ, โธตวาลิกายปิ ฐเปตุํ วฎฺฎติ, ปํสุรชสกฺขราทีสุ น วฎฺฎติฯ ตตฺร ปน ปณฺณํ วา อาธารกํ วา ฐเปตฺวา ตตฺร นิกฺขิปิตโพฺพฯ จีวรํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ อิทญฺจ จีวรวํสาทีนํ เหฎฺฐา หตฺถํ ปเวเสตฺวา อภิมุเขน หเตฺถน สณิกํ นิกฺขิปนตฺถํ วุตฺตํฯ อเนฺต ปน คเหตฺวา โภเคน จีวรวํสาทีนํ อุปริ ขิปนฺตสฺส ภิตฺติยํ โภโค ปฎิหญฺญติ, ตสฺมา ตถา น กาตพฺพํฯ อุปชฺฌายมฺหิ วุฎฺฐิเต อาสนํ อุทฺธริตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมตพฺพํฯ สเจ โส เทโส อุกฺลาโป โหติ, โส เทโส สมฺมชฺชิตโพฺพฯ

    Sace piṇḍapāto hoti, upajjhāyo ca bhuñjitukāmo hoti, udakaṃ datvā piṇḍapāto upanāmetabbo, upajjhāyo pānīyena pucchitabbo. Pucchantena ca tikkhattuṃ ‘‘pānīyaṃ, bhante, āharīyatū’’ti pānīyena pucchitabbo. Sace kālo atthi, upajjhāye bhutte sayaṃ bhuñjitabbaṃ. Sace upakaṭṭho kālo, pānīyaṃ upajjhāyassa santike ṭhapetvā sayampi bhuñjitabbaṃ. Bhuttāvissa udakaṃ datvā pattaṃ paṭiggahetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ appaṭighaṃsantena dhovitvā vodakaṃ katvā muhuttaṃ uṇhe otāpetabbo, na ca uṇhe patto nidahitabbo, pattacīvaraṃ nikkhipitabbaṃ. Pattaṃ nikkhipantena ekena hatthena pattaṃ gahetvā ekena hatthena heṭṭhāmañcaṃ vā heṭṭhāpīṭhaṃ vā parāmasitvā patto nikkhipitabbo, na ca taṭṭikacammakhaṇḍādīhi anantarahitāya bhūmiyā patto nikkhipitabbo. Sace pana kāḷavaṇṇakatā vā sudhābaddhā vā bhūmi hoti nirajamattikā, tathārūpāya bhūmiyā ṭhapetuṃ vaṭṭati, dhotavālikāyapi ṭhapetuṃ vaṭṭati, paṃsurajasakkharādīsu na vaṭṭati. Tatra pana paṇṇaṃ vā ādhārakaṃ vā ṭhapetvā tatra nikkhipitabbo. Cīvaraṃ nikkhipantena ekena hatthena cīvaraṃ gahetvā ekena hatthena cīvaravaṃsaṃ vā cīvararajjuṃ vā pamajjitvā pārato antaṃ orato bhogaṃ katvā cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ. Idañca cīvaravaṃsādīnaṃ heṭṭhā hatthaṃ pavesetvā abhimukhena hatthena saṇikaṃ nikkhipanatthaṃ vuttaṃ. Ante pana gahetvā bhogena cīvaravaṃsādīnaṃ upari khipantassa bhittiyaṃ bhogo paṭihaññati, tasmā tathā na kātabbaṃ. Upajjhāyamhi vuṭṭhite āsanaṃ uddharitabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmetabbaṃ. Sace so deso uklāpo hoti, so deso sammajjitabbo.

    สเจ อุปชฺฌาโย นหายิตุกาโม โหติ, นหานํ ปฎิยาเทตพฺพํฯ สเจ สีเตน อโตฺถ โหติ, สีตํ ปฎิยาเทตพฺพํฯ สเจ อุเณฺหน อโตฺถ โหติ, อุณฺหํ ปฎิยาเทตพฺพํฯ

    Sace upajjhāyo nahāyitukāmo hoti, nahānaṃ paṭiyādetabbaṃ. Sace sītena attho hoti, sītaṃ paṭiyādetabbaṃ. Sace uṇhena attho hoti, uṇhaṃ paṭiyādetabbaṃ.

    สเจ อุปชฺฌาโย ชนฺตาฆรํ ปวิสิตุกาโม โหติ, จุณฺณํ สเนฺนตพฺพํ, มตฺติกา เตเมตพฺพาฯ ชนฺตาฆรปีฐํ อาทาย อุปชฺฌายสฺส ปิฎฺฐิโต ปิฎฺฐิโต คนฺตฺวา ชนฺตาฆรปีฐํ ทตฺวา จีวรํ ปฎิคฺคเหตฺวา เอกมเนฺต นิทฺธูมฎฺฐาเน ฐเปตพฺพํ, จุณฺณํ ทาตพฺพํ, มตฺติกา ทาตพฺพาฯ สเจ อุสฺสหติ, ชนฺตาฆรํ ปวิสิตพฺพํ, ปวิสเนฺตน มตฺติกาย มุขํ มเกฺขตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรํ ปวิสิตพฺพํฯ น เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺช นิสีทิตพฺพํ, น นวา ภิกฺขู อาสเนน ปฎิพาหิตพฺพา, ชนฺตาฆเร อุปชฺฌายสฺส ปริกมฺมํ กาตพฺพํฯ ชนฺตาฆเร ปริกมฺมํ นาม องฺคารมตฺติกาอุโณฺหทกทานาทิกํ สพฺพกิจฺจํฯ ชนฺตาฆรา นิกฺขมเนฺตน ชนฺตาฆรปีฐํ อาทาย ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรา นิกฺขมิตพฺพํฯ

    Sace upajjhāyo jantāgharaṃ pavisitukāmo hoti, cuṇṇaṃ sannetabbaṃ, mattikā temetabbā. Jantāgharapīṭhaṃ ādāya upajjhāyassa piṭṭhito piṭṭhito gantvā jantāgharapīṭhaṃ datvā cīvaraṃ paṭiggahetvā ekamante niddhūmaṭṭhāne ṭhapetabbaṃ, cuṇṇaṃ dātabbaṃ, mattikā dātabbā. Sace ussahati, jantāgharaṃ pavisitabbaṃ, pavisantena mattikāya mukhaṃ makkhetvā purato ca pacchato ca paṭicchādetvā jantāgharaṃ pavisitabbaṃ. Na there bhikkhū anupakhajja nisīditabbaṃ, na navā bhikkhū āsanena paṭibāhitabbā, jantāghare upajjhāyassa parikammaṃ kātabbaṃ. Jantāghare parikammaṃ nāma aṅgāramattikāuṇhodakadānādikaṃ sabbakiccaṃ. Jantāgharā nikkhamantena jantāgharapīṭhaṃ ādāya purato ca pacchato ca paṭicchādetvā jantāgharā nikkhamitabbaṃ.

    อุทเกปิ อุปชฺฌายสฺส องฺคปจฺจงฺคฆํสนาทิกํ ปริกมฺมํ กาตพฺพํ, นหาเตน ปฐมตรํ อุตฺตริตฺวา อตฺตโน คตฺตํ โวทกํ กตฺวา นิวาเสตฺวา อุปชฺฌายสฺส คตฺตโต อุทกํ ปมชฺชิตพฺพํ, นิวาสนํ ทาตพฺพํ, สงฺฆาฎิ ทาตพฺพา , ชนฺตาฆรปีฐํ อาทาย ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพํ, อุปชฺฌาโย ปานีเยน ปุจฺฉิตโพฺพฯ ชนฺตาฆเร หิ อุณฺหสนฺตาเปน ปิปาสา โหติฯ สเจ อุทฺทิสาเปตุกาโม โหติ, อุทฺทิสิตโพฺพฯ สเจ ปริปุจฺฉิตุกาโม โหติ, ปริปุจฺฉิตโพฺพฯ

    Udakepi upajjhāyassa aṅgapaccaṅgaghaṃsanādikaṃ parikammaṃ kātabbaṃ, nahātena paṭhamataraṃ uttaritvā attano gattaṃ vodakaṃ katvā nivāsetvā upajjhāyassa gattato udakaṃ pamajjitabbaṃ, nivāsanaṃ dātabbaṃ, saṅghāṭi dātabbā , jantāgharapīṭhaṃ ādāya paṭhamataraṃ āgantvā āsanaṃ paññapetabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipitabbaṃ, upajjhāyo pānīyena pucchitabbo. Jantāghare hi uṇhasantāpena pipāsā hoti. Sace uddisāpetukāmo hoti, uddisitabbo. Sace paripucchitukāmo hoti, paripucchitabbo.

    ยสฺมิํ วิหาเร อุปชฺฌาโย วิหรติ, สเจ โส วิหาโร อุกฺลาโป โหติ, สเจ อุสฺสหติ, เกนจิ เคลเญฺญน อนภิภูโต โหติ, โสเธตโพฺพฯ อคิลาเนน หิ สทฺธิวิหาริเกน สฎฺฐิวเสฺสนปิ สพฺพํ อุปชฺฌายวตฺตํ กาตพฺพํ, อนาทเรน อกโรนฺตสฺส วตฺตเภเท ทุกฺกฎํ, น-การปฎิสํยุเตฺตสุ ปน ปเทสุ คิลานสฺสปิ ปฎิกฺขิตฺตกิริยํ กโรนฺตสฺส ทุกฺกฎเมวฯ วิหารํ โสเธเนฺตน ปฐมํ ปตฺตจีวรํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ภิสิพิโมฺพหนํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, มโญฺจ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ, ปีฐํ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, มญฺจปฎิปาทกา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพา, เขฬมลฺลโก นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ, อปเสฺสนผลกํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ ภูมตฺถรณํ ยถาปญฺญตฺตํ สลฺลเกฺขตฺวา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ วิหาเร สนฺตานกํ โหติ, อุโลฺลกา ปฐมํ โอหาเรตพฺพํ, อาโลกสนฺธิกณฺณภาคา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ เครุกปริกมฺมกตา ภิตฺติ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ กาฬวณฺณกตา ภูมิ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ อกตา โหติ ภูมิ, อุทเกน ปริโปฺผสิตฺวา ปริโปฺผสิตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพา ‘‘มา วิหาโร รเชน อุหญฺญี’’ติ, สงฺการํ วิจินิตฺวา เอกมนฺตํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ

    Yasmiṃ vihāre upajjhāyo viharati, sace so vihāro uklāpo hoti, sace ussahati, kenaci gelaññena anabhibhūto hoti, sodhetabbo. Agilānena hi saddhivihārikena saṭṭhivassenapi sabbaṃ upajjhāyavattaṃ kātabbaṃ, anādarena akarontassa vattabhede dukkaṭaṃ, na-kārapaṭisaṃyuttesu pana padesu gilānassapi paṭikkhittakiriyaṃ karontassa dukkaṭameva. Vihāraṃ sodhentena paṭhamaṃ pattacīvaraṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, nisīdanapaccattharaṇaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, bhisibimbohanaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, mañco nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo, pīṭhaṃ nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, mañcapaṭipādakā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbā, kheḷamallako nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo, apassenaphalakaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ. Bhūmattharaṇaṃ yathāpaññattaṃ sallakkhetvā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ. Sace vihāre santānakaṃ hoti, ullokā paṭhamaṃ ohāretabbaṃ, ālokasandhikaṇṇabhāgā pamajjitabbā. Sace gerukaparikammakatā bhitti kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace kāḷavaṇṇakatā bhūmi kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace akatā hoti bhūmi, udakena paripphositvā paripphositvā sammajjitabbā ‘‘mā vihāro rajena uhaññī’’ti, saṅkāraṃ vicinitvā ekamantaṃ chaḍḍetabbaṃ.

    ภูมตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อภิหริตฺวา ยถา ปฐมํ ปญฺญตฺตํ อโหสิ, ตเถว ปญฺญเปตพฺพํฯ เอตทตฺถเมว หิ ‘‘ยถาปญฺญตฺตํ สลฺลเกฺขตฺวา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพ’’นฺติ วุตฺตํฯ สเจ ปน ปฐมํ อชานเนฺตน เกนจิ ปญฺญตฺตํ อโหสิ, สมนฺตโต ภิตฺติํ ทฺวงฺคุลมเตฺตน วา ติวงฺคุลมเตฺตน วา โมเจตฺวา ปญฺญเปตพฺพํฯ อิทเญฺหตฺถ ปญฺญาปนวตฺตํ – สเจ กฎสารโก โหติ อติมหโนฺต จ, ฉินฺทิตฺวา โกฎิํ นิวเตฺตตฺวา พนฺธิตฺวา ปญฺญเปตโพฺพฯ สเจ โกฎิํ นิวเตฺตตฺวา พนฺธิตุํ น ชานาติ, น ฉินฺทิตโพฺพฯ มญฺจปฎิปาทกา โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตพฺพา, มโญฺจ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตโพฺพ, ปีฐํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, ภิสิพิโมฺพหนํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, เขฬมลฺลโก โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตโพฺพ, อปเสฺสนผลกํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตพฺพํฯ ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ปตฺตํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน เหฎฺฐามญฺจํ วา เหฎฺฐาปีฐํ วา ปรามสิตฺวา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพ, น จ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพฯ จีวรํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ, โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ

    Bhūmattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā abhiharitvā yathā paṭhamaṃ paññattaṃ ahosi, tatheva paññapetabbaṃ. Etadatthameva hi ‘‘yathāpaññattaṃ sallakkhetvā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabba’’nti vuttaṃ. Sace pana paṭhamaṃ ajānantena kenaci paññattaṃ ahosi, samantato bhittiṃ dvaṅgulamattena vā tivaṅgulamattena vā mocetvā paññapetabbaṃ. Idañhettha paññāpanavattaṃ – sace kaṭasārako hoti atimahanto ca, chinditvā koṭiṃ nivattetvā bandhitvā paññapetabbo. Sace koṭiṃ nivattetvā bandhituṃ na jānāti, na chinditabbo. Mañcapaṭipādakā otāpetvā pamajjitvā yathāṭhāne ṭhapetabbā, mañco otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbo, pīṭhaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, bhisibimbohanaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, nisīdanapaccattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, kheḷamallako otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathāṭhāne ṭhapetabbo, apassenaphalakaṃ otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathāṭhāne ṭhapetabbaṃ. Pattacīvaraṃ nikkhipitabbaṃ, pattaṃ nikkhipantena ekena hatthena pattaṃ gahetvā ekena hatthena heṭṭhāmañcaṃ vā heṭṭhāpīṭhaṃ vā parāmasitvā patto nikkhipitabbo, na ca anantarahitāya bhūmiyā patto nikkhipitabbo. Cīvaraṃ nikkhipantena ekena hatthena cīvaraṃ gahetvā ekena hatthena cīvaravaṃsaṃ vā cīvararajjuṃ vā pamajjitvā pārato antaṃ, orato bhogaṃ katvā cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ.

    สเจ ปุรตฺถิมา สรชา วาตา วายนฺติ, ปุรตฺถิมา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ ปจฺฉิมา, อุตฺตรา, ทกฺขิณา สรชา วาตา วายนฺติ, ทกฺขิณา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ สีตกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา วิวริตพฺพา, รตฺติํ ถเกตพฺพาฯ สเจ อุณฺหกาโล โหติ, ทิวา ถเกตพฺพา, รตฺติํ วิวริตพฺพาฯ

    Sace puratthimā sarajā vātā vāyanti, puratthimā vātapānā thaketabbā. Sace pacchimā, uttarā, dakkhiṇā sarajā vātā vāyanti, dakkhiṇā vātapānā thaketabbā. Sace sītakālo hoti, divā vātapānā vivaritabbā, rattiṃ thaketabbā. Sace uṇhakālo hoti, divā thaketabbā, rattiṃ vivaritabbā.

    สเจ อุกฺลาปํ โหติ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพ, อุปฎฺฐานสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, อคฺคิสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐเปตพฺพํ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ

    Sace uklāpaṃ hoti, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, koṭṭhako sammajjitabbo, upaṭṭhānasālā sammajjitabbā, aggisālā sammajjitabbā, vaccakuṭi sammajjitabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhapetabbaṃ, ācamanakumbhiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ.

    สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, สทฺธิวิหาริเกน อญฺญตฺถ เนตโพฺพ, อโญฺญ วา ภิกฺขุ วตฺตโพฺพ ‘‘เถรํ คเหตฺวา อญฺญตฺถ คจฺฉา’’ติ, ธมฺมกถา วาสฺส กาตพฺพาฯ สเจ อุปชฺฌายสฺส กุกฺกุจฺจํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน วิโนเทตพฺพํ, อเญฺญน วา วิโนทาเปตพฺพํ ธมฺมกถา วาสฺส กาตพฺพาฯ สเจ อุปชฺฌายสฺส ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน วิสฺสเชฺชตพฺพํ, อโญฺญ วา วตฺตโพฺพ ‘‘เถรํ ทิฎฺฐิคตํ วิสฺสชฺชาเปหี’’ติ, ธมฺมกถา วาสฺส กาตพฺพาฯ สเจ อุปชฺฌาโย ครุธมฺมํ อชฺฌาปโนฺน โหติ ปริวาสารโห, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพํ, ปริวาสทานตฺถํ โส โส ภิกฺขุ อุปสงฺกมิตฺวา ยาจิตโพฺพฯ สเจ อตฺตนา ปฎิพโล โหติ, อตฺตนาว ทาตโพฺพฯ โน เจ ปฎิพโล โหติ, อเญฺญน ทาเปตโพฺพฯ สเจ อุปชฺฌาโย มูลายปฎิกสฺสนารโห โหติ มานตฺตารโห อพฺภานารโห วา, วุตฺตนเยเนว อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพํฯ สเจ สโงฺฆ อุปชฺฌายสฺส กมฺมํ กตฺตุกาโม โหติ ตชฺชนียํ วา นิยสฺสํ วา ปพฺพาชนียํ วา ปฎิสารณียํ วา อุเกฺขปนียํ วา, สทฺธิวิหาริเกน อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพํ ‘‘เกน นุ โข อุปาเยน สโงฺฆ อุปชฺฌายสฺส กมฺมํ น กเรยฺย, ลหุกาย วา ปริณาเมยฺยา’’ติฯ สทฺธิวิหาริเกน หิ ‘‘อุปชฺฌายสฺส อุเกฺขปนียกมฺมํ กตฺตุกาโม สโงฺฆ’’ติ ญตฺวา เอกเมกํ ภิกฺขุํ อุปสงฺกมิตฺวา ‘‘มา, ภเนฺต, อมฺหากํ อุปชฺฌายสฺส กมฺมํ กริตฺถา’’ติ ยาจิตพฺพาฯ สเจ กโรนฺติเยว, ‘‘ตชฺชนียํ วา นิยสฺสํ วา ลหุกกมฺมํ กโรถา’’ติ ยาจิตพฺพาฯ สเจ กโรนฺติเยว, อถ อุปชฺฌาโย ‘‘สมฺมา วตฺตถ, ภเนฺต’’ติ ยาจิตโพฺพฯ อิติ ตํ สมฺมา วตฺตาเปตฺวา ‘‘ปฎิปฺปสฺสเมฺภถ, ภเนฺต, กมฺม’’นฺติ ภิกฺขู ยาจิตพฺพาฯ

    Sace upajjhāyassa anabhirati uppannā hoti, saddhivihārikena aññattha netabbo, añño vā bhikkhu vattabbo ‘‘theraṃ gahetvā aññattha gacchā’’ti, dhammakathā vāssa kātabbā. Sace upajjhāyassa kukkuccaṃ uppannaṃ hoti, saddhivihārikena vinodetabbaṃ, aññena vā vinodāpetabbaṃ dhammakathā vāssa kātabbā. Sace upajjhāyassa diṭṭhigataṃ uppannaṃ hoti, saddhivihārikena vissajjetabbaṃ, añño vā vattabbo ‘‘theraṃ diṭṭhigataṃ vissajjāpehī’’ti, dhammakathā vāssa kātabbā. Sace upajjhāyo garudhammaṃ ajjhāpanno hoti parivāsāraho, saddhivihārikena ussukkaṃ kātabbaṃ, parivāsadānatthaṃ so so bhikkhu upasaṅkamitvā yācitabbo. Sace attanā paṭibalo hoti, attanāva dātabbo. No ce paṭibalo hoti, aññena dāpetabbo. Sace upajjhāyo mūlāyapaṭikassanāraho hoti mānattāraho abbhānāraho vā, vuttanayeneva ussukkaṃ kātabbaṃ. Sace saṅgho upajjhāyassa kammaṃ kattukāmo hoti tajjanīyaṃ vā niyassaṃ vā pabbājanīyaṃ vā paṭisāraṇīyaṃ vā ukkhepanīyaṃ vā, saddhivihārikena ussukkaṃ kātabbaṃ ‘‘kena nu kho upāyena saṅgho upajjhāyassa kammaṃ na kareyya, lahukāya vā pariṇāmeyyā’’ti. Saddhivihārikena hi ‘‘upajjhāyassa ukkhepanīyakammaṃ kattukāmo saṅgho’’ti ñatvā ekamekaṃ bhikkhuṃ upasaṅkamitvā ‘‘mā, bhante, amhākaṃ upajjhāyassa kammaṃ karitthā’’ti yācitabbā. Sace karontiyeva, ‘‘tajjanīyaṃ vā niyassaṃ vā lahukakammaṃ karothā’’ti yācitabbā. Sace karontiyeva, atha upajjhāyo ‘‘sammā vattatha, bhante’’ti yācitabbo. Iti taṃ sammā vattāpetvā ‘‘paṭippassambhetha, bhante, kamma’’nti bhikkhū yācitabbā.

    สเจ อุปชฺฌายสฺส จีวรํ โธวิตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน โธวิตพฺพํ, อุสฺสุกฺกํ วา กาตพฺพํ ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส จีวรํ โธวิเยถา’’ติฯ สเจ อุปชฺฌายสฺส จีวรํ กาตพฺพํ โหติ, รชนํ วา ปจิตพฺพํ, จีวรํ วา รเชตพฺพํ โหติ, สทฺธิวิหาริเกน สพฺพํ กาตพฺพํ, อุสฺสกฺกํ วา กาตพฺพํ ‘‘กินฺติ นุ โข อุปชฺฌายสฺส จีวรํ รชิเยถา’’ติฯ จีวรํ รชเนฺตน สาธุกํ สํปริวเตฺตตฺวา รเชตพฺพํ, น จ อจฺฉิเนฺน เถเว ปกฺกมิตพฺพํฯ

    Sace upajjhāyassa cīvaraṃ dhovitabbaṃ hoti, saddhivihārikena dhovitabbaṃ, ussukkaṃ vā kātabbaṃ ‘‘kinti nu kho upajjhāyassa cīvaraṃ dhoviyethā’’ti. Sace upajjhāyassa cīvaraṃ kātabbaṃ hoti, rajanaṃ vā pacitabbaṃ, cīvaraṃ vā rajetabbaṃ hoti, saddhivihārikena sabbaṃ kātabbaṃ, ussakkaṃ vā kātabbaṃ ‘‘kinti nu kho upajjhāyassa cīvaraṃ rajiyethā’’ti. Cīvaraṃ rajantena sādhukaṃ saṃparivattetvā rajetabbaṃ, na ca acchinne theve pakkamitabbaṃ.

    น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา เอกจฺจสฺส ปโตฺต ทาตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส ปโตฺต ปฎิคฺคเหตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส จีวรํ ทาตพฺพํ, น เอกจฺจสฺส จีวรํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, น เอกจฺจสฺส ปริกฺขาโร ทาตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส ปริกฺขาโร ปฎิคฺคเหตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส เกสา เฉเทตพฺพา, น เอกเจฺจน เกสา เฉทาเปตพฺพา , น เอกจฺจสฺส ปริกมฺมํ กาตพฺพํ, น เอกเจฺจน ปริกมฺมํ การาเปตพฺพํ, น เอกจฺจสฺส เวยฺยาวโจฺจ กาตโพฺพ, น เอกเจฺจน เวยฺยาวโจฺจ การาเปตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส ปจฺฉาสมเณน โหตพฺพํ, น เอกโจฺจ ปจฺฉาสมโณ อาทาตโพฺพ, น เอกจฺจสฺส ปิณฺฑปาโต นีหริตโพฺพ, น เอกเจฺจน ปิณฺฑปาโต นีหราเปตโพฺพ, น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา คาโม ปวิสิตโพฺพ, ปิณฺฑาย วา อเญฺญน วา กรณีเยน ปวิสิตุกาเมน อาปุจฺฉิตฺวาว ปวิสิตโพฺพฯ สเจ อุปชฺฌาโย กาลเสฺสว วุฎฺฐาย ทูรํ ภิกฺขาจารํ คนฺตุกาโม โหติ, ‘‘ทหรา ปิณฺฑาย ปวิสนฺตู’’ติ วตฺวา คนฺตพฺพํฯ อวตฺวา คเต ปริเวณํ คนฺตฺวา อุปชฺฌายํ อปสฺสเนฺตน คามํ ปวิสิตุํ วฎฺฎติฯ สเจ คามํ ปวิสโนฺตปิ ปสฺสติ, ทิฎฺฐฎฺฐานโต ปฎฺฐาย อาปุจฺฉิตุํเยว วฎฺฎติฯ น อุปชฺฌายํ อนาปุจฺฉา วาสตฺถาย วา อสุภทสฺสนตฺถาย วา สุสานํ คนฺตพฺพํ, น ทิสา ปกฺกมิตพฺพา, ปกฺกมิตุกาเมน ปน กมฺมํ อาจิกฺขิตฺวา ยาวตติยํ ยาจิตโพฺพฯ สเจ อนุชานาติ, สาธุ, โน เจ อนุชานาติ, ตํ นิสฺสาย วสโต จสฺส อุเทฺทโส วา ปริปุจฺฉา วา กมฺมฎฺฐานํ วา น สมฺปชฺชติ, อุปชฺฌาโย พาโล โหติ อพฺยโตฺต, เกวลํ อตฺตโน สนฺติเก วสาเปตุกามตาย เอว คนฺตุํ น เทติ, เอวรูเป นิวาเรเนฺตปิ คนฺตุํ วฎฺฎติฯ สเจ อุปชฺฌาโย คิลาโน โหติ, ยาวชีวํ อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, วุฎฺฐานมสฺส อาคเมตพฺพํ, น กตฺถจิ คนฺตพฺพํฯ สเจ อโญฺญ ภิกฺขุ อุปฎฺฐาโก อตฺถิ, เภสชฺชํ ปริเยสิตฺวา ตสฺส หเตฺถ ทตฺวา ‘‘ภเนฺต, อยํ อุปฎฺฐหิสฺสตี’’ติ วตฺวา คนฺตพฺพํฯ อิทํ ตาว อุปชฺฌายวตฺตํฯ

    Na upajjhāyaṃ anāpucchā ekaccassa patto dātabbo, na ekaccassa patto paṭiggahetabbo, na ekaccassa cīvaraṃ dātabbaṃ, na ekaccassa cīvaraṃ paṭiggahetabbaṃ, na ekaccassa parikkhāro dātabbo, na ekaccassa parikkhāro paṭiggahetabbo, na ekaccassa kesā chedetabbā, na ekaccena kesā chedāpetabbā , na ekaccassa parikammaṃ kātabbaṃ, na ekaccena parikammaṃ kārāpetabbaṃ, na ekaccassa veyyāvacco kātabbo, na ekaccena veyyāvacco kārāpetabbo, na ekaccassa pacchāsamaṇena hotabbaṃ, na ekacco pacchāsamaṇo ādātabbo, na ekaccassa piṇḍapāto nīharitabbo, na ekaccena piṇḍapāto nīharāpetabbo, na upajjhāyaṃ anāpucchā gāmo pavisitabbo, piṇḍāya vā aññena vā karaṇīyena pavisitukāmena āpucchitvāva pavisitabbo. Sace upajjhāyo kālasseva vuṭṭhāya dūraṃ bhikkhācāraṃ gantukāmo hoti, ‘‘daharā piṇḍāya pavisantū’’ti vatvā gantabbaṃ. Avatvā gate pariveṇaṃ gantvā upajjhāyaṃ apassantena gāmaṃ pavisituṃ vaṭṭati. Sace gāmaṃ pavisantopi passati, diṭṭhaṭṭhānato paṭṭhāya āpucchituṃyeva vaṭṭati. Na upajjhāyaṃ anāpucchā vāsatthāya vā asubhadassanatthāya vā susānaṃ gantabbaṃ, na disā pakkamitabbā, pakkamitukāmena pana kammaṃ ācikkhitvā yāvatatiyaṃ yācitabbo. Sace anujānāti, sādhu, no ce anujānāti, taṃ nissāya vasato cassa uddeso vā paripucchā vā kammaṭṭhānaṃ vā na sampajjati, upajjhāyo bālo hoti abyatto, kevalaṃ attano santike vasāpetukāmatāya eva gantuṃ na deti, evarūpe nivārentepi gantuṃ vaṭṭati. Sace upajjhāyo gilāno hoti, yāvajīvaṃ upaṭṭhāpetabbo, vuṭṭhānamassa āgametabbaṃ, na katthaci gantabbaṃ. Sace añño bhikkhu upaṭṭhāko atthi, bhesajjaṃ pariyesitvā tassa hatthe datvā ‘‘bhante, ayaṃ upaṭṭhahissatī’’ti vatvā gantabbaṃ. Idaṃ tāva upajjhāyavattaṃ.

    ๑๘๔. อิทเมว จ อเนฺตวาสิเกน อาจริยสฺส กตฺตพฺพตฺตา อาจริยวตฺตนฺติ วุจฺจติฯ นามมตฺตเมว เหตฺถ นานํฯ ตตฺถ ยาว จีวรรชนํ, ตาว วเตฺต อกริยมาเน อุปชฺฌายสฺส อาจริยสฺส จ ปริหานิ โหติ, ตสฺมา ตํ อกโรนฺตสฺส นิสฺสยมุตฺตกสฺสปิ อมุตฺตกสฺสปิ อาปตฺติเยว, เอกจฺจสฺส ปตฺตทานโต ปฎฺฐาย อมุตฺตนิสฺสยเสฺสว อาปตฺติฯ อุปชฺฌาเย อาจริเย วา วตฺตํ สาทิยเนฺต สทฺธิวิหาริกา อเนฺตวาสิกา จ พหุกาปิ โหนฺตุ, สเพฺพสํ อาปตฺติฯ สเจ อุปชฺฌาโย อาจริโย วา ‘‘มยฺหํ อุปฎฺฐาโก อตฺถิ, ตุเมฺห อตฺตโน สชฺฌายมนสิการาทีสุ โยคํ กโรถา’’ติ วทติ, สทฺธิวิหาริกาทีนํ อนาปตฺติฯ อุปชฺฌาโย วา อาจริโย วา สเจ สาทิยนํ วา อสาทิยนํ วา น ชานาติ, พาโล โหติ, สทฺธิวิหาริกาทโย พหู, เตสุ เอโก วตฺตสมฺปโนฺน ภิกฺขุ ‘‘อุปชฺฌายสฺส วา อาจริยสฺส วา กิจฺจํ อหํ กริสฺสามิ, ตุเมฺห อโปฺปสฺสุกฺกา วิหรถา’’ติ เอวเญฺจ อตฺตโน ภารํ กตฺวา อิตเร วิสฺสเชฺชติ, ตสฺส ภารกรณโต ปฎฺฐาย เตสํ อนาปตฺติฯ เอตฺถ อเนฺตวาสิเกสุ ปน นิสฺสยเนฺตวาสิเกน ยาว อาจริยํ นิสฺสาย วสติ, ตาว สพฺพํ อาจริยวตฺตํ กาตพฺพํฯ ปพฺพชฺชอุปสมฺปทธมฺมเนฺตวาสิเกหิ ปน นิสฺสยมุตฺตเกหิปิ อาทิโต ปฎฺฐาย ยาว จีวรรชนํ, ตาว วตฺตํ กาตพฺพํฯ อนาปุจฺฉิตฺวา ปตฺตทานาทิมฺหิ ปน เอเตสํ อนาปตฺติฯ

    184. Idameva ca antevāsikena ācariyassa kattabbattā ācariyavattanti vuccati. Nāmamattameva hettha nānaṃ. Tattha yāva cīvararajanaṃ, tāva vatte akariyamāne upajjhāyassa ācariyassa ca parihāni hoti, tasmā taṃ akarontassa nissayamuttakassapi amuttakassapi āpattiyeva, ekaccassa pattadānato paṭṭhāya amuttanissayasseva āpatti. Upajjhāye ācariye vā vattaṃ sādiyante saddhivihārikā antevāsikā ca bahukāpi hontu, sabbesaṃ āpatti. Sace upajjhāyo ācariyo vā ‘‘mayhaṃ upaṭṭhāko atthi, tumhe attano sajjhāyamanasikārādīsu yogaṃ karothā’’ti vadati, saddhivihārikādīnaṃ anāpatti. Upajjhāyo vā ācariyo vā sace sādiyanaṃ vā asādiyanaṃ vā na jānāti, bālo hoti, saddhivihārikādayo bahū, tesu eko vattasampanno bhikkhu ‘‘upajjhāyassa vā ācariyassa vā kiccaṃ ahaṃ karissāmi, tumhe appossukkā viharathā’’ti evañce attano bhāraṃ katvā itare vissajjeti, tassa bhārakaraṇato paṭṭhāya tesaṃ anāpatti. Ettha antevāsikesu pana nissayantevāsikena yāva ācariyaṃ nissāya vasati, tāva sabbaṃ ācariyavattaṃ kātabbaṃ. Pabbajjaupasampadadhammantevāsikehi pana nissayamuttakehipi ādito paṭṭhāya yāva cīvararajanaṃ, tāva vattaṃ kātabbaṃ. Anāpucchitvā pattadānādimhi pana etesaṃ anāpatti.

    เอเตสุ ปพฺพชฺชเนฺตวาสิโก จ อุปสมฺปทเนฺตวาสิโก จ อาจริยสฺส ยาวชีวํ ภาราฯ นิสฺสยเนฺตวาสิโก จ ธมฺมเนฺตวาสิโก จ ยาว สมีเป วสนฺติ, ตาว อาจริยุปชฺฌาเยหิปิ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกา สงฺคเหตพฺพา อนุคฺคเหตพฺพา อุเทฺทเสน ปริปุจฺฉาย โอวาเทน อนุสาสนิยาฯ สเจ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกานํ ปโตฺต วา จีวรํ วา อโญฺญ วา โกจิ ปริกฺขาโร นตฺถิ, อตฺตโน อติเรกปตฺตจีวรํ อติเรกปริกฺขาโร วา อตฺถิ, ทาตพฺพํฯ โน เจ, ธมฺมิเยน นเยน ปริเยสนตฺถาย อุสฺสุกฺกํ กาตพฺพํฯ สเจ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริกา คิลานา โหนฺติ, อุปชฺฌายวเตฺต วุตฺตนเยน ทนฺตกฎฺฐทานํ อาทิํ กตฺวา อาจมนกุมฺภิยา อุทกสิญฺจนปริโยสานํ สพฺพํ วตฺตํ กาตพฺพเมว, อกโรนฺตานํ อาปตฺติฯ ตสฺมา อาจริยุปชฺฌาเยหิปิ อเนฺตวาสิกสทฺธิวิหาริเกสุ สมฺมา วตฺติตพฺพํฯ อาจริยุปชฺฌายาทีสุ หิ โย โย น สมฺมา วตฺตติ, ตสฺส ตสฺส อาปตฺติฯ อุปชฺฌายาทิวตฺตกถาฯ

    Etesu pabbajjantevāsiko ca upasampadantevāsiko ca ācariyassa yāvajīvaṃ bhārā. Nissayantevāsiko ca dhammantevāsiko ca yāva samīpe vasanti, tāva ācariyupajjhāyehipi antevāsikasaddhivihārikā saṅgahetabbā anuggahetabbā uddesena paripucchāya ovādena anusāsaniyā. Sace antevāsikasaddhivihārikānaṃ patto vā cīvaraṃ vā añño vā koci parikkhāro natthi, attano atirekapattacīvaraṃ atirekaparikkhāro vā atthi, dātabbaṃ. No ce, dhammiyena nayena pariyesanatthāya ussukkaṃ kātabbaṃ. Sace antevāsikasaddhivihārikā gilānā honti, upajjhāyavatte vuttanayena dantakaṭṭhadānaṃ ādiṃ katvā ācamanakumbhiyā udakasiñcanapariyosānaṃ sabbaṃ vattaṃ kātabbameva, akarontānaṃ āpatti. Tasmā ācariyupajjhāyehipi antevāsikasaddhivihārikesu sammā vattitabbaṃ. Ācariyupajjhāyādīsu hi yo yo na sammā vattati, tassa tassa āpatti. Upajjhāyādivattakathā.

    ๑๘๕. อิทานิ อาคนฺตุกวตฺตาทีนิ เวทิตพฺพานิฯ อาคนฺตุเกน ภิกฺขุนา อุปจารสีมาสมีปํ คนฺตฺวา อุปาหนา โอมุญฺจิตฺวา นีจํ กตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อุปาหนทณฺฑเกน คเหตฺวา ฉตฺตํ อุปนาเมตฺวา สีสํ วิวริตฺวา สีเส จีวรํ ขเนฺธ กริตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน อาราโม ปวิสิตโพฺพ, อารามํ ปวิสเนฺตน สลฺลเกฺขตพฺพํ ‘‘กตฺถ อาวาสิกา ภิกฺขู สนฺนิปตนฺตี’’ติฯ ยตฺถ อาวาสิกา ภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ อุปฎฺฐานสาลาย วา มณฺฑเป วา รุกฺขมูเล วา, ตตฺถ คนฺตฺวา เอกมนฺตํ ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพ, เอกมนฺตํ จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ปติรูปํ อาสนํ คเหตฺวา นิสีทิตพฺพํ, ปานียํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปริโภชนียํ ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘กตมํ ปานียํ, กตมํ ปริโภชนีย’’นฺติฯ สเจ ปานีเยน อโตฺถ โหติ, ปานียํ คเหตฺวา ปาตพฺพํฯ สเจ ปริโภชนีเยน อโตฺถ โหติ, ปริโภชนียํ คเหตฺวา ปาทา โธวิตพฺพาฯ ปาเท โธวเนฺตน เอเกน หเตฺถน อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ, เอเกน หเตฺถน ปาทา โธวิตพฺพา, น เตเนว หเตฺถน อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ, น เตเนว หเตฺถน ปาทา โธวิตพฺพา, อุปาหนปุญฺฉนโจฬกํ ปุญฺฉิตฺวา อุปาหนา ปุญฺฉิตพฺพา, อุปาหนา ปุญฺฉเนฺตน ปฐมํ สุเกฺขน โจฬเกน ปุญฺฉิตพฺพา, ปจฺฉา อเลฺลน, อุปาหนปุญฺฉนโจฬกํ โธวิตฺวา เอกมนฺตํ ปตฺถริตพฺพํฯ

    185. Idāni āgantukavattādīni veditabbāni. Āgantukena bhikkhunā upacārasīmāsamīpaṃ gantvā upāhanā omuñcitvā nīcaṃ katvā papphoṭetvā upāhanadaṇḍakena gahetvā chattaṃ upanāmetvā sīsaṃ vivaritvā sīse cīvaraṃ khandhe karitvā sādhukaṃ ataramānena ārāmo pavisitabbo, ārāmaṃ pavisantena sallakkhetabbaṃ ‘‘kattha āvāsikā bhikkhū sannipatantī’’ti. Yattha āvāsikā bhikkhū sannipatanti upaṭṭhānasālāya vā maṇḍape vā rukkhamūle vā, tattha gantvā ekamantaṃ patto nikkhipitabbo, ekamantaṃ cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ, patirūpaṃ āsanaṃ gahetvā nisīditabbaṃ, pānīyaṃ pucchitabbaṃ, paribhojanīyaṃ pucchitabbaṃ ‘‘katamaṃ pānīyaṃ, katamaṃ paribhojanīya’’nti. Sace pānīyena attho hoti, pānīyaṃ gahetvā pātabbaṃ. Sace paribhojanīyena attho hoti, paribhojanīyaṃ gahetvā pādā dhovitabbā. Pāde dhovantena ekena hatthena udakaṃ āsiñcitabbaṃ, ekena hatthena pādā dhovitabbā, na teneva hatthena udakaṃ āsiñcitabbaṃ, na teneva hatthena pādā dhovitabbā, upāhanapuñchanacoḷakaṃ puñchitvā upāhanā puñchitabbā, upāhanā puñchantena paṭhamaṃ sukkhena coḷakena puñchitabbā, pacchā allena, upāhanapuñchanacoḷakaṃ dhovitvā ekamantaṃ pattharitabbaṃ.

    สเจ อาวาสิโก ภิกฺขุ วุโฑฺฒ โหติ, อภิวาเทตโพฺพฯ สเจ นวโก โหติ, อภิวาทาเปตโพฺพฯ เสนาสนํ ปุจฺฉิตพฺพํ ‘‘กตมํ เม เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติ, อชฺฌาวุฎฺฐํ วา อนชฺฌาวุฎฺฐํ วา ปุจฺฉิตพฺพํ, ‘‘โคจรคาโม อาสเนฺน, อุทาหุ ทูเร, กาลเสฺสว ปิณฺฑาย จริตพฺพํ, อุทาหุ ทิวา’’ติ เอวํ ภิกฺขาจาโร ปุจฺฉิตโพฺพ, อโคจโร ปุจฺฉิตโพฺพ, โคจโร ปุจฺฉิตโพฺพฯ อโคจโร นาม มิจฺฉาทิฎฺฐิกานํ คาโม ปริจฺฉินฺนภิโกฺข วา คาโม, ยตฺถ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา ภิกฺขา ทียติ, เสกฺขสมฺมหานิ กุลานิ ปุจฺฉิตพฺพานิ, วจฺจฎฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ปสฺสาวฎฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ, ‘‘กิํ อิมิสฺสา โปกฺขรณิยา ปานียํเยว ปิวนฺติ, นหานาทิปริโภคมฺปิ กโรนฺตี’’ติ เอวํ ปานียเญฺจว ปริโภชนียญฺจ ปุจฺฉิตพฺพํ, กตฺตรทโณฺฑ ปุจฺฉิตโพฺพ, สงฺฆสฺส กติกสณฺฐานํ ปุจฺฉิตพฺพํ, เกสุจิ ฐาเนสุ วาฬมิคา วา อมนุสฺสา วา โหนฺติ, ตสฺมา ‘‘กํ กาลํ ปวิสิตพฺพํ, กํ กาลํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติ ปุจฺฉิตพฺพํฯ สเจ วิหาโร อนชฺฌาวุโฎฺฐ โหติ, กวาฎํ อาโกเฎตฺวา มุหุตฺตํ อาคเมตฺวา ฆฎิกํ อุคฺฆาเฎตฺวา กวาฎํ ปณาเมตฺวา พหิ ฐิเตน นิโลฺลเกตโพฺพฯ

    Sace āvāsiko bhikkhu vuḍḍho hoti, abhivādetabbo. Sace navako hoti, abhivādāpetabbo. Senāsanaṃ pucchitabbaṃ ‘‘katamaṃ me senāsanaṃ pāpuṇātī’’ti, ajjhāvuṭṭhaṃ vā anajjhāvuṭṭhaṃ vā pucchitabbaṃ, ‘‘gocaragāmo āsanne, udāhu dūre, kālasseva piṇḍāya caritabbaṃ, udāhu divā’’ti evaṃ bhikkhācāro pucchitabbo, agocaro pucchitabbo, gocaro pucchitabbo. Agocaro nāma micchādiṭṭhikānaṃ gāmo paricchinnabhikkho vā gāmo, yattha ekassa vā dvinnaṃ vā bhikkhā dīyati, sekkhasammahāni kulāni pucchitabbāni, vaccaṭṭhānaṃ pucchitabbaṃ, passāvaṭṭhānaṃ pucchitabbaṃ, ‘‘kiṃ imissā pokkharaṇiyā pānīyaṃyeva pivanti, nahānādiparibhogampi karontī’’ti evaṃ pānīyañceva paribhojanīyañca pucchitabbaṃ, kattaradaṇḍo pucchitabbo, saṅghassa katikasaṇṭhānaṃ pucchitabbaṃ, kesuci ṭhānesu vāḷamigā vā amanussā vā honti, tasmā ‘‘kaṃ kālaṃ pavisitabbaṃ, kaṃ kālaṃ nikkhamitabba’’nti pucchitabbaṃ. Sace vihāro anajjhāvuṭṭho hoti, kavāṭaṃ ākoṭetvā muhuttaṃ āgametvā ghaṭikaṃ ugghāṭetvā kavāṭaṃ paṇāmetvā bahi ṭhitena nilloketabbo.

    สเจ โส วิหาโร อุกฺลาโป โหติ, มเญฺจ วา มโญฺจ อาโรปิโต โหติ, ปีเฐ วา ปีฐํ อาโรปิตํ โหติ, เสนาสนํ อุปริ ปุญฺชีกตํ โหติ, สเจ สโกฺกติ, สโพฺพ วิหาโร โสเธตโพฺพ, อสโกฺกเนฺตน อตฺตโน วสโนกาโส ชคฺคิตโพฺพฯ สพฺพํ โสเธตุํ สโกฺกเนฺตน ปน อุปชฺฌายวเตฺต วุตฺตนเยน ภูมตฺถรณมญฺจปีฐาทีนิ พหิ นีหริตฺวา วิหารํ โสเธตฺวา ปุน อติหริตฺวา ยถาฐาเน ปญฺญเปตพฺพานิฯ

    Sace so vihāro uklāpo hoti, mañce vā mañco āropito hoti, pīṭhe vā pīṭhaṃ āropitaṃ hoti, senāsanaṃ upari puñjīkataṃ hoti, sace sakkoti, sabbo vihāro sodhetabbo, asakkontena attano vasanokāso jaggitabbo. Sabbaṃ sodhetuṃ sakkontena pana upajjhāyavatte vuttanayena bhūmattharaṇamañcapīṭhādīni bahi nīharitvā vihāraṃ sodhetvā puna atiharitvā yathāṭhāne paññapetabbāni.

    สเจ ปุรตฺถิมา สรชา วาตา วายนฺติ, ปุรตฺถิมา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ ปจฺฉิมา, อุตฺตรา, ทกฺขิณา สรชา วาตา วายนฺติ, ทกฺขิณา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ สีตกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา วิวริตพฺพา, รตฺติํ ถเกตพฺพาฯ สเจ อุณฺหกาโล โหติ, ทิวา ถเกตพฺพา, รตฺติํ วิวริตพฺพาฯ

    Sace puratthimā sarajā vātā vāyanti, puratthimā vātapānā thaketabbā. Sace pacchimā, uttarā, dakkhiṇā sarajā vātā vāyanti, dakkhiṇā vātapānā thaketabbā. Sace sītakālo hoti, divā vātapānā vivaritabbā, rattiṃ thaketabbā. Sace uṇhakālo hoti, divā thaketabbā, rattiṃ vivaritabbā.

    สเจ อุกฺลาปํ โหติ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพ, อุปฎฺฐานสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา , อคฺคิสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ อิทํ อาคนฺตุกวตฺตํฯ

    Sace uklāpaṃ hoti, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, koṭṭhako sammajjitabbo, upaṭṭhānasālā sammajjitabbā , aggisālā sammajjitabbā, vaccakuṭi sammajjitabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ, ācamanakumbhiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ. Idaṃ āgantukavattaṃ.

    ๑๘๖. อาวาสิกวเตฺต อาวาสิเกน ภิกฺขุนา อาคนฺตุกํ ภิกฺขุํ วุฑฺฒตรํ ทิสฺวา อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพํ, ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ปตฺตจีวรํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ปานีเยน ปุจฺฉิตโพฺพ, ปุจฺฉเนฺตน ปน สกิํ อานีตํ ปานียํ สพฺพํ ปิวติ, ‘‘ปุน อาเนมี’’ติ ปุจฺฉิตโพฺพเยวฯ พีชเนนปิ พีชิตโพฺพ, พีชเนฺตน สกิํ ปาทปิฎฺฐิยํ พีชิตฺวา สกิํ มเชฺฌ, สกิํ สีเส พีชิตโพฺพ, ‘‘อลํ โหตู’’ติ วุเตฺตน มนฺทตรํ พีชิตพฺพํ, ปุน ‘‘อล’’นฺติ วุเตฺตน ตโต มนฺทตรํ พีชิตพฺพํ, ตติยวารํ วุเตฺตน พีชนี ฐเปตพฺพา, ปาทาปิสฺส โธวิตพฺพาฯ สเจ อตฺตโน เตลํ อตฺถิ, เตเลน มเกฺขตพฺพาฯ โน เจ อตฺถิ, ตสฺส สนฺตเกน มเกฺขตพฺพาฯ สเจ อุสฺสหติ, อุปาหนา ปุญฺฉิตพฺพาฯ อุปาหนา ปุญฺฉเนฺตน ปฐมํ สุเกฺขน โจเฬน ปุญฺฉิตพฺพา, ปจฺฉา อเลฺลน, อุปาหนปุญฺฉนโจฬกํ โธวิตฺวา เอกมนฺตํ วิสฺสเชฺชตพฺพํฯ

    186.Āvāsikavatte āvāsikena bhikkhunā āgantukaṃ bhikkhuṃ vuḍḍhataraṃ disvā āsanaṃ paññapetabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipitabbaṃ, paccuggantvā pattacīvaraṃ paṭiggahetabbaṃ, pānīyena pucchitabbo, pucchantena pana sakiṃ ānītaṃ pānīyaṃ sabbaṃ pivati, ‘‘puna ānemī’’ti pucchitabboyeva. Bījanenapi bījitabbo, bījantena sakiṃ pādapiṭṭhiyaṃ bījitvā sakiṃ majjhe, sakiṃ sīse bījitabbo, ‘‘alaṃ hotū’’ti vuttena mandataraṃ bījitabbaṃ, puna ‘‘ala’’nti vuttena tato mandataraṃ bījitabbaṃ, tatiyavāraṃ vuttena bījanī ṭhapetabbā, pādāpissa dhovitabbā. Sace attano telaṃ atthi, telena makkhetabbā. No ce atthi, tassa santakena makkhetabbā. Sace ussahati, upāhanā puñchitabbā. Upāhanā puñchantena paṭhamaṃ sukkhena coḷena puñchitabbā, pacchā allena, upāhanapuñchanacoḷakaṃ dhovitvā ekamantaṃ vissajjetabbaṃ.

    อาคนฺตุโก ภิกฺขุ อภิวาเทตโพฺพ, เสนาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ ‘‘เอตํ เสนาสนํ ปาปุณาตี’’ติฯ อชฺฌาวุฎฺฐํ วา อนชฺฌาวุฎฺฐํ วา อาจิกฺขิตพฺพํ, โคจโร อาจิกฺขิตโพฺพ, อโคจโร อาจิกฺขิตโพฺพ, เสกฺขสมฺมตานิ กุลานิ อาจิกฺขิตพฺพานิ, วจฺจฎฺฐานํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ปสฺสาวฎฺฐานํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ปานียํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ปริโภชนียํ อาจิกฺขิตพฺพํ, กตฺตรทโณฺฑ อาจิกฺขิตโพฺพ, สงฺฆสฺส กติกสณฺฐานํ อาจิกฺขิตพฺพํ ‘‘อิมํ กาลํ ปวิสิตพฺพํ, อิมํ กาลํ นิกฺขมิตพฺพ’’นฺติฯ

    Āgantuko bhikkhu abhivādetabbo, senāsanaṃ paññapetabbaṃ ‘‘etaṃ senāsanaṃ pāpuṇātī’’ti. Ajjhāvuṭṭhaṃ vā anajjhāvuṭṭhaṃ vā ācikkhitabbaṃ, gocaro ācikkhitabbo, agocaro ācikkhitabbo, sekkhasammatāni kulāni ācikkhitabbāni, vaccaṭṭhānaṃ ācikkhitabbaṃ, passāvaṭṭhānaṃ ācikkhitabbaṃ, pānīyaṃ ācikkhitabbaṃ, paribhojanīyaṃ ācikkhitabbaṃ, kattaradaṇḍo ācikkhitabbo, saṅghassa katikasaṇṭhānaṃ ācikkhitabbaṃ ‘‘imaṃ kālaṃ pavisitabbaṃ, imaṃ kālaṃ nikkhamitabba’’nti.

    สเจ อาคนฺตุโก นวโก โหติ, นิสินฺนเกเนว อาจิกฺขิตพฺพํ ‘‘อตฺร ปตฺตํ นิกฺขิปาหิ, อตฺร จีวรํ นิกฺขิปาหิ, อิทํ อาสนํ, นิสีทาหี’’ติฯ ปานียํ อาจิกฺขิตพฺพํ, ปริโภชนียํ อาจิกฺขิตพฺพํ, อุปาหนปุญฺฉนโจฬกํ อาจิกฺขิตพฺพํ, อาคนฺตุโก ภิกฺขุ อภิวาทาเปตโพฺพ, เสนาสนาทีนิปิ นิสิเนฺนเนว อาจิกฺขิตพฺพานิฯ วุฑฺฒตเร ปน อาคเต อาสนํ ปญฺญเปตพฺพนฺติ เอวมาทิ สพฺพํ จีวรกมฺมํ วา นวกมฺมํ วา ฐเปตฺวาปิ กาตพฺพํฯ เจติยงฺคณํ สมฺมชฺชเนฺตน สมฺมุญฺชนิํ นิกฺขิปิตฺวา ตสฺส วตฺตํ กาตุํ อารภิตพฺพํฯ ปณฺฑิโต หิ อาคนฺตุโก ‘‘สมฺมชฺชาหิ ตาว เจติยงฺคณ’’นฺติ วกฺขติฯ คิลานสฺส เภสชฺชํ กโรเนฺตน ปน สเจ นาติอาตุโร คิลาโน โหติ, เภสชฺชํ อกตฺวา วตฺตเมว กาตพฺพํ, มหาคิลานสฺส ปน เภสชฺชเมว กาตพฺพํฯ ปณฺฑิโต หิ อาคนฺตุโก ‘‘กโรหิ ตาว เภสชฺช’’นฺติ วกฺขติฯ อิทํ อาวาสิกวตฺตํฯ

    Sace āgantuko navako hoti, nisinnakeneva ācikkhitabbaṃ ‘‘atra pattaṃ nikkhipāhi, atra cīvaraṃ nikkhipāhi, idaṃ āsanaṃ, nisīdāhī’’ti. Pānīyaṃ ācikkhitabbaṃ, paribhojanīyaṃ ācikkhitabbaṃ, upāhanapuñchanacoḷakaṃ ācikkhitabbaṃ, āgantuko bhikkhu abhivādāpetabbo, senāsanādīnipi nisinneneva ācikkhitabbāni. Vuḍḍhatare pana āgate āsanaṃ paññapetabbanti evamādi sabbaṃ cīvarakammaṃ vā navakammaṃ vā ṭhapetvāpi kātabbaṃ. Cetiyaṅgaṇaṃ sammajjantena sammuñjaniṃ nikkhipitvā tassa vattaṃ kātuṃ ārabhitabbaṃ. Paṇḍito hi āgantuko ‘‘sammajjāhi tāva cetiyaṅgaṇa’’nti vakkhati. Gilānassa bhesajjaṃ karontena pana sace nātiāturo gilāno hoti, bhesajjaṃ akatvā vattameva kātabbaṃ, mahāgilānassa pana bhesajjameva kātabbaṃ. Paṇḍito hi āgantuko ‘‘karohi tāva bhesajja’’nti vakkhati. Idaṃ āvāsikavattaṃ.

    ๑๘๗. คมิกวเตฺต คมิเกน ภิกฺขุนา มญฺจปีฐาทิทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑมฺปิ รชนภาชนาทิ สพฺพํ อคฺคิสาลายํ วา อญฺญสฺมิํ วา คุตฺตฎฺฐาเน ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา เสนาสนํ อาปุจฺฉิตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ สเจ ภิกฺขุ น โหติ, สามเณโร อาปุจฺฉิตโพฺพฯ สเจ สามเณโร น โหติ, อารามิโก อาปุจฺฉิตโพฺพฯ สเจ น โหติ ภิกฺขุ วา สามเณโร วา อารามิโก วา, จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ปญฺญเปตฺวา มเญฺจ มญฺจํ อาโรเปตฺวา ปีเฐ ปีฐํ อาโรเปตฺวา เสนาสนํ อุปริ ปุญฺชํ กริตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ สเจ วิหาโร โอวสฺสติ, สเจ อุสฺสหติ, สโพฺพ ฉาเทตโพฺพ, อุสฺสุกฺกํ วา กาตพฺพํ ‘‘กินฺติ นุ โข วิหาโร ฉาทิเยถา’’ติ, เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, โย เทโส อโนวสฺสโก โหติ, ตตฺถ จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ปญฺญเปตฺวา มเญฺจ มญฺจํ อาโรเปตฺวา ปีเฐ ปีฐํ อาโรเปตฺวา เสนาสนํ อุปริ ปุญฺชํ กริตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ สเจ วิหาโร โอวสฺสติ, สเจ อุสฺสหติ, เสนาสนํ คามํ อติหริตพฺพํ, อุสฺสุกฺกํ วา กาตพฺพํ ‘‘กินฺติ นุ โข เสนาสนํ คามํ อติหริเยถา’’ติ, เอวเญฺจตํ ลเภถ, อิเจฺจตํ กุสลํฯ โน เจ ลเภถ, อโชฺฌกาเส จตูสุ ปาสาเณสุ มญฺจํ ปญฺญเปตฺวา มเญฺจ มญฺจํ อาโรเปตฺวา ปีเฐ ปีฐํ อาโรเปตฺวา เสนาสนํ อุปริ ปุญฺชํ กริตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ติเณน วา ปเณฺณน วา ปฎิจฺฉาเทตฺวา ปกฺกมิตพฺพํ ‘‘อเปฺปว นาม องฺคานิปิ เสเสยฺยุ’’นฺติฯ อิทํ คมิกวตฺตํฯ

    187.Gamikavatte gamikena bhikkhunā mañcapīṭhādidārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍampi rajanabhājanādi sabbaṃ aggisālāyaṃ vā aññasmiṃ vā guttaṭṭhāne paṭisāmetvā dvāravātapānaṃ thaketvā senāsanaṃ āpucchitvā pakkamitabbaṃ. Sace bhikkhu na hoti, sāmaṇero āpucchitabbo. Sace sāmaṇero na hoti, ārāmiko āpucchitabbo. Sace na hoti bhikkhu vā sāmaṇero vā ārāmiko vā, catūsu pāsāṇesu mañcaṃ paññapetvā mañce mañcaṃ āropetvā pīṭhe pīṭhaṃ āropetvā senāsanaṃ upari puñjaṃ karitvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dvāravātapānaṃ thaketvā pakkamitabbaṃ. Sace vihāro ovassati, sace ussahati, sabbo chādetabbo, ussukkaṃ vā kātabbaṃ ‘‘kinti nu kho vihāro chādiyethā’’ti, evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, yo deso anovassako hoti, tattha catūsu pāsāṇesu mañcaṃ paññapetvā mañce mañcaṃ āropetvā pīṭhe pīṭhaṃ āropetvā senāsanaṃ upari puñjaṃ karitvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dvāravātapānaṃ thaketvā pakkamitabbaṃ. Sace vihāro ovassati, sace ussahati, senāsanaṃ gāmaṃ atiharitabbaṃ, ussukkaṃ vā kātabbaṃ ‘‘kinti nu kho senāsanaṃ gāmaṃ atihariyethā’’ti, evañcetaṃ labhetha, iccetaṃ kusalaṃ. No ce labhetha, ajjhokāse catūsu pāsāṇesu mañcaṃ paññapetvā mañce mañcaṃ āropetvā pīṭhe pīṭhaṃ āropetvā senāsanaṃ upari puñjaṃ karitvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā tiṇena vā paṇṇena vā paṭicchādetvā pakkamitabbaṃ ‘‘appeva nāma aṅgānipi seseyyu’’nti. Idaṃ gamikavattaṃ.

    ๑๘๘. ภตฺตคฺควเตฺต สเจ อาราเม กาโล อาโรจิโต โหติ, ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน คาโม ปวิสิตโพฺพฯ

    188.Bhattaggavatte sace ārāme kālo ārocito hoti, timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā sādhukaṃ ataramānena gāmo pavisitabbo.

    น โอกฺกมฺม เถรานํ ภิกฺขูนํ ปุรโต คนฺตพฺพํฯ สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน, สุสํวุเตน, โอกฺขิตฺตจกฺขุนา, อปฺปสเทฺทน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํ, น อุกฺขิตฺตกาย, น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํ, น กายปฺปจาลกํ, น พาหุปฺปจาลกํ, น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํ, น ขมฺภกเตน, น โอคุณฺฐิเตน, น อุกฺกุฎิกาย อนฺตรฆเร คนฺตพฺพํฯ

    Na okkamma therānaṃ bhikkhūnaṃ purato gantabbaṃ. Suppaṭicchannena, susaṃvutena, okkhittacakkhunā, appasaddena antaraghare gantabbaṃ, na ukkhittakāya, na ujjagghikāya antaraghare gantabbaṃ, na kāyappacālakaṃ, na bāhuppacālakaṃ, na sīsappacālakaṃ antaraghare gantabbaṃ, na khambhakatena, na oguṇṭhitena, na ukkuṭikāya antaraghare gantabbaṃ.

    สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน , สุสํวุเตน, โอกฺขิตฺตจกฺขุนา, อปฺปสเทฺทน อนฺตรฆเร นิสีทิตพฺพํ, น อุกฺขิตฺตกาย, น อุชฺชคฺฆิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิตพฺพํ, น กายปฺปจาลกํ, น พาหุปฺปจาลกํ, น สีสปฺปจาลกํ อนฺตรฆเร นิสีทิตพฺพํ, น ขมฺภกเตน, น โอคุณฺฐิเตน, น ปลฺลตฺถิกาย อนฺตรฆเร นิสีทิตพฺพํ, น เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺช นิสีทิตพฺพํฯ สเจ มหาเถรสฺส นิสินฺนาสเนน สมกํ อาสนํ โหติ, พหูสุ อาสเนสุ สติ เอกํ เทฺว อาสนานิ ฐเปตฺวา นิสีทิตพฺพํฯ ภิกฺขู คเณตฺวา ปญฺญตฺตาสเนสุ อนิสีทิตฺวา มหาเถเรน ‘‘นิสีทา’’ติ วุเตฺตน นิสีทิตพฺพํฯ โน เจ มหาเถโร วทติ, ‘‘อิทํ, ภเนฺต, อาสนํ อุจฺจ’’นฺติ วตฺตพฺพํฯ ‘‘นิสีทา’’ติ วุเตฺตน นิสีทิตพฺพํฯ สเจ ปน เอวํ อาปุจฺฉิเตปิ น วทติ, นิสีทนฺตสฺส อนาปตฺติ, มหาเถรเสฺสว อาปตฺติฯ นวโก หิ เอวรูเป อาสเน อนาปุจฺฉา นิสีทโนฺต อาปชฺชติ, เถโร อาปุจฺฉิเต อนนุชานโนฺตฯ น นวา ภิกฺขู อาสเนน ปฎิพาหิตพฺพา, น สงฺฆาฎิกํ โอตฺถริตฺวา อนฺตรฆเร นิสีทิตพฺพํฯ

    Suppaṭicchannena , susaṃvutena, okkhittacakkhunā, appasaddena antaraghare nisīditabbaṃ, na ukkhittakāya, na ujjagghikāya antaraghare nisīditabbaṃ, na kāyappacālakaṃ, na bāhuppacālakaṃ, na sīsappacālakaṃ antaraghare nisīditabbaṃ, na khambhakatena, na oguṇṭhitena, na pallatthikāya antaraghare nisīditabbaṃ, na there bhikkhū anupakhajja nisīditabbaṃ. Sace mahātherassa nisinnāsanena samakaṃ āsanaṃ hoti, bahūsu āsanesu sati ekaṃ dve āsanāni ṭhapetvā nisīditabbaṃ. Bhikkhū gaṇetvā paññattāsanesu anisīditvā mahātherena ‘‘nisīdā’’ti vuttena nisīditabbaṃ. No ce mahāthero vadati, ‘‘idaṃ, bhante, āsanaṃ ucca’’nti vattabbaṃ. ‘‘Nisīdā’’ti vuttena nisīditabbaṃ. Sace pana evaṃ āpucchitepi na vadati, nisīdantassa anāpatti, mahātherasseva āpatti. Navako hi evarūpe āsane anāpucchā nisīdanto āpajjati, thero āpucchite ananujānanto. Na navā bhikkhū āsanena paṭibāhitabbā, na saṅghāṭikaṃ ottharitvā antaraghare nisīditabbaṃ.

    ปตฺตโธวโนทเก ทียมาเน อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา อุทกํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ทกฺขิโณทกํ ปน ปุรโต อาธารเก ปตฺตํ ฐเปตฺวา คเหตพฺพํ, นีจํ กตฺวา อุทกสทฺทํ อกโรเนฺตน อปฎิฆํสเนฺตน ปโตฺต โธวิตโพฺพฯ สเจ อุทกปฎิคฺคาหโก โหติ, นีจํ กตฺวา อุทกปฎิคฺคาหเก อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ ‘‘มา อุทกปฎิคฺคาหโก อุทเกน โอสิญฺจิ , มา สามนฺตา ภิกฺขู อุทเกน โอสิญฺจิํสุ, มา สงฺฆาฎิ อุทเกน โอสิญฺจี’’ติฯ สเจ อุทกปฎิคฺคาหโก น โหติ, นีจํ กตฺวา ฉมาย อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ ‘‘มา สามนฺตา ภิกฺขู อุทเกน โอสิญฺจิํสุ, มา สงฺฆาฎิ อุทเกน โอสิญฺจี’’ติฯ

    Pattadhovanodake dīyamāne ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā udakaṃ paṭiggahetabbaṃ, dakkhiṇodakaṃ pana purato ādhārake pattaṃ ṭhapetvā gahetabbaṃ, nīcaṃ katvā udakasaddaṃ akarontena apaṭighaṃsantena patto dhovitabbo. Sace udakapaṭiggāhako hoti, nīcaṃ katvā udakapaṭiggāhake udakaṃ āsiñcitabbaṃ ‘‘mā udakapaṭiggāhako udakena osiñci , mā sāmantā bhikkhū udakena osiñciṃsu, mā saṅghāṭi udakena osiñcī’’ti. Sace udakapaṭiggāhako na hoti, nīcaṃ katvā chamāya udakaṃ āsiñcitabbaṃ ‘‘mā sāmantā bhikkhū udakena osiñciṃsu, mā saṅghāṭi udakena osiñcī’’ti.

    โอทเน ทียมาเน อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา โอทโน ปฎิคฺคเหตโพฺพฯ ยถา สูปสฺส โอกาโส โหติ, เอวํ มตฺตาย โอทโน คณฺหิตโพฺพฯ สเจ โหติ สปฺปิ วา เตลํ วา อุตฺตริภงฺคํ วา, เถเรน วตฺตโพฺพ ‘‘สเพฺพสํ สมกํ สมฺปาเทหี’’ติฯ อิทญฺจ น เกวลํ สปฺปิอาทีสุ, โอทเนปิ วตฺตพฺพํฯ สปฺปิอาทีสุ ปน ยํ อปฺปํ โหติ เอกสฺส วา ทฺวินฺนํ วา อนุรูปํ, ตํ สเพฺพสํ สมกํ สมฺปาเทหีติ วุเตฺต มนุสฺสานํ วิเหสา โหติ, ตสฺมา ตาทิสํ สกิํ วา ทฺวิกฺขตฺตุํ วา คเหตฺวา เสสํ น คเหตพฺพํฯ สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาโต ปฎิคฺคเหตโพฺพ, ปตฺตสญฺญินา ปิณฺฑปาโต ปฎิคฺคเหตโพฺพ, สมสูปโก สมติตฺถิโก ปิณฺฑปาโต ปฎิคฺคเหตโพฺพ, น ตาว เถเรน ภุญฺชิตพฺพํ, ยาว น สเพฺพสํ โอทโน สมฺปโตฺต โหติฯ อิทญฺจ ยํ ปริจฺฉินฺนภิกฺขุกํ ภตฺตคฺคํ, ยตฺถ มนุสฺสา สเพฺพสํ ปาเปตฺวา วนฺทิตุกามา โหนฺติ, ตํ สนฺธาย วุตฺตํ ฯ ยํ ปน มหาภตฺตคฺคํ โหติ, ยตฺถ เอกสฺมิํ ปเทเส ภุญฺชนฺติ, เอกสฺมิํ ปเทเส อุทกํ ทียติ, ตตฺถ ยถาสุขํ ภุญฺชิตพฺพํฯ

    Odane dīyamāne ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā odano paṭiggahetabbo. Yathā sūpassa okāso hoti, evaṃ mattāya odano gaṇhitabbo. Sace hoti sappi vā telaṃ vā uttaribhaṅgaṃ vā, therena vattabbo ‘‘sabbesaṃ samakaṃ sampādehī’’ti. Idañca na kevalaṃ sappiādīsu, odanepi vattabbaṃ. Sappiādīsu pana yaṃ appaṃ hoti ekassa vā dvinnaṃ vā anurūpaṃ, taṃ sabbesaṃ samakaṃ sampādehīti vutte manussānaṃ vihesā hoti, tasmā tādisaṃ sakiṃ vā dvikkhattuṃ vā gahetvā sesaṃ na gahetabbaṃ. Sakkaccaṃ piṇḍapāto paṭiggahetabbo, pattasaññinā piṇḍapāto paṭiggahetabbo, samasūpako samatitthiko piṇḍapāto paṭiggahetabbo, na tāva therena bhuñjitabbaṃ, yāva na sabbesaṃ odano sampatto hoti. Idañca yaṃ paricchinnabhikkhukaṃ bhattaggaṃ, yattha manussā sabbesaṃ pāpetvā vanditukāmā honti, taṃ sandhāya vuttaṃ . Yaṃ pana mahābhattaggaṃ hoti, yattha ekasmiṃ padese bhuñjanti, ekasmiṃ padese udakaṃ dīyati, tattha yathāsukhaṃ bhuñjitabbaṃ.

    สกฺกจฺจํ ปิณฺฑปาโต ภุญฺชิตโพฺพ, ปตฺตสญฺญินา ปิณฺฑปาโต ภุญฺชิตโพฺพ, สปทาโน ปิณฺฑปาโต ภุญฺชิตโพฺพ, สมสูปโก ปิณฺฑปาโต ภุญฺชิตโพฺพ, น ถูปกโต โอมทฺทิตฺวา ปิณฺฑปาโต ภุญฺชิตโพฺพ, น สูปํ วา พฺยญฺชนํ วา โอทเนน ปฎิจฺฉาเทตพฺพํ ภิโยฺยกมฺยตํ อุปาทาย, น สูปํ วา โอทนํ วา อคิลาเนน อตฺตโน อตฺถาย วิญฺญาเปตฺวา ภุญฺชิตพฺพํ, น อุชฺฌานสญฺญินา ปเรสํ ปโตฺต โอโลเกตโพฺพ, นาติมหโนฺต กพโฬ กาตโพฺพ, ปริมณฺฑลํ อาโลโป กาตโพฺพ, น อนาหเฎ กพเฬ มุขทฺวารํ วิวริตพฺพํ, น ภุญฺชมาเนน สโพฺพ หโตฺถ มุเข ปกฺขิปิตโพฺพ, น สกพเฬน มุเขน พฺยาหริตพฺพํ, น ปิณฺฑุเกฺขปกํ ภุญฺชิตพฺพํ, น กพฬาวเจฺฉกํ, น อวคณฺฑการกํ, น หตฺถนิทฺธุนกํ, น สิตฺถาวการกํ, น ชิวฺหานิจฺฉารกํ, น จปุจปุการกํ, น สุรุสุรุการกํ, น หตฺถนิเลฺลหกํ, น ปตฺตนิเลฺลหกํ, น โอฎฺฐนิเลฺลหกํ ภุญฺชิตพฺพํฯ

    Sakkaccaṃ piṇḍapāto bhuñjitabbo, pattasaññinā piṇḍapāto bhuñjitabbo, sapadāno piṇḍapāto bhuñjitabbo, samasūpako piṇḍapāto bhuñjitabbo, na thūpakato omadditvā piṇḍapāto bhuñjitabbo, na sūpaṃ vā byañjanaṃ vā odanena paṭicchādetabbaṃ bhiyyokamyataṃ upādāya, na sūpaṃ vā odanaṃ vā agilānena attano atthāya viññāpetvā bhuñjitabbaṃ, na ujjhānasaññinā paresaṃ patto oloketabbo, nātimahanto kabaḷo kātabbo, parimaṇḍalaṃ ālopo kātabbo, na anāhaṭe kabaḷe mukhadvāraṃ vivaritabbaṃ, na bhuñjamānena sabbo hattho mukhe pakkhipitabbo, na sakabaḷena mukhena byāharitabbaṃ, na piṇḍukkhepakaṃ bhuñjitabbaṃ, na kabaḷāvacchekaṃ, na avagaṇḍakārakaṃ, na hatthaniddhunakaṃ, na sitthāvakārakaṃ, na jivhānicchārakaṃ, na capucapukārakaṃ, na surusurukārakaṃ, na hatthanillehakaṃ, na pattanillehakaṃ, na oṭṭhanillehakaṃ bhuñjitabbaṃ.

    น สามิเสน หเตฺถน ปานียถาลโก ปฎิคฺคเหตโพฺพ, น ตาว เถเรน หตฺถโธวนอุทกํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, ยาว น สเพฺพ ภุตฺตาวิโน โหนฺติฯ สเจ มนุสฺสา ‘‘โธวถ, ภเนฺต, ปตฺตญฺจ หเตฺถ จา’’ติ วทนฺติ, ภิกฺขู วา ‘‘ตุเมฺห อุทกํ คณฺหถา’’ติ วทนฺติ, วฎฺฎติฯ อุทเก ทียมาเน อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา อุทกํ ปฎิคฺคเหตพฺพํ, นีจํ กตฺวา อุทกสทฺทํ อกโรเนฺตน อปฎิฆํสเนฺตน ปโตฺต โธวิตโพฺพฯ สเจ อุทกปฎิคฺคาหโก โหติ, นีจํ กตฺวา อุทกปฎิคฺคาหเก อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ ‘‘มา อุทกปฎิคฺคาหโก อุทเกน โอสิญฺจิ, มา สามนฺตา ภิกฺขู อุทเกน โอสิญฺจิํสุ, มา สงฺฆาฎิ อุทเกน โอสิญฺจี’’ติฯ สเจ อุทกปฎิคฺคาหโก น โหติ, นีจํ กตฺวา ฉมาย อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํ ‘‘มา สามนฺตา ภิกฺขู อุทเกน โอสิญฺจิํสุ, มา สงฺฆาฎิ อุทเกน โอสิญฺจี’’ติ, น สสิตฺถกํ ปตฺตโธวนํ อนฺตรฆเร ฉเฑฺฑตพฺพํฯ

    Na sāmisena hatthena pānīyathālako paṭiggahetabbo, na tāva therena hatthadhovanaudakaṃ paṭiggahetabbaṃ, yāva na sabbe bhuttāvino honti. Sace manussā ‘‘dhovatha, bhante, pattañca hatthe cā’’ti vadanti, bhikkhū vā ‘‘tumhe udakaṃ gaṇhathā’’ti vadanti, vaṭṭati. Udake dīyamāne ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā udakaṃ paṭiggahetabbaṃ, nīcaṃ katvā udakasaddaṃ akarontena apaṭighaṃsantena patto dhovitabbo. Sace udakapaṭiggāhako hoti, nīcaṃ katvā udakapaṭiggāhake udakaṃ āsiñcitabbaṃ ‘‘mā udakapaṭiggāhako udakena osiñci, mā sāmantā bhikkhū udakena osiñciṃsu, mā saṅghāṭi udakena osiñcī’’ti. Sace udakapaṭiggāhako na hoti, nīcaṃ katvā chamāya udakaṃ āsiñcitabbaṃ ‘‘mā sāmantā bhikkhū udakena osiñciṃsu, mā saṅghāṭi udakena osiñcī’’ti, na sasitthakaṃ pattadhovanaṃ antaraghare chaḍḍetabbaṃ.

    ภตฺตคฺคโต อุฎฺฐาย นิวตฺตเนฺตสุ นวเกหิ ภิกฺขูหิ ปฐมตรํ นิวตฺติตพฺพํ, ปจฺฉา เถเรหิฯ สมฺพาเธสุ หิ ฆเรสุ มหาเถรานํ นิกฺขมโนกาโส น โหติ, ตสฺมา เอวํ วุตฺตํฯ เอวํ นิวตฺตเนฺตหิ ปน นวเกหิ เคหทฺวาเร ฐตฺวา เถเรสุ นิกฺขมเนฺตสุ ปฎิปาฎิยา คนฺตพฺพํฯ สเจ ปน มหาเถรา ธุเร นิสินฺนา โหนฺติ, นวกา อโนฺตเคเห, เถราสนโต ปฎฺฐาย ปฎิปาฎิยา เอว นิกฺขมิตพฺพํ , กาเยน กายํ อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน ยถา อนฺตเรน มนุสฺสา คนฺตุํ สโกฺกนฺติ, เอวํ วิรฬาย ปาฬิยา คนฺตพฺพํฯ

    Bhattaggato uṭṭhāya nivattantesu navakehi bhikkhūhi paṭhamataraṃ nivattitabbaṃ, pacchā therehi. Sambādhesu hi gharesu mahātherānaṃ nikkhamanokāso na hoti, tasmā evaṃ vuttaṃ. Evaṃ nivattantehi pana navakehi gehadvāre ṭhatvā theresu nikkhamantesu paṭipāṭiyā gantabbaṃ. Sace pana mahātherā dhure nisinnā honti, navakā antogehe, therāsanato paṭṭhāya paṭipāṭiyā eva nikkhamitabbaṃ , kāyena kāyaṃ asaṅghaṭṭentena yathā antarena manussā gantuṃ sakkonti, evaṃ viraḷāya pāḷiyā gantabbaṃ.

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, เถเรน ภิกฺขุนา ภตฺตเคฺค อนุโมทิตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๖๒) วจนโต สงฺฆเตฺถเรน ภตฺตเคฺค อนุโมทิตพฺพํฯ ตํ เอกเมว โอหาย เสเสหิ น คนฺตพฺพํฯ

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, therena bhikkhunā bhattagge anumoditu’’nti (cūḷava. 362) vacanato saṅghattherena bhattagge anumoditabbaṃ. Taṃ ekameva ohāya sesehi na gantabbaṃ.

    ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, ภตฺตเคฺค จตูหิ ปญฺจหิ เถรานุเถเรหิ ภิกฺขูหิ อาคเมตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๖๒) วจนโต สงฺฆเตฺถเรน อนุโมทนตฺถาย นิสิเนฺน เหฎฺฐา ปฎิปาฎิยา จตูหิ นิสีทิตพฺพํ, อนุเถเร นิสิเนฺน มหาเถเรน จ เหฎฺฐา จ ตีหิ นิสีทิตพฺพํ, ปญฺจเม นิสิเนฺน อุปริ จตูหิ นิสีทิตพฺพํ, สงฺฆเตฺถเรน เหฎฺฐา ทหรภิกฺขุสฺมิํ อชฺฌิเฎฺฐปิ สงฺฆเตฺถรโต ปฎฺฐาย จตูหิ นิสีทิตพฺพเมวฯ สเจ ปน อนุโมทโก ภิกฺขุ ‘‘คจฺฉถ, ภเนฺต, อาคเมตพฺพกิจฺจํ นตฺถี’’ติ วทติ, คนฺตุํ วฎฺฎติฯ มหาเถเรน ‘‘คจฺฉาม, อาวุโส’’ติ วุเตฺต ‘‘คจฺฉถา’’ติ วทติ, เอวมฺปิ วฎฺฎติ, ‘‘พหิคาเม อาคมิสฺสามา’’ติ อาโภคํ กตฺวาปิ พหิคามํ คนฺตฺวา อตฺตโน นิสฺสิตเก ‘‘ตุเมฺห ตสฺส อาคมนํ อาคเมถา’’ติ วตฺวาปิ คนฺตุํ วฎฺฎติเยวฯ สเจ ปน มนุสฺสา อตฺตโน รุจิเตน เอเกน อนุโมทนํ กาเรนฺติ, เนว ตสฺส อนุโมทโต อาปตฺติ, น มหาเถรสฺส ภาโร โหติฯ อุปนิสินฺนกถายเมว หิ มนุเสฺสสุ กถาเปเนฺตสุ เถโร อาปุจฺฉิตโพฺพฯ มหาเถเรน จ อนุโมทนาย อชฺฌิโฎฺฐว อาคเมตโพฺพติ อิทเมตฺถ ลกฺขณํฯ ‘‘อนุชานามิ, ภิกฺขเว, สติ กรณีเย อานนฺตริกํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตุ’’นฺติ (จูฬว. ๓๖๒) วจนโต ปน วจฺจาทิปีฬิเตน อนนฺตรํ ภิกฺขุํ อาปุจฺฉิตฺวา คนฺตพฺพนฺติฯ อิทํ ภตฺตคฺควตฺตํฯ

    ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, bhattagge catūhi pañcahi therānutherehi bhikkhūhi āgametu’’nti (cūḷava. 362) vacanato saṅghattherena anumodanatthāya nisinne heṭṭhā paṭipāṭiyā catūhi nisīditabbaṃ, anuthere nisinne mahātherena ca heṭṭhā ca tīhi nisīditabbaṃ, pañcame nisinne upari catūhi nisīditabbaṃ, saṅghattherena heṭṭhā daharabhikkhusmiṃ ajjhiṭṭhepi saṅghattherato paṭṭhāya catūhi nisīditabbameva. Sace pana anumodako bhikkhu ‘‘gacchatha, bhante, āgametabbakiccaṃ natthī’’ti vadati, gantuṃ vaṭṭati. Mahātherena ‘‘gacchāma, āvuso’’ti vutte ‘‘gacchathā’’ti vadati, evampi vaṭṭati, ‘‘bahigāme āgamissāmā’’ti ābhogaṃ katvāpi bahigāmaṃ gantvā attano nissitake ‘‘tumhe tassa āgamanaṃ āgamethā’’ti vatvāpi gantuṃ vaṭṭatiyeva. Sace pana manussā attano rucitena ekena anumodanaṃ kārenti, neva tassa anumodato āpatti, na mahātherassa bhāro hoti. Upanisinnakathāyameva hi manussesu kathāpentesu thero āpucchitabbo. Mahātherena ca anumodanāya ajjhiṭṭhova āgametabboti idamettha lakkhaṇaṃ. ‘‘Anujānāmi, bhikkhave, sati karaṇīye ānantarikaṃ bhikkhuṃ āpucchitvā gantu’’nti (cūḷava. 362) vacanato pana vaccādipīḷitena anantaraṃ bhikkhuṃ āpucchitvā gantabbanti. Idaṃ bhattaggavattaṃ.

    ๑๘๙. ปิณฺฑจาริกวเตฺต ปน ปิณฺฑจาริเกน ภิกฺขุนา ‘‘อิทานิ คามํ ปวิสิสฺสามี’’ติ ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน คาโม ปวิสิตโพฺพฯ สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพนฺติอาทิ สพฺพํ ภตฺตคฺควเตฺต วุตฺตนเยเนว อิธาปิ เวทิตพฺพํฯ

    189.Piṇḍacārikavatte pana piṇḍacārikena bhikkhunā ‘‘idāni gāmaṃ pavisissāmī’’ti timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā sādhukaṃ ataramānena gāmo pavisitabbo. Suppaṭicchannena antaraghare gantabbantiādi sabbaṃ bhattaggavatte vuttanayeneva idhāpi veditabbaṃ.

    นิเวสนํ ปวิสเนฺตน สลฺลเกฺขตพฺพํ ‘‘อิมินา ปวิสิสฺสามิ, อิมินา นิกฺขมิสฺสามี’’ติ, นาติสหสา ปวิสิตพฺพํ, นาติทูเร นาจฺจาสเนฺน ฐาตพฺพํ, นาติจิรํ ฐาตพฺพํ, นาติลหุกํ นิวตฺติตพฺพํ, ฐิเตน สลฺลเกฺขตพฺพํ ‘‘ภิกฺขํ ทาตุกามา วา อทาตุกามา วา’’ติ ฯ สเจ กมฺมํ วา นิกฺขิปติ, อาสนา วา วุฎฺฐาติ, กฎจฺฉุํ วา ปรามสติ, ภาชนํ วา ปรามสติ, ฐเปติ วา, ‘‘ทาตุกามสฺสา’’ติ ฐาตพฺพํฯ ภิกฺขาย ทียมานาย วาเมน หเตฺถน สงฺฆาฎิํ อุจฺจาเรตฺวา ทกฺขิเณน หเตฺถน ปตฺตํ ปณาเมตฺวา อุโภหิ หเตฺถหิ ปตฺตํ ปฎิคฺคเหตฺวา ภิกฺขา ปฎิคฺคเหตพฺพา, อิตฺถี วา โหตุ ปุริโส วา, ภิกฺขาทานสมเย มุขํ น โอโลเกตพฺพํ, สลฺลเกฺขตพฺพํ ‘‘สูปํ ทาตุกามา วา อทาตุกามา วา’’ติฯ สเจ กฎจฺฉุํ วา ปรามสติ, ภาชนํ วา ปรามสติ, ฐเปติ วา, ‘‘ทาตุกามสฺสา’’ติ ฐาตพฺพํฯ ภิกฺขาย ทินฺนาย สงฺฆาฎิยา ปตฺตํ ปฎิจฺฉาเทตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน นิวตฺติตพฺพํฯ

    Nivesanaṃ pavisantena sallakkhetabbaṃ ‘‘iminā pavisissāmi, iminā nikkhamissāmī’’ti, nātisahasā pavisitabbaṃ, nātidūre nāccāsanne ṭhātabbaṃ, nāticiraṃ ṭhātabbaṃ, nātilahukaṃ nivattitabbaṃ, ṭhitena sallakkhetabbaṃ ‘‘bhikkhaṃ dātukāmā vā adātukāmā vā’’ti . Sace kammaṃ vā nikkhipati, āsanā vā vuṭṭhāti, kaṭacchuṃ vā parāmasati, bhājanaṃ vā parāmasati, ṭhapeti vā, ‘‘dātukāmassā’’ti ṭhātabbaṃ. Bhikkhāya dīyamānāya vāmena hatthena saṅghāṭiṃ uccāretvā dakkhiṇena hatthena pattaṃ paṇāmetvā ubhohi hatthehi pattaṃ paṭiggahetvā bhikkhā paṭiggahetabbā, itthī vā hotu puriso vā, bhikkhādānasamaye mukhaṃ na oloketabbaṃ, sallakkhetabbaṃ ‘‘sūpaṃ dātukāmā vā adātukāmā vā’’ti. Sace kaṭacchuṃ vā parāmasati, bhājanaṃ vā parāmasati, ṭhapeti vā, ‘‘dātukāmassā’’ti ṭhātabbaṃ. Bhikkhāya dinnāya saṅghāṭiyā pattaṃ paṭicchādetvā sādhukaṃ ataramānena nivattitabbaṃ.

    โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, เตน อาสนํ ปญฺญเปตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ อุปนิกฺขิปิตพฺพํ, อวกฺการปาติ โธวิตฺวา อุปฎฺฐาเปตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฎิกฺกมติ, สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ, ภุญฺชิตพฺพํฯ โน เจ อากงฺขติ, อปฺปหริเต วา ฉเฑฺฑตพฺพํ, อปฺปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปตพฺพํ, เตน อาสนํ อุทฺธริตพฺพํ, ปาโททกํ ปาทปีฐํ ปาทกถลิกํ ปฎิสาเมตพฺพํ, อวกฺการปาติ โธวิตฺวา ปฎิสาเมตพฺพา, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฎิสาเมตพฺพํ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชิตพฺพํฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฎํ วา ปริโภชนียฆฎํ วา วจฺจฆฎํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ, เตน อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามเนฺตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฎฺฐาเปตพฺพํ, น จ ตปฺปจฺจยา วาจา ภินฺทิตพฺพาติฯ อิทํ ปิณฺฑจาริกวตฺตํฯ

    Yo paṭhamaṃ gāmato piṇḍāya paṭikkamati, tena āsanaṃ paññapetabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ upanikkhipitabbaṃ, avakkārapāti dhovitvā upaṭṭhāpetabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Yo pacchā gāmato piṇḍāya paṭikkamati, sace hoti bhuttāvaseso, sace ākaṅkhati, bhuñjitabbaṃ. No ce ākaṅkhati, appaharite vā chaḍḍetabbaṃ, appāṇake vā udake opilāpetabbaṃ, tena āsanaṃ uddharitabbaṃ, pādodakaṃ pādapīṭhaṃ pādakathalikaṃ paṭisāmetabbaṃ, avakkārapāti dhovitvā paṭisāmetabbā, pānīyaṃ paribhojanīyaṃ paṭisāmetabbaṃ, bhattaggaṃ sammajjitabbaṃ. Yo passati pānīyaghaṭaṃ vā paribhojanīyaghaṭaṃ vā vaccaghaṭaṃ vā rittaṃ tucchaṃ, tena upaṭṭhāpetabbaṃ. Sacassa hoti avisayhaṃ, hatthavikārena dutiyaṃ āmantetvā hatthavilaṅghakena upaṭṭhāpetabbaṃ, na ca tappaccayā vācā bhinditabbāti. Idaṃ piṇḍacārikavattaṃ.

    ๑๙๐. อารญฺญิกวเตฺต อารญฺญิเกน ภิกฺขุนา กาลเสฺสว อุฎฺฐาย ปตฺตํ ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลเคฺคตฺวา จีวรํ ขเนฺธ กริตฺวา อุปาหนา อาโรหิตฺวา ทารุภณฺฑํ มตฺติกาภณฺฑํ ปฎิสาเมตฺวา ทฺวารวาตปานํ ถเกตฺวา วสนฎฺฐานโต นิกฺขมิตพฺพํฯ ‘‘อิทานิ คามํ ปวิสิสฺสามา’’ติ อุปาหนา โอมุญฺจิตฺวา นีจํ กตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา ถวิกาย ปกฺขิปิตฺวา อํเส ลเคฺคตฺวา ติมณฺฑลํ ปฎิจฺฉาเทเนฺตน ปริมณฺฑลํ นิวาเสตฺวา กายพนฺธนํ พนฺธิตฺวา สคุณํ กตฺวา สงฺฆาฎิโย ปารุปิตฺวา คณฺฐิกํ ปฎิมุญฺจิตฺวา โธวิตฺวา ปตฺตํ คเหตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน คาโม ปวิสิตโพฺพฯ สุปฺปฎิจฺฉเนฺนน อนฺตรฆเร คนฺตพฺพนฺติอาทิ สพฺพํ คมนวิธานํ อิธาปิ ภตฺตคฺควเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ

    190.Āraññikavatte āraññikena bhikkhunā kālasseva uṭṭhāya pattaṃ thavikāya pakkhipitvā aṃse laggetvā cīvaraṃ khandhe karitvā upāhanā ārohitvā dārubhaṇḍaṃ mattikābhaṇḍaṃ paṭisāmetvā dvāravātapānaṃ thaketvā vasanaṭṭhānato nikkhamitabbaṃ. ‘‘Idāni gāmaṃ pavisissāmā’’ti upāhanā omuñcitvā nīcaṃ katvā papphoṭetvā thavikāya pakkhipitvā aṃse laggetvā timaṇḍalaṃ paṭicchādentena parimaṇḍalaṃ nivāsetvā kāyabandhanaṃ bandhitvā saguṇaṃ katvā saṅghāṭiyo pārupitvā gaṇṭhikaṃ paṭimuñcitvā dhovitvā pattaṃ gahetvā sādhukaṃ ataramānena gāmo pavisitabbo. Suppaṭicchannena antaraghare gantabbantiādi sabbaṃ gamanavidhānaṃ idhāpi bhattaggavatte vuttanayeneva veditabbaṃ.

    นิเวสนํ ปวิสเนฺตน สลฺลเกฺขตพฺพํ ‘‘อิมินา ปวิสิสฺสามิ, อิมินา นิกฺขมิสฺสามี’’ติอาทิ สพฺพํ ภิกฺขาจารวิธานํ ปิณฺฑจาริกวเตฺต วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพํฯ อารญฺญิเกน ภิกฺขุนา ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ ภาชนานิ นปฺปโหนฺติ, ปานียเมว ปริโภชนียมฺปิ กตฺวา อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ ภาชนํ อลภเนฺตน เวฬุนาฬิกายปิ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ ตมฺปิ อลภนฺตสฺส ยถา สมีเป อุทกอาวาโฎ โหติ, เอวํ กาตพฺพํฯ อคฺคิ อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, อรณิสหิตํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํ, อรณิสหิเต สติ อคฺคิํ อกาตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ยถา จ อารญฺญิกสฺส, เอวํ กนฺตารปฺปฎิปนฺนสฺสปิ อรณิสหิตํ อิจฺฉิตพฺพํฯ คณวาสิโน ปน เตน วินาปิ วฎฺฎติฯ กตฺตรทโณฺฑ อุปฎฺฐาเปตโพฺพ, นกฺขตฺตปทานิ อุคฺคเหตพฺพานิ สกลานิ วา เอกเทสานิ วา, ทิสากุสเลน ภวิตพฺพํฯ อิทํ อารญฺญิกวตฺตํฯ

    Nivesanaṃ pavisantena sallakkhetabbaṃ ‘‘iminā pavisissāmi, iminā nikkhamissāmī’’tiādi sabbaṃ bhikkhācāravidhānaṃ piṇḍacārikavatte vuttanayeneva veditabbaṃ. Āraññikena bhikkhunā pānīyaṃ paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace bhājanāni nappahonti, pānīyameva paribhojanīyampi katvā upaṭṭhāpetabbaṃ. Bhājanaṃ alabhantena veḷunāḷikāyapi upaṭṭhāpetabbaṃ. Tampi alabhantassa yathā samīpe udakaāvāṭo hoti, evaṃ kātabbaṃ. Aggi upaṭṭhāpetabbo, araṇisahitaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ, araṇisahite sati aggiṃ akātumpi vaṭṭati. Yathā ca āraññikassa, evaṃ kantārappaṭipannassapi araṇisahitaṃ icchitabbaṃ. Gaṇavāsino pana tena vināpi vaṭṭati. Kattaradaṇḍo upaṭṭhāpetabbo, nakkhattapadāni uggahetabbāni sakalāni vā ekadesāni vā, disākusalena bhavitabbaṃ. Idaṃ āraññikavattaṃ.

    ๑๙๑. เสนาสนวเตฺต ยสฺมิํ วิหาเร วิหรติ, สเจ โส วิหาโร อุกฺลาโป โหติ, สเจ อุสฺสหติ, โสเธตโพฺพฯ วิหารํ โสเธเนฺตน ปฐมํ ปตฺตจีวรํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ภิสิพิโมฺพหนํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, มโญฺจ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ, ปีฐํ นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, มญฺจปฎิปาทกา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพา, เขฬมลฺลโก นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตโพฺพ, อปเสฺสนผลกํ นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ภูมตฺถรณํ ยถาปญฺญตฺตํ สลฺลเกฺขตฺวา นีหริตฺวา เอกมนฺตํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ สเจ วิหาเร สนฺตานกํ โหติ, อุโลฺลกา ปฐมํ โอหาเรตพฺพํ, อาโลกสนฺธิกณฺณภาคา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ เครุกปริกมฺมกตา ภิตฺติ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ กาฬวณฺณกตา ภูมิ กณฺณกิตา โหติ, โจฬกํ เตเมตฺวา ปีเฬตฺวา ปมชฺชิตพฺพาฯ สเจ อกตา โหติ ภูมิ, อุทเกน ปริโปฺผสิตฺวา ปริโปฺผสิตฺวา สมฺมชฺชิตพฺพา ‘‘มา วิหาโร รเชน อุหญฺญี’’ติ, สงฺการํ วิจินิตฺวา เอกมนฺตํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ

    191.Senāsanavatte yasmiṃ vihāre viharati, sace so vihāro uklāpo hoti, sace ussahati, sodhetabbo. Vihāraṃ sodhentena paṭhamaṃ pattacīvaraṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, nisīdanapaccattharaṇaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, bhisibimbohanaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, mañco nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo, pīṭhaṃ nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, mañcapaṭipādakā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbā, kheḷamallako nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbo, apassenaphalakaṃ nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ, bhūmattharaṇaṃ yathāpaññattaṃ sallakkhetvā nīharitvā ekamantaṃ nikkhipitabbaṃ. Sace vihāre santānakaṃ hoti, ullokā paṭhamaṃ ohāretabbaṃ, ālokasandhikaṇṇabhāgā pamajjitabbā. Sace gerukaparikammakatā bhitti kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace kāḷavaṇṇakatā bhūmi kaṇṇakitā hoti, coḷakaṃ temetvā pīḷetvā pamajjitabbā. Sace akatā hoti bhūmi, udakena paripphositvā paripphositvā sammajjitabbā ‘‘mā vihāro rajena uhaññī’’ti, saṅkāraṃ vicinitvā ekamantaṃ chaḍḍetabbaṃ.

    น ภิกฺขุสามนฺตา เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํ, น วิหารสามนฺตา เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํ, น ปานียสามนฺตา เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํ, น ปริโภชนียสามนฺตา เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํ, น ปฎิวาเต องฺคเณ เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํ, อโธวาเต เสนาสนํ ปโปฺผเฎตพฺพํฯ

    Na bhikkhusāmantā senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ, na vihārasāmantā senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ, na pānīyasāmantā senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ, na paribhojanīyasāmantā senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ, na paṭivāte aṅgaṇe senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ, adhovāte senāsanaṃ papphoṭetabbaṃ.

    ภูมตฺถรณํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, มญฺจปฎิปาทกา เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อภิหริตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตพฺพา, มโญฺจ เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตโพฺพ, ปีฐํ เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา นีจํ กตฺวา สาธุกํ อปฎิฆํสเนฺตน อสงฺฆเฎฺฎเนฺตน กวาฎปีฐํ อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ , ภิสิพิโมฺพหนํ เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา โสเธตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, นิสีทนปจฺจตฺถรณํ โอตาเปตฺวา ปโปฺผเฎตฺวา อติหริตฺวา ยถาปญฺญตฺตํ ปญฺญเปตพฺพํ, เขฬมลฺลโก เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา อติหริตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตโพฺพ, อปเสฺสนผลกํ เอกมนฺตํ โอตาเปตฺวา ปมชฺชิตฺวา ยถาฐาเน ฐเปตพฺพํฯ ปตฺตจีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํ, ปตฺตํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน ปตฺตํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน เหฎฺฐามญฺจํ วา เหฎฺฐาปีฐํ วา ปรามสิตฺวา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพ, น จ อนนฺตรหิตาย ภูมิยา ปโตฺต นิกฺขิปิตโพฺพฯ จีวรํ นิกฺขิปเนฺตน เอเกน หเตฺถน จีวรํ คเหตฺวา เอเกน หเตฺถน จีวรวํสํ วา จีวรรชฺชุํ วา ปมชฺชิตฺวา ปารโต อนฺตํ, โอรโต โภคํ กตฺวา จีวรํ นิกฺขิปิตพฺพํฯ

    Bhūmattharaṇaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, mañcapaṭipādakā ekamantaṃ otāpetvā pamajjitvā abhiharitvā yathāṭhāne ṭhapetabbā, mañco ekamantaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbo, pīṭhaṃ ekamantaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā nīcaṃ katvā sādhukaṃ apaṭighaṃsantena asaṅghaṭṭentena kavāṭapīṭhaṃ atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ , bhisibimbohanaṃ ekamantaṃ otāpetvā sodhetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, nisīdanapaccattharaṇaṃ otāpetvā papphoṭetvā atiharitvā yathāpaññattaṃ paññapetabbaṃ, kheḷamallako ekamantaṃ otāpetvā pamajjitvā atiharitvā yathāṭhāne ṭhapetabbo, apassenaphalakaṃ ekamantaṃ otāpetvā pamajjitvā yathāṭhāne ṭhapetabbaṃ. Pattacīvaraṃ nikkhipitabbaṃ, pattaṃ nikkhipantena ekena hatthena pattaṃ gahetvā ekena hatthena heṭṭhāmañcaṃ vā heṭṭhāpīṭhaṃ vā parāmasitvā patto nikkhipitabbo, na ca anantarahitāya bhūmiyā patto nikkhipitabbo. Cīvaraṃ nikkhipantena ekena hatthena cīvaraṃ gahetvā ekena hatthena cīvaravaṃsaṃ vā cīvararajjuṃ vā pamajjitvā pārato antaṃ, orato bhogaṃ katvā cīvaraṃ nikkhipitabbaṃ.

    สเจ ปุรตฺถิมา สรชา วาตา วายนฺติ, ปุรตฺถิมา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ ปจฺฉิมา, อุตฺตรา, ทกฺขิณา สรชา วาตา วายนฺติ, ทกฺขิณา วาตปานา ถเกตพฺพาฯ สเจ สีตกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา วิวริตพฺพา, รตฺติํ ถเกตพฺพาฯ สเจ อุณฺหกาโล โหติ, ทิวา วาตปานา ถเกตพฺพา, รตฺติํ วิวริตพฺพาฯ

    Sace puratthimā sarajā vātā vāyanti, puratthimā vātapānā thaketabbā. Sace pacchimā, uttarā, dakkhiṇā sarajā vātā vāyanti, dakkhiṇā vātapānā thaketabbā. Sace sītakālo hoti, divā vātapānā vivaritabbā, rattiṃ thaketabbā. Sace uṇhakālo hoti, divā vātapānā thaketabbā, rattiṃ vivaritabbā.

    สเจ อุกฺลาปํ โหติ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพ, อุปฎฺฐานสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, อคฺคิสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพาฯ สเจ ปานียํ น โหติ, ปานียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ ปริโภชนียํ น โหติ, ปริโภชนียํ อุปฎฺฐาเปตพฺพํฯ สเจ อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ น โหติ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ

    Sace uklāpaṃ hoti, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, koṭṭhako sammajjitabbo, upaṭṭhānasālā sammajjitabbā, aggisālā sammajjitabbā, vaccakuṭi sammajjitabbā. Sace pānīyaṃ na hoti, pānīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace paribhojanīyaṃ na hoti, paribhojanīyaṃ upaṭṭhāpetabbaṃ. Sace ācamanakumbhiyā udakaṃ na hoti, ācamanakumbhiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ.

    สเจ วุเฑฺฒน สทฺธิํ เอกวิหาเร วิหรติ, น วุฑฺฒํ อนาปุจฺฉา อุเทฺทโส ทาตโพฺพ, น ปริปุจฺฉา ทาตพฺพา, น สชฺฌาโย กาตโพฺพ, น ธโมฺม ภาสิตโพฺพ, น ปทีโป กาตโพฺพ, น ปทีโป วิชฺฌาเปตโพฺพ, น วาตปานา วิวริตพฺพา, น วาตปานา ถเกตพฺพาฯ ทฺวารํ นาม ยสฺมา มหาวฬญฺชํ, ตสฺมา ตตฺถ อาปุจฺฉนกิจฺจํ นตฺถิ, เสสานิ ปน อุเทฺทสทานาทีนิ อาปุจฺฉิตฺวาว กาตพฺพานิ, เทวสิกมฺปิ อาปุจฺฉิตุํ วฎฺฎติฯ อถาปิ ‘‘ภเนฺต, อาปุจฺฉิตเมว โหตู’’ติ วุเตฺต วุฑฺฒตโร ‘‘สาธู’’ติ สมฺปฎิจฺฉติ, สยเมว วา ‘‘ตฺวํ ยถาสุขํ วิหราหี’’ติ วทติ, เอวมฺปิ วฎฺฎติฯ สภาคสฺส วิสฺสาเสนปิ วฎฺฎติเยวฯ สเจ วุเฑฺฒน สทฺธิํ เอกจงฺกเม จงฺกมติ, เยน วุโฑฺฒ, เตน ปริวเตฺตตพฺพํ, น จ วุโฑฺฒ สงฺฆาฎิกเณฺณน ฆเฎฺฎตโพฺพฯ อิทํ เสนาสนวตฺตํฯ

    Sace vuḍḍhena saddhiṃ ekavihāre viharati, na vuḍḍhaṃ anāpucchā uddeso dātabbo, na paripucchā dātabbā, na sajjhāyo kātabbo, na dhammo bhāsitabbo, na padīpo kātabbo, na padīpo vijjhāpetabbo, na vātapānā vivaritabbā, na vātapānā thaketabbā. Dvāraṃ nāma yasmā mahāvaḷañjaṃ, tasmā tattha āpucchanakiccaṃ natthi, sesāni pana uddesadānādīni āpucchitvāva kātabbāni, devasikampi āpucchituṃ vaṭṭati. Athāpi ‘‘bhante, āpucchitameva hotū’’ti vutte vuḍḍhataro ‘‘sādhū’’ti sampaṭicchati, sayameva vā ‘‘tvaṃ yathāsukhaṃ viharāhī’’ti vadati, evampi vaṭṭati. Sabhāgassa vissāsenapi vaṭṭatiyeva. Sace vuḍḍhena saddhiṃ ekacaṅkame caṅkamati, yena vuḍḍho, tena parivattetabbaṃ, na ca vuḍḍho saṅghāṭikaṇṇena ghaṭṭetabbo. Idaṃ senāsanavattaṃ.

    ๑๙๒. ชนฺตาฆรวเตฺต โย ปฐมํ ชนฺตาฆรํ คจฺฉติ, สเจ ฉาริกา อุสฺสนฺนา โหติ, ฉาริกา ฉเฑฺฑตพฺพาฯ สเจ อุกฺลาปํ โหติ, ชนฺตาฆรํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปริภณฺฑํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพ, ชนฺตาฆรสาลา สมฺมชฺชิตพฺพา, จุณฺณํ สเนฺนตพฺพํ, มตฺติกา เตเมตพฺพา, อุทกโทณิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ ชนฺตาฆรํ ปวิสเนฺตน มตฺติกาย มุขํ มเกฺขตฺวา ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรํ ปวิสิตพฺพํ, น เถเร ภิกฺขู อนุปขชฺช นิสีทิตพฺพํ, น นวา ภิกฺขู อาสเนน ปฎิพาหิตพฺพาฯ สเจ อุสฺสหติ, ชนฺตาฆเร เถรานํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺมํ กาตพฺพํฯ ชนฺตาฆรา นิกฺขมเนฺตน ชนฺตาฆรปีฐํ อาทาย ปุรโต จ ปจฺฉโต จ ปฎิจฺฉาเทตฺวา ชนฺตาฆรา นิกฺขมิตพฺพํฯ สเจ อุสฺสหติ, อุทเกปิ เถรานํ ภิกฺขูนํ ปริกมฺมํ กาตพฺพํ, น เถรานํ ภิกฺขูนํ ปุรโต นหายิตพฺพํ, น อุปริโต นหายิตพฺพํ, นหาเตน อุตฺตรเนฺตน โอตรนฺตานํ มโคฺค ทาตโพฺพฯ โย ปจฺฉา ชนฺตาฆรา นิกฺขมติ, สเจ ชนฺตาฆรํ จิกฺขลฺลํ โหติ, โธวิตพฺพํ, มตฺติกาโทณิํ โธวิตฺวา ชนฺตาฆรปีฐํ ปฎิสาเมตฺวา อคฺคิํ วิชฺฌาเปตฺวา ทฺวารํ ถเกตฺวา ปกฺกมิตพฺพํฯ อิทํ ชนฺตาฆรวตฺตํฯ

    192.Jantāgharavatte yo paṭhamaṃ jantāgharaṃ gacchati, sace chārikā ussannā hoti, chārikā chaḍḍetabbā. Sace uklāpaṃ hoti, jantāgharaṃ sammajjitabbaṃ, paribhaṇḍaṃ sammajjitabbaṃ, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, koṭṭhako sammajjitabbo, jantāgharasālā sammajjitabbā, cuṇṇaṃ sannetabbaṃ, mattikā temetabbā, udakadoṇiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ. Jantāgharaṃ pavisantena mattikāya mukhaṃ makkhetvā purato ca pacchato ca paṭicchādetvā jantāgharaṃ pavisitabbaṃ, na there bhikkhū anupakhajja nisīditabbaṃ, na navā bhikkhū āsanena paṭibāhitabbā. Sace ussahati, jantāghare therānaṃ bhikkhūnaṃ parikammaṃ kātabbaṃ. Jantāgharā nikkhamantena jantāgharapīṭhaṃ ādāya purato ca pacchato ca paṭicchādetvā jantāgharā nikkhamitabbaṃ. Sace ussahati, udakepi therānaṃ bhikkhūnaṃ parikammaṃ kātabbaṃ, na therānaṃ bhikkhūnaṃ purato nahāyitabbaṃ, na uparito nahāyitabbaṃ, nahātena uttarantena otarantānaṃ maggo dātabbo. Yo pacchā jantāgharā nikkhamati, sace jantāgharaṃ cikkhallaṃ hoti, dhovitabbaṃ, mattikādoṇiṃ dhovitvā jantāgharapīṭhaṃ paṭisāmetvā aggiṃ vijjhāpetvā dvāraṃ thaketvā pakkamitabbaṃ. Idaṃ jantāgharavattaṃ.

    ๑๙๓. วจฺจกุฎิวเตฺต โย วจฺจกุฎิํ คจฺฉติ, พหิ ฐิเตน อุกฺกาสิตพฺพํ, อโนฺต นิสิเนฺนนปิ อุกฺกาสิตพฺพํ, จีวรวํเส วา จีวรรชฺชุยา วา จีวรํ นิกฺขิปิตฺวา สาธุกํ อตรมาเนน วจฺจกุฎิ ปวิสิตพฺพา, นาติสหสา ปวิสิตพฺพา, น อุพฺภชิตฺวา ปวิสิตพฺพา, วจฺจปาทุกาย ฐิเตน อุพฺภชิตพฺพํ, น นิตฺถุนเนฺตน วโจฺจ กาตโพฺพ, น ทนฺตกฎฺฐํ ขาทเนฺตน วโจฺจ กาตโพฺพ, น พหิทฺธา วจฺจโทณิกาย วโจฺจ กาตโพฺพ, น พหิทฺธา ปสฺสาวโทณิกาย ปสฺสาโว กาตโพฺพ, น ปสฺสาวโทณิกาย เขโฬ กาตโพฺพ, ผาลิเตน วา ขเรน วา คณฺฐิเกน วา กณฺฎเกน วา สุสิเรน วา ปูตินา วา กเฎฺฐน น อวเลขิตพฺพํ, อวเลขนกฎฺฐํ ปน อคฺคเหตฺวา ปวิฎฺฐสฺส อาปตฺติ นตฺถิ, น อวเลขนกฎฺฐํ วจฺจกูปมฺหิ ปาเตตพฺพํ, วจฺจปาทุกาย ฐิเตน ปฎิจฺฉาเทตพฺพํ, นาติสหสา นิกฺขมิตพฺพํ, น อุพฺภชิตฺวา นิกฺขมิตพฺพํ, อาจมนปาทุกาย ฐิเตน อุพฺภชิตพฺพํ, น จปุจปุการกํ อาจเมตพฺพํ, น อาจมนสราวเก อุทกํ เสเสตพฺพํฯ อิทญฺจ สพฺพสาธารณฎฺฐานํ สนฺธาย วุตฺตํฯ ตตฺร หิ อเญฺญ อเญฺญ อาคจฺฉนฺติ, ตสฺมา อุทกํ น เสเสตพฺพํฯ ยํ ปน สงฺฆิเกปิ วิหาเร เอกเทเส นิพทฺธคมนตฺถาย กตํ ฐานํ โหติ ปุคฺคลิกฎฺฐานํ วา, ตสฺมิํ วฎฺฎติฯ วิเรจนํ ปิวิตฺวา ปุนปฺปุนํ ปวิสนฺตสฺสปิ วฎฺฎติเยวฯ อาจมนปาทุกาย ฐิเตน ปฎิจฺฉาเทตพฺพํฯ

    193.Vaccakuṭivatte yo vaccakuṭiṃ gacchati, bahi ṭhitena ukkāsitabbaṃ, anto nisinnenapi ukkāsitabbaṃ, cīvaravaṃse vā cīvararajjuyā vā cīvaraṃ nikkhipitvā sādhukaṃ ataramānena vaccakuṭi pavisitabbā, nātisahasā pavisitabbā, na ubbhajitvā pavisitabbā, vaccapādukāya ṭhitena ubbhajitabbaṃ, na nitthunantena vacco kātabbo, na dantakaṭṭhaṃ khādantena vacco kātabbo, na bahiddhā vaccadoṇikāya vacco kātabbo, na bahiddhā passāvadoṇikāya passāvo kātabbo, na passāvadoṇikāya kheḷo kātabbo, phālitena vā kharena vā gaṇṭhikena vā kaṇṭakena vā susirena vā pūtinā vā kaṭṭhena na avalekhitabbaṃ, avalekhanakaṭṭhaṃ pana aggahetvā paviṭṭhassa āpatti natthi, na avalekhanakaṭṭhaṃ vaccakūpamhi pātetabbaṃ, vaccapādukāya ṭhitena paṭicchādetabbaṃ, nātisahasā nikkhamitabbaṃ, na ubbhajitvā nikkhamitabbaṃ, ācamanapādukāya ṭhitena ubbhajitabbaṃ, na capucapukārakaṃ ācametabbaṃ, na ācamanasarāvake udakaṃ sesetabbaṃ. Idañca sabbasādhāraṇaṭṭhānaṃ sandhāya vuttaṃ. Tatra hi aññe aññe āgacchanti, tasmā udakaṃ na sesetabbaṃ. Yaṃ pana saṅghikepi vihāre ekadese nibaddhagamanatthāya kataṃ ṭhānaṃ hoti puggalikaṭṭhānaṃ vā, tasmiṃ vaṭṭati. Virecanaṃ pivitvā punappunaṃ pavisantassapi vaṭṭatiyeva. Ācamanapādukāya ṭhitena paṭicchādetabbaṃ.

    สเจ วจฺจกุฎิ อุหตา โหติ พหิ วจฺจมกฺขิตา, อุทกํ อาหริตฺวา โธวิตพฺพาฯ อุทกํ อตฺถิ, ภาชนํ นตฺถิ, อสนฺตํ นาม โหติฯ ภาชนํ อตฺถิ, อุทกํ นตฺถิ, เอตมฺปิ อสนฺตํ ฯ อุภยสฺมิํ อสติ อสนฺตเมว, กเฎฺฐน วา เกนจิ วา ปุญฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํฯ สเจ อวเลขนปิฎโก ปูริโต โหติ, อวเลขนกฎฺฐํ ฉเฑฺฑตพฺพํฯ สเจ กจวรํ อตฺถิ, วจฺจกุฎิ สมฺมชฺชิตพฺพา, ปริภณฺฑํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, ปริเวณํ สมฺมชฺชิตพฺพํ, โกฎฺฐโก สมฺมชฺชิตโพฺพฯ สเจ อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ น โหติ, อาจมนกุมฺภิยา อุทกํ อาสิญฺจิตพฺพํฯ

    Sace vaccakuṭi uhatā hoti bahi vaccamakkhitā, udakaṃ āharitvā dhovitabbā. Udakaṃ atthi, bhājanaṃ natthi, asantaṃ nāma hoti. Bhājanaṃ atthi, udakaṃ natthi, etampi asantaṃ . Ubhayasmiṃ asati asantameva, kaṭṭhena vā kenaci vā puñchitvā gantabbaṃ. Sace avalekhanapiṭako pūrito hoti, avalekhanakaṭṭhaṃ chaḍḍetabbaṃ. Sace kacavaraṃ atthi, vaccakuṭi sammajjitabbā, paribhaṇḍaṃ sammajjitabbaṃ, pariveṇaṃ sammajjitabbaṃ, koṭṭhako sammajjitabbo. Sace ācamanakumbhiyā udakaṃ na hoti, ācamanakumbhiyā udakaṃ āsiñcitabbaṃ.

    ‘‘น, ภิกฺขเว, วจฺจํ กตฺวา สติ อุทเก นาจเมตพฺพํ, โย นาจเมยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสา’’ติ (จูฬว. ๓๗๓) วจนโต อุทเก สติ อุทกกิจฺจํ อกโรนฺตสฺส อาปตฺติฯ สเจ อุทกํ อตฺถิ, ปฎิจฺฉนฺนฎฺฐานํ ปน นตฺถิ, ภาชเนน นีหริตฺวา อาจมิตพฺพํฯ ภาชเน อสติ ปเตฺตน นีหริตพฺพํ, ปเตฺตปิ อสติ อสนฺตํ นาม โหติฯ ‘‘อิทํ อติวิวฎํ, ปุรโต อญฺญํ อุทกํ ภวิสฺสตี’’ติ คตสฺส อุทกํ อลภนฺตเสฺสว ภิกฺขาจารเวลา โหติ, กเฎฺฐน วา เกนจิ วา ปุญฺฉิตฺวา คนฺตพฺพํ, ภุญฺชิตุมฺปิ อนุโมทิตุมฺปิ วฎฺฎติฯ ‘‘น, ภิกฺขเว, วจฺจกุฎิยา ยถาวุฑฺฒํ วโจฺจ กาตโพฺพ, โย กเรยฺย, อาปตฺติ ทุกฺกฎสฺสฯ อนุชานามิ, ภิกฺขเว, อาคตปฎิปาฎิยา วจฺจํ กาตุ’’นฺติ (จุฬว. ๓๗๓) วจนโต วจฺจกุฎิํ ปวิสเนฺตน อาคตปฎิปาฎิยา ปวิสิตพฺพํฯ วจฺจกุฎิยํ ปสฺสาวฎฺฐาเน นหานติเตฺถติ ตีสุปิ อาคตปฎิปาฎิเยว ปมาณํฯ อิทํ วจฺจกุฎิวตฺตํฯ

    ‘‘Na, bhikkhave, vaccaṃ katvā sati udake nācametabbaṃ, yo nācameyya, āpatti dukkaṭassā’’ti (cūḷava. 373) vacanato udake sati udakakiccaṃ akarontassa āpatti. Sace udakaṃ atthi, paṭicchannaṭṭhānaṃ pana natthi, bhājanena nīharitvā ācamitabbaṃ. Bhājane asati pattena nīharitabbaṃ, pattepi asati asantaṃ nāma hoti. ‘‘Idaṃ ativivaṭaṃ, purato aññaṃ udakaṃ bhavissatī’’ti gatassa udakaṃ alabhantasseva bhikkhācāravelā hoti, kaṭṭhena vā kenaci vā puñchitvā gantabbaṃ, bhuñjitumpi anumoditumpi vaṭṭati. ‘‘Na, bhikkhave, vaccakuṭiyā yathāvuḍḍhaṃ vacco kātabbo, yo kareyya, āpatti dukkaṭassa. Anujānāmi, bhikkhave, āgatapaṭipāṭiyā vaccaṃ kātu’’nti (cuḷava. 373) vacanato vaccakuṭiṃ pavisantena āgatapaṭipāṭiyā pavisitabbaṃ. Vaccakuṭiyaṃ passāvaṭṭhāne nahānatittheti tīsupi āgatapaṭipāṭiyeva pamāṇaṃ. Idaṃ vaccakuṭivattaṃ.

    อิติ ปาฬิมุตฺตกวินยวินิจฺฉยสงฺคเห

    Iti pāḷimuttakavinayavinicchayasaṅgahe

    อุปชฺฌายาทิวตฺตวินิจฺฉยกถา สมตฺตาฯ

    Upajjhāyādivattavinicchayakathā samattā.





    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact