Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya |
๖. อุปชฺฌายสุตฺตํ
6. Upajjhāyasuttaṃ
๕๖. อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภเนฺต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ เม น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ นปฺปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติฯ
56. Atha kho aññataro bhikkhu yena sako upajjhāyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sakaṃ upajjhāyaṃ etadavoca – ‘‘etarahi me, bhante, madhurakajāto ceva kāyo, disā ca me na pakkhāyanti, dhammā ca maṃ nappaṭibhanti, thinamiddhañca me cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati, anabhirato ca brahmacariyaṃ carāmi, atthi ca me dhammesu vicikicchā’’ti.
อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภเนฺต, มธุรกชาโต เจว กาโย, ทิสา จ มํ น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ เม นปฺปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจ เม จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, อตฺถิ จ เม ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติฯ
Atha kho so bhikkhu taṃ saddhivihārikaṃ bhikkhuṃ ādāya yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, bhikkhu evamāha – ‘etarahi me, bhante, madhurakajāto ceva kāyo, disā ca maṃ na pakkhāyanti, dhammā ca me nappaṭibhanti, thinamiddhañca me cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati, anabhirato ca brahmacariyaṃ carāmi, atthi ca me dhammesu vicikicchā’’’ti.
‘‘เอวเญฺหตํ , ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ อคุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน อมตฺตญฺญุโน, ชาคริยํ อนนุยุตฺตสฺส, อวิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ มธุรกชาโต เจว กาโย โหติ, ทิสา จสฺส น ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ตํ นปฺปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจสฺส จิตฺตํ ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อนภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, โหติ จสฺส ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉาฯ ตสฺมาติห เต, ภิกฺขุ, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวาโร ภวิสฺสามิ, โภชเน มตฺตญฺญู, ชาคริยํ อนุยุโตฺต, วิปสฺสโก กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุโตฺต วิหริสฺสามี’ติฯ เอวญฺหิ เต, ภิกฺขุ, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ
‘‘Evañhetaṃ , bhikkhu, hoti indriyesu aguttadvārassa, bhojane amattaññuno, jāgariyaṃ ananuyuttassa, avipassakassa kusalānaṃ dhammānaṃ, pubbarattāpararattaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogaṃ ananuyuttassa viharato, yaṃ madhurakajāto ceva kāyo hoti, disā cassa na pakkhāyanti, dhammā ca taṃ nappaṭibhanti, thinamiddhañcassa cittaṃ pariyādāya tiṭṭhati, anabhirato ca brahmacariyaṃ carati, hoti cassa dhammesu vicikicchā. Tasmātiha te, bhikkhu, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘indriyesu guttadvāro bhavissāmi, bhojane mattaññū, jāgariyaṃ anuyutto, vipassako kusalānaṃ dhammānaṃ, pubbarattāpararattaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogaṃ anuyutto viharissāmī’ti. Evañhi te, bhikkhu, sikkhitabba’’nti.
อถ โข โส ภิกฺขุ ภควตา อิมินา โอวาเทน โอวทิโต อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา ปกฺกามิฯ อถ โข โส ภิกฺขุ เอโก วูปกโฎฺฐ อปฺปมโตฺต อาตาปี ปหิตโตฺต วิหรโนฺต นจิรเสฺสว – ยสฺสตฺถาย กุลปุตฺตา สมฺมเทว อคารสฺมา อนคาริยํ ปพฺพชนฺติ, ตทนุตฺตรํ – พฺรหฺมจริยปริโยสานํ ทิเฎฺฐว ธเมฺม สยํ อภิญฺญา สจฺฉิกตฺวา อุปสมฺปชฺช วิหาสิฯ ‘‘ขีณา ชาติ, วุสิตํ พฺรหฺมจริยํ, กตํ กรณียํ, นาปรํ อิตฺถตฺตายา’’ติ อพฺภญฺญาสิฯ อญฺญตโร ปน โส ภิกฺขุ อรหตํ อโหสิฯ
Atha kho so bhikkhu bhagavatā iminā ovādena ovadito uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā pakkāmi. Atha kho so bhikkhu eko vūpakaṭṭho appamatto ātāpī pahitatto viharanto nacirasseva – yassatthāya kulaputtā sammadeva agārasmā anagāriyaṃ pabbajanti, tadanuttaraṃ – brahmacariyapariyosānaṃ diṭṭheva dhamme sayaṃ abhiññā sacchikatvā upasampajja vihāsi. ‘‘Khīṇā jāti, vusitaṃ brahmacariyaṃ, kataṃ karaṇīyaṃ, nāparaṃ itthattāyā’’ti abbhaññāsi. Aññataro pana so bhikkhu arahataṃ ahosi.
อถ โข โส ภิกฺขุ อรหตฺตํ ปโตฺต เยน สโก อุปชฺฌาโย เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา สกํ อุปชฺฌายํ เอตทโวจ – ‘‘เอตรหิ เม, ภเนฺต, น เจว 1 มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา’’ติฯ อถ โข โส ภิกฺขุ ตํ สทฺธิวิหาริกํ ภิกฺขุํ อาทาย เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อยํ, ภเนฺต, ภิกฺขุ เอวมาห – ‘เอตรหิ เม, ภเนฺต, น เจว มธุรกชาโต กาโย, ทิสา จ เม ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ มํ ปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจ เม จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรามิ, นตฺถิ จ เม ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉา’’’ติฯ
Atha kho so bhikkhu arahattaṃ patto yena sako upajjhāyo tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā sakaṃ upajjhāyaṃ etadavoca – ‘‘etarahi me, bhante, na ceva 2 madhurakajāto kāyo, disā ca me pakkhāyanti, dhammā ca maṃ paṭibhanti, thinamiddhañca me cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati, abhirato ca brahmacariyaṃ carāmi, natthi ca me dhammesu vicikicchā’’ti. Atha kho so bhikkhu taṃ saddhivihārikaṃ bhikkhuṃ ādāya yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho so bhikkhu bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘ayaṃ, bhante, bhikkhu evamāha – ‘etarahi me, bhante, na ceva madhurakajāto kāyo, disā ca me pakkhāyanti, dhammā ca maṃ paṭibhanti, thinamiddhañca me cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati, abhirato ca brahmacariyaṃ carāmi, natthi ca me dhammesu vicikicchā’’’ti.
‘‘เอวเญฺหตํ, ภิกฺขุ, โหติ อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารสฺส, โภชเน มตฺตญฺญุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตสฺส, วิปสฺสกสฺส กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตสฺส วิหรโต, ยํ น เจว มธุรกชาโต กาโย โหติ, ทิสา จสฺส ปกฺขายนฺติ, ธมฺมา จ ตํ ปฎิภนฺติ, ถินมิทฺธญฺจสฺส จิตฺตํ น ปริยาทาย ติฎฺฐติ, อภิรโต จ พฺรหฺมจริยํ จรติ, น จสฺส โหติ ธเมฺมสุ วิจิกิจฺฉาฯ ตสฺมาติห โว, ภิกฺขเว, เอวํ สิกฺขิตพฺพํ – ‘อินฺทฺริเยสุ คุตฺตทฺวารา ภวิสฺสาม, โภชเน มตฺตญฺญุโน, ชาคริยํ อนุยุตฺตา, วิปสฺสกา กุสลานํ ธมฺมานํ, ปุพฺพรตฺตาปรรตฺตํ โพธิปกฺขิยานํ ธมฺมานํ ภาวนานุโยคํ อนุยุตฺตา วิหริสฺสามา’ติฯ เอวญฺหิ โว, ภิกฺขเว, สิกฺขิตพฺพ’’นฺติฯ ฉฎฺฐํฯ
‘‘Evañhetaṃ, bhikkhu, hoti indriyesu guttadvārassa, bhojane mattaññuno, jāgariyaṃ anuyuttassa, vipassakassa kusalānaṃ dhammānaṃ, pubbarattāpararattaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogaṃ anuyuttassa viharato, yaṃ na ceva madhurakajāto kāyo hoti, disā cassa pakkhāyanti, dhammā ca taṃ paṭibhanti, thinamiddhañcassa cittaṃ na pariyādāya tiṭṭhati, abhirato ca brahmacariyaṃ carati, na cassa hoti dhammesu vicikicchā. Tasmātiha vo, bhikkhave, evaṃ sikkhitabbaṃ – ‘indriyesu guttadvārā bhavissāma, bhojane mattaññuno, jāgariyaṃ anuyuttā, vipassakā kusalānaṃ dhammānaṃ, pubbarattāpararattaṃ bodhipakkhiyānaṃ dhammānaṃ bhāvanānuyogaṃ anuyuttā viharissāmā’ti. Evañhi vo, bhikkhave, sikkhitabba’’nti. Chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อุปชฺฌายสุตฺตวณฺณนา • 6. Upajjhāyasuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๖. อุปชฺฌายสุตฺตวณฺณนา • 6. Upajjhāyasuttavaṇṇanā