Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā |
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา
Upajjhāyavattakathāvaṇṇanā
๖๔. พุทฺธุปชฺฌายกานํ อิตเรสํ เอหิภิกฺขูนํ นิวาสนปารุปนกปฺปโต เนสํ วิสุํ วิสุํ สทิสตฺตา ‘‘ทุนฺนิวตฺถา ทุปฺปารุตา อนากปฺปสมฺปนฺนา’’ติ วุตฺตาฯ น เกวลญฺจ อิตฺถมฺภูตา ปิณฺฑาย จรนฺติ, อปิจ มนุสฺสานํ ภุญฺชมานานํ อุปรีติอาทิฯ มนุสฺสา อุชฺฌายนฺติ ปิปาสาสหนโต, อิตเรสํ อากปฺปสมฺปตฺติยา ปสนฺนตฺตา จฯ
64. Buddhupajjhāyakānaṃ itaresaṃ ehibhikkhūnaṃ nivāsanapārupanakappato nesaṃ visuṃ visuṃ sadisattā ‘‘dunnivatthā duppārutā anākappasampannā’’ti vuttā. Na kevalañca itthambhūtā piṇḍāya caranti, apica manussānaṃ bhuñjamānānaṃ uparītiādi. Manussā ujjhāyanti pipāsāsahanato, itaresaṃ ākappasampattiyā pasannattā ca.
๖๕. เกน โก อุปชฺฌาโย คเหตโพฺพติ? ‘‘ตทา โส ยสฺส สนฺติเก ปพฺพาชิโต, เอตรหิ ยสฺส สนฺติเก อุปสมฺปทาเปโกฺข โหติฯ อุปชฺฌาเยน จ สาธูติ สมฺปฎิจฺฉนํ สนฺธายา’’ติ เกหิจิ ลิขิตํฯ ตํ เต เอวํ ชานนฺติ ‘‘อุปชฺฌาเยน ‘สาหู’ติอาทินา สมฺปฎิจฺฉิเต สทฺธิวิหาริกสฺส ‘สาธุ สุฎฺฐุ สมฺปฎิจฺฉามี’ติ วจนํ เกวลํ ภิกฺขูหิ อาจิณฺณเมว, น กตฺถจิ ทิสฺสติ, ตสฺมา วินาปิ เตน อุปชฺฌาโย คหิโตว โหตี’’ติฯ ตตฺถ สาหูติ สาธูติ วุตฺตํ โหติฯ ลหูติ ลหุ, ตฺวํ มม น ภาริโยสีติ วุตฺตํ โหติฯ โอปายิกนฺติ อุปายปฎิสํยุตฺตํ, อิมินา อุปาเยน ตฺวํ เม อิโต ปฎฺฐาย ภาโร ชาโตสีติ อโตฺถฯ ปติรูปนฺติ อนุรูปํ เต อุปชฺฌายคฺคหณนฺติ อโตฺถฯ
65. Kena ko upajjhāyo gahetabboti? ‘‘Tadā so yassa santike pabbājito, etarahi yassa santike upasampadāpekkho hoti. Upajjhāyena ca sādhūti sampaṭicchanaṃ sandhāyā’’ti kehici likhitaṃ. Taṃ te evaṃ jānanti ‘‘upajjhāyena ‘sāhū’tiādinā sampaṭicchite saddhivihārikassa ‘sādhu suṭṭhu sampaṭicchāmī’ti vacanaṃ kevalaṃ bhikkhūhi āciṇṇameva, na katthaci dissati, tasmā vināpi tena upajjhāyo gahitova hotī’’ti. Tattha sāhūti sādhūti vuttaṃ hoti. Lahūti lahu, tvaṃ mama na bhāriyosīti vuttaṃ hoti. Opāyikanti upāyapaṭisaṃyuttaṃ, iminā upāyena tvaṃ me ito paṭṭhāya bhāro jātosīti attho. Patirūpanti anurūpaṃ te upajjhāyaggahaṇanti attho.
๖๖. ตาทิสเมว มุขโธวโนทกํ อุตุมฺหิ เอกสภาเคติฯ อิโต ปฎฺฐายาติ ‘‘น อุปชฺฌายสฺส ภณมานสฺสา’’ติ เอตฺถ วุตฺตน-การโต ปฎฺฐายฯ เตน ‘‘นาติทูเร คนฺตพฺพํ, นาจฺจาสเนฺน คนฺตพฺพ’’นฺติ เอตฺถ วุตฺตน-กาเรน อนาปตฺตีติ ทีเปตีติ เอเกฯ สจิตฺตกา อยํ อาปตฺติ, อุทาหุ อจิตฺตกาติ? อนาทริยปจฺจยตฺตา สจิตฺตกาฯ อนาทริยปจฺจยตา กถํ ปญฺญายตีติ เจ? อนาทริยปจฺจเยหิ สงฺคหิตนฺติฯ ปาติโมกฺขุเทฺทเส เสขิยานํ คณปริเจฺฉทากรณญฺหิ ขนฺธกปริยาปนฺนาปตฺติยา สงฺคณฺหนตฺถํฯ อิทํ ปน ลกฺขณํ จาริเตฺตเยว เวทิตพฺพํ, น วาริเตฺต อกปฺปิยมํสขาทนาทิอาปตฺตีนํ อจิตฺตกตฺตาฯ ขนฺธกวาริตฺตานํ เตหิ สงฺคโห, เสขิยวาริเตฺตเยว อจิตฺตเกหิ สูโปทนวิญฺญตฺติปจฺจยาทีหีติ อาจริโยฯ ยตฺถ ยตฺถ น-กาเรน ปฎิเสโธ กรียติ, กิํ สพฺพตฺถ ทุกฺกฎาปตฺตีติ? อามฯ ยตฺถ อฎฺฐกถาย นโย น ทสฺสิโต, ตตฺถ สพฺพตฺถฯ ปรโต หิ อฎฺฐกถายํ ‘‘สเจ ปน กาฬวณฺณกตา วา สุธาพทฺธา วา โหติ นิรชมตฺติกา, ตถารูปาย ภูมิยา ฐเปตุํ วฎฺฎตี’’ติอาทินา นเยน นโย ทสฺสิโตฯ
66.Tādisameva mukhadhovanodakaṃ utumhi ekasabhāgeti. Ito paṭṭhāyāti ‘‘na upajjhāyassa bhaṇamānassā’’ti ettha vuttana-kārato paṭṭhāya. Tena ‘‘nātidūre gantabbaṃ, nāccāsanne gantabba’’nti ettha vuttana-kārena anāpattīti dīpetīti eke. Sacittakā ayaṃ āpatti, udāhu acittakāti? Anādariyapaccayattā sacittakā. Anādariyapaccayatā kathaṃ paññāyatīti ce? Anādariyapaccayehi saṅgahitanti. Pātimokkhuddese sekhiyānaṃ gaṇaparicchedākaraṇañhi khandhakapariyāpannāpattiyā saṅgaṇhanatthaṃ. Idaṃ pana lakkhaṇaṃ cāritteyeva veditabbaṃ, na vāritte akappiyamaṃsakhādanādiāpattīnaṃ acittakattā. Khandhakavārittānaṃ tehi saṅgaho, sekhiyavāritteyeva acittakehi sūpodanaviññattipaccayādīhīti ācariyo. Yattha yattha na-kārena paṭisedho karīyati, kiṃ sabbattha dukkaṭāpattīti? Āma. Yattha aṭṭhakathāya nayo na dassito, tattha sabbattha. Parato hi aṭṭhakathāyaṃ ‘‘sace pana kāḷavaṇṇakatā vā sudhābaddhā vā hoti nirajamattikā, tathārūpāya bhūmiyā ṭhapetuṃ vaṭṭatī’’tiādinā nayena nayo dassito.
เอตฺถาห – ยสฺมา ปาฬิยํเยว ‘‘สเจ อุปชฺฌายสฺส อนภิรติ อุปฺปนฺนา โหติ, ทิฎฺฐิคตํ อุปฺปนฺนํ โหตี’’ติ (มหาว. ๖๖) ภควโต วจนวเสน อฎฺฐกถายํ วุตฺตนโย ยุโตฺตติ ทเสฺสตุํ ‘‘นาติทูเร นาจฺจาสเนฺน’’ติ เอตฺถ โก ภควโต วจนเลโสติ? วุจฺจเต – ‘‘ปฐมตรํ อาคนฺตฺวา อาสนํ ปญฺญาเปตพฺพ’’นฺติอาทีนิ วทนฺติ เทสนิยมนโตฯ อุปชฺฌาเยน อนุมตํเยว ปฐมคมนนฺติ เจ? น, อสิทฺธตฺตา, สิเทฺธปิ ยถาวุตฺตนยสิทฺธิโต จ ฯ น หิ วาริตฺตสฺส อนุมติ อนาปตฺติกรา โหติ, เอวํ สเนฺตปิ วิจาเรตฺวา คเหตพฺพํฯ โกฎฺฐกนฺติ ทฺวารโกฎฺฐกํฯ น นิสฺสชฺชิตพฺพํ, น นิทหิตพฺพํ วาฯ
Etthāha – yasmā pāḷiyaṃyeva ‘‘sace upajjhāyassa anabhirati uppannā hoti, diṭṭhigataṃ uppannaṃ hotī’’ti (mahāva. 66) bhagavato vacanavasena aṭṭhakathāyaṃ vuttanayo yuttoti dassetuṃ ‘‘nātidūre nāccāsanne’’ti ettha ko bhagavato vacanalesoti? Vuccate – ‘‘paṭhamataraṃ āgantvā āsanaṃ paññāpetabba’’ntiādīni vadanti desaniyamanato. Upajjhāyena anumataṃyeva paṭhamagamananti ce? Na, asiddhattā, siddhepi yathāvuttanayasiddhito ca . Na hi vārittassa anumati anāpattikarā hoti, evaṃ santepi vicāretvā gahetabbaṃ. Koṭṭhakanti dvārakoṭṭhakaṃ. Na nissajjitabbaṃ, na nidahitabbaṃ vā.
อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upajjhāyavattakathāvaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวคฺคปาฬิ • Mahāvaggapāḷi / ๑๕. อุปชฺฌายวตฺตกถา • 15. Upajjhāyavattakathā
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวคฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvagga-aṭṭhakathā / อุปชฺฌายวตฺตกถา • Upajjhāyavattakathā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา • Upajjhāyavattakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุปชฺฌายวตฺตกถาวณฺณนา • Upajjhāyavattakathāvaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / ปาจิตฺยาทิโยชนาปาฬิ • Pācityādiyojanāpāḷi / ๑๕. อุปชฺฌายวตฺตกถา • 15. Upajjhāyavattakathā