Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / ปฎิสมฺภิทามคฺค-อฎฺฐกถา • Paṭisambhidāmagga-aṭṭhakathā |
๓. อุปกฺกิเลสญาณนิเทฺทสวณฺณนา
3. Upakkilesañāṇaniddesavaṇṇanā
ปฐมจฺฉกฺกํ
Paṭhamacchakkaṃ
๑๕๔. ปฐมจฺฉเกฺก อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ อพฺภนฺตรปวิสนวาตสฺส นาสิกคฺคํ วา มุขนิมิตฺตํ วา อาทิ, หทยํ มชฺฌํ, นาภิ ปริโยสานํฯ ตํ ตสฺส อาทิมชฺฌปริโยสานํ สติยา อนุคจฺฉโต โยคิสฺส ฐานนานตฺตานุคมเนน จิตฺตํ อชฺฌตฺตํ วิเกฺขปํ คจฺฉติ, ตํ อชฺฌตฺตวิเกฺขปคตํ จิตฺตํ เอกเตฺต อสณฺฐหนโต สมาธิสฺส ปริปโนฺถฯ ปสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานนฺติ พหินิกฺขมนวาตสฺส นาภิ อาทิ, หทยํ มชฺฌํ, นาสิกคฺคํ วา มุขนิมิตฺตํ วา พหิอากาโส วา ปริโยสานํฯ โยชนา ปเนตฺถ วุตฺตนเยเนว เวทิตพฺพาฯ อสฺสาสปฎิกงฺขนา นิกนฺติตณฺหาจริยาติ ‘‘นาสิกาวาตายตฺตมิทํ กมฺมฎฺฐาน’’นฺติ สลฺลเกฺขตฺวา โอฬาริโกฬาริกสฺส อสฺสาสสฺส ปตฺถนาสงฺขาตา นิกามนา เอว ตณฺหาปวตฺติฯ ตณฺหาปวตฺติยา สติ เอกเตฺต อสณฺฐหนโต สมาธิสฺส ปริปโนฺถฯ ปสฺสาสปฎิกงฺขนา นิกนฺตีติ ปุน อสฺสาสปุพฺพกสฺส ปสฺสาสสฺส ปตฺถนาสงฺขาตา นิกนฺติฯ เสสํ วุตฺตนเยเนว โยเชตพฺพํฯ อสฺสาเสนาภิตุนฺนสฺสาติ อติทีฆํ อติรสฺสํ วา อสฺสาสํ กโรนฺตสฺส อสฺสาสมูลกสฺส กายจิตฺตกิลมถสฺส สพฺภาวโต เตน อสฺสาเสน วิทฺธสฺส ปีฬิตสฺสฯ ปสฺสาสปฎิลาเภ มุจฺฉนาติ อสฺสาเสน ปีฬิตตฺตาเยว ปสฺสาเส อสฺสาทสญฺญิโน ปสฺสาสํ ปตฺถยโต ตสฺมิํ ปสฺสาสปฎิลาเภ รชฺชนาฯ ปสฺสาสมูลเกปิ เอเสว นโยฯ
154. Paṭhamacchakke assāsādimajjhapariyosānanti abbhantarapavisanavātassa nāsikaggaṃ vā mukhanimittaṃ vā ādi, hadayaṃ majjhaṃ, nābhi pariyosānaṃ. Taṃ tassa ādimajjhapariyosānaṃ satiyā anugacchato yogissa ṭhānanānattānugamanena cittaṃ ajjhattaṃ vikkhepaṃ gacchati, taṃ ajjhattavikkhepagataṃ cittaṃ ekatte asaṇṭhahanato samādhissa paripantho. Passāsādimajjhapariyosānanti bahinikkhamanavātassa nābhi ādi, hadayaṃ majjhaṃ, nāsikaggaṃ vā mukhanimittaṃ vā bahiākāso vā pariyosānaṃ. Yojanā panettha vuttanayeneva veditabbā. Assāsapaṭikaṅkhanā nikantitaṇhācariyāti ‘‘nāsikāvātāyattamidaṃ kammaṭṭhāna’’nti sallakkhetvā oḷārikoḷārikassa assāsassa patthanāsaṅkhātā nikāmanā eva taṇhāpavatti. Taṇhāpavattiyā sati ekatte asaṇṭhahanato samādhissa paripantho. Passāsapaṭikaṅkhanā nikantīti puna assāsapubbakassa passāsassa patthanāsaṅkhātā nikanti. Sesaṃ vuttanayeneva yojetabbaṃ. Assāsenābhitunnassāti atidīghaṃ atirassaṃ vā assāsaṃ karontassa assāsamūlakassa kāyacittakilamathassa sabbhāvato tena assāsena viddhassa pīḷitassa. Passāsapaṭilābhe mucchanāti assāsena pīḷitattāyeva passāse assādasaññino passāsaṃ patthayato tasmiṃ passāsapaṭilābhe rajjanā. Passāsamūlakepi eseva nayo.
วุตฺตเสฺสว อตฺถสฺส อนุวณฺณนตฺถํ วุเตฺตสุ คาถาพเนฺธสุ อนุคจฺฉนาติ อนุคจฺฉมานาฯ สตีติ อชฺฌตฺตพหิทฺธาวิเกฺขปเหตุภูตา สติฯ วิกฺขิปติ อเนน จิตฺตนฺติ วิเกฺขโปฯ โก โส? อสฺสาโสฯ อชฺฌตฺตํ วิเกฺขโป อชฺฌตฺตวิเกฺขโป, ตสฺส อากงฺขนา อชฺฌตฺตวิเกฺขปากงฺขนา, อสมฺมามนสิการวเสน อชฺฌตฺตวิเกฺขปกสฺส อสฺสาสสฺส อากงฺขนาติ วุตฺตํ โหติฯ เอเตเนว นเยน พหิทฺธาวิเกฺขปปตฺถนา เวทิตพฺพาฯ เยหีติ เยหิ อุปกฺกิเลเสหิฯ วิกฺขิปฺปมานสฺสาติ วิกฺขิปิยมานสฺส วิเกฺขปํ อาปาทิยมานสฺสฯ โน จ จิตฺตํ วิมุจฺจตีติ จิตฺตํ อสฺสาสปสฺสาสารมฺมเณ จ นาธิมุจฺจติ, ปจฺจนีกธเมฺมหิ จ น วิมุจฺจติฯ จิตฺตํ โน จ วิมุจฺจติ ปรปตฺติยา จ โหนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ วิโมกฺขํ อปฺปชานนฺตาติ โส วา อโญฺญ วา อารมฺมณาธิมุตฺติวิโมกฺขญฺจ ปจฺจนีกวิมุตฺติวิโมกฺขญฺจ เอวํ อปฺปชานนฺตาฯ ปรปตฺติยาติ ปรปจฺจยํ ปรสทฺทหนํ อรหนฺติ, น อตฺตปจฺจกฺขํ ญาณนฺติ ‘‘ปรปจฺจยิกา’’ติ วตฺตเพฺพ ‘‘ปรปตฺติยา’’ติ วุตฺตํฯ อโตฺถ ปน โสเยวฯ
Vuttasseva atthassa anuvaṇṇanatthaṃ vuttesu gāthābandhesu anugacchanāti anugacchamānā. Satīti ajjhattabahiddhāvikkhepahetubhūtā sati. Vikkhipati anena cittanti vikkhepo. Ko so? Assāso. Ajjhattaṃ vikkhepo ajjhattavikkhepo, tassa ākaṅkhanā ajjhattavikkhepākaṅkhanā, asammāmanasikāravasena ajjhattavikkhepakassa assāsassa ākaṅkhanāti vuttaṃ hoti. Eteneva nayena bahiddhāvikkhepapatthanā veditabbā. Yehīti yehi upakkilesehi. Vikkhippamānassāti vikkhipiyamānassa vikkhepaṃ āpādiyamānassa. No ca cittaṃ vimuccatīti cittaṃ assāsapassāsārammaṇe ca nādhimuccati, paccanīkadhammehi ca na vimuccati. Cittaṃ no ca vimuccati parapattiyā ca hontīti sambandho. Vimokkhaṃ appajānantāti so vā añño vā ārammaṇādhimuttivimokkhañca paccanīkavimuttivimokkhañca evaṃ appajānantā. Parapattiyāti parapaccayaṃ parasaddahanaṃ arahanti, na attapaccakkhaṃ ñāṇanti ‘‘parapaccayikā’’ti vattabbe ‘‘parapattiyā’’ti vuttaṃ. Attho pana soyeva.
ทุติยจฺฉกฺกํ
Dutiyacchakkaṃ
๑๕๕. ทุติยจฺฉเกฺก นิมิตฺตนฺติ อสฺสาสปสฺสาสานํ ผุสนฎฺฐานํฯ อสฺสาสปสฺสาสา หิ ทีฆนาสิกสฺส นาสาปุฎํ ฆเฎฺฎนฺตา ปวตฺตนฺติ, รสฺสนาสิกสฺส อุตฺตโรฎฺฐํฯ ยทิ หิ อยํ โยคี ตํ นิมิตฺตเมว อาวชฺชติ, ตสฺส นิมิตฺตเมว อาวชฺชมานสฺส อสฺสาเส จิตฺตํ วิกมฺปติ, น ปติฎฺฐาตีติ อโตฺถฯ ตสฺส ตสฺมิํ จิเตฺต อปฺปติฎฺฐิเต สมาธิสฺส อภาวโต ตํ วิกมฺปนํ สมาธิสฺส ปริปโนฺถฯ ยทิ อสฺสาสเมว อาวชฺชติ, ตสฺส จิตฺตํ อพฺภนฺตรปเวสนวเสน วิเกฺขปํ อาวหติ, นิมิเตฺต น ปติฎฺฐาติ, ตสฺมา นิมิเตฺต วิกมฺปติฯ อิมินา นเยน เสเสสุปิ โยชนา กาตพฺพาฯ คาถาสุ วิกฺขิปฺปเตติ วิกฺขิปียติ วิเกฺขปํ อาปาทียติฯ
155. Dutiyacchakke nimittanti assāsapassāsānaṃ phusanaṭṭhānaṃ. Assāsapassāsā hi dīghanāsikassa nāsāpuṭaṃ ghaṭṭentā pavattanti, rassanāsikassa uttaroṭṭhaṃ. Yadi hi ayaṃ yogī taṃ nimittameva āvajjati, tassa nimittameva āvajjamānassa assāse cittaṃ vikampati, na patiṭṭhātīti attho. Tassa tasmiṃ citte appatiṭṭhite samādhissa abhāvato taṃ vikampanaṃ samādhissa paripantho. Yadi assāsameva āvajjati, tassa cittaṃ abbhantarapavesanavasena vikkhepaṃ āvahati, nimitte na patiṭṭhāti, tasmā nimitte vikampati. Iminā nayena sesesupi yojanā kātabbā. Gāthāsu vikkhippateti vikkhipīyati vikkhepaṃ āpādīyati.
ตติยจฺฉกฺกํ
Tatiyacchakkaṃ
๑๕๖. ตติยจฺฉเกฺก อตีตานุธาวนํ จิตฺตนฺติ ผุสนฎฺฐานํ อติกฺกมิตฺวา คตํ อสฺสาสํ วา ปสฺสาสํ วา อนุคจฺฉมานํ จิตฺตํฯ วิเกฺขปานุปติตนฺติ วิเกฺขเปน อนุคตํ, วิเกฺขปํ วา สยํ อนุปติตํ อนุคตํฯ อนาคตปฎิกงฺขนํ จิตฺตนฺติ ผุสนฎฺฐานํ อปฺปตฺตํ อสฺสาสํ วา ปสฺสาสํ วา ปฎิกงฺขมานํ ปจฺจาสีสมานํ จิตฺตํฯ วิกมฺปิตนฺติ ตสฺมิํ อปฺปติฎฺฐาเนเนว วิเกฺขเปน วิกมฺปิตํฯ ลีนนฺติ อติสิถิลวีริยตาทีหิ สงฺกุจิตํฯ โกสชฺชานุปติตนฺติ กุสีตภาวานุคตํฯ อติปคฺคหิตนฺติ อจฺจารทฺธวีริยตาทีหิ อติอุสฺสาหิตํฯ อุทฺธจฺจานุปติตนฺติ วิเกฺขปานุคตํฯ อภินตนฺติ อสฺสาทวตฺถูสุ ภุสํ นตํ อลฺลีนํฯ อปนตนฺติ นิรสฺสาทวตฺถูสุ ปติหตํ, ตโต อปคตํ วา, อปคตนตํ วา, น ตโต อปคตนฺติ อโตฺถฯ ราคานุปติตนฺติ เอตฺถ อสฺสาสปสฺสาสนิมิตฺตํ มนสิกโรโต อุปฺปนฺนปีติสุเข วา ปุเพฺพ หสิตลปิตกีฬิตวตฺถูสุ วา ราโค อนุปตติฯ พฺยาปาทานุปติตนฺติ เอตฺถ มนสิกาเร นิรสฺสาทคตจิตฺตสฺส อุปฺปนฺนโทมนสฺสวเสน วา ปุเพฺพ สมุทาจิเณฺณสุ อาฆาตวตฺถูสุ วา พฺยาปาโท อนุปตติฯ คาถาสุ น สมาธิยตีติ น สมาหิตํ โหติฯ อธิจิตฺตนฺติ จิตฺตสีเสน นิทฺทิโฎฺฐ อธิโก สมาธิฯ
156. Tatiyacchakke atītānudhāvanaṃ cittanti phusanaṭṭhānaṃ atikkamitvā gataṃ assāsaṃ vā passāsaṃ vā anugacchamānaṃ cittaṃ. Vikkhepānupatitanti vikkhepena anugataṃ, vikkhepaṃ vā sayaṃ anupatitaṃ anugataṃ. Anāgatapaṭikaṅkhanaṃ cittanti phusanaṭṭhānaṃ appattaṃ assāsaṃ vā passāsaṃ vā paṭikaṅkhamānaṃ paccāsīsamānaṃ cittaṃ. Vikampitanti tasmiṃ appatiṭṭhāneneva vikkhepena vikampitaṃ. Līnanti atisithilavīriyatādīhi saṅkucitaṃ. Kosajjānupatitanti kusītabhāvānugataṃ. Atipaggahitanti accāraddhavīriyatādīhi atiussāhitaṃ. Uddhaccānupatitanti vikkhepānugataṃ. Abhinatanti assādavatthūsu bhusaṃ nataṃ allīnaṃ. Apanatanti nirassādavatthūsu patihataṃ, tato apagataṃ vā, apagatanataṃ vā, na tato apagatanti attho. Rāgānupatitanti ettha assāsapassāsanimittaṃ manasikaroto uppannapītisukhe vā pubbe hasitalapitakīḷitavatthūsu vā rāgo anupatati. Byāpādānupatitanti ettha manasikāre nirassādagatacittassa uppannadomanassavasena vā pubbe samudāciṇṇesu āghātavatthūsu vā byāpādo anupatati. Gāthāsu na samādhiyatīti na samāhitaṃ hoti. Adhicittanti cittasīsena niddiṭṭho adhiko samādhi.
๑๕๗. เอตฺตาวตา ตีหิ ฉเกฺกหิ อฎฺฐารส อุปกฺกิเลเส นิทฺทิสิตฺวา อิทานิ เตสํ อุปกฺกิเลสานํ สมาธิสฺส ปริปนฺถภาวสาธเนน อาทีนวํ ทเสฺสโนฺต ปุน อสฺสาสาทิมชฺฌปริโยสานนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ กาโยปิ จิตฺตมฺปิ สารทฺธา จ โหนฺตีติ วิเกฺขปสมุฎฺฐานรูปานํ วเสน รูปกาโยปิ, วิเกฺขปสนฺตติวเสน จิตฺตมฺปิ มหตา โขเภน ขุภิตา สทรถา จ โหนฺติฯ ตโต มนฺทตเรน อิญฺชิตา กมฺปิตา, ตโต มนฺทตเรน ผนฺทิตา จลิตา โหนฺติฯ พลวาปิ มชฺฌิโมปิ มโนฺทปิ โขโภ โหติเยว, น สกฺกา โขเภน น ภวิตุนฺติ วุตฺตํ โหติฯ จิตฺตํ วิกมฺปิตตฺตาติ จิตฺตสฺส วิกมฺปิตตฺตาฯ คาถาสุ ปริปุณฺณา อภาวิตาติ ยถา ปริปุณฺณา โหติ, ตถา อภาวิตาฯ อิญฺชิโตติ กมฺปิโตฯ ผนฺทิโตติ มนฺทกมฺปิโตฯ เหฎฺฐา นีวรณานํ อนนฺตรตฺตา ‘‘อิเมหิ จ ปน นีวรเณหี’’ติ (ปฎิ. ม. ๑.๑๕๓) อจฺจนฺตสมีปนิทสฺสนวจนํ กตํฯ อิธ ปน นิคมเน นีวรณานํ สนฺตรตฺตา เตหิ จ ปน นีวรเณหีติ ปรมฺมุขนิทสฺสนวจนํ กตํฯ
157. Ettāvatā tīhi chakkehi aṭṭhārasa upakkilese niddisitvā idāni tesaṃ upakkilesānaṃ samādhissa paripanthabhāvasādhanena ādīnavaṃ dassento puna assāsādimajjhapariyosānantiādimāha. Tattha kāyopi cittampi sāraddhā ca hontīti vikkhepasamuṭṭhānarūpānaṃ vasena rūpakāyopi, vikkhepasantativasena cittampi mahatā khobhena khubhitā sadarathā ca honti. Tato mandatarena iñjitā kampitā, tato mandatarena phanditā calitā honti. Balavāpi majjhimopi mandopi khobho hotiyeva, na sakkā khobhena na bhavitunti vuttaṃ hoti. Cittaṃ vikampitattāti cittassa vikampitattā. Gāthāsu paripuṇṇā abhāvitāti yathā paripuṇṇā hoti, tathā abhāvitā. Iñjitoti kampito. Phanditoti mandakampito. Heṭṭhā nīvaraṇānaṃ anantarattā ‘‘imehi ca pana nīvaraṇehī’’ti (paṭi. ma. 1.153) accantasamīpanidassanavacanaṃ kataṃ. Idha pana nigamane nīvaraṇānaṃ santarattā tehi ca pana nīvaraṇehīti parammukhanidassanavacanaṃ kataṃ.
อุปกฺกิเลสญาณนิเทฺทสวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ
Upakkilesañāṇaniddesavaṇṇanā niṭṭhitā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / ปฎิสมฺภิทามคฺคปาฬิ • Paṭisambhidāmaggapāḷi / ๓. อุปกฺกิเลสญาณนิเทฺทโส • 3. Upakkilesañāṇaniddeso