Tipiṭaka / Tipiṭaka (English) / Majjhima Nikāya, English translation |
มชฺฌิม นิกาย ๑๒๘
The Middle-Length Suttas Collection 128
อุปกฺกิเลสสุตฺต
Corruptions
เอวํ เม สุตํ—เอกํ สมยํ ภควา โกสมฺพิยํ วิหรติ โฆสิตาราเมฯ
So I have heard. At one time the Buddha was staying near Kosambī, in Ghosita’s Monastery.
เตน โข ปน สมเยน โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติฯ
Now at that time the bhikkhus of Kosambī were arguing, quarreling, and disputing, continually wounding each other with barbed words.
อถ โข อญฺญตโร ภิกฺขุ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ อฏฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิโต โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อิธ, ภนฺเต, โกสมฺพิยํ ภิกฺขู ภณฺฑนชาตา กลหชาตา วิวาทาปนฺนา อญฺญมญฺญํ มุขสตฺตีหิ วิตุทนฺตา วิหรนฺติฯ สาธุ, ภนฺเต, ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมตุ อนุกมฺปํ อุปาทายา”ติฯ อธิวาเสสิ ภควา ตุณฺหีภาเวนฯ
Then a bhikkhu went up to the Buddha, bowed, stood to one side, and told him what was happening, adding: “Please, sir go to those bhikkhus out of compassion.” The Buddha consented with silence.
อถ โข ภควา เยน เต ภิกฺขู เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาทนฺ”ติฯ
Then the Buddha went up to those bhikkhus and said, “Enough, bhikkhus! Stop arguing, quarreling, and disputing.”
เอวํ วุตฺเต, อญฺญตโร ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อาคเมตุ, ภนฺเตฯ ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปญฺญายิสฺสามา”ติฯ
When he said this, one of the bhikkhus said to the Buddha, “Wait, sir! Let the Buddha, the Lord of the Dhamma, remain passive, dwelling in blissful meditation in the present life. We will be known for this arguing, quarreling, and disputing.”
ทุติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาทนฺ”ติฯ ทุติยมฺปิ โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อาคเมตุ, ภนฺเตฯ ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปญฺญายิสฺสามา”ติฯ ตติยมฺปิ โข ภควา เต ภิกฺขู เอตทโวจ: “อลํ, ภิกฺขเว, มา ภณฺฑนํ, มา กลหํ, มา วิคฺคหํ, มา วิวาทนฺ”ติฯ
For a second time … and a third time the Buddha said to those bhikkhus, “Enough, bhikkhus! Stop arguing, quarreling, and disputing.”
ตติยมฺปิ โข โส ภิกฺขุ ภควนฺตํ เอตทโวจ: “อาคเมตุ, ภนฺเตฯ ภควา ธมฺมสฺสามี; อปฺโปสฺสุกฺโก, ภนฺเต, ภควา ทิฏฺฐธมฺมสุขวิหารํ อนุยุตฺโต วิหรตุ; มยเมเตน ภณฺฑเนน กลเหน วิคฺคเหน วิวาเทน ปญฺญายิสฺสามา”ติฯ
For a third time that bhikkhu said to the Buddha, “Wait, sir! Let the Buddha, the Lord of the Dhamma, remain passive, dwelling in blissful meditation in the present life. We will be known for this arguing, quarreling, and disputing.”
อถ โข ภควา ปุพฺพณฺหสมยํ นิวาเสตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย โกสมฺพึ ปิณฺฑาย ปาวิสิฯ โกสมฺพิยํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฏิกฺกนฺโต เสนาสนํ สํสาเมตฺวา ปตฺตจีวรมาทาย ฐิตโกว อิมา คาถา อภาสิ:
Then the Buddha robed up in the morning and, taking his bowl and robe, entered Kosambī for alms. After the meal, on his return from almsround, he set his lodgings in order. Taking his bowl and robe, he recited these verses while standing right there:
“ปุถุสทฺโท สมชโน, น พาโล โกจิ มญฺญถ; สงฺฆสฺมึ ภิชฺชมานสฺมึ, นาญฺญํ ภิโยฺย อมญฺญรุํฯ
“When many voices shout at once, no-one thinks that they’re a fool! While the Saṅgha’s being split, none thought another to be better.
ปริมุฏฺฐา ปณฺฑิตาภาสา, วาจาโคจรภาณิโน; ยาวิจฺฉนฺติ มุขายามํ, เยน นีตา น ตํ วิทูฯ
Dolts pretending to be astute, they talk, their words right out of bounds. They blab at will, their mouths agape, and no-one knows what leads them on.
อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม; เย จ ตํ อุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสํ น สมฺมติฯ
“They abused me, they hit me! They beat me, they robbed me!” For those who bear such a grudge, hatred never ends.
อกฺโกจฺฉิ มํ อวธิ มํ, อชินิ มํ อหาสิ เม; เย จ ตํ นุปนยฺหนฺติ, เวรํ เตสูปสมฺมติฯ
“They abused me, they hit me! They beat me, they robbed me!” For those who bear no such grudge, hatred has an end.
น หิ เวเรน เวรานิ, สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ; อเวเรน จ สมฺมนฺติ, เอส ธมฺโม สนนฺตโนฯ
For never is hatred settled by hate, it’s only settled by love: this is an eternal truth.
ปเร จ น วิชานนฺติ, มยเมตฺถ ยมามเส; เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ, ตโต สมฺมนฺติ เมธคาฯ
Others don’t understand that here we need to be restrained. But those who do understand this, being clever, settle their conflicts.
อฏฺฐิจฺฉินฺนา ปาณหรา, ควสฺสธนหาริโน; รฏฺฐํ วิลุมฺปมานานํ, เตสมฺปิ โหติ สงฺคติ; กสฺมา ตุมฺหากํ โน สิยาฯ
Breakers of bones and takers of life, thieves of cattle, horses, wealth, those who plunder the nation: even they can come together, so why on earth can’t you?
สเจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ; อภิภุยฺย สพฺพานิ ปริสฺสยานิ, จเรยฺย เตนตฺตมโน สตีมาฯ
If you find an alert companion, a wise and virtuous friend, then, overcoming all adversities, wander with them, joyful and mindful.
โน เจ ลเภถ นิปกํ สหายํ, สทฺธึ จรํ สาธุวิหาริ ธีรํ; ราชาว รฏฺฐํ วิชิตํ ปหาย, เอโก จเร มาตงฺครญฺเญว นาโคฯ
If you find no alert companion, no wise and virtuous friend, then, like a king who flees his conquered realm, wander alone like a tusker in the wilds.
เอกสฺส จริตํ เสโยฺย, นตฺถิ พาเล สหายตา; เอโก จเร น จ ปาปานิ กยิรา, อปฺโปสฺสุกฺโก มาตงฺครญฺเญว นาโค”ติฯ
It’s better to wander alone, there’s no fellowship with fools. Wander alone and do no wrong, at ease like a tusker in the wilds.”
อถ โข ภควา ฐิตโกว อิมา คาถา ภาสิตฺวา เยน พาลกโลณการคาโม เตนุปสงฺกมิฯ เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา ภคุ พาลกโลณการคาเม วิหรติฯ อทฺทสา โข อายสฺมา ภคุ ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน อาสนํ ปญฺญเปสิ อุทกญฺจ ปาทานํ โธวนํฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญตฺเต อาสเนฯ นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิฯ อายสฺมาปิ โข ภคุ ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ
After speaking these verses while standing, the Buddha went to the village of the child salt-miners, where Venerable Bhagu was staying at the time. Bhagu saw the Buddha coming off in the distance, so he spread out a seat and placed water for washing the feet. The Buddha sat on the seat spread out, and washed his feet. Bhagu bowed to the Buddha and sat down to one side.
เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ ภคุํ ภควา เอตทโวจ: “กจฺจิ, ภิกฺขุ, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมสี”ติ?
The Buddha said to him, “I hope you’re keeping well, bhikkhu; I hope you’re all right. And I hope you’re having no trouble getting almsfood.”
“ขมนียํ ภควา, ยาปนียํ ภควา, น จาหํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามี”ติฯ
“I’m keeping well, sir; I’m all right. And I’m having no trouble getting almsfood.”
อถ โข ภควา อายสฺมนฺตํ ภคุํ ธมฺมิยา กถาย สนฺทเสฺสตฺวา สมาทเปตฺวา สมุตฺเตเชตฺวา สมฺปหํเสตฺวา อุฏฺฐายาสนา เยน ปาจีนวํสทาโย เตนุปสงฺกมิฯ
Then the Buddha educated, encouraged, fired up, and inspired Bhagu with a Dhamma talk, after which he got up from his seat and set out for the Eastern Bamboo Park.
เตน โข ปน สมเยน อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ปาจีนวํสทาเย วิหรนฺติฯ อทฺทสา โข ทายปาโล ภควนฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มา, มหาสมณ, เอตํ ทายํ ปาวิสิฯ สนฺเตตฺถ ตโย กุลปุตฺตา อตฺตกามรูปา วิหรนฺติฯ มา เตสํ อผาสุมกาสี”ติฯ
Now at that time the venerables Anuruddha, Nandiya, and Kimbila were staying in the Eastern Bamboo Park. The park keeper saw the Buddha coming off in the distance and said to the Buddha, “Don’t come into this park, ascetic. There are three gentlemen who love themselves staying here. Don’t disturb them.”
อโสฺสสิ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ ทายปาลสฺส ภควตา สทฺธึ มนฺตยมานสฺสฯ สุตฺวาน ทายปาลํ เอตทโวจ: “มา, อาวุโส ทายปาล, ภควนฺตํ วาเรสิฯ สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต”ติฯ
Anuruddha heard the park keeper conversing with the Buddha, and said to him, “Don’t keep the Buddha out, good park keeper! Our Teacher, the Blessed One, has arrived.”
อถ โข อายสฺมา อนุรุทฺโธ เยนายสฺมา จ นนฺทิโย เยนายสฺมา จ กิมิโล เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อายสฺมนฺตญฺจ นนฺทิยํ อายสฺมนฺตญฺจ กิมิลํ เอตทโวจ: “อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, อภิกฺกมถายสฺมนฺโต, สตฺถา โน ภควา อนุปฺปตฺโต”ติฯ
Then Anuruddha went to Nandiya and Kimbila, and said to them, “Come forth, venerables, come forth! Our Teacher, the Blessed One, has arrived!”
อถ โข อายสฺมา จ อนุรุทฺโธ อายสฺมา จ นนฺทิโย อายสฺมา จ กิมิโล ภควนฺตํ ปจฺจุคฺคนฺตฺวา เอโก ภควโต ปตฺตจีวรํ ปฏิคฺคเหสิ, เอโก อาสนํ ปญฺญเปสิ, เอโก ปาโททกํ อุปฏฺฐเปสิฯ นิสีทิ ภควา ปญฺญตฺเต อาสเนฯ นิสชฺช ปาเท ปกฺขาเลสิฯ เตปิ โข อายสฺมนฺโต ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทึสุฯ
Then Anuruddha, Nandiya, and Kimbila came out to greet the Buddha. One received his bowl and robe, one spread out a seat, and one set out water for washing his feet. The Buddha sat on the seat spread out and washed his feet. Those venerables bowed and sat down to one side.
เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข อายสฺมนฺตํ อนุรุทฺธํ ภควา เอตทโวจ: “กจฺจิ โว, อนุรุทฺธา, ขมนียํ, กจฺจิ ยาปนียํ, กจฺจิ ปิณฺฑเกน น กิลมถา”ติ?
The Buddha said to Anuruddha, “I hope you’re keeping well, Anuruddha and friends; I hope you’re all right. And I hope you’re having no trouble getting almsfood.”
“ขมนียํ ภควา, ยาปนียํ ภควา, น จ มยํ, ภนฺเต, ปิณฺฑเกน กิลมามา”ติฯ
“We’re keeping well, sir; we’re all right. And we’re having no trouble getting almsfood.”
“กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา”ติ?
“I hope you’re living in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes?”
“ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา”ติฯ
“Indeed, sir, we live in harmony as you say.”
“ยถา กถํ ปน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรถา”ติ?
“But how do you live this way?”
“อิธ มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จฯ ตสฺส, มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ยนฺนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺยนฺ'ติฯ โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิฯ นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกญฺจ ปน มญฺเญ จิตฺตนฺ”ติฯ
“In this case, sir, I think: ‘I’m fortunate, so very fortunate, to live together with spiritual companions such as these.’ I consistently treat these venerables with kindness by way of body, speech, and mind, both in public and in private. I think: ‘Why don’t I set aside my own ideas and just go along with these venerables’ ideas?’ And that’s what I do. Though we’re different in body, sir, we’re one in mind, it seems to me.”
อายสฺมาปิ โข นนฺทิโย …เป… อายสฺมาปิ โข กิมิโล ภควนฺตํ เอตทโวจ: “มยฺหมฺปิ โข, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ลาภา วต เม, สุลทฺธํ วต เม โยหํ เอวรูเปหิ สพฺรหฺมจารีหิ สทฺธึ วิหรามี'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, อิเมสุ อายสฺมนฺเตสุ เมตฺตํ กายกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ วจีกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จ, เมตฺตํ มโนกมฺมํ ปจฺจุปฏฺฐิตํ อาวิ เจว รโห จฯ ตสฺส มยฺหํ, ภนฺเต, เอวํ โหติ: ‘ยนฺนูนาหํ สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺเตยฺยนฺ'ติฯ โส โข อหํ, ภนฺเต, สกํ จิตฺตํ นิกฺขิปิตฺวา อิเมสํเยว อายสฺมนฺตานํ จิตฺตสฺส วเสน วตฺตามิฯ นานา หิ โข โน, ภนฺเต, กายา, เอกญฺจ ปน มญฺเญ จิตฺตนฺติฯ เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, สมคฺคา สมฺโมทมานา อวิวทมานา ขีโรทกีภูตา อญฺญมญฺญํ ปิยจกฺขูหิ สมฺปสฺสนฺตา วิหรามา”ติฯ
And the venerables Nandiya and Kimbila spoke likewise, and they added: “That’s how we live in harmony, appreciating each other, without quarreling, blending like milk and water, and regarding each other with kindly eyes.”
“สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ กจฺจิ ปน โว, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา”ติ?
“Good, good, Anuruddha and friends! But I hope you’re living diligently, keen, and resolute?”
“ตคฺฆ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา”ติฯ
“Indeed, sir, we live diligently.”
“ยถา กถํ ปน ตุเมฺห, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรถา”ติ?
“But how do you live this way?”
“อิธ, ภนฺเต, อมฺหากํ โย ปฐมํ คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ, โส อาสนานิ ปญฺญเปติ, ปานียํ ปริโภชนียํ อุปฏฺฐาเปติ, อวกฺการปาตึ อุปฏฺฐาเปติฯ โย ปจฺฉา คามโต ปิณฺฑาย ปฏิกฺกมติ—สเจ โหติ ภุตฺตาวเสโส, สเจ อากงฺขติ, ภุญฺชติ; โน เจ อากงฺขติ, อปฺปหริเต วา ฉฑฺเฑติ อปาณเก วา อุทเก โอปิลาเปติ—โส อาสนานิ ปฏิสาเมติ, ปานียํ ปริโภชนียํ ปฏิสาเมติ, อวกฺการปาตึ โธวิตฺวา ปฏิสาเมติ, ภตฺตคฺคํ สมฺมชฺชติฯ โย ปสฺสติ ปานียฆฏํ วา ปริโภชนียฆฏํ วา วจฺจฆฏํ วา ริตฺตํ ตุจฺฉํ โส อุปฏฺฐาเปติฯ สจสฺส โหติ อวิสยฺหํ, หตฺถวิกาเรน ทุติยํ อามนฺเตตฺวา หตฺถวิลงฺฆเกน อุปฏฺฐาเปม, น เตฺวว มยํ, ภนฺเต, ตปฺปจฺจยา วาจํ ภินฺทามฯ ปญฺจาหิกํ โข ปน มยํ, ภนฺเต, สพฺพรตฺตึ ธมฺมิยา กถาย สนฺนิสีทามฯ เอวํ โข มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรามา”ติฯ
“In this case, sir, whoever returns first from almsround prepares the seats, and puts out the drinking water and the rubbish bin. If there’s anything left over, whoever returns last eats it if they like. Otherwise they throw it out where there is little that grows, or drop it into water that has no living creatures. Then they put away the seats, drinking water, and rubbish bin, and sweep the refectory. If someone sees that the pot of water for washing, drinking, or the toilet is empty they set it up. If he can’t do it, he summons another with a wave of the hand, and they set it up by lifting it with their hands. But we don’t break into speech for that reason. And every five days we sit together for the whole night and discuss the teachings. That’s how we live diligently, keen, and resolute.”
“สาธุ สาธุ, อนุรุทฺธาฯ อตฺถิ ปน โว, อนุรุทฺธา, เอวํ อปฺปมตฺตานํ อาตาปีนํ ปหิตตฺตานํ วิหรตํ อุตฺตริ มนุสฺสธมฺมา อลมริยญาณทสฺสนวิเสโส อธิคโต ผาสุวิหาโร”ติ?
“Good, good, Anuruddha and friends! But as you live diligently like this, have you achieved any superhuman distinction in knowledge and vision worthy of the noble ones, a meditation at ease?”
“อิธ มยํ, ภนฺเต, อปฺปมตฺตา อาตาปิโน ปหิตตฺตา วิหรนฺตา โอภาสญฺเจว สญฺชานาม ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โส โข ปน โน โอภาโส นจิรเสฺสว อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํ; ตญฺจ นิมิตฺตํ นปฺปฏิวิชฺฌามา”ติฯ
“Well, sir, while meditating diligent, keen, and resolute, we perceive both light and vision of forms. But before long the light and the vision of forms vanish. We haven’t worked out the reason for that.”
“ตํ โข ปน โว, อนุรุทฺธา, นิมิตฺตํ ปฏิวิชฺฌิตพฺพํฯ อหมฺปิ สุทํ, อนุรุทฺธา, ปุพฺเพว สมฺโพธา อนภิสมฺพุทฺโธ โพธิสตฺโตว สมาโน โอภาสญฺเจว สญฺชานามิ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โส โข ปน เม โอภาโส นจิรเสฺสว อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานนฺ'ติ? ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘วิจิกิจฺฉา โข เม อุทปาทิ, วิจิกิจฺฉาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสตี'ติฯ
“Well, you should work out the reason for that. Before my awakening—when I was still unawakened but intent on awakening—I too perceived both light and vision of forms. But before long my light and vision of forms vanished. It occurred to me: ‘What’s the cause, what’s the reason why my light and vision of forms vanish?’ It occurred to me: ‘Doubt arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. I’ll make sure that doubt will not arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสญฺเจว สญฺชานามิ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โส โข ปน เม โอภาโส นจิรเสฺสว อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานนฺ'ติ? ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อมนสิกาโร โข เม อุทปาทิ, อมนสิการาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร'ติฯ
While meditating diligent, keen, and resolute, I perceived both light and vision of forms. But before long my light and vision of forms vanished. It occurred to me: ‘What’s the cause, what’s the reason why my light and vision of forms vanish?’ It occurred to me: ‘Loss of focus arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘ถินมิทฺธํ โข เม อุทปาทิ, ถินมิทฺธาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Dullness and drowsiness arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘ฉมฺภิตตฺตํ โข เม อุทปาทิ, ฉมฺภิตตฺตาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส อทฺธานมคฺคปฺปฏิปนฺโน, ตสฺส อุภโตปเสฺส วฏฺฏกา อุปฺปเตยฺยุํ, ตสฺส ตโตนิทานํ ฉมฺภิตตฺตํ อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, ฉมฺภิตตฺตํ อุทปาทิ, ฉมฺภิตตฺตาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Terror arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. Suppose a person was traveling along a road, and killers were to spring out at them from both sides. They’d feel terrified because of that. In the same way, terror arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อุปฺปิลํ โข เม อุทปาทิ, อุปฺปิลาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส เอกํ นิธิมุขํ คเวสนฺโต สกิเทว ปญฺจนิธิมุขานิ อธิคจฺเฉยฺย, ตสฺส ตโตนิทานํ อุปฺปิลํ อุปฺปชฺเชยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อุปฺปิลํ อุทปาทิ, อุปฺปิลาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Excitement arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. Suppose a person was looking for an entrance to a hidden treasure. And all at once they’d come across five entrances! They’d feel excited because of that. In the same way, excitement arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘ทุฏฺฐุลฺลํ โข เม อุทปาทิ, ทุฏฺฐุลฺลาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Discomfort arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อจฺจารทฺธวีริยํ โข เม อุทปาทิ, อจฺจารทฺธวีริยาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส อุโภหิ หตฺเถหิ วฏฺฏกํ คาฬฺหํ คเณฺหยฺย, โส ตตฺเถว ปตเมยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อจฺจารทฺธวีริยํ อุทปาทิ, อจฺจารทฺธวีริยาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Excessive energy arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. Suppose a person was to grip a quail too tightly in their hands—it would die right there. I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort nor excessive energy will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อติลีนวีริยํ โข เม อุทปาทิ, อติลีนวีริยาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ เสยฺยถาปิ, อนุรุทฺธา, ปุริโส วฏฺฏกํ สิถิลํ คเณฺหยฺย, โส ตสฺส หตฺถโต อุปฺปเตยฺย; เอวเมว โข เม, อนุรุทฺธา, อติลีนวีริยํ อุทปาทิ, อติลีนวีริยาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยนฺ'ติฯ
While meditating … ‘Overly lax energy arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. Suppose a person was to grip a quail too loosely—it would fly out of their hands. I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort nor excessive energy nor overly lax energy will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อภิชปฺปา โข เม อุทปาทิ, อภิชปฺปาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา'ติฯ
While meditating … ‘Longing arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort nor excessive energy nor overly lax energy nor longing will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา …เป… ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘นานตฺตสญฺญา โข เม อุทปาทิ, นานตฺตสญฺญาธิกรณญฺจ ปน เม สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา, น นานตฺตสญฺญา'ติฯ
While meditating … ‘Perceptions of diversity arose in me … I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort nor excessive energy nor overly lax energy nor longing nor perception of diversity will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสญฺเจว สญฺชานามิ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โส โข ปน เม โอภาโส นจิรเสฺสว อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ ตสฺส มยฺหํ อนุรุทฺธา เอตทโหสิ: ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย เยน เม โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานนฺ'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ โข เม รูปานํ อุทปาทิ, อตินิชฺฌายิตตฺตาธิกรณญฺจ ปน เม รูปานํ สมาธิ จวิฯ สมาธิมฺหิ จุเต โอภาโส อนฺตรธายติ ทสฺสนญฺจ รูปานํฯ โสหํ ตถา กริสฺสามิ ยถา เม ปุน น วิจิกิจฺฉา อุปฺปชฺชิสฺสติ, น อมนสิกาโร, น ถินมิทฺธํ, น ฉมฺภิตตฺตํ, น อุปฺปิลํ, น ทุฏฺฐุลฺลํ, น อจฺจารทฺธวีริยํ, น อติลีนวีริยํ, น อภิชปฺปา, น นานตฺตสญฺญา, น อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานนฺ'ติฯ
While meditating diligent, keen, and resolute, I perceived both light and vision of forms. But before long my light and vision of forms vanished. It occurred to me: ‘What’s the cause, what’s the reason why my light and vision of forms vanish?’ It occurred to me: ‘Excessive concentration on forms arose in me, and because of that my immersion fell away. When immersion falls away, the light and vision of forms vanish. I’ll make sure that neither doubt nor loss of focus nor dullness and drowsiness nor terror nor excitement nor discomfort nor excessive energy nor overly lax energy nor longing nor perception of diversity nor excessive concentration on forms will arise in me again.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อมนสิการํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘ทุฏฺฐุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ทุฏฺฐุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อภิชปฺปํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘นานตฺตสญฺญา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา นานตฺตสญฺญํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึ, ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสํ ปชหึฯ
When I understood that doubt is a corruption of the mind, I gave it up. When I understood that loss of focus, dullness and drowsiness, terror, excitement, discomfort, excessive energy, overly lax energy, longing, perception of diversity, and excessive concentration on forms are corruptions of the mind, I gave them up.
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต โอภาสญฺหิ โข สญฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิ; รูปานิ หิ โข ปสฺสามิ, น จ โอภาสํ สญฺชานามิ: ‘เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ'ฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ยฺวาหํ โอภาสญฺหิ โข สญฺชานามิ น จ รูปานิ ปสฺสามิ; รูปานิ หิ โข ปสฺสามิ น จ โอภาสํ สญฺชานามิ—เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวนฺ'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘ยสฺมิญฺหิ โข อหํ สมเย รูปนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา โอภาสนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ, โอภาสญฺหิ โข ตสฺมึ สมเย สญฺชานามิ, น จ รูปานิ ปสฺสามิฯ ยสฺมึ ปนาหํ สมเย โอภาสนิมิตฺตํ อมนสิกริตฺวา รูปนิมิตฺตํ มนสิ กโรมิ, รูปานิ หิ โข ตสฺมึ สมเย ปสฺสามิ น จ โอภาสํ สญฺชานามิ—เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวนฺ'ติฯ
While meditating diligent, keen, and resolute, I perceived light but did not see forms, or I saw forms, but did not see light. And this went on for a whole night, a whole day, even a whole night and day. I thought: ‘What is the cause, what is the reason for this?’ It occurred to me: ‘When I don’t focus on the foundation of the forms, but focus on the foundation of the light, then I perceive light and do not see forms. But when I don’t focus on the foundation of the light, but focus on the foundation of the forms, then I see forms and do not perceive light. And this goes on for a whole night, a whole day, even a whole night and day.’
โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, อปฺปมตฺโต อาตาปี ปหิตตฺโต วิหรนฺโต ปริตฺตญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ; อปฺปมาณญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, อปฺปมาณานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ: ‘เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวํ'ฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘โก นุ โข เหตุ โก ปจฺจโย ยฺวาหํ ปริตฺตญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ; อปฺปมาณญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, อปฺปมาณานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ—เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวนฺ'ติฯ ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘ยสฺมึ โข เม สมเย ปริตฺโต สมาธิ โหติ, ปริตฺตํ เม ตสฺมึ สมเย จกฺขุ โหติฯ โสหํ ปริตฺเตน จกฺขุนา ปริตฺตญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, ปริตฺตานิ จ รูปานิ ปสฺสามิฯ ยสฺมึ ปน เม สมเย อปฺปมาโณ สมาธิ โหติ, อปฺปมาณํ เม ตสฺมึ สมเย จกฺขุ โหติฯ โสหํ อปฺปมาเณน จกฺขุนา อปฺปมาณญฺเจว โอภาสํ สญฺชานามิ, อปฺปมาณานิ จ รูปานิ ปสฺสามิ—เกวลมฺปิ รตฺตึ, เกวลมฺปิ ทิวํ, เกวลมฺปิ รตฺตินฺทิวนฺ'ติฯ
While meditating diligent, keen, and resolute, I perceived limited light and saw limited forms, or I perceived limitless light and saw limitless forms. And this went on for a whole night, a whole day, even a whole night and day. I thought: ‘What is the cause, what is the reason for this?’ It occurred to me: ‘When my immersion is limited, then my vision is limited, and with limited vision I perceive limited light and see limited forms. But when my immersion is limitless, then my vision is limitless, and with limitless vision I perceive limitless light and see limitless forms. And this goes on for a whole night, a whole day, even a whole night and day.’
ยโต โข เม, อนุรุทฺธา, ‘วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา วิจิกิจฺฉา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อมนสิกาโร จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ถินมิทฺธํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ฉมฺภิตตฺตํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อุปฺปิลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘ทุฏฺฐุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา ทุฏฺฐุลฺลํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อจฺจารทฺธวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อติลีนวีริยํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อภิชปฺปา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘นานตฺตสญฺญา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา นานตฺตสญฺญา จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิ, ‘อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส'ติ—อิติ วิทิตฺวา อตินิชฺฌายิตตฺตํ รูปานํ จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลโส ปหีโน อโหสิฯ
After understanding that doubt, loss of focus, dullness and drowsiness, terror, excitement, discomfort, excessive energy, overly lax energy, longing, perception of diversity, and excessive concentration on forms are corruptions of the mind, I had given them up.
ตสฺส มยฺหํ, อนุรุทฺธา, เอตทโหสิ: ‘เย โข เม จิตฺตสฺส อุปกฺกิเลสา เต เม ปหีนาฯ หนฺท ทานาหํ ติวิเธน สมาธึ ภาเวมี'ติฯ โส โข อหํ, อนุรุทฺธา, สวิตกฺกมฺปิ สวิจารํ สมาธึ ภาเวสึ, อวิตกฺกมฺปิ วิจารมตฺตํ สมาธึ ภาเวสึ, อวิตกฺกมฺปิ อวิจารํ สมาธึ ภาเวสึ, สปฺปีติกมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, นิปฺปีติกมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, สาตสหคตมฺปิ สมาธึ ภาเวสึ, อุเปกฺขาสหคตมฺปิ สมาธึ ภาเวสึฯ
I thought: ‘I’ve given up my mental corruptions. Now let me develop immersion in three ways.’ I developed immersion while placing the mind and keeping it connected; without placing the mind, but just keeping it connected; without placing the mind or keeping it connected; with rapture; without rapture; with pleasure; with equanimity.
ยโต โข เม, อนุรุทฺธา, สวิตกฺโกปิ สวิจาโร สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อวิตกฺโกปิ วิจารมตฺโต สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อวิตกฺโกปิ อวิจาโร สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, สปฺปีติโกปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, นิปฺปีติโกปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, สาตสหคโตปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิ, อุเปกฺขาสหคโตปิ สมาธิ ภาวิโต อโหสิฯ ญาณญฺจ ปน เม ทสฺสนํ อุทปาทิ, อกุปฺปา เม เจโตวิมุตฺติฯ อยมนฺติมา ชาติ, นตฺถิ ทานิ ปุนพฺภโว”ติฯ
When I had developed immersion in these ways, the knowledge and vision arose in me: ‘My freedom is unshakable; this is my last rebirth; now there are no more future lives.’”
อิทมโวจ ภควาฯ อตฺตมโน อายสฺมา อนุรุทฺโธ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทีติฯ
That is what the Buddha said. Satisfied, Venerable Anuruddha was happy with what the Buddha said.
อุปกฺกิเลสสุตฺตํ นิฏฺฐิตํ อฏฺฐมํฯ
The authoritative text of the Majjhima Nikāya is the Pāli text. The English translation is provided as an aid to the study of the original Pāli text. [CREDITS »]