Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya |
๖. อุปาลิสุตฺตํ
6. Upālisuttaṃ
๕๖. เอวํ เม สุตํ – เอกํ สมยํ ภควา นาฬนฺทายํ วิหรติ ปาวาริกมฺพวเนฯ เตน โข ปน สมเยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต 1 นาฬนฺทายํ ปฎิวสติ มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธิํฯ อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นาฬนฺทายํ ปิณฺฑาย จริตฺวา ปจฺฉาภตฺตํ ปิณฺฑปาตปฎิกฺกโนฺต เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควตา สทฺธิํ สโมฺมทิฯ สโมฺมทนียํ กถํ สารณียํ วีติสาเรตฺวา เอกมนฺตํ อฎฺฐาสิฯ เอกมนฺตํ ฐิตํ โข ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ตปสฺสิ 2, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ นิสีทา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ อญฺญตรํ นีจํ อาสนํ คเหตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสินฺนํ โข ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ ภควา เอตทโวจ – ‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต กมฺมานิ ปญฺญเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
56. Evaṃ me sutaṃ – ekaṃ samayaṃ bhagavā nāḷandāyaṃ viharati pāvārikambavane. Tena kho pana samayena nigaṇṭho nāṭaputto 3 nāḷandāyaṃ paṭivasati mahatiyā nigaṇṭhaparisāya saddhiṃ. Atha kho dīghatapassī nigaṇṭho nāḷandāyaṃ piṇḍāya caritvā pacchābhattaṃ piṇḍapātapaṭikkanto yena pāvārikambavanaṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavatā saddhiṃ sammodi. Sammodanīyaṃ kathaṃ sāraṇīyaṃ vītisāretvā ekamantaṃ aṭṭhāsi. Ekamantaṃ ṭhitaṃ kho dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘saṃvijjanti kho, tapassi 4, āsanāni; sace ākaṅkhasi nisīdā’’ti. Evaṃ vutte, dīghatapassī nigaṇṭho aññataraṃ nīcaṃ āsanaṃ gahetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinnaṃ kho dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ bhagavā etadavoca – ‘‘kati pana, tapassi, nigaṇṭho nāṭaputto kammāni paññapeti pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā’’ti?
‘‘น โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ ปญฺญเปตุํ; ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ โข, อาวุโส โคตม, อาจิณฺณํ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ปญฺญเปตุ’’นฺติฯ
‘‘Na kho, āvuso gotama, āciṇṇaṃ nigaṇṭhassa nāṭaputtassa ‘kammaṃ, kamma’nti paññapetuṃ; ‘daṇḍaṃ, daṇḍa’nti kho, āvuso gotama, āciṇṇaṃ nigaṇṭhassa nāṭaputtassa paññapetu’’nti.
‘‘กติ ปน, ตปสฺสิ, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต ทณฺฑานิ ปญฺญเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘Kati pana, tapassi, nigaṇṭho nāṭaputto daṇḍāni paññapeti pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā’’ti?
‘‘ตีณิ โข, อาวุโส โคตม, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต ทณฺฑานิ ปญฺญเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยาติ, เสยฺยถิทํ – กายทณฺฑํ, วจีทณฺฑํ, มโนทณฺฑ’’นฺติฯ
‘‘Tīṇi kho, āvuso gotama, nigaṇṭho nāṭaputto daṇḍāni paññapeti pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyāti, seyyathidaṃ – kāyadaṇḍaṃ, vacīdaṇḍaṃ, manodaṇḍa’’nti.
‘‘กิํ ปน, ตปสฺสิ, อญฺญเทว กายทณฺฑํ, อญฺญํ วจีทณฺฑํ, อญฺญํ มโนทณฺฑ’’นฺติ?
‘‘Kiṃ pana, tapassi, aññadeva kāyadaṇḍaṃ, aññaṃ vacīdaṇḍaṃ, aññaṃ manodaṇḍa’’nti?
‘‘อญฺญเทว , อาวุโส โคตม, กายทณฺฑํ, อญฺญํ วจีทณฺฑํ, อญฺญํ มโนทณฺฑ’’นฺติฯ
‘‘Aññadeva , āvuso gotama, kāyadaṇḍaṃ, aññaṃ vacīdaṇḍaṃ, aññaṃ manodaṇḍa’’nti.
‘‘อิเมสํ ปน, ตปสฺสิ, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฎิวิภตฺตานํ เอวํ ปฎิวิสิฎฺฐานํ กตมํ ทณฺฑํ นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต มหาสาวชฺชตรํ ปญฺญเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา , ยทิ วา กายทณฺฑํ, ยทิ วา วจีทณฺฑํ, ยทิ วา มโนทณฺฑ’’นฺติ?
‘‘Imesaṃ pana, tapassi, tiṇṇaṃ daṇḍānaṃ evaṃ paṭivibhattānaṃ evaṃ paṭivisiṭṭhānaṃ katamaṃ daṇḍaṃ nigaṇṭho nāṭaputto mahāsāvajjataraṃ paññapeti pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā , yadi vā kāyadaṇḍaṃ, yadi vā vacīdaṇḍaṃ, yadi vā manodaṇḍa’’nti?
‘‘อิเมสํ โข, อาวุโส โคตม, ติณฺณํ ทณฺฑานํ เอวํ ปฎิวิภตฺตานํ เอวํ ปฎิวิสิฎฺฐานํ กายทณฺฑํ นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต มหาสาวชฺชตรํ ปญฺญเปติ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทณฺฑํ, โน ตถา มโนทณฺฑ’’นฺติฯ
‘‘Imesaṃ kho, āvuso gotama, tiṇṇaṃ daṇḍānaṃ evaṃ paṭivibhattānaṃ evaṃ paṭivisiṭṭhānaṃ kāyadaṇḍaṃ nigaṇṭho nāṭaputto mahāsāvajjataraṃ paññapeti pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍaṃ, no tathā manodaṇḍa’’nti.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘Kāyadaṇḍanti, tapassi, vadesi’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’ฯ
‘‘Kāyadaṇḍanti, āvuso gotama, vadāmi’’.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘Kāyadaṇḍanti, tapassi, vadesi’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามิ’’ฯ
‘‘Kāyadaṇḍanti, āvuso gotama, vadāmi’’.
‘‘กายทณฺฑนฺติ, ตปสฺสิ, วเทสิ’’?
‘‘Kāyadaṇḍanti, tapassi, vadesi’’?
‘‘กายทณฺฑนฺติ, อาวุโส โคตม, วทามี’’ติฯ
‘‘Kāyadaṇḍanti, āvuso gotama, vadāmī’’ti.
อิติห ภควา ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ ยาวตติยกํ ปติฎฺฐาเปสิฯ
Itiha bhagavā dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ imasmiṃ kathāvatthusmiṃ yāvatatiyakaṃ patiṭṭhāpesi.
๕๗. เอวํ วุเตฺต, ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ ทณฺฑานิ ปญฺญเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
57. Evaṃ vutte, dīghatapassī nigaṇṭho bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘tvaṃ panāvuso gotama, kati daṇḍāni paññapesi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā’’ti?
‘‘น โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ‘ทณฺฑํ, ทณฺฑ’นฺติ ปญฺญเปตุํ; ‘กมฺมํ, กมฺม’นฺติ โข, ตปสฺสิ, อาจิณฺณํ ตถาคตสฺส ปญฺญเปตุ’’นฺติ?
‘‘Na kho, tapassi, āciṇṇaṃ tathāgatassa ‘daṇḍaṃ, daṇḍa’nti paññapetuṃ; ‘kammaṃ, kamma’nti kho, tapassi, āciṇṇaṃ tathāgatassa paññapetu’’nti?
‘‘ตฺวํ ปนาวุโส โคตม, กติ กมฺมานิ ปญฺญเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา’’ติ?
‘‘Tvaṃ panāvuso gotama, kati kammāni paññapesi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā’’ti?
‘‘ตีณิ โข อหํ, ตปสฺสิ, กมฺมานิ ปญฺญเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, เสยฺยถิทํ – กายกมฺมํ, วจีกมฺมํ, มโนกมฺม’’นฺติฯ
‘‘Tīṇi kho ahaṃ, tapassi, kammāni paññapemi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, seyyathidaṃ – kāyakammaṃ, vacīkammaṃ, manokamma’’nti.
‘‘กิํ ปนาวุโส โคตม, อญฺญเทว กายกมฺมํ, อญฺญํ วจีกมฺมํ, อญฺญํ มโนกมฺม’’นฺติ?
‘‘Kiṃ panāvuso gotama, aññadeva kāyakammaṃ, aññaṃ vacīkammaṃ, aññaṃ manokamma’’nti?
‘‘อญฺญเทว, ตปสฺสิ, กายกมฺมํ, อญฺญํ วจีกมฺมํ, อญฺญํ มโนกมฺม’’นฺติฯ
‘‘Aññadeva, tapassi, kāyakammaṃ, aññaṃ vacīkammaṃ, aññaṃ manokamma’’nti.
‘‘อิเมสํ ปนาวุโส โคตม, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฎิวิภตฺตานํ เอวํ ปฎิวิสิฎฺฐานํ กตมํ กมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปญฺญเปสิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, ยทิ วา กายกมฺมํ, ยทิ วา วจีกมฺมํ, ยทิ วา มโนกมฺม’’นฺติ?
‘‘Imesaṃ panāvuso gotama, tiṇṇaṃ kammānaṃ evaṃ paṭivibhattānaṃ evaṃ paṭivisiṭṭhānaṃ katamaṃ kammaṃ mahāsāvajjataraṃ paññapesi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, yadi vā kāyakammaṃ, yadi vā vacīkammaṃ, yadi vā manokamma’’nti?
‘‘อิเมสํ โข อหํ, ตปสฺสิ, ติณฺณํ กมฺมานํ เอวํ ปฎิวิภตฺตานํ เอวํ ปฎิวิสิฎฺฐานํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชตรํ ปญฺญเปมิ ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา กายกมฺมํ, โน ตถา วจีกมฺม’’นฺติฯ
‘‘Imesaṃ kho ahaṃ, tapassi, tiṇṇaṃ kammānaṃ evaṃ paṭivibhattānaṃ evaṃ paṭivisiṭṭhānaṃ manokammaṃ mahāsāvajjataraṃ paññapemi pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā kāyakammaṃ, no tathā vacīkamma’’nti.
‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘Manokammanti, āvuso gotama, vadesi’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’ฯ
‘‘Manokammanti, tapassi, vadāmi’’.
‘‘มโนกมฺมนฺติ, อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘Manokammanti, āvuso gotama, vadesi’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามิ’’ฯ
‘‘Manokammanti, tapassi, vadāmi’’.
‘‘มโนกมฺมนฺติ , อาวุโส โคตม, วเทสิ’’?
‘‘Manokammanti , āvuso gotama, vadesi’’?
‘‘มโนกมฺมนฺติ, ตปสฺสิ, วทามี’’ติฯ
‘‘Manokammanti, tapassi, vadāmī’’ti.
อิติห ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ ภควนฺตํ อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ ยาวตติยกํ ปติฎฺฐาเปตฺวา อุฎฺฐายาสนา เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมิฯ
Itiha dīghatapassī nigaṇṭho bhagavantaṃ imasmiṃ kathāvatthusmiṃ yāvatatiyakaṃ patiṭṭhāpetvā uṭṭhāyāsanā yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkami.
๕๘. เตน โข ปน สมเยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต มหติยา คิหิปริสาย สทฺธิํ นิสิโนฺน โหติ พาลกินิยา ปริสาย อุปาลิปมุขายฯ อทฺทสา โข นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ; ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท, กุโต นุ ตฺวํ, ตปสฺสิ, อาคจฺฉสิ ทิวา ทิวสฺสา’’ติ? ‘‘อิโต หิ โข อหํ, ภเนฺต, อาคจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส สนฺติกา’’ติฯ ‘‘อหุ ปน เต, ตปสฺสิ, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ ? ‘‘อหุ โข เม, ภเนฺต, สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติฯ ‘‘ยถา กถํ ปน เต, ตปสฺสิ, อหุ สมเณน โคตเมน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ? อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ ยาวตโก อโหสิ ภควตา สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส อาโรเจสิฯ เอวํ วุเตฺต, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ตปสฺสิ! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานเนฺตน เอวเมว ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํฯ กิญฺหิ โสภติ ฉโว มโนทโณฺฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑ’’ติฯ
58. Tena kho pana samayena nigaṇṭho nāṭaputto mahatiyā gihiparisāya saddhiṃ nisinno hoti bālakiniyā parisāya upālipamukhāya. Addasā kho nigaṇṭho nāṭaputto dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ dūratova āgacchantaṃ; disvāna dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ etadavoca – ‘‘handa, kuto nu tvaṃ, tapassi, āgacchasi divā divassā’’ti? ‘‘Ito hi kho ahaṃ, bhante, āgacchāmi samaṇassa gotamassa santikā’’ti. ‘‘Ahu pana te, tapassi, samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti ? ‘‘Ahu kho me, bhante, samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti. ‘‘Yathā kathaṃ pana te, tapassi, ahu samaṇena gotamena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti? Atha kho dīghatapassī nigaṇṭho yāvatako ahosi bhagavatā saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ nigaṇṭhassa nāṭaputtassa ārocesi. Evaṃ vutte, nigaṇṭho nāṭaputto dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ etadavoca – ‘‘sādhu sādhu, tapassi! Yathā taṃ sutavatā sāvakena sammadeva satthusāsanaṃ ājānantena evameva dīghatapassinā nigaṇṭhena samaṇassa gotamassa byākataṃ. Kiñhi sobhati chavo manodaṇḍo imassa evaṃ oḷārikassa kāyadaṇḍassa upanidhāya! Atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo’’ti.
๕๙. เอวํ วุเตฺต, อุปาลิ คหปติ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภเนฺต ทีฆตปสฺสี 5! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานเนฺตน เอวเมวํ ภทเนฺตน ตปสฺสินา สมณสฺส โคตมสฺส พฺยากตํฯ กิญฺหิ โสภติ ฉโว มโนทโณฺฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย! อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑฯ หนฺท จาหํ, ภเนฺต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ วาทํ อาโรเปสฺสามิฯ สเจ เม สมโณ โคตโม ตถา ปติฎฺฐหิสฺสติ ยถา ภทเนฺตน ตปสฺสินา ปติฎฺฐาปิตํ; เสยฺยถาปิ นาม พลวา ปุริโส ทีฆโลมิกํ เอฬกํ โลเมสุ คเหตฺวา อากเฑฺฒยฺย ปริกเฑฺฒยฺย สมฺปริกเฑฺฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิ ฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกากมฺมกาโร มหนฺตํ โสณฺฑิกากิลญฺชํ คมฺภีเร อุทกรหเท ปกฺขิปิตฺวา กเณฺณ คเหตฺวา อากเฑฺฒยฺย ปริกเฑฺฒยฺย สมฺปริกเฑฺฒยฺย, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ อากฑฺฒิสฺสามิ ปริกฑฺฒิสฺสามิ สมฺปริกฑฺฒิสฺสามิฯ เสยฺยถาปิ นาม พลวา โสณฺฑิกาธุโตฺต วาลํ 6 กเณฺณ คเหตฺวา โอธุเนยฺย นิทฺธุเนยฺย นิโปฺผเฎยฺย 7, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ วาเทน วาทํ โอธุนิสฺสามิ นิทฺธุนิสฺสามิ นิโปฺผเฎสฺสามิ ฯ เสยฺยถาปิ นาม กุญฺชโร สฎฺฐิหายโน คมฺภีรํ โปกฺขรณิํ โอคาเหตฺวา สาณโธวิกํ นาม กีฬิตชาตํ กีฬติ, เอวเมวาหํ สมณํ โคตมํ สาณโธวิกํ มเญฺญ กีฬิตชาตํ กีฬิสฺสามิฯ หนฺท จาหํ, ภเนฺต, คจฺฉามิ สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ วาทํ อาโรเปสฺสามี’’ติฯ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ วาทํ อาโรเปหิฯ อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคโณฺฐ, ตฺวํ วา’’ติฯ
59. Evaṃ vutte, upāli gahapati nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘sādhu sādhu, bhante dīghatapassī 8! Yathā taṃ sutavatā sāvakena sammadeva satthusāsanaṃ ājānantena evamevaṃ bhadantena tapassinā samaṇassa gotamassa byākataṃ. Kiñhi sobhati chavo manodaṇḍo imassa evaṃ oḷārikassa kāyadaṇḍassa upanidhāya! Atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo. Handa cāhaṃ, bhante, gacchāmi samaṇassa gotamassa imasmiṃ kathāvatthusmiṃ vādaṃ āropessāmi. Sace me samaṇo gotamo tathā patiṭṭhahissati yathā bhadantena tapassinā patiṭṭhāpitaṃ; seyyathāpi nāma balavā puriso dīghalomikaṃ eḷakaṃ lomesu gahetvā ākaḍḍheyya parikaḍḍheyya samparikaḍḍheyya, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ ākaḍḍhissāmi parikaḍḍhissāmi samparikaḍḍhissāmi . Seyyathāpi nāma balavā soṇḍikākammakāro mahantaṃ soṇḍikākilañjaṃ gambhīre udakarahade pakkhipitvā kaṇṇe gahetvā ākaḍḍheyya parikaḍḍheyya samparikaḍḍheyya, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ ākaḍḍhissāmi parikaḍḍhissāmi samparikaḍḍhissāmi. Seyyathāpi nāma balavā soṇḍikādhutto vālaṃ 9 kaṇṇe gahetvā odhuneyya niddhuneyya nipphoṭeyya 10, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ vādena vādaṃ odhunissāmi niddhunissāmi nipphoṭessāmi . Seyyathāpi nāma kuñjaro saṭṭhihāyano gambhīraṃ pokkharaṇiṃ ogāhetvā sāṇadhovikaṃ nāma kīḷitajātaṃ kīḷati, evamevāhaṃ samaṇaṃ gotamaṃ sāṇadhovikaṃ maññe kīḷitajātaṃ kīḷissāmi. Handa cāhaṃ, bhante, gacchāmi samaṇassa gotamassa imasmiṃ kathāvatthusmiṃ vādaṃ āropessāmī’’ti. ‘‘Gaccha tvaṃ, gahapati, samaṇassa gotamassa imasmiṃ kathāvatthusmiṃ vādaṃ āropehi. Ahaṃ vā hi, gahapati, samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyyaṃ, dīghatapassī vā nigaṇṭho, tvaṃ vā’’ti.
๖๐. เอวํ วุเตฺต, ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภเนฺต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยฯ สมโณ หิ, ภเนฺต, โคตโม มายาวี อาวฎฺฎนิํ มายํ ชานาติ ยาย อญฺญติตฺถิยานํ สาวเก อาวเฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ คจฺฉ, ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ วาทํ อาโรเปหิฯ อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคโณฺฐ, ตฺวํ วา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี…เป.… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘น โข เมตํ, ภเนฺต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยฯ สมโณ หิ, ภเนฺต, โคตโม มายาวี อาวฎฺฎนิํ มายํ ชานาติ ยาย อญฺญติตฺถิยานํ สาวเก อาวเฎฺฎตี’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ คจฺฉ ตฺวํ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส อิมสฺมิํ กถาวตฺถุสฺมิํ วาทํ อาโรเปหิฯ อหํ วา หิ, คหปติ, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยํ, ทีฆตปสฺสี วา นิคโณฺฐ, ตฺวํ วา’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข อุปาลิ คหปติ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา อุฎฺฐายาสนา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน ปาวาริกมฺพวนํ เยน ภควา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา เอกมนฺตํ นิสีทิฯ เอกมนฺตํ นิสิโนฺน โข อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อาคมา นุ ขฺวิธ, ภเนฺต, ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ’’ติ?
60. Evaṃ vutte, dīghatapassī nigaṇṭho nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho metaṃ, bhante, ruccati yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyya. Samaṇo hi, bhante, gotamo māyāvī āvaṭṭaniṃ māyaṃ jānāti yāya aññatitthiyānaṃ sāvake āvaṭṭetī’’ti. ‘‘Aṭṭhānaṃ kho etaṃ, tapassi, anavakāso yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagaccheyya. Ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ samaṇo gotamo upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyya. Gaccha, tvaṃ, gahapati, samaṇassa gotamassa imasmiṃ kathāvatthusmiṃ vādaṃ āropehi. Ahaṃ vā hi, gahapati, samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyyaṃ, dīghatapassī vā nigaṇṭho, tvaṃ vā’’ti. Dutiyampi kho dīghatapassī…pe… tatiyampi kho dīghatapassī nigaṇṭho nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘na kho metaṃ, bhante, ruccati yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyya. Samaṇo hi, bhante, gotamo māyāvī āvaṭṭaniṃ māyaṃ jānāti yāya aññatitthiyānaṃ sāvake āvaṭṭetī’’ti. ‘‘Aṭṭhānaṃ kho etaṃ, tapassi , anavakāso yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagaccheyya. Ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ samaṇo gotamo upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyya. Gaccha tvaṃ, gahapati, samaṇassa gotamassa imasmiṃ kathāvatthusmiṃ vādaṃ āropehi. Ahaṃ vā hi, gahapati, samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyyaṃ, dīghatapassī vā nigaṇṭho, tvaṃ vā’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho upāli gahapati nigaṇṭhassa nāṭaputtassa paṭissutvā uṭṭhāyāsanā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena pāvārikambavanaṃ yena bhagavā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā bhagavantaṃ abhivādetvā ekamantaṃ nisīdi. Ekamantaṃ nisinno kho upāli gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘āgamā nu khvidha, bhante, dīghatapassī nigaṇṭho’’ti?
‘‘อาคมา ขฺวิธ, คหปติ, ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ’’ติฯ
‘‘Āgamā khvidha, gahapati, dīghatapassī nigaṇṭho’’ti.
‘‘อหุ โข ปน เต, ภเนฺต, ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
‘‘Ahu kho pana te, bhante, dīghatapassinā nigaṇṭhena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti?
‘‘อหุ โข เม, คหปติ, ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติฯ
‘‘Ahu kho me, gahapati, dīghatapassinā nigaṇṭhena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti.
‘‘ยถา กถํ ปน เต, ภเนฺต, อหุ ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน สทฺธิํ โกจิเทว กถาสลฺลาโป’’ติ?
‘‘Yathā kathaṃ pana te, bhante, ahu dīghatapassinā nigaṇṭhena saddhiṃ kocideva kathāsallāpo’’ti?
อถ โข ภควา ยาวตโก อโหสิ ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน สทฺธิํ กถาสลฺลาโป ตํ สพฺพํ อุปาลิสฺส คหปติสฺส อาโรเจสิฯ
Atha kho bhagavā yāvatako ahosi dīghatapassinā nigaṇṭhena saddhiṃ kathāsallāpo taṃ sabbaṃ upālissa gahapatissa ārocesi.
๖๑. เอวํ วุเตฺต, อุปาลิ คหปติ ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สาธุ สาธุ, ภเนฺต ตปสฺสี! ยถา ตํ สุตวตา สาวเกน สมฺมเทว สตฺถุสาสนํ อาชานเนฺตน เอวเมวํ ทีฆตปสฺสินา นิคเณฺฐน ภควโต พฺยากตํฯ กิญฺหิ โสภติ ฉโว มโนทโณฺฑ อิมสฺส เอวํ โอฬาริกสฺส กายทณฺฑสฺส อุปนิธาย? อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑ’’ติฯ ‘‘สเจ โข ตฺวํ, คหปติ, สเจฺจ ปติฎฺฐาย มเนฺตยฺยาสิ สิยา โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติฯ ‘‘สเจฺจ อหํ, ภเนฺต, ปติฎฺฐาย มเนฺตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’ติฯ
61. Evaṃ vutte, upāli gahapati bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘sādhu sādhu, bhante tapassī! Yathā taṃ sutavatā sāvakena sammadeva satthusāsanaṃ ājānantena evamevaṃ dīghatapassinā nigaṇṭhena bhagavato byākataṃ. Kiñhi sobhati chavo manodaṇḍo imassa evaṃ oḷārikassa kāyadaṇḍassa upanidhāya? Atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo’’ti. ‘‘Sace kho tvaṃ, gahapati, sacce patiṭṭhāya manteyyāsi siyā no ettha kathāsallāpo’’ti. ‘‘Sacce ahaṃ, bhante, patiṭṭhāya mantessāmi; hotu no ettha kathāsallāpo’’ti.
๖๒. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อิธสฺส นิคโณฺฐ อาพาธิโก ทุกฺขิโต พาฬฺหคิลาโน สีโตทกปฎิกฺขิโตฺต อุโณฺหทกปฎิเสวีฯ โส สีโตทกํ อลภมาโน กาลงฺกเรยฺยฯ อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต กตฺถูปปตฺติํ ปญฺญเปตี’’ติ?
62. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, idhassa nigaṇṭho ābādhiko dukkhito bāḷhagilāno sītodakapaṭikkhitto uṇhodakapaṭisevī. So sītodakaṃ alabhamāno kālaṅkareyya. Imassa pana, gahapati, nigaṇṭho nāṭaputto katthūpapattiṃ paññapetī’’ti?
‘‘อตฺถิ, ภเนฺต, มโนสตฺตา นาม เทวา ตตฺถ โส อุปปชฺชติ’’ฯ
‘‘Atthi, bhante, manosattā nāma devā tattha so upapajjati’’.
‘‘ตํ กิสฺส เหตุ’’?
‘‘Taṃ kissa hetu’’?
‘‘อสุ หิ, ภเนฺต , มโนปฎิพโทฺธ กาลงฺกโรตี’’ติฯ
‘‘Asu hi, bhante , manopaṭibaddho kālaṅkarotī’’ti.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ 11, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สเจฺจ อหํ, ภเนฺต, ปติฎฺฐาย มเนฺตสฺสามิ, โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติฯ ‘‘กิญฺจาปิ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑ’’ติฯ
‘‘Manasi karohi, gahapati 12, manasi karitvā kho, gahapati, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Bhāsitā kho pana te, gahapati, esā vācā – ‘sacce ahaṃ, bhante, patiṭṭhāya mantessāmi, hotu no ettha kathāsallāpo’’’ti. ‘‘Kiñcāpi, bhante, bhagavā evamāha, atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo’’ti.
๖๓. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ , อิธสฺส นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต จาตุยามสํวรสํวุโต สพฺพวาริวาริโต สพฺพวาริยุโตฺต สพฺพวาริธุโต สพฺพวาริผุโฎฯ โส อภิกฺกมโนฺต ปฎิกฺกมโนฺต พหู ขุทฺทเก ปาเณ สงฺฆาตํ อาปาเทติฯ อิมสฺส ปน, คหปติ, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต กํ วิปากํ ปญฺญเปตี’’ติ?
63. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati , idhassa nigaṇṭho nāṭaputto cātuyāmasaṃvarasaṃvuto sabbavārivārito sabbavāriyutto sabbavāridhuto sabbavāriphuṭo. So abhikkamanto paṭikkamanto bahū khuddake pāṇe saṅghātaṃ āpādeti. Imassa pana, gahapati, nigaṇṭho nāṭaputto kaṃ vipākaṃ paññapetī’’ti?
‘‘อสเญฺจตนิกํ, ภเนฺต, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต โน มหาสาวชฺชํ ปญฺญเปตี’’ติฯ
‘‘Asañcetanikaṃ, bhante, nigaṇṭho nāṭaputto no mahāsāvajjaṃ paññapetī’’ti.
‘‘สเจ ปน, คหปติ, เจเตตี’’ติ?
‘‘Sace pana, gahapati, cetetī’’ti?
‘‘มหาสาวชฺชํ, ภเนฺต, โหตี’’ติฯ
‘‘Mahāsāvajjaṃ, bhante, hotī’’ti.
‘‘เจตนํ ปน, คหปติ, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต กิสฺมิํ ปญฺญเปตี’’ติ?
‘‘Cetanaṃ pana, gahapati, nigaṇṭho nāṭaputto kismiṃ paññapetī’’ti?
‘‘มโนทณฺฑสฺมิํ, ภเนฺต’’ติฯ
‘‘Manodaṇḍasmiṃ, bhante’’ti.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ , มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สเจฺจ อหํ, ภเนฺต, ปติฎฺฐาย มเนฺตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติฯ ‘‘กิญฺจาปิ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑ’’ติฯ
‘‘Manasi karohi, gahapati , manasi karitvā kho, gahapati, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Bhāsitā kho pana te, gahapati, esā vācā – ‘sacce ahaṃ, bhante, patiṭṭhāya mantessāmi; hotu no ettha kathāsallāpo’’’ti. ‘‘Kiñcāpi, bhante, bhagavā evamāha, atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo’’ti.
๖๔. ‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติ?
64. ‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, ayaṃ nāḷandā iddhā ceva phītā ca bahujanā ākiṇṇamanussā’’ti?
‘‘เอวํ, ภเนฺต, อยํ นาฬนฺทา อิทฺธา เจว ผีตา จ พหุชนา อากิณฺณมนุสฺสา’’ติฯ
‘‘Evaṃ, bhante, ayaṃ nāḷandā iddhā ceva phītā ca bahujanā ākiṇṇamanussā’’ti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, อิธ ปุริโส อาคเจฺฉยฺย อุกฺขิตฺตาสิโกฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุเตฺตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส ปุริโส ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุเตฺตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กาตุ’’นฺติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, idha puriso āgaccheyya ukkhittāsiko. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ yāvatikā imissā nāḷandāya pāṇā te ekena khaṇena ekena muhuttena ekaṃ maṃsakhalaṃ ekaṃ maṃsapuñjaṃ karissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, pahoti nu kho so puriso yāvatikā imissā nāḷandāya pāṇā te ekena khaṇena ekena muhuttena ekaṃ maṃsakhalaṃ ekaṃ maṃsapuñjaṃ kātu’’nti?
‘‘ทสปิ, ภเนฺต, ปุริสา, วีสมฺปิ, ภเนฺต, ปุริสา, ติํสมฺปิ, ภเนฺต, ปุริสา, จตฺตารีสมฺปิ, ภเนฺต, ปุริสา, ปญฺญาสมฺปิ, ภเนฺต, ปุริสา นปฺปโหนฺติ ยาวติกา อิมิสฺสา นาฬนฺทาย ปาณา เต เอเกน ขเณน เอเกน มุหุเตฺตน เอกํ มํสขลํ เอกํ มํสปุญฺชํ กาตุํฯ กิญฺหิ โสภติ เอโก ฉโว ปุริโส’’ติ!
‘‘Dasapi, bhante, purisā, vīsampi, bhante, purisā, tiṃsampi, bhante, purisā, cattārīsampi, bhante, purisā, paññāsampi, bhante, purisā nappahonti yāvatikā imissā nāḷandāya pāṇā te ekena khaṇena ekena muhuttena ekaṃ maṃsakhalaṃ ekaṃ maṃsapuñjaṃ kātuṃ. Kiñhi sobhati eko chavo puriso’’ti!
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ , อิธ อาคเจฺฉยฺย สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺตฯ โส เอวํ วเทยฺย – ‘อหํ อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กริสฺสามี’ติฯ ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, ปโหติ นุ โข โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต อิมํ นาฬนฺทํ เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุ’’นฺติ ?
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati , idha āgaccheyya samaṇo vā brāhmaṇo vā iddhimā cetovasippatto. So evaṃ vadeyya – ‘ahaṃ imaṃ nāḷandaṃ ekena manopadosena bhasmaṃ karissāmī’ti. Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, pahoti nu kho so samaṇo vā brāhmaṇo vā iddhimā cetovasippatto imaṃ nāḷandaṃ ekena manopadosena bhasmaṃ kātu’’nti ?
‘‘ทสปิ, ภเนฺต, นาฬนฺทา, วีสมฺปิ นาฬนฺทา, ติํสมฺปิ นาฬนฺทา, จตฺตารีสมฺปิ นาฬนฺทา, ปญฺญาสมฺปิ นาฬนฺทา ปโหติ โส สมโณ วา พฺราหฺมโณ วา อิทฺธิมา เจโตวสิปฺปโตฺต เอเกน มโนปโทเสน ภสฺมํ กาตุํฯ กิญฺหิ โสภติ เอกา ฉวา นาฬนฺทา’’ติ!
‘‘Dasapi, bhante, nāḷandā, vīsampi nāḷandā, tiṃsampi nāḷandā, cattārīsampi nāḷandā, paññāsampi nāḷandā pahoti so samaṇo vā brāhmaṇo vā iddhimā cetovasippatto ekena manopadosena bhasmaṃ kātuṃ. Kiñhi sobhati ekā chavā nāḷandā’’ti!
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สเจฺจ อหํ, ภเนฺต, ปติฎฺฐาย มเนฺตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติฯ
‘‘Manasi karohi, gahapati, manasi karitvā kho, gahapati, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Bhāsitā kho pana te, gahapati, esā vācā – ‘sacce ahaṃ, bhante, patiṭṭhāya mantessāmi; hotu no ettha kathāsallāpo’’’ti.
‘‘กิญฺจาปิ, ภเนฺต, ภควา เอวมาห, อถ โข กายทโณฺฑว มหาสาวชฺชตโร ปาปสฺส กมฺมสฺส กิริยาย ปาปสฺส กมฺมสฺส ปวตฺติยา, โน ตถา วจีทโณฺฑ, โน ตถา มโนทโณฺฑ’’ติฯ
‘‘Kiñcāpi, bhante, bhagavā evamāha, atha kho kāyadaṇḍova mahāsāvajjataro pāpassa kammassa kiriyāya pāpassa kammassa pavattiyā, no tathā vacīdaṇḍo, no tathā manodaṇḍo’’ti.
‘‘เอวํ, ภเนฺต, สุตํ เม ทณฺฑกีรญฺญํ กาลิงฺคารญฺญํ มชฺฌารญฺญํ มาตงฺคารญฺญํ อรญฺญํ อรญฺญภูต’’นฺติฯ
‘‘Evaṃ, bhante, sutaṃ me daṇḍakīraññaṃ kāliṅgāraññaṃ majjhāraññaṃ mātaṅgāraññaṃ araññaṃ araññabhūta’’nti.
‘‘ตํ กิํ มญฺญสิ, คหปติ, กินฺติ เต สุตํ เกน ตํ ทณฺฑกีรญฺญํ กาลิงฺคารญฺญํ มชฺฌารญฺญํ มาตงฺคารญฺญํ อรญฺญํ อรญฺญภูต’’นฺติ?
‘‘Taṃ kiṃ maññasi, gahapati, kinti te sutaṃ kena taṃ daṇḍakīraññaṃ kāliṅgāraññaṃ majjhāraññaṃ mātaṅgāraññaṃ araññaṃ araññabhūta’’nti?
‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, อิสีนํ มโนปโทเสน ตํ ทณฺฑกีรญฺญํ กาลิงฺคารญฺญํ มชฺฌารญฺญํ มาตงฺคารญฺญํ อรญฺญํ อรญฺญภูต’’นฺติฯ
‘‘Sutaṃ metaṃ, bhante, isīnaṃ manopadosena taṃ daṇḍakīraññaṃ kāliṅgāraññaṃ majjhāraññaṃ mātaṅgāraññaṃ araññaṃ araññabhūta’’nti.
‘‘มนสิ กโรหิ, คหปติ, มนสิ กริตฺวา โข, คหปติ, พฺยากโรหิฯ น โข เต สนฺธิยติ ปุริเมน วา ปจฺฉิมํ, ปจฺฉิเมน วา ปุริมํฯ ภาสิตา โข ปน เต, คหปติ, เอสา วาจา – ‘สเจฺจ อหํ, ภเนฺต, ปติฎฺฐาย มเนฺตสฺสามิ; โหตุ โน เอตฺถ กถาสลฺลาโป’’’ติฯ
‘‘Manasi karohi, gahapati, manasi karitvā kho, gahapati, byākarohi. Na kho te sandhiyati purimena vā pacchimaṃ, pacchimena vā purimaṃ. Bhāsitā kho pana te, gahapati, esā vācā – ‘sacce ahaṃ, bhante, patiṭṭhāya mantessāmi; hotu no ettha kathāsallāpo’’’ti.
๖๖. ‘‘ปุริเมเนวาหํ , ภเนฺต, โอปเมฺมน ภควโต อตฺตมโน อภิรโทฺธฯ อปิ จาหํ อิมานิ ภควโต วิจิตฺรานิ ปญฺหปฎิภานานิ โสตุกาโม, เอวาหํ ภควนฺตํ ปจฺจนีกํ กาตพฺพํ อมญฺญิสฺสํฯ อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต, อภิกฺกนฺตํ, ภเนฺต! เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นิกฺกุชฺชิตํ วา อุกฺกุเชฺชยฺย, ปฎิจฺฉนฺนํ วา วิวเรยฺย, มูฬฺหสฺส วา มคฺคํ อาจิเกฺขยฺย, อนฺธกาเร วา เตลปโชฺชตํ ธาเรยฺย – จกฺขุมโนฺต รูปานิ ทกฺขนฺตีติ; เอวเมวํ ภควตา อเนกปริยาเยน ธโมฺม ปกาสิโตฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
66. ‘‘Purimenevāhaṃ , bhante, opammena bhagavato attamano abhiraddho. Api cāhaṃ imāni bhagavato vicitrāni pañhapaṭibhānāni sotukāmo, evāhaṃ bhagavantaṃ paccanīkaṃ kātabbaṃ amaññissaṃ. Abhikkantaṃ, bhante, abhikkantaṃ, bhante! Seyyathāpi, bhante, nikkujjitaṃ vā ukkujjeyya, paṭicchannaṃ vā vivareyya, mūḷhassa vā maggaṃ ācikkheyya, andhakāre vā telapajjotaṃ dhāreyya – cakkhumanto rūpāni dakkhantīti; evamevaṃ bhagavatā anekapariyāyena dhammo pakāsito. Esāhaṃ, bhante, bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๖๗. ‘‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ ญาตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’’ติฯ ‘‘อิมินาปาหํ, ภเนฺต, ภควโต ภิโยฺยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรโทฺธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ ญาตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติฯ มญฺหิ, ภเนฺต, อญฺญติตฺถิยา สาวกํ ลภิตฺวา เกวลกปฺปํ นาฬนฺทํ ปฎากํ ปริหเรยฺยุํ – ‘อุปาลิ อมฺหากํ คหปติ สาวกตฺตํ อุปคโต’ติฯ อถ จ ปน มํ ภควา เอวมาห – ‘อนุวิจฺจการํ โข, คหปติ, กโรหิ, อนุวิจฺจกาโร ตุมฺหาทิสานํ ญาตมนุสฺสานํ สาธุ โหตี’ติฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ทุติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
67. ‘‘Anuviccakāraṃ kho, gahapati, karohi, anuviccakāro tumhādisānaṃ ñātamanussānaṃ sādhu hotī’’ti. ‘‘Imināpāhaṃ, bhante, bhagavato bhiyyosomattāya attamano abhiraddho yaṃ maṃ bhagavā evamāha – ‘anuviccakāraṃ kho, gahapati, karohi, anuviccakāro tumhādisānaṃ ñātamanussānaṃ sādhu hotī’ti. Mañhi, bhante, aññatitthiyā sāvakaṃ labhitvā kevalakappaṃ nāḷandaṃ paṭākaṃ parihareyyuṃ – ‘upāli amhākaṃ gahapati sāvakattaṃ upagato’ti. Atha ca pana maṃ bhagavā evamāha – ‘anuviccakāraṃ kho, gahapati, karohi, anuviccakāro tumhādisānaṃ ñātamanussānaṃ sādhu hotī’ti. Esāhaṃ, bhante, dutiyampi bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๖๘. ‘‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺฐานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มเญฺญยฺยาสี’’ติฯ ‘‘อิมินาปาหํ, ภเนฺต, ภควโต ภิโยฺยโสมตฺตาย อตฺตมโน อภิรโทฺธ ยํ มํ ภควา เอวมาห – ‘ทีฆรตฺตํ โข เต, คหปติ, นิคณฺฐานํ โอปานภูตํ กุลํ เยน เนสํ อุปคตานํ ปิณฺฑกํ ทาตพฺพํ มเญฺญยฺยาสี’ติฯ สุตํ เมตํ, ภเนฺต, สมโณ โคตโม เอวมาห – ‘มยฺหเมว ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทานํ ทาตพฺพํ; มยฺหเมว ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ ทินฺนํ มหปฺผลํ; มยฺหเมว สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผลํ, นาเญฺญสํ สาวกานํ ทินฺนํ มหปฺผล’นฺติฯ อถ จ ปน มํ ภควา นิคเณฺฐสุปิ ทาเน สมาทเปติฯ อปิ จ, ภเนฺต, มยเมตฺถ กาลํ ชานิสฺสามฯ เอสาหํ, ภเนฺต, ตติยมฺปิ ภควนฺตํ สรณํ คจฺฉามิ ธมฺมญฺจ ภิกฺขุสงฺฆญฺจฯ อุปาสกํ มํ ภควา ธาเรตุ อชฺชตเคฺค ปาณุเปตํ สรณํ คต’’นฺติฯ
68. ‘‘Dīgharattaṃ kho te, gahapati, nigaṇṭhānaṃ opānabhūtaṃ kulaṃ yena nesaṃ upagatānaṃ piṇḍakaṃ dātabbaṃ maññeyyāsī’’ti. ‘‘Imināpāhaṃ, bhante, bhagavato bhiyyosomattāya attamano abhiraddho yaṃ maṃ bhagavā evamāha – ‘dīgharattaṃ kho te, gahapati, nigaṇṭhānaṃ opānabhūtaṃ kulaṃ yena nesaṃ upagatānaṃ piṇḍakaṃ dātabbaṃ maññeyyāsī’ti. Sutaṃ metaṃ, bhante, samaṇo gotamo evamāha – ‘mayhameva dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ dānaṃ dātabbaṃ; mayhameva sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dānaṃ dātabbaṃ; mayhameva dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ; mayhameva sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphalaṃ, nāññesaṃ sāvakānaṃ dinnaṃ mahapphala’nti. Atha ca pana maṃ bhagavā nigaṇṭhesupi dāne samādapeti. Api ca, bhante, mayamettha kālaṃ jānissāma. Esāhaṃ, bhante, tatiyampi bhagavantaṃ saraṇaṃ gacchāmi dhammañca bhikkhusaṅghañca. Upāsakaṃ maṃ bhagavā dhāretu ajjatagge pāṇupetaṃ saraṇaṃ gata’’nti.
๖๙. อถ โข ภควา อุปาลิสฺส คหปติสฺส อนุปุพฺพิํ กถํ 17 กเถสิ, เสยฺยถิทํ – ทานกถํ สีลกถํ สคฺคกถํ, กามานํ อาทีนวํ โอการํ สํกิเลสํ, เนกฺขเมฺม อานิสํสํ ปกาเสสิฯ ยทา ภควา อญฺญาสิ อุปาลิํ คหปติํ กลฺลจิตฺตํ มุทุจิตฺตํ วินีวรณจิตฺตํ อุทคฺคจิตฺตํ ปสนฺนจิตฺตํ, อถ ยา พุทฺธานํ สามุกฺกํสิกา ธมฺมเทสนา ตํ ปกาเสสิ – ทุกฺขํ, สมุทยํ, นิโรธํ, มคฺคํฯ เสยฺยถาปิ นาม สุทฺธํ วตฺถํ อปคตกาฬกํ สมฺมเทว รชนํ ปฎิคฺคเณฺหยฺย, เอวเมว อุปาลิสฺส คหปติสฺส ตสฺมิํเยว อาสเน วิรชํ วีตมลํ ธมฺมจกฺขุํ อุทปาทิ – ‘ยํ กิญฺจิ สมุทยธมฺมํ สพฺพํ ตํ นิโรธธมฺม’นฺติฯ อถ โข อุปาลิ คหปติ ทิฎฺฐธโมฺม ปตฺตธโมฺม วิทิตธโมฺม ปริโยคาฬฺหธโมฺม ติณฺณวิจิกิโจฺฉ วิคตกถํกโถ เวสารชฺชปฺปโตฺต อปรปฺปจฺจโย สตฺถุสาสเน ภควนฺตํ เอตทโวจ – ‘‘หนฺท จ ทานิ มยํ, ภเนฺต, คจฺฉาม, พหุกิจฺจา มยํ พหุกรณียา’’ติฯ ‘‘ยสฺสทานิ ตฺวํ, คหปติ, กาลํ มญฺญสี’’ติฯ
69. Atha kho bhagavā upālissa gahapatissa anupubbiṃ kathaṃ 18 kathesi, seyyathidaṃ – dānakathaṃ sīlakathaṃ saggakathaṃ, kāmānaṃ ādīnavaṃ okāraṃ saṃkilesaṃ, nekkhamme ānisaṃsaṃ pakāsesi. Yadā bhagavā aññāsi upāliṃ gahapatiṃ kallacittaṃ muducittaṃ vinīvaraṇacittaṃ udaggacittaṃ pasannacittaṃ, atha yā buddhānaṃ sāmukkaṃsikā dhammadesanā taṃ pakāsesi – dukkhaṃ, samudayaṃ, nirodhaṃ, maggaṃ. Seyyathāpi nāma suddhaṃ vatthaṃ apagatakāḷakaṃ sammadeva rajanaṃ paṭiggaṇheyya, evameva upālissa gahapatissa tasmiṃyeva āsane virajaṃ vītamalaṃ dhammacakkhuṃ udapādi – ‘yaṃ kiñci samudayadhammaṃ sabbaṃ taṃ nirodhadhamma’nti. Atha kho upāli gahapati diṭṭhadhammo pattadhammo viditadhammo pariyogāḷhadhammo tiṇṇavicikiccho vigatakathaṃkatho vesārajjappatto aparappaccayo satthusāsane bhagavantaṃ etadavoca – ‘‘handa ca dāni mayaṃ, bhante, gacchāma, bahukiccā mayaṃ bahukaraṇīyā’’ti. ‘‘Yassadāni tvaṃ, gahapati, kālaṃ maññasī’’ti.
๗๐. อถ โข อุปาลิ คหปติ ภควโต ภาสิตํ อภินนฺทิตฺวา อนุโมทิตฺวา อุฎฺฐายาสนา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปทกฺขิณํ กตฺวา เยน สกํ นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา โทวาริกํ อามเนฺตสิ – ‘‘อชฺชตเคฺค, สมฺม โทวาริก, อาวรามิ ทฺวารํ นิคณฺฐานํ นิคณฺฐีนํ, อนาวฎํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ สเจ โกจิ นิคโณฺฐ อาคจฺฉติ ตเมนํ ตฺวํ เอวํ วเทยฺยาสิ – ‘ติฎฺฐ, ภเนฺต, มา ปาวิสิฯ อชฺชตเคฺค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโตฯ อาวฎํ ทฺวารํ นิคณฺฐานํ นิคณฺฐีนํ, อนาวฎํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ฯ สเจ เต, ภเนฺต, ปิณฺฑเกน อโตฺถ, เอเตฺถว ติฎฺฐ, เอเตฺถว เต อาหริสฺสนฺตี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปจฺจโสฺสสิฯ
70. Atha kho upāli gahapati bhagavato bhāsitaṃ abhinanditvā anumoditvā uṭṭhāyāsanā bhagavantaṃ abhivādetvā padakkhiṇaṃ katvā yena sakaṃ nivesanaṃ tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā dovārikaṃ āmantesi – ‘‘ajjatagge, samma dovārika, āvarāmi dvāraṃ nigaṇṭhānaṃ nigaṇṭhīnaṃ, anāvaṭaṃ dvāraṃ bhagavato bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Sace koci nigaṇṭho āgacchati tamenaṃ tvaṃ evaṃ vadeyyāsi – ‘tiṭṭha, bhante, mā pāvisi. Ajjatagge upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato. Āvaṭaṃ dvāraṃ nigaṇṭhānaṃ nigaṇṭhīnaṃ, anāvaṭaṃ dvāraṃ bhagavato bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ . Sace te, bhante, piṇḍakena attho, ettheva tiṭṭha, ettheva te āharissantī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho dovāriko upālissa gahapatissa paccassosi.
๗๑. อโสฺสสิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ – ‘‘อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติฯ อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต, อุปาลิ กิร คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ , อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติ ฯ ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ…เป.… ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สุตํ เมตํ, ภเนฺต …เป.… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติฯ ‘‘หนฺทาหํ, ภเนฺต, คจฺฉามิ ยาว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติฯ ‘‘คจฺฉ ตฺวํ, ตปสฺสิ, ชานาหิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติฯ
71. Assosi kho dīghatapassī nigaṇṭho – ‘‘upāli kira gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato’’ti. Atha kho dīghatapassī nigaṇṭho yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante, upāli kira gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato’’ti. ‘‘Aṭṭhānaṃ kho etaṃ, tapassi , anavakāso yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagaccheyya. Ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ samaṇo gotamo upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyyā’’ti . Dutiyampi kho dīghatapassī nigaṇṭho…pe… tatiyampi kho dīghatapassī nigaṇṭho nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘sutaṃ metaṃ, bhante …pe… upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyyā’’ti. ‘‘Handāhaṃ, bhante, gacchāmi yāva jānāmi yadi vā upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato yadi vā no’’ti. ‘‘Gaccha tvaṃ, tapassi, jānāhi yadi vā upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato yadi vā no’’ti.
๗๒. อถ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข โทวาริโก ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน ทีฆตปสฺสิํ นิคณฺฐํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐ, ภเนฺต, มา ปาวิสิฯ อชฺชตเคฺค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโตฯ อาวฎํ ทฺวารํ นิคณฺฐานํ นิคณฺฐีนํ, อนาวฎํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํ ฯ สเจ เต, ภเนฺต, ปิณฺฑเกน อโตฺถ, เอเตฺถว ติฎฺฐ, เอเตฺถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘น เม, อาวุโส, ปิณฺฑเกน อโตฺถ’’ติ วตฺวา ตโต ปฎินิวตฺติตฺวา เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภเนฺต, ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโตฯ เอตํ โข เต อหํ, ภเนฺต, นาลตฺถํ น โข เม, ภเนฺต, รุจฺจติ ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปยฺยฯ สมโณ หิ, ภเนฺต, โคตโม มายาวี อาวฎฺฎนิํ มายํ ชานาติ ยาย อญฺญติตฺถิยานํ สาวเก อาวเฎฺฎตีติฯ อาวโฎฺฎ โข เต, ภเนฺต, อุปาลิ คหปติ สมเณน โคตเมน อาวฎฺฎนิยา มายายา’’ติฯ ‘‘อฎฺฐานํ โข เอตํ, ตปสฺสิ, อนวกาโส ยํ อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยฯ ฐานญฺจ โข เอตํ วิชฺชติ ยํ สมโณ โคตโม อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติฯ ทุติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว, ภเนฺต…เป.… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติฯ ตติยมฺปิ โข ทีฆตปสฺสี นิคโณฺฐ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สจฺจํเยว โข, ภเนฺต…เป.… อุปาลิสฺส คหปติสฺส สาวกตฺตํ อุปคเจฺฉยฺยา’’ติฯ ‘‘หนฺท จาหํ , ตปสฺสิ, คจฺฉามิ ยาว จาหํ สามํเยว ชานามิ ยทิ วา อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโต ยทิ วา โน’’ติฯ
72. Atha kho dīghatapassī nigaṇṭho yena upālissa gahapatissa nivesanaṃ tenupasaṅkami. Addasā kho dovāriko dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna dīghatapassiṃ nigaṇṭhaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭha, bhante, mā pāvisi. Ajjatagge upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato. Āvaṭaṃ dvāraṃ nigaṇṭhānaṃ nigaṇṭhīnaṃ, anāvaṭaṃ dvāraṃ bhagavato bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ . Sace te, bhante, piṇḍakena attho, ettheva tiṭṭha, ettheva te āharissantī’’ti. ‘‘Na me, āvuso, piṇḍakena attho’’ti vatvā tato paṭinivattitvā yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘saccaṃyeva kho, bhante, yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato. Etaṃ kho te ahaṃ, bhante, nālatthaṃ na kho me, bhante, ruccati yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa vādaṃ āropeyya. Samaṇo hi, bhante, gotamo māyāvī āvaṭṭaniṃ māyaṃ jānāti yāya aññatitthiyānaṃ sāvake āvaṭṭetīti. Āvaṭṭo kho te, bhante, upāli gahapati samaṇena gotamena āvaṭṭaniyā māyāyā’’ti. ‘‘Aṭṭhānaṃ kho etaṃ, tapassi, anavakāso yaṃ upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagaccheyya. Ṭhānañca kho etaṃ vijjati yaṃ samaṇo gotamo upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyyā’’ti. Dutiyampi kho dīghatapassī nigaṇṭho nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘saccaṃyeva, bhante…pe… upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyyā’’ti. Tatiyampi kho dīghatapassī nigaṇṭho nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘saccaṃyeva kho, bhante…pe… upālissa gahapatissa sāvakattaṃ upagaccheyyā’’ti. ‘‘Handa cāhaṃ , tapassi, gacchāmi yāva cāhaṃ sāmaṃyeva jānāmi yadi vā upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato yadi vā no’’ti.
อถ โข นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธิํ เยน อุปาลิสฺส คหปติสฺส นิเวสนํ เตนุปสงฺกมิฯ อทฺทสา โข โทวาริโก นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํฯ ทิสฺวาน นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘ติฎฺฐ, ภเนฺต, มา ปาวิสิฯ อชฺชตเคฺค อุปาลิ คหปติ สมณสฺส โคตมสฺส สาวกตฺตํ อุปคโตฯ อาวฎํ ทฺวารํ นิคณฺฐานํ นิคณฺฐีนํ, อนาวฎํ ทฺวารํ ภควโต ภิกฺขูนํ ภิกฺขุนีนํ อุปาสกานํ อุปาสิกานํฯ สเจ เต, ภเนฺต, ปิณฺฑเกน อโตฺถ, เอเตฺถว ติฎฺฐ, เอเตฺถว เต อาหริสฺสนฺตี’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลิํ คหปติํ เอวํ วเทหิ – ‘นิคโณฺฐ, ภเนฺต, นาฎปุโตฺต มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธิํ พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โทวาริโก นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลิํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘นิคโณฺฐ, ภเนฺต, นาฎปุโตฺต มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธิํ พหิทฺวารโกฎฺฐเก ฐิโต; โส เต ทสฺสนกาโม’’ติฯ ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปญฺญเปหี’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิ ปญฺญเปตฺวา เยน อุปาลิ คหปติ เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา อุปาลิํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘ปญฺญตฺตานิ โข, ภเนฺต, มชฺฌิมาย ทฺวารสาลาย อาสนานิฯ ยสฺสทานิ กาลํ มญฺญสี’’ติฯ
Atha kho nigaṇṭho nāṭaputto mahatiyā nigaṇṭhaparisāya saddhiṃ yena upālissa gahapatissa nivesanaṃ tenupasaṅkami. Addasā kho dovāriko nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ dūratova āgacchantaṃ. Disvāna nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘tiṭṭha, bhante, mā pāvisi. Ajjatagge upāli gahapati samaṇassa gotamassa sāvakattaṃ upagato. Āvaṭaṃ dvāraṃ nigaṇṭhānaṃ nigaṇṭhīnaṃ, anāvaṭaṃ dvāraṃ bhagavato bhikkhūnaṃ bhikkhunīnaṃ upāsakānaṃ upāsikānaṃ. Sace te, bhante, piṇḍakena attho, ettheva tiṭṭha, ettheva te āharissantī’’ti. ‘‘Tena hi, samma dovārika, yena upāli gahapati tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā upāliṃ gahapatiṃ evaṃ vadehi – ‘nigaṇṭho, bhante, nāṭaputto mahatiyā nigaṇṭhaparisāya saddhiṃ bahidvārakoṭṭhake ṭhito; so te dassanakāmo’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho dovāriko nigaṇṭhassa nāṭaputtassa paṭissutvā yena upāli gahapati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā upāliṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘nigaṇṭho, bhante, nāṭaputto mahatiyā nigaṇṭhaparisāya saddhiṃ bahidvārakoṭṭhake ṭhito; so te dassanakāmo’’ti. ‘‘Tena hi, samma dovārika, majjhimāya dvārasālāya āsanāni paññapehī’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho dovāriko upālissa gahapatissa paṭissutvā majjhimāya dvārasālāya āsanāni paññapetvā yena upāli gahapati tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā upāliṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘paññattāni kho, bhante, majjhimāya dvārasālāya āsanāni. Yassadāni kālaṃ maññasī’’ti.
๗๓. อถ โข อุปาลิ คหปติ เยน มชฺฌิมา ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคญฺจ เสฎฺฐญฺจ อุตฺตมญฺจ ปณีตญฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา โทวาริกํ อามเนฺตสิ – ‘‘เตน หิ, สมฺม โทวาริก, เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – ‘อุปาลิ, ภเนฺต, คหปติ เอวมาห – ปวิส กิร, ภเนฺต, สเจ อากงฺขสี’’’ติฯ ‘‘เอวํ, ภเนฺต’’ติ โข โทวาริโก อุปาลิสฺส คหปติสฺส ปฎิสฺสุตฺวา เยน นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘อุปาลิ, ภเนฺต, คหปติ เอวมาห – ‘ปวิส กิร, ภเนฺต, สเจ อากงฺขสี’’’ติฯ อถ โข นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต มหติยา นิคณฺฐปริสาย สทฺธิํ เยน มชฺฌิมา ทฺวารสาลา เตนุปสงฺกมิฯ อถ โข อุปาลิ คหปติ – ยํ สุทํ ปุเพฺพ ยโต ปสฺสติ นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ ทูรโตว อาคจฺฉนฺตํ ทิสฺวาน ตโต ปจฺจุคฺคนฺตฺวา ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคญฺจ เสฎฺฐญฺจ อุตฺตมญฺจ ปณีตญฺจ ตํ อุตฺตราสเงฺคน สมฺมชฺชิตฺวา 19 ปริคฺคเหตฺวา นิสีทาเปติ โส – ทานิ ยํ ตตฺถ อาสนํ อคฺคญฺจ เสฎฺฐญฺจ อุตฺตมญฺจ ปณีตญฺจ ตตฺถ สามํ นิสีทิตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘สํวิชฺชนฺติ โข, ภเนฺต, อาสนานิ; สเจ อากงฺขสิ, นิสีทา’’ติฯ เอวํ วุเตฺต, นิคโณฺฐ นาฎปุโตฺต อุปาลิํ คหปติํ เอตทโวจ – ‘‘อุมฺมโตฺตสิ ตฺวํ, คหปติ, ทโตฺตสิ ตฺวํ, คหปติ! ‘คจฺฉามหํ, ภเนฺต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฎน ปฎิมุโกฺก อาคโตฯ เสยฺยถาปิ, คหปติ, ปุริโส อณฺฑหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อเณฺฑหิ อาคเจฺฉยฺย, เสยฺยถา วา ปน คหปติ ปุริโส อกฺขิกหารโก คนฺตฺวา อุพฺภเตหิ อกฺขีหิ อาคเจฺฉยฺย; เอวเมว โข ตฺวํ, คหปติ, ‘คจฺฉามหํ, ภเนฺต, สมณสฺส โคตมสฺส วาทํ อาโรเปสฺสามี’ติ คนฺตฺวา มหตาสิ วาทสงฺฆาเฎน ปฎิมุโกฺก อาคโตฯ อาวโฎฺฎสิ โข ตฺวํ, คหปติ, สมเณน โคตเมน อาวฎฺฎนิยา มายายา’’ติฯ
73. Atha kho upāli gahapati yena majjhimā dvārasālā tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā yaṃ tattha āsanaṃ aggañca seṭṭhañca uttamañca paṇītañca tattha sāmaṃ nisīditvā dovārikaṃ āmantesi – ‘‘tena hi, samma dovārika, yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ evaṃ vadehi – ‘upāli, bhante, gahapati evamāha – pavisa kira, bhante, sace ākaṅkhasī’’’ti. ‘‘Evaṃ, bhante’’ti kho dovāriko upālissa gahapatissa paṭissutvā yena nigaṇṭho nāṭaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘upāli, bhante, gahapati evamāha – ‘pavisa kira, bhante, sace ākaṅkhasī’’’ti. Atha kho nigaṇṭho nāṭaputto mahatiyā nigaṇṭhaparisāya saddhiṃ yena majjhimā dvārasālā tenupasaṅkami. Atha kho upāli gahapati – yaṃ sudaṃ pubbe yato passati nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ dūratova āgacchantaṃ disvāna tato paccuggantvā yaṃ tattha āsanaṃ aggañca seṭṭhañca uttamañca paṇītañca taṃ uttarāsaṅgena sammajjitvā 20 pariggahetvā nisīdāpeti so – dāni yaṃ tattha āsanaṃ aggañca seṭṭhañca uttamañca paṇītañca tattha sāmaṃ nisīditvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘saṃvijjanti kho, bhante, āsanāni; sace ākaṅkhasi, nisīdā’’ti. Evaṃ vutte, nigaṇṭho nāṭaputto upāliṃ gahapatiṃ etadavoca – ‘‘ummattosi tvaṃ, gahapati, dattosi tvaṃ, gahapati! ‘Gacchāmahaṃ, bhante, samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessāmī’ti gantvā mahatāsi vādasaṅghāṭena paṭimukko āgato. Seyyathāpi, gahapati, puriso aṇḍahārako gantvā ubbhatehi aṇḍehi āgaccheyya, seyyathā vā pana gahapati puriso akkhikahārako gantvā ubbhatehi akkhīhi āgaccheyya; evameva kho tvaṃ, gahapati, ‘gacchāmahaṃ, bhante, samaṇassa gotamassa vādaṃ āropessāmī’ti gantvā mahatāsi vādasaṅghāṭena paṭimukko āgato. Āvaṭṭosi kho tvaṃ, gahapati, samaṇena gotamena āvaṭṭaniyā māyāyā’’ti.
๗๔. ‘‘ภทฺทิกา, ภเนฺต, อาวฎฺฎนี มายา; กลฺยาณี, ภเนฺต, อาวฎฺฎนี มายา; ปิยา เม, ภเนฺต, ญาติสาโลหิตา อิมาย อาวฎฺฎนิยา อาวเฎฺฎยฺยุํ; ปิยานมฺปิ เม อสฺส ญาติสาโลหิตานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สเพฺพ เจปิ, ภเนฺต, ขตฺติยา อิมาย อาวฎฺฎนิยา อาวเฎฺฎยฺยุํ; สเพฺพสานมฺปิสฺส ขตฺติยานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สเพฺพ เจปิ, ภเนฺต, พฺราหฺมณา…เป.… เวสฺสา…เป.… สุทฺทา อิมาย อาวฎฺฎนิยา อาวเฎฺฎยฺยุํ; สเพฺพสานมฺปิสฺส สุทฺทานํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย; สเทวโก เจปิ, ภเนฺต, โลโก สมารโก สพฺรหฺมโก สสฺสมณพฺราหฺมณี ปชา สเทวมนุสฺสา อิมาย อาวฎฺฎนิยา อาวเฎฺฎยฺยุํ; สเทวกสฺสปิสฺส โลกสฺส สมารกสฺส สพฺรหฺมกสฺส สสฺสมณพฺราหฺมณิยา ปชาย สเทวมนุสฺสาย ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขายาติฯ เตน หิ, ภเนฺต, อุปมํ เต กริสฺสามิฯ อุปมาย ปิเธกเจฺจ วิญฺญู ปุริสา ภาสิตสฺส อตฺถํ อาชานนฺติฯ
74. ‘‘Bhaddikā, bhante, āvaṭṭanī māyā; kalyāṇī, bhante, āvaṭṭanī māyā; piyā me, bhante, ñātisālohitā imāya āvaṭṭaniyā āvaṭṭeyyuṃ; piyānampi me assa ñātisālohitānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya; sabbe cepi, bhante, khattiyā imāya āvaṭṭaniyā āvaṭṭeyyuṃ; sabbesānampissa khattiyānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya; sabbe cepi, bhante, brāhmaṇā…pe… vessā…pe… suddā imāya āvaṭṭaniyā āvaṭṭeyyuṃ; sabbesānampissa suddānaṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya; sadevako cepi, bhante, loko samārako sabrahmako sassamaṇabrāhmaṇī pajā sadevamanussā imāya āvaṭṭaniyā āvaṭṭeyyuṃ; sadevakassapissa lokassa samārakassa sabrahmakassa sassamaṇabrāhmaṇiyā pajāya sadevamanussāya dīgharattaṃ hitāya sukhāyāti. Tena hi, bhante, upamaṃ te karissāmi. Upamāya pidhekacce viññū purisā bhāsitassa atthaṃ ājānanti.
๗๕. ‘‘ภูตปุพฺพํ , ภเนฺต, อญฺญตรสฺส พฺราหฺมณสฺส ชิณฺณสฺส วุฑฺฒสฺส มหลฺลกสฺส ทหรา มาณวิกา ปชาปตี อโหสิ คพฺภินี อุปวิชญฺญาฯ อถ โข, ภเนฺต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฎจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, โส พฺราหฺมโณ ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อาคเมหิ ตาว, โภติ, ยาว วิชายติฯ สเจ ตฺวํ, โภติ, กุมารกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฎจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสติฯ สเจ ปน ตฺวํ, โภติ, กุมาริกํ วิชายิสฺสสิ, ตสฺสา เต อหํ อาปณา มกฺกฎจฺฉาปิกํ กิณิตฺวา อาเนสฺสามิ, ยา เต กุมาริกาย กีฬาปนิกา ภวิสฺสตี’ติฯ ทุติยมฺปิ โข, ภเนฺต, สา มาณวิกา…เป.… ตติยมฺปิ โข, ภเนฺต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อาปณา มกฺกฎจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนหิ, โย เม กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติฯ อถ โข, ภเนฺต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารโตฺต ปฎิพทฺธจิโตฺต อาปณา มกฺกฎจฺฉาปกํ กิณิตฺวา อาเนตฺวา ตํ มาณวิกํ เอตทโวจ – ‘อยํ เต, โภติ, อาปณา มกฺกฎจฺฉาปโก กิณิตฺวา อานีโต, โย เต กุมารกสฺส กีฬาปนโก ภวิสฺสตี’ติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, สา มาณวิกา ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘คจฺฉ ตฺวํ, พฺราหฺมณ, อิมํ มกฺกฎจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชตปุโตฺต เตนุปสงฺกม; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณิํ รชกปุตฺตํ เอวํ วเทหิ – อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฎจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฎิตปจฺจาโกฎิตํ อุภโตภาควิมฎฺฐ’นฺติฯ
75. ‘‘Bhūtapubbaṃ , bhante, aññatarassa brāhmaṇassa jiṇṇassa vuḍḍhassa mahallakassa daharā māṇavikā pajāpatī ahosi gabbhinī upavijaññā. Atha kho, bhante, sā māṇavikā taṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘gaccha tvaṃ, brāhmaṇa, āpaṇā makkaṭacchāpakaṃ kiṇitvā ānehi, yo me kumārakassa kīḷāpanako bhavissatī’ti. Evaṃ vutte, so brāhmaṇo taṃ māṇavikaṃ etadavoca – ‘āgamehi tāva, bhoti, yāva vijāyati. Sace tvaṃ, bhoti, kumārakaṃ vijāyissasi, tassā te ahaṃ āpaṇā makkaṭacchāpakaṃ kiṇitvā ānessāmi, yo te kumārakassa kīḷāpanako bhavissati. Sace pana tvaṃ, bhoti, kumārikaṃ vijāyissasi, tassā te ahaṃ āpaṇā makkaṭacchāpikaṃ kiṇitvā ānessāmi, yā te kumārikāya kīḷāpanikā bhavissatī’ti. Dutiyampi kho, bhante, sā māṇavikā…pe… tatiyampi kho, bhante, sā māṇavikā taṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘gaccha tvaṃ, brāhmaṇa, āpaṇā makkaṭacchāpakaṃ kiṇitvā ānehi, yo me kumārakassa kīḷāpanako bhavissatī’ti. Atha kho, bhante, so brāhmaṇo tassā māṇavikāya sāratto paṭibaddhacitto āpaṇā makkaṭacchāpakaṃ kiṇitvā ānetvā taṃ māṇavikaṃ etadavoca – ‘ayaṃ te, bhoti, āpaṇā makkaṭacchāpako kiṇitvā ānīto, yo te kumārakassa kīḷāpanako bhavissatī’ti. Evaṃ vutte, bhante, sā māṇavikā taṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘gaccha tvaṃ, brāhmaṇa, imaṃ makkaṭacchāpakaṃ ādāya yena rattapāṇi rajataputto tenupasaṅkama; upasaṅkamitvā rattapāṇiṃ rajakaputtaṃ evaṃ vadehi – icchāmahaṃ, samma rattapāṇi, imaṃ makkaṭacchāpakaṃ pītāvalepanaṃ nāma raṅgajātaṃ rajitaṃ ākoṭitapaccākoṭitaṃ ubhatobhāgavimaṭṭha’nti.
‘‘อถ โข, ภเนฺต, โส พฺราหฺมโณ ตสฺสา มาณวิกาย สารโตฺต ปฎิพทฺธจิโตฺต ตํ มกฺกฎจฺฉาปกํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชกปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณิํ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ มกฺกฎจฺฉาปกํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฎิตปจฺจาโกฎิตํ อุภโตภาควิมฎฺฐ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, รตฺตปาณิ รชกปุโตฺต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อยํ โข เต, มกฺกฎจฺฉาปโก รงฺคกฺขโม หิ โข, โน อาโกฎนกฺขโม , โน วิมชฺชนกฺขโม’ติฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, พาลานํ นิคณฺฐานํ วาโท รงฺคกฺขโม หิ โข พาลานํ โน ปณฺฑิตานํ, โน อนุโยคกฺขโม, โน วิมชฺชนกฺขโมฯ อถ โข, ภเนฺต, โส พฺราหฺมโณ อปเรน สมเยน นวํ ทุสฺสยุคํ อาทาย เยน รตฺตปาณิ รชกปุโตฺต เตนุปสงฺกมิ; อุปสงฺกมิตฺวา รตฺตปาณิํ รชกปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘อิจฺฉามหํ, สมฺม รตฺตปาณิ, อิมํ นวํ ทุสฺสยุคํ ปีตาวเลปนํ นาม รงฺคชาตํ รชิตํ อาโกฎิตปจฺจาโกฎิตํ อุภโตภาควิมฎฺฐ’นฺติฯ เอวํ วุเตฺต, ภเนฺต, รตฺตปาณิ รชกปุโตฺต ตํ พฺราหฺมณํ เอตทโวจ – ‘อิทํ โข เต, ภเนฺต, นวํ ทุสฺสยุคํ รงฺคกฺขมเญฺจว อาโกฎนกฺขมญฺจ วิมชฺชนกฺขมญฺจา’ติฯ เอวเมว โข, ภเนฺต, ตสฺส ภควโต วาโท อรหโต สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส รงฺคกฺขโม เจว ปณฺฑิตานํ โน พาลานํ, อนุโยคกฺขโม จ วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติฯ
‘‘Atha kho, bhante, so brāhmaṇo tassā māṇavikāya sāratto paṭibaddhacitto taṃ makkaṭacchāpakaṃ ādāya yena rattapāṇi rajakaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rattapāṇiṃ rajakaputtaṃ etadavoca – ‘icchāmahaṃ, samma rattapāṇi, imaṃ makkaṭacchāpakaṃ pītāvalepanaṃ nāma raṅgajātaṃ rajitaṃ ākoṭitapaccākoṭitaṃ ubhatobhāgavimaṭṭha’nti. Evaṃ vutte, bhante, rattapāṇi rajakaputto taṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘ayaṃ kho te, makkaṭacchāpako raṅgakkhamo hi kho, no ākoṭanakkhamo , no vimajjanakkhamo’ti. Evameva kho, bhante, bālānaṃ nigaṇṭhānaṃ vādo raṅgakkhamo hi kho bālānaṃ no paṇḍitānaṃ, no anuyogakkhamo, no vimajjanakkhamo. Atha kho, bhante, so brāhmaṇo aparena samayena navaṃ dussayugaṃ ādāya yena rattapāṇi rajakaputto tenupasaṅkami; upasaṅkamitvā rattapāṇiṃ rajakaputtaṃ etadavoca – ‘icchāmahaṃ, samma rattapāṇi, imaṃ navaṃ dussayugaṃ pītāvalepanaṃ nāma raṅgajātaṃ rajitaṃ ākoṭitapaccākoṭitaṃ ubhatobhāgavimaṭṭha’nti. Evaṃ vutte, bhante, rattapāṇi rajakaputto taṃ brāhmaṇaṃ etadavoca – ‘idaṃ kho te, bhante, navaṃ dussayugaṃ raṅgakkhamañceva ākoṭanakkhamañca vimajjanakkhamañcā’ti. Evameva kho, bhante, tassa bhagavato vādo arahato sammāsambuddhassa raṅgakkhamo ceva paṇḍitānaṃ no bālānaṃ, anuyogakkhamo ca vimajjanakkhamo cā’’ti.
‘‘สราชิกา โข, คหปติ, ปริสา เอวํ ชานาติ – ‘อุปาลิ คหปติ นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส สาวโก’ติฯ กสฺส ตํ, คหปติ, สาวกํ ธาเรมา’’ติ? เอวํ วุเตฺต, อุปาลิ คหปติ อุฎฺฐายาสนา เอกํสํ อุตฺตราสงฺคํ กริตฺวา เยน ภควา เตนญฺชลิํ ปณาเมตฺวา นิคณฺฐํ นาฎปุตฺตํ เอตทโวจ – ‘‘เตน หิ, ภเนฺต, สุโณหิ ยสฺสาหํ สาวโก’’ติ –
‘‘Sarājikā kho, gahapati, parisā evaṃ jānāti – ‘upāli gahapati nigaṇṭhassa nāṭaputtassa sāvako’ti. Kassa taṃ, gahapati, sāvakaṃ dhāremā’’ti? Evaṃ vutte, upāli gahapati uṭṭhāyāsanā ekaṃsaṃ uttarāsaṅgaṃ karitvā yena bhagavā tenañjaliṃ paṇāmetvā nigaṇṭhaṃ nāṭaputtaṃ etadavoca – ‘‘tena hi, bhante, suṇohi yassāhaṃ sāvako’’ti –
๗๖.
76.
‘‘ธีรสฺส วิคตโมหสฺส, ปภินฺนขีลสฺส วิชิตวิชยสฺส;
‘‘Dhīrassa vigatamohassa, pabhinnakhīlassa vijitavijayassa;
อนีฆสฺส สุสมจิตฺตสฺส, วุทฺธสีลสฺส สาธุปญฺญสฺส;
Anīghassa susamacittassa, vuddhasīlassa sādhupaññassa;
เวสมนฺตรสฺส 21 วิมลสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Vesamantarassa 22 vimalassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘อกถํกถิสฺส ตุสิตสฺส, วนฺตโลกามิสสฺส มุทิตสฺส;
‘‘Akathaṃkathissa tusitassa, vantalokāmisassa muditassa;
กตสมณสฺส มนุชสฺส, อนฺติมสารีรสฺส นรสฺส;
Katasamaṇassa manujassa, antimasārīrassa narassa;
อโนปมสฺส วิรชสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Anopamassa virajassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘อสํสยสฺส กุสลสฺส, เวนยิกสฺส สารถิวรสฺส;
‘‘Asaṃsayassa kusalassa, venayikassa sārathivarassa;
อนุตฺตรสฺส รุจิรธมฺมสฺส, นิกฺกงฺขสฺส ปภาสกสฺส 23;
Anuttarassa ruciradhammassa, nikkaṅkhassa pabhāsakassa 24;
มานจฺฉิทสฺส วีรสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Mānacchidassa vīrassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘นิสภสฺส อปฺปเมยฺยสฺส, คมฺภีรสฺส โมนปตฺตสฺส;
‘‘Nisabhassa appameyyassa, gambhīrassa monapattassa;
เขมงฺกรสฺส เวทสฺส, ธมฺมฎฺฐสฺส สํวุตตฺตสฺส;
Khemaṅkarassa vedassa, dhammaṭṭhassa saṃvutattassa;
สงฺคาติคสฺส มุตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Saṅgātigassa muttassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘นาคสฺส ปนฺตเสนสฺส, ขีณสํโยชนสฺส มุตฺตสฺส;
‘‘Nāgassa pantasenassa, khīṇasaṃyojanassa muttassa;
ทนฺตสฺส นิปฺปปญฺจสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Dantassa nippapañcassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘อิสิสตฺตมสฺส อกุหสฺส, เตวิชฺชสฺส พฺรหฺมปตฺตสฺส;
‘‘Isisattamassa akuhassa, tevijjassa brahmapattassa;
ปุรินฺททสฺส สกฺกสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Purindadassa sakkassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘อริยสฺส ภาวิตตฺตสฺส, ปตฺติปตฺตสฺส เวยฺยากรณสฺส;
‘‘Ariyassa bhāvitattassa, pattipattassa veyyākaraṇassa;
สติมโต วิปสฺสิสฺส, อนภินตสฺส โน อปนตสฺส;
Satimato vipassissa, anabhinatassa no apanatassa;
อเนชสฺส วสิปฺปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิ ฯ
Anejassa vasippattassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi .
‘‘สมุคฺคตสฺส 29 ฌายิสฺส, อนนุคตนฺตรสฺส สุทฺธสฺส;
‘‘Samuggatassa 30 jhāyissa, ananugatantarassa suddhassa;
ติณฺณสฺส ตารยนฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Tiṇṇassa tārayantassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘สนฺตสฺส ภูริปญฺญสฺส, มหาปญฺญสฺส วีตโลภสฺส;
‘‘Santassa bhūripaññassa, mahāpaññassa vītalobhassa;
ตถาคตสฺส สุคตสฺส, อปฺปฎิปุคฺคลสฺส อสมสฺส;
Tathāgatassa sugatassa, appaṭipuggalassa asamassa;
วิสารทสฺส นิปุณสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมิฯ
Visāradassa nipuṇassa, bhagavato tassa sāvakohamasmi.
‘‘ตณฺหจฺฉิทสฺส พุทฺธสฺส, วีตธูมสฺส อนุปลิตฺตสฺส;
‘‘Taṇhacchidassa buddhassa, vītadhūmassa anupalittassa;
อาหุเนยฺยสฺส ยกฺขสฺส, อุตฺตมปุคฺคลสฺส อตุลสฺส;
Āhuneyyassa yakkhassa, uttamapuggalassa atulassa;
มหโต ยสคฺคปตฺตสฺส, ภควโต ตสฺส สาวโกหมสฺมี’’ติฯ
Mahato yasaggapattassa, bhagavato tassa sāvakohamasmī’’ti.
๗๗. ‘‘กทา สญฺญูฬฺหา ปน เต, คหปติ, อิเม สมณสฺส โคตมสฺส วณฺณา’’ติ? ‘‘เสยฺยถาปิ, ภเนฺต, นานาปุปฺผานํ มหาปุปฺผราสิ , ตเมนํ ทโกฺข มาลากาโร วา มาลาการเนฺตวาสี วา วิจิตฺตํ มาลํ คเนฺถยฺย; เอวเมว โข, ภเนฺต, โส ภควา อเนกวโณฺณ อเนกสตวโณฺณฯ โก หิ, ภเนฺต, วณฺณารหสฺส วณฺณํ น กริสฺสตี’’ติ? อถ โข นิคณฺฐสฺส นาฎปุตฺตสฺส ภควโต สกฺการํ อสหมานสฺส ตเตฺถว อุณฺหํ โลหิตํ มุขโต อุคฺคจฺฉีติ 33ฯ
77. ‘‘Kadā saññūḷhā pana te, gahapati, ime samaṇassa gotamassa vaṇṇā’’ti? ‘‘Seyyathāpi, bhante, nānāpupphānaṃ mahāpuppharāsi , tamenaṃ dakkho mālākāro vā mālākārantevāsī vā vicittaṃ mālaṃ gantheyya; evameva kho, bhante, so bhagavā anekavaṇṇo anekasatavaṇṇo. Ko hi, bhante, vaṇṇārahassa vaṇṇaṃ na karissatī’’ti? Atha kho nigaṇṭhassa nāṭaputtassa bhagavato sakkāraṃ asahamānassa tattheva uṇhaṃ lohitaṃ mukhato uggacchīti 34.
อุปาลิสุตฺตํ นิฎฺฐิตํ ฉฎฺฐํฯ
Upālisuttaṃ niṭṭhitaṃ chaṭṭhaṃ.
Footnotes:
Related texts:
อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา • 6. Upālisuttavaṇṇanā
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā) / ๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา • 6. Upālisuttavaṇṇanā