Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย (อฎฺฐกถา) • Aṅguttaranikāya (aṭṭhakathā) |
๔. อุปาลิวโคฺค
4. Upālivaggo
๑. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา
1. Upālisuttavaṇṇanā
๓๑. จตุตฺถสฺส ปฐเม สงฺฆสุฎฺฐุตายาติอาทีสุ สงฺฆสุฎฺฐุตา นาม สงฺฆสฺส สุฎฺฐุภาโว, ‘‘สุฎฺฐุ เทวา’’ติ อาคตฎฺฐาเน วิย ‘‘สุฎฺฐุ, ภเนฺต’’ติ วจนสมฺปฎิจฺฉนภาโวฯ โย จ ตถาคตสฺส วจนํ สมฺปฎิจฺฉติ, ตสฺส ตํ ทีฆรตฺตํ หิตาย สุขาย สํวตฺตติฯ ตสฺมา สงฺฆสฺส ‘‘สุฎฺฐุ, ภเนฺต’’ติ วจนสมฺปฎิจฺฉนตฺถํ ปญฺญตฺตํ, อสมฺปฎิจฺฉเน อาทีนวํ, สมฺปฎิจฺฉเน อานิสํสํ ทเสฺสตฺวา, น พลกฺกาเรน อภิภวิตฺวาติ เอตมตฺถํ อาวิกโรโนฺต อาห – สงฺฆสุฎฺฐุตายาติฯ สงฺฆผาสุตายาติ สงฺฆสฺส ผาสุภาวาย, สหชีวิตาย สุขวิหารตฺถายาติ อโตฺถฯ
31. Catutthassa paṭhame saṅghasuṭṭhutāyātiādīsu saṅghasuṭṭhutā nāma saṅghassa suṭṭhubhāvo, ‘‘suṭṭhu devā’’ti āgataṭṭhāne viya ‘‘suṭṭhu, bhante’’ti vacanasampaṭicchanabhāvo. Yo ca tathāgatassa vacanaṃ sampaṭicchati, tassa taṃ dīgharattaṃ hitāya sukhāya saṃvattati. Tasmā saṅghassa ‘‘suṭṭhu, bhante’’ti vacanasampaṭicchanatthaṃ paññattaṃ, asampaṭicchane ādīnavaṃ, sampaṭicchane ānisaṃsaṃ dassetvā, na balakkārena abhibhavitvāti etamatthaṃ āvikaronto āha – saṅghasuṭṭhutāyāti. Saṅghaphāsutāyāti saṅghassa phāsubhāvāya, sahajīvitāya sukhavihāratthāyāti attho.
ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายาติ ทุมฺมงฺกูนาม ทุสฺสีลปุคฺคลา, เย มงฺกุตํ อาปาทิยมานาปิ ทุเกฺขน อาปชฺชนฺติ, วีติกฺกมํ กโรนฺตา วา กตฺวา วา น ลชฺชนฺติ, เตสํ นิคฺคหตฺถายฯ เต หิ สิกฺขาปเท อสติ ‘‘กิํ ตุเมฺหหิ ทิฎฺฐํ, กิํ สุตํ, กิํ อเมฺหหิ กตํ, กตมสฺมิํ วตฺถุสฺมิํ กตมํ อาปตฺติํ โรเปตฺวา อเมฺห นิคฺคณฺหถา’’ติ สงฺฆํ วิเหเฐยฺยุํฯ สิกฺขาปเท ปน สติ เต สโงฺฆ สิกฺขาปทํ ทเสฺสตฺวา สห ธเมฺมน นิคฺคเหสฺสติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคหายา’’ติฯ
Dummaṅkūnaṃpuggalānaṃ niggahāyāti dummaṅkūnāma dussīlapuggalā, ye maṅkutaṃ āpādiyamānāpi dukkhena āpajjanti, vītikkamaṃ karontā vā katvā vā na lajjanti, tesaṃ niggahatthāya. Te hi sikkhāpade asati ‘‘kiṃ tumhehi diṭṭhaṃ, kiṃ sutaṃ, kiṃ amhehi kataṃ, katamasmiṃ vatthusmiṃ katamaṃ āpattiṃ ropetvā amhe niggaṇhathā’’ti saṅghaṃ viheṭheyyuṃ. Sikkhāpade pana sati te saṅgho sikkhāpadaṃ dassetvā saha dhammena niggahessati. Tena vuttaṃ – ‘‘dummaṅkūnaṃ puggalānaṃ niggahāyā’’ti.
เปสลานนฺติ ปิยสีลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารตฺถายฯ ปิยสีลา หิ ภิกฺขู กตฺตพฺพากตฺตพฺพํ สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทญฺจ อชานนฺตา สิกฺขาตฺตยปาริปูริยา ฆฎมานา กิลมนฺติ, เต ปน สาวชฺชานวชฺชํ เวลํ มริยาทญฺจ ญตฺวา สิกฺขาปาริปูริยา ฆฎมานา น กิลมนฺติฯ เตน เตสํ สิกฺขาปทปญฺญาปนํ ผาสุวิหาราย สํวตฺตติเยวฯ โย วา ทุมฺมงฺกูนํ ปุคฺคลานํ นิคฺคโห, เสฺวว เตสํ ผาสุวิหาโรฯ ทุสฺสีลปุคฺคเล นิสฺสาย หิ อุโปสถปฺปวารณา น ติฎฺฐนฺติ, สงฺฆกมฺมานิ นปฺปวตฺตนฺติ, สามคฺคี น โหติ, ภิกฺขู อเนกคฺคา อุเทฺทสาทีสุ อนุยุญฺชิตุํ น สโกฺกนฺติฯ ทุสฺสีเลสุ ปน นิคฺคหิเตสุ สโพฺพปิ อยํ อุปทฺทโว น โหติ, ตโต เปสลา ภิกฺขู ผาสุ วิหรนฺติฯ เอวํ ‘‘เปสลานํ ภิกฺขูนํ ผาสุวิหารายา’’ติ เอตฺถ ทฺวิธา อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ
Pesalānanti piyasīlānaṃ bhikkhūnaṃ phāsuvihāratthāya. Piyasīlā hi bhikkhū kattabbākattabbaṃ sāvajjānavajjaṃ velaṃ mariyādañca ajānantā sikkhāttayapāripūriyā ghaṭamānā kilamanti, te pana sāvajjānavajjaṃ velaṃ mariyādañca ñatvā sikkhāpāripūriyā ghaṭamānā na kilamanti. Tena tesaṃ sikkhāpadapaññāpanaṃ phāsuvihārāya saṃvattatiyeva. Yo vā dummaṅkūnaṃ puggalānaṃ niggaho, sveva tesaṃ phāsuvihāro. Dussīlapuggale nissāya hi uposathappavāraṇā na tiṭṭhanti, saṅghakammāni nappavattanti, sāmaggī na hoti, bhikkhū anekaggā uddesādīsu anuyuñjituṃ na sakkonti. Dussīlesu pana niggahitesu sabbopi ayaṃ upaddavo na hoti, tato pesalā bhikkhū phāsu viharanti. Evaṃ ‘‘pesalānaṃ bhikkhūnaṃ phāsuvihārāyā’’ti ettha dvidhā attho veditabbo.
ทิฎฺฐธมฺมิกานํ อาสวานํ สํวรายาติ ทิฎฺฐธมฺมิกา อาสวา นาม อสํวเร ฐิเตน ตสฺมิํเยว อตฺตภาเว ปตฺตพฺพา ปาณิปฺปหารทณฺฑปฺปหารสตฺถปฺปหารหตฺถเจฺฉทปาทเจฺฉทอกิตฺติอยสวิปฺปฎิสาราทโย ทุกฺขวิเสโส, เตสํ สํวราย ปิทหนาย อาคมนมคฺคถกนายาติ อโตฺถฯ สมฺปรายิกานนฺติ สมฺปรายิกา อาสวา นาม อสํวเร ฐิเตน กตปาปกมฺมมูลกา สมฺปราเย นรกาทีสุ ปตฺตพฺพา ทุกฺขวิเสสา, เตสํ ปฎิฆาตตฺถาย วูปสมตฺถายฯ
Diṭṭhadhammikānaṃ āsavānaṃ saṃvarāyāti diṭṭhadhammikā āsavā nāma asaṃvare ṭhitena tasmiṃyeva attabhāve pattabbā pāṇippahāradaṇḍappahārasatthappahārahatthacchedapādacchedaakittiayasavippaṭisārādayo dukkhaviseso, tesaṃ saṃvarāya pidahanāya āgamanamaggathakanāyāti attho. Samparāyikānanti samparāyikā āsavā nāma asaṃvare ṭhitena katapāpakammamūlakā samparāye narakādīsu pattabbā dukkhavisesā, tesaṃ paṭighātatthāya vūpasamatthāya.
อปฺปสนฺนานนฺติ สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา หิ สติ สิกฺขาปทปญฺญตฺติํ ญตฺวา วา, ยถาปญฺญตฺตํ ปฎิปชฺชมาเน ภิกฺขู ทิสฺวา วา, เยปิ อปฺปสนฺนา ปณฺฑิตมนุสฺสา, เต ‘‘ยานิ วต โลเก มหาชนสฺส รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนฎฺฐานานิ, เตหิ อิเม สมณา อารกา วิรตา วิหรนฺติ, ทุกฺกรํ วต กโรนฺตี’’ติ ปสาทํ อาปชฺชนฺติ วินยปิฎกโปตฺถกํ ทิสฺวา มิจฺฉาทิฎฺฐิกตเวทิพฺราหฺมณา วิยฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘อปฺปสนฺนานํ ปสาทายา’’ติฯ
Appasannānanti sikkhāpadapaññattiyā hi sati sikkhāpadapaññattiṃ ñatvā vā, yathāpaññattaṃ paṭipajjamāne bhikkhū disvā vā, yepi appasannā paṇḍitamanussā, te ‘‘yāni vata loke mahājanassa rajjanadussanamuyhanaṭṭhānāni, tehi ime samaṇā ārakā viratā viharanti, dukkaraṃ vata karontī’’ti pasādaṃ āpajjanti vinayapiṭakapotthakaṃ disvā micchādiṭṭhikatavedibrāhmaṇā viya. Tena vuttaṃ – ‘‘appasannānaṃ pasādāyā’’ti.
ปสนฺนานนฺติ เยปิ สาสเน ปสนฺนา กุลปุตฺตา, เตปิ สิกฺขาปทปญฺญตฺติํ วา ญตฺวา, ยถาปญฺญตฺตํ ปฎิปชฺชมาเน ภิกฺขู วา ทิสฺวา ‘‘อโห อยฺยา ทุกฺกรํ กโรนฺติ, เย ยาวชีวํ เอกภตฺตา วินยสํวรํ ปาเลนฺตี’’ติ ภิโยฺย ภิโยฺย ปสีทนฺติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘ปสนฺนานํ ภิโยฺยภาวายา’’ติฯ
Pasannānanti yepi sāsane pasannā kulaputtā, tepi sikkhāpadapaññattiṃ vā ñatvā, yathāpaññattaṃ paṭipajjamāne bhikkhū vā disvā ‘‘aho ayyā dukkaraṃ karonti, ye yāvajīvaṃ ekabhattā vinayasaṃvaraṃ pālentī’’ti bhiyyo bhiyyo pasīdanti. Tena vuttaṃ – ‘‘pasannānaṃ bhiyyobhāvāyā’’ti.
สทฺธมฺมฎฺฐิติยาติ ติวิโธ สทฺธโมฺม ปริยตฺติสทฺธโมฺม ปฎิปตฺติสทฺธโมฺม อธิคมสทฺธโมฺมติฯ ตตฺถ สกลมฺปิ พุทฺธวจนํ ปริยตฺติสทฺธโมฺม นามฯ เตรส ธุตคุณา จาริตฺตวาริตฺตสีลสมาธิวิปสฺสนาติ อยํ ปฎิปตฺติสทฺธโมฺม นามฯ นวโลกุตฺตรธโมฺม อธิคมสทฺธโมฺม นามฯ โส สโพฺพปิ ยสฺมา สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา สติ ภิกฺขู สิกฺขาปทญฺจ ตสฺส วิภงฺคญฺจ ตทตฺถโชตนตฺถํ อญฺญญฺจ พุทฺธวจนํ ปริยาปุณนฺติ, ยถาปญฺญตฺตญฺจ ปฎิปชฺชมานา ปฎิปตฺติํ ปูเรตฺวา ปฎิปตฺติยา อธิคนฺตพฺพํ โลกุตฺตรธมฺมํ อธิคจฺฉนฺติ, ตสฺมา สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา สทฺธโมฺม จิรฎฺฐิติโก โหติฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘สทฺธมฺมฎฺฐิติยา’’ติฯ
Saddhammaṭṭhitiyāti tividho saddhammo pariyattisaddhammo paṭipattisaddhammo adhigamasaddhammoti. Tattha sakalampi buddhavacanaṃ pariyattisaddhammo nāma. Terasa dhutaguṇā cārittavārittasīlasamādhivipassanāti ayaṃ paṭipattisaddhammo nāma. Navalokuttaradhammo adhigamasaddhammo nāma. So sabbopi yasmā sikkhāpadapaññattiyā sati bhikkhū sikkhāpadañca tassa vibhaṅgañca tadatthajotanatthaṃ aññañca buddhavacanaṃ pariyāpuṇanti, yathāpaññattañca paṭipajjamānā paṭipattiṃ pūretvā paṭipattiyā adhigantabbaṃ lokuttaradhammaṃ adhigacchanti, tasmā sikkhāpadapaññattiyā saddhammo ciraṭṭhitiko hoti. Tena vuttaṃ – ‘‘saddhammaṭṭhitiyā’’ti.
วินยานุคฺคหายาติ สิกฺขาปทปญฺญตฺติยา สติ สํวรวินโย, ปหานวินโย, สมถวินโย, ปญฺญตฺติวินโยติ จตุพฺพิโธ วินโย อนุคฺคหิโต โหติ สูปตฺถมฺภิโตฯ เตน วุตฺตํ – ‘‘วินยานุคฺคหายา’’ติฯ
Vinayānuggahāyāti sikkhāpadapaññattiyā sati saṃvaravinayo, pahānavinayo, samathavinayo, paññattivinayoti catubbidho vinayo anuggahito hoti sūpatthambhito. Tena vuttaṃ – ‘‘vinayānuggahāyā’’ti.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / องฺคุตฺตรนิกาย • Aṅguttaranikāya / ๑. อุปาลิสุตฺตํ • 1. Upālisuttaṃ
ฎีกา • Tīkā / สุตฺตปิฎก (ฎีกา) • Suttapiṭaka (ṭīkā) / องฺคุตฺตรนิกาย (ฎีกา) • Aṅguttaranikāya (ṭīkā) / ๑. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา • 1. Upālisuttavaṇṇanā