Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / มชฺฌิมนิกาย (ฎีกา) • Majjhimanikāya (ṭīkā)

    ๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา

    6. Upālisuttavaṇṇanā

    ๕๖. ปาวารํ ปารุปตีติ ปาวาริโก, อิทํ ตสฺส กุลสมุทาคตํ นามํ, โส ปน มหทฺธโน มหาโภโค นคเร เสฎฺฐิฎฺฐาเน ฐิโตฯ เตนาห ‘‘ทุสฺสปาวาริกเสฎฺฐิโน’’ติฯ ทีฆตฺตา ทีฆตมตฺตาฯ โส กิร ปมาณโต อุปวจฺฉยโต ทิยฑฺฒรตนํ อติกฺกมฺม ฐิโตฯ เอวํลทฺธนาโมติ ‘‘ทีฆตปสฺสี’’ติ ลทฺธสมโญฺญฯ พาหิรายตเนติ ติตฺถิยสมเย ปิณฺฑปาโตติ โวหาโร นตฺถิ, ตสฺมา สาสนโวหาเรน ‘‘ปิณฺฑปาตปฺปฎิกฺกโนฺต’’ติ วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ

    56. Pāvāraṃ pārupatīti pāvāriko, idaṃ tassa kulasamudāgataṃ nāmaṃ, so pana mahaddhano mahābhogo nagare seṭṭhiṭṭhāne ṭhito. Tenāha ‘‘dussapāvārikaseṭṭhino’’ti. Dīghattā dīghatamattā. So kira pamāṇato upavacchayato diyaḍḍharatanaṃ atikkamma ṭhito. Evaṃladdhanāmoti ‘‘dīghatapassī’’ti laddhasamañño. Bāhirāyataneti titthiyasamaye piṇḍapātoti vohāro natthi, tasmā sāsanavohārena ‘‘piṇḍapātappaṭikkanto’’ti vuttanti adhippāyo.

    ทเสฺสตีติ เทเสติฯ ฐเปตีติ อญฺญมญฺญสงฺกรโต ววตฺถเปติฯ กิริยายาติ กรเณนฯ ปวตฺติยาติ ปวตฺตเนนฯ ทณฺฑานิ ปญฺญเปตีติ เอตฺถ กสฺมา ภควตา อาทิโตว ตถา น ปุจฺฉิตนฺติ? ยสฺมา สา ตสฺมิํ อเตฺถ สภาวนิรุตฺติ น โหติ, สาสเน โลเก สมยนฺตเรสุ จ ตาทิโส สมุทาจาโร นตฺถิ, เกวลํ ปน ตเสฺสว นิคณฺฐสฺสายํ โกฎฺฐาลกสทิโส สมุทาจาโรติ อิมมตฺถํ ทเสฺสตุํ ‘‘กมฺมานิ ปญฺญเปติ’’ อิเจฺจวาหฯ อจิตฺตกนฺติ จิตฺตรหิตํ, จิเตฺตน อสมุฎฺฐาปิตนฺติ อโตฺถฯ กถํ ปน ตทุภยสฺส จิเตฺตน วินา สมฺภโวติ โจทนํ สนฺธาย ตตฺถ นิทสฺสนมาห ‘‘ยถา กิรา’’ติอาทิฯ ปฎิวิภตฺตานนฺติ อตฺถโต ภินฺนานํฯ ปฎิวิสิฎฺฐานนฺติ วิเสสนปทวเสน สทฺทโตปิ ภินฺนานํฯ วจนํ ปติฎฺฐเปตุกาโมติ ทีฆตปสฺสิโน ยถาวุตฺตวจนํ ปติฎฺฐเปตุกาโมฯ ตสฺมิญฺหิ ปติฎฺฐาปิเต เตนปฺปสเงฺคน อาคโต, อุปาลิ คหปติ ตสฺมิํ ปเทเส ธมฺมํ ทิสฺวา สาสเน อภิปฺปสีทิสฺสติฯ

    Dassetīti deseti. Ṭhapetīti aññamaññasaṅkarato vavatthapeti. Kiriyāyāti karaṇena. Pavattiyāti pavattanena. Daṇḍāni paññapetīti ettha kasmā bhagavatā āditova tathā na pucchitanti? Yasmā sā tasmiṃ atthe sabhāvanirutti na hoti, sāsane loke samayantaresu ca tādiso samudācāro natthi, kevalaṃ pana tasseva nigaṇṭhassāyaṃ koṭṭhālakasadiso samudācāroti imamatthaṃ dassetuṃ ‘‘kammāni paññapeti’’ iccevāha. Acittakanti cittarahitaṃ, cittena asamuṭṭhāpitanti attho. Kathaṃ pana tadubhayassa cittena vinā sambhavoti codanaṃ sandhāya tattha nidassanamāha ‘‘yathā kirā’’tiādi. Paṭivibhattānanti atthato bhinnānaṃ. Paṭivisiṭṭhānanti visesanapadavasena saddatopi bhinnānaṃ. Vacanaṃ patiṭṭhapetukāmoti dīghatapassino yathāvuttavacanaṃ patiṭṭhapetukāmo. Tasmiñhi patiṭṭhāpite tenappasaṅgena āgato, upāli gahapati tasmiṃ padese dhammaṃ disvā sāsane abhippasīdissati.

    กถา เอว อุปริ วาทาโรปนสฺส วตฺถุภาวโต กถาวตฺถุกถายํ ปติฎฺฐเปสีติ กถาวตฺถุสฺมิํ, ตทเตฺถ วา ปติฎฺฐเปสิฯ ยถา ตํ วาทาโรปนภเยน น อวชานาติ, เอวํ ตสฺสํ กถายํ, ตสฺมิํ วา อเตฺถ ทีฆตปสฺสิํ ยาวตติยํ วาเท ปติฎฺฐเปสิฯ วาทนฺติ โทสํฯ

    Kathā eva upari vādāropanassa vatthubhāvato kathāvatthu. Kathāyaṃ patiṭṭhapesīti kathāvatthusmiṃ, tadatthe vā patiṭṭhapesi. Yathā taṃ vādāropanabhayena na avajānāti, evaṃ tassaṃ kathāyaṃ, tasmiṃ vā atthe dīghatapassiṃ yāvatatiyaṃ vāde patiṭṭhapesi. Vādanti dosaṃ.

    ๕๗. อิทานิ เจตนาสมฺปยุตฺตธมฺมมฺปิ คเหตฺวา กายกมฺมาทิวเสน สงฺคเหตฺวา ทเสฺสตุํ ‘‘อปิจา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ ติวิธํ กายทุจฺจริตํ กายกมฺมํ นามาติอาทิ ‘‘กมฺมสฺส กิริยายา’’ติ ปาฬิยํ อกุสลกมฺมสฺส อธิคตตฺตา วุตฺตํ, ปุเพฺพ ปน อฎฺฐกามาวจรกุสลเจตนาติอาทิ สาวชฺชํ อนวชฺชญฺจ สามญฺญโต เอกชฺฌํ กตฺวา ทสฺสิตํฯ กสฺมา ปเนตฺถ เจตนา น คหิตาติ อาห ‘‘อิมสฺมิํ สุเตฺต กมฺมํ ธุร’’นฺติฯ กายกมฺมาทิเภทํ กมฺมเมว ธุรํ เชฎฺฐกํ ปุพฺพงฺคมํ, น เจตนามตฺตเมวฯ เอวมาคเตปีติ กมฺมานีติ เอวํ นาเมน อาคเตปิ เจตนา ธุรํ, ตตฺถ เจตนํ เชฎฺฐกํ ปุพฺพงฺคมํ กตฺวา วุตฺตนฺติ อธิปฺปาโยฯ กถํ ปน ตตฺถ กมฺมนฺติ วา กมฺมานีติ วา อาคเต เตสํ เจตนาย ธุรภาโวติ อาห ‘‘ยตฺถ กตฺถจิ…เป.… ลภตี’’ติฯ ตตฺถ ยตฺถ กตฺถจีติ ยสฺมิํ กิสฺมิญฺจิ ทฺวาเรฯ สา วุตฺตาวาติ สา เจตนา วุตฺตาว, ยา กายสงฺขาราทิปริยาเยน (ยสฺส กสฺสจิ กมฺมสฺส กายทฺวาราทีสุ ปวตฺตาปนเจตนา) สมฺปยุตฺตธมฺมาปิ ตทเคฺคน โลกิยาปิ โลกุตฺตราปิ กมฺมเมว, อภิชฺฌาทโย ปน เจตนาปกฺขิกาติ ทฎฺฐพฺพํฯ

    57. Idāni cetanāsampayuttadhammampi gahetvā kāyakammādivasena saṅgahetvā dassetuṃ ‘‘apicā’’tiādi vuttaṃ. Tattha tividhaṃ kāyaduccaritaṃ kāyakammaṃ nāmātiādi ‘‘kammassa kiriyāyā’’ti pāḷiyaṃ akusalakammassa adhigatattā vuttaṃ, pubbe pana aṭṭhakāmāvacarakusalacetanātiādi sāvajjaṃ anavajjañca sāmaññato ekajjhaṃ katvā dassitaṃ. Kasmā panettha cetanā na gahitāti āha ‘‘imasmiṃ sutte kammaṃ dhura’’nti. Kāyakammādibhedaṃ kammameva dhuraṃ jeṭṭhakaṃ pubbaṅgamaṃ, na cetanāmattameva. Evamāgatepīti kammānīti evaṃ nāmena āgatepi cetanā dhuraṃ, tattha cetanaṃ jeṭṭhakaṃ pubbaṅgamaṃ katvā vuttanti adhippāyo. Kathaṃ pana tattha kammanti vā kammānīti vā āgate tesaṃ cetanāya dhurabhāvoti āha ‘‘yattha katthaci…pe… labhatī’’ti. Tattha yattha katthacīti yasmiṃ kismiñci dvāre. Sā vuttāvāti sā cetanā vuttāva, yā kāyasaṅkhārādipariyāyena (yassa kassaci kammassa kāyadvārādīsu pavattāpanacetanā) sampayuttadhammāpi tadaggena lokiyāpi lokuttarāpi kammameva, abhijjhādayo pana cetanāpakkhikāti daṭṭhabbaṃ.

    มหนฺตนฺติ กฎุกผลํฯ น กิลมติ สปฺปาฎิหาริยตฺตา ปฎิญฺญายฯ อิทานิ เตสํ สปฺปาฎิหาริยตํ ทเสฺสตุํ ‘‘ตถา หี’’ติอาทิ วุตฺตํฯ ยทิ อกุสลํ ปตฺวา กายกมฺมํ วจีกมฺมํ มหนฺตนฺติ วทโนฺต น กิลมติ, อถ กสฺมา ภควา อิธ อกุสลํ มโนกมฺมํ มหาสาวชฺชํ กเถสีติ อาห ‘‘อิมสฺมิํ ปน ฐาเน’’ติอาทิฯ ยาวตติยํ ปติฎฺฐาปนมเตฺตน คตมคฺคํ ปฎิปชฺชโนฺตฯ เตนาห ‘‘กิญฺจิ อตฺถนิปฺผตฺติํ อปสฺสโนฺตปี’’ติฯ

    Mahantanti kaṭukaphalaṃ. Na kilamati sappāṭihāriyattā paṭiññāya. Idāni tesaṃ sappāṭihāriyataṃ dassetuṃ ‘‘tathā hī’’tiādi vuttaṃ. Yadi akusalaṃ patvā kāyakammaṃ vacīkammaṃ mahantanti vadanto na kilamati, atha kasmā bhagavā idha akusalaṃ manokammaṃ mahāsāvajjaṃ kathesīti āha ‘‘imasmiṃ pana ṭhāne’’tiādi. Yāvatatiyaṃ patiṭṭhāpanamattena gatamaggaṃ paṭipajjanto. Tenāha ‘‘kiñci atthanipphattiṃ apassantopī’’ti.

    ๕๘. นิวาสฎฺฐานภูโต พาลโก เอติสฺสา อตฺถีติ พาลกินีฯ สตฺถุปฎิญฺญาตตาย นิคณฺฐานํ มหาติ สมฺภาวิตตฺตา มหานิคโณฺฐ

    58. Nivāsaṭṭhānabhūto bālako etissā atthīti bālakinī. Satthupaṭiññātatāya nigaṇṭhānaṃ mahāti sambhāvitattā mahānigaṇṭho.

    ๖๐. อาวเฎฺฎติ ปุริมาการโต นิวเตฺตติ อตฺตโน วเส วเตฺตติ เอตายาติ อาวฎฺฎนี, มายาฯ เตนาห ‘‘อาวเฎฺฎตฺวา คหณมาย’’นฺติฯ สตฺถุปฎิญฺญานํ พุทฺธทสฺสเน จิตฺตเมว น อุปฺปชฺชติ, อยเมตฺถ ธมฺมตาฯ สเจ ปน โส ตํ ปฎิญฺญํ อปฺปหาย พุทฺธานํ สมฺมุขีภาวํ อุปคเจฺฉยฺย, สตฺตธา มุทฺธา ผเลยฺย, ตสฺมา ภควา ‘‘มา อยํ พาโล วินสฺสี’’ติอาทิโตว ยถา สมฺมุขีภาวํ น ลภติ, ตถา กโรติฯ สฺวายมโตฺถ ปาถิกปุตฺตสมาคเมน ทีเปตโพฺพฯ ทสฺสนสมฺปตฺตินิยามมาห ‘‘ตถาคตํ หี’’ติอาทิฯ อาคมา นุ โข อิธ ตุมฺหากํ สนฺติกํฯ

    60. Āvaṭṭeti purimākārato nivatteti attano vase vatteti etāyāti āvaṭṭanī, māyā. Tenāha ‘‘āvaṭṭetvā gahaṇamāya’’nti. Satthupaṭiññānaṃ buddhadassane cittameva na uppajjati, ayamettha dhammatā. Sace pana so taṃ paṭiññaṃ appahāya buddhānaṃ sammukhībhāvaṃ upagaccheyya, sattadhā muddhā phaleyya, tasmā bhagavā ‘‘mā ayaṃ bālo vinassī’’tiāditova yathā sammukhībhāvaṃ na labhati, tathā karoti. Svāyamattho pāthikaputtasamāgamena dīpetabbo. Dassanasampattiniyāmamāha ‘‘tathāgataṃ hī’’tiādi. Āgamā nu kho idha tumhākaṃ santikaṃ.

    ๖๑. วจีสเจฺจ ปติฎฺฐหิตฺวาติ ยถาปฎิญฺญาตาย ปฎิญฺญาย ฐตฺวาฯ

    61.Vacīsacce patiṭṭhahitvāti yathāpaṭiññātāya paṭiññāya ṭhatvā.

    ๖๒. สีโตทเก อมตา ปาณา ปานกาเล ปน มรนฺติ, เตปิ เตน สีโตทกปริโภเคน มาริตา โหนฺติ, ตสฺมา ตปสฺสินา นาม สเพฺพน สพฺพํ สีโตทกํ น ปริภุญฺชิตพฺพนฺติ เตสํ ลทฺธิฯ ปากติกํ วา อุทกํ สโตฺตติ ปุราตนานํ นิคณฺฐานํ ลทฺธิฯ เตนาห ‘‘สตฺตสญฺญาย สีโตทกํ ปฎิกฺขิปนฺตี’’ติฯ เตสํ ตํ อธุนาตนนิคณฺฐานํ วาเทน วิรุชฺฌติฯ เต หิ ปถวีอาทินวปทตฺถโต อญฺญเมว ชีวิตํ ปฎิชานนฺติฯ จิเตฺตน สีโตทกํ ปาตุกาโม ปริภุญฺชิตุกาโม โหติ โรเค ฐตฺวาปิ สตฺตานํ จิตฺตสฺส ตถา น วิตตตาฯ เตนาห – ‘‘เตนสฺส มโนทโณฺฑ ตเตฺถว ภิชฺชตี’’ติฯ เตนาติ สีโตทกํ ปาตุํ ปริภุญฺชิตุญฺจ อิจฺฉเนนฯ อสฺสาติ ยถาวุตฺตสฺส นิคณฺฐสฺสฯ ตเตฺถวาติ ตถาจิตฺตุปฺปาทเน เอวฯ ภิชฺชติ สํวรสฺส วิโกปิตตฺตาฯ ตถาภูโต โส นิคโณฺฐ สีโตทกํ เจ ลเภยฺย, กติปยํ กาลํ ชีเวยฺย, อลาเภน ปน ปริสุสฺสมานกโณฺฐฎฺฐตาลุชิวฺหาอาทิโก สพฺพโส ปริทาหาภิภูโต มเรยฺยฯ เตนาห – ‘‘สีโตทกํ อลภมาโน กาลํ กเรยฺยา’’ติฯ กสฺมา? ยสฺมา สีโตทกํ ปิวาย สนฺนิสฺสิตจิตฺตสฺส มรณํ โหติ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทโณฺฑ ปน ภิโนฺนปิ จุติมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติฯ ยสฺมา ปน ตถาภูตจิตฺตสฺส นิคณฺฐสฺส มโนสเตฺตสุ นาม เทเวสุ อุปปตฺติ โหตีติ ติตฺถิยานํ ลทฺธิ, ตสฺมา วุตฺตํ ‘‘มโนทโณฺฑ ปน ภิโนฺนปิ ปฎิสนฺธิมฺปิ อากฑฺฒตี’’ติฯ อิตีติ เอวํ ‘‘อิธาสฺส นิคโณฺฐ’’ติอาทิอากาเรนฯ นฺติ อุปาลิํ คหปติํฯ มหโนฺตติ วทาเปสิ ‘‘มโนปฎิพโทฺธ กาลงฺกโรตี’’ติ วทโนฺตติ อธิปฺปาโยฯ

    62. Sītodake amatā pāṇā pānakāle pana maranti, tepi tena sītodakaparibhogena māritā honti, tasmā tapassinā nāma sabbena sabbaṃ sītodakaṃ na paribhuñjitabbanti tesaṃ laddhi. Pākatikaṃ vā udakaṃ sattoti purātanānaṃ nigaṇṭhānaṃ laddhi. Tenāha ‘‘sattasaññāya sītodakaṃ paṭikkhipantī’’ti. Tesaṃ taṃ adhunātananigaṇṭhānaṃ vādena virujjhati. Te hi pathavīādinavapadatthato aññameva jīvitaṃ paṭijānanti. Cittena sītodakaṃ pātukāmo paribhuñjitukāmo hoti roge ṭhatvāpi sattānaṃ cittassa tathā na vitatatā. Tenāha – ‘‘tenassa manodaṇḍo tattheva bhijjatī’’ti. Tenāti sītodakaṃ pātuṃ paribhuñjituñca icchanena. Assāti yathāvuttassa nigaṇṭhassa. Tatthevāti tathācittuppādane eva. Bhijjati saṃvarassa vikopitattā. Tathābhūto so nigaṇṭho sītodakaṃ ce labheyya, katipayaṃ kālaṃ jīveyya, alābhena pana parisussamānakaṇṭhoṭṭhatālujivhāādiko sabbaso paridāhābhibhūto mareyya. Tenāha – ‘‘sītodakaṃ alabhamāno kālaṃ kareyyā’’ti. Kasmā? Yasmā sītodakaṃ pivāya sannissitacittassa maraṇaṃ hoti, tasmā vuttaṃ ‘‘manodaṇḍo pana bhinnopi cutimpi ākaḍḍhatī’’ti. Yasmā pana tathābhūtacittassa nigaṇṭhassa manosattesu nāma devesu upapatti hotīti titthiyānaṃ laddhi, tasmā vuttaṃ ‘‘manodaṇḍo pana bhinnopi paṭisandhimpi ākaḍḍhatī’’ti. Itīti evaṃ ‘‘idhāssa nigaṇṭho’’tiādiākārena. Nanti upāliṃ gahapatiṃ. Mahantoti vadāpesi ‘‘manopaṭibaddho kālaṅkarotī’’ti vadantoti adhippāyo.

    อุปาสกสฺสาติ อุปาลิสฺส คหปติสฺสฯ มุจฺฉาวเสนาติอาทินา อนฺวยโต พฺยติเรกโต จ มโนทณฺฑสฺส มหนฺตตํ วิภาเวติฯ จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมเตฺตเนวาติ วินา กายทเณฺฑน วจีทเณฺฑน จ เกวลํ จิตฺตสนฺตติปฺปวตฺติมเตฺตนฯ ภิชฺชิตฺวาปีติ เอตฺถ ปิ-สเทฺทน อภิชฺชิตฺวาปิฯ อนิยฺยานิกาติ อปฺปาฎิหีรา, อยุตฺตาติ อโตฺถฯ สลฺลเกฺขสิ อุปาสโกติ วิภตฺติํ วิปริณาเมตฺวา โยชนาฯ ปญฺหปฎิภานานีติ ญาตุํ อิจฺฉิเต อเตฺถ อุปฺปชฺชนกปฎิภานานิฯ

    Upāsakassāti upālissa gahapatissa. Mucchāvasenātiādinā anvayato byatirekato ca manodaṇḍassa mahantataṃ vibhāveti. Cittasantatippavattimattenevāti vinā kāyadaṇḍena vacīdaṇḍena ca kevalaṃ cittasantatippavattimattena. Bhijjitvāpīti ettha pi-saddena abhijjitvāpi. Aniyyānikāti appāṭihīrā, ayuttāti attho. Sallakkhesi upāsakoti vibhattiṃ vipariṇāmetvā yojanā. Pañhapaṭibhānānīti ñātuṃ icchite atthe uppajjanakapaṭibhānāni.

    ‘‘มโนปฎิพโทฺธ กาลํ กโรตี’’ติ วทเนฺตน อตฺถโต มโนทณฺฑสฺส ตทุตฺตรภาโว ปฎิญฺญาโต โหตีติ อาห ‘‘อิทานิ มโนทโณฺฑ มหโนฺตติ อิทํ วจน’’นฺติฯ ตถา เจว วุตฺตํ – ‘‘มโนทโณฺฑว พลวา มหโนฺตติ วทาเปสี’’ติฯ

    ‘‘Manopaṭibaddho kālaṃ karotī’’ti vadantena atthato manodaṇḍassa taduttarabhāvo paṭiññāto hotīti āha ‘‘idāni manodaṇḍo mahantoti idaṃ vacana’’nti. Tathā ceva vuttaṃ – ‘‘manodaṇḍova balavā mahantoti vadāpesī’’ti.

    ๖๓. ปาณาติปาตาทิโต ยมนํ ยาโม, จตุพฺพิโธ ยาโม จตุยาโม, จตุยามสงฺขาเตน สํวเรน สํวุโต จาตุยามสํวรสํวุโตฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยาม-สโทฺท โกฎฺฐาสปริยาโยติ ‘‘อิมินา จตุโกฎฺฐาเสนา’’ติ วุตฺตํฯ ปิยชาติกํ รูปาทิอารมฺมณํ ราควเสน พาเลหิ ภาวนียตฺตา ‘‘ภาวิต’’นฺติ วุจฺจตีติ อาห ‘‘ภาวิตนฺติ ปญฺจ กามคุณา’’ติฯ

    63. Pāṇātipātādito yamanaṃ yāmo, catubbidho yāmo catuyāmo, catuyāmasaṅkhātena saṃvarena saṃvuto cātuyāmasaṃvarasaṃvuto. Aṭṭhakathāyaṃ pana yāma-saddo koṭṭhāsapariyāyoti ‘‘iminā catukoṭṭhāsenā’’ti vuttaṃ. Piyajātikaṃ rūpādiārammaṇaṃ rāgavasena bālehi bhāvanīyattā ‘‘bhāvita’’nti vuccatīti āha ‘‘bhāvitanti pañca kāmaguṇā’’ti.

    โย สพฺพํ ปาปํ อาสวญฺจ วาเรตีติ สพฺพวารี, ตสฺส นวสุ ปทเตฺถสุ สตฺตโม ปทโตฺถ, เตน สพฺพวารินา ปาปํ วาริตฺวา ฐิโตติ สพฺพวาริวาริโต ฯ เตนาห ‘‘สเพฺพน ปาปวารเณน วาริตปาโป’’ติฯ ตโต เอว สพฺพสฺส วาริตพฺพสฺส อาสวสฺส ธุนนโต สพฺพวาริธุโตฯ วาริตพฺพสฺส นิวารณวเสน สพฺพวาริโน ผุโฎ ผุสิโตติ สพฺพวาริผุโฎฯ สงฺฆาตนฺติ สหสา หนนํ, อสเญฺจตนิกวธนฺติ อโตฺถฯ กตรสฺมิํ โกฎฺฐาเสติ ตีสุ ทณฺฑโกฎฺฐาเสสุ กตรโกฎฺฐาเสฯ

    Yo sabbaṃ pāpaṃ āsavañca vāretīti sabbavārī, tassa navasu padatthesu sattamo padattho, tena sabbavārinā pāpaṃ vāritvā ṭhitoti sabbavārivārito. Tenāha ‘‘sabbena pāpavāraṇena vāritapāpo’’ti. Tato eva sabbassa vāritabbassa āsavassa dhunanato sabbavāridhuto. Vāritabbassa nivāraṇavasena sabbavārino phuṭo phusitoti sabbavāriphuṭo. Saṅghātanti sahasā hananaṃ, asañcetanikavadhanti attho. Katarasmiṃ koṭṭhāseti tīsu daṇḍakoṭṭhāsesu katarakoṭṭhāse.

    ๖๔. ขลิยติ สมาทิยตีติ ขลํ, ราสีติ อาห – ‘‘เอกํ มํสขลนฺติ เอกํ มํสราสิ’’นฺติฯ วิชฺชาธรอิทฺธิยา อิทฺธิมาฯ สา ปน อิทฺธิ ยสฺมา อานุภาวสมฺปนฺนเสฺสว อิชฺฌติ, น ยสฺส กสฺสจิฯ ตสฺมา อาห ‘‘อานุภาวสมฺปโนฺน’’ติฯ วิชฺชานุภาววเสเนว อานุภาวสมฺปโนฺนฯ จิเตฺต วสีภาวปฺปโตฺต อานุภาวาย เอว วิชฺชาย ปคุณภาวาปาทเนนฯ เอเตน วสีภาวํ โลกิยสมญฺญาวเสน ภควา อุปาลิํ คหปติํ ปญฺญเปตุกาโม เอวมาหฯ โลกิกา หิ ‘‘ภาวนามยอิทฺธิยา อิทฺธิมา เจโตวสีภาวปฺปโตฺต ปรูปฆาตํ กโรตี’’ติ มญฺญนฺติฯ ตถา หิ เต อิสโย ปเรสํ สํวเณฺณนฺติ, อิสีนํ อานุภาวํ กิเตฺตนฺติฯ ยํ ปเนตฺถ วตฺตพฺพํ, ตํ ปรโต อาคมิสฺสตีติฯ

    64. Khaliyati samādiyatīti khalaṃ, rāsīti āha – ‘‘ekaṃ maṃsakhalanti ekaṃ maṃsarāsi’’nti. Vijjādharaiddhiyā iddhimā. Sā pana iddhi yasmā ānubhāvasampannasseva ijjhati, na yassa kassaci. Tasmā āha ‘‘ānubhāvasampanno’’ti. Vijjānubhāvavaseneva ānubhāvasampanno. Citte vasībhāvappatto ānubhāvāya eva vijjāya paguṇabhāvāpādanena. Etena vasībhāvaṃ lokiyasamaññāvasena bhagavā upāliṃ gahapatiṃ paññapetukāmo evamāha. Lokikā hi ‘‘bhāvanāmayaiddhiyā iddhimā cetovasībhāvappatto parūpaghātaṃ karotī’’ti maññanti. Tathā hi te isayo paresaṃ saṃvaṇṇenti, isīnaṃ ānubhāvaṃ kittenti. Yaṃ panettha vattabbaṃ, taṃ parato āgamissatīti.

    ๖๕. อรญฺญเมว หุตฺวาติ สพฺพโส อรญฺญเมว หุตฺวาฯ อรญฺญภาเวน อรญฺญํ ชาตํ, น นามมเตฺตนฯ อิสีนํ อตฺถายาติ อิสีนํ อาสาทนตฺถายฯ

    65.Araññameva hutvāti sabbaso araññameva hutvā. Araññabhāvena araññaṃ jātaṃ, na nāmamattena. Isīnaṃ atthāyāti isīnaṃ āsādanatthāya.

    โคธาวรีตีรโต นาติทูเรฯ อุสูยมาโนติ ‘‘น มํ เอส ชโน ปริวาเรตี’’ติ อุสูยํ กโรโนฺตฯ กิลิโฎฺฐ วตาติ ปงฺกทนฺตรชสิรตาทีหิ กิลิฎฺฐสรีโรฯ อนญฺชิตมณฺฑิโตติ อนญฺชิตกฺขิโก สเพฺพน, สพฺพํ อมณฺฑิโต จฯ ตสฺมิํ กาเล ‘‘กาลเสฺสว อกฺขีนํ อญฺชนํ มงฺคล’’นฺติ มนุสฺสานํ ลทฺธิ, ตสฺมา อนญฺชนํ วิสุํ คหิตํฯ

    Godhāvarītīrato nātidūre. Usūyamānoti ‘‘na maṃ esa jano parivāretī’’ti usūyaṃ karonto. Kiliṭṭho vatāti paṅkadantarajasiratādīhi kiliṭṭhasarīro. Anañjitamaṇḍitoti anañjitakkhiko sabbena, sabbaṃ amaṇḍito ca. Tasmiṃ kāle ‘‘kālasseva akkhīnaṃ añjanaṃ maṅgala’’nti manussānaṃ laddhi, tasmā anañjanaṃ visuṃ gahitaṃ.

    ราชา ตสฺส วจนํ คเหตฺวาติ ‘‘เวเทสุ อีทิสํ อาคตํ ภวิสฺสตีติ เอวํ, ภเนฺต’’ติ ราชา ตสฺส ปุโรหิตสฺส วจนํ คเหตฺวาฯ อุสุมชาตหทโยติ อุตฺตตฺตหทโยฯ นาสิกานํ อปฺปโหเนฺต มุเขน อสฺสสโนฺต

    Rājā tassa vacanaṃ gahetvāti ‘‘vedesu īdisaṃ āgataṃ bhavissatīti evaṃ, bhante’’ti rājā tassa purohitassa vacanaṃ gahetvā. Usumajātahadayoti uttattahadayo. Nāsikānaṃ appahonte mukhena assasanto.

    วิชิตชเยหิ อาคนฺตฺวา นกฺขตฺตยุตฺตํ อาคเมเนฺตหิ นิสีทิตพฺพฎฺฐานํ ชยขนฺธาวารฎฺฐานํฯ อุทกวุฎฺฐิปาตนาทิ ตสฺมิํ ปาปกเมฺม อสมงฺคิภูตานมฺปิ สมนุญฺญตาย อโนฺตกรณตฺถํ กตํฯ กตภณฺฑวุฎฺฐีติ อาภรณวสฺสํฯ มหาชโน สมนุโญฺญ ชาโตติ โยชนาฯ มาตุโปสกราโมติ มาตริ สมฺมาปฎิปโนฺน ราโม นาม เอโก ปุริโสฯ อสมงฺคิภูตานนฺติ อสมนุญฺญานํฯ

    Vijitajayehi āgantvā nakkhattayuttaṃ āgamentehi nisīditabbaṭṭhānaṃ jayakhandhāvāraṭṭhānaṃ. Udakavuṭṭhipātanādi tasmiṃ pāpakamme asamaṅgibhūtānampi samanuññatāya antokaraṇatthaṃ kataṃ. Katabhaṇḍavuṭṭhīti ābharaṇavassaṃ. Mahājano samanuñño jātoti yojanā. Mātuposakarāmoti mātari sammāpaṭipanno rāmo nāma eko puriso. Asamaṅgibhūtānanti asamanuññānaṃ.

    อวกิริยาติ อสุสฺสูสตํ ปฎิจฺจฯ ผุลิงฺคานีติ อคฺคิกณานิฯ ปตนฺติ กาเยติ กาเย อิโต จิโต นิปตนฺติฯ เอเต กิร นิรยํ วิวริตฺวา มหาชนสฺส ทเสฺสนฺติฯ

    Avakiriyāti asussūsataṃ paṭicca. Phuliṅgānīti aggikaṇāni. Patanti kāyeti kāye ito cito nipatanti. Ete kira nirayaṃ vivaritvā mahājanassa dassenti.

    ยถาผาสุกฎฺฐานนฺติ มยํ กญฺจิปิ เทสํ อุทฺทิสฺส น คจฺฉาม, ยตฺถ ปน วสนฺตสฺส ปพฺพชิตสฺส ผาสุ โหติ, ตํ ยถาผาสุกฎฺฐานํ คจฺฉามาติ อธิปฺปาโยฯ สงฺฆาติ สํหตาฯ คณาติ ตํตํเสณิภาเวน คณิตพฺพตาย คณาฯ คณีภูตาติ เอกชฺฌาสยา หุตฺวา ราสิภูตาฯ อทินฺนาทานนฺติอาทีสุปิ นิรเย ปจฺจิตฺวา มนุสฺสโลกํ อาคตสฺส วิปากาวเสเสนาติ อาเนตฺวา โยเชตพฺพํฯ

    Yathāphāsukaṭṭhānanti mayaṃ kañcipi desaṃ uddissa na gacchāma, yattha pana vasantassa pabbajitassa phāsu hoti, taṃ yathāphāsukaṭṭhānaṃ gacchāmāti adhippāyo. Saṅghāti saṃhatā. Gaṇāti taṃtaṃseṇibhāvena gaṇitabbatāya gaṇā. Gaṇībhūtāti ekajjhāsayā hutvā rāsibhūtā. Adinnādānantiādīsupi niraye paccitvā manussalokaṃ āgatassa vipākāvasesenāti ānetvā yojetabbaṃ.

    ปคฺคณฺหิสฺสามีติ สมฺภาวนํ อุปฺปาเทสฺสามิฯ เนสํ กตฺตพฺพนฺติ จิเนฺตสีติ โยชนาฯ กิํ จิเนฺตสิ? อาฆาตํ อุปฺปาเทตฺวา อนตฺถกรณูปายํฯ เตนาห ‘‘โส ธมฺมกถาปริโยสาเน’’ติอาทิฯ นาคพลปิจฺฉิลฺลาทีนนฺติ นาคพลสาสปอโงฺกลเตลกณิการนิยฺยาสาทีนํ จิกฺขลฺลานํฯ วิเหฐยิํสุ นิรยาทิกถาหิ ฆเฎฺฎนฺตาฯ ฉทฺวารารมฺมเณติ จกฺขาทีนํ ฉนฺนํ ทฺวารานํ อารมฺมณภูเต รูปาทิวิสเยฯ

    Paggaṇhissāmīti sambhāvanaṃ uppādessāmi. Nesaṃ kattabbanti cintesīti yojanā. Kiṃ cintesi? Āghātaṃ uppādetvā anatthakaraṇūpāyaṃ. Tenāha ‘‘so dhammakathāpariyosāne’’tiādi. Nāgabalapicchillādīnanti nāgabalasāsapaaṅkolatelakaṇikāraniyyāsādīnaṃ cikkhallānaṃ. Viheṭhayiṃsu nirayādikathāhi ghaṭṭentā. Chadvārārammaṇeti cakkhādīnaṃ channaṃ dvārānaṃ ārammaṇabhūte rūpādivisaye.

    นว วุฎฺฐิโยติ อุทกวุฎฺฐิ สุมนปุปฺผวุฎฺฐิ มาสกวุฎฺฐิ กหาปณวุฎฺฐิ อาภรณวุฎฺฐิ อาวุธวุฎฺฐิ องฺคารวุฎฺฐิ ปาสาณวุฎฺฐิ วาลิกาวุฎฺฐีติ อิมา นว วุฎฺฐิโยฯ อวญฺจยีติ สกฺการํ กโรโนฺต วิย หุตฺวา อสกฺการํ กโรโนฺต อนตฺถจรเณน วญฺจยิฯ อทูสเกติ อนปราเธฯ

    Nava vuṭṭhiyoti udakavuṭṭhi sumanapupphavuṭṭhi māsakavuṭṭhi kahāpaṇavuṭṭhi ābharaṇavuṭṭhi āvudhavuṭṭhi aṅgāravuṭṭhi pāsāṇavuṭṭhi vālikāvuṭṭhīti imā nava vuṭṭhiyo. Avañcayīti sakkāraṃ karonto viya hutvā asakkāraṃ karonto anatthacaraṇena vañcayi. Adūsaketi anaparādhe.

    ‘‘ทิฎฺฐมงฺคลิกา พฺราหฺมณกญฺญา’’ติ ชาตกฎฺฐกถาทีสุ (ชา. อฎฺฐ. ๔.๑๕.มาตงฺคชาตกวณฺณนา) อาคตํ, อิธ ปน ‘‘เสฎฺฐิธีตา’’ติฯ วาเรยฺยตฺถายาติ อาวาหตฺถาย, อสฺสาติ เปสิตปุคฺคลสฺสฯ ตาทิเสน นีจกุลสํวตฺตนิเยน กมฺมุนา ลโทฺธกาเสน จณฺฑาลโยนิยํ นิพฺพโตฺต

    ‘‘Diṭṭhamaṅgalikā brāhmaṇakaññā’’ti jātakaṭṭhakathādīsu (jā. aṭṭha. 4.15.mātaṅgajātakavaṇṇanā) āgataṃ, idha pana ‘‘seṭṭhidhītā’’ti. Vāreyyatthāyāti āvāhatthāya, assāti pesitapuggalassa. Tādisena nīcakulasaṃvattaniyena kammunā laddhokāsena caṇḍālayoniyaṃ nibbatto.

    จมฺมเคเหติ จเมฺมน ฉาทิเต เคเหฯ มาตโงฺคเตฺววสฺส นามํ อโหสิ ชาติสมุทาคตํฯ นฺติ ฆณฺฎํฯ วาเทโนฺต ตาลเนน สทฺทํ กโรโนฺตฯ มหาปถํ ปฎิปชฺชิ ทิฎฺฐมงฺคลิกาย เคหทฺวารสมีเปนฯ

    Cammageheti cammena chādite gehe. Mātaṅgotvevassa nāmaṃ ahosi jātisamudāgataṃ. Tanti ghaṇṭaṃ. Vādento tālanena saddaṃ karonto. Mahāpathaṃ paṭipajji diṭṭhamaṅgalikāya gehadvārasamīpena.

    ตสฺสา เวยฺยาวจฺจกรา เจว อุปฎฺฐากมนุสฺสา ปฎิพทฺธา จ สุราโสณฺฑาทโย ชาณุกปฺปราทีหิ สุโกฎฺฎิตํ โกฎฺฎิตภาเวน มุจฺฉํ อาปนฺนตฺตา มโตติ สญฺญาย ฉเฑฺฑสุํ

    Tassā veyyāvaccakarā ceva upaṭṭhākamanussā paṭibaddhā ca surāsoṇḍādayo jāṇukapparādīhi sukoṭṭitaṃ koṭṭitabhāvena mucchaṃ āpannattā matoti saññāya chaḍḍesuṃ.

    อถ โพธิสโตฺต อายุอวเสสสฺส อตฺถิตาย มนฺทมเนฺท วาเต วายเนฺต จิเรน สญฺญํ ปฎิลภติฯ เตนาห ‘‘มหาปุริโส’’ติอาทิฯ เคหงฺคเณติ เคหสฺส มหาทฺวารโต พหิ วิวฎงฺคเณฯ ปติโตติ ปาตํ กตฺวา อิจฺฉิตตฺถนิปฺผตฺติํ อนฺตรํ กตฺวา อนุปฺปเวเสน นิปโนฺนฯ ทิฎฺฐมงฺคลิกายาติ ทิฎฺฐมงฺคลิกาการเณนฯ

    Atha bodhisatto āyuavasesassa atthitāya mandamande vāte vāyante cirena saññaṃ paṭilabhati. Tenāha ‘‘mahāpuriso’’tiādi. Gehaṅgaṇeti gehassa mahādvārato bahi vivaṭaṅgaṇe. Patitoti pātaṃ katvā icchitatthanipphattiṃ antaraṃ katvā anuppavesena nipanno. Diṭṭhamaṅgalikāyāti diṭṭhamaṅgalikākāraṇena.

    ยสนฺติ วิภวํ กิตฺติสทฺทญฺจฯ จนฺทนฺติ จนฺทมณฺฑลํ, จนฺทวิมานนฺติ อโตฺถฯ อุจฺฉิฎฺฐเคเหติ ปเรหิ ปริภุตฺตเคเหฯ มณฺฑเปติ นครมเชฺฌ มหามณฺฑเปฯ

    Yasanti vibhavaṃ kittisaddañca. Candanti candamaṇḍalaṃ, candavimānanti attho. Ucchiṭṭhageheti parehi paribhuttagehe. Maṇḍapeti nagaramajjhe mahāmaṇḍape.

    ขีรมณิมูลนฺติ ขีรมูลํ, ปาเทสุ พทฺธมณิมูลญฺจฯ ยาวตา วาจุคฺคตา ปริยตฺตีติ ยตฺตโก มนุสฺสวจีทฺวารโต อุคฺคโต นิกฺขโนฺต ปวโตฺต, ยํกิญฺจิ วจีมยนฺติ อโตฺถฯ อากาสงฺคเณติ วิวฎงฺคเณฯ

    Khīramaṇimūlanti khīramūlaṃ, pādesu baddhamaṇimūlañca. Yāvatā vācuggatā pariyattīti yattako manussavacīdvārato uggato nikkhanto pavatto, yaṃkiñci vacīmayanti attho. Ākāsaṅgaṇeti vivaṭaṅgaṇe.

    ทุมฺมวาสีติ ธูโม ธูสโร, อนญฺชิตามณฺฑิโตติ อธิปฺปาโยฯ โอตลฺลโกติ นิหีนชฺฌาสโย, อปฺปานุภาโวติ อโตฺถฯ ปฎิมุญฺจ กเณฺฐติ ยาว คลวาฎกา ปารุปิตฺวาฯ โก เร ตุวนฺติ อเร โก นาม ตฺวํฯ

    Dummavāsīti dhūmo dhūsaro, anañjitāmaṇḍitoti adhippāyo. Otallakoti nihīnajjhāsayo, appānubhāvoti attho. Paṭimuñca kaṇṭheti yāva galavāṭakā pārupitvā. Ko re tuvanti are ko nāma tvaṃ.

    ปกตนฺติ ปฎิยตฺตํ นานปฺปการโต อภิสงฺขตํฯ อุตฺติฎฺฐปิณฺฑนฺติ อนฺตรฆรํ อุปคมฺม ฐตฺวา ลทฺธพฺพปิณฺฑํ, ภิกฺขาหารนฺติ อโตฺถฯ ลภตนฺติ ลจฺฉตุฯ สปาโกติ มหาสโตฺต ชาติวเสน ยถาภูตํ อตฺตานํ อาวิกโรติฯ

    Pakatanti paṭiyattaṃ nānappakārato abhisaṅkhataṃ. Uttiṭṭhapiṇḍanti antaragharaṃ upagamma ṭhatvā laddhabbapiṇḍaṃ, bhikkhāhāranti attho. Labhatanti lacchatu. Sapākoti mahāsatto jātivasena yathābhūtaṃ attānaṃ āvikaroti.

    อตฺถตฺถิตํ สทฺทหโตติ สมฺปรายิกสฺส อตฺถสฺส อตฺถิภาวํ สทฺทหนฺตสฺสฯ อเปหีติ อปคจฺฉฯ เอโตฺตติ อิมสฺมา ฐานาฯ ชมฺมาติ ลามกฯ

    Atthatthitaṃ saddahatoti samparāyikassa atthassa atthibhāvaṃ saddahantassa. Apehīti apagaccha. Ettoti imasmā ṭhānā. Jammāti lāmaka.

    อนูปเขเตฺตติ อชงฺคเล อุทกสมฺปเนฺน เขเตฺต ผลวิเสสํ ปจฺจาสีสนฺตาฯ เอตาย สทฺธาย ททาหิ ทานนฺติ นินฺนํ ถลญฺจ ปูเรโนฺต เมโฆ วิย คุณวเนฺต นิคฺคุเณ จ ทานํ เทหิ, เอวํ เทโนฺต จ อเปฺปว อาราธเย ทกฺขิเณเยฺยติฯ ทกฺขิเณเยฺยติ สีลาทิคุณสมนฺนาคเตฯ

    Anūpakhetteti ajaṅgale udakasampanne khette phalavisesaṃ paccāsīsantā. Etāya saddhāya dadāhi dānanti ninnaṃ thalañca pūrento megho viya guṇavante nigguṇe ca dānaṃ dehi, evaṃ dento ca appeva ārādhaye dakkhiṇeyyeti. Dakkhiṇeyyeti sīlādiguṇasamannāgate.

    ตานีติ เต พฺราหฺมณาฯ เวณุปทเรนาติ เวฬุวิลีเวนฯ

    Tānīti te brāhmaṇā. Veṇupadarenāti veḷuvilīvena.

    คิริํ นเขน ขณสีติ ปพฺพตํ อตฺตโน นเขน ขณโนฺต วิย อโหสิฯ อโยติ กาลโลหํฯ ปทหสีติ อภิภวสิ, อตฺตโน สรีเรน อภิภวโนฺต วิย อโหสิฯ

    Giriṃ nakhenakhaṇasīti pabbataṃ attano nakhena khaṇanto viya ahosi. Ayoti kālalohaṃ. Padahasīti abhibhavasi, attano sarīrena abhibhavanto viya ahosi.

    อาเวธิตนฺติ จลิตํ วิปริวเตฺตตฺวา ฐิตํฯ ปิฎฺฐิโตติ ปิฎฺฐิปเสฺสนฯ พาหุํ ปสาเรติ อกมฺมเนยฺยนฺติ อกมฺมกฺขมํ พาหุทฺวยํ ถทฺธํ สุกฺขทณฺฑกํ วิย เกวลํ ปสาเรติ, น สมิเญฺชติ, เสตานิ อกฺขีนิ ปริวตฺตเนน กณฺหมณฺฑลสฺส อทิสฺสนโตฯ

    Āvedhitanti calitaṃ viparivattetvā ṭhitaṃ. Piṭṭhitoti piṭṭhipassena. Bāhuṃ pasāreti akammaneyyanti akammakkhamaṃ bāhudvayaṃ thaddhaṃ sukkhadaṇḍakaṃ viya kevalaṃ pasāreti, na samiñjeti, setāni akkhīni parivattanena kaṇhamaṇḍalassa adissanato.

    ชีวิตนฺติ ชีวนํฯ

    Jīvitanti jīvanaṃ.

    เวหายสนฺติ อากาเสฯ ปถทฺธุโนติ ปถภูตทฺธุโน วิยฯ

    Vehāyasanti ākāse. Pathaddhunoti pathabhūtaddhuno viya.

    สญฺญมฺปิ น กโรตีติ ‘‘อิเม กุลปฺปสุตา’’ติ สญฺญามตฺตมฺปิ น กโรติฯ ทนฺตกฎฺฐกุจฺฉิฎฺฐกนฺติ ขาทิตทนฺตกฎฺฐตฺตา วุตฺตํฯ เอตเสฺสว อุปริ ปติสฺสติ อปฺปทุฎฺฐปโทสภาวโต, มหาสตฺตสฺส ตทา อุกฺกํสคตเขตฺตภาวโตฯ อิทฺธิวิสโย นาม อจิเนฺตโยฺย, ตสฺมา กถํ สูริยสฺส อุคฺคนฺตุํ นาทาสีติ น จิเนฺตตพฺพํฯ อรุณุคฺคํ น ปญฺญายตีติ ตสฺมิํ ปเทเส อรุณปภา น ปญฺญายติ, อนฺธกาโร เอว โหติฯ

    Saññampi na karotīti ‘‘ime kulappasutā’’ti saññāmattampi na karoti. Dantakaṭṭhakucchiṭṭhakanti khāditadantakaṭṭhattā vuttaṃ. Etasseva upari patissati appaduṭṭhapadosabhāvato, mahāsattassa tadā ukkaṃsagatakhettabhāvato. Iddhivisayo nāma acinteyyo, tasmā kathaṃ sūriyassa uggantuṃ nādāsīti na cintetabbaṃ. Aruṇuggaṃ na paññāyatīti tasmiṃ padese aruṇapabhā na paññāyati, andhakāro eva hoti.

    ยกฺขาวโฎฺฎ นุ โข อยํ กาลวิปริยาโยฯ มหาปญฺญนฺติ มหนฺตานํ ปญฺญานํ อธิฎฺฐานภูตํฯ ชนปทสฺส มุขํ ปสฺสถาติ อิมสฺส ชนปทวาสิโน ชนสฺส อุปทฺทเวน มงฺกุภูตํ มุขํ ปสฺสถฯ

    Yakkhāvaṭṭo nu kho ayaṃ kālavipariyāyo. Mahāpaññanti mahantānaṃ paññānaṃ adhiṭṭhānabhūtaṃ. Janapadassa mukhaṃ passathāti imassa janapadavāsino janassa upaddavena maṅkubhūtaṃ mukhaṃ passatha.

    เอตสฺส กถา เอตเสฺสว อุปริ ปติสฺสตีติ ยาหิ เตน ปารมิตาปริภาวนสมิทฺธาหิ นานาสมาปตฺติวิหารปริปูริตาหิ สีลทิฎฺฐิสมฺปทาหิ สุสงฺขตสนฺตาเน มหากรุณาธิวาเส มหาสเตฺต อริยูปวาทกมฺมอภิสปสงฺขาตา ผรุสวาจา ปวตฺติตา, สา อภิสปิ ตสฺส เขตฺตวิเสสภาวโต ตสฺส จ อชฺฌาสยผรุสตาย ทิฎฺฐธมฺมเวทนิยกมฺมํ หุตฺวา สเจ โส มหาสตฺตํ น ขมาเปติ, สตฺตเม ทิวเส วิปจฺจนสภาวํ ชาตํ, ขมาปิเต ปน มหาสเตฺต ปโยคสมฺปตฺติ ปฎิพาหิตตฺตา อวิปากธมฺมตํ อาปชฺชติ อโหสิกมฺมภาวโตฯ อยญฺหิ อริยูปวาทปาปสฺส ทิฎฺฐธมฺมเวทนิยสฺส ธมฺมตา, เตน วุตฺตํ ‘เอตสฺส กถา เอตเสฺสว อุปริ ปติสฺสตี’ติอาทิฯ มหาสโตฺต ปน ตํ ตสฺส อุปริ ปติตุํ น อทาสิ, อุปาเยน โมเจสิฯ เตน วุตฺตํ จริยาปิฎเก (จริยา. ๒.๖๔) –

    Etassa kathā etasseva upari patissatīti yāhi tena pāramitāparibhāvanasamiddhāhi nānāsamāpattivihāraparipūritāhi sīladiṭṭhisampadāhi susaṅkhatasantāne mahākaruṇādhivāse mahāsatte ariyūpavādakammaabhisapasaṅkhātā pharusavācā pavattitā, sā abhisapi tassa khettavisesabhāvato tassa ca ajjhāsayapharusatāya diṭṭhadhammavedaniyakammaṃ hutvā sace so mahāsattaṃ na khamāpeti, sattame divase vipaccanasabhāvaṃ jātaṃ, khamāpite pana mahāsatte payogasampatti paṭibāhitattā avipākadhammataṃ āpajjati ahosikammabhāvato. Ayañhi ariyūpavādapāpassa diṭṭhadhammavedaniyassa dhammatā, tena vuttaṃ ‘etassa kathā etasseva upari patissatī’tiādi. Mahāsatto pana taṃ tassa upari patituṃ na adāsi, upāyena mocesi. Tena vuttaṃ cariyāpiṭake (cariyā. 2.64) –

    ‘‘ยํ โส ตทา มํ อภิสปิ, กุปิโต ทุฎฺฐมานโส;

    ‘‘Yaṃ so tadā maṃ abhisapi, kupito duṭṭhamānaso;

    ตเสฺสว มตฺถเก นิปติ, โยเคน ตํ ปโมจยิ’’นฺติฯ

    Tasseva matthake nipati, yogena taṃ pamocayi’’nti.

    ยญฺหิ ตตฺถ สตฺตเม ทิวเส โพธิสเตฺตน สูริยุคฺคมนนิวารณํ กตํ, อยเมตฺถ โยโคติ อธิเปฺปโตฯ โยเคน หิ อุพฺพฬฺหา สราชิกา ปริสา นครวาสิโน เนคมา เจว ชานปทา จ โพธิสตฺตสฺส สนฺติกํ ตาปสํ อาเนตฺวา ขมาเปสุํฯ โส จ โพธิสตฺตสฺส คุเณ ชานิตฺวา ตสฺมิํ จิตฺตํ ปสาเทสิฯ ยํ ปนสฺส มตฺถเก มตฺติกาปิณฺฑสฺส ฐปนํ, ตสฺส จ สตฺตธา ผาลนํ กตํ, ตํ มนุสฺสานํ จิตฺตานุรกฺขณตฺถํฯ อญฺญถา หิ – ‘‘อิเม ปพฺพชิตา สมานา จิตฺตสฺส วเส วตฺตนฺติ, น ปน จิตฺตํ อตฺตโน วเส วตฺตาเปนฺตี’’ติ มหาสตฺตมฺปิ เตน สทิสํ กตฺวา คเณฺหยฺยุํ, ตทสฺส เตสํ ทีฆรตฺตํ อหิตาย ทุกฺขายาติฯ เตนาห ‘‘อถสฺสา’’ติอาทิฯ

    Yañhi tattha sattame divase bodhisattena sūriyuggamananivāraṇaṃ kataṃ, ayamettha yogoti adhippeto. Yogena hi ubbaḷhā sarājikā parisā nagaravāsino negamā ceva jānapadā ca bodhisattassa santikaṃ tāpasaṃ ānetvā khamāpesuṃ. So ca bodhisattassa guṇe jānitvā tasmiṃ cittaṃ pasādesi. Yaṃ panassa matthake mattikāpiṇḍassa ṭhapanaṃ, tassa ca sattadhā phālanaṃ kataṃ, taṃ manussānaṃ cittānurakkhaṇatthaṃ. Aññathā hi – ‘‘ime pabbajitā samānā cittassa vase vattanti, na pana cittaṃ attano vase vattāpentī’’ti mahāsattampi tena sadisaṃ katvā gaṇheyyuṃ, tadassa tesaṃ dīgharattaṃ ahitāya dukkhāyāti. Tenāha ‘‘athassā’’tiādi.

    โลหกูฎวสฺสนฺติ อยคุฬวสฺสํฯ ตทา หิ รตนมตฺตานิ ทิยฑฺฒรตนมตฺตานิปิ ติขิณํสานิ อยคุฬมณฺฑลานิ อิโต จิโต จ นิปตนฺตา มนุสฺสานํ สรีรานิ ขณฺฑขณฺฑกานิ อกํสุฯ กลลวสฺสนฺติ ตนุกกทฺทมปฎลกทฺทมํฯ อุปหจฺจาติ อาฆาเฎตฺวาฯ ตเทว มชฺฌารญฺญํฯ

    Lohakūṭavassanti ayaguḷavassaṃ. Tadā hi ratanamattāni diyaḍḍharatanamattānipi tikhiṇaṃsāni ayaguḷamaṇḍalāni ito cito ca nipatantā manussānaṃ sarīrāni khaṇḍakhaṇḍakāni akaṃsu. Kalalavassanti tanukakaddamapaṭalakaddamaṃ. Upahaccāti āghāṭetvā. Tadeva majjhāraññaṃ.

    ๖๗. อนุวิจฺจการนฺติ อนุวิจฺจกรณํฯ การเณหิ ทฺวีหิ อนิยฺยานิกสาสเน ฐิตานํ อตฺตโน สาวกตฺตํ อุปคเต ปคฺคหนิคฺคหานิ ทเสฺสตุํ ‘‘กสฺมา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    67.Anuviccakāranti anuviccakaraṇaṃ. Kāraṇehi dvīhi aniyyānikasāsane ṭhitānaṃ attano sāvakattaṃ upagate paggahaniggahāni dassetuṃ ‘‘kasmā’’tiādi vuttaṃ.

    ๖๙. อนุปุพฺพิํ กถนฺติ (ที. นิ. ฎี. ๒.๗๕-๗๖; อ. นิ. ฎี. ๓.๘.๑๒) อนุปุพฺพิยา อนุปุพฺพํ กเถตพฺพกถํ, กา ปน สา? ทานาทิกถาฯ ทานกถา ตาว ปจุรชเนสุปิ ปวตฺติยา สพฺพสาธารณตฺตา สุกรตฺตา สีเล ปติฎฺฐานสฺส อุปายภาวโต จ อาทิโตว กถิตา ฯ ปริจฺจาคสีโล หิ ปุคฺคโล ปริคฺคหวตฺถูสุ นิสฺสงฺคภาวโต สุเขเนว สีลานิ สมาทิยติ, ตตฺถ จ สุปฺปติฎฺฐิโต โหติฯ สีเลน ทายกปฎิคฺคหณวิสุทฺธิโต ปรานุคฺคหํ วตฺวา ปรปีฬานิวตฺติวจนโต, กิริยธมฺมํ วตฺวา อกิริยธมฺมวจนโต, โภคยสสมฺปตฺติเหตุํ วตฺวา ภวสมฺปตฺติเหตุวจนโต จ ทานกถานนฺตรํ สีลกถา กถิตาฯ ตญฺจ สีลํ วฎฺฎนิสฺสิตํ, อยํ ภวสมฺปตฺติ ตสฺส ผลนฺติ ทสฺสนตฺถํ, อิเมหิ จ ทานสีลมเยหิ ปณีตจริยเภทภิเนฺนหิ ปุญฺญกิริยวตฺถูหิ เอตา จาตุมหาราชิกาทีสุ ปณีตตราทิเภทภินฺนา อปริเมยฺยา โภคภวสมฺปตฺติโยติ ทสฺสนตฺถํ ตทนนฺตรํ สคฺคกถาฯ สฺวายํ สโคฺค ราคาทีหิ อุปกฺกิลิโฎฺฐ สพฺพทา อนุปกฺกิลิโฎฺฐ อริยมโคฺคติ ทสฺสนตฺถํ สคฺคานนฺตรํ มโคฺค, มคฺคญฺจ กเถเนฺตน ตทธิคมูปายสนฺทสฺสนตฺถํ สคฺคปริยาปนฺนาปิ ปเคว อิตเร สเพฺพปิ กามา นาม พหฺวาทีนวา อนิจฺจา อทฺธุวา วิปริณามธมฺมาติ กามานํ อาทีนโวฯ หีนา คมฺมา โปถุชฺชนิกา อนริยา อนตฺถสญฺหิตาติ เตสํ โอกาโร ลามกภาโว, สเพฺพปิ ภวา กิเลสานํ วตฺถุภูตาติ ตตฺถ สํกิเลโสฯ สพฺพโส กิเลสวิปฺปมุตฺตํ นิพฺพานนฺติ เนกฺขเมฺม อานิสํโส จ กเถตโพฺพติ อยมโตฺถ มคฺคนฺตีติ เอตฺถ อิติ-สเทฺทน ทสฺสิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    69.Anupubbiṃ kathanti (dī. ni. ṭī. 2.75-76; a. ni. ṭī. 3.8.12) anupubbiyā anupubbaṃ kathetabbakathaṃ, kā pana sā? Dānādikathā. Dānakathā tāva pacurajanesupi pavattiyā sabbasādhāraṇattā sukarattā sīle patiṭṭhānassa upāyabhāvato ca āditova kathitā . Pariccāgasīlo hi puggalo pariggahavatthūsu nissaṅgabhāvato sukheneva sīlāni samādiyati, tattha ca suppatiṭṭhito hoti. Sīlena dāyakapaṭiggahaṇavisuddhito parānuggahaṃ vatvā parapīḷānivattivacanato, kiriyadhammaṃ vatvā akiriyadhammavacanato, bhogayasasampattihetuṃ vatvā bhavasampattihetuvacanato ca dānakathānantaraṃ sīlakathā kathitā. Tañca sīlaṃ vaṭṭanissitaṃ, ayaṃ bhavasampatti tassa phalanti dassanatthaṃ, imehi ca dānasīlamayehi paṇītacariyabhedabhinnehi puññakiriyavatthūhi etā cātumahārājikādīsu paṇītatarādibhedabhinnā aparimeyyā bhogabhavasampattiyoti dassanatthaṃ tadanantaraṃ saggakathā. Svāyaṃ saggo rāgādīhi upakkiliṭṭho sabbadā anupakkiliṭṭho ariyamaggoti dassanatthaṃ saggānantaraṃ maggo, maggañca kathentena tadadhigamūpāyasandassanatthaṃ saggapariyāpannāpi pageva itare sabbepi kāmā nāma bahvādīnavā aniccā addhuvā vipariṇāmadhammāti kāmānaṃ ādīnavo. Hīnā gammā pothujjanikā anariyā anatthasañhitāti tesaṃ okāro lāmakabhāvo, sabbepi bhavā kilesānaṃ vatthubhūtāti tattha saṃkileso. Sabbaso kilesavippamuttaṃ nibbānanti nekkhamme ānisaṃso ca kathetabboti ayamattho maggantīti ettha iti-saddena dassitoti veditabbaṃ.

    สุขานํ นิทานนฺติ ทิฎฺฐธมฺมิกานํ สมฺปรายิกานํ นิพฺพานสญฺหิตานญฺจาติ สเพฺพสมฺปิ สุขานํ การณํฯ ยญฺหิ กิญฺจิ โลเก โภคสุขํ นาม, ตํ สพฺพํ ทานนิทานนฺติ ปากโฎ อยมโตฺถฯ ยํ ปน ฌานวิปสฺสนามคฺคผลนิพฺพานปฎิสํยุตฺตํ สุขํ, ตสฺสปิ ทานํ อุปนิสฺสยปจฺจโย โหติเยวฯ สมฺปตฺตีนํ มูลนฺติ ยา อิมา โลเก ปเทสรชฺชสิริสฺสริยสตฺตรตนสมุชฺชลจกฺกวตฺติสมฺปทาติ เอวํปเภทา มานุสิกา สมฺปตฺติโย, ยา จ จาตุมหาราชาทิคตา ทิพฺพา สมฺปตฺติโย, ยา วา ปนญฺญาปิ สมฺปตฺติโย, ตาสํ สพฺพาสํ อิทํ มูลการณํฯ โภคานนฺติ ภุญฺชิตพฺพเฎฺฐน ‘‘โภโค’’นฺติ ลทฺธนามานํ มนาปิยรูปาทีนํ, ตนฺนิสฺสยานํ วา อุปโภคสุขานํ, ปติฎฺฐา นิจฺจลาธิฎฺฐานตายฯ วิสมคตสฺสาติ พฺยสนปฺปตฺตสฺสฯ ตาณนฺติ รกฺขา ตโต ปริปาลนโตฯ เลณนฺติ พฺยสเนหิ ปริปาติยมานสฺส โอลียนปเทโสฯ คตีติ คนฺตพฺพฎฺฐานํฯ ปรายณนฺติ ปฎิสรณํฯ อวสฺสโยติ วินิปติตุํ อเทโนฺต นิสฺสโยฯ อารมฺมณนฺติ โอลุพฺภารมฺมณํฯ

    Sukhānaṃ nidānanti diṭṭhadhammikānaṃ samparāyikānaṃ nibbānasañhitānañcāti sabbesampi sukhānaṃ kāraṇaṃ. Yañhi kiñci loke bhogasukhaṃ nāma, taṃ sabbaṃ dānanidānanti pākaṭo ayamattho. Yaṃ pana jhānavipassanāmaggaphalanibbānapaṭisaṃyuttaṃ sukhaṃ, tassapi dānaṃ upanissayapaccayo hotiyeva. Sampattīnaṃ mūlanti yā imā loke padesarajjasirissariyasattaratanasamujjalacakkavattisampadāti evaṃpabhedā mānusikā sampattiyo, yā ca cātumahārājādigatā dibbā sampattiyo, yā vā panaññāpi sampattiyo, tāsaṃ sabbāsaṃ idaṃ mūlakāraṇaṃ. Bhogānanti bhuñjitabbaṭṭhena ‘‘bhogo’’nti laddhanāmānaṃ manāpiyarūpādīnaṃ, tannissayānaṃ vā upabhogasukhānaṃ, patiṭṭhā niccalādhiṭṭhānatāya. Visamagatassāti byasanappattassa. Tāṇanti rakkhā tato paripālanato. Leṇanti byasanehi paripātiyamānassa olīyanapadeso. Gatīti gantabbaṭṭhānaṃ. Parāyaṇanti paṭisaraṇaṃ. Avassayoti vinipatituṃ adento nissayo. Ārammaṇanti olubbhārammaṇaṃ.

    รตนมยสีหาสนสทิสนฺติ สพฺพรตนมยสตฺตงฺคมหาสีหาสนสทิสํ, มหคฺฆํ หุตฺวา สพฺพโส วินิปติตุํ อปฺปทานโตฯ มหาปถวิสทิสํ คตคตฎฺฐาเน ปติฎฺฐาสมฺภวโตฯ ยถา ทุพฺพลสฺส ปุริสสฺส อาลมฺพนรชฺชุ อุตฺติฎฺฐโต ติฎฺฐโต จ อุปตฺถโมฺภ, เอวํ ทานํ สตฺตานํ สมฺปตฺติภเว อุปปตฺติยา ฐิติยา จ ปจฺจโย โหตีติ อาห ‘‘อาลมฺพนเฎฺฐน อาลมฺพนรชฺชุสทิส’’นฺติฯ ทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐนาติ ทุคฺคติทุกฺขนิตฺถรณเฎฺฐนฯ สมสฺสาสนเฎฺฐนาติ โลภมจฺฉริยาทิปฎิสตฺตุปทฺทวโต สมฺมเทว อสฺสาสนเฎฺฐนฯ ภยปริตฺตาณเฎฺฐนาติ ทาลิทฺทิยภยโต ปริปาลนเฎฺฐนฯ มเจฺฉรมลาทีหีติ มเจฺฉรโลภโทสอิสฺสามิจฺฉาทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉาทิ จิตฺตมเลหิฯ อนุปลิตฺตเฎฺฐนาติ อนุปกฺกิลิฎฺฐตายฯ เตสนฺติ มเจฺฉรมลาทีนํฯ เอเตสํ เอว ทุราสทเฎฺฐนฯ อสนฺตาสนเฎฺฐนาติ อสนฺตาสเหตุภาเวนฯ โย หิ ทายโก ทานปติ, โส สมฺปติปิ น กุโตจิ สนฺตสติ, ปเคว อายติํฯ พลวนฺตเฎฺฐนาติ มหาพลวตายฯ ทายโก หิ ทานปติ สมฺปติ ปกฺขพเลน พลวา โหติ, อายติํ ปน กายพลาทีหิฯ อภิมงฺคลสมฺมตเฎฺฐนาติ ‘‘วุฑฺฒิการณ’’นฺติ อภิสมฺมตภาเวนฯ วิปตฺติโต สมฺปตฺติยา นยนํ เขมนฺตภูมิสมฺปาปนํ

    Ratanamayasīhāsanasadisanti sabbaratanamayasattaṅgamahāsīhāsanasadisaṃ, mahagghaṃ hutvā sabbaso vinipatituṃ appadānato. Mahāpathavisadisaṃ gatagataṭṭhāne patiṭṭhāsambhavato. Yathā dubbalassa purisassa ālambanarajju uttiṭṭhato tiṭṭhato ca upatthambho, evaṃ dānaṃ sattānaṃ sampattibhave upapattiyā ṭhitiyā ca paccayo hotīti āha ‘‘ālambanaṭṭhena ālambanarajjusadisa’’nti. Dukkhanittharaṇaṭṭhenāti duggatidukkhanittharaṇaṭṭhena. Samassāsanaṭṭhenāti lobhamacchariyādipaṭisattupaddavato sammadeva assāsanaṭṭhena. Bhayaparittāṇaṭṭhenāti dāliddiyabhayato paripālanaṭṭhena. Maccheramalādīhīti maccheralobhadosaissāmicchādiṭṭhivicikicchādi cittamalehi. Anupalittaṭṭhenāti anupakkiliṭṭhatāya. Tesanti maccheramalādīnaṃ. Etesaṃ eva durāsadaṭṭhena. Asantāsanaṭṭhenāti asantāsahetubhāvena. Yo hi dāyako dānapati, so sampatipi na kutoci santasati, pageva āyatiṃ. Balavantaṭṭhenāti mahābalavatāya. Dāyako hi dānapati sampati pakkhabalena balavā hoti, āyatiṃ pana kāyabalādīhi. Abhimaṅgalasammataṭṭhenāti ‘‘vuḍḍhikāraṇa’’nti abhisammatabhāvena. Vipattito sampattiyā nayanaṃ khemantabhūmisampāpanaṃ.

    อิทานิ มหาโพธิจริยภาเวนปิ ทานคุณํ ทเสฺสตุํ ทานํ นาเมตนฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตตฺถ อตฺตานํ นิยฺยาเทเนฺตนาติ เอเตน ทานผลํ สมฺมเทว ปสฺสนฺตา มหาปุริสา อตฺตโน ชีวิตมฺปิ ปริจฺจชนฺติ, ตสฺมา โก นาม วิญฺญุชาติโก พาหิเร วตฺถุมฺหิ สงฺคํ กเรยฺยาติ โอวาทํ เทติฯ อิทานิ ยา โลกิยา โลกุตฺตรา จ อุกฺกํสคตา สมฺปตฺติโย, ตา สพฺพา ทานโตเยว ปวตฺตนฺตีติ ทเสฺสโนฺต ‘‘ทานญฺหี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ สกฺกมารพฺรหฺมสมฺปตฺติโย อตฺตหิตาย เอว, จกฺกวตฺติสมฺปตฺติ ปน อตฺตหิตาย จ ปรหิตาย จาติ ทเสฺสตุํ สา ตาสํ ปรโต วุตฺตาฯ เอตา โลกิยา, อิมา ปน โลกุตฺตราติ ทเสฺสตุํ ‘‘สาวกปารมีญาณ’’นฺติอาทิ วุตฺตํฯ ตาสุปิ อุกฺกฎฺฐุกฺกฎฺฐตรุกฺกฎฺฐตมเมว ทเสฺสตุํ กเมน ญาณตฺตยํ วุตฺตํฯ เตสํ ปน ทานสฺส ปจฺจยภาโว เหฎฺฐา วุโตฺตเยวฯ เอเตเนว ตสฺส พฺรหฺมสมฺปตฺติยาปิ ปจฺจยภาโว ทีปิโตติ เวทิตโพฺพฯ

    Idāni mahābodhicariyabhāvenapi dānaguṇaṃ dassetuṃ dānaṃ nāmetantiādi vuttaṃ. Tattha attānaṃ niyyādentenāti etena dānaphalaṃ sammadeva passantā mahāpurisā attano jīvitampi pariccajanti, tasmā ko nāma viññujātiko bāhire vatthumhi saṅgaṃ kareyyāti ovādaṃ deti. Idāni yā lokiyā lokuttarā ca ukkaṃsagatā sampattiyo, tā sabbā dānatoyeva pavattantīti dassento ‘‘dānañhī’’tiādimāha. Tattha sakkamārabrahmasampattiyo attahitāya eva, cakkavattisampatti pana attahitāya ca parahitāya cāti dassetuṃ sā tāsaṃ parato vuttā. Etā lokiyā, imā pana lokuttarāti dassetuṃ ‘‘sāvakapāramīñāṇa’’ntiādi vuttaṃ. Tāsupi ukkaṭṭhukkaṭṭhatarukkaṭṭhatamameva dassetuṃ kamena ñāṇattayaṃ vuttaṃ. Tesaṃ pana dānassa paccayabhāvo heṭṭhā vuttoyeva. Eteneva tassa brahmasampattiyāpi paccayabhāvo dīpitoti veditabbo.

    ทานญฺจ นาม หิตชฺฌาสเยน, ปูชาวเสน วา อตฺตโน สนฺตกสฺส ปเรสํ ปริจฺจชนํ, ตสฺมา ทายโก ปุริสปุคฺคโล ปเรสํ สนฺตกํ หริสฺสตีติ อฎฺฐานเมตนฺติ อาห – ‘‘ทานํ ททโนฺต สีลํ สมาทาตุํ สโกฺกตี’’ติฯ สีลาลงฺการสทิโส อลงฺกาโร นตฺถิ โสภาวิเสสาวหตฺตา สีลสฺสฯ สีลปุปฺผสทิสํ ปุปฺผํ นตฺถีติ เอตฺถาปิ เอเสว นโยฯ สีลคนฺธสทิโส คโนฺธ นตฺถีติ เอตฺถ ‘‘จนฺทนํ ตครํ วาปี’’ติอาทิกา (ธ. ป. ๕๕; มิ. ป. ๔.๑.๑) คาถา – ‘‘คโนฺธ อิสีนํ จิรทิกฺขิตานํ, กายา จุโต คจฺฉติ มาลุเตนา’’ติอาทิกา (ชา. ๒.๑๗.๕๕) ชาตกคาถาโย จ อาหริตฺวา วตฺตพฺพา, สีลญฺหิ สตฺตานํ อาภรณเญฺจว อลงฺกาโร จ คนฺธวิเลปนญฺจ ทสฺสนียภาวาวหญฺจฯ เตนาห ‘‘สีลาลงฺกาเรน หี’’ติอาทิฯ

    Dānañca nāma hitajjhāsayena, pūjāvasena vā attano santakassa paresaṃ pariccajanaṃ, tasmā dāyako purisapuggalo paresaṃ santakaṃ harissatīti aṭṭhānametanti āha – ‘‘dānaṃ dadanto sīlaṃ samādātuṃ sakkotī’’ti. Sīlālaṅkārasadiso alaṅkāro natthi sobhāvisesāvahattā sīlassa. Sīlapupphasadisaṃ pupphaṃ natthīti etthāpi eseva nayo. Sīlagandhasadiso gandho natthīti ettha ‘‘candanaṃ tagaraṃ vāpī’’tiādikā (dha. pa. 55; mi. pa. 4.1.1) gāthā – ‘‘gandho isīnaṃ ciradikkhitānaṃ, kāyā cuto gacchati mālutenā’’tiādikā (jā. 2.17.55) jātakagāthāyo ca āharitvā vattabbā, sīlañhi sattānaṃ ābharaṇañceva alaṅkāro ca gandhavilepanañca dassanīyabhāvāvahañca. Tenāha ‘‘sīlālaṅkārena hī’’tiādi.

    อยํ สโคฺค ลพฺภตีติ อิทํ มชฺฌิเมหิ ฉนฺทาทีหิ สมาทานสีลํ สนฺธายาหฯ เตนาห สโกฺก เทวราชา –

    Ayaṃ saggo labbhatīti idaṃ majjhimehi chandādīhi samādānasīlaṃ sandhāyāha. Tenāha sakko devarājā –

    ‘‘หีเนน พฺรหฺมจริเยน, ขตฺติเย อุปปชฺชติ;

    ‘‘Hīnena brahmacariyena, khattiye upapajjati;

    มชฺฌิเมน จ เทวตฺตํ, อุตฺตเมน วิสุชฺฌตี’’ติฯ (ชา. ๑.๘.๗๕; ๒.๒๒.๔๒๙; ที. นิ. ฎี. ๒.๗๕-๗๖);

    Majjhimena ca devattaṃ, uttamena visujjhatī’’ti. (jā. 1.8.75; 2.22.429; dī. ni. ṭī. 2.75-76);

    อิโฎฺฐติ สุโขฯ กโนฺตติ กมนีโยฯ มนาโปติ มนวฑฺฒนโกฯ ตํ ปน ตสฺส อิฎฺฐาทิภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘นิจฺจเมตฺถ กีฬา’’ติอาทิ วุตฺตํฯ

    Iṭṭhoti sukho. Kantoti kamanīyo. Manāpoti manavaḍḍhanako. Taṃ pana tassa iṭṭhādibhāvaṃ dassetuṃ ‘‘niccamettha kīḷā’’tiādi vuttaṃ.

    โทโสติ อนิจฺจตาทินา อปฺปสฺสาทาทินา จ ทูสิตภาโว, ยโต เต วิญฺญูนํ จิตฺตํ นาราเธนฺติ ฯ อถ วา อาทีนํ วาติ ปวเตฺตตีติ อาทีนโว, ปรมกปณตาฯ ตถา จ กามา ยถาภูตํ ปจฺจเวกฺขนฺตานํ ปจฺจุปติฎฺฐนฺติฯ ลามกภาโวติ อเสเฎฺฐหิ เสวิตโพฺพ, เสเฎฺฐหิ น เสวิตโพฺพ นิหีนภาโวฯ สํกิลิสฺสนนฺติ วิพาธกตา อุปตาปตา จฯ

    Dosoti aniccatādinā appassādādinā ca dūsitabhāvo, yato te viññūnaṃ cittaṃ nārādhenti . Atha vā ādīnaṃ vāti pavattetīti ādīnavo, paramakapaṇatā. Tathā ca kāmā yathābhūtaṃ paccavekkhantānaṃ paccupatiṭṭhanti. Lāmakabhāvoti aseṭṭhehi sevitabbo, seṭṭhehi na sevitabbo nihīnabhāvo. Saṃkilissananti vibādhakatā upatāpatā ca.

    เนกฺขเมฺม อานิสํสนฺติ เอตฺถ ยตฺตกา กาเมสุ อาทีนวา, ตปฺปฎิปกฺขโต ตตฺตกา เนกฺขเมฺม อานิสํสาฯ อปิจ – ‘‘เนกฺขมฺมํ นาเมตํ อสมฺพาธํ อสํกิลิฎฺฐํ นิกฺขนฺตํ กาเมหิ, นิกฺขนฺตํ กามสญฺญาย, นิกฺขนฺตํ กามวิตเกฺกหิ, นิกฺขนฺตํ กามปริฬาเหหิ, นิกฺขนฺตํ พฺยาปาทสญฺญายา’’ติอาทินา (สารตฺถ. ฎี. มหาวคฺค ๓.๒๖; ที. นิ. ฎี. ๒.๗๕-๗๖) นเยน เนกฺขเมฺม อานิสํเส ปกาเสสิ, ปพฺพชฺชาย ฌานาทีสุ จ คุเณ วิภาเวสิ วเณฺณสิฯ กลฺลจิตฺตนฺติ เหฎฺฐา ปวตฺติตเทสนาย อสฺสทฺธิยาทีนํ จิตฺตโทสานํ วิคตตฺตา อุปริเทสนาย ภาชนภาวูปคมเนน กมฺมกฺขมจิตฺตํฯ อฎฺฐกถายํ ปน ยสฺมา อสฺสทฺธิยาทโย จิตฺตสฺส โรคภูตา , ตทา เต วิคตา, ตสฺมา อาห ‘‘อโรคจิตฺต’’นฺติฯ ทิฎฺฐิมานาทิกิเลสวิคเมน มุทุจิตฺตํฯ กามจฺฉนฺทาทิวิคเมน วินีวรณจิตฺตํฯ สมฺมาปฎิปตฺติยํ อุฬารปีติปาโมชฺชโยเคน อุทคฺคจิตฺตํฯ ตตฺถ สทฺธาสมฺปตฺติยา ปสนฺนจิตฺตํฯ ยทา ภควา อญฺญาสีติ สมฺพโนฺธฯ อถ วา กลฺลจิตฺตนฺติ กามจฺฉนฺทวิคเมน อโรคจิตฺตํฯ มุทุจิตฺตนฺติ พฺยาปาทวิคเมน เมตฺตาวเสน อกถินจิตฺตํฯ วินีวรณจิตฺตนฺติ อุทฺธจฺจกุกฺกุจฺจวิคเมน วิเกฺขปสฺส วิคตตฺตา เตน อปิหิตจิตฺตํฯ อุทคฺคจิตฺตนฺติ ถินมิทฺธวิคเมน สมฺปคฺคหิตวเสน อลีนจิตฺตํฯ ปสนฺนจิตฺตนฺติ วิจิกิจฺฉาวิคเมน สมฺมาปฎิปตฺติยํ อธิมุตฺตจิตฺตนฺติ เอวเมตฺถ เสสปทานํ อโตฺถ เวทิตโพฺพฯ

    Nekkhamme ānisaṃsanti ettha yattakā kāmesu ādīnavā, tappaṭipakkhato tattakā nekkhamme ānisaṃsā. Apica – ‘‘nekkhammaṃ nāmetaṃ asambādhaṃ asaṃkiliṭṭhaṃ nikkhantaṃ kāmehi, nikkhantaṃ kāmasaññāya, nikkhantaṃ kāmavitakkehi, nikkhantaṃ kāmapariḷāhehi, nikkhantaṃ byāpādasaññāyā’’tiādinā (sārattha. ṭī. mahāvagga 3.26; dī. ni. ṭī. 2.75-76) nayena nekkhamme ānisaṃse pakāsesi, pabbajjāya jhānādīsu ca guṇe vibhāvesi vaṇṇesi. Kallacittanti heṭṭhā pavattitadesanāya assaddhiyādīnaṃ cittadosānaṃ vigatattā uparidesanāya bhājanabhāvūpagamanena kammakkhamacittaṃ. Aṭṭhakathāyaṃ pana yasmā assaddhiyādayo cittassa rogabhūtā , tadā te vigatā, tasmā āha ‘‘arogacitta’’nti. Diṭṭhimānādikilesavigamena muducittaṃ. Kāmacchandādivigamena vinīvaraṇacittaṃ. Sammāpaṭipattiyaṃ uḷārapītipāmojjayogena udaggacittaṃ. Tattha saddhāsampattiyā pasannacittaṃ. Yadā bhagavā aññāsīti sambandho. Atha vā kallacittanti kāmacchandavigamena arogacittaṃ. Muducittanti byāpādavigamena mettāvasena akathinacittaṃ. Vinīvaraṇacittanti uddhaccakukkuccavigamena vikkhepassa vigatattā tena apihitacittaṃ. Udaggacittanti thinamiddhavigamena sampaggahitavasena alīnacittaṃ. Pasannacittanti vicikicchāvigamena sammāpaṭipattiyaṃ adhimuttacittanti evamettha sesapadānaṃ attho veditabbo.

    เสยฺยถาปีติอาทินา อุปมาวเสน อุปาลิสฺส สํกิเลสปฺปหานํ อริยมคฺคนิปฺผาทนญฺจ ทเสฺสติฯ อปคตกาฬกนฺติ วิคตกาฬกํฯ สมฺมเทวาติ สุฎฺฐุ เอวฯ รชนนฺติ นีลปีตาทิรงฺคชาตํฯ ปฎิคฺคเณฺหยฺยาติ คเณฺหยฺย ปภสฺสรํ ภเวยฺยฯ ตสฺมิํเยว อาสเนติ ติสฺสํ เอว นิสชฺชายํฯ เอเตนสฺส ลหุวิปสฺสกตา ติกฺขปญฺญตา สุขปฎิปทาขิปฺปาภิญฺญตา จ ทสฺสิตา โหติฯ วิรชนฺติ อปายคมนียราครชาทีนํ วิคเมน วิรชํฯ อนวเสสทิฎฺฐิวิจิกิจฺฉามลาปคเมน วีตมลํฯ ติณฺณํ มคฺคานนฺติ เหฎฺฐิมานํ ติณฺณํ มคฺคานํฯ ตสฺส อุปฺปตฺติอาการทสฺสนนฺติ กสฺมา วุตฺตํ? นนุ มคฺคญาณํ อสงฺขตธมฺมารมฺมณนฺติ โจทนํ สนฺธายาห ‘‘ตํ หี’’ติอาทิฯ ตตฺถ ปฎิวิชฺฌนฺตนฺติ อสโมฺมหปฎิเวธวเสน ปฎิวิชฺฌนฺตํฯ เตนาห ‘‘กิจฺจวเสนา’’ติฯ

    Seyyathāpītiādinā upamāvasena upālissa saṃkilesappahānaṃ ariyamagganipphādanañca dasseti. Apagatakāḷakanti vigatakāḷakaṃ. Sammadevāti suṭṭhu eva. Rajananti nīlapītādiraṅgajātaṃ. Paṭiggaṇheyyāti gaṇheyya pabhassaraṃ bhaveyya. Tasmiṃyeva āsaneti tissaṃ eva nisajjāyaṃ. Etenassa lahuvipassakatā tikkhapaññatā sukhapaṭipadākhippābhiññatā ca dassitā hoti. Virajanti apāyagamanīyarāgarajādīnaṃ vigamena virajaṃ. Anavasesadiṭṭhivicikicchāmalāpagamena vītamalaṃ. Tiṇṇaṃ maggānanti heṭṭhimānaṃ tiṇṇaṃ maggānaṃ. Tassa uppattiākāradassananti kasmā vuttaṃ? Nanu maggañāṇaṃ asaṅkhatadhammārammaṇanti codanaṃ sandhāyāha ‘‘taṃ hī’’tiādi. Tattha paṭivijjhantanti asammohapaṭivedhavasena paṭivijjhantaṃ. Tenāha ‘‘kiccavasenā’’ti.

    ตตฺริทํ อุปมาสํสนฺทนํ – วตฺถํ วิย จิตฺตํ, วตฺถสฺส อาคนฺตุกมเลหิ กิลิฎฺฐภาโว วิย จิตฺตสฺส ราคาทิมเลหิ สํกิลิฎฺฐภาโว, โธวนสิลา วิย อนุปุพฺพีกถา, อุทกํ วิย สทฺธา, อุทเก เตเมตฺวา อูสโคมยฉาริกาภเรหิ กาฬกปเทเส สมฺมทฺทิตฺวา วตฺถสฺส โธวนปโยโค วิย สทฺธาสิเนเหน เตเมตฺวา สติสมาธิปญฺญาหิ โทเส สิถิเล กตฺวา สุตาทิวิธินา จิตฺตสฺส โสธเน วีริยารโมฺภฯ เตน ปโยเคน วเตฺถ กาฬกาปคโม วิย วีริยารเมฺภน กิเลสวิกฺขมฺภนํ, รงฺคชาตํ วิย อริยมโคฺค, เตน สุทฺธสฺส วตฺถสฺส ปภสฺสรภาโว วิย วิกฺขมฺภิตกิเลสสฺส จิตฺตสฺส มเคฺคน ปริโยทปนนฺติฯ

    Tatridaṃ upamāsaṃsandanaṃ – vatthaṃ viya cittaṃ, vatthassa āgantukamalehi kiliṭṭhabhāvo viya cittassa rāgādimalehi saṃkiliṭṭhabhāvo, dhovanasilā viya anupubbīkathā, udakaṃ viya saddhā, udake temetvā ūsagomayachārikābharehi kāḷakapadese sammadditvā vatthassa dhovanapayogo viya saddhāsinehena temetvā satisamādhipaññāhi dose sithile katvā sutādividhinā cittassa sodhane vīriyārambho. Tena payogena vatthe kāḷakāpagamo viya vīriyārambhena kilesavikkhambhanaṃ, raṅgajātaṃ viya ariyamaggo, tena suddhassa vatthassa pabhassarabhāvo viya vikkhambhitakilesassa cittassa maggena pariyodapananti.

    ทิฎฺฐธโมฺมติ วตฺวา ทสฺสนํ นาม ญาณทสฺสนโต อญฺญมฺปิ อตฺถีติ ตนฺนิวตฺตนตฺถํ ‘‘ปตฺตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ ปตฺติ จ ญาณสมฺปตฺติโต อญฺญาปิ วิชฺชตีติ ตโต วิเสสนตฺถํ ‘‘วิทิตธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ สา ปเนสา วิทิตธมฺมตา ธเมฺมสุ เอกเทสนาปิ โหตีติ นิปฺปเทสโต วิทิตภาวํ ทเสฺสตุํ ‘‘ปริโยคาฬฺหธโมฺม’’ติ วุตฺตํฯ เตนสฺส สจฺจาภิสโมฺพธํเยว ทีเปติฯ มคฺคญาณญฺหิ เอกาภิสมยวเสน ปริญฺญาทิกิจฺจํ สาเธนฺตํ นิปฺปเทเสน จตุสจฺจธมฺมํ สมนฺตโต โอคาหนฺตํ นาม โหติฯ เตนาห – ‘‘ทิโฎฺฐ อริยสจฺจธโมฺม เอเตนาติ ทิฎฺฐธโมฺม’’ติฯ ติณฺณา วิจิกิจฺฉาติ สปฺปฎิภยกนฺตารสทิสา โสฬสวตฺถุกา อฎฺฐวตฺถุกา จ ติณฺณา วิจิกิจฺฉา ติณฺณวิจิกิจฺฉาฯ วิคตกถํกโถติ ปวตฺติอาทีสุ ‘‘เอวํ นุ โข, กิํ นุ โข’’ติ เอวํ ปวตฺติกา วิคตา สมุจฺฉินฺนา กถํกถาฯ สารชฺชกรานํ ปาปธมฺมานํ ปหีนตฺตา ตปฺปฎิปเกฺขสุ สีลาทิคุเณสุ สุปฺปติฎฺฐิตตฺตา เวสารชฺชํ วิสารทภาวํ เวยฺยตฺติยํ ปโตฺตฯ อตฺตนา เอว ปจฺจกฺขโต ทิฎฺฐตฺตา น ตสฺส ปโร ปเจฺจตโพฺพ อตฺถีติ อปรปฺปจฺจโย

    Diṭṭhadhammoti vatvā dassanaṃ nāma ñāṇadassanato aññampi atthīti tannivattanatthaṃ ‘‘pattadhammo’’ti vuttaṃ. Patti ca ñāṇasampattito aññāpi vijjatīti tato visesanatthaṃ ‘‘viditadhammo’’ti vuttaṃ. Sā panesā viditadhammatā dhammesu ekadesanāpi hotīti nippadesato viditabhāvaṃ dassetuṃ ‘‘pariyogāḷhadhammo’’ti vuttaṃ. Tenassa saccābhisambodhaṃyeva dīpeti. Maggañāṇañhi ekābhisamayavasena pariññādikiccaṃ sādhentaṃ nippadesena catusaccadhammaṃ samantato ogāhantaṃ nāma hoti. Tenāha – ‘‘diṭṭho ariyasaccadhammo etenāti diṭṭhadhammo’’ti. Tiṇṇā vicikicchāti sappaṭibhayakantārasadisā soḷasavatthukā aṭṭhavatthukā ca tiṇṇā vicikicchā tiṇṇavicikicchā. Vigatakathaṃkathoti pavattiādīsu ‘‘evaṃ nu kho, kiṃ nu kho’’ti evaṃ pavattikā vigatā samucchinnā kathaṃkathā. Sārajjakarānaṃ pāpadhammānaṃ pahīnattā tappaṭipakkhesu sīlādiguṇesu suppatiṭṭhitattā vesārajjaṃ visāradabhāvaṃ veyyattiyaṃ patto. Attanā eva paccakkhato diṭṭhattā na tassa paro paccetabbo atthīti aparappaccayo.

    ๗๑. ปณฺฑิโตติ ปญฺญวาฯ

    71.Paṇḍitoti paññavā.

    ๗๒. เตน หิ สมฺมาติ โทวาริเกน สทฺธิํ สลฺลปติเยว, ‘‘เอเตฺถวา’’ติ เตน วุตฺตวจนํ สุตฺวาปิ ตสฺส อตฺถํ อสลฺลเกฺขโนฺตฯ กสฺมา? ปริเทวตายฯ เตนาห ‘‘พลวโสเกน อภิภูโต’’ติฯ

    72.Tena hi sammāti dovārikena saddhiṃ sallapatiyeva, ‘‘etthevā’’ti tena vuttavacanaṃ sutvāpi tassa atthaṃ asallakkhento. Kasmā? Paridevatāya. Tenāha ‘‘balavasokena abhibhūto’’ti.

    ๗๓. เตเนวาติ เยน อุตฺตราสเงฺคน อาสนํ สมฺมชฺชติ, เตเนว อุทเร ปริกฺขิปโนฺต ‘‘มาหํ สตฺถารํ มม สรีเรน ผุสิ’’นฺติ อนฺตรํ กโรโนฺต อุตฺตราสเงฺคน ตํ อุทเร ปริกฺขิปโนฺต ปริคฺคเหตฺวาฯ ‘‘ทตฺตปญฺญตฺต’’นฺติอาทีสุ (ที. นิ. ๑.๑๗๑) วิย ทตฺต-สโทฺท เอตฺถ พาลปริยาโยติ อาห ‘‘ชโฬสิ ชาโต’’ติฯ อุปฎฺฐากสฺส อญฺญถาภาเวนาติ ปุเพฺพ อตฺตโน อุปฎฺฐากสฺส อิทานิ อนุปฎฺฐากภาเวนฯ

    73.Tenevāti yena uttarāsaṅgena āsanaṃ sammajjati, teneva udare parikkhipanto ‘‘māhaṃ satthāraṃ mama sarīrena phusi’’nti antaraṃ karonto uttarāsaṅgena taṃ udare parikkhipanto pariggahetvā. ‘‘Dattapaññatta’’ntiādīsu (dī. ni. 1.171) viya datta-saddo ettha bālapariyāyoti āha ‘‘jaḷosi jāto’’ti. Upaṭṭhākassa aññathābhāvenāti pubbe attano upaṭṭhākassa idāni anupaṭṭhākabhāvena.

    ๗๕. อวิญฺญาณกํ ทารุสาขาทิมยํฯ พหลพหลํ ปีตาวเลปนํ รงฺคชาตนฺติ อติวิย พหลํ ปีตวณฺณมญฺชิฎฺฐอาทิอวเลปนรชนํฯ ฆเฎฺฎตฺวา อุปฺปาทิตจฺฉวิํ, ยา รงฺคํ ปิวติฯ นิโลฺลมตนฺติ ปุนปฺปุนํ อนุลิมฺปเนนฯ ขณฺฑขณฺฑิตนฺติ ขณฺฑขณฺฑิตภาวํฯ รงฺคกฺขโม รชนิโยฯ เตนาห ‘‘ราคมตฺตํ ชเนตี’’ติฯ อนุโยคนฺติ โจทนํฯ วีมํสนฺติ วิจารณํฯ ถุเส โกเฎฺฎตฺวา ตณฺฑุลปริเยสนํ วิย กทลิยํ สารปริเยสนํ วิย จ นิคณฺฐวาเท สารวีมํสนํฯ ตโต เอว จ ตํ วีมํสโนฺต ริตฺตโก ตุจฺฉโกว โหตีติฯ สพฺพมฺปิ พุทฺธวจนํ จตุสจฺจวินิมุตฺตํ นตฺถิ, ตญฺจ วีมํสิยมานํ วิญฺญูนํ ปีติโสมนสฺสเมว ชเนติ, อตปฺปกญฺจ อเสจนาภาเวนาติ อาห ‘‘จตุสจฺจกถา หี’’ติอาทิฯ ยถา ยถาติ ยทิ ขนฺธมุเขน ยทิ ธาตายตนาทีสุ อญฺญตรมุเขน พุทฺธวจนํ โอคาหิสฺสติ, ตถา ตถา คมฺภีรญาณานํเยว โคจรภาวโต คมฺภีรเมว โหติฯ โย เจตฺถ ปณฺฑิโต นิปุโณ กตปรปฺปวาโท ปณิธาย สพฺพถาเมน โจทนํ อารมฺภติ ตสฺส โจทนา เกสคฺคมตฺตมฺปิ จาเลตุํ น สโกฺกติฯ ปุน สุจิรมฺปิ กาลํ วิจาเรเนฺตสุปิ วิมทฺทกฺขมโต, เอวํ ตถาคตวาโท สฺวาขฺยาตภาวโตติ อาห ‘‘อนุโยคกฺขโม วิมชฺชนกฺขโม จา’’ติฯ

    75.Aviññāṇakaṃ dārusākhādimayaṃ. Bahalabahalaṃ pītāvalepanaṃ raṅgajātanti ativiya bahalaṃ pītavaṇṇamañjiṭṭhaādiavalepanarajanaṃ. Ghaṭṭetvā uppāditacchaviṃ,raṅgaṃ pivati. Nillomatanti punappunaṃ anulimpanena. Khaṇḍakhaṇḍitanti khaṇḍakhaṇḍitabhāvaṃ. Raṅgakkhamo rajaniyo. Tenāha ‘‘rāgamattaṃ janetī’’ti. Anuyoganti codanaṃ. Vīmaṃsanti vicāraṇaṃ. Thuse koṭṭetvā taṇḍulapariyesanaṃ viya kadaliyaṃ sārapariyesanaṃ viya ca nigaṇṭhavāde sāravīmaṃsanaṃ. Tato eva ca taṃ vīmaṃsanto rittako tucchakova hotīti. Sabbampi buddhavacanaṃ catusaccavinimuttaṃ natthi, tañca vīmaṃsiyamānaṃ viññūnaṃ pītisomanassameva janeti, atappakañca asecanābhāvenāti āha ‘‘catusaccakathā hī’’tiādi. Yathā yathāti yadi khandhamukhena yadi dhātāyatanādīsu aññataramukhena buddhavacanaṃ ogāhissati, tathā tathā gambhīrañāṇānaṃyeva gocarabhāvato gambhīrameva hoti. Yo cettha paṇḍito nipuṇo kataparappavādo paṇidhāya sabbathāmena codanaṃ ārambhati tassa codanā kesaggamattampi cāletuṃ na sakkoti. Puna sucirampi kālaṃ vicārentesupi vimaddakkhamato, evaṃ tathāgatavādo svākhyātabhāvatoti āha ‘‘anuyogakkhamo vimajjanakkhamo cā’’ti.

    ๗๖. วิสยปริญฺญาเณน ทหติ ปฎิปเกฺข โสเธตีติ ธีโร, สฺวายมสฺส ธีรภาโว สพฺพโส สโมฺมหวิทฺธํสนตายาติ อาห – ‘‘ยา ปญฺญา…เป.… เตน สมนฺนาคตสฺสา’’ติฯ ปภินฺนขีลสฺสาติ สมุจฺฉินฺนสพฺพเจโตขีลสฺส, กิเลสมจฺจุมารวิชเยเนว อภิสงฺขารขนฺธมารา ชิตาว โหนฺตีติ เตสํ ทฺวินฺนํ อิธ อคฺคหณํฯ อีฆ-สโทฺท ทุกฺขปริยาโยติ อาห ‘‘นิทฺทุกฺขสฺสา’’ติฯ ตตฺถ สอุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา กิเลเสน นิทฺทุกฺขตา, อนุปาทิเสสนิพฺพานปฺปตฺติยา วิปากทุเกฺขน นิทฺทุกฺขตาฯ รชฺชนทุสฺสนมุยฺหนาทิวเสน วิวิธํ อีสนโต วีสํ, วีสเมว เวสํ, ราคาทีติ อาห – ‘‘เวสนฺตรสฺสาติ ราคาทิวีสํ ตริตฺวา วิตริตฺวา ฐิตสฺสา’’ติฯ

    76. Visayapariññāṇena dahati paṭipakkhe sodhetīti dhīro, svāyamassa dhīrabhāvo sabbaso sammohaviddhaṃsanatāyāti āha – ‘‘yā paññā…pe… tena samannāgatassā’’ti. Pabhinnakhīlassāti samucchinnasabbacetokhīlassa, kilesamaccumāravijayeneva abhisaṅkhārakhandhamārā jitāva hontīti tesaṃ dvinnaṃ idha aggahaṇaṃ. Īgha-saddo dukkhapariyāyoti āha ‘‘niddukkhassā’’ti. Tattha saupādisesanibbānappattiyā kilesena niddukkhatā, anupādisesanibbānappattiyā vipākadukkhena niddukkhatā. Rajjanadussanamuyhanādivasena vividhaṃ īsanato vīsaṃ, vīsameva vesaṃ, rāgādīti āha – ‘‘vesantarassāti rāgādivīsaṃ taritvā vitaritvā ṭhitassā’’ti.

    ตุสิตสฺสาติ กรุณายนวเสน ตุสิยา อิตสฺส สํวตฺตสฺสฯ เอวํ สติ ‘‘มุทิตสฺสา’’ติ อิทํ ปุนรุตฺตเมว โหติฯ มนุชสฺสาติ ปฐมาย ชาติยา ภควา มนุสฺสชาติโย หุตฺวา วุตฺตานํ วกฺขมานานญฺจ วเสน สเทวกํ อภิภวิตฺวา ฐิโต อจฺฉริโย ภควาติ ทเสฺสติฯ สเทวกํ โลกํ สํสารโต นิพฺพานสุขํ นรติ เนติ ปาเปตีติ นโร, นายโกติ อโตฺถ, ตสฺส นรสฺส, เตนาห ‘‘ปุนรุตฺต’’นฺติฯ ‘‘มนุชสฺสา’’ติ วตฺวา ‘‘นรสฺสา’’ติ ปุนรุตฺตํ ปทํฯ อตฺถวเสน อญฺญถา วุจฺจมาเน เอเกกคาถาย ทสคุณา นปฺปโหนฺติ, น ปูเรนฺตีติ อโตฺถฯ

    Tusitassāti karuṇāyanavasena tusiyā itassa saṃvattassa. Evaṃ sati ‘‘muditassā’’ti idaṃ punaruttameva hoti. Manujassāti paṭhamāya jātiyā bhagavā manussajātiyo hutvā vuttānaṃ vakkhamānānañca vasena sadevakaṃ abhibhavitvā ṭhito acchariyo bhagavāti dasseti. Sadevakaṃ lokaṃ saṃsārato nibbānasukhaṃ narati neti pāpetīti naro, nāyakoti attho, tassa narassa, tenāha ‘‘punarutta’’nti. ‘‘Manujassā’’ti vatvā ‘‘narassā’’ti punaruttaṃ padaṃ. Atthavasena aññathā vuccamāne ekekagāthāya dasaguṇā nappahonti, na pūrentīti attho.

    วิเนตีติ วินโย, วินโย เอว เวเนยิโกติ อาห ‘‘สตฺตานํ วินายกสฺสา’’ติฯ วิญฺญูนํ รุจิํ ราติ, อีเรตีติ วา รุจิโร, สฺวายมสฺส รุจิรภาโว กุสลตายาติ อาห ‘‘สุจิธมฺมสฺสา’’ติฯ ปภาสกสฺสาติ ญาณาโลเกน ปภสฺสรภาวกรสฺสฯ นิสฺสงฺคสฺสาติ อฎฺฐสุปิ ปริสาสุ, สเทเว วา สพฺพสฺมิํ โลเก อคฺคณฺหาปนปริจฺจาเคน นิสฺสฎสฺสฯ คมฺภีรคุณสฺสาติ ปเรสํ ญาเณน อปฺปติฎฺฐภาวา คมฺภีรคุณสฺสฯ เตนาห ภควา – ‘‘อตฺถิ, ภิกฺขเว, อเญฺญว ธมฺมา คมฺภีรา’’ติอาทิ (ที. นิ. ๑.๒๘)ฯ อริยาย วา ตุณฺหีภาเวน โมนปฺปตฺตสฺสฯ ธเมฺม ฐิตสฺสาติ ธมฺมกาเย สุปฺปติฎฺฐิตสฺสฯ สํวุตตฺตสฺสาติ อรกฺขิยกายสมาจาราทิตาย สํวุตสภาวสฺสฯ

    Vinetīti vinayo, vinayo eva veneyikoti āha ‘‘sattānaṃ vināyakassā’’ti. Viññūnaṃ ruciṃ rāti, īretīti vā ruciro, svāyamassa rucirabhāvo kusalatāyāti āha ‘‘sucidhammassā’’ti. Pabhāsakassāti ñāṇālokena pabhassarabhāvakarassa. Nissaṅgassāti aṭṭhasupi parisāsu, sadeve vā sabbasmiṃ loke aggaṇhāpanapariccāgena nissaṭassa. Gambhīraguṇassāti paresaṃ ñāṇena appatiṭṭhabhāvā gambhīraguṇassa. Tenāha bhagavā – ‘‘atthi, bhikkhave, aññeva dhammā gambhīrā’’tiādi (dī. ni. 1.28). Ariyāya vā tuṇhībhāvena monappattassa. Dhamme ṭhitassāti dhammakāye suppatiṭṭhitassa. Saṃvutattassāti arakkhiyakāyasamācārāditāya saṃvutasabhāvassa.

    อาคุํ น กโรตีติอาทีหิ จตูหิ การเณหิ, ปนฺตเสนาสนสฺสาติ วิวิตฺตเสนาสนสฺสฯ ปฎิมนฺตนปญฺญายาติ สพฺพปรปฺปวาทานํ วิปราวตฺตมนฺตนปญฺญายฯ โมนํ วุจฺจติ ญาณํ สพฺพโต กิเลสานํ นิธุนนโตฯ

    Āguṃ na karotītiādīhi catūhi kāraṇehi, pantasenāsanassāti vivittasenāsanassa. Paṭimantanapaññāyāti sabbaparappavādānaṃ viparāvattamantanapaññāya. Monaṃ vuccati ñāṇaṃ sabbato kilesānaṃ nidhunanato.

    อิสิสตฺตมสฺสาติ สพฺพอิสีสุ เชฎฺฐสฺส สาธุตมสฺสฯ เสฎฺฐปฺปตฺตสฺสาติ เสฎฺฐํ อุตฺตมํ สมฺมาสโมฺพธิํ ปตฺตสฺสฯ อกฺขราทีนีติ อกฺขรปทพฺยญฺชนาการ-นิรุตฺตินิเทฺทส-สํกาสนปกาสน-วิวรณ-วิภชนุตฺตานีกรณานีติ พฺยญฺชนตฺถปทานิฯ สโมธาเนตฺวา วิเนยฺยชฺฌาสยานุรูปํ ปกาสนโต กถนโต ปทกสฺสฯ ปุริ-สโทฺท ‘‘ปุเพฺพ’’ติ อิมินา สมานโตฺถติ อาห – ‘‘ปุรินฺททสฺสาติ สพฺพปฐมํ ธมฺมทานทายกสฺสา’’ติฯ ภควา อสยฺหํ สหิตุํ สมโตฺถติ อาห ‘‘สมตฺถสฺสา’’ติฯ เตนาห – ‘‘ตถาคตํ พุทฺธมสยฺหสาหิน’’นฺติ (อิติวุ. ๓๘)ฯ เต ปตฺตสฺสาติ เต คุเณ อนวเสสโต ปตฺตสฺสฯ วิตฺถาเรตฺวา สํกิเลสโวทานธมฺมํ พฺยากโรตีติ พฺยากรโณ, พฺยากรโณ เอว เวยฺยากรโณฯ ตนฺติปทนฺติ ตนฺติํ อาโรเปตฺวา ฐปิตํ ปทํฯ

    Isisattamassāti sabbaisīsu jeṭṭhassa sādhutamassa. Seṭṭhappattassāti seṭṭhaṃ uttamaṃ sammāsambodhiṃ pattassa. Akkharādīnīti akkharapadabyañjanākāra-niruttiniddesa-saṃkāsanapakāsana-vivaraṇa-vibhajanuttānīkaraṇānīti byañjanatthapadāni. Samodhānetvā vineyyajjhāsayānurūpaṃ pakāsanato kathanato padakassa. Puri-saddo ‘‘pubbe’’ti iminā samānatthoti āha – ‘‘purindadassāti sabbapaṭhamaṃ dhammadānadāyakassā’’ti. Bhagavā asayhaṃ sahituṃ samatthoti āha ‘‘samatthassā’’ti. Tenāha – ‘‘tathāgataṃ buddhamasayhasāhina’’nti (itivu. 38). Te pattassāti te guṇe anavasesato pattassa. Vitthāretvā saṃkilesavodānadhammaṃ byākarotīti byākaraṇo, byākaraṇo eva veyyākaraṇo. Tantipadanti tantiṃ āropetvā ṭhapitaṃ padaṃ.

    ตณฺหาพนฺธเนน สเพฺพน วา กิเลสพนฺธเนน อพทฺธสฺสฯ มหาปญฺญายาติ มหานุภาวาย ปญฺญาย, มหาวิสยาย วา ปญฺญายฯ สพฺพา หิ ภควโต ปญฺญา มหานุภาวา, ยถาสกํ วิสเย มหาวิสยา จ เอกาทิวเสน อนวเสสโต มหาวิสยา นาม สพฺพญฺญุตาวฯ อานุภาวทสฺสนเฎฺฐนาติ อจฺฉริยาจิเนฺตยฺยาปริเมยฺยสฺส อตฺตโน อานุภาวสฺส โลกสฺส ทสฺสนเฎฺฐน ฯ ยกฺขสฺสาติ วา โลเกน ปูชนียสฺส ฯ อยํ อุปาสโก ขุชฺชุตฺตรา วิย อุปาสิกา เสขปฎิสมฺภิทาปฺปโตฺตติ อาห ‘‘โสตาปตฺติมเคฺคเนว ปฎิสมฺภิทา อาคตา’’ติฯ กิเลสปฺปหานวณฺณํ กเถโนฺตติ กิเลสปฺปหานํ วิสยํ นิมิตฺตํ กตฺวา วณฺณํ กเถโนฺตฯ

    Taṇhābandhanena sabbena vā kilesabandhanena abaddhassa. Mahāpaññāyāti mahānubhāvāya paññāya, mahāvisayāya vā paññāya. Sabbā hi bhagavato paññā mahānubhāvā, yathāsakaṃ visaye mahāvisayā ca ekādivasena anavasesato mahāvisayā nāma sabbaññutāva. Ānubhāvadassanaṭṭhenāti acchariyācinteyyāparimeyyassa attano ānubhāvassa lokassa dassanaṭṭhena . Yakkhassāti vā lokena pūjanīyassa . Ayaṃ upāsako khujjuttarā viya upāsikā sekhapaṭisambhidāppattoti āha ‘‘sotāpattimaggeneva paṭisambhidā āgatā’’ti. Kilesappahānavaṇṇaṃ kathentoti kilesappahānaṃ visayaṃ nimittaṃ katvā vaṇṇaṃ kathento.

    ๗๗. สมฺปิณฺฑิตาติ สนฺนิจิตา, คนฺถิตาติ อโตฺถฯ อิเม สตฺตาติ ยํ ยเทว ปริพฺภมนฺตา สตฺตาฯ อตฺตโนว จินฺตยนฺตีติ อวีตตณฺหตาย สกํเยว ปโยชนํ จิเนฺตนฺติฯ ตถา หิ มเต ญาตเก อนุโสจนฺตาปิ เตหิ สาเธตพฺพสฺส อตฺตโน ปโยชนเสฺสว วเสน อนุโสจนฺติฯ อุณฺหํ อโหสีติ พลวตา จิตฺตสฺส สนฺตาเปน สนฺตตฺตํ อพฺภนฺตรํ หทยฎฺฐานํ ขทิรงฺคารสนฺตาปิตํ วิย อุณฺหํ อโหสิฯ เตนาห ‘‘โลหิตํ วิลียิตฺถา’’ติฯ ปตฺตมตฺตนฺติ เอกปตฺตปูรมตฺตํฯ อภิสมยสาธิกาย จตุสจฺจเทสนาย สเงฺขเปเนว เทสิตตฺตา อาห – ‘อุคฺฆฎิตญฺญุปุคฺคลสฺส วเสน ธมฺมเทสนา ปรินิฎฺฐิตา’’ติฯ

    77.Sampiṇḍitāti sannicitā, ganthitāti attho. Ime sattāti yaṃ yadeva paribbhamantā sattā. Attanova cintayantīti avītataṇhatāya sakaṃyeva payojanaṃ cintenti. Tathā hi mate ñātake anusocantāpi tehi sādhetabbassa attano payojanasseva vasena anusocanti. Uṇhaṃ ahosīti balavatā cittassa santāpena santattaṃ abbhantaraṃ hadayaṭṭhānaṃ khadiraṅgārasantāpitaṃ viya uṇhaṃ ahosi. Tenāha ‘‘lohitaṃ vilīyitthā’’ti. Pattamattanti ekapattapūramattaṃ. Abhisamayasādhikāya catusaccadesanāya saṅkhepeneva desitattā āha – ‘ugghaṭitaññupuggalassa vasena dhammadesanā pariniṭṭhitā’’ti.

    อุปาลิสุตฺตวณฺณนาย ลีนตฺถปฺปกาสนา สมตฺตาฯ

    Upālisuttavaṇṇanāya līnatthappakāsanā samattā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / มชฺฌิมนิกาย • Majjhimanikāya / ๖. อุปาลิสุตฺตํ • 6. Upālisuttaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / สุตฺตปิฎก (อฎฺฐกถา) • Suttapiṭaka (aṭṭhakathā) / มชฺฌิมนิกาย (อฎฺฐกถา) • Majjhimanikāya (aṭṭhakathā) / ๖. อุปาลิสุตฺตวณฺณนา • 6. Upālisuttavaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact