Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / อปทาน-อฎฺฐกถา • Apadāna-aṭṭhakathā |
๓-๖. อุปาลิเตฺถรอปทานวณฺณนา
3-6. Upālittheraapadānavaṇṇanā
นคเร หํสวติยาติอาทิกํ อายสฺมโต อุปาลิเตฺถรสฺส อปทานํฯ อยมฺปิ ปุริมพุเทฺธสุ กตาธิกาโร ตตฺถ ตตฺถ ภเว วิวฎฺฎูปนิสฺสยานิ ปุญฺญานิ อุปจินโนฺต ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต กาเล หํสวตีนคเร วิภวสมฺปเนฺน พฺราหฺมณกุเล นิพฺพโตฺตฯ เอกทิวสํ สตฺถุ สนฺติเก ธมฺมกถํ สุณโนฺต สตฺถารํ เอกํ ภิกฺขุํ วินยธรานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปนฺตํ ทิสฺวา สตฺถุ อธิการกมฺมํ กตฺวา ตํ ฐานนฺตรํ ปเตฺถสิฯ
Nagarehaṃsavatiyātiādikaṃ āyasmato upālittherassa apadānaṃ. Ayampi purimabuddhesu katādhikāro tattha tattha bhave vivaṭṭūpanissayāni puññāni upacinanto padumuttarassa bhagavato kāle haṃsavatīnagare vibhavasampanne brāhmaṇakule nibbatto. Ekadivasaṃ satthu santike dhammakathaṃ suṇanto satthāraṃ ekaṃ bhikkhuṃ vinayadharānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapentaṃ disvā satthu adhikārakammaṃ katvā taṃ ṭhānantaraṃ patthesi.
โส ยาวชีวํ กุสลํ กตฺวา เทวมนุเสฺสสุ สํสรโนฺต อิมสฺมิํ พุทฺธุปฺปาเท กปฺปกเคเห นิพฺพโตฺตฯ อุปาลีติสฺส นามํ อกํสุฯ โส วยปฺปโตฺต อนุรุทฺธาทีนํ ฉนฺนํ ขตฺติยานํ ปิยสหาโย หุตฺวา ตถาคเต อนุปิยมฺพวเน วิหรเนฺต ปพฺพชฺชาย นิกฺขมเนฺตหิ ฉหิ ขตฺติเยหิ สทฺธิํ นิกฺขมิตฺวา ปพฺพชิฯ ตสฺส ปพฺพชฺชาวิธานํ ปาฬิยํ (จูฬว. ๓๓๐ อาทโย) อาคตเมวฯ โส ปพฺพชิตฺวา อุปสมฺปโนฺน หุตฺวา สตฺถุ สนฺติเก กมฺมฎฺฐานํ คเหตฺวา ‘‘มยฺหํ, ภเนฺต, อรญฺญวาสํ อนุชานาถา’’ติ อาหฯ ‘‘ภิกฺขุ อรเญฺญ วสนฺตสฺส เอกเมว ธุรํ วฑฺฒิสฺสติ, มยฺหํ ปน สนฺติเก วสนฺตสฺส วิปสฺสนาธุรญฺจ คนฺถธุรญฺจ ปริปูเรสฺสตี’’ติฯ โส สตฺถุ วจนํ สมฺปฎิจฺฉิตฺวา วิปสฺสนาย กมฺมํ กโรโนฺต นจิรเสฺสว อรหตฺตํ ปาปุณิฯ สตฺถาปิ นํ สยเมว สกลํ วินยปิฎกํ อุคฺคณฺหาเปสิฯ โส อปรภาเค ภารุกจฺฉวตฺถุํ อชฺชุกวตฺถุํ กุมารกสฺสปวตฺถุนฺติ อิมานิ ตีณิ วตฺถูนิ วินิจฺฉินิฯ สตฺถา เอเกกสฺมิํ วินิจฺฉเย สาธุการํ ทตฺวา ตโย วินิจฺฉเย อฎฺฐุปฺปตฺติํ กตฺวา เถรํ วินยธรานํ อคฺคฎฺฐาเน ฐเปสิฯ
So yāvajīvaṃ kusalaṃ katvā devamanussesu saṃsaranto imasmiṃ buddhuppāde kappakagehe nibbatto. Upālītissa nāmaṃ akaṃsu. So vayappatto anuruddhādīnaṃ channaṃ khattiyānaṃ piyasahāyo hutvā tathāgate anupiyambavane viharante pabbajjāya nikkhamantehi chahi khattiyehi saddhiṃ nikkhamitvā pabbaji. Tassa pabbajjāvidhānaṃ pāḷiyaṃ (cūḷava. 330 ādayo) āgatameva. So pabbajitvā upasampanno hutvā satthu santike kammaṭṭhānaṃ gahetvā ‘‘mayhaṃ, bhante, araññavāsaṃ anujānāthā’’ti āha. ‘‘Bhikkhu araññe vasantassa ekameva dhuraṃ vaḍḍhissati, mayhaṃ pana santike vasantassa vipassanādhurañca ganthadhurañca paripūressatī’’ti. So satthu vacanaṃ sampaṭicchitvā vipassanāya kammaṃ karonto nacirasseva arahattaṃ pāpuṇi. Satthāpi naṃ sayameva sakalaṃ vinayapiṭakaṃ uggaṇhāpesi. So aparabhāge bhārukacchavatthuṃ ajjukavatthuṃ kumārakassapavatthunti imāni tīṇi vatthūni vinicchini. Satthā ekekasmiṃ vinicchaye sādhukāraṃ datvā tayo vinicchaye aṭṭhuppattiṃ katvā theraṃ vinayadharānaṃ aggaṭṭhāne ṭhapesi.
๔๔๑. เอวํ โส เอตทคฺคฎฺฐานํ ปตฺวา อตฺตโน ปุพฺพกมฺมํ สริตฺวา โสมนสฺสปฺปโตฺต ตํ ปุพฺพจริตาปทานํ ปกาเสโนฺต นคเร หํสวติยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ หํสวติยาติ หํสาวฎฺฎอากาเรน วติ ปาการปริเกฺขโป ยสฺมิํ นคเร, ตํ นครํ หํสวตีฯ อถ วา อเนกสงฺขา หํสา ตฬากโปกฺขรณีสรปลฺลลาทีสุ นิวสนฺตา อิโต จิโต จ วิธาวมานา วสนฺติ เอตฺถาติ หํสวตี, ตสฺสา หํสวติยาฯ สุชาโต นาม พฺราหฺมโณติ สุฎฺฐุ ชาโตติ สุชาโต, ‘‘อกฺขิโตฺต อนุปกุโฎฺฐ’’ติ วจนโต อครหิโต หุตฺวา ชาโตติ อโตฺถฯ อสีติโกฎินิจโยติ อสีติโกฎิธนราสิโก ปหูตธนธญฺญวา อสเงฺขฺยยฺยธนธญฺญวา พฺราหฺมโณ สุชาโต นาม อโหสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
441. Evaṃ so etadaggaṭṭhānaṃ patvā attano pubbakammaṃ saritvā somanassappatto taṃ pubbacaritāpadānaṃ pakāsento nagare haṃsavatiyātiādimāha. Tattha haṃsavatiyāti haṃsāvaṭṭaākārena vati pākāraparikkhepo yasmiṃ nagare, taṃ nagaraṃ haṃsavatī. Atha vā anekasaṅkhā haṃsā taḷākapokkharaṇīsarapallalādīsu nivasantā ito cito ca vidhāvamānā vasanti etthāti haṃsavatī, tassā haṃsavatiyā. Sujāto nāma brāhmaṇoti suṭṭhu jātoti sujāto, ‘‘akkhitto anupakuṭṭho’’ti vacanato agarahito hutvā jātoti attho. Asītikoṭinicayoti asītikoṭidhanarāsiko pahūtadhanadhaññavā asaṅkhyeyyadhanadhaññavā brāhmaṇo sujāto nāma ahosinti sambandho.
๔๔๒. ปุนปิ ตเสฺสว มหนฺตภาวํ ทเสฺสโนฺต อชฺฌายโกติอาทิมาหฯ ตตฺถ อชฺฌายโกติ ปเรสํ เวทตฺตยาทิํ วาเจตาฯ มนฺตธโรติ มนฺตา วุจฺจติ ปญฺญา, อถพฺพนเวทพฺยากรณาทิชานนปญฺญวาติ อโตฺถฯ ติณฺณํ เวทาน ปารคูติ อิรุเวทยชุเวทสามเวทสงฺขาตานํ ติณฺณํ เวทานํ ปริโยสานํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ ลกฺขเณติ ลกฺขณสเตฺถ, พุทฺธปเจฺจกพุทฺธจกฺกวตฺติอิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทาทีสุ ทิสฺสมานลกฺขณปกาสนกคเนฺถ จาติ อโตฺถฯ อิติหาเสติ ‘‘อิติห อาส อิติห อาสา’’ติ โปราณกถาปฺปกาสเก คเนฺถฯ สธเมฺมติ สกธเมฺม พฺราหฺมณธเมฺม ปารมิํ คโต ปริโยสานํ โกฎิํ คโต ปโตฺตติ อโตฺถฯ
442. Punapi tasseva mahantabhāvaṃ dassento ajjhāyakotiādimāha. Tattha ajjhāyakoti paresaṃ vedattayādiṃ vācetā. Mantadharoti mantā vuccati paññā, athabbanavedabyākaraṇādijānanapaññavāti attho. Tiṇṇaṃ vedāna pāragūti iruvedayajuvedasāmavedasaṅkhātānaṃ tiṇṇaṃ vedānaṃ pariyosānaṃ pattoti attho. Lakkhaṇeti lakkhaṇasatthe, buddhapaccekabuddhacakkavattiitthipurisānaṃ hatthapādādīsu dissamānalakkhaṇapakāsanakaganthe cāti attho. Itihāseti ‘‘itiha āsa itiha āsā’’ti porāṇakathāppakāsake ganthe. Sadhammeti sakadhamme brāhmaṇadhamme pāramiṃ gato pariyosānaṃ koṭiṃ gato pattoti attho.
๔๔๓. ปริพฺพาชาติ เย นิคณฺฐสาวกา, เต สเพฺพ นานาทิฎฺฐิกา ตทา มหิยา ปถวีตเล จรนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
443.Paribbājāti ye nigaṇṭhasāvakā, te sabbe nānādiṭṭhikā tadā mahiyā pathavītale carantīti sambandho.
๔๔๕. ยาว ยตฺตกํ กาลํ ชิโน นุปฺปชฺชติ, ตาว ตตฺตกํ กาลํ พุโทฺธติ วจนํ นตฺถีติ อโตฺถฯ
445. Yāva yattakaṃ kālaṃ jino nuppajjati, tāva tattakaṃ kālaṃ buddhoti vacanaṃ natthīti attho.
๔๔๖. อจฺจเยน อโหรตฺตนฺติ อโห จ รตฺติ จ อโหรตฺตํ, พหูนํ สํวจฺฉรานํ อติกฺกเมนาติ อโตฺถฯ เสสํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
446.Accayena ahorattanti aho ca ratti ca ahorattaṃ, bahūnaṃ saṃvaccharānaṃ atikkamenāti attho. Sesaṃ suviññeyyameva.
๔๕๔. มนฺตาณิปุโตฺตติ มนฺตาณีนามาย กปฺปกธีตุยา ปุโตฺต, มาสปุณฺณตาย ทิวสปุณฺณตาย ปุโณฺณติ ลทฺธนาโมติ อโตฺถฯ ตสฺส สตฺถุสฺส สาวโก เหสฺสติ ภวิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
454.Mantāṇiputtoti mantāṇīnāmāya kappakadhītuyā putto, māsapuṇṇatāya divasapuṇṇatāya puṇṇoti laddhanāmoti attho. Tassa satthussa sāvako hessati bhavissatīti sambandho.
๔๕๕. เอวํ กิตฺตยิ โส พุโทฺธติ โส ปทุมุตฺตโร ภควา เอวํ อิมินา ปกาเรน สุนนฺทํ สุนฺทรากาเรน โสมนสฺสทายกํ กิตฺตยิ พฺยากรณมทาสีติ อโตฺถฯ สพฺพํ ชนํ สกลชนสมูหํ สาธุกํ หาสยโนฺต โสมนสฺสํ กโรโนฺต สกํ พลํ อตฺตโน พลํ ทสฺสยโนฺต ปากฎํ กโรโนฺตติ สมฺพโนฺธฯ
455.Evaṃ kittayi so buddhoti so padumuttaro bhagavā evaṃ iminā pakārena sunandaṃ sundarākārena somanassadāyakaṃ kittayi byākaraṇamadāsīti attho. Sabbaṃ janaṃ sakalajanasamūhaṃ sādhukaṃ hāsayanto somanassaṃ karonto sakaṃ balaṃ attano balaṃ dassayanto pākaṭaṃ karontoti sambandho.
๔๕๖. ตโต อนนฺตรํ อตฺตโน อานุภาวํ อญฺญาปเทเสน ทเสฺสโนฺต กตญฺชลีติอาทิมาหฯ ตทา ตสฺมิํ พุทฺธุปฺปาทโต ปุริมกาเล สุนนฺทํ ตาปสํ กตญฺชลิปุฎา สเพฺพ ชนา นมสฺสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ พุเทฺธ การํ กริตฺวานาติ เอวํ โส สพฺพชนปูชิโตปิ สมาโน ‘‘ปูชิโตมฺหี’’ติ มานํ อกตฺวา พุทฺธสาสเน อธิกํ กิจฺจํ กตฺวา อตฺตโน คติํ ชาติํ โสเธสิ ปริสุทฺธมกาสีติ อโตฺถฯ
456. Tato anantaraṃ attano ānubhāvaṃ aññāpadesena dassento katañjalītiādimāha. Tadā tasmiṃ buddhuppādato purimakāle sunandaṃ tāpasaṃ katañjalipuṭā sabbe janā namassantīti sambandho. Buddhe kāraṃ karitvānāti evaṃ so sabbajanapūjitopi samāno ‘‘pūjitomhī’’ti mānaṃ akatvā buddhasāsane adhikaṃ kiccaṃ katvā attano gatiṃ jātiṃ sodhesi parisuddhamakāsīti attho.
๔๕๗. สุตฺวาน มุนิโน วจนฺติ ตสฺส สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส วาจํ, คาถาพนฺธสุขตฺถํ อา-การสฺส รสฺสํ กตฺวา ‘‘วจ’’นฺติ วุตฺตํฯ ‘‘อนาคตมฺหิ อทฺธาเน โคตโม นาม นาเมน สตฺถา โลเก ภวิสฺสตี’’ติ อิมํ มุนิโน วจนํ สุตฺวา ยถา เยน ปกาเรน โคตมํ ภควนฺตํ ปสฺสามิ, ตถา เตน ปกาเรน การํ อธิกกิจฺจํ ปุญฺญสมฺภารํ กสฺสามิ กริสฺสามีติ เม มยฺหํ สงฺกโปฺป เจตนามนสิกาโร อหุ อโหสีติ สมฺพโนฺธฯ
457.Sutvāna munino vacanti tassa sammāsambuddhassa vācaṃ, gāthābandhasukhatthaṃ ā-kārassa rassaṃ katvā ‘‘vaca’’nti vuttaṃ. ‘‘Anāgatamhi addhāne gotamo nāma nāmena satthā loke bhavissatī’’ti imaṃ munino vacanaṃ sutvā yathā yena pakārena gotamaṃ bhagavantaṃ passāmi, tathā tena pakārena kāraṃ adhikakiccaṃ puññasambhāraṃ kassāmi karissāmīti me mayhaṃ saṅkappo cetanāmanasikāro ahu ahosīti sambandho.
๔๕๘. เอวาหํ จินฺตยิตฺวานาติ ‘‘อหํ การํ กริสฺสามี’’ติ เอวํ จิเนฺตตฺวาฯ กิริยํ จินฺตยิํ มมาติ ‘‘มยา กีทิสํ ปุญฺญํ กตฺตพฺพํ นุ โข’’ติ กิริยํ กตฺตพฺพกิจฺจํ จินฺตยินฺติ อโตฺถฯ กฺยาหํ กมฺมํ อาจรามีติ อหํ กีทิสํ ปุญฺญกมฺมํ อาจรามิ ปูเรมิ นุ โขติ อโตฺถฯ ปุญฺญเกฺขเตฺต อนุตฺตเรติ อุตฺตรวิรหิเต สกลปุญฺญสฺส ภาชนภูเต รตนตฺตเยติ อโตฺถฯ
458.Evāhaṃ cintayitvānāti ‘‘ahaṃ kāraṃ karissāmī’’ti evaṃ cintetvā. Kiriyaṃ cintayiṃ mamāti ‘‘mayā kīdisaṃ puññaṃ kattabbaṃ nu kho’’ti kiriyaṃ kattabbakiccaṃ cintayinti attho. Kyāhaṃ kammaṃ ācarāmīti ahaṃ kīdisaṃ puññakammaṃ ācarāmi pūremi nu khoti attho. Puññakkhette anuttareti uttaravirahite sakalapuññassa bhājanabhūte ratanattayeti attho.
๔๕๙. อยญฺจ ปาฐิโก ภิกฺขูติ อยํ ภิกฺขุ สรภญฺญวเสน คนฺถปาฐปฐนโต วาจนโต ‘‘ปาฐิโก’’ติ ลทฺธนาโม ภิกฺขุฯ พุทฺธสาสเน สเพฺพสํ ปาฐีนํ ปาฐกวาจกานํ อนฺตเร วินเย จ อคฺคนิกฺขิโตฺต อโคฺค อิติ ฐปิโตฯ ตํ ฐานํ เตน ภิกฺขุนา ปตฺตฎฺฐานนฺตรํ อหํ ปตฺถเย ปเตฺถมีติ อโตฺถฯ
459.Ayañca pāṭhiko bhikkhūti ayaṃ bhikkhu sarabhaññavasena ganthapāṭhapaṭhanato vācanato ‘‘pāṭhiko’’ti laddhanāmo bhikkhu. Buddhasāsane sabbesaṃ pāṭhīnaṃ pāṭhakavācakānaṃ antare vinaye ca agganikkhitto aggo iti ṭhapito. Taṃ ṭhānaṃ tena bhikkhunā pattaṭṭhānantaraṃ ahaṃ patthaye patthemīti attho.
๔๖๐. ตโต ปรํ อตฺตโน ปุญฺญกรณูปายํ ทเสฺสโนฺต อิทํ เม อมิตํ โภคนฺติอาทิมาหฯ เม มยฺหํ อมิตํ ปมาณวิรหิตํ โภคราสิํ อโกฺขภํ โขเภตุํ อสกฺกุเณยฺยํ สาครูปมํ สาครสทิสํ เตน โภเคน ตาทิเสน ธเนน พุทฺธสฺส อารามํ มาปเยติ สมฺพโนฺธฯ เสสํ อุตฺตานตฺถเมวฯ
460. Tato paraṃ attano puññakaraṇūpāyaṃ dassento idaṃ me amitaṃ bhogantiādimāha. Me mayhaṃ amitaṃ pamāṇavirahitaṃ bhogarāsiṃ akkhobhaṃ khobhetuṃ asakkuṇeyyaṃ sāgarūpamaṃ sāgarasadisaṃ tena bhogena tādisena dhanena buddhassa ārāmaṃ māpayeti sambandho. Sesaṃ uttānatthameva.
๔๗๔. ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา สมฺพุโทฺธ เตน สุฎฺฐุ มาปิตํ การิตํ สงฺฆารามํ ปฎิคฺคเหตฺวา ตสฺสารามสฺสานิสํสทีปกํ อิทํ วจนํ อพฺรวิ กเถสีติ สมฺพโนฺธฯ
474. Bhikkhusaṅghe nisīditvā sambuddho tena suṭṭhu māpitaṃ kāritaṃ saṅghārāmaṃ paṭiggahetvā tassārāmassānisaṃsadīpakaṃ idaṃ vacanaṃ abravi kathesīti sambandho.
๔๗๕. กถํ? โย โสติ โย สงฺฆารามทายโก ตาปโส สุมาปิตํ กุฎิเลณมณฺฑปปาสาทหมฺมิยปาการาทินา สุฎฺฐุ สชฺชิตํ สงฺฆารามํ พุทฺธสฺส ปาทาสิ ป-กาเรน โสมนสฺสสมฺปยุตฺตจิเตฺตน อทาสิฯ ตมหํ กิตฺตยิสฺสามีติ ตํ ตาปสํ อหํ ปากฎํ กริสฺสามิ, อุตฺตานิํ กริสฺสามีติ อโตฺถฯ สุณาถ มม ภาสโตติ ภาสนฺตสฺส มยฺหํ วจนํ สุณาถ, โอหิตโสตา อวิกฺขิตฺตจิตฺตา มนสิ กโรถาติ อโตฺถฯ
475. Kathaṃ? Yo soti yo saṅghārāmadāyako tāpaso sumāpitaṃ kuṭileṇamaṇḍapapāsādahammiyapākārādinā suṭṭhu sajjitaṃ saṅghārāmaṃ buddhassa pādāsi pa-kārena somanassasampayuttacittena adāsi. Tamahaṃ kittayissāmīti taṃ tāpasaṃ ahaṃ pākaṭaṃ karissāmi, uttāniṃ karissāmīti attho. Suṇātha mama bhāsatoti bhāsantassa mayhaṃ vacanaṃ suṇātha, ohitasotā avikkhittacittā manasi karothāti attho.
๔๗๖. เตน ทินฺนารามสฺส ผลํ ทเสฺสโนฺต หตฺถี อสฺสา รถา ปตฺตีติอาทิมาหฯ ตํ สุวิเญฺญยฺยเมวฯ
476. Tena dinnārāmassa phalaṃ dassento hatthī assā rathā pattītiādimāha. Taṃ suviññeyyameva.
๔๗๗. สงฺฆารามสฺสิทํ ผลนฺติ อิทํ อายติํ อนุภวิตพฺพสมฺปตฺติสงฺขาตํ อิฎฺฐผลํ สงฺฆารามทานสฺส ผลํ วิปากนฺติ อโตฺถฯ
477.Saṅghārāmassidaṃ phalanti idaṃ āyatiṃ anubhavitabbasampattisaṅkhātaṃ iṭṭhaphalaṃ saṅghārāmadānassa phalaṃ vipākanti attho.
๔๗๘. ฉฬาสีติสหสฺสานีติ ฉสหสฺสานิ อสีติสหสฺสานิ สมลงฺกตา สุฎฺฐุ อลงฺกตา สชฺชิตา นาริโย อิตฺถิโย วิจิตฺตวตฺถาภรณาติ วิจิเตฺตหิ อเนกรูเปหิ วเตฺถหิ อาภรเณหิ จ สมนฺนาคตาฯ อามุตฺตมณิกุณฺฑลาติ โอลมฺพิตมุตฺตาหารมณิกญฺจิตกณฺณาติ อโตฺถฯ
478.Chaḷāsītisahassānīti chasahassāni asītisahassāni samalaṅkatā suṭṭhu alaṅkatā sajjitā nāriyo itthiyo vicittavatthābharaṇāti vicittehi anekarūpehi vatthehi ābharaṇehi ca samannāgatā. Āmuttamaṇikuṇḍalāti olambitamuttāhāramaṇikañcitakaṇṇāti attho.
๔๗๙. ตาสํ อิตฺถีนํ รูปโสภาติสยํ วเณฺณโนฺต อาฬารปมฺหาติอาทิมาหฯ ตตฺถ อาฬารานิ มหนฺตานิ อกฺขีนิ มณิคุฬสทิสานิ ยาสํ อิตฺถีนํ ตา อาฬารปมฺหา ภมรานมิว มนฺทโลจนาติ อโตฺถฯ หสุลา หาสปกติ, ลีลาวิลาสาติ อโตฺถฯ สุสญฺญาติ สุนฺทรสญฺญิตพฺพสรีราวยวาฯ ตนุมชฺฌิมาติ ขุทฺทกอุทรปเทสาฯ เสสํ อุตฺตานเมวฯ
479. Tāsaṃ itthīnaṃ rūpasobhātisayaṃ vaṇṇento āḷārapamhātiādimāha. Tattha āḷārāni mahantāni akkhīni maṇiguḷasadisāni yāsaṃ itthīnaṃ tā āḷārapamhā bhamarānamiva mandalocanāti attho. Hasulā hāsapakati, līlāvilāsāti attho. Susaññāti sundarasaññitabbasarīrāvayavā. Tanumajjhimāti khuddakaudarapadesā. Sesaṃ uttānameva.
๔๘๔. ตสฺส ธเมฺมสุ ทายาโทติ ตสฺส โคตมสฺส ภควโต ธเมฺมสุ ทายาโท ธมฺมโกฎฺฐาสภาคีฯ โอรโสติ อุรสิ ชาโต, สิถิลธนิตาทิทสวิธพฺยญฺชนพุทฺธิสมฺปนฺนํ กณฺฐตาลุโอฎฺฐาทิปญฺจฎฺฐาเน ฆเฎฺฎตฺวา เทสิตธมฺมํ สุตฺวา โสตาปตฺติมคฺคาทิมคฺคปฎิปาฎิยา สพฺพกิเลเส เขเปตฺวา อรหเตฺต ฐิตภาเวน อุรสิ ชาตปุโตฺตติ อโตฺถฯ ธมฺมนิมฺมิโตติ ธเมฺมน สเมน อทเณฺฑน อสเตฺถน นิมฺมิโต ปากโฎ ภวิสฺสสีติ อโตฺถฯ อุปาลิ นาม นาเมนาติ กิญฺจาปิ โส มาตุ นาเมน มนฺตาณิปุตฺตนาโม, อนุรุทฺธาทีหิ ปน สห คนฺตฺวา ปพฺพชิตตฺตา ขตฺติยานํ อุปสมีเป อลฺลีโน ยุโตฺต กายจิเตฺตหิ สมงฺคีภูโตติ อุปาลีติ นาเมน สตฺถุ สาวโก เหสฺสติ ภวิสฺสตีติ อโตฺถฯ
484.Tassadhammesu dāyādoti tassa gotamassa bhagavato dhammesu dāyādo dhammakoṭṭhāsabhāgī. Orasoti urasi jāto, sithiladhanitādidasavidhabyañjanabuddhisampannaṃ kaṇṭhatāluoṭṭhādipañcaṭṭhāne ghaṭṭetvā desitadhammaṃ sutvā sotāpattimaggādimaggapaṭipāṭiyā sabbakilese khepetvā arahatte ṭhitabhāvena urasi jātaputtoti attho. Dhammanimmitoti dhammena samena adaṇḍena asatthena nimmito pākaṭo bhavissasīti attho. Upāli nāma nāmenāti kiñcāpi so mātu nāmena mantāṇiputtanāmo, anuruddhādīhi pana saha gantvā pabbajitattā khattiyānaṃ upasamīpe allīno yutto kāyacittehi samaṅgībhūtoti upālīti nāmena satthu sāvako hessati bhavissatīti attho.
๔๘๕. วินเย ปารมิํ ปตฺวาติ วินยปิฎเก โกฎิํ ปริโยสานํ ปตฺวา ปาปุณิตฺวาฯ ฐานาฎฺฐาเน จ โกวิโทติ การณาการเณ จ ทโกฺข เฉโกติ อโตฺถฯ ชินสาสนํ ธาเรโนฺตติ ชิเนน วุตฺตานุสาสนิํ ชินสฺส ปิฎกตฺตยํ วาจนสวนจินฺตนธารณาทิวเสน ธาเรโนฺต, สลฺลเกฺขโนฺตติ อโตฺถฯ วิหริสฺสตินาสโวติ นิกฺกิเลโส จตูหิ อิริยาปเถหิ อปริปตนฺตํ อตฺตภาวํ หริสฺสติ ปวเตฺตสฺสตีติ อโตฺถฯ
485.Vinaye pāramiṃ patvāti vinayapiṭake koṭiṃ pariyosānaṃ patvā pāpuṇitvā. Ṭhānāṭṭhāne ca kovidoti kāraṇākāraṇe ca dakkho chekoti attho. Jinasāsanaṃ dhārentoti jinena vuttānusāsaniṃ jinassa piṭakattayaṃ vācanasavanacintanadhāraṇādivasena dhārento, sallakkhentoti attho. Viharissatināsavoti nikkileso catūhi iriyāpathehi aparipatantaṃ attabhāvaṃ harissati pavattessatīti attho.
๔๘๗. อปริเมยฺยุปาทายาติ อเนกสตสหเสฺส อาทิํ กตฺวาฯ ปเตฺถมิ ตว สาสนนฺติ ‘‘โคตมสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ ตุยฺหํ สาสนํ ปเตฺถมิ อิจฺฉามีติ อโตฺถฯ โส เม อโตฺถติ โส เอตทคฺคฎฺฐานนฺตรสงฺขาโต อโตฺถ เม มยา อนุปฺปโตฺตติ อโตฺถฯ สพฺพสํโยชนกฺขโยติ สเพฺพสํ สํโยชนานํ ขโย มยา อนุปฺปโตฺตติ สมฺพโนฺธ, นิพฺพานํ อธิคตนฺติ อโตฺถฯ
487.Aparimeyyupādāyāti anekasatasahasse ādiṃ katvā. Patthemi tava sāsananti ‘‘gotamassa bhagavato sāsane vinayadharānaṃ aggo bhaveyya’’nti tuyhaṃ sāsanaṃ patthemi icchāmīti attho. So me atthoti so etadaggaṭṭhānantarasaṅkhāto attho me mayā anuppattoti attho. Sabbasaṃyojanakkhayoti sabbesaṃ saṃyojanānaṃ khayo mayā anuppattoti sambandho, nibbānaṃ adhigatanti attho.
๔๘๘. ราชทเณฺฑน ตชฺชิโต ปีฬิโต สูลาวุโต สูเล อาวุโต อาวุณิโต โปโส ปุริโส สูเล สาตํ มธุรสุขํ อวินฺทโนฺต นานุภวโนฺต ปริมุตฺติํว ปริโมจนเมว อิจฺฉติ ยถาติ สมฺพโนฺธฯ
488. Rājadaṇḍena tajjito pīḷito sūlāvuto sūle āvuto āvuṇito poso puriso sūle sātaṃ madhurasukhaṃ avindanto nānubhavanto parimuttiṃva parimocanameva icchati yathāti sambandho.
๔๘๙-๙๐. มหาวีร วีรานมนฺตเร วีรุตฺตม อหํ ภวทเณฺฑน ชาติทเณฺฑน, ตชฺชิโต ปีฬิโต กมฺมสูลาวุโต กุสลากุสลกมฺมสูลสฺมิํ อาวุโต สโนฺต สํวิชฺชมาโน, ปิปาสาเวทนาย ปิปาสาตุรภาเวน อฎฺฎิโต อภิภูโต ทุกฺขาปิโต ภเว สาตํ สํสาเร มธุรํ สุขํ น วินฺทามิ น ลภามิฯ ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ, นรกคฺคิกปฺปุฎฺฐานคฺคิทุกฺขคฺคิสงฺขาเตหิ วา ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหโนฺต ปริมุตฺติํ ปริมุจฺจนุปายํ คเวสามิ ปริเยสามิ ตเถวาติ สมฺพโนฺธฯ ยถา ราชทณฺฑํ อิโต คโต ปโตฺต ปริมุตฺติํ คเวสติ, ตถา อหํ ภวทณฺฑปฺปโตฺต ปริมุตฺติํ คเวสามีติ สมฺพโนฺธฯ
489-90.Mahāvīra vīrānamantare vīruttama ahaṃ bhavadaṇḍena jātidaṇḍena, tajjito pīḷito kammasūlāvuto kusalākusalakammasūlasmiṃ āvuto santo saṃvijjamāno, pipāsāvedanāya pipāsāturabhāvena aṭṭito abhibhūto dukkhāpito bhave sātaṃ saṃsāre madhuraṃ sukhaṃ na vindāmi na labhāmi. Rāgaggidosaggimohaggisaṅkhātehi, narakaggikappuṭṭhānaggidukkhaggisaṅkhātehi vā tīhi aggīhi ḍayhanto parimuttiṃ parimuccanupāyaṃ gavesāmi pariyesāmi tathevāti sambandho. Yathā rājadaṇḍaṃ ito gato patto parimuttiṃ gavesati, tathā ahaṃ bhavadaṇḍappatto parimuttiṃ gavesāmīti sambandho.
๔๙๑-๒. ปุน สํสารโต โมจนํ อุปโมปเมยฺยวเสน ทเสฺสโนฺต ยถา วิสาโทติอาทิมาหฯ ตตฺถ วิเสน สปฺปวิเสน อา สมนฺตโต ทํสียิตฺถ ทโฎฺฐ โหตีติ วิสาโท, สปฺปทโฎฺฐติ อโตฺถฯ อถ วา วิสํ หลาหลวิสํ อทติ คิลตีติ วิสาโท, วิสขาทโกติ อโตฺถฯ โย ปุริโส วิสาโท, เตน ตาทิเสน วิเสน ปริปีฬิโต, ตสฺส วิสสฺส วิฆาตาย วินาสาย อุปายนํ อุปายภูตํ อคทํ โอสธํ คเวเสยฺย ปริเยเสยฺย, ตํ คเวสมาโน วิสฆาตกํ วิสนาสกํ อคทํ โอสธํ ปเสฺสยฺย ทเกฺขยฺยฯ โส ตํ อตฺตโน ทิฎฺฐํ โอสธํ ปิวิตฺวา วิสมฺหา วิสโต ปริมุตฺติยา ปริโมจนการณา สุขี อสฺส ภเวยฺย ยถาติ สมฺพโนฺธฯ
491-2. Puna saṃsārato mocanaṃ upamopameyyavasena dassento yathāvisādotiādimāha. Tattha visena sappavisena ā samantato daṃsīyittha daṭṭho hotīti visādo, sappadaṭṭhoti attho. Atha vā visaṃ halāhalavisaṃ adati gilatīti visādo, visakhādakoti attho. Yo puriso visādo, tena tādisena visena paripīḷito, tassa visassa vighātāya vināsāya upāyanaṃ upāyabhūtaṃ agadaṃ osadhaṃ gaveseyya pariyeseyya, taṃ gavesamāno visaghātakaṃ visanāsakaṃ agadaṃ osadhaṃ passeyya dakkheyya. So taṃ attano diṭṭhaṃ osadhaṃ pivitvā visamhā visato parimuttiyā parimocanakāraṇā sukhī assa bhaveyya yathāti sambandho.
๔๙๓. ตเถวาหนฺติ ยถา เยน ปกาเรน โส นโร วิสหโต, สวิเสน สเปฺปน ทโฎฺฐ วิสขาทโก วา โอสธํ ปิวิตฺวา สุขี ภเวยฺย, ตเถว เตน ปกาเรน อหํ อวิชฺชาย โมเหน สํ สุฎฺฐุ ปีฬิโตฯ สทฺธมฺมาคทเมสหนฺติ อหํ สทฺธมฺมสงฺขาตํ โอสธํ เอสํ ปริเยสโนฺตติ อโตฺถฯ
493.Tathevāhanti yathā yena pakārena so naro visahato, savisena sappena daṭṭho visakhādako vā osadhaṃ pivitvā sukhī bhaveyya, tatheva tena pakārena ahaṃ avijjāya mohena saṃ suṭṭhu pīḷito. Saddhammāgadamesahanti ahaṃ saddhammasaṅkhātaṃ osadhaṃ esaṃ pariyesantoti attho.
๔๙๔-๕. ธมฺมาคทํ คเวสโนฺตติ สํสารทุกฺขวิสสฺส วินาสาย ธโมฺมสธํ คเวสโนฺตฯ อทฺทกฺขิํ สกฺยสาสนนฺติ สกฺยวํสปภวสฺส โคตมสฺส สาสนํ สทฺทกฺขินฺติ อโตฺถฯ อคฺคํ สโพฺพสธานํ ตนฺติ สเพฺพสํ โอสธานํ อนฺตเร ตํ สกฺยสาสนสงฺขาตํ ธโมฺมสธํ อคฺคํ อุตฺตมนฺติ อโตฺถฯ สพฺพสลฺลวิโนทนนฺติ ราคสลฺลาทีนํ สเพฺพสํ สลฺลานํ วิโนทนํ วูปสมกรํ ธโมฺมสธํ ธมฺมสงฺขาตํ โอสธํ ปิวิตฺวา สพฺพํ วิสํ สกลสํสารทุกฺขวิสํ สมูหนิํ นาเสสินฺติ สมฺพโนฺธฯ อชรามรนฺติ ตํ ทุกฺขวิสํ สมูหนิตฺวา อชรํ ชราวิรหิตํ อมรํ มรณวิรหิตํ สีติภาวํ ราคปริฬาหาทิวิรหิตตฺตา สีตลภูตํ นิพฺพานํ อหํ ผสฺสยิํ ปจฺจกฺขมกาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
494-5.Dhammāgadaṃ gavesantoti saṃsāradukkhavisassa vināsāya dhammosadhaṃ gavesanto. Addakkhiṃ sakyasāsananti sakyavaṃsapabhavassa gotamassa sāsanaṃ saddakkhinti attho. Aggaṃ sabbosadhānaṃ tanti sabbesaṃ osadhānaṃ antare taṃ sakyasāsanasaṅkhātaṃ dhammosadhaṃ aggaṃ uttamanti attho. Sabbasallavinodananti rāgasallādīnaṃ sabbesaṃ sallānaṃ vinodanaṃ vūpasamakaraṃ dhammosadhaṃ dhammasaṅkhātaṃ osadhaṃ pivitvā sabbaṃ visaṃ sakalasaṃsāradukkhavisaṃ samūhaniṃ nāsesinti sambandho. Ajarāmaranti taṃ dukkhavisaṃ samūhanitvā ajaraṃ jarāvirahitaṃ amaraṃ maraṇavirahitaṃ sītibhāvaṃ rāgapariḷāhādivirahitattā sītalabhūtaṃ nibbānaṃ ahaṃ phassayiṃ paccakkhamakāsinti sambandho.
๔๙๖. ปุน กิเลสตมสฺส อุปมํ ทเสฺสโนฺต ยถา ภูตฎฺฎิโตติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา เยน ปกาเรน ภูตฎฺฎิโต ภูเตน ยเกฺขน อฎฺฎิโต ปีฬิโต โปโส ปุริโส ภูตคฺคาเหน ยกฺขคฺคาเหน ปีฬิโต ทุกฺขิโต ภูตสฺมา ยกฺขคฺคาหโต ปริมุตฺติยา โมจนตฺถาย ภูตเวชฺชํ คเวเสยฺยฯ
496. Puna kilesatamassa upamaṃ dassento yathā bhūtaṭṭitotiādimāha. Tattha yathā yena pakārena bhūtaṭṭito bhūtena yakkhena aṭṭito pīḷito poso puriso bhūtaggāhena yakkhaggāhena pīḷito dukkhito bhūtasmā yakkhaggāhato parimuttiyā mocanatthāya bhūtavejjaṃ gaveseyya.
๔๙๗. ตํ คเวสมาโน จ ภูตวิชฺชาย สุฎฺฐุ โกวิทํ เฉกํ ภูตเวชฺชํ ปเสฺสยฺย, โส ภูตเวโชฺช ตสฺส ยกฺขคฺคหิตสฺส ปุริสสฺส อาเวสภูตํ วิหเน วินาเสยฺย, สมูลญฺจ มูเลน สห อายติํ อนาเสวกํ กตฺวา วินาสเย วิทฺธํเสยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ
497. Taṃ gavesamāno ca bhūtavijjāya suṭṭhu kovidaṃ chekaṃ bhūtavejjaṃ passeyya, so bhūtavejjo tassa yakkhaggahitassa purisassa āvesabhūtaṃ vihane vināseyya, samūlañca mūlena saha āyatiṃ anāsevakaṃ katvā vināsaye viddhaṃseyyāti sambandho.
๔๙๘. มหาวีร วีรุตฺตม ตมคฺคาเหน กิเลสนฺธการคฺคาเหน ปีฬิโต อหํ ตเถว เตน ปกาเรเนว ตมโต กิเลสนฺธการโต ปริมุตฺติยา โมจนตฺถาย ญาณาโลกํ ปญฺญาอาโลกํ คเวสามีติ สมฺพโนฺธฯ
498.Mahāvīra vīruttama tamaggāhena kilesandhakāraggāhena pīḷito ahaṃ tatheva tena pakāreneva tamato kilesandhakārato parimuttiyā mocanatthāya ñāṇālokaṃ paññāālokaṃ gavesāmīti sambandho.
๔๙๙. อถ ตทนนฺตรํ กิเลสตมโสธนํ กิเลสนฺธการนาสกํ สกฺยมุนิํ อทฺทสนฺติ อโตฺถฯ โส สกฺยมุนิ เม มยฺหํ ตมํ อนฺธการํ กิเลสติมิรํ ภูตเวโชฺชว ภูตกํ ยกฺขคฺคหิตํ อิว วิโนเทสิ ทูรี อกาสีติ สมฺพโนฺธฯ
499. Atha tadanantaraṃ kilesatamasodhanaṃ kilesandhakāranāsakaṃ sakyamuniṃ addasanti attho. So sakyamuni me mayhaṃ tamaṃ andhakāraṃ kilesatimiraṃ bhūtavejjova bhūtakaṃ yakkhaggahitaṃ iva vinodesi dūrī akāsīti sambandho.
๕๐๐. โส อหํ เอวํ วิมุโตฺต สํสารโสตํ สํสารปวาหํ สํ สุฎฺฐุ ฉินฺทิํ เฉเทสิํ, ตณฺหาโสตํ ตณฺหามโหฆํ นิวารยิํ นิรวเสสํ อปฺปวตฺติํ อกาสินฺติ อโตฺถฯ ภวํ อุคฺฆาฎยิํ สพฺพนฺติ กามภวาทิกํ สพฺพํ นวภวํ อุคฺฆาฎยิํ วินาเสสินฺติ อโตฺถฯ มูลโต วินาเสโนฺต ภูตเวโชฺช อิว มูลโต อุคฺฆาฎยินฺติ สมฺพโนฺธฯ
500. So ahaṃ evaṃ vimutto saṃsārasotaṃ saṃsārapavāhaṃ saṃ suṭṭhu chindiṃ chedesiṃ, taṇhāsotaṃ taṇhāmahoghaṃ nivārayiṃ niravasesaṃ appavattiṃ akāsinti attho. Bhavaṃ ugghāṭayiṃ sabbanti kāmabhavādikaṃ sabbaṃ navabhavaṃ ugghāṭayiṃ vināsesinti attho. Mūlato vināsento bhūtavejjo iva mūlato ugghāṭayinti sambandho.
๕๐๑. ตโต นิพฺพานปริเยสนาย อุปมํ ทเสฺสโนฺต ยถาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ครุํ ภาริยํ นาคํ คิลตีติ ครุโฬฯ ครุํ วา นาคํ ลาติ อาททาตีติ ครุโฬ, ครุฬราชาฯ อตฺตโน ภกฺขํ สกโคจรํ ปนฺนคํ ปกาเรน ปรหตฺถํ น คจฺฉตีติ ปนฺนโคติ ลทฺธนามํ นาคํ คหณตฺถาย โอปตติ อวปตติ, สมนฺตา สมนฺตโต โยชนสตํ สตโยชนปฺปมาณํ มหาสรํ มหาสมุทฺทํ อตฺตโน ปกฺขวาเตหิ วิโกฺขเภติ อาโลเฬติ ยถาติ สมฺพโนฺธฯ
501. Tato nibbānapariyesanāya upamaṃ dassento yathātiādimāha. Tattha garuṃ bhāriyaṃ nāgaṃ gilatīti garuḷo. Garuṃ vā nāgaṃ lāti ādadātīti garuḷo, garuḷarājā. Attano bhakkhaṃ sakagocaraṃ pannagaṃ pakārena parahatthaṃ na gacchatīti pannagoti laddhanāmaṃ nāgaṃ gahaṇatthāya opatati avapatati, samantā samantato yojanasataṃ satayojanappamāṇaṃ mahāsaraṃ mahāsamuddaṃ attano pakkhavātehi vikkhobheti āloḷeti yathāti sambandho.
๕๐๒. โส สุปโณฺณ วิหงฺคโม เวหาสคมนสีโล ปนฺนคํ นามํ คเหตฺวา อโธสีสํ โอลเมฺพตฺวา วิเหฐยํ ตตฺถ ตตฺถ วิวิเธน เหฐเนน เหเฐโนฺต อาทาย ทฬฺหํ คเหตฺวา เยน กามํ ยตฺถ คนฺตุกาโม, ตตฺถ ปกฺกมติ คจฺฉตีติ สมฺพโนฺธฯ
502.So supaṇṇo vihaṅgamo vehāsagamanasīlo pannagaṃ nāmaṃ gahetvā adhosīsaṃ olambetvā viheṭhayaṃ tattha tattha vividhena heṭhanena heṭhento ādāya daḷhaṃ gahetvā yena kāmaṃ yattha gantukāmo, tattha pakkamati gacchatīti sambandho.
๕๐๓. ภเนฺต มหาวีร, ยถา ครุโฬ พลี พลวา ปนฺนคํ คเหตฺวา ปกฺกมติ, ตถา เอว อหํ อสงฺขตํ ปจฺจเยหิ อกตํ นิพฺพานํ คเวสโนฺต ปฎิปตฺติปูรณวเสน ปริเยสโนฺต โทเส สกลทิยฑฺฒกิเลสสหเสฺส วิกฺขาลยิํ วิเสเสน สมุเจฺฉทปฺปหาเนน โสเธสิํ อหนฺติ สมฺพโนฺธฯ
503. Bhante mahāvīra, yathā garuḷo balī balavā pannagaṃ gahetvā pakkamati, tathā eva ahaṃ asaṅkhataṃ paccayehi akataṃ nibbānaṃ gavesanto paṭipattipūraṇavasena pariyesanto dose sakaladiyaḍḍhakilesasahasse vikkhālayiṃ visesena samucchedappahānena sodhesiṃ ahanti sambandho.
๕๐๔. ยถา ครุโฬ ปนฺนคํ คเหตฺวา ภุญฺชิตฺวา วิหรติ, ตถา อหํ ธมฺมวรํ อุตฺตมธมฺมํ ทิโฎฺฐ ปสฺสโนฺต เอตํ สนฺติปทํ นิพฺพานปทํ อนุตฺตรํ อุตฺตรวิรหิตํ มคฺคผเลหิ อาทาย คเหตฺวา วฬเญฺชตฺวา วิหรามีติ สมฺพโนฺธฯ
504. Yathā garuḷo pannagaṃ gahetvā bhuñjitvā viharati, tathā ahaṃ dhammavaraṃ uttamadhammaṃ diṭṭho passanto etaṃ santipadaṃ nibbānapadaṃ anuttaraṃ uttaravirahitaṃ maggaphalehi ādāya gahetvā vaḷañjetvā viharāmīti sambandho.
๕๐๕. อิทานิ นิพฺพานสฺส ทุลฺลภภาวํ ทเสฺสโนฺต อาสาวตี นาม ลตาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สเพฺพสํ เทวานํ อาสา อิจฺฉา เอติสฺสํ ลตายํ อตฺถีติ อาสาวตี นาม ลตา, จิตฺตลตาวเน อเนกวิจิตฺตาหิ ลตาหิ คหนีภูเต วเน อุยฺยาเน ชาตา นิพฺพตฺตาติ อโตฺถฯ ตสฺสา ลตาย วสฺสสหเสฺสน วสฺสสหสฺสจฺจเยน เอกํ ผลํ นิพฺพตฺตเต เอกํ ผลํ คณฺหาติฯ
505. Idāni nibbānassa dullabhabhāvaṃ dassento āsāvatī nāma latātiādimāha. Tattha sabbesaṃ devānaṃ āsā icchā etissaṃ latāyaṃ atthīti āsāvatī nāma latā, cittalatāvane anekavicittāhi latāhi gahanībhūte vane uyyāne jātā nibbattāti attho. Tassā latāya vassasahassena vassasahassaccayena ekaṃ phalaṃ nibbattate ekaṃ phalaṃ gaṇhāti.
๕๐๖. ตํ เทวาติ ตํ อาสาวติํ ลตํ ตาว ทูรผลํ ตตฺตกํ จิรกาลํ อติกฺกมิตฺวา ผลํ คณฺหนฺตํ สํวิชฺชมานํ เทวา ตาวติํสเทวตา ปยิรุปาสนฺติ ภชนฺติ, สา อาสาวตี นาม ลตุตฺตมา ลตานํ อนฺตเร อุตฺตมลตา เอวํ เทวานํ ปิยา อโหสีติ สมฺพโนฺธฯ
506.Taṃ devāti taṃ āsāvatiṃ lataṃ tāva dūraphalaṃ tattakaṃ cirakālaṃ atikkamitvā phalaṃ gaṇhantaṃ saṃvijjamānaṃ devā tāvatiṃsadevatā payirupāsanti bhajanti, sā āsāvatī nāma latuttamā latānaṃ antare uttamalatā evaṃ devānaṃ piyā ahosīti sambandho.
๕๐๗. สตสหสฺสุปาทายาติ สตสหสฺสสํวจฺฉรํ อาทิํ กตฺวาฯ ตาหํ ปริจเร มุนีติ โมนํ วุจฺจติ ญาณํ, ภเนฺต, มุนิ ญาณวนฺต สพฺพญฺญุ, อหํ ตํ ภควนฺตํ ปริจเร ปยิรุปาสามิฯ สายํปาตํ นมสฺสามีติ สายนฺหสมยญฺจ ปุพฺพณฺหสมยญฺจาติ ทฺวิกฺขตฺตุํ นมสฺสามิ ปณามํ กโรมิฯ ยถา เทวา ตาวติํสา เทวา วิย อาสาวตีลตํ สายํปาตญฺจ ปยิรุปาสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
507.Satasahassupādāyāti satasahassasaṃvaccharaṃ ādiṃ katvā. Tāhaṃ paricare munīti monaṃ vuccati ñāṇaṃ, bhante, muni ñāṇavanta sabbaññu, ahaṃ taṃ bhagavantaṃ paricare payirupāsāmi. Sāyaṃpātaṃ namassāmīti sāyanhasamayañca pubbaṇhasamayañcāti dvikkhattuṃ namassāmi paṇāmaṃ karomi. Yathā devā tāvatiṃsā devā viya āsāvatīlataṃ sāyaṃpātañca payirupāsantīti sambandho.
๕๐๘. อวญฺฌา ปาริจริยาติ ยสฺมา พุทฺธทสฺสนเหตุ นิพฺพานปฺปตฺติ อโหสิ, ตสฺมา พุทฺธปาริจริยา วตฺตปฎิปตฺติกิริยา อวญฺฌา อตุจฺฉา นมสฺสนา ปณามกิริยา จ อโมฆา อตุจฺฉาฯ ตถา หิ ทูราคตํ ทูรโต สํสารทฺธานโต อาคตมฺปิ, สนฺตํ สํวิชฺชมานํ ขโณยํ อยํ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ น วิราธยิ นาติกฺกมิ, มํ อติกฺกมิตฺวา น คโตติ อโตฺถฯ
508.Avañjhā pāricariyāti yasmā buddhadassanahetu nibbānappatti ahosi, tasmā buddhapāricariyā vattapaṭipattikiriyā avañjhā atucchā namassanā paṇāmakiriyā ca amoghā atucchā. Tathā hi dūrāgataṃ dūrato saṃsāraddhānato āgatampi, santaṃ saṃvijjamānaṃ khaṇoyaṃ ayaṃ buddhuppādakkhaṇo na virādhayi nātikkami, maṃ atikkamitvā na gatoti attho.
๕๐๙. พุทฺธทสฺสนเหตุ นิพฺพานปฺปโตฺต อหํ อายติํ อุปฺปชฺชนกภเว มม ปฎิสนฺธิํ วิจินโนฺต อุปปริกฺขโนฺต น ปสฺสามีติ สมฺพโนฺธฯ นิรูปธิ ขนฺธูปธิกิเลสูปธีหิ วิรหิโต วิปฺปมุโตฺต สพฺพกิเลเสหิ วินาภูโต อุปสโนฺต กิเลสปริฬาหาภาเวน สนฺตมานโส จรามิ อหนฺติ สมฺพโนฺธฯ
509. Buddhadassanahetu nibbānappatto ahaṃ āyatiṃ uppajjanakabhave mama paṭisandhiṃ vicinanto upaparikkhanto na passāmīti sambandho. Nirūpadhi khandhūpadhikilesūpadhīhi virahito vippamutto sabbakilesehi vinābhūto upasanto kilesapariḷāhābhāvena santamānaso carāmi ahanti sambandho.
๕๑๐. ปุน อตฺตโน พุทฺธทสฺสนาย อุปมํ ทเสฺสโนฺต ยถาปิ ปทุมํ นามาติอาทิมาหฯ สูริยรํเสน สูริยรํสิสมฺผเสฺสน ยถา ปทุมํ นาม อปิ ปุปฺผติ วิกสติ มหาวีร วีรุตฺตม อหํ ตถา เอว พุทฺธรํเสน พุเทฺธน ภควตา เทสิตธมฺมรํสิปฺปภาเวน ปุปฺผิโตติ อโตฺถฯ
510. Puna attano buddhadassanāya upamaṃ dassento yathāpi padumaṃ nāmātiādimāha. Sūriyaraṃsena sūriyaraṃsisamphassena yathā padumaṃ nāma api pupphati vikasati mahāvīra vīruttama ahaṃ tathā eva buddharaṃsena buddhena bhagavatā desitadhammaraṃsippabhāvena pupphitoti attho.
๕๑๑-๑๒. ปุน พุทฺธทสฺสเนน นิพฺพานทสฺสนํ ทีเปโนฺต ยถา พลากาติอาทิมาหฯ ตตฺถ พลากโยนิมฺหิ พลากชาติยํ สทา สพฺพสฺมิํ กาเล ปุมา ปุริโส ยถา น วิชฺชติฯ ปุเม อวิชฺชมาเน กถํ พลากานํ คพฺภคฺคหณํ โหตีติ เจ? เมเฆสุ คชฺชมาเนสุ สทฺทํ กโรเนฺตสุ เมฆคชฺชนํ สุตฺวา ตา พลากินิโย สทา สพฺพกาเล คพฺภํ คณฺหนฺติ อณฺฑํ ธาเรนฺตีติ อโตฺถฯ ยาว ยตฺตกํ กาลํ เมโฆ น คชฺชติ เมโฆ สทฺทํ น กโรติ, ตาว ตตฺตกํ กาลํ จิรํ จิรกาเลน คพฺภํ อณฺฑํ ธาเรนฺติฯ ยทา ยสฺมิํ กาเล เมโฆ ปวสฺสติ ปกาเรน คชฺชิตฺวา วสฺสติ วุฎฺฐิธารํ ปคฺฆรติ, ตทา ตสฺมิํ กาเล ภารโต คพฺภธารณโต ปริมุจฺจนฺติ อณฺฑํ ปาเตนฺตีติ อโตฺถฯ
511-12. Puna buddhadassanena nibbānadassanaṃ dīpento yathā balākātiādimāha. Tattha balākayonimhi balākajātiyaṃ sadā sabbasmiṃ kāle pumā puriso yathā na vijjati. Pume avijjamāne kathaṃ balākānaṃ gabbhaggahaṇaṃ hotīti ce? Meghesu gajjamānesu saddaṃ karontesu meghagajjanaṃ sutvā tā balākiniyo sadā sabbakāle gabbhaṃ gaṇhanti aṇḍaṃ dhārentīti attho. Yāva yattakaṃ kālaṃ megho na gajjati megho saddaṃ na karoti, tāva tattakaṃ kālaṃ ciraṃ cirakālena gabbhaṃ aṇḍaṃ dhārenti. Yadā yasmiṃ kāle megho pavassati pakārena gajjitvā vassati vuṭṭhidhāraṃ paggharati, tadā tasmiṃ kāle bhārato gabbhadhāraṇato parimuccanti aṇḍaṃ pātentīti attho.
๕๑๓. ตโต ปรํ อุปเมยฺยสมฺปทํ ทเสฺสโนฺต ปทุมุตฺตรพุทฺธสฺสาติอาทิมาหฯ ปทุมุตฺตรสฺส พุทฺธสฺส ธมฺมเมเฆน โวหารปรมตฺถเทสนาสงฺขาตเมเฆน คชฺชโต คชฺชนฺตสฺส เทเสนฺตสฺส ธมฺมเมฆสฺส สเทฺทน โฆสานุสาเรน อหํ ตทา ธมฺมคพฺภํ วิวฎฺฎูปนิสฺสยํ ทานสีลาทิปุญฺญสมฺภารคพฺภํ อคณฺหิํ คเหสิํ ตถาติ สมฺพโนฺธฯ
513. Tato paraṃ upameyyasampadaṃ dassento padumuttarabuddhassātiādimāha. Padumuttarassa buddhassa dhammameghena vohāraparamatthadesanāsaṅkhātameghena gajjato gajjantassa desentassa dhammameghassa saddena ghosānusārena ahaṃ tadā dhammagabbhaṃ vivaṭṭūpanissayaṃ dānasīlādipuññasambhāragabbhaṃ agaṇhiṃ gahesiṃ tathāti sambandho.
๕๑๔. สตสหสฺสุปาทาย กปฺปสตสหสฺสํ อาทิํ กตฺวา ปุญฺญคพฺภํ ทานสีลาทิปุญฺญสมฺภารํ อหํ ธเรมิ ปูเรมิฯ ยาว ธมฺมเมโฆ ธมฺมเทสนา น คชฺชติ พุเทฺธน น เทสียติ, ตาว อหํ ภารโต สํสารคพฺภภารโต นปฺปมุจฺจามิ น โมเจมิ น วิสุํ ภวามีติ สมฺพโนฺธฯ
514.Satasahassupādāya kappasatasahassaṃ ādiṃ katvā puññagabbhaṃ dānasīlādipuññasambhāraṃ ahaṃ dharemi pūremi. Yāva dhammamegho dhammadesanā na gajjati buddhena na desīyati, tāva ahaṃ bhārato saṃsāragabbhabhārato nappamuccāmi na mocemi na visuṃ bhavāmīti sambandho.
๕๑๕. ภเนฺต, สกฺยมุนิ สกฺยวํสปฺปภว ยทา ยสฺมิํ กาเล สุโทฺธทนมหาราชสฺส ตว ปิตุ รเมฺม รมณีเย กปิลวตฺถเว กปิลวตฺถุนามเก นคเร ตุวํ ธมฺมเมเฆน คชฺชติ โฆเสติ, ตทา ตสฺมิํ กาเล อหํ ภารโต สํสารคพฺภภารโต ปริมุจฺจิํ มุโตฺต อโหสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
515. Bhante, sakyamuni sakyavaṃsappabhava yadā yasmiṃ kāle suddhodanamahārājassa tava pitu ramme ramaṇīye kapilavatthave kapilavatthunāmake nagare tuvaṃ dhammameghena gajjati ghoseti, tadā tasmiṃ kāle ahaṃ bhārato saṃsāragabbhabhārato parimucciṃ mutto ahosinti sambandho.
๕๑๖. ตโต ปรํ อตฺตนา อธิคเต มคฺคผเล ทเสฺสโนฺต สุญฺญตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ อตฺตอตฺตนิยาทีนํ อภาวโต สุญฺญตํ วิโมกฺขญฺจ ราคโทสโมหสพฺพกิเลสนิมิตฺตานํ อภาวโต, อนิมิตฺตํ วิโมกฺขญฺจ ตณฺหาปณิธิสฺส อภาวโต, อปฺปณิหิตํ วิโมกฺขญฺจ อริยมคฺคํ อธิคญฺฉิํ ภาเวสินฺติ สมฺพโนฺธฯ จตุโร จ ผเล สเพฺพติ จตฺตาริ สามญฺญผลานิ สพฺพานิ สจฺฉิ อกาสินฺติ อโตฺถฯ ธเมฺมวํ วิชฎยิํ อหนฺติ อหํ เอวํ สพฺพธเมฺม ชฎํ คหนํ วิชฎยิํ วิทฺธํเสสินฺติ อโตฺถฯ
516. Tato paraṃ attanā adhigate maggaphale dassento suññatantiādimāha. Tattha attaattaniyādīnaṃ abhāvato suññataṃ vimokkhañca rāgadosamohasabbakilesanimittānaṃ abhāvato, animittaṃ vimokkhañca taṇhāpaṇidhissa abhāvato, appaṇihitaṃ vimokkhañca ariyamaggaṃ adhigañchiṃ bhāvesinti sambandho. Caturo ca phale sabbeti cattāri sāmaññaphalāni sabbāni sacchi akāsinti attho. Dhammevaṃ vijaṭayiṃ ahanti ahaṃ evaṃ sabbadhamme jaṭaṃ gahanaṃ vijaṭayiṃ viddhaṃsesinti attho.
ทุติยภาณวารวณฺณนา สมตฺตาฯ
Dutiyabhāṇavāravaṇṇanā samattā.
๕๑๗. ตโต ปรํ อตฺตนา อธิคตวิเสสเมว ทเสฺสโนฺต อปริเมยฺยุปาทายาติอาทิมาหฯ ตตฺถ น ปริเมโยฺยติ อปริเมโยฺย, สํวจฺฉรคณนวเสน ปเมตุํ สงฺขาตุํ อสกฺกุเณโยฺยติ อโตฺถฯ ตํ อปริเมยฺยํ กปฺปํ อุปาทาย อาทิํ กตฺวา ตว สาสนํ ตุยฺหํ สาสนํ ‘‘อนาคเต โคตมสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อโคฺค ภเวยฺย’’นฺติ เอวํ ปเตฺถมิฯ อตีตเตฺถ วตฺตมานวจนํ, ปเตฺถสินฺติ อโตฺถฯ โส เม อโตฺถติ โส ปตฺถนาสงฺขาโต อโตฺถ เม มยา อนุปฺปโตฺต นิปฺผาทิโตติ อโตฺถฯ อนุตฺตรํ สนฺติปทํ นิพฺพานํ อนุปฺปตฺตํ อธิคตนฺติ สมฺพโนฺธฯ
517. Tato paraṃ attanā adhigatavisesameva dassento aparimeyyupādāyātiādimāha. Tattha na parimeyyoti aparimeyyo, saṃvaccharagaṇanavasena pametuṃ saṅkhātuṃ asakkuṇeyyoti attho. Taṃ aparimeyyaṃ kappaṃ upādāya ādiṃ katvā tava sāsanaṃ tuyhaṃ sāsanaṃ ‘‘anāgate gotamassa bhagavato sāsane vinayadharānaṃ aggo bhaveyya’’nti evaṃ patthemi. Atītatthe vattamānavacanaṃ, patthesinti attho. So me atthoti so patthanāsaṅkhāto attho me mayā anuppatto nipphāditoti attho. Anuttaraṃ santipadaṃ nibbānaṃ anuppattaṃ adhigatanti sambandho.
๕๑๘. โส อหํ อธิคตตฺตา วินเย วินยปิฎเก ปารมิํ ปโตฺต ปริโยสานปฺปโตฺตฯ ยถาปิ ปาฐิโก อิสีติ ยถา ปทุมุตฺตรสฺส ภควโต สาสเน วินยธรานํ อโคฺค อิสิ ภิกฺขุ ปาฐิโก ปากโฎ อโหสิ, ตเถวาหนฺติ อโตฺถฯ น เม สมสโม อตฺถีติ วินยธาริตาย เม มยา สมสโม สมาโน อโญฺญ น อตฺถีติ อโตฺถฯ สาสนํ โอวาทานุสาสนีสงฺขาตํ สาสนํ ธาเรมิ ปูเรมีติ อโตฺถฯ
518. So ahaṃ adhigatattā vinaye vinayapiṭake pāramiṃ patto pariyosānappatto. Yathāpi pāṭhiko isīti yathā padumuttarassa bhagavato sāsane vinayadharānaṃ aggo isi bhikkhu pāṭhiko pākaṭo ahosi, tathevāhanti attho. Na me samasamo atthīti vinayadhāritāya me mayā samasamo samāno añño na atthīti attho. Sāsanaṃ ovādānusāsanīsaṅkhātaṃ sāsanaṃ dhāremi pūremīti attho.
๕๑๙. ปุนปิ อตฺตโน วิเสสํ ทเสฺสโนฺต วินเย ขนฺธเก จาปีติอาทิมาหฯ ตตฺถ วินเยติ อุภโตวิภเงฺคฯ ขนฺธเกติ มหาวคฺคจูฬวเคฺคฯ ติกเจฺฉเท จาติ ติกสงฺฆาทิเสสติกปาจิตฺติยาทิเก จฯ ปญฺจเมติ ปริวาเร จฯ เอตฺถ เอตสฺมิํ สกเล วินยปิฎเก มยฺหํ วิมติ เทฺวฬฺหกํ นตฺถิ น สํวิชฺชติฯ อกฺขเรติ วินยปิฎกปริยาปเนฺน อ-การาทิเก อกฺขเรฯ พฺยญฺชเนติ ก-การาทิเก พฺยญฺชเน วา เม วิมติ สํสโย นตฺถีติ สมฺพโนฺธฯ
519. Punapi attano visesaṃ dassento vinaye khandhake cāpītiādimāha. Tattha vinayeti ubhatovibhaṅge. Khandhaketi mahāvaggacūḷavagge. Tikacchede cāti tikasaṅghādisesatikapācittiyādike ca. Pañcameti parivāre ca. Ettha etasmiṃ sakale vinayapiṭake mayhaṃ vimati dveḷhakaṃ natthi na saṃvijjati. Akkhareti vinayapiṭakapariyāpanne a-kārādike akkhare. Byañjaneti ka-kārādike byañjane vā me vimati saṃsayo natthīti sambandho.
๕๒๐. นิคฺคเห ปฎิกเมฺม จาติ ปาปภิกฺขูนํ นิคฺคเห จ สาปตฺติกานํ ภิกฺขูนํ ปริวาสทานาทิเก ปฎิกเมฺม จ ฐานาฎฺฐาเน จ การเณ จ อการเณ จ โกวิโท เฉโกติ อโตฺถฯ โอสารเณ จ ตชฺชนียาทิกมฺมสฺส ปฎิปฺปสฺสทฺธิวเสน โอสารเณ ปเวสเน จฯ วุฎฺฐาปเน จ อาปตฺติโต วุฎฺฐาปเน นิราปตฺติกรเณ จ เฉโกติ สมฺพโนฺธฯ สพฺพตฺถ ปารมิํ คโตติ สพฺพสฺมิํ วินยกเมฺม ปริโยสานํ ปโตฺต, ทโกฺข เฉโกติ อโตฺถฯ
520.Niggahepaṭikamme cāti pāpabhikkhūnaṃ niggahe ca sāpattikānaṃ bhikkhūnaṃ parivāsadānādike paṭikamme ca ṭhānāṭṭhāne ca kāraṇe ca akāraṇe ca kovido chekoti attho. Osāraṇe ca tajjanīyādikammassa paṭippassaddhivasena osāraṇe pavesane ca. Vuṭṭhāpane ca āpattito vuṭṭhāpane nirāpattikaraṇe ca chekoti sambandho. Sabbattha pāramiṃ gatoti sabbasmiṃ vinayakamme pariyosānaṃ patto, dakkho chekoti attho.
๕๒๑. วินเย ขนฺธเก จาปีติ วุตฺตปฺปกาเร วินเย จ ขนฺธเก จ, ปทํ สุตฺตปทํ นิกฺขิปิตฺวา ปฎฺฐเปตฺวาฯ อุภโต วินิเวเฐตฺวาติ วินยโต ขนฺธกโต จาติ อุภยโต นิพฺพเตฺตตฺวา วิชเฎตฺวา นยํ อาหริตฺวาฯ รสโตติ กิจฺจโตฯ โอสเรยฺยํ โอสารณํ กโรมีติ อโตฺถฯ
521.Vinaye khandhake cāpīti vuttappakāre vinaye ca khandhake ca, padaṃ suttapadaṃ nikkhipitvā paṭṭhapetvā. Ubhato viniveṭhetvāti vinayato khandhakato cāti ubhayato nibbattetvā vijaṭetvā nayaṃ āharitvā. Rasatoti kiccato. Osareyyaṃ osāraṇaṃ karomīti attho.
๕๒๒. นิรุตฺติยา จ กุสโลติ ‘‘รุโกฺข ปโฎ กุโมฺภ มาลา จิตฺต’’นฺติอาทีสุ โวหาเรสุ เฉโกฯ อตฺถานเตฺถ จ โกวิโทติ อเตฺถ วฑฺฒิยํ อนเตฺถ หานิยญฺจ โกวิโท ทโกฺขติ อโตฺถฯ อนญฺญาตํ มยา นตฺถีติ วินยปิฎเก สกเล วา ปิฎกตฺตเย มยา อนญฺญาตํ อวิทิตํ อปากฎํ กิญฺจิ นตฺถีติ อโตฺถฯ เอกโคฺค สตฺถุ สาสเนติ พุทฺธสาสเน อหเมว เอโก วินยธรานํ อโคฺค เสโฎฺฐ อุตฺตโมติ อโตฺถฯ
522.Niruttiyā ca kusaloti ‘‘rukkho paṭo kumbho mālā citta’’ntiādīsu vohāresu cheko. Atthānatthe ca kovidoti atthe vaḍḍhiyaṃ anatthe hāniyañca kovido dakkhoti attho. Anaññātaṃ mayā natthīti vinayapiṭake sakale vā piṭakattaye mayā anaññātaṃ aviditaṃ apākaṭaṃ kiñci natthīti attho. Ekaggo satthu sāsaneti buddhasāsane ahameva eko vinayadharānaṃ aggo seṭṭho uttamoti attho.
๕๒๓. รูปทเกฺข อหํ อชฺชาติ อชฺช เอตรหิ กาเล สกฺยปุตฺตสฺส ภควโต สาสเน ปาวจเน อหํ รูปทเกฺข รูปทสฺสเน วินยวินิจฺฉยทสฺสเน สพฺพํ กงฺขํ สกลํ สํสยํ วิโนเทมิ วินาเสมีติ สมฺพโนฺธฯ ฉินฺทามิ สพฺพสํสยนฺติ ‘‘อโหสิํ นุ โข อหมตีตมทฺธาน’’นฺติอาทิกํ (ม. นิ. ๑.๑๘; สํ. นิ. ๒.๒๐; มหานิ. ๑๗๔) กาลตฺตยํ อารพฺภ อุปฺปนฺนํ สพฺพํ โสฬสวิธํ กงฺขํ ฉินฺทามิ วูปสเมมิ สพฺพโส วิทฺธํเสมีติ อโตฺถฯ
523.Rūpadakkhe ahaṃ ajjāti ajja etarahi kāle sakyaputtassa bhagavato sāsane pāvacane ahaṃ rūpadakkhe rūpadassane vinayavinicchayadassane sabbaṃ kaṅkhaṃ sakalaṃ saṃsayaṃ vinodemi vināsemīti sambandho. Chindāmi sabbasaṃsayanti ‘‘ahosiṃ nu kho ahamatītamaddhāna’’ntiādikaṃ (ma. ni. 1.18; saṃ. ni. 2.20; mahāni. 174) kālattayaṃ ārabbha uppannaṃ sabbaṃ soḷasavidhaṃ kaṅkhaṃ chindāmi vūpasamemi sabbaso viddhaṃsemīti attho.
๕๒๔. ปทํ อนุปทญฺจาปีติ ปทํ ปุพฺพปทญฺจ อนุปทํ ปรปทญฺจ อกฺขรํ เอเกกมกฺขรญฺจ พฺยญฺชนํ สิถิลธนิตาทิทสวิธํ พฺยญฺชนวิธานญฺจฯ นิทาเนติ เตน สมเยนาติอาทิเก นิทาเน จฯ ปริโยสาเนติ นิคมเนฯ สพฺพตฺถ โกวิโทติ สเพฺพสุ ฉสุ ฐาเนสุ เฉโกติ อโตฺถฯ
524.Padaṃ anupadañcāpīti padaṃ pubbapadañca anupadaṃ parapadañca akkharaṃ ekekamakkharañca byañjanaṃ sithiladhanitādidasavidhaṃ byañjanavidhānañca. Nidāneti tena samayenātiādike nidāne ca. Pariyosāneti nigamane. Sabbattha kovidoti sabbesu chasu ṭhānesu chekoti attho.
๕๒๕. ตโต ปรํ ภควโตเยว คุเณ ปกาเสโนฺต ยถาปิ ราชา พลวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา พลวา ถามพลสมฺปโนฺน เสนาพลสมฺปโนฺน วา ราชา, ปรํ ปเรสํ ปฎิราชูนํ เสนํ นิคฺคณฺหิตฺวา นิเสฺสสโต คเหตฺวา ปลาเปตฺวา วา, ตเป ตเปยฺย สนฺตเปยฺย ทุกฺขาเปยฺยฯ วิชินิตฺวาน สงฺคามนฺติ สงฺคามํ ปรเสนาย สมาคมํ ยุทฺธํ วิชินิตฺวา วิเสเสน ชินิตฺวา ชยํ ปตฺวาฯ นครํ ตตฺถ มาปเยติ ตตฺถ ตสฺมิํ วิชิตฎฺฐาเน นครํ ปาสาทหมฺมิยาทิวิภูสิตํ วสนฎฺฐานํ มาปเย การาเปยฺยาติ อโตฺถฯ
525. Tato paraṃ bhagavatoyeva guṇe pakāsento yathāpi rājā balavātiādimāha. Tattha yathā balavā thāmabalasampanno senābalasampanno vā rājā, paraṃ paresaṃ paṭirājūnaṃ senaṃ niggaṇhitvā nissesato gahetvā palāpetvā vā, tape tapeyya santapeyya dukkhāpeyya. Vijinitvāna saṅgāmanti saṅgāmaṃ parasenāya samāgamaṃ yuddhaṃ vijinitvā visesena jinitvā jayaṃ patvā. Nagaraṃ tattha māpayeti tattha tasmiṃ vijitaṭṭhāne nagaraṃ pāsādahammiyādivibhūsitaṃ vasanaṭṭhānaṃ māpaye kārāpeyyāti attho.
๕๒๖. ปาการํ ปริขญฺจาปีติ ตตฺถ มาปิตนคเร ปาการํ สุธาธวลอิฎฺฐกามยปาการญฺจ การเยติ สมฺพโนฺธฯ ปริขญฺจาปิ กทฺทมปริขํ, อุทกปริขํ, สุกฺขปริขญฺจ อปิ การเยฯ เอสิกํ ทฺวารโกฎฺฐกนฺติ นครโสภนตฺถํ อุสฺสาปิตเอสิกาถมฺภญฺจ มหนฺตํ โกฎฺฐกญฺจ จตุภูมกาทิทฺวารโกฎฺฐกญฺจ การเยฯ อฎฺฎาลเก จ วิวิเธติ จตุภูมกาทิเภเท อติอุจฺจอฎฺฎาลเก จ วิวิเธ นานปฺปการเก พหู การเย การาเปยฺยาติ สมฺพโนฺธฯ
526.Pākāraṃ parikhañcāpīti tattha māpitanagare pākāraṃ sudhādhavalaiṭṭhakāmayapākārañca kārayeti sambandho. Parikhañcāpi kaddamaparikhaṃ, udakaparikhaṃ, sukkhaparikhañca api kāraye. Esikaṃ dvārakoṭṭhakanti nagarasobhanatthaṃ ussāpitaesikāthambhañca mahantaṃ koṭṭhakañca catubhūmakādidvārakoṭṭhakañca kāraye. Aṭṭālake ca vividheti catubhūmakādibhede atiuccaaṭṭālake ca vividhe nānappakārake bahū kāraye kārāpeyyāti sambandho.
๕๒๗. สิงฺฆาฎกํ จจฺจรญฺจาติ น เกวลํ ปาการาทโย การเย, สิงฺฆาฎกํ จตุมคฺคสนฺธิญฺจ จจฺจรํ อนฺตราวีถิญฺจ การเยติ สมฺพโนฺธฯ สุวิภตฺตนฺตราปณนฺติ สุฎฺฐุ วิภตฺตํ วิภาคโต โกฎฺฐาสวนฺตํ อนฺตราปณํ อเนกาปณสหสฺสํ การาเปยฺยาติ อโตฺถฯ การเยยฺย สภํ ตตฺถาติ ตสฺมิํ มาปิตนคเร สภํ ธมฺมาธิกรณสาลํ การเยฯ อตฺถานตฺถวินิจฺฉยํ วฑฺฒิญฺจ อวฑฺฒิญฺจ วินิจฺฉยกรณตฺถํ วินิจฺฉยสาลํ การเยติ สมฺพโนฺธฯ
527.Siṅghāṭakaṃ caccarañcāti na kevalaṃ pākārādayo kāraye, siṅghāṭakaṃ catumaggasandhiñca caccaraṃ antarāvīthiñca kārayeti sambandho. Suvibhattantarāpaṇanti suṭṭhu vibhattaṃ vibhāgato koṭṭhāsavantaṃ antarāpaṇaṃ anekāpaṇasahassaṃ kārāpeyyāti attho. Kārayeyya sabhaṃ tatthāti tasmiṃ māpitanagare sabhaṃ dhammādhikaraṇasālaṃ kāraye. Atthānatthavinicchayaṃ vaḍḍhiñca avaḍḍhiñca vinicchayakaraṇatthaṃ vinicchayasālaṃ kārayeti sambandho.
๕๒๘. นิคฺฆาตตฺถํ อมิตฺตานนฺติ ปฎิราชูนํ ปฎิพาหนตฺถํฯ ฉิทฺทาฉิทฺทญฺจ ชานิตุนฺติ โทสญฺจ อโทสญฺจ ชานิตุํฯ พลกายสฺส รกฺขายาติ หตฺถิอสฺสรถปตฺติสงฺขาตสฺส พลกายสฺส เสนาสมูหสฺส อารกฺขณตฺถาย โส นครสามิโก ราชา, เสนาปจฺจํ เสนาปติํ เสนานายกํ มหามตฺตํ ฐเปติ ฐานนฺตเร ปติฎฺฐเปตีติ อโตฺถฯ
528.Nigghātatthaṃ amittānanti paṭirājūnaṃ paṭibāhanatthaṃ. Chiddāchiddañca jānitunti dosañca adosañca jānituṃ. Balakāyassa rakkhāyāti hatthiassarathapattisaṅkhātassa balakāyassa senāsamūhassa ārakkhaṇatthāya so nagarasāmiko rājā, senāpaccaṃ senāpatiṃ senānāyakaṃ mahāmattaṃ ṭhapeti ṭhānantare patiṭṭhapetīti attho.
๕๒๙. อารกฺขตฺถาย ภณฺฑสฺสาติ ชาตรูปรชตมุตฺตามณิอาทิราชภณฺฑสฺส อารกฺขณตฺถาย สมนฺตโต โคปนตฺถาย เม มยฺหํ ภณฺฑํ มา วินสฺสีติ นิธานกุสลํ รกฺขเณ กุสลํ เฉกํ นรํ ปุริสํ ภณฺฑรกฺขํ ภณฺฑรกฺขนฺตํ โส ราชา ภณฺฑาคาเร ฐเปตีติ สมฺพโนฺธฯ
529.Ārakkhatthāyabhaṇḍassāti jātarūparajatamuttāmaṇiādirājabhaṇḍassa ārakkhaṇatthāya samantato gopanatthāya me mayhaṃ bhaṇḍaṃ mā vinassīti nidhānakusalaṃ rakkhaṇe kusalaṃ chekaṃ naraṃ purisaṃ bhaṇḍarakkhaṃ bhaṇḍarakkhantaṃ so rājā bhaṇḍāgāre ṭhapetīti sambandho.
๕๓๐. มมโตฺต โหติ โย รโญฺญติ โย ปณฺฑิโต รโญฺญ มมโตฺต มามโก ปกฺขปาโต โหติฯ วุทฺธิํ ยสฺส จ อิจฺฉตีติ อสฺส รโญฺญ วุทฺธิญฺจ วิรูฬฺหิํ โย อิจฺฉติ กาเมติ, ตสฺส อิตฺถมฺภูตสฺส ปณฺฑิตสฺส ราชา อธิกรณํ วินิจฺฉยาธิปจฺจํ เทติ มิตฺตสฺส มิตฺตภาวสฺส ปฎิปชฺชิตุนฺติ สมฺพโนฺธฯ
530.Mamatto hoti yo raññoti yo paṇḍito rañño mamatto māmako pakkhapāto hoti. Vuddhiṃ yassa ca icchatīti assa rañño vuddhiñca virūḷhiṃ yo icchati kāmeti, tassa itthambhūtassa paṇḍitassa rājā adhikaraṇaṃ vinicchayādhipaccaṃ deti mittassa mittabhāvassa paṭipajjitunti sambandho.
๕๓๑. อุปฺปาเตสูติ อุกฺกาปาตทิสาฑาหาทิอุปฺปาเตสุ จฯ นิมิเตฺตสูติ มูสิกจฺฉินฺนาทีสุ ‘‘อิทํ นิมิตฺตํ สุภํ, อิทํ นิมิตฺตํ อสุภ’’นฺติ เอวํ นิมิตฺตชานนสเตฺถสุ จฯ ลกฺขเณสุ จาติ อิตฺถิปุริสานํ หตฺถปาทลกฺขณชานนสเตฺถสุ จ โกวิทํ เฉกํ อชฺฌายกํ อเนเกสํ สิสฺสานํ พฺยากรณวาจกํ มนฺตธรํ เวทตฺตยสงฺขาตมนฺตธารกํ ปณฺฑิตํ โส ราชา โปโรหิเจฺจ ปุโรหิตฎฺฐานนฺตเร ฐเปตีติ สมฺพโนฺธฯ
531.Uppātesūti ukkāpātadisāḍāhādiuppātesu ca. Nimittesūti mūsikacchinnādīsu ‘‘idaṃ nimittaṃ subhaṃ, idaṃ nimittaṃ asubha’’nti evaṃ nimittajānanasatthesu ca. Lakkhaṇesu cāti itthipurisānaṃ hatthapādalakkhaṇajānanasatthesu ca kovidaṃ chekaṃ ajjhāyakaṃ anekesaṃ sissānaṃ byākaraṇavācakaṃ mantadharaṃ vedattayasaṅkhātamantadhārakaṃ paṇḍitaṃ so rājā porohicce purohitaṭṭhānantare ṭhapetīti sambandho.
๕๓๒. เอเตหเงฺคหิ สมฺปโนฺนติ เอเตหิ วุตฺตปฺปกาเรหิ อเงฺคหิ อวยเวหิ สมฺปโนฺน สมงฺคีภูโต โส ราชา ‘‘ขตฺติโย’’ติ ปวุจฺจติ กถียตีติ สมฺพโนฺธฯ สทา รกฺขนฺติ ราชานนฺติ เอเต เสนาปจฺจาทโย อมจฺจา สทา สพฺพกาลํ ตํ ราชานํ รกฺขนฺติ โคเปนฺติฯ กิมิว? จกฺกวาโกว ทุกฺขิตํ ทุกฺขปฺปตฺตํ สกญาติํ รกฺขโนฺต จกฺกวาโก ปกฺขี อิวาติ อโตฺถฯ
532.Etehaṅgehi sampannoti etehi vuttappakārehi aṅgehi avayavehi sampanno samaṅgībhūto so rājā ‘‘khattiyo’’ti pavuccati kathīyatīti sambandho. Sadā rakkhanti rājānanti ete senāpaccādayo amaccā sadā sabbakālaṃ taṃ rājānaṃ rakkhanti gopenti. Kimiva? Cakkavākova dukkhitaṃ dukkhappattaṃ sakañātiṃ rakkhanto cakkavāko pakkhī ivāti attho.
๕๓๓. ตเถว ตฺวํ มหาวีราติ วีรุตฺตม, ยถา โส ราชา เสนาปจฺจาทิองฺคสมฺปโนฺน นครทฺวารํ ถเกตฺวา ปฎิวสติ, ตเถว ตุวํ หตามิโตฺต นิหตปจฺจตฺถิโก ขตฺติโย อิว สเทวกสฺส โลกสฺส สห เทเวหิ ปวตฺตมานสฺส โลกสฺส ธมฺมราชา ธเมฺมน สเมน ราชา ทสปารมิตาธมฺมปริปูรเณน ราชภูตตฺตา ‘‘ธมฺมราชา’’ติ ปวุจฺจติ กถียตีติ สมฺพโนฺธฯ
533.Tatheva tvaṃ mahāvīrāti vīruttama, yathā so rājā senāpaccādiaṅgasampanno nagaradvāraṃ thaketvā paṭivasati, tatheva tuvaṃ hatāmitto nihatapaccatthiko khattiyo iva sadevakassa lokassa saha devehi pavattamānassa lokassa dhammarājā dhammena samena rājā dasapāramitādhammaparipūraṇena rājabhūtattā ‘‘dhammarājā’’ti pavuccati kathīyatīti sambandho.
๕๓๔. ติตฺถิเย นีหริตฺวานาติ ธมฺมราชภาเวน ปฎิปกฺขภูเต สกลติตฺถิเย นีหริตฺวา นิเสฺสเสน หริตฺวา นิพฺพิเสวนํ กตฺวา สเสนกํ ธารญฺจาปิ เสนาย สห วสวตฺติมารมฺปิ นีหริตฺวา ฯ ตมนฺธการํ วิธมิตฺวาติ ตมสงฺขาตํ โมหนฺธการํ วิธมิตฺวา วิทฺธํเสตฺวาฯ ธมฺมนครํ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตํ, ขนฺธายตนธาตุปฎิจฺจสมุปฺปาทพลโพชฺฌงฺคคมฺภีรนยสมนฺตปฎฺฐานธมฺมสงฺขาตํ วา นครํ อมาปยิ นิมฺมินิ ปติฎฺฐาเปสีติ อโตฺถฯ
534.Titthiye nīharitvānāti dhammarājabhāvena paṭipakkhabhūte sakalatitthiye nīharitvā nissesena haritvā nibbisevanaṃ katvā sasenakaṃ dhārañcāpi senāya saha vasavattimārampi nīharitvā . Tamandhakāraṃvidhamitvāti tamasaṅkhātaṃ mohandhakāraṃ vidhamitvā viddhaṃsetvā. Dhammanagaraṃ sattatiṃsabodhipakkhiyadhammasaṅkhātaṃ, khandhāyatanadhātupaṭiccasamuppādabalabojjhaṅgagambhīranayasamantapaṭṭhānadhammasaṅkhātaṃ vā nagaraṃ amāpayi nimmini patiṭṭhāpesīti attho.
๕๓๕. สีลํ ปาการกํ ตตฺถาติ ตสฺมิํ ปติฎฺฐาปิเต ธมฺมนคเร จตุปาริสุทฺธิสีลํ ปาการํฯ ญาณํ เต ทฺวารโกฎฺฐกนฺติ เต ตุยฺหํ สพฺพญฺญุตญฺญาณอาสยานุสยญาณอนาคตํสญาณอตีตํสญาณาทิกเมว ญาณํ ทฺวารโกฎฺฐกนฺติ อโตฺถฯ สทฺธา เต เอสิกา วีราติ, ภเนฺต, อสิถิลปรกฺกม เต ตุยฺหํ ทีปงฺกรปาทมูลโต ปภุติ สพฺพญฺญุตญฺญาณการณา สทฺทหนสทฺธา อุสฺสาปิตอลงฺการอลงฺกตถโมฺภติ อโตฺถฯ ทฺวารปาโล จ สํวโรติ เต ตุยฺหํ ฉทฺวาริกสํวโร รกฺขาวรณคุตฺติ ทฺวารปาโล ทฺวารรกฺขโกติ อโตฺถฯ
535.Sīlaṃ pākārakaṃ tatthāti tasmiṃ patiṭṭhāpite dhammanagare catupārisuddhisīlaṃ pākāraṃ. Ñāṇaṃ te dvārakoṭṭhakanti te tuyhaṃ sabbaññutaññāṇaāsayānusayañāṇaanāgataṃsañāṇaatītaṃsañāṇādikameva ñāṇaṃ dvārakoṭṭhakanti attho. Saddhā te esikā vīrāti, bhante, asithilaparakkama te tuyhaṃ dīpaṅkarapādamūlato pabhuti sabbaññutaññāṇakāraṇā saddahanasaddhā ussāpitaalaṅkāraalaṅkatathambhoti attho. Dvārapālo ca saṃvaroti te tuyhaṃ chadvārikasaṃvaro rakkhāvaraṇagutti dvārapālo dvārarakkhakoti attho.
๕๓๖. สติปฎฺฐานมฎฺฎาลนฺติ เต ตุยฺหํ จตุสติปฎฺฐานอฎฺฎาลมุณฺฑจฺฉทนํฯ ปญฺญา เต จจฺจรํ มุเนติ, ภเนฺต, มุเน ญาณวนฺต เต ตุยฺหํ ปาฎิหาริยาทิอเนกวิธา ปญฺญา จจฺจรํ มคฺคสโมธานํ นครวีถีติ อโตฺถฯ อิทฺธิปาทญฺจ สิงฺฆาฎนฺติ ตุยฺหํ ฉนฺทวีริยจิตฺตวีมํสสงฺขาตา จตฺตาโร อิทฺธิปาทา สิงฺฆาฎํ จตุมคฺคสนฺติฯ ธมฺมวีถิ สุมาปิตนฺติ สตฺตติํสโพธิปกฺขิยธมฺมสงฺขาตาย วีถิยา สุฎฺฐุ มาปิตํ สชฺชิตํ, ตํ ธมฺมนครนฺติ อโตฺถฯ
536.Satipaṭṭhānamaṭṭālanti te tuyhaṃ catusatipaṭṭhānaaṭṭālamuṇḍacchadanaṃ. Paññā te caccaraṃ muneti, bhante, mune ñāṇavanta te tuyhaṃ pāṭihāriyādianekavidhā paññā caccaraṃ maggasamodhānaṃ nagaravīthīti attho. Iddhipādañca siṅghāṭanti tuyhaṃ chandavīriyacittavīmaṃsasaṅkhātā cattāro iddhipādā siṅghāṭaṃ catumaggasanti. Dhammavīthi sumāpitanti sattatiṃsabodhipakkhiyadhammasaṅkhātāya vīthiyā suṭṭhu māpitaṃ sajjitaṃ, taṃ dhammanagaranti attho.
๕๓๗. สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมญฺจาติ ตว ตุยฺหํ เอตฺถ ธมฺมนคเร สุตฺตนฺตํ อภิธมฺมํ วินยญฺจ เกวลํ สกลํ สุตฺตเคยฺยาทิกํ นวงฺคํ พุทฺธวจนํ ธมฺมสภา ธมฺมาธิกรณสาลาติ อโตฺถฯ
537.Suttantaṃ abhidhammañcāti tava tuyhaṃ ettha dhammanagare suttantaṃ abhidhammaṃ vinayañca kevalaṃ sakalaṃ suttageyyādikaṃ navaṅgaṃ buddhavacanaṃ dhammasabhā dhammādhikaraṇasālāti attho.
๕๓๘. สุญฺญตํ อนิมิตฺตญฺจาติ อนตฺตานุปสฺสนาวเสน ปฎิลทฺธํ สุญฺญตวิหารญฺจ, อนิจฺจานุปสฺสนาวเสน ปฎิลทฺธํ อนิมิตฺตวิหารญฺจฯ วิหารญฺจปฺปณิหิตนฺติ ทุกฺขานุปสฺสนาวเสน ปฎิลทฺธํ อปฺปณิหิตวิหารญฺจฯ อาเนญฺชญฺจาติ อจลํ อผนฺทิตํ จตุสามญฺญผลสงฺขาตํ อาเนญฺชวิหารญฺจฯ นิโรโธ จาติ สพฺพทุกฺขนิโรธํ นิพฺพานญฺจฯ เอสา ธมฺมกุฎี ตวาติ เอสา สพฺพนวโลกุตฺตรธมฺมสงฺขาตา ตว ตุยฺหํ ธมฺมกุฎิ วสนเคหนฺติ อโตฺถฯ
538.Suññataṃ animittañcāti anattānupassanāvasena paṭiladdhaṃ suññatavihārañca, aniccānupassanāvasena paṭiladdhaṃ animittavihārañca. Vihārañcappaṇihitanti dukkhānupassanāvasena paṭiladdhaṃ appaṇihitavihārañca. Āneñjañcāti acalaṃ aphanditaṃ catusāmaññaphalasaṅkhātaṃ āneñjavihārañca. Nirodho cāti sabbadukkhanirodhaṃ nibbānañca. Esā dhammakuṭī tavāti esā sabbanavalokuttaradhammasaṅkhātā tava tuyhaṃ dhammakuṭi vasanagehanti attho.
๕๓๙. ปญฺญาย อโคฺค นิกฺขิโตฺตติ ปญฺญาวเสน ปญฺญวนฺตานํ อโคฺคฯ อิติ ภควตา นิกฺขิโตฺต ฐปิโต เถโร ปฎิภาเน จ ปญฺญาย กตฺตเพฺพ กิเจฺจ, ยุตฺตมุตฺตปฎิภาเน วา โกวิโท เฉโก นาเมน สาริปุโตฺตติ ปากโฎ ตว ตุยฺหํ ธมฺมเสนาปติ ตยา เทสิตสฺส ปิฎกตฺตยธมฺมสมูหสฺส ธารณโต ปติ ปธาโน หุตฺวา เสนากิจฺจํ กโรตีติ อโตฺถฯ
539.Paññāyaaggo nikkhittoti paññāvasena paññavantānaṃ aggo. Iti bhagavatā nikkhitto ṭhapito thero paṭibhāne ca paññāya kattabbe kicce, yuttamuttapaṭibhāne vā kovido cheko nāmena sāriputtoti pākaṭo tava tuyhaṃ dhammasenāpati tayā desitassa piṭakattayadhammasamūhassa dhāraṇato pati padhāno hutvā senākiccaṃ karotīti attho.
๕๔๐. จุตูปปาตกุสโลติ ภเนฺต มุนิ, จุตูปปาเต จุติยา อุปปตฺติยา จ กุสโล เฉโกฯ อิทฺธิยา ปารมิํ คโตติ ‘‘เอโกปิ หุตฺวา พหุธา โหติ, พหุธาปิ หุตฺวา เอโก โหตี’’ติอาทินา (ที. นิ. ๑.๒๓๘; ปฎิ. ม. ๑.๑๐๒) วุตฺตาย อิทฺธิปฺปเภทาย ปารมิํ ปริโยสานํ คโต ปโตฺต นาเมน โกลิโต นาม โมคฺคลฺลานเตฺถโร โปโรหิโจฺจ ตว ตุยฺหํ ปุโรหิโตติ สมฺพโนฺธฯ
540.Cutūpapātakusaloti bhante muni, cutūpapāte cutiyā upapattiyā ca kusalo cheko. Iddhiyā pāramiṃ gatoti ‘‘ekopi hutvā bahudhā hoti, bahudhāpi hutvā eko hotī’’tiādinā (dī. ni. 1.238; paṭi. ma. 1.102) vuttāya iddhippabhedāya pāramiṃ pariyosānaṃ gato patto nāmena kolito nāma moggallānatthero porohicco tava tuyhaṃ purohitoti sambandho.
๕๔๑. โปราณกวํสธโรติ ภเนฺต มุเน, ญาณวนฺตํ โปราณสฺส วํสสฺส ธารโก, ปรมฺปรชานนโก วา อุคฺคเตโช ปากฎเตโช, ทุราสโท อาสาเทตุํ ฆเฎฺฎตุํ ทุโกฺข อสกฺกุเณโยฺยติ อโตฺถฯ ธุตวาทิคุเณนโคฺคติ เตจีวริกงฺคาทีนิ เตรส ธุตงฺคานิ วทติ โอวทตีติ ธุตวาทีคุเณน ธุตงฺคคุเณน อโคฺค เสโฎฺฐ มหากสฺสปเตฺถโร ตว ตุยฺหํ อกฺขทโสฺส โวหารกรเณ ปธาโนติ อโตฺถฯ
541.Porāṇakavaṃsadharoti bhante mune, ñāṇavantaṃ porāṇassa vaṃsassa dhārako, paramparajānanako vā uggatejo pākaṭatejo, durāsado āsādetuṃ ghaṭṭetuṃ dukkho asakkuṇeyyoti attho. Dhutavādiguṇenaggoti tecīvarikaṅgādīni terasa dhutaṅgāni vadati ovadatīti dhutavādīguṇena dhutaṅgaguṇena aggo seṭṭho mahākassapatthero tava tuyhaṃ akkhadasso vohārakaraṇe padhānoti attho.
๕๔๒. พหุสฺสุโต ธมฺมธโรติ ภเนฺต มุเน, พหูนํ จตุราสีติธมฺมกฺขนฺธสหสฺสานํ สุตตฺตา ภควตา ภิกฺขุสงฺฆโต จ อุคฺคหิตตฺตา พหุสฺสุโต อเนเกสํ ฉสตสหสฺสสงฺขฺยานํ อาคมธมฺมานํ สติปฎฺฐานาทีนญฺจ ปรมตฺถธมฺมานํ ธารณโต ธมฺมธโร อานโนฺทฯ สพฺพปาฐี จ สาสเนติ พุทฺธสาสเน สเพฺพสํ ปาฐีนํ ปฐนฺตานํ สชฺฌายนฺตานํ ภิกฺขูนํ อโคฺค เสโฎฺฐติ สพฺพปาฐี นาเมน อานโนฺท นาม เถโรฯ ธมฺมารโกฺข ตวาติ ตว ตุยฺหํ ธมฺมสฺส ปิฎกตฺตยธมฺมภณฺฑสฺส อารโกฺข รกฺขโก ปาลโก, ธมฺมภณฺฑาคาริโกติ อโตฺถฯ
542.Bahussuto dhammadharoti bhante mune, bahūnaṃ caturāsītidhammakkhandhasahassānaṃ sutattā bhagavatā bhikkhusaṅghato ca uggahitattā bahussuto anekesaṃ chasatasahassasaṅkhyānaṃ āgamadhammānaṃ satipaṭṭhānādīnañca paramatthadhammānaṃ dhāraṇato dhammadharo ānando. Sabbapāṭhī ca sāsaneti buddhasāsane sabbesaṃ pāṭhīnaṃ paṭhantānaṃ sajjhāyantānaṃ bhikkhūnaṃ aggo seṭṭhoti sabbapāṭhī nāmena ānando nāma thero. Dhammārakkho tavāti tava tuyhaṃ dhammassa piṭakattayadhammabhaṇḍassa ārakkho rakkhako pālako, dhammabhaṇḍāgārikoti attho.
๕๔๓. เอเต สเพฺพ อติกฺกมฺมาติ ภควา ภคฺยวา สมฺมาสมฺพุโทฺธ เอเต สาริปุตฺตาทโย มหานุภาเวปิ เถเร อติกฺกมฺม วเชฺชตฺวา มมํเยว ปเมสิ ปมาณํ อกาสิ, มนสิ อกาสีติ อโตฺถฯ วินิจฺฉยํ เม ปาทาสีติ วินยญฺญูหิ ปณฺฑิเตหิ เทสิตํ ปกาสิตํ วินเย วินิจฺฉยํ โทสวิจารณํ เม มยฺหํ ภควา ปาทาสิ ปกาเรน อทาสิ, มยฺหเมว ภารํ อกาสีติ สมฺพโนฺธฯ
543.Etesabbe atikkammāti bhagavā bhagyavā sammāsambuddho ete sāriputtādayo mahānubhāvepi there atikkamma vajjetvā mamaṃyeva pamesi pamāṇaṃ akāsi, manasi akāsīti attho. Vinicchayaṃ me pādāsīti vinayaññūhi paṇḍitehi desitaṃ pakāsitaṃ vinaye vinicchayaṃ dosavicāraṇaṃ me mayhaṃ bhagavā pādāsi pakārena adāsi, mayhameva bhāraṃ akāsīti sambandho.
๕๔๔. โย โกจิ วินเย ปญฺหนฺติ โย โกจิ ภิกฺขุ พุทฺธสาวโก วินยนิสฺสิตํ ปญฺหํ มํ ปุจฺฉติ, ตตฺถ ตสฺมิํ ปุจฺฉิตปเญฺห เม มยฺหํ จินฺตนา วิมติ กงฺขา นตฺถิฯ ตเญฺหวตฺถํ ตํ เอว ปุจฺฉิตํ อตฺถํ อหํ กเถมีติ สมฺพโนฺธฯ
544.Yo koci vinaye pañhanti yo koci bhikkhu buddhasāvako vinayanissitaṃ pañhaṃ maṃ pucchati, tattha tasmiṃ pucchitapañhe me mayhaṃ cintanā vimati kaṅkhā natthi. Tañhevatthaṃ taṃ eva pucchitaṃ atthaṃ ahaṃ kathemīti sambandho.
๕๔๕. ยาวตา พุทฺธเขตฺตมฺหีติ ยาวตา ยตฺตเก ฐาเน พุทฺธสฺส อาณาเขเตฺต ตํ มหามุนิํ สมฺมาสมฺพุทฺธํ ฐเปตฺวา วินเย วินยปิฎเก วินยวินิจฺฉยกรเณ วา มาทิโส มยา สทิโส นตฺถิ, อหเมว อโคฺค, ภิโยฺย มมาธิโก กุโต ภวิสฺสตีติ สมฺพโนฺธฯ
545.Yāvatā buddhakhettamhīti yāvatā yattake ṭhāne buddhassa āṇākhette taṃ mahāmuniṃ sammāsambuddhaṃ ṭhapetvā vinaye vinayapiṭake vinayavinicchayakaraṇe vā mādiso mayā sadiso natthi, ahameva aggo, bhiyyo mamādhiko kuto bhavissatīti sambandho.
๕๔๖. ภิกฺขุสเงฺฆ นิสีทิตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ นิสิโนฺน โคตโม ภควา เอวํ คชฺชติ สีหนาทํ กโรติฯ กถํ? วินเย อุภโตวิภเงฺค, ขนฺธเกสุ มหาวคฺคจูฬวเคฺคสุ, จ-สเทฺทน ปริวาเร, อุปาลิสฺส อุปาลินา สโม สทิโส นตฺถีติ เอวํ คชฺชติฯ
546.Bhikkhusaṅghe nisīditvā bhikkhusaṅghamajjhe nisinno gotamo bhagavā evaṃ gajjati sīhanādaṃ karoti. Kathaṃ? Vinaye ubhatovibhaṅge, khandhakesu mahāvaggacūḷavaggesu, ca-saddena parivāre, upālissa upālinā samo sadiso natthīti evaṃ gajjati.
๕๔๗. ยาวตาติ ยตฺตกํ พุทฺธภณิตํ พุเทฺธน เทสิตํ นวงฺคํ สุตฺตเคยฺยาทิสตฺถุสาสนํ สตฺถุนา ปกาสิตํ สพฺพํ วินโยคธํ ตํ วินเย อโนฺตปวิฎฺฐํ วินยมูลกํ อิเจฺจวํ ปสฺสิโน ปสฺสนฺตสฺสฯ
547.Yāvatāti yattakaṃ buddhabhaṇitaṃ buddhena desitaṃ navaṅgaṃ suttageyyādisatthusāsanaṃ satthunā pakāsitaṃ sabbaṃ vinayogadhaṃ taṃ vinaye antopaviṭṭhaṃ vinayamūlakaṃ iccevaṃ passino passantassa.
๕๔๘. มม กมฺมํ สริตฺวานาติ โคตโม สกฺยปุงฺคโว สกฺยวํสปฺปธาโน, มม กมฺมํ มยฺหํ ปุพฺพปตฺถนากมฺมํ อตีตํสญาเณน สริตฺวาน ปจฺจกฺขโต ญตฺวา ภิกฺขุสงฺฆมเชฺฌ คโต ‘‘เอตทคฺคํ, ภิกฺขเว, มม สาวกานํ ภิกฺขูนํ วินยธรานํ ยทิทํ อุปาลี’’ติ (อ. นิ. ๑.๒๑๙, ๒๒๘) มํ เอตทเคฺค ฐาเน ฐเปสีติ สมฺพโนฺธฯ
548.Mama kammaṃ saritvānāti gotamo sakyapuṅgavo sakyavaṃsappadhāno, mama kammaṃ mayhaṃ pubbapatthanākammaṃ atītaṃsañāṇena saritvāna paccakkhato ñatvā bhikkhusaṅghamajjhe gato ‘‘etadaggaṃ, bhikkhave, mama sāvakānaṃ bhikkhūnaṃ vinayadharānaṃ yadidaṃ upālī’’ti (a. ni. 1.219, 228) maṃ etadagge ṭhāne ṭhapesīti sambandho.
๕๔๙. สตสหสฺสุปาทายาติ สตสหสฺสกเปฺป อาทิํ กตฺวา ยํ อิมํ ฐานํ อปตฺถยิํ ปเตฺถสิํ, โส เม อโตฺถ มยา อนุปฺปโตฺต อธิคโต ปฎิลโทฺธ วินเย ปารมิํ คโต โกฎิํ ปโตฺตติ อโตฺถฯ
549.Satasahassupādāyāti satasahassakappe ādiṃ katvā yaṃ imaṃ ṭhānaṃ apatthayiṃ patthesiṃ, so me attho mayā anuppatto adhigato paṭiladdho vinaye pāramiṃ gato koṭiṃ pattoti attho.
๕๕๐. สกฺยานํ สกฺยวํสราชูนํ นนฺทิชนโน โสมนสฺสการโก อหํ ปุเร ปุเพฺพ กปฺปโก อาสิํ อโหสิํ, ตํ ชาติํ ตํ กุลํ ตํ โยนิํ วิชหิตฺวา วิเสเสน ชหิตฺวา ฉเฑฺฑตฺวา มเหสิโน สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ปุโตฺต ชาโต สกฺยปุโตฺตติ สงฺขฺยํ คโต สาสนธารณโตติ อโตฺถฯ
550.Sakyānaṃ sakyavaṃsarājūnaṃ nandijanano somanassakārako ahaṃ pure pubbe kappako āsiṃ ahosiṃ, taṃ jātiṃ taṃ kulaṃ taṃ yoniṃ vijahitvā visesena jahitvā chaḍḍetvā mahesino sammāsambuddhassa putto jāto sakyaputtoti saṅkhyaṃ gato sāsanadhāraṇatoti attho.
๕๕๑. ตโต ปรํ อตฺตโน ทาสกุเล นิพฺพตฺตนาปทานํ ทเสฺสโนฺต อิโต ทุติยเก กเปฺปติอาทิมาหฯ ตตฺถ อิโต ภทฺทกปฺปโต เหฎฺฐา ทุติเย กเปฺป นาเมน อญฺชโส นาม ขตฺติโย เอโก ราชา อนนฺตเตโช สงฺขฺยาติกฺกนฺตเตโช อมิตยโส ปมาณาติกฺกนฺตปริวาโร มหทฺธโน อเนกโกฎิสตสหสฺสธนวา ภูมิปาโล ปถวีปาลโก รกฺขโก อโหสีติ สมฺพโนฺธฯ
551. Tato paraṃ attano dāsakule nibbattanāpadānaṃ dassento ito dutiyake kappetiādimāha. Tattha ito bhaddakappato heṭṭhā dutiye kappe nāmena añjaso nāma khattiyo eko rājā anantatejo saṅkhyātikkantatejo amitayaso pamāṇātikkantaparivāro mahaddhano anekakoṭisatasahassadhanavā bhūmipālo pathavīpālako rakkhako ahosīti sambandho.
๕๕๒. ตสฺส รโญฺญติ ตสฺส ตาทิสสฺส ราชิโน ปุโตฺต อหํ จนฺทโน นาม ขตฺติโย ขตฺติยกุมาโร อโหสินฺติ สมฺพโนฺธฯ โส อหํ ชาติมเทน จ ยสมเทน จ โภคมเทน จ อุปตฺถโทฺธ ถมฺภิโต อุนฺนโตติ อโตฺถฯ
552.Tassa raññoti tassa tādisassa rājino putto ahaṃ candano nāma khattiyo khattiyakumāro ahosinti sambandho. So ahaṃ jātimadena ca yasamadena ca bhogamadena ca upatthaddho thambhito unnatoti attho.
๕๕๓. นาคสตสหสฺสานีติ สตสหสฺสหตฺถิโน มาตงฺคา มาตงฺคกุเล ชาตา ติธา ปภินฺนา อกฺขิกณฺณโกสสงฺขาเตหิ ตีหิ ฐาเนหิ ปภินฺนา มทคฬิตา สพฺพาลงฺการภูสิตา สเพฺพหิ หตฺถาลงฺกาเรหิ อลงฺกตา สทา สพฺพกาลํ มํ ปริวาเรนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
553.Nāgasatasahassānīti satasahassahatthino mātaṅgā mātaṅgakule jātā tidhā pabhinnā akkhikaṇṇakosasaṅkhātehi tīhi ṭhānehi pabhinnā madagaḷitā sabbālaṅkārabhūsitā sabbehi hatthālaṅkārehi alaṅkatā sadā sabbakālaṃ maṃ parivārentīti sambandho.
๕๕๔. สพเลหิ ปเรโตหนฺติ ตทา ตสฺมิํ กาเล อหํ สพเลหิ อตฺตโน เสนาพเลหิ ปเรโต ปริวาริโต อุยฺยานํ คนฺตุกามโก อิจฺฉโนฺต สิริกํ นาม นาคํ หตฺถิํ อารุยฺห อภิรุหิตฺวา นครโต นิกฺขมินฺติ สมฺพโนฺธฯ
554.Sabalehi paretohanti tadā tasmiṃ kāle ahaṃ sabalehi attano senābalehi pareto parivārito uyyānaṃ gantukāmako icchanto sirikaṃ nāma nāgaṃ hatthiṃ āruyha abhiruhitvā nagarato nikkhaminti sambandho.
๕๕๕. จรเณน จ สมฺปโนฺนติ สีลสํวราทิปนฺนรสจรณธเมฺมน สมนฺนาคโต คุตฺตทฺวาโร ปิหิตจกฺขาทิฉทฺวาโร สุสํวุโต สุฎฺฐุ รกฺขิตกายจิโตฺต เทวโล นาม สมฺพุโทฺธ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ, มม มยฺหํ ปุรโต สมฺมุเข อาคจฺฉิ ปาปุณีติ อโตฺถฯ
555.Caraṇena ca sampannoti sīlasaṃvarādipannarasacaraṇadhammena samannāgato guttadvāro pihitacakkhādichadvāro susaṃvuto suṭṭhu rakkhitakāyacitto devalo nāma sambuddho paccekasambuddho, mama mayhaṃ purato sammukhe āgacchi pāpuṇīti attho.
๕๕๖. เปเสตฺวา สิริกํ นาคนฺติ ตํ อาคตํ ปเจฺจกพุทฺธํ ทิสฺวา อหํ สิริกํ นาม นาคํ อภิมุขํ เปเสตฺวา พุทฺธํ อาสาทยิํ ฆเฎฺฎสิํ ปทุเสฺสสินฺติ อโตฺถฯ ตโต สญฺชาตโกโป โสติ ตโต ตสฺมา มยา อตีว ปีเฬตฺวา เปสิตตฺตา โส หตฺถินาโค มยิ สญฺชาตโกโป ปทํ อตฺตโน ปาทํ นุทฺธรเต น อุทฺธรติ, นิจฺจโลว โหตีติ อโตฺถฯ
556.Pesetvāsirikaṃ nāganti taṃ āgataṃ paccekabuddhaṃ disvā ahaṃ sirikaṃ nāma nāgaṃ abhimukhaṃ pesetvā buddhaṃ āsādayiṃ ghaṭṭesiṃ padussesinti attho. Tato sañjātakopo soti tato tasmā mayā atīva pīḷetvā pesitattā so hatthināgo mayi sañjātakopo padaṃ attano pādaṃ nuddharate na uddharati, niccalova hotīti attho.
๕๕๗. นาคํ ทุฎฺฐมนํ ทิสฺวาติ ทุฎฺฐมนํ กุทฺธจิตฺตํ นาทํ ทิสฺวา อหํ พุเทฺธ ปเจฺจกพุเทฺธ โกปํ อกาสิํ โทสํ อุปฺปาเทสินฺติ อโตฺถฯ วิเหสยิตฺวา สมฺพุทฺธนฺติ เทวลํ ปเจฺจกสมฺพุทฺธํ วิเหสยิตฺวา วิเหเฐตฺวา อหํ อุยฺยานํ อคมาสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
557.Nāgaṃ duṭṭhamanaṃ disvāti duṭṭhamanaṃ kuddhacittaṃ nādaṃ disvā ahaṃ buddhe paccekabuddhe kopaṃ akāsiṃ dosaṃ uppādesinti attho. Vihesayitvā sambuddhanti devalaṃ paccekasambuddhaṃ vihesayitvā viheṭhetvā ahaṃ uyyānaṃ agamāsinti sambandho.
๕๕๘. สาตํ ตตฺถ น วินฺทามีติ ตสฺมิํ อาสาทเน สาตํ น วินฺทามิฯ อาสาทนนิมิตฺตํ มธุรํ สุขํ น ลภามีติ อโตฺถฯ สิโร ปชฺชลิโต ยถาติ สิโร มม สีสํ ปชฺชลิโต ยถา ปชฺชลมานํ วิย โหตีติ อโตฺถฯ ปริฬาเหน ฑยฺหามีติ ปเจฺจกพุเทฺธ โกปสฺส กตตฺตา ปจฺฉานุตาปปริฬาเหน ฑยฺหามิ อุณฺหจิโตฺต โหมีติ อโตฺถฯ
558.Sātaṃ tattha na vindāmīti tasmiṃ āsādane sātaṃ na vindāmi. Āsādananimittaṃ madhuraṃ sukhaṃ na labhāmīti attho. Siro pajjalito yathāti siro mama sīsaṃ pajjalito yathā pajjalamānaṃ viya hotīti attho. Pariḷāhena ḍayhāmīti paccekabuddhe kopassa katattā pacchānutāpapariḷāhena ḍayhāmi uṇhacitto homīti attho.
๕๕๙. สสาครนฺตาติ เตเนว ปาปกมฺมพเลน สสาครนฺตา สาครปริโยสานา สกลมหาปถวี เม มยฺหํ อาทิตฺตา วิย ชลิตา วิย โหติ ขายตีติ อโตฺถฯ ปิตุ สนฺติกุปาคมฺมาติ เอวํ ภเย อุปฺปเนฺน อหํ อตฺตโน ปิตุ รโญฺญ สนฺติกํ อุปาคมฺม อุปคนฺตฺวา อิทํ วจนํ อพฺรวิํ กเถสินฺติ อโตฺถฯ
559.Sasāgarantāti teneva pāpakammabalena sasāgarantā sāgarapariyosānā sakalamahāpathavī me mayhaṃ ādittā viya jalitā viya hoti khāyatīti attho. Pitu santikupāgammāti evaṃ bhaye uppanne ahaṃ attano pitu rañño santikaṃ upāgamma upagantvā idaṃ vacanaṃ abraviṃ kathesinti attho.
๕๖๐. อาสีวิสํว กุปิตนฺติ อาสีวิสํ สพฺพํ กุปิตํ กุทฺธํ อิว ชลมานํ อคฺคิกฺขนฺธํ อิว มตฺตํ ติธา ปภินฺนํ ทนฺติํ ทนฺตวนฺตํ กุญฺชรํ อุตฺตมํ หตฺถิํ อิว จ อาคตํ ยํ ปเจฺจกพุทฺธํ สยมฺภุํ สยเมว พุทฺธภูตํ อหํ อาสาทยิํ ฆเฎฺฎสินฺติ สมฺพโนฺธฯ
560.Āsīvisaṃvakupitanti āsīvisaṃ sabbaṃ kupitaṃ kuddhaṃ iva jalamānaṃ aggikkhandhaṃ iva mattaṃ tidhā pabhinnaṃ dantiṃ dantavantaṃ kuñjaraṃ uttamaṃ hatthiṃ iva ca āgataṃ yaṃ paccekabuddhaṃ sayambhuṃ sayameva buddhabhūtaṃ ahaṃ āsādayiṃ ghaṭṭesinti sambandho.
๕๖๑. อาสาทิโต มยา พุโทฺธติ โส ปเจฺจกพุโทฺธ มยา อาสาทิโต ฆฎฺฎิโต โฆโร อเญฺญหิ ฆเฎฺฎตุํ อสกฺกุเณยฺยตฺตา โฆโร, อุคฺคตโป ปากฎตโป ชิโน ปญฺจ มาเร ชิตวา เอวํคุณสมฺปโนฺน ปเจฺจกพุโทฺธ มยา ฆฎฺฎิโตติ อโตฺถฯ ปุรา สเพฺพ วินสฺสามาติ ตสฺมิํ ปเจฺจกพุเทฺธ กตอนาทเรน สเพฺพ มยํ วินสฺสาม วิวิเธนากาเรน นสฺสาม, ภสฺมา วิย ภวามาติ อโตฺถฯ ขมาเปสฺสาม ตํ มุนินฺติ ตํ ปเจฺจกพุทฺธํ มุนิํ ยาว น วินสฺสาม, ตาว ขมาเปสฺสามาติ สมฺพโนฺธฯ
561.Āsādito mayā buddhoti so paccekabuddho mayā āsādito ghaṭṭito ghoro aññehi ghaṭṭetuṃ asakkuṇeyyattā ghoro, uggatapo pākaṭatapo jino pañca māre jitavā evaṃguṇasampanno paccekabuddho mayā ghaṭṭitoti attho. Purā sabbe vinassāmāti tasmiṃ paccekabuddhe kataanādarena sabbe mayaṃ vinassāma vividhenākārena nassāma, bhasmā viya bhavāmāti attho. Khamāpessāma taṃ muninti taṃ paccekabuddhaṃ muniṃ yāva na vinassāma, tāva khamāpessāmāti sambandho.
๕๖๒. โน เจ ตํ นิชฺฌาเปสฺสามาติ อตฺตทนฺตํ ทมิตจิตฺตํ สมาหิตํ เอกคฺคจิตฺตํ ตํ ปเจฺจกพุทฺธํ โน เจ นิชฺฌาเปสฺสาม ขมาเปสฺสามฯ โอเรน สตฺตทิวสา สตฺตทิวสโต โอรภาเค สตฺตทิวเส อนติกฺกมิตฺวา สมฺปุณฺณํ รฎฺฐํ เม สพฺพํ วิธมิสฺสติ วินสฺสิสฺสติฯ
562.No ce taṃ nijjhāpessāmāti attadantaṃ damitacittaṃ samāhitaṃ ekaggacittaṃ taṃ paccekabuddhaṃ no ce nijjhāpessāma khamāpessāma. Orena sattadivasā sattadivasato orabhāge sattadivase anatikkamitvā sampuṇṇaṃ raṭṭhaṃ me sabbaṃ vidhamissati vinassissati.
๕๖๓. สุเมขโล โกสิโย จาติ เอเต สุเมขลาทโย จตฺตาโร ราชาโน อิสโย อาสาทยิตฺวา ฆเฎฺฎตฺวา อนาทรํ กตฺวา สรฎฺฐกา สห รฎฺฐชนปทวาสีหิ ทุคฺคตา วินาสํ คตาติ อโตฺถฯ
563.Sumekhalo kosiyo cāti ete sumekhalādayo cattāro rājāno isayo āsādayitvā ghaṭṭetvā anādaraṃ katvā saraṭṭhakā saha raṭṭhajanapadavāsīhi duggatā vināsaṃ gatāti attho.
๕๖๔. ยทา กุปฺปนฺติ อิสโยติ ยทา ยสฺมิํ กาเล สญฺญตา กายสญฺญมาทีหิ สญฺญตา สนฺตา พฺรหฺมจาริโน อุตฺตมจาริโน เสฎฺฐจาริโน อิสโย กุปฺปนฺติ โทมนสฺสา ภวนฺติ, ตทา สสาครํ สปพฺพตํ สเทวกํ โลกํ วินาเสนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ
564.Yadākuppanti isayoti yadā yasmiṃ kāle saññatā kāyasaññamādīhi saññatā santā brahmacārino uttamacārino seṭṭhacārino isayo kuppanti domanassā bhavanti, tadā sasāgaraṃ sapabbataṃ sadevakaṃ lokaṃ vināsentīti sambandho.
๕๖๕. ติโยชนสหสฺสมฺหีติ เตสํ อิสีนํ อานุภาวํ ญตฺวา เต ขมาเปตุํ อจฺจยํ อปราธํ เทสนตฺถาย ปกาสนตฺถาย ติโยชนสหสฺสปฺปมาเณ ปเทเส ปุริเส สนฺนิปาตยินฺติ สมฺพโนฺธฯ สยมฺภุํ อุปสงฺกมินฺติ สยมฺภุํ ปเจฺจกพุทฺธํ อุปสงฺกมิํ สมีปํ อคมาสินฺติ อโตฺถฯ
565.Tiyojanasahassamhīti tesaṃ isīnaṃ ānubhāvaṃ ñatvā te khamāpetuṃ accayaṃ aparādhaṃ desanatthāya pakāsanatthāya tiyojanasahassappamāṇe padese purise sannipātayinti sambandho. Sayambhuṃ upasaṅkaminti sayambhuṃ paccekabuddhaṃ upasaṅkamiṃ samīpaṃ agamāsinti attho.
๕๖๖. อลฺลวตฺถาติ มยา สทฺธิํ ราสิภูตา สเพฺพ ชนา อลฺลวตฺถา อุทเกน ตินฺตวตฺถอุตฺตราสงฺคา อลฺลสิรา ตินฺตเกสา ปญฺชลีกตา มุทฺธนิ กตอญฺชลิปุฎา พุทฺธสฺส ปเจฺจกมุนิโน ปาเท ปาทสมีเป นิปติตฺวา นิปชฺชิตฺวา อิทํ วจนมพฺรวุนฺติ ‘‘ขมสฺสุ ตฺวํ, มหาวีรา’’ติอาทิกํ วจนํ อพฺรวุํ กเถสุนฺติ อโตฺถฯ
566.Allavatthāti mayā saddhiṃ rāsibhūtā sabbe janā allavatthā udakena tintavatthauttarāsaṅgā allasirā tintakesā pañjalīkatā muddhani kataañjalipuṭā buddhassa paccekamunino pāde pādasamīpe nipatitvā nipajjitvā idaṃ vacanamabravunti ‘‘khamassu tvaṃ, mahāvīrā’’tiādikaṃ vacanaṃ abravuṃ kathesunti attho.
๕๖๗. มหาวีร วีรุตฺตม ภเนฺต ปเจฺจกพุทฺธ, มยา ตุเมฺหสุ อญฺญาเณน กตํ อปราธํ ขมสฺสุ ตฺวํ วิโนเทหิ, มา มนสิ กโรหีติ อโตฺถ ฯ ชโน ชนสมูโห ตํ ภควนฺตํ อภิ วิเสเสน ยาจติฯ ปริฬาหํ โทสโมเหหิ กตจิตฺตทุกฺขปริฬาหํ อมฺหากํ วิโนเทหิ ตนุํ กโรหิ, โน อมฺหากํ รฎฺฐํ สกลรฎฺฐชนปทวาสิโน มา วินาสย มา วินาเสหีติ อโตฺถฯ
567.Mahāvīra vīruttama bhante paccekabuddha, mayā tumhesu aññāṇena kataṃ aparādhaṃ khamassu tvaṃ vinodehi, mā manasi karohīti attho . Jano janasamūho taṃ bhagavantaṃ abhi visesena yācati. Pariḷāhaṃ dosamohehi katacittadukkhapariḷāhaṃ amhākaṃ vinodehi tanuṃ karohi, no amhākaṃ raṭṭhaṃ sakalaraṭṭhajanapadavāsino mā vināsaya mā vināsehīti attho.
๕๖๘. สเทวมานุสา สเพฺพติ สเพฺพ มานุสา สเทวา สทานวา ปหาราทาทีหิ อสุเรหิ สห สรกฺขสา อโยมเยน กูเฎน มหามุคฺคเรน สทา สพฺพกาลํ เม สิรํ มยฺหํ มตฺถกํ ภิเนฺทยฺยุํ ปทาเลยฺยุํฯ
568.Sadevamānusā sabbeti sabbe mānusā sadevā sadānavā pahārādādīhi asurehi saha sarakkhasā ayomayena kūṭena mahāmuggarena sadā sabbakālaṃ me siraṃ mayhaṃ matthakaṃ bhindeyyuṃ padāleyyuṃ.
๕๖๙. ตโต ปรํ พุทฺธานํ ขมิตภาวญฺจ โกปาภาวญฺจ ปกาเสโนฺต ทเก อคฺคิ น สณฺฐาตีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา อุทเก อคฺคิ น สณฺฐาติ น ปติฎฺฐาติ, ยถา พีชํ เสเล สิลามเย ปพฺพเต น วิรุหติ, ยถา อคเท โอสเธ กิมิ ปาณโก น สณฺฐาติฯ ตถา โกโป จิตฺตปฺปโกโป ทุมฺมนตา พุเทฺธ ปฎิวิทฺธสเจฺจ ปเจฺจกพุเทฺธ น ชายติ น อุปฺปชฺชตีติ อโตฺถฯ
569. Tato paraṃ buddhānaṃ khamitabhāvañca kopābhāvañca pakāsento dake aggi na saṇṭhātītiādimāha. Tattha yathā udake aggi na saṇṭhāti na patiṭṭhāti, yathā bījaṃ sele silāmaye pabbate na viruhati, yathā agade osadhe kimi pāṇako na saṇṭhāti. Tathā kopo cittappakopo dummanatā buddhe paṭividdhasacce paccekabuddhe na jāyati na uppajjatīti attho.
๕๗๐. ปุนปิ พุทฺธานํ อานุภาวํ ปกาเสโนฺต ยถา จ ภูมีติอาทิมาหฯ ตตฺถ ยถา จ ภูมิ ปถวี อจลา นิจฺจลา, ตถา พุโทฺธ อจโลติ อโตฺถฯ ยถา สาคโร มหาสมุโทฺท อปฺปเมโยฺย ปเมตุํ ปมาณํ คเหตุํ อสกฺกุเณโยฺย, ตถา พุโทฺธ อปฺปเมโยฺยติ อโตฺถฯ ยถา อากาโส อผุฎฺฐากาโส อนนฺตโก ปริโยสานรหิโต, เอวํ ตถา พุโทฺธ อโกฺขภิโย โขเภตุํ อาโลเฬตุํ อสกฺกุเณโยฺยติ อโตฺถฯ
570. Punapi buddhānaṃ ānubhāvaṃ pakāsento yathā ca bhūmītiādimāha. Tattha yathā ca bhūmi pathavī acalā niccalā, tathā buddho acaloti attho. Yathā sāgaro mahāsamuddo appameyyo pametuṃ pamāṇaṃ gahetuṃ asakkuṇeyyo, tathā buddho appameyyoti attho. Yathā ākāso aphuṭṭhākāso anantako pariyosānarahito, evaṃ tathā buddho akkhobhiyo khobhetuṃ āloḷetuṃ asakkuṇeyyoti attho.
๕๗๑. ตโต ปรํ ปเจฺจกพุทฺธสฺส ขมนวจนํ ทเสฺสโนฺต สทา ขนฺตา มหาวีราติอาทิมาหฯ ตตฺถ มหาวีรา อุตฺตมวีริยวนฺตา พุทฺธา ตปสฺสิโน ปาปานํ ตปนโต ‘‘ตโป’’ติ ลทฺธนาเมน วีริเยน สมนฺนาคตา ขนฺตา จ ขนฺติยา จ สมฺปนฺนา ขมิตา จ ปเรสํ อปราธํ ขมิตา สหิตา สทา สพฺพกาลํ ภวนฺตีติ สมฺพโนฺธฯ ขนฺตานํ ขมิตานญฺจาติ เตสํ พุทฺธานํ ขนฺตานํ ขนฺติยา ยุตฺตานํ ขมิตานํ ปราปราธขมิตานํ สหิตานญฺจ คมนํ ฉนฺทาทีหิ อคติคมนํ น วิชฺชตีติ อโตฺถฯ
571. Tato paraṃ paccekabuddhassa khamanavacanaṃ dassento sadākhantā mahāvīrātiādimāha. Tattha mahāvīrā uttamavīriyavantā buddhā tapassino pāpānaṃ tapanato ‘‘tapo’’ti laddhanāmena vīriyena samannāgatā khantā ca khantiyā ca sampannā khamitā ca paresaṃ aparādhaṃ khamitā sahitā sadā sabbakālaṃ bhavantīti sambandho. Khantānaṃ khamitānañcāti tesaṃ buddhānaṃ khantānaṃ khantiyā yuttānaṃ khamitānaṃ parāparādhakhamitānaṃ sahitānañca gamanaṃ chandādīhi agatigamanaṃ na vijjatīti attho.
๕๗๒. อิติ อิทํ วจนํ วตฺวา สมฺพุโทฺธ ปเจฺจกสมฺพุโทฺธ ปริฬาหํ สตฺตานํ อุปฺปนฺนทาหํ วิโนทยํ วิโนทยโนฺต มหาชนสฺส ปุรโต สนฺนิปติตสฺส สราชกสฺส มหโต ชนกายสฺส สมฺมุขโต ตทา ตสฺมิํ กาเล นภํ อากาสํ อพฺภุคฺคมิ อุคฺคญฺฉีติ อโตฺถฯ
572. Iti idaṃ vacanaṃ vatvā sambuddho paccekasambuddho pariḷāhaṃ sattānaṃ uppannadāhaṃ vinodayaṃ vinodayanto mahājanassa purato sannipatitassa sarājakassa mahato janakāyassa sammukhato tadā tasmiṃ kāle nabhaṃ ākāsaṃ abbhuggami uggañchīti attho.
๕๗๓. เตน กเมฺมนหํ ธีราติ ธีร ธิติสมฺปนฺน อหํ เตน กเมฺมน ปเจฺจกพุเทฺธ กเตน อนาทรกเมฺมน อิมสฺมิํ ปจฺฉิมตฺตภเว หีนตฺตํ ลามกภาวํ ราชูนํ กปฺปกกมฺมกรณชาติํ อชฺฌุปาคโต สมฺปโตฺตติ อโตฺถฯ สมติกฺกมฺม ตํ ชาตินฺติ ตํ ปรายตฺตชาติํ สํ สุฎฺฐุ อติกฺกมฺม อติกฺกมิตฺวาฯ ปาวิสิํ อภยํ ปุรนฺติ ภยรหิตํ นิพฺพานปุรํ นิพฺพานมหานครํ ปาวิสิํ ปวิโฎฺฐ อาสินฺติ อโตฺถฯ
573.Tena kammenahaṃ dhīrāti dhīra dhitisampanna ahaṃ tena kammena paccekabuddhe katena anādarakammena imasmiṃ pacchimattabhave hīnattaṃ lāmakabhāvaṃ rājūnaṃ kappakakammakaraṇajātiṃ ajjhupāgato sampattoti attho. Samatikkamma taṃ jātinti taṃ parāyattajātiṃ saṃ suṭṭhu atikkamma atikkamitvā. Pāvisiṃ abhayaṃ puranti bhayarahitaṃ nibbānapuraṃ nibbānamahānagaraṃ pāvisiṃ paviṭṭho āsinti attho.
๕๗๔. ตทาปิ มํ มหาวีราติ วีรุตฺตม ตทาปิ ตสฺมิํ ปเจฺจกพุทฺธสฺส อาสาทนสมเย อปิ สยมฺภู ปเจฺจกพุโทฺธ ปริฬาหํ อาสาทนเหตุ อุปฺปนฺนํ กายจิตฺตทรถํ วิโนเทสิ ทูรีอกาสิฯ ฑยฺหมานํ ตโต เอว ปจฺฉานุตาเปน กุกฺกุเจฺจน ฑยฺหมานํ สนฺตปนฺตํ มํ สุสณฺฐิตํ โทสํ โทสโต ทสฺสเน สุฎฺฐุ สณฺฐิตํ ทิสฺวา ขมาปยิ ตํ อปราธํ อธิวาเสสีติ สมฺพโนฺธฯ
574.Tadāpi maṃ mahāvīrāti vīruttama tadāpi tasmiṃ paccekabuddhassa āsādanasamaye api sayambhū paccekabuddho pariḷāhaṃ āsādanahetu uppannaṃ kāyacittadarathaṃ vinodesi dūrīakāsi. Ḍayhamānaṃ tato eva pacchānutāpena kukkuccena ḍayhamānaṃ santapantaṃ maṃ susaṇṭhitaṃ dosaṃ dosato dassane suṭṭhu saṇṭhitaṃ disvā khamāpayi taṃ aparādhaṃ adhivāsesīti sambandho.
๕๗๕. อชฺชาปิ มํ มหาวีราติ วีรุตฺตม, อชฺชาปิ ตุยฺหํ สมาคมกาเล อปิ, ติหคฺคีภิ ราคคฺคิโทสคฺคิโมหคฺคิสงฺขาเตหิ วา นิรยคฺคิเปตคฺคิสํสารคฺคิสงฺขาเตหิ วา ตีหิ อคฺคีหิ ฑยฺหมานํ ทุกฺขมนุภวนฺตํ มํ ภควา สีติภาวํ โทมนสฺสวินาเสน สนฺตกายจิตฺตสงฺขาตํ สีติภาวํ นิพฺพานเมว วา อปาปยิ สมฺปาเปสิฯ ตโย อคฺคี วุตฺตปฺปกาเร เต ตโย อคฺคี นิพฺพาเปสิ วูปสเมสีติ สมฺพโนฺธฯ
575.Ajjāpi maṃ mahāvīrāti vīruttama, ajjāpi tuyhaṃ samāgamakāle api, tihaggībhi rāgaggidosaggimohaggisaṅkhātehi vā nirayaggipetaggisaṃsāraggisaṅkhātehi vā tīhi aggīhi ḍayhamānaṃ dukkhamanubhavantaṃ maṃ bhagavā sītibhāvaṃ domanassavināsena santakāyacittasaṅkhātaṃ sītibhāvaṃ nibbānameva vā apāpayi sampāpesi. Tayo aggī vuttappakāre te tayo aggī nibbāpesi vūpasamesīti sambandho.
๕๗๖. เอวํ อตฺตโน หีนาปทานํ ภควโต ทเสฺสตฺวา อิทานิ อเญฺญปิ ตสฺส สวเน นิโยเชตฺวา โอวทโนฺต ‘‘เยสํ โสตาวธานตฺถี’’ติอาทิมาหฯ ตตฺถ เยสํ ตุมฺหากํ โสตาวธานํ โสตสฺส อวธานํ ฐปนํ อตฺถิ วิชฺชติ, เต ตุเมฺห ภาสโต สาสนฺตสฺส มม วจนํ สุณาถ มนสิ กโรถฯ อตฺถํ ตุมฺหํ ปวกฺขามีติ ยถา เยน ปกาเรน มม มยา ทิฎฺฐํ ปทํ นิพฺพานํ, ตถา เตน ปกาเรน นิพฺพานสงฺขาตํ ปรมตฺถํ ตุมฺหากํ ปวกฺขามีติ สมฺพโนฺธฯ
576. Evaṃ attano hīnāpadānaṃ bhagavato dassetvā idāni aññepi tassa savane niyojetvā ovadanto ‘‘yesaṃ sotāvadhānatthī’’tiādimāha. Tattha yesaṃ tumhākaṃ sotāvadhānaṃ sotassa avadhānaṃ ṭhapanaṃ atthi vijjati, te tumhe bhāsato sāsantassa mama vacanaṃ suṇātha manasi karotha. Atthaṃ tumhaṃ pavakkhāmīti yathā yena pakārena mama mayā diṭṭhaṃ padaṃ nibbānaṃ, tathā tena pakārena nibbānasaṅkhātaṃ paramatthaṃ tumhākaṃ pavakkhāmīti sambandho.
๕๗๗. ตํ ทเสฺสโนฺต สยมฺภุํ ตํ วิมาเนตฺวาติอาทิมาหฯ ตตฺถ สยมฺภุํ สยเมว ภูตํ อริยาย ชาติยา ชาตํ สนฺตจิตฺตํ สมาหิตํ ปเจฺจกพุทฺธํ วิมาเนตฺวา อนาทรํ กตฺวา เตน กเมฺมน กเตนากุสเลน อชฺช อิมสฺมิํ วตฺตมานกาเล อหํ นีจโยนิยํ ปรายตฺตชาติยํ กปฺปกชาติยํ ชาโต นิพฺพโตฺต อมฺหิ ภวามิฯ
577. Taṃ dassento sayambhuṃ taṃ vimānetvātiādimāha. Tattha sayambhuṃ sayameva bhūtaṃ ariyāya jātiyā jātaṃ santacittaṃ samāhitaṃ paccekabuddhaṃ vimānetvā anādaraṃ katvā tena kammena katenākusalena ajja imasmiṃ vattamānakāle ahaṃ nīcayoniyaṃ parāyattajātiyaṃ kappakajātiyaṃ jāto nibbatto amhi bhavāmi.
๕๗๘. มา โว ขณํ วิราเธถาติ พุทฺธุปฺปาทกฺขณํ โว ตุเมฺห มา วิราเธถ คฬิตํ มา กโรถ, หิ สจฺจํ ขณาตีตา พุทฺธุปฺปาทกฺขณํ อตีตา อติกฺกนฺตา สตฺตา โสจเร โสจนฺติ, ‘‘มยํ อลกฺขิกา ทุเมฺมธา ภวามา’’ติ เอวํ โสจนฺตีติ อโตฺถฯ สทเตฺถ อตฺตโน อเตฺถ วุฑฺฒิยํ วายเมยฺยาถ วีริยํ กโรถฯ โว ตุเมฺหหิ ขโณ พุทฺธุปฺปาทกฺขโณ สมโย ปฎิปาทิโต นิปฺผาทิโต ปโตฺตติ อโตฺถฯ
578.Mā vo khaṇaṃ virādhethāti buddhuppādakkhaṇaṃ vo tumhe mā virādhetha gaḷitaṃ mā karotha, hi saccaṃ khaṇātītā buddhuppādakkhaṇaṃ atītā atikkantā sattā socare socanti, ‘‘mayaṃ alakkhikā dummedhā bhavāmā’’ti evaṃ socantīti attho. Sadatthe attano atthe vuḍḍhiyaṃ vāyameyyātha vīriyaṃ karotha. Vo tumhehi khaṇo buddhuppādakkhaṇo samayo paṭipādito nipphādito pattoti attho.
๕๗๙. ตโต ปรํ สํสารคตานํ อาทีนวํ อุปมาอุปเมยฺยวเสน ทเสฺสโนฺต เอกจฺจานญฺจ วมนนฺติอาทิมาหฯ เอกจฺจานํ เกสญฺจิ ปุคฺคลานํ วมนํ อุทฺธํ อุคฺคิรณํ เอกจฺจานํ วิเรจนํ อโธปคฺฆรณํ เอเก เอกจฺจานํ หลาหลํ วิสํ มุจฺฉากรณวิสํ, เอกจฺจานํ ปุคฺคลานํ โอสธํ รกฺขนุปายํ ภควา เอวํ ปฎิปาฎิยา อกฺขาสีติ สมฺพโนฺธฯ
579. Tato paraṃ saṃsāragatānaṃ ādīnavaṃ upamāupameyyavasena dassento ekaccānañca vamanantiādimāha. Ekaccānaṃ kesañci puggalānaṃ vamanaṃ uddhaṃ uggiraṇaṃ ekaccānaṃ virecanaṃ adhopaggharaṇaṃ eke ekaccānaṃ halāhalaṃ visaṃ mucchākaraṇavisaṃ, ekaccānaṃ puggalānaṃ osadhaṃ rakkhanupāyaṃ bhagavā evaṃ paṭipāṭiyā akkhāsīti sambandho.
๕๘๐. วมนํ ปฎิปนฺนานนฺติ ปฎิปนฺนานํ มคฺคสมงฺคีนํ วมนํ สํสารฉฑฺฑนํ สํสารโมจนํ ภควา อกฺขาสีติ สมฺพโนฺธฯ ผลฎฺฐานํ ผเล ฐิตานํ วิเรจนํ สํสารปคฺฆรณํ อกฺขาสิฯ ผลลาภีนํ ผลํ ลภิตฺวา ฐิตานํ นิพฺพานโอสธํ อกฺขาสิฯ คเวสีนํ มนุสฺสเทวนิพฺพานสมฺปตฺติํ คเวสีนํ ปริเยสนฺตานํ ปุญฺญเขตฺตภูตํ สงฺฆํ อกฺขาสีติ สมฺพโนฺธฯ
580.Vamanaṃ paṭipannānanti paṭipannānaṃ maggasamaṅgīnaṃ vamanaṃ saṃsārachaḍḍanaṃ saṃsāramocanaṃ bhagavā akkhāsīti sambandho. Phalaṭṭhānaṃ phale ṭhitānaṃ virecanaṃ saṃsārapaggharaṇaṃ akkhāsi. Phalalābhīnaṃ phalaṃ labhitvā ṭhitānaṃ nibbānaosadhaṃ akkhāsi. Gavesīnaṃ manussadevanibbānasampattiṃ gavesīnaṃ pariyesantānaṃ puññakhettabhūtaṃ saṅghaṃ akkhāsīti sambandho.
๕๘๑. สาสเนน วิรุทฺธานนฺติ สาสนสฺส ปฎิปกฺขานํ หลาหลํ กุตูหลํ ปาปํ อกุสลํ อกฺขาสีติ สมฺพโนฺธฯ ยถา อาสีวิโสติ อสฺสทฺธานํ กตปาปานํ ปุคฺคลานํ สํสาเร ทุกฺขาวหนโต อาสีวิสสทิสํ ยถา อาสีวิโส ทิฎฺฐมเตฺตน ภสฺมกรณโต ทิฎฺฐวิโส สโปฺป อตฺตนา ทฎฺฐํ นรํ ฌาเปติ ฑยฺหติ ทุกฺขาเปติฯ ตํ นรํ ตํ อสฺสทฺธํ กตปาปํ นรํ หลาหลวิสํ เอวํ ฌาเปติ จตูสุ อปาเยสุ ฑยฺหติ โสเสสีติ สมฺพโนฺธฯ
581.Sāsanena viruddhānanti sāsanassa paṭipakkhānaṃ halāhalaṃ kutūhalaṃ pāpaṃ akusalaṃ akkhāsīti sambandho. Yathā āsīvisoti assaddhānaṃ katapāpānaṃ puggalānaṃ saṃsāre dukkhāvahanato āsīvisasadisaṃ yathā āsīviso diṭṭhamattena bhasmakaraṇato diṭṭhaviso sappo attanā daṭṭhaṃ naraṃ jhāpeti ḍayhati dukkhāpeti. Taṃ naraṃ taṃ assaddhaṃ katapāpaṃ naraṃ halāhalavisaṃ evaṃ jhāpeti catūsu apāyesu ḍayhati sosesīti sambandho.
๕๘๒. สกิํ ปีตํ หลาหลนฺติ วิสํ หลาหลํ ปีตํ สกิํ เอกวารํ ชีวิตํ อุปรุนฺธติ นาเสติฯ สาสเนน สาสนมฺหิ วิรชฺฌิตฺวา อปราธํ กตฺวา ปุคฺคโล กปฺปโกฎิมฺหิ โกฎิสเงฺขฺย กเปฺปปิ ฑยฺหติ นิชฺฌายตีติ อโตฺถฯ
582.Sakiṃpītaṃ halāhalanti visaṃ halāhalaṃ pītaṃ sakiṃ ekavāraṃ jīvitaṃ uparundhati nāseti. Sāsanena sāsanamhi virajjhitvā aparādhaṃ katvā puggalo kappakoṭimhi koṭisaṅkhye kappepi ḍayhati nijjhāyatīti attho.
๕๘๓. เอวํ อสฺสทฺธานํ ปุคฺคลานํ ผลวิปากํ ทเสฺสตฺวา อิทานิ พุทฺธานํ อานุภาวํ ทเสฺสโนฺต ขนฺติยาติอาทิมาหฯ ตตฺถ โย พุโทฺธ วมนาทีนิ อกฺขาสิ, โส พุโทฺธ ขนฺติยา ขมเนน จ อวิหิํสาย สตฺตานํ อวิหิํสเนน จ เมตฺตจิตฺตวตาย จ เมตฺตจิตฺตวนฺตภาเวน จ สเทวกํ สห เทเวหิ วตฺตมานํ โลกํ ตาเรติ อติกฺกมาเปติ นิพฺพาเปติ, ตสฺมา การณา พุทฺธา โว ตุเมฺหหิ อวิราธิยา วิรุชฺฌิตุํ น สกฺกุเณยฺยา, พุทฺธสาสเน ปฎิปเชฺชยฺยาถาติ อโตฺถฯ
583. Evaṃ assaddhānaṃ puggalānaṃ phalavipākaṃ dassetvā idāni buddhānaṃ ānubhāvaṃ dassento khantiyātiādimāha. Tattha yo buddho vamanādīni akkhāsi, so buddho khantiyā khamanena ca avihiṃsāya sattānaṃ avihiṃsanena ca mettacittavatāya ca mettacittavantabhāvena ca sadevakaṃ saha devehi vattamānaṃ lokaṃ tāreti atikkamāpeti nibbāpeti, tasmā kāraṇā buddhā vo tumhehi avirādhiyā virujjhituṃ na sakkuṇeyyā, buddhasāsane paṭipajjeyyāthāti attho.
๕๘๔. ลาเภ จ อลาเภ จ น สชฺชนฺติ น ภชนฺติ น ลคฺคนฺติฯ สมฺมานเน อาทรกรเณ จ วิมานเน อนาทรกรเณ จ อจลา ปถวีสทิสา พุทฺธา ภวนฺติ, ตสฺมา การณา เต พุทฺธา ตุเมฺหหิ น วิโรธิยา น วิโรเธตพฺพา วิรุชฺฌิตุํ อสกฺกุเณยฺยาติ อโตฺถฯ
584. Lābhe ca alābhe ca na sajjanti na bhajanti na lagganti. Sammānane ādarakaraṇe ca vimānane anādarakaraṇe ca acalā pathavīsadisā buddhā bhavanti, tasmā kāraṇā te buddhā tumhehi na virodhiyā na virodhetabbā virujjhituṃ asakkuṇeyyāti attho.
๕๘๕. พุทฺธานํ มชฺฌตฺตตํ ทเสฺสโนฺต เทวทเตฺตติอาทิมาหฯ ตตฺถ วธกาวธเกสุ สเพฺพสุ สเตฺตสุ สมโก สมมานโส มุนิ พุทฺธมุนีติ อโตฺถฯ
585. Buddhānaṃ majjhattataṃ dassento devadattetiādimāha. Tattha vadhakāvadhakesu sabbesu sattesu samako samamānaso muni buddhamunīti attho.
๕๘๖. เอเตสํ ปฎิโฆ นตฺถีติ เอเตสํ พุทฺธานํ ปฎิโฆ จณฺฑิกฺกํ โทสจิตฺตตํ นตฺถิ น สํวิชฺชติฯ ราโคเมสํ น วิชฺชตีติ อิเมสํ พุทฺธานํ ราโคปิ รชฺชนํ อลฺลียนํ น วิชฺชติ, น อุปลพฺภติ, ตสฺมา การณา, วธกสฺส จ โอรสสฺส จาติ สเพฺพสํ สมโก สมจิโตฺต พุโทฺธ โหตีติ สมฺพโนฺธฯ
586.Etesaṃ paṭigho natthīti etesaṃ buddhānaṃ paṭigho caṇḍikkaṃ dosacittataṃ natthi na saṃvijjati. Rāgomesaṃ na vijjatīti imesaṃ buddhānaṃ rāgopi rajjanaṃ allīyanaṃ na vijjati, na upalabbhati, tasmā kāraṇā, vadhakassa ca orasassa cāti sabbesaṃ samako samacitto buddho hotīti sambandho.
๕๘๗. ปุนปิ พุทฺธานํเยว อานุภาวํ ทเสฺสโนฺต ปเนฺถ ทิสฺวาน กาสาวนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ มีฬฺหมกฺขิตํ คูถสมฺมิสฺสํ กาสาวํ กสาเวน รชิตํ จีวรํ อิสิทฺธชํ อริยานํ ธชํ ปริกฺขารํ, ปเนฺถ มเคฺค ฉฑฺฑิตํ ทิสฺวาน ปสฺสิตฺวา อญฺชลิํ กตฺวา ทสงฺคุลิสโมธานํ อญฺชลิปุฎํ สิรสิ กตฺวา สิรสา สิเรน วนฺทิตพฺพํ อิสิทฺธชํ อรหตฺตทฺธชํ พุทฺธปเจฺจกพุทฺธสาวกทีปกํ จีวรํ นมสฺสิตพฺพํ มาเนตพฺพํ ปูเชตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
587. Punapi buddhānaṃyeva ānubhāvaṃ dassento panthe disvāna kāsāvantiādimāha. Tattha mīḷhamakkhitaṃ gūthasammissaṃ kāsāvaṃ kasāvena rajitaṃ cīvaraṃ isiddhajaṃ ariyānaṃ dhajaṃ parikkhāraṃ, panthe magge chaḍḍitaṃ disvāna passitvā añjaliṃ katvā dasaṅgulisamodhānaṃ añjalipuṭaṃ sirasi katvā sirasā sirena vanditabbaṃ isiddhajaṃ arahattaddhajaṃ buddhapaccekabuddhasāvakadīpakaṃ cīvaraṃ namassitabbaṃ mānetabbaṃ pūjetabbanti attho.
๕๘๘. อพฺภตีตาติ อภิ อตฺถงฺคตา นิพฺพุตาฯ เย จ พุทฺธา วตฺตมานา อิทานิ ชาตา จ เย พุทฺธา อนาคตา อชาตา อภูตา อนิพฺพตฺตา อปาตุภูตา จ เย พุทฺธาฯ ธเชนาเนน สุชฺฌนฺตีติ อเนน อิสิทฺธเชน จีวเรน เอเต พุทฺธา สุชฺฌนฺติ วิสุทฺธา ภวนฺติ โสภนฺติฯ ตสฺมา เตน การเณน เอเต พุทฺธา นมสฺสิยา นมสฺสิตพฺพา วนฺทิตพฺพาติ อโตฺถฯ ‘‘เอตํ นมสฺสิย’’นฺติปิ ปาโฐ, ตสฺส เอตํ อิสิทฺธชํ นมสฺสิตพฺพนฺติ อโตฺถฯ
588.Abbhatītāti abhi atthaṅgatā nibbutā. Ye ca buddhā vattamānā idāni jātā ca ye buddhā anāgatā ajātā abhūtā anibbattā apātubhūtā ca ye buddhā. Dhajenānena sujjhantīti anena isiddhajena cīvarena ete buddhā sujjhanti visuddhā bhavanti sobhanti. Tasmā tena kāraṇena ete buddhā namassiyā namassitabbā vanditabbāti attho. ‘‘Etaṃ namassiya’’ntipi pāṭho, tassa etaṃ isiddhajaṃ namassitabbanti attho.
๕๘๙. ตโต ปรํ อตฺตโน คุณํ ทเสฺสโนฺต สตฺถุกปฺปนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ สตฺถุกปฺปํ พุทฺธสทิสํ สุวินยํ สุนฺทรวินยํ สุนฺทรากาเรน ทฺวารตฺตยทมนํ หทเยน จิเตฺตน อหํ ธาเรมิ สวนธารณาทินา ปจฺจเวกฺขามีติ อโตฺถฯ วินยํ วินยปิฎกํ นมสฺสมาโน วนฺทมาโน วินเย อาทรํ กุรุมาโน วิหริสฺสามิ สพฺพทา สพฺพสฺมิํ กาเล วาสํ กเปฺปมีติ อโตฺถฯ
589. Tato paraṃ attano guṇaṃ dassento satthukappantiādimāha. Tattha satthukappaṃ buddhasadisaṃ suvinayaṃ sundaravinayaṃ sundarākārena dvārattayadamanaṃ hadayena cittena ahaṃ dhāremi savanadhāraṇādinā paccavekkhāmīti attho. Vinayaṃ vinayapiṭakaṃ namassamāno vandamāno vinaye ādaraṃ kurumāno viharissāmi sabbadā sabbasmiṃ kāle vāsaṃ kappemīti attho.
๕๙๐. วินโย อาสโย มยฺหนฺติ วินยปิฎกํ มยฺหํ โอกาสภูตํ สวนธารณมนสิกรณอุคฺคหปริปุจฺฉาปวตฺตนวเสน โอกาสภูตํ เคหภูตนฺติ อโตฺถฯ วินโย ฐานจงฺกมนฺติ วินโย มยฺหํ สวนาทิกิจฺจกรเณน ฐิตฎฺฐานญฺจ จงฺกมนฎฺฐานญฺจฯ กเปฺปมิ วินเย วาสนฺติ วินยปิฎเก วินยตนฺติยา สวนธารณปวตฺตนวเสน วาสํ สยนํ กเปฺปมิ กโรมิฯ วินโย มม โคจโรติ วินยปิฎกํ มยฺหํ โคจโร อาหาโร โภชนํ นิจฺจํ ธารณมนสิกรณวเสนาติ อโตฺถฯ
590.Vinayo āsayo mayhanti vinayapiṭakaṃ mayhaṃ okāsabhūtaṃ savanadhāraṇamanasikaraṇauggahaparipucchāpavattanavasena okāsabhūtaṃ gehabhūtanti attho. Vinayo ṭhānacaṅkamanti vinayo mayhaṃ savanādikiccakaraṇena ṭhitaṭṭhānañca caṅkamanaṭṭhānañca. Kappemi vinaye vāsanti vinayapiṭake vinayatantiyā savanadhāraṇapavattanavasena vāsaṃ sayanaṃ kappemi karomi. Vinayo mama gocaroti vinayapiṭakaṃ mayhaṃ gocaro āhāro bhojanaṃ niccaṃ dhāraṇamanasikaraṇavasenāti attho.
๕๙๑. วินเย ปารมิปฺปโตฺตติ สกเล วินยปิฎเก ปารมิํ ปริโยสานํ ปโตฺตฯ สมเถ จาปิ โกวิโทติ ปาราชิกาทิสตฺตาปตฺติกฺขนฺธานํ สมเถ วูปสเม จ วุฎฺฐาเน จ โกวิโท เฉโก, อธิกรณสมเถ วา –
591.Vinaye pāramippattoti sakale vinayapiṭake pāramiṃ pariyosānaṃ patto. Samathe cāpi kovidoti pārājikādisattāpattikkhandhānaṃ samathe vūpasame ca vuṭṭhāne ca kovido cheko, adhikaraṇasamathe vā –
‘‘วิวาทํ อนุวาทญฺจ, อาปตฺตาธิกรณํ ตถา;
‘‘Vivādaṃ anuvādañca, āpattādhikaraṇaṃ tathā;
กิจฺจาธิกรณเญฺจว, จตุราธิกรณา มตา’’ติฯ –
Kiccādhikaraṇañceva, caturādhikaraṇā matā’’ti. –
วุตฺตาธิกรเณสุ จ –
Vuttādhikaraṇesu ca –
‘‘สมฺมุขา สติวินโย, อมูฬฺหปฎิญฺญากรณํ;
‘‘Sammukhā sativinayo, amūḷhapaṭiññākaraṇaṃ;
เยภุยฺย ตสฺสปาปิยฺย, ติณวตฺถารโก ตถา’’ติฯ –
Yebhuyya tassapāpiyya, tiṇavatthārako tathā’’ti. –
เอวํ วุเตฺตสุ จ สตฺตสุ อธิกรณสมเถสุ อติโกวิโท เฉโกติ อโตฺถฯ อุปาลิ ตํ มหาวีราติ ภเนฺต มหาวีร, จตูสุ อสเงฺขฺยเยฺยสุ กปฺปสตสหเสฺสสุ สพฺพญฺญุตญฺญาณาธิคมาย วีริยวนฺต สตฺถุโน เทวมนุสฺสานํ อนุสาสกสฺส ตํ ตว ปาเท ปาทยุเค อุปาลิ ภิกฺขุ วนฺทติ ปณามํ กโรตีติ อโตฺถฯ
Evaṃ vuttesu ca sattasu adhikaraṇasamathesu atikovido chekoti attho. Upāli taṃ mahāvīrāti bhante mahāvīra, catūsu asaṅkhyeyyesu kappasatasahassesu sabbaññutaññāṇādhigamāya vīriyavanta satthuno devamanussānaṃ anusāsakassa taṃ tava pāde pādayuge upāli bhikkhu vandati paṇāmaṃ karotīti attho.
๕๙๒. โส อหํ ปพฺพชิตฺวา สมฺพุทฺธํ นมสฺสมาโน ปณามํ กุรุมาโน ธมฺมสฺส จ เตน ภควตา เทสิตสฺส นวโลกุตฺตรธมฺมสฺส สุธมฺมตํ สุนฺทรธมฺมภาวํ ชานิตฺวา ธมฺมญฺจ นมสฺสมาโน คามโต คามํ ปุรโต ปุนํ นครโต นครํ วิจริสฺสามีติ สมฺพโนฺธฯ
592. So ahaṃ pabbajitvā sambuddhaṃ namassamāno paṇāmaṃ kurumāno dhammassa ca tena bhagavatā desitassa navalokuttaradhammassa sudhammataṃ sundaradhammabhāvaṃ jānitvā dhammañca namassamāno gāmato gāmaṃ purato punaṃ nagarato nagaraṃ vicarissāmīti sambandho.
๕๙๓. กิเลสา ฌาปิตา มยฺหนฺติ มยา ปฎิวิทฺธอรหตฺตมคฺคญาเณน มยฺหํ จิตฺตสนฺตานคตา สเพฺพ ทิยฑฺฒสหสฺสสงฺขา กิเลสา ฌาปิตา โสสิตา วิโสสิตา วิทฺธํสิตาฯ ภวา สเพฺพ สมูหตาติ กามภวาทโย สเพฺพ นว ภวา มยา สมูหตา สํ สุฎฺฐุ อูหตา เขปิตา วิทฺธํสิตาฯ สพฺพาสวา ปริกฺขีณาติ กามาสโว, ภวาสโว, ทิฎฺฐาสโว, อวิชฺชาสโวติ สเพฺพ จตฺตาโร อาสวา ปริกฺขีณา ปริสมนฺตโต ขยํ ปาปิตาฯ อิทานิ อิมสฺมิํ อรหตฺตปฺปตฺตกาเล ปุนพฺภโว ปุนุปฺปตฺติสงฺขาโต ภโว ภวนํ ชาติ นตฺถีติ อโตฺถฯ
593.Kilesājhāpitā mayhanti mayā paṭividdhaarahattamaggañāṇena mayhaṃ cittasantānagatā sabbe diyaḍḍhasahassasaṅkhā kilesā jhāpitā sositā visositā viddhaṃsitā. Bhavā sabbe samūhatāti kāmabhavādayo sabbe nava bhavā mayā samūhatā saṃ suṭṭhu ūhatā khepitā viddhaṃsitā. Sabbāsavā parikkhīṇāti kāmāsavo, bhavāsavo, diṭṭhāsavo, avijjāsavoti sabbe cattāro āsavā parikkhīṇā parisamantato khayaṃ pāpitā. Idāni imasmiṃ arahattappattakāle punabbhavo punuppattisaṅkhāto bhavo bhavanaṃ jāti natthīti attho.
๕๙๔. อุตฺตริ โสมนสฺสวเสน อุทานํ อุทาเนโนฺต สฺวาคตนฺติอาทิมาหฯ ตตฺถ พุทฺธเสฎฺฐสฺส อุตฺตมพุทฺธสฺส สนฺติเก สมีเป เอกนคเร วา มม อาคมนํ สฺวาคตํ สุฎฺฐุ อาคมนํ สุนฺทราคมนํ วต เอกเนฺตน อาสิ อโหสีติ สมฺพโนฺธฯ ติโสฺส วิชฺชาติ ปุเพฺพนิวาสทิพฺพจกฺขุอาสวกฺขยวิชฺชา อนุปฺปตฺตา สมฺปตฺตา, ปจฺจกฺขํ กตาติ อโตฺถฯ กตํ พุทฺธสฺส สาสนนฺติ พุเทฺธน ภควตา เทสิตํ อนุสิฎฺฐิ สาสนํ กตํ นิปฺผาทิตํ วตฺตปฎิปตฺติํ ปูเรตฺวา กมฺมฎฺฐานํ มนสิ กริตฺวา อรหตฺตมคฺคญาณาธิคเมน สมฺปาทิตนฺติ อโตฺถฯ
594. Uttari somanassavasena udānaṃ udānento svāgatantiādimāha. Tattha buddhaseṭṭhassa uttamabuddhassa santike samīpe ekanagare vā mama āgamanaṃ svāgataṃ suṭṭhu āgamanaṃ sundarāgamanaṃ vata ekantena āsi ahosīti sambandho. Tisso vijjāti pubbenivāsadibbacakkhuāsavakkhayavijjā anuppattā sampattā, paccakkhaṃ katāti attho. Kataṃ buddhassa sāsananti buddhena bhagavatā desitaṃ anusiṭṭhi sāsanaṃ kataṃ nipphāditaṃ vattapaṭipattiṃ pūretvā kammaṭṭhānaṃ manasi karitvā arahattamaggañāṇādhigamena sampāditanti attho.
๕๙๕. ปฎิสมฺภิทา จตโสฺสติ อตฺถปฎิสมฺภิทาทโย จตโสฺส ปญฺญาโย สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตาฯ วิโมกฺขาปิ จ อฎฺฐิเมติ จตฺตาริ มคฺคญาณานิ จตฺตาริ ผลญาณานีติ อิเม อฎฺฐ วิโมกฺขา สํสารโต มุจฺจนูปายา สจฺฉิกตาติ สมฺพโนฺธฯ ฉฬภิญฺญา สจฺฉิกตาติ –
595.Paṭisambhidā catassoti atthapaṭisambhidādayo catasso paññāyo sacchikatā paccakkhaṃ katā. Vimokkhāpi ca aṭṭhimeti cattāri maggañāṇāni cattāri phalañāṇānīti ime aṭṭha vimokkhā saṃsārato muccanūpāyā sacchikatāti sambandho. Chaḷabhiññā sacchikatāti –
‘‘อิทฺธิวิธํ ทิพฺพโสตํ, เจโตปริยญาณกํ;
‘‘Iddhividhaṃ dibbasotaṃ, cetopariyañāṇakaṃ;
ปุเพฺพนิวาสญาณญฺจ, ทิพฺพจกฺขาสวกฺขย’’นฺติฯ –
Pubbenivāsañāṇañca, dibbacakkhāsavakkhaya’’nti. –
อิมา ฉ อภิญฺญา สจฺฉิกตา ปจฺจกฺขํ กตาฯ อิเมสํ ญาณานํ สจฺฉิกรเณน พุทฺธสฺส สาสนํ กตนฺติ อโตฺถฯ
Imā cha abhiññā sacchikatā paccakkhaṃ katā. Imesaṃ ñāṇānaṃ sacchikaraṇena buddhassa sāsanaṃ katanti attho.
อิตฺถนฺติ อิมินา เหฎฺฐา วุตฺตปฺปกาเรนฯ สุทนฺติ ปทปูรณมเตฺต นิปาโตฯ อายสฺมา อุปาลิ เถโรติ ถิรสีลาทิคุณยุโตฺต สาวโก อิมา ปุพฺพจริตาปทานทีปิกา คาถาโย อภาสิตฺถ กถยิตฺถาติ อโตฺถฯ
Itthanti iminā heṭṭhā vuttappakārena. Sudanti padapūraṇamatte nipāto. Āyasmā upāli theroti thirasīlādiguṇayutto sāvako imā pubbacaritāpadānadīpikā gāthāyo abhāsittha kathayitthāti attho.
อุปาลิเตฺถรอปทานวณฺณนา สมตฺตาฯ
Upālittheraapadānavaṇṇanā samattā.
Related texts:
ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / สุตฺตปิฎก • Suttapiṭaka / ขุทฺทกนิกาย • Khuddakanikāya / อปทานปาฬิ • Apadānapāḷi / ๓-๖. อุปาลิเตฺถรอปทานํ • 3-6. Upālittheraapadānaṃ