Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā

    อุปนิธิกถาวณฺณนา

    Upanidhikathāvaṇṇanā

    ๑๑๒. อุปนิธิกถายํ ‘‘สโงฺคปนตฺถาย อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑสฺส คุตฺตฎฺฐาเน ปฎิสามนปโยคํ วินา อญฺญสฺมิํ ปโยเค อกเตปิ รชฺชสโงฺขภาทิกาเล ‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามิ, น มยฺหํ ทานิ ทสฺสตี’ติ อุโภหิปิ สกสกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ธุรนิเกฺขเป กเต ปาราชิกเมว ปฎิสามนปโยคสฺส กตตฺตา’’ติ วทนฺติฯ อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตตฺตาติ เอตฺถ อตฺตโน หเตฺถ สโงฺคปนตฺถาย นิกฺขิตฺตกาลโต ปฎฺฐาย ตปฺปฎิพทฺธตฺตา อารกฺขาย ภณฺฑสามิกฎฺฐาเน ฐิตตฺตา ฐานสฺส จ ตทายตฺตตาย ฐานาจาวนสฺส อลพฺภนโต นตฺถิ อวหาโรติ อธิปฺปาโยฯ

    112. Upanidhikathāyaṃ ‘‘saṅgopanatthāya attano hatthe nikkhittassa bhaṇḍassa guttaṭṭhāne paṭisāmanapayogaṃ vinā aññasmiṃ payoge akatepi rajjasaṅkhobhādikāle ‘na dāni tassa dassāmi, na mayhaṃ dāni dassatī’ti ubhohipi sakasakaṭṭhāne nisīditvā dhuranikkhepe kate pārājikameva paṭisāmanapayogassa katattā’’ti vadanti. Attano hatthe nikkhittattāti ettha attano hatthe saṅgopanatthāya nikkhittakālato paṭṭhāya tappaṭibaddhattā ārakkhāya bhaṇḍasāmikaṭṭhāne ṭhitattā ṭhānassa ca tadāyattatāya ṭhānācāvanassa alabbhanato natthi avahāroti adhippāyo.

    ธมฺมํ วาจาเปตฺวาติ ธมฺมํ กถาเปตฺวาฯ เอเสว นโยติ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกํฯ กสฺมา? อเญฺญหิ อสาธารณสฺส อภิญฺญาณสฺส วุตฺตตฺตาฯ ‘‘อญฺญํ ตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชตีติ อิทํ สญฺญาณํ กเถเนฺตเนว ‘อสุกสฺมิํ ฐาเน’ติ โอกาสสฺส จ นิยมิตตฺตา ตสฺมิํ ฐาเน ฐิตํ ปตฺตํ อปเนตฺวา ตสฺมิํ โอกาเส อญฺญํ ตาทิสเมว ปจฺฉา ฐปิตํ ปตฺตํ สนฺธาย กถิต’’นฺติ ตีสุปิ คณฺฐิปเทสุ วุตฺตํฯ โจเรน สลฺลกฺขิตปตฺตสฺส คหณาภาเวปิ ‘‘อิทํ เถเนตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ ตสฺมิํ โอกาเส ฐิเต ตาทิเส วตฺถุมเตฺต ตสฺส เถยฺยจิตฺตสพฺภาวโต อญฺญํ ตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชตีติ โจรสฺส อวหาโร ทสฺสิโตฯ ปทวาเรนาติ เถเรน นีหริตฺวา ทินฺนํ ปตฺตํ คเหตฺวา คจฺฉโต โจรสฺส ปทวาเรนฯ ตํ อตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชตีติ ‘‘มมายํ ปโตฺต น โหตี’’ติ วา ‘‘มยา กถิโต อยํ ปโตฺต น โหตี’’ติ วา ชานิตฺวา เถยฺยจิเตฺตน คณฺหนฺตสฺส ‘‘อิทํ เถเนตฺวา คณฺหิสฺสามี’’ติ วตฺถุมเตฺต เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา คณฺหนฺตสฺส จ อวหารสพฺภาวโต วุตฺตํฯ

    Dhammaṃ vācāpetvāti dhammaṃ kathāpetvā. Eseva nayoti uddhāreyeva pārājikaṃ. Kasmā? Aññehi asādhāraṇassa abhiññāṇassa vuttattā. ‘‘Aññaṃ tādisameva gaṇhante yujjatīti idaṃ saññāṇaṃ kathenteneva ‘asukasmiṃ ṭhāne’ti okāsassa ca niyamitattā tasmiṃ ṭhāne ṭhitaṃ pattaṃ apanetvā tasmiṃ okāse aññaṃ tādisameva pacchā ṭhapitaṃ pattaṃ sandhāya kathita’’nti tīsupi gaṇṭhipadesu vuttaṃ. Corena sallakkhitapattassa gahaṇābhāvepi ‘‘idaṃ thenetvā gaṇhissāmī’’ti tasmiṃ okāse ṭhite tādise vatthumatte tassa theyyacittasabbhāvato aññaṃ tādisameva gaṇhante yujjatīti corassa avahāro dassito. Padavārenāti therena nīharitvā dinnaṃ pattaṃ gahetvā gacchato corassa padavārena. Taṃ atādisameva gaṇhante yujjatīti ‘‘mamāyaṃ patto na hotī’’ti vā ‘‘mayā kathito ayaṃ patto na hotī’’ti vā jānitvā theyyacittena gaṇhantassa ‘‘idaṃ thenetvā gaṇhissāmī’’ti vatthumatte theyyacittaṃ uppādetvā gaṇhantassa ca avahārasabbhāvato vuttaṃ.

    คามทฺวารนฺติ สมณสารุปฺปํ โวหารมตฺตเมตํ, อโนฺตคามํ อิเจฺจว วุตฺตํ โหติฯ วุตฺตนเยเนว เถรสฺส ปาราชิกนฺติ เถยฺยจิเตฺตเนว ปรสนฺตกสฺส คหิตตฺตา อุทฺธาเรเยว เถรสฺส ปาราชิกํฯ โจรสฺส ทุกฺกฎนฺติ อสุทฺธจิเตฺตน คหิตตฺตา คหิตกาเล โจรสฺส ทุกฺกฎํฯ วุตฺตนเยเนว อุภินฺนมฺปิ ทุกฺกฎนฺติ โจรสฺส สามิเกน ทินฺนตฺตา ปาราชิกํ นตฺถิ, อสุทฺธจิเตฺตน คหิตตฺตา ทุกฺกฎํ, เถรสฺส ปน อตฺตโน สนฺตเกปิ อสุทฺธจิตฺตตาย ทุกฺกฎนฺติฯ

    Gāmadvāranti samaṇasāruppaṃ vohāramattametaṃ, antogāmaṃ icceva vuttaṃ hoti. Vuttanayeneva therassapārājikanti theyyacitteneva parasantakassa gahitattā uddhāreyeva therassa pārājikaṃ. Corassa dukkaṭanti asuddhacittena gahitattā gahitakāle corassa dukkaṭaṃ. Vuttanayeneva ubhinnampi dukkaṭanti corassa sāmikena dinnattā pārājikaṃ natthi, asuddhacittena gahitattā dukkaṭaṃ, therassa pana attano santakepi asuddhacittatāya dukkaṭanti.

    อาณตฺติยา คหิตตฺตาติ เอตฺถ ‘‘ปตฺตจีวรํ คณฺห, อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ เอวํ เถเรน กตอาณตฺติยา วิหารสฺส ปรภาเค อุปจารโต ปฎฺฐาย ยาว ตสฺส คามสฺส ปรโต อุปจาโร, ตาว สพฺพํ เขตฺตเมว ชาตนฺติ อธิปฺปาโยฯ มคฺคโต โอกฺกมฺมาติ เอตฺถ อุภินฺนํ สกฎจกฺกมคฺคานํ อนฺตราฬมฺปิ มโคฺคเยวาติ ทฎฺฐพฺพํฯ อฎฺฐตฺวา อนิสีทิตฺวาติ เอตฺถ วิหารํ ปวิสิตฺวา สีสาทีสุ ภารํ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวาว ติฎฺฐโนฺต นิสีทโนฺต วา วิสฺสมิตฺวา เถยฺยจิเตฺต วูปสเนฺต ปุน เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา คจฺฉติ เจ, ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ สเจ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ตํ คเหตฺวา คจฺฉติ, อุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ กสฺมา? อาณาปกสฺส อาณตฺติยา ยํ กตฺตพฺพํ, ตสฺส ตาว ปรินิฎฺฐิตตฺตาฯ เกจิ ปน ‘‘ปุริมสฺมิํ เถยฺยจิเตฺต อวูปสเนฺตปิ วุตฺตนเยเนว วิสฺสมิตฺวา คจฺฉโต ปาทุทฺธาเรน อุทฺธาเรน วา กาเรตโพฺพ’’ติ วทนฺติ, ‘‘อสุกํ นาม คามนฺติ อนิยเมตฺวา ‘อโนฺตคามํ ปวิสิสฺสามา’ติ อวิเสเสน วุเตฺต วิหารสามนฺตา สโพฺพปิ โคจรคาโม เขตฺตเมวา’’ติปิ วทนฺติฯ เสสนฺติ มคฺคุกฺกมนวิหาราภิมุขคมนาทิ สพฺพํฯ ปุริมสทิสเมวาติ อนาณตฺติยา คหิเตปิ สามิกสฺส กเถตฺวา คหิตตฺตา เหฎฺฐา วุตฺตวิหารูปจาราทิ สพฺพํ เขตฺตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํฯ

    Āṇattiyā gahitattāti ettha ‘‘pattacīvaraṃ gaṇha, asukaṃ nāma gāmaṃ gantvā piṇḍāya carissāmā’’ti evaṃ therena kataāṇattiyā vihārassa parabhāge upacārato paṭṭhāya yāva tassa gāmassa parato upacāro, tāva sabbaṃ khettameva jātanti adhippāyo. Maggato okkammāti ettha ubhinnaṃ sakaṭacakkamaggānaṃ antarāḷampi maggoyevāti daṭṭhabbaṃ. Aṭṭhatvā anisīditvāti ettha vihāraṃ pavisitvā sīsādīsu bhāraṃ bhūmiyaṃ anikkhipitvāva tiṭṭhanto nisīdanto vā vissamitvā theyyacitte vūpasante puna theyyacittaṃ uppādetvā gacchati ce, pāduddhārena kāretabbo. Sace bhūmiyaṃ nikkhipitvā puna taṃ gahetvā gacchati, uddhārena kāretabbo. Kasmā? Āṇāpakassa āṇattiyā yaṃ kattabbaṃ, tassa tāva pariniṭṭhitattā. Keci pana ‘‘purimasmiṃ theyyacitte avūpasantepi vuttanayeneva vissamitvā gacchato pāduddhārena uddhārena vā kāretabbo’’ti vadanti, ‘‘asukaṃ nāma gāmanti aniyametvā ‘antogāmaṃ pavisissāmā’ti avisesena vutte vihārasāmantā sabbopi gocaragāmo khettamevā’’tipi vadanti. Sesanti maggukkamanavihārābhimukhagamanādi sabbaṃ. Purimasadisamevāti anāṇattiyā gahitepi sāmikassa kathetvā gahitattā heṭṭhā vuttavihārūpacārādi sabbaṃ khettamevāti katvā vuttaṃ.

    เอเสว นโยติ ‘‘อนฺตรามเคฺค เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา’’ติอาทินา วุตฺตนยํ อติทิสติฯ นิมิเตฺต วา กเตติ ‘‘จีวรํ เม กิลิฎฺฐํ, โก นุ โข รชิตฺวา ทสฺสตี’’ติอาทินา นิมิเตฺต กเตฯ วุตฺตนเยเนวาติ อนาณตฺตสฺส เถเรน สทฺธิํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คมนวาเร วุตฺตนเยเนวฯ เอกปเสฺส วาติ วิหารสฺส มหนฺตตาย อตฺตานํ อทเสฺสตฺวา เอกสฺมิํ ปเสฺส วสโนฺต วาฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปตีติ เถยฺยจิเตฺต อุปฺปเนฺน ฐานาจาวนํ อกตฺวา นิวตฺถปารุตนีหาเรเนว ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปติ, ฐานา จาเวนฺตสฺส ปน เถยฺยจิเตฺต สติ ปาราชิกเมว สีเส ภารํ ขเนฺธ กรณาทีสุ วิยฯ ยถา ตถา วา นสฺสตีติ อคฺคิอาทินา วา อุปจิกาทีหิ ขาทิตํ วา นสฺสติฯ

    Eseva nayoti ‘‘antarāmagge theyyacittaṃ uppādetvā’’tiādinā vuttanayaṃ atidisati. Nimitte vā kateti ‘‘cīvaraṃ me kiliṭṭhaṃ, ko nu kho rajitvā dassatī’’tiādinā nimitte kate. Vuttanayenevāti anāṇattassa therena saddhiṃ pattacīvaraṃ gahetvā gamanavāre vuttanayeneva. Ekapasse vāti vihārassa mahantatāya attānaṃ adassetvā ekasmiṃ passe vasanto vā. Theyyacittena paribhuñjanto jīrāpetīti theyyacitte uppanne ṭhānācāvanaṃ akatvā nivatthapārutanīhāreneva paribhuñjanto jīrāpeti, ṭhānā cāventassa pana theyyacitte sati pārājikameva sīse bhāraṃ khandhe karaṇādīsu viya. Yathā tathā vā nassatīti aggiādinā vā upacikādīhi khāditaṃ vā nassati.

    อโญฺญ วา โกจีติ อิมินา ปน เยน ฐปิตํ, โสปิ สงฺคหิโตติ เวทิตพฺพํฯ ตว ถูลสาฎโก ลโทฺธติอาทินา มุสาวาเท ทุกฺกฎํ อทินฺนาทานปโยคตฺตาฯ อิตรํ คณฺหโต อุทฺธาเร ปาราชิกนฺติ เอตฺถ ‘‘ปวิสิตฺวา ตว สาฎกํ คณฺหาหี’’ติ อิมินาว อุปนิธิภาวโต มุตฺตตฺตา สามิกสฺส อิตรํ คณฺหโตปิ อตฺตโน สาฎเก อาลยสฺส สพฺภาวโต จ อุทฺธาเร ปาราชิกํ วุตฺตํฯ น ชานนฺตีติ เตน วุตฺตํ วจนํ อสุณนฺตา น ชานนฺติฯ เอเสว นโยติ เอตฺถ สเจ ชานิตฺวาปิ จิเตฺตน น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, เอเสว นโยติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฎิกฺขิปนฺตีติ เอตฺถ จิเตฺตน ปฎิเกฺขโปปิ สงฺคหิโตวาติ เวทิตพฺพํฯ ยาจิตา วา อยาจิตา วาติ เอตฺถ ยาจิตา ยทิ จิเตฺตนปิ สมฺปฎิจฺฉนฺติ, นเฎฺฐ คีวาฯ อยาจิตา ปน ยทิปิ จิเตฺตน สมฺปฎิจฺฉนฺติ, นตฺถิ คีวาฯ

    Añño vā kocīti iminā pana yena ṭhapitaṃ, sopi saṅgahitoti veditabbaṃ. Tava thūlasāṭako laddhotiādinā musāvāde dukkaṭaṃ adinnādānapayogattā. Itaraṃ gaṇhato uddhāre pārājikanti ettha ‘‘pavisitvā tava sāṭakaṃ gaṇhāhī’’ti imināva upanidhibhāvato muttattā sāmikassa itaraṃ gaṇhatopi attano sāṭake ālayassa sabbhāvato ca uddhāre pārājikaṃ vuttaṃ. Na jānantīti tena vuttaṃ vacanaṃ asuṇantā na jānanti. Eseva nayoti ettha sace jānitvāpi cittena na sampaṭicchanti, eseva nayoti daṭṭhabbaṃ. Paṭikkhipantīti ettha cittena paṭikkhepopi saṅgahitovāti veditabbaṃ. Yācitā vā ayācitā vāti ettha yācitā yadi cittenapi sampaṭicchanti, naṭṭhe gīvā. Ayācitā pana yadipi cittena sampaṭicchanti, natthi gīvā.

    คเหตฺวา ฐเปตีติ เอตฺถ จาเลตฺวา ตสฺมิํเยว ฐาเน ฐปิเตปิ นเฎฺฐ คีวาฯ อุปจาเร วิชฺชมาเนติ ภณฺฑาคารสฺส สมีเป อุจฺจารปสฺสาวฎฺฐาเน วิชฺชมาเนฯ มยิ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินเฎฺฐติ เอตฺถ ‘‘เกวลํ สงฺฆสฺส เสนาสนํ มา นสฺสีติ อิมินาว อธิปฺปาเยน วิวริตุมฺปิ วฎฺฎติเยวา’’ติ วทนฺติฯ สหาเยหิ ภวิตพฺพนฺติ เตหิปิ กิญฺจิ กิญฺจิ ทาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อยํ สามีจีติ ภณฺฑาคาเร วสนฺตานํ อิทํ วตฺตํฯ

    Gahetvā ṭhapetīti ettha cāletvā tasmiṃyeva ṭhāne ṭhapitepi naṭṭhe gīvā. Upacāre vijjamāneti bhaṇḍāgārassa samīpe uccārapassāvaṭṭhāne vijjamāne. Mayi ca mate saṅghassa ca senāsane vinaṭṭheti ettha ‘‘kevalaṃ saṅghassa senāsanaṃ mā nassīti imināva adhippāyena vivaritumpi vaṭṭatiyevā’’ti vadanti. Sahāyehi bhavitabbanti tehipi kiñci kiñci dātabbanti vuttaṃ hoti. Ayaṃ sāmīcīti bhaṇḍāgāre vasantānaṃ idaṃ vattaṃ.

    โลลมหาเถโรติ มโนฺท โมมูโห หสิตกีฬิตปฺปสุโต วา มหาเถโรฯ อตฺตโน อตฺตโน วสนคเพฺภสุ สภาคภิกฺขูนํ ปริกฺขารํ ฐเปนฺตีติ โยเชตพฺพํฯ อิตเรหีติ ตสฺมิํเยว คเพฺภ วสเนฺตหิ อิตรภิกฺขูหิฯ วิหารวาเร นิยุโตฺต วิหารวาริโก, วารํ กตฺวา วิหารรกฺขณโกฯ นิวาปนฺติ ภตฺตเวตนํฯ ปฎิปถํ คเตสูติ โจรานํ อาคมนํ ญตฺวา ‘‘ปฐมตรํเยว คนฺตฺวา สทฺทํ กริสฺสามา’’ติ โจรานํ อภิมุขํ คเตสุฯ นิสฺสิตเก ชเคฺคนฺตีติ อตฺตโน อตฺตโน นิสฺสิตเก สิกฺขาจริยาย โปเสนฺตาปิ นิสฺสิตเก วิหารํ ชคฺคาเปนฺติฯ ‘‘อสหายสฺส อทุติยสฺสา’’ติ ปาโฐ ยุโตฺต, ปจฺฉิมํ ปุริมเสฺสว เววจนํฯ อสหายสฺส วา อตฺตทุติยสฺส วาติ อิมสฺมิํ ปน ปาเฐ เอเกน อานีตํ ทฺวินฺนํ นปฺปโหตีติ อตฺตทุติยสฺสปิ วาโร นิวาริโตติ วทนฺติ, ตํ ‘‘ยสฺส สภาโค ภิกฺขุ ภตฺตํ อาเนตฺวา ทาตา นตฺถี’’ติ อิมินา น สเมตีติ วีมํสิตพฺพํฯ อุปชีวเนฺตน ฐาตพฺพนฺติ อโพฺภกาสิเกน รุกฺขมูลิเกนปิ ปากวฎฺฎํ อุปนิสฺสาย ชีวเนฺตน ปตฺตจีวรรกฺขณตฺถาย วิหารวาเร สมฺปเตฺต ฐาตพฺพํฯ ปริปุจฺฉนฺติ ปุจฺฉิตปญฺหวิสฺสชฺชนํ อฎฺฐกถํ วาฯ ทิคุณนฺติ วสฺสเคฺคน ปาปิตํ วินาว เทฺว โกฎฺฐาเสติ วทนฺติฯ ปกฺขวาเรนาติ อฑฺฒมาสวาเรนฯ

    Lolamahātheroti mando momūho hasitakīḷitappasuto vā mahāthero. Attano attano vasanagabbhesu sabhāgabhikkhūnaṃ parikkhāraṃ ṭhapentīti yojetabbaṃ. Itarehīti tasmiṃyeva gabbhe vasantehi itarabhikkhūhi. Vihāravāre niyutto vihāravāriko, vāraṃ katvā vihārarakkhaṇako. Nivāpanti bhattavetanaṃ. Paṭipathaṃ gatesūti corānaṃ āgamanaṃ ñatvā ‘‘paṭhamataraṃyeva gantvā saddaṃ karissāmā’’ti corānaṃ abhimukhaṃ gatesu. Nissitake jaggentīti attano attano nissitake sikkhācariyāya posentāpi nissitake vihāraṃ jaggāpenti. ‘‘Asahāyassa adutiyassā’’ti pāṭho yutto, pacchimaṃ purimasseva vevacanaṃ. Asahāyassa vā attadutiyassa vāti imasmiṃ pana pāṭhe ekena ānītaṃ dvinnaṃ nappahotīti attadutiyassapi vāro nivāritoti vadanti, taṃ ‘‘yassa sabhāgo bhikkhu bhattaṃ ānetvā dātā natthī’’ti iminā na sametīti vīmaṃsitabbaṃ. Upajīvantena ṭhātabbanti abbhokāsikena rukkhamūlikenapi pākavaṭṭaṃ upanissāya jīvantena pattacīvararakkhaṇatthāya vihāravāre sampatte ṭhātabbaṃ. Paripucchanti pucchitapañhavissajjanaṃ aṭṭhakathaṃ vā. Diguṇanti vassaggena pāpitaṃ vināva dve koṭṭhāseti vadanti. Pakkhavārenāti aḍḍhamāsavārena.

    อุปนิธิกถาวณฺณนา นิฎฺฐิตาฯ

    Upanidhikathāvaṇṇanā niṭṭhitā.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā / อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact