Library / Tipiṭaka / ติปิฎก • Tipiṭaka / วิมติวิโนทนี-ฎีกา • Vimativinodanī-ṭīkā

    อุปนิธิกถาวณฺณนา

    Upanidhikathāvaṇṇanā

    ๑๑๒. อุปนิธิกถายํ สโงฺคปนตฺถาย อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตสฺส ภณฺฑสฺส คุตฺตฎฺฐาเน ปฎิสามนปฺปโยคํ วินา นาหํ คณฺหามีติอาทินา อญฺญสฺมิํ ปโยเค อกเต รชฺชสโงฺขภาทิกาเล ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามิ, น มยฺหํ ทานิ ทสฺสตี’’ติ อุโภหิปิ สกสกฎฺฐาเน นิสีทิตฺวา ธุรนิเกฺขเป กเตปิ อวหาโร นตฺถิฯ เกจิ ปเนตฺถ ‘‘ปาราชิกเมว ปฎิสามนปฺปโยคสฺส กตตฺตา’’ติ วทนฺติ, ตํ เตสํ มติมตฺตํ, น สารโต ปเจฺจตพฺพํฯ ปฎิสามนกาเล หิสฺส เถยฺยจิตฺตํ นตฺถิ, ‘‘น ทานิ ตสฺส ทสฺสามี’’ติ เถยฺยจิตฺตุปฺปตฺติกฺขเณ ปน สามิโน ธุรนิเกฺขปจิตฺตุปฺปตฺติยา เหตุภูโต กายวจีปโยโค นตฺถิ, เยน โส อาปตฺติํ อาปเชฺชยฺยฯ น หิ อกิริยสมุฎฺฐานายํ อาปตฺตีติฯ ทาเน สอุสฺสาโห, รกฺขติ ตาวาติ อวหารํ สนฺธาย อวุตฺตตฺตา นาหํ คณฺหามีติอาทินา มุสาวาทกรเณ ปาจิตฺติยเมว โหติ, น ทุกฺกฎํ เถยฺยจิตฺตาภาเวน สหปโยคสฺสาปิ อภาวโตติ คเหตพฺพํฯ ยทิปิ มุเขน ทสฺสามีติ วทติ…เป.… ปาราชิกนฺติ เอตฺถ กตรปโยเคน อาปตฺติ, น ตาว ปฐเมน ภณฺฑปฎิสามนปฺปโยเคน ตทา เถยฺยจิตฺตาภาวา, นาปิ ‘‘ทสฺสามี’’ติ กถนปฺปโยเคน ตทา เถยฺยจิเตฺต วิชฺชมาเนปิ ปโยคสฺส กปฺปิยตฺตาติ? วุจฺจเต – สามินา ‘‘เทหี’’ติ พหุโส ยาจิยมาโนปิ อทตฺวา เยน ปโยเคน อตฺตโน อทาตุกามตํ สามิกสฺส ญาเปติ, เยน จ โส ‘‘อทาตุกาโม อยํ วิกฺขิปตี’’ติ ญตฺวา ธุรํ นิกฺขิปติ, เตเนว ปโยเคนสฺส อาปตฺติฯ น เหตฺถ อุปนิกฺขิตฺตภเณฺฑ ปริยาเยน มุตฺติ อตฺถิฯ อทาตุกามตาย หิ กทา เต ทินฺนํ, กตฺถ เต ทินฺนนฺติอาทิปริยายวจเนนาปิ สามิกสฺส ธุเร นิกฺขิปาปิเต อาปตฺติเยวฯ เตเนว อฎฺฐกถายํ วุตฺตํ – ‘‘กิํ ตุเมฺห ภณถ…เป.… เอวํ อุภินฺนํ ธุรนิเกฺขเปน ภิกฺขุโน ปาราชิก’’นฺติ (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๑)ฯ ปรสนฺตกสฺส ปเรหิ คณฺหาปเน เอว ปริยายโต มุตฺติ, น สพฺพตฺถาติ คเหตพฺพํฯ อตฺตโน หเตฺถ นิกฺขิตฺตตฺตาติ เอตฺถ อตฺตโน หเตฺถ สามินา ทินฺนตาย ภณฺฑาคาริกฎฺฐาเน ฐิตตฺตา จ ฐานาจาวเนปิ นตฺถิ อวหาโร, เถยฺยจิเตฺตน ปน คหเณ ทุกฺกฎโต น มุจฺจตีติ เวทิตพฺพํฯ

    112. Upanidhikathāyaṃ saṅgopanatthāya attano hatthe nikkhittassa bhaṇḍassa guttaṭṭhāne paṭisāmanappayogaṃ vinā nāhaṃ gaṇhāmītiādinā aññasmiṃ payoge akate rajjasaṅkhobhādikāle ‘‘na dāni tassa dassāmi, na mayhaṃ dāni dassatī’’ti ubhohipi sakasakaṭṭhāne nisīditvā dhuranikkhepe katepi avahāro natthi. Keci panettha ‘‘pārājikameva paṭisāmanappayogassa katattā’’ti vadanti, taṃ tesaṃ matimattaṃ, na sārato paccetabbaṃ. Paṭisāmanakāle hissa theyyacittaṃ natthi, ‘‘na dāni tassa dassāmī’’ti theyyacittuppattikkhaṇe pana sāmino dhuranikkhepacittuppattiyā hetubhūto kāyavacīpayogo natthi, yena so āpattiṃ āpajjeyya. Na hi akiriyasamuṭṭhānāyaṃ āpattīti. Dāne saussāho, rakkhati tāvāti avahāraṃ sandhāya avuttattā nāhaṃ gaṇhāmītiādinā musāvādakaraṇe pācittiyameva hoti, na dukkaṭaṃ theyyacittābhāvena sahapayogassāpi abhāvatoti gahetabbaṃ. Yadipi mukhena dassāmīti vadati…pe… pārājikanti ettha katarapayogena āpatti, na tāva paṭhamena bhaṇḍapaṭisāmanappayogena tadā theyyacittābhāvā, nāpi ‘‘dassāmī’’ti kathanappayogena tadā theyyacitte vijjamānepi payogassa kappiyattāti? Vuccate – sāminā ‘‘dehī’’ti bahuso yāciyamānopi adatvā yena payogena attano adātukāmataṃ sāmikassa ñāpeti, yena ca so ‘‘adātukāmo ayaṃ vikkhipatī’’ti ñatvā dhuraṃ nikkhipati, teneva payogenassa āpatti. Na hettha upanikkhittabhaṇḍe pariyāyena mutti atthi. Adātukāmatāya hi kadā te dinnaṃ, kattha te dinnantiādipariyāyavacanenāpi sāmikassa dhure nikkhipāpite āpattiyeva. Teneva aṭṭhakathāyaṃ vuttaṃ – ‘‘kiṃ tumhe bhaṇatha…pe… evaṃ ubhinnaṃ dhuranikkhepena bhikkhuno pārājika’’nti (pārā. aṭṭha. 1.111). Parasantakassa parehi gaṇhāpane eva pariyāyato mutti, na sabbatthāti gahetabbaṃ. Attano hatthe nikkhittattāti ettha attano hatthe sāminā dinnatāya bhaṇḍāgārikaṭṭhāne ṭhitattā ca ṭhānācāvanepi natthi avahāro, theyyacittena pana gahaṇe dukkaṭato na muccatīti veditabbaṃ.

    เอเสว นโยติ อุทฺธาเรเยว โจรสฺส ปาราชิกํ, กสฺมา? อเญฺญหิ สาธารณสฺส อภิญฺญาณสฺส วุตฺตตฺตาฯ อญฺญํ ตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชตีติ สญฺญาณโต โอกาสโต จ เตน สทิสเมว อญฺญํ คณฺหเนฺต ยุชฺชติ, โจเรน สลฺลกฺขิตปฺปเทสโต ตํ อปเนตฺวา เกหิจิ ตตฺถ ตาทิเส อญฺญสฺมิํ ปเตฺต ฐปิเต ตํ คณฺหเนฺตเยว ยุชฺชตีติ อธิปฺปาโย, เตน โจเรน ทิวา สลฺลกฺขิตปตฺตํ อญฺญตฺถ อปเนตฺวา ตทเญฺญ ตาทิเส ปเตฺต ตตฺถ ฐปิเตปิ โจรสฺส ปจฺฉา รตฺติภาเค อุปฺปชฺชมานํ เถยฺยจิตฺตํ ทิวา สลฺลกฺขิตปฺปเทเส ฐปิตํ อญฺญํ ตาทิสํ ปตฺตเมว อาลมฺพิตฺวา อุปฺปชฺชตีติ ทสฺสิตํ โหติฯ ปทวาเรนาติ เถเรน นีหริตฺวา ทินฺนํ ปตฺตํ คเหตฺวา คจฺฉโต โจรสฺส ปทวาเรนฯ อตาทิสเมว คณฺหเนฺต ยุชฺชตีติ อตาทิสสฺส เถเรน คหณกฺขเณ อวหาราภาวโต ปจฺฉา หตฺถปตฺตํ ‘‘ต’’นฺติ วา ‘‘อญฺญ’’นฺติ วา สญฺญาย ‘‘อิทํ คเหตฺวา คจฺฉามี’’ติ คมเน ปทวาเรเนว อวหาโร ยุชฺชตีติ อธิปฺปาโยฯ

    Eseva nayoti uddhāreyeva corassa pārājikaṃ, kasmā? Aññehi sādhāraṇassa abhiññāṇassa vuttattā. Aññaṃ tādisameva gaṇhante yujjatīti saññāṇato okāsato ca tena sadisameva aññaṃ gaṇhante yujjati, corena sallakkhitappadesato taṃ apanetvā kehici tattha tādise aññasmiṃ patte ṭhapite taṃ gaṇhanteyeva yujjatīti adhippāyo, tena corena divā sallakkhitapattaṃ aññattha apanetvā tadaññe tādise patte tattha ṭhapitepi corassa pacchā rattibhāge uppajjamānaṃ theyyacittaṃ divā sallakkhitappadese ṭhapitaṃ aññaṃ tādisaṃ pattameva ālambitvā uppajjatīti dassitaṃ hoti. Padavārenāti therena nīharitvā dinnaṃ pattaṃ gahetvā gacchato corassa padavārena. Atādisameva gaṇhante yujjatīti atādisassa therena gahaṇakkhaṇe avahārābhāvato pacchā hatthapattaṃ ‘‘ta’’nti vā ‘‘añña’’nti vā saññāya ‘‘idaṃ gahetvā gacchāmī’’ti gamane padavāreneva avahāro yujjatīti adhippāyo.

    ปาราชิกํ นตฺถีติ ปทวาเรปิ ปาราชิกํ นตฺถิ อุปนิธิภเณฺฑ วิยาติ คเหตพฺพํฯ คามทฺวารนฺติ พหิคาเม วิหารสฺส ปติฎฺฐิตตฺตา คามปฺปเวสสฺส อารมฺภปฺปเทสทสฺสนวเสน วุตฺตํ, อโนฺตคามนฺติ อโตฺถฯ ทฺวินฺนมฺปิ อุทฺธาเรเยว ปาราชิกนฺติ เถรสฺส อภณฺฑาคาริกตฺตา วุตฺตํฯ ยทิ หิ โส ภณฺฑาคาริโก ภเวยฺย, สพฺพมฺปิ อุปนิกฺขิตฺตเมว สิยา, อุปนิกฺขิตฺตภเณฺฑ จ เถยฺยจิเตฺตน คณฺหโตปิ น ตาว เถรสฺส อวหาโร โหติ, โจรเสฺสว อวหาโรฯ อุภินฺนมฺปิ ทุกฺกฎนฺติ เถรสฺส อตฺตโน สนฺตกตาย โจรสฺส สามิเกน ทินฺนตฺตา อวหาโร น ชาโต, อุภินฺนมฺปิ อสุทฺธจิเตฺตน คหิตตฺตา ทุกฺกฎนฺติ อโตฺถฯ

    Pārājikaṃ natthīti padavārepi pārājikaṃ natthi upanidhibhaṇḍe viyāti gahetabbaṃ. Gāmadvāranti bahigāme vihārassa patiṭṭhitattā gāmappavesassa ārambhappadesadassanavasena vuttaṃ, antogāmanti attho. Dvinnampi uddhāreyevapārājikanti therassa abhaṇḍāgārikattā vuttaṃ. Yadi hi so bhaṇḍāgāriko bhaveyya, sabbampi upanikkhittameva siyā, upanikkhittabhaṇḍe ca theyyacittena gaṇhatopi na tāva therassa avahāro hoti, corasseva avahāro. Ubhinnampi dukkaṭanti therassa attano santakatāya corassa sāmikena dinnattā avahāro na jāto, ubhinnampi asuddhacittena gahitattā dukkaṭanti attho.

    อาณตฺติยา คหิตตฺตาติ ‘‘ปตฺตจีวรํ คณฺหา’’ติ เอวํ เถเรน กตอาณตฺติยา คหิตตฺตาฯ อฎวิํ ปวิสติ, ปทวาเรน กาเรตโพฺพติ ‘‘ปตฺตจีวรํ คณฺห, อสุกํ นาม คามํ คนฺตฺวา ปิณฺฑาย จริสฺสามา’’ติ เถเรน วิหารโต ปฎฺฐาย คามมเคฺคปิ สกเลปิ คาเม วิจรณสฺส นิยมิตตฺตา มคฺคโต โอกฺกมฺม คจฺฉนฺตเสฺสว ปทวาเรน อาปตฺติ วุตฺตาฯ วิหารสฺส หิ ปรภาเค อุปจารโต ปฎฺฐาย ยาว ตสฺส คามสฺส ปรโต อุปจาโร, ตาว สพฺพํ ทหรสฺส เถราณตฺติยา สญฺจรณูปจาโรว โหติ, น ปน ตโต ปรํฯ เตเนว ‘‘อุปจาราติกฺกเม ปาราชิกํฯ คามูปจาราติกฺกเม ปาราชิก’’นฺติ จ วุตฺตํฯ ปฎินิวตฺตเน จีวรโธวนาทิอตฺถาย เปสเนปิ เอเสว นโยฯ อฎฺฐตฺวา อนิสีทิตฺวาติ เอตฺถ วิหารํ ปวิสิตฺวา สีสาทีสุ ภารํ ภูมิยํ อนิกฺขิปิตฺวา ติฎฺฐโนฺต วา นิสีทโนฺต วา วิสฺสมิตฺวา เถยฺยจิเตฺต วูปสเนฺต ปุน เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวา คจฺฉติ เจ, ปาทุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ สเจ ภูมิยํ นิกฺขิปิตฺวา ปุน ตํ คเหตฺวา คจฺฉติ, อุทฺธาเรน กาเรตโพฺพฯ กสฺมา? อาณาปกสฺส อาณตฺติยา ยํ กตฺตพฺพํ, ตสฺส ตาวตา ปรินิฎฺฐิตตฺตาฯ ‘‘อสุกํ นาม คาม’’นฺติ อนิยเมตฺวา ‘‘อโนฺตคามํ คมิสฺสามา’’ติ อวิเสเสน วุเตฺต วิหารสามนฺตา ปุเพฺพ ปิณฺฑาย ปวิฎฺฐปุพฺพา สเพฺพ โคจรคามาปิ เขตฺตเมวาติ วทนฺติฯ เสสนฺติ มคฺคุกฺกมนวิหาราภิมุขคมนาทิ สพฺพํฯ ปุริมสทิสเมวาติ อนาณตฺติยา คหิเตปิ สามิกสฺส กเถตฺวา คหิตตฺตา เหฎฺฐา วุตฺตวิหารูปจาราทิ สพฺพํ เขตฺตเมวาติ กตฺวา วุตฺตํฯ เอเสว นโยติ อนฺตรามเคฺค เถยฺยจิตฺตํ อุปฺปาเทตฺวาติอาทินา (ปารา. อฎฺฐ. ๑.๑๑๒) วุตฺตํ นยํ อติทิสติฯ

    Āṇattiyā gahitattāti ‘‘pattacīvaraṃ gaṇhā’’ti evaṃ therena kataāṇattiyā gahitattā. Aṭaviṃ pavisati, padavārena kāretabboti ‘‘pattacīvaraṃ gaṇha, asukaṃ nāma gāmaṃ gantvā piṇḍāya carissāmā’’ti therena vihārato paṭṭhāya gāmamaggepi sakalepi gāme vicaraṇassa niyamitattā maggato okkamma gacchantasseva padavārena āpatti vuttā. Vihārassa hi parabhāge upacārato paṭṭhāya yāva tassa gāmassa parato upacāro, tāva sabbaṃ daharassa therāṇattiyā sañcaraṇūpacārova hoti, na pana tato paraṃ. Teneva ‘‘upacārātikkame pārājikaṃ. Gāmūpacārātikkame pārājika’’nti ca vuttaṃ. Paṭinivattane cīvaradhovanādiatthāya pesanepi eseva nayo. Aṭṭhatvā anisīditvāti ettha vihāraṃ pavisitvā sīsādīsu bhāraṃ bhūmiyaṃ anikkhipitvā tiṭṭhanto vā nisīdanto vā vissamitvā theyyacitte vūpasante puna theyyacittaṃ uppādetvā gacchati ce, pāduddhārena kāretabbo. Sace bhūmiyaṃ nikkhipitvā puna taṃ gahetvā gacchati, uddhārena kāretabbo. Kasmā? Āṇāpakassa āṇattiyā yaṃ kattabbaṃ, tassa tāvatā pariniṭṭhitattā. ‘‘Asukaṃ nāma gāma’’nti aniyametvā ‘‘antogāmaṃ gamissāmā’’ti avisesena vutte vihārasāmantā pubbe piṇḍāya paviṭṭhapubbā sabbe gocaragāmāpi khettamevāti vadanti. Sesanti maggukkamanavihārābhimukhagamanādi sabbaṃ. Purimasadisamevāti anāṇattiyā gahitepi sāmikassa kathetvā gahitattā heṭṭhā vuttavihārūpacārādi sabbaṃ khettamevāti katvā vuttaṃ. Eseva nayoti antarāmagge theyyacittaṃ uppādetvātiādinā (pārā. aṭṭha. 1.112) vuttaṃ nayaṃ atidisati.

    นิมิเตฺต วา กเตติ จีวรํ เม กิลิฎฺฐํ, โก นุ โข รชิตฺวา ทสฺสตีติอาทินา นิมิเตฺต กเตฯ วุตฺตนเยเนวาติ อนาณตฺตสฺส เถเรน สทฺธิํ ปตฺตจีวรํ คเหตฺวา คมนวาเร วุตฺตนเยเนวฯ เอกปเสฺสติ วิหารสฺส มหนฺตตาย อตฺตานํ อทเสฺสตฺวา เอกสฺมิํ ปเสฺสฯ เถยฺยจิเตฺตน ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปตีติ เถยฺยจิเตฺต อุปฺปเนฺน ฐานาจาวนํ อกตฺวา นิวตฺถปารุตนีหาเรเนว ปริภุญฺชโนฺต ชีราเปติ, ฐานา จาเวนฺตสฺส ปน เถยฺยจิเตฺต สติ ปาราชิกเมว สีเส ภารํ ขเนฺธ กรณาทีสุ วิย (ปารา. ๑๐๑)ฯ ยถา วา ตถา วา นสฺสตีติ อคฺคิอาทินา นสฺสติ, อโญฺญ วา โกจีติ อิมินา เยน ฐปิตํ, โสปิ สงฺคหิโตติ เวทิตพฺพํฯ

    Nimitte vā kateti cīvaraṃ me kiliṭṭhaṃ, ko nu kho rajitvā dassatītiādinā nimitte kate. Vuttanayenevāti anāṇattassa therena saddhiṃ pattacīvaraṃ gahetvā gamanavāre vuttanayeneva. Ekapasseti vihārassa mahantatāya attānaṃ adassetvā ekasmiṃ passe. Theyyacittena paribhuñjanto jīrāpetīti theyyacitte uppanne ṭhānācāvanaṃ akatvā nivatthapārutanīhāreneva paribhuñjanto jīrāpeti, ṭhānā cāventassa pana theyyacitte sati pārājikameva sīse bhāraṃ khandhe karaṇādīsu viya (pārā. 101). Yathā vā tathā vā nassatīti aggiādinā nassati, añño vā kocīti iminā yena ṭhapitaṃ, sopi saṅgahitoti veditabbaṃ.

    อิตรสฺสาติ โจรสฺสฯ อิตรํ คณฺหโต อุทฺธาเร ปาราชิกนฺติ เอตฺถ ‘‘ปวิสิตฺวา ตว สาฎกํ คณฺหาหี’’ติ อิมินาว อุปนิธิภาวโต โมจิตตฺตา, สามิกสฺส อิตรํ คณฺหโต อตฺตโน สาฎเก อาลยสฺส สพฺภาวโต จ ‘‘อุทฺธาเร ปาราชิก’’นฺติ วุตฺตํฯ สามิโก เจ ‘‘มม สนฺตกํ อิทํ วา โหตุ, อญฺญํ วา, กิํ เตน, อลํ มยฺหํ อิมินา’’ติ เอวํ สุฎฺฐุ นิราลโย โหติ, โจรสฺส ปาราชิกํ นตฺถีติ คเหตพฺพํฯ น ชานนฺตีติ เตน วุตฺตวจนํ อสุณนฺตา น ชานนฺติฯ เอเสว นโยติ เอตฺถ สเจ ชานิตฺวาปิ จิเตฺตน น สมฺปฎิจฺฉนฺติ, เอเสว นโยติ ทฎฺฐพฺพํฯ ปฎิกฺขิปนฺตีติ เอตฺถ จิเตฺตน ปฎิเกฺขโปปิ สงฺคหิโตวาติ เวทิตพฺพํฯ อุปจาเร วิชฺชมาเนติ ภณฺฑาคารสฺส สมีเป อุจฺจารปสฺสาวฎฺฐาเน วิชฺชมาเนฯ มยิ จ มเต สงฺฆสฺส จ เสนาสเน วินเฎฺฐติ เอตฺถ ‘‘ตํ มาเรสฺสามา’’ติ เอตฺตเก วุเตฺตปิ วิวริตุํ วฎฺฎติ คิลานปเกฺข ฐิตตฺตา อวิสโยติ วุตฺตตฺตาฯ มรณโต หิ ปรํ เคลญฺญํ อวิสยตฺตญฺจ นตฺถิฯ ‘‘ทฺวารํ ฉินฺทิตฺวา ปริกฺขารํ หริสฺสามา’’ติ เอตฺตเก วุเตฺตปิ วิวริตุํ วฎฺฎติเยวฯ สหาเยหิ ภวิตพฺพนฺติ เตหิปิ ภิกฺขาจาราทีหิ ปริเยสิตฺวา อตฺตโน สนฺตเกปิ กิญฺจิ กิญฺจิ ทาตพฺพนฺติ วุตฺตํ โหติฯ อยํ สามีจีติ ภณฺฑาคาเร วสนฺตานํ อิทํ วตฺตํฯ

    Itarassāti corassa. Itaraṃ gaṇhato uddhāre pārājikanti ettha ‘‘pavisitvā tava sāṭakaṃ gaṇhāhī’’ti imināva upanidhibhāvato mocitattā, sāmikassa itaraṃ gaṇhato attano sāṭake ālayassa sabbhāvato ca ‘‘uddhāre pārājika’’nti vuttaṃ. Sāmiko ce ‘‘mama santakaṃ idaṃ vā hotu, aññaṃ vā, kiṃ tena, alaṃ mayhaṃ iminā’’ti evaṃ suṭṭhu nirālayo hoti, corassa pārājikaṃ natthīti gahetabbaṃ. Na jānantīti tena vuttavacanaṃ asuṇantā na jānanti. Eseva nayoti ettha sace jānitvāpi cittena na sampaṭicchanti, eseva nayoti daṭṭhabbaṃ. Paṭikkhipantīti ettha cittena paṭikkhepopi saṅgahitovāti veditabbaṃ. Upacāre vijjamāneti bhaṇḍāgārassa samīpe uccārapassāvaṭṭhāne vijjamāne. Mayi ca mate saṅghassa ca senāsane vinaṭṭheti ettha ‘‘taṃ māressāmā’’ti ettake vuttepi vivarituṃ vaṭṭati gilānapakkhe ṭhitattā avisayoti vuttattā. Maraṇato hi paraṃ gelaññaṃ avisayattañca natthi. ‘‘Dvāraṃ chinditvā parikkhāraṃ harissāmā’’ti ettake vuttepi vivarituṃ vaṭṭatiyeva. Sahāyehi bhavitabbanti tehipi bhikkhācārādīhi pariyesitvā attano santakepi kiñci kiñci dātabbanti vuttaṃ hoti. Ayaṃ sāmīcīti bhaṇḍāgāre vasantānaṃ idaṃ vattaṃ.

    โลลมหาเถโรติ มโนฺท โมมูโห อากิณฺณวิหารีฯ อิตเรหีติ ตสฺมิํเยว คเพฺภ วสเนฺตหิ อิตรภิกฺขูหิฯ วิหารรกฺขณวาเร นิยุโตฺต วิหารวาริโก, วุฑฺฒปฎิปาฎิยา อตฺตโน วาเร วิหารรกฺขณโกฯ นิวาปนฺติ ภตฺตเวตนํฯ โจรานํ ปฎิปถํ คเตสูติ โจรานํ อาคมนํ ญตฺวา ‘‘ปฐมตรเญฺญว คนฺตฺวา สทฺทํ กริสฺสามา’’ติ โจรานํ อภิมุขํ คเตสุ, ‘‘โจเรหิ หฎภณฺฑํ อาหริสฺสามา’’ติ ตทนุปถํ คเตสุปิ เอเสว นโยฯ นิพทฺธํ กตฺวาติ ‘‘อสุกกุเล ยาคุภตฺตํ วิหารวาริกานเญฺญวา’’ติ เอวํ นิยมนํ กตฺวาฯ เทฺว ติโสฺส ยาคุสลากา จตฺตาริ ปญฺจ สลากภตฺตานิ จ ลภมาโนวาติ อิทํ นิทสฺสนมตฺตํ, ตโต อูนํ วา โหตุ อธิกํ วา อตฺตโน เวยฺยาวจฺจกรสฺส จ ยาปนมตฺตํ ลภนเมว ปมาณนฺติ คเหตพฺพํฯ นิสฺสิตเก ชเคฺคนฺตีติ เตหิ วิหารํ ชคฺคาเปนฺตีติ อโตฺถฯ อสหายกสฺสาติ สหายรหิตสฺสฯ อตฺตทุติยสฺสาติ อปฺปิจฺฉสฺส อตฺตา สรีรเมว ทุติโย อสฺส นาโญฺญติ อตฺตทุติโยฯ ตทุภยสฺสาปิ อตฺถสฺส วิภาวนํ ยสฺสาติอาทิ, เอเตน สเพฺพน เอเกกสฺส วาโร น ปาเปตโพฺพติ ทสฺสิตนฺติ เวทิตพฺพํฯ ปากวตฺตตฺถายาติ นิจฺจํ ปจิตพฺพยาคุภตฺตสงฺขาตวตฺตตฺถายฯ ฐเปนฺตีติ ทายกา ฐเปนฺติฯ ตํ คเหตฺวาติ ตํ อารามิกาทีหิ ทิยฺยมานํ ภาคํ คเหตฺวาฯ น คาหาเปตโพฺพติ เอตฺถ อโพฺภกาสิกสฺสาปิ อตฺตโน อธิกปริกฺขาโร วา ฐปิโต อตฺถิ, จีวราทิสงฺฆิกภาเคปิ อาลโย วา อตฺถิ, โสปิ คาหาเปตโพฺพวฯ ทิคุณนฺติ อเญฺญหิ ลพฺภมานโต ทิคุณํฯ ปกฺขวาเรนาติ อฑฺฒมาสวาเรนฯ

    Lolamahātheroti mando momūho ākiṇṇavihārī. Itarehīti tasmiṃyeva gabbhe vasantehi itarabhikkhūhi. Vihārarakkhaṇavāre niyutto vihāravāriko, vuḍḍhapaṭipāṭiyā attano vāre vihārarakkhaṇako. Nivāpanti bhattavetanaṃ. Corānaṃ paṭipathaṃ gatesūti corānaṃ āgamanaṃ ñatvā ‘‘paṭhamataraññeva gantvā saddaṃ karissāmā’’ti corānaṃ abhimukhaṃ gatesu, ‘‘corehi haṭabhaṇḍaṃ āharissāmā’’ti tadanupathaṃ gatesupi eseva nayo. Nibaddhaṃ katvāti ‘‘asukakule yāgubhattaṃ vihāravārikānaññevā’’ti evaṃ niyamanaṃ katvā. Dve tisso yāgusalākā cattāri pañca salākabhattāni ca labhamānovāti idaṃ nidassanamattaṃ, tato ūnaṃ vā hotu adhikaṃ vā attano veyyāvaccakarassa ca yāpanamattaṃ labhanameva pamāṇanti gahetabbaṃ. Nissitake jaggentīti tehi vihāraṃ jaggāpentīti attho. Asahāyakassāti sahāyarahitassa. Attadutiyassāti appicchassa attā sarīrameva dutiyo assa nāññoti attadutiyo. Tadubhayassāpi atthassa vibhāvanaṃ yassātiādi, etena sabbena ekekassa vāro na pāpetabboti dassitanti veditabbaṃ. Pākavattatthāyāti niccaṃ pacitabbayāgubhattasaṅkhātavattatthāya. Ṭhapentīti dāyakā ṭhapenti. Taṃ gahetvāti taṃ ārāmikādīhi diyyamānaṃ bhāgaṃ gahetvā. Na gāhāpetabboti ettha abbhokāsikassāpi attano adhikaparikkhāro vā ṭhapito atthi, cīvarādisaṅghikabhāgepi ālayo vā atthi, sopi gāhāpetabbova. Diguṇanti aññehi labbhamānato diguṇaṃ. Pakkhavārenāti aḍḍhamāsavārena.







    Related texts:



    ติปิฎก (มูล) • Tipiṭaka (Mūla) / วินยปิฎก • Vinayapiṭaka / มหาวิภงฺค • Mahāvibhaṅga / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    อฎฺฐกถา • Aṭṭhakathā / วินยปิฎก (อฎฺฐกถา) • Vinayapiṭaka (aṭṭhakathā) / มหาวิภงฺค-อฎฺฐกถา • Mahāvibhaṅga-aṭṭhakathā / ๒. ทุติยปาราชิกํ • 2. Dutiyapārājikaṃ

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / สารตฺถทีปนี-ฎีกา • Sāratthadīpanī-ṭīkā / อุปนิธิกถาวณฺณนา • Upanidhikathāvaṇṇanā

    ฎีกา • Tīkā / วินยปิฎก (ฎีกา) • Vinayapiṭaka (ṭīkā) / วชิรพุทฺธิ-ฎีกา • Vajirabuddhi-ṭīkā / ภูมฎฺฐกถาทิวณฺณนา • Bhūmaṭṭhakathādivaṇṇanā


    © 1991-2023 The Titi Tudorancea Bulletin | Titi Tudorancea® is a Registered Trademark | Terms of use and privacy policy
    Contact